ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Op. 10: Have I told you lately ?
Op. 10: Have I told you lately ?
“นั่นเป็นเรื่องราวของผม”บาสเล่าจนจบ พลางที่ต่อนั่งฟังแล้วได้คิด บาสแม้จะดูเหมือนคนที่กวนประสาทคนไปวันๆ แต่จริงๆแล้วมีจิตใจที่ดี ยึดมั่นในคุณธรรม เสียดายที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้
“แต่ว่า คุณก็น่าจะสามารถหางานที่โรงพยาบาลอื่นได้”
“หึ ไอ้การที่จะไปเข้าที่อื่นน่ะ มันก็คงเป็นเรื่องง่าย แต่ว่าสภาพจิตใจที่เพิ่งถูกทำลายมาน่ะ คงต้องใช้เวลา”บาสถอนหายใจ“การที่ผมได้มาเจอเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องคนที่อิจฉาผม เรื่องคนไข้ หรือเรื่องทนายก็ตาม ทำให้ผมได้คิดอย่างนึง”
“ได้คิด?”ต่อทำหน้าสงสัย
“หมอบางคนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อที่จะช่วยเหลือคนไข้ให้รอด ให้ญาติโล่งและอบอุ่นใจ แต่ผลที่ได้ก็คือ เมื่อหมอไม่สามารถพยุงชีวิตคนไข้ได้ ญาติก็จะจ้างทนายมาฟ้องเรียกค่าเสียหาย”
“คนที่เพิ่งสูญเสียคนรักไป เขาก็มีอารมณ์ชั่ววูบเหมือนกันน่ะแหละ”ต่อพยายามปลอบ
“น่าแปลกนะ ที่ถึงแม้ว่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหายหลายล้านบาท แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผู้ตายกลับมาได้”
“แต่ก่อนหมอถูกมองว่าเป็นผู้มีเกียรติ ตอนนี้เราคงต้องมองตัวเองว่าอยู่ในฐานะผู้ให้บริการเท่านั้น เราเพียงแค่ทำหน้าที่ตามขั้นตอน ถ้าหากเป็นอย่างนั้น การตายก็เหมือนเป็นเรื่องสุดวิสัย หรือไม่เราก็โดนลงโทษไม่หนัก ดีกว่าเสียความรู้สึกเวลารักษาไม่ได้และญาติไม่เข้าใจ”
“แต่อย่าลืมนะว่า ยังไงก็มีคนที่รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น”ต่อพยายามแย้ง
“ศาลน่ะหรอ หึ คุณนักสืบคงรู้ดี คนในศาลนั้นเขาเรียนนิติศาสตร์หรือเขาเรียนแพทยศาสตร์กันล่ะ อีกอย่าง คุณนักสืบคงรู้ความหมายของผ้าคาดตาของสัญลักษณ์ที่นั่นดี”
“ผมเข้าใจ
แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนบนโลกนี้จะเป็นอย่างที่คุณว่ามาซักหน่อย”ต่อแย้ง
“ในชีวิตผมน่ะ ก็เจอคนแบบต่างๆมานักต่อนัก แต่มันก็ต่างคนต่างความคิด”ต่อเสริม
“เราไม่ต้องไปใส่ใจใคร ตราบใดที่เรารู้ว่าเราทำถูกต้องแล้ว”ต่อพูด
“คุณดูเหมือนจะรู้ซึ้งถึงชีวิตนะ หรือว่าคุณก็มีชีวิตคล้ายๆกับผม”บาสยิ้ม
“ฮะฮะ ไม่เชิงหรอก”ต่อหัวเราะ “ผมน่ะ เคยทำงานเป็นลูกจ้างที่ร้านขายของแห่งหนึ่ง”
“อืม แล้วคุณมาเป็นนักสืบได้ยังไงหรอ”บาสถาม
“ตอนนั้น มีโจรบุกเข้ามา ผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูก เขาได้เงินไปแล้วก็หนี ผมไปแจ้งความ ตำรวจก็บอกว่าจะพยายามหาตัวคนร้ายให้พบ”
“ถ้างั้น ทำไมคุณไม่เป็นตำรวจล่ะ”
“ตอนวันรุ่งขึ้น ผมซื้อน้ำเต้าหู้ใกล้ๆสถานีตำรวจ ผมเห็นตำรวจสองคนคุยกัน ดูเหมือนจะพูดถึงคดีผม ผมแอบฟังโดยไม่ให้เขาจับได้ เขาคุยกันว่าคนร้ายเป็นลูกน้องมาเฟียที่คุมแถวนี้อยู่ เพราะฉะนั้น ให้ทำเป็นว่ายังหาคนร้ายไม่เจอ”
“คุณเลยหมดศรัทธาในตำรวจน่ะสิ”
“ผมรู้ว่าตำรวจที่ดีก็มี แต่ตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกแย่ไปทั้งวัน”
“อืม แล้วไงต่อ”
“วันต่อมา มีหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าจับคนร้ายได้โดยนักสืบเป็นคนแจ้งเบาะแส”
“แต่ว่านักสืบคนนั้นก็อาจจะโดนสั่งเก็บได้เหมือนกันนี่นา”
“ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นนักสืบหรอก เพราะว่าเขาส่งเบาะแสมาทางจดหมายน่ะ”
บาสพยักหน้า “นั่นคือสาเหตุที่คุณมาเป็นนักสืบน่ะเอง”
“ผมได้แรงบันดาลใจจากนักสืบคนนี้แหละครับ”
“ฮะฮะ เป็นโชคดีของผมจริงๆที่ได้ทำงานกับคุณ”ต่อได้ฟังดังนั้นก็แปลกใจ นี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่บาสพูดชื่นชมคนอื่นอย่างเต็มใจ
“เราหยุดความซึ้งใจไว้แค่นี้ก่อน ทีนี้เรามาดูเรื่องงานกันต่อ”บาสเปลี่ยนเรื่องในทันที
“คุณมีวิธีแล้วหรอว่าจะทำยังไง”ต่อถาม
“ก็
จะว่าไปก็มีนะ”บาสตอบพลางเกาหัวพลางๆ
“ความเสี่ยงของแผนการล่ะ”
“โอกาสสำเร็จค่อนข้างแน่นอน แต่โอกาสที่จะตายก่อนที่จะได้ทำตามแผนก็สูงเหมือนกัน”
“ยังไงก็ต้องทำอยู่ดี”ต่อพูด และตบไหล่บาสเบาๆ“บอกมาเถอะว่าผมต้องทำอะไรบ้าง”
“คุณเป็นคนที่ฉลาดนะ คุณนักสืบ แต่ว่าสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจด่วนๆ คุณดูท่าจะใจร้อนไปหน่อย”ต่อฟังก็พยักหน้า
“เอาล่ะ ถ้าหากคุณยอมเสี่ยง ผมก็จะยอมเล่าแผนการให้ฟัง”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น