กลีบดอกท้อรับเคราะห์
คนนั้นอยู่ได้ไม่นาน แต่คนที่แกะสลักขึ้นมาจากไม้นั้นจะไม่มีวันตายจากไป กู้ปิงซานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพึมพำออกมา “ข้าไม่ต้องการของดูต่างหน้า…”
ผู้เข้าชมรวม
69
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
คำเตือน: เนื้อหาหนักหน่วง, character's death, suicide
ตำนานเมืองเสวียนฟงว่าเอาไว้
...สมัยบรรพกาล…
เรื่องราวของสองสหายร่วมสาบาน เทพขุนเขาเหมันต์และเทพดอกท้อที่ร่วมกันปกป้องชาวเมืองเสวียนฟงจากคลื่นพิโรธของเทพแห่งท้องทะเล สร้างวีรกรรมแห่งการเสียสละอันยิ่งใหญ่ กลายเป็นตำนานเล่าขานไม่ลืมเลือน
ตำนานนี้…เริ่มมาจากวันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง
ชาวประมงล่องเรือออกหาปลาตามปกติเพื่อสะสมเสบียงเอาไว้สำหรับฤดูหนาว ทว่าปลาที่เขาตกได้ในวันนั้นกลับมีขนาดตัวใหญ่โตมโหฬาร รูปร่างผิดแผกจากปลาทั่วไป คนเดินเรือที่ผ่านไปผ่านมาเห็นชาวประมงผู้นี้พยายามลากแหด้วยแรงมหาศาลก็คิดว่าคงตกปลาใหญ่ได้เป็นแน่ ทุกคนจึงร่วมแรงช่วยกันจนสามารถลากปลาตัวนั้นขึ้นจากทะเลได้สำเร็จ
ปลาพิสดารนั้นตัวใหญ่มากจนสามารถแบ่งให้คนทั้งหมู่บ้านได้ เหล่าชาวเมืองดีใจที่จะได้มีเนื้อปลาดีๆ กินในฤดูหนาว ต่างก็จัดการแล่เนื้อปลาแบ่งสรรกันไปตามบ้านอย่างสุขสันต์
ไม่มีใครรู้ว่าปลาตัวนั้นจะนำพาภัยพิบัติร้ายแรงใดมาสู่เมือง
ใต้ท้องทะเลลึก ‘เทพแห่งท้องทะเล’ กำเกล็ดปลาขนาดใหญ่เอาไว้แน่น ขณะฟังรายงานจากฝูงปลาที่บอกว่าเห็นมนุษย์กลุ่มใหญ่ลากเอาสัตว์เลี้ยงที่เขาหวงแหนขึ้นฝั่งไป
เสียงผู้คนหัวเราะด้วยความยินดีเคล้าคลอมากับกลิ่นคาวโลหิตของปลาที่ตนหวงแหน เทพแห่งท้องทะเลโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แรงพิโรธทำให้ท้องทะเลปั่นป่วน คลื่นสูงซัดฝั่งกระหน่ำจนหน้าผาหินพังทลาย
“ชีวิตแลกด้วยชีวิต!”
เทพแห่งท้องทะเลประกาศกร้าว แผดเสียงดังลั่นจนไปถึงยอดเขาสูงชันใจกลางเกาะ ซึ่งเป็นสถานที่พำนักของเทพทั้งสองที่เป็นสหายร่วมสาบาน อาศัยอยู่ร่วมกันมาแล้วหลายร้อยปี ชาวเมืองต่างเรียกขานพวกเขาว่า ‘เทพขุนเขาเหมันต์’ และ ‘เทพดอกท้อ’ เนื่องจากบนยอดเขาที่ทั้งสองอาศัยอยู่นั้น แม้ว่าจะปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว ทว่าต้นท้อกลับยังคงออกดอกบานสะพรั่งได้ราวกับไม่เกรงกลัวลมหนาวแม้แต่น้อย
เทพทั้งสองมีจิตใจเมตตาและเอ็นดูมนุษย์เป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวของเทพแห่งท้องทะเลก็อดไม่ได้ที่จะลงจากยอดเขาเพื่อตรวจสอบเรื่องราวความเป็นมา หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากชาวประมงที่เป็นผู้จับปลาตัวนั้นแล้ว ทั้งสองจึงเร่งรุดไปเหนือท้องทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง พยายามเกลี้ยกล่อมให้เทพแห่งท้องทะเลใจเย็นลง เทพแห่งขุนเขาเหมันต์ให้เหตุผลว่าชาวประมงผู้นั้นจับปลาไปด้วยความไม่รู้ การที่จะหักหาญเอาชีวิตคนทั้งเมืองไปแลกกับปลาหนึ่งตัวนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แม้ว่าโดยปกติแล้วเหล่าเทพจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่อาจทำเป็นเมินเฉยได้
เทพแห่งท้องทะเลได้ฟังแล้วก็หัวเราะลั่น
“หนึ่งชีวิตที่ข้าหวงแหนแลกกับอีกหลายพันอันแสนไร้ค่าถือว่าเกินกว่าเหตุ? เทพขุนเขาเหมันต์…เจ้าจดจำคำพูดของตนในวันนี้เอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”
สิ้นคำนั้น ท้องฟ้าพลันแปรปรวน เทพแห่งท้องทะเลบันดาลคลื่นยักษ์ออกมา หวังจมเมืองทั้งเมืองลงทะเลในคราเดียว
เทพขุนเขาเหมันต์เห็นท่าไม่ดีจึงใช้ร่างขุนเขาที่สร้างขึ้นจากแก่นวิญญาณเทพของตนรับคลื่นนั้นเอาไว้ พลังทรงอำนาจสองขั้วปะทะกันอย่างรุนแรง แต่ว่าเป็นเพราะอยู่เหนือน่านน้ำ พลังของเทพแห่งท้องทะเลจึงแข็งแกร่งกว่า คลื่นยักษ์นั้นจมร่างขุนเขาลงใต้ท้องทะเลอันหนาวเหน็บ ไอเย็นจากก้นสมุทรพลันแทรกซึมเข้าไปในแก่นวิญญาณที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ทำให้เทพขุนเขาเหมันต์เจ็บปวดทรมานจนแทบสิ้นสติ ดวงจิตอ่อนแอถึงขั้นใกล้ดับสูญ
เทพดอกท้อโกรธแค้นแทนสหายของตน เขาเข้าต่อสู้แลกชีวิตกับเทพแห่งท้องทะเลจนทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ทว่าต่างจากกลีบท้ออันบอบบาง จิตใจของเทพหนุ่มกลับแข็งแกร่งและแน่วแน่ยิ่งนัก ต่อให้รู้ว่าตนเสียเปรียบแต่ก็ยังคงต่อสู้ไม่ถอยหนี เทพแห่งท้องทะเลมองนัยน์ตาคู่งามที่ไม่ยอมจำนนแม้ต้องตายนั่นแล้วก็นึกสนุกขึ้นมา เขาแสยะยิ้มพลางยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่าย
“จงจมลงทะเลแทนสหายของเจ้าและชาวเมืองทั้งหลายเสีย หากเจ้าทำได้…ข้าจะละเว้นพวกเขา”
เทพดอกท้อรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าพลังของเขาไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ ทว่าเหตุผลเดียวที่ทำให้เขายังยืนหยัดต่อสู้ก็เป็นเพราะว่านี่คือหนทางเดียวที่จะปกป้องทุกคนได้ ในตอนนี้ เขามีทางเลือกอื่นที่จะปกป้องทุกคนได้แล้ว…ถึงแม้ว่านั่นจะไม่รวมถึงตัวเขาเองก็ตาม
เทพหนุ่มร่างอาบเลือดยืนขึ้นต่อหน้าคลื่นยักษ์อันครั่นคร้าม ท่าทางองอาจห้าวหาญแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยและสะบักสะบอมเต็มที เสียงทุ้มเจือกระแสอ่อนโยนไร้ซึ่งลังเล กล่าววาจาที่จะกลายเป็นตำนานเล่าขานสืบไป
“ข้ายอมจมลงใต้สมุทร ใช้ตนเองเป็นเครื่องสังเวยแทนอีกหลายพันชีวิต เทพแห่งท้องทะเล…โปรดรักษาคำสัญญาของท่านด้วย”
…
ยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน ผู้คนในกาลก่อนหวนกลับคืนสู่ผืนดิน
เมืองเสวียนฟงในยามนี้ไร้ซึ่งภัยพิบัติกล้ำกลาย เจ้าเมืองกู้หนานเป็นผู้มีความสามารถและอุทิศตนให้กับเมือง มือขวาของเขาคือผู้อาวุโสฝู ประมุขสำนักปราบมารที่ขึ้นตรงต่อเมืองเสวียนฟง พวกเขาทำหน้าที่กำราบภูตผียามค่ำคืน คุ้มครองชาวเมืองให้ปลอดภัยไร้กังวลมานานหลายร้อยปี
แต่ในขณะที่ความเป็นอยู่ของชาวเมืองนั้นสงบสุขดี จวนเจ้าเมืองยามนี้กลับกำลังปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอึมครึมราวกับฟ้าจะถล่มลงมา สาเหตุเป็นเพราะคุณชายใหญ่แห่งจวนเจ้าเมืองได้ล้มป่วยหนักด้วยโรคที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ผู้อาวุโสฝูพยายามเสาะหาทุกหนทางเพื่อที่จะช่วยชีวิตทายาทเพียงหนึ่งเดียวผู้นี้เอาไว้ ทว่าโรคเก่านั้นร้ายกาจยิ่งนัก ไม่ว่าของวิเศษจากแดนไกล หรือยาหมอเทวดาขนานใดก็ไม่อาจเป็นผล
แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่พวกเขาไม่เคยลอง เนื่องจาก ‘สิ่งนั้น’ ตามหาได้ยากเย็นเสียจนเรียกได้ว่าร้อยปีไม่อาจพบพาน จนถึงตอนนี้ก็ผ่านพ้นมาสิบเจ็ดปีแล้วนับตั้งแต่ที่คุณชายใหญ่เกิดมาพร้อมกับโรคร้ายนั้น จวนเจ้าเมืองออกตามหามันในที่ลับมาตลอด แต่ก็ไม่ปรากฎแม้กระทั่งวี่แวว
ปลายฤดูใบไม้ร่วงผ่านพ้นไป ฤดูหนาวใกล้ล่วงเข้ามา
คุณชายใหญ่อาการกำเริบหนักหลายวันแล้วก็ยังไม่ฟื้น ท่านหมอตรวจดูแล้วก็ส่ายหน้า รายงานทั้งน้ำตาว่าคุณชายใหญ่คงไม่อาจอยู่พ้นฤดูหนาวครั้งนี้ไปได้
ท่านเจ้าเมืองทนไม่ไหวอีกต่อไป ประกาศสั่งให้คนออกไปตามหา ‘กลีบดอกท้อรับเคราะห์’ ที่เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาให้จงได้
สาเหตุที่ทำให้ ‘กลีบดอกท้อรับเคราะห์’ หายาก ไม่ได้เป็นเพราะว่ามันคือของวิเศษในตำนานแต่อย่างใด หากเป็นของวิเศษ มีหรือที่ผู้อาวุโสจะไร้เบาะแสในการเสาะหา
แต่เป็นเพราะ ‘กลีบดอกท้อรับเคราะห์’ ที่ว่านั้น คือมนุษย์ที่มีปานกลีบดอกท้อบนร่างกายต่างหาก
ตามตำราโบราณแล้ว โรคร้ายของคุณชายใหญ่เกิดจากไอเย็นที่แทรกซึมเข้าไปในแก่นวิญญาณ หนทางเดียวที่พอจะช่วยได้ก็คือหาภาชนะที่จะสามารถรองรับไอเย็นนั้นแทนเขาได้ ภาชนะที่ว่านั่นก็คือคนเป็นๆ ที่มีปานรูปกลีบดอกท้อบนร่างกาย
ขอเพียงหาตัวคนผู้นั้นพบ แล้วให้ทั้งสองกราบไหว้ฟ้าดินเพื่อเชื่อมโยงชะตาเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็จะสามารถย้ายโรคร้ายในแก่นวิญญาณของคุณชายใหญ่ไปให้กลีบดอกท้อรับเคราะห์ผู้นั้นได้
ทว่าในตำราไม่ได้บอกว่าปานกลีบดอกท้อนั้นอยู่ที่ใดบนร่างกาย จวนเจ้าเมืองเริ่มค้นหาจากสตรีที่มีอายุไล่เลี่ยกับคุณชายใหญ่แล้วสามวันสามคืนเต็มๆ หากแต่ไร้วี่แวว ยิ่งเวลาผ่านไปอาการของคุณชายใหญ่ก็ยิ่งย่ำแย่ลงจนท่านเจ้าเมืองเองก็เริ่มสิ้นหวัง
ในตอนที่พระอาทิตย์ของวันที่สามใกล้จะลับจากขอบฟ้าไป เด็กหนุ่มสภาพซอมซ่อทั้งยังหอบสัมภาระพะรุงพะรังคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าค่ายพักแรมของผู้อาวุโสฝู เขาบอกว่าตนเป็นช่างแกะสลักไม้ที่อยู่อาศัยกับบิดาสองคนบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน เพราะได้ยินมาว่าจวนเจ้าเมืองกำลังตามหาคนที่มีปานกลีบดอกท้อเพื่อมาช่วยชีวิตคุณชายใหญ่ เขาก็เลยตัดสินใจลงจากเขามาเพื่อให้ผู้อาวุโสตรวจร่างกายดูสักครั้ง
องครักษ์ที่เฝ้าด้านหน้าค่ายพักแรมได้ยินดังนั้นแล้วก็สับสน
“ได้ยินมาว่าคนที่มีปานกลีบดอกท้อผู้นั้นจะต้องแต่งเข้าจวนเจ้าเมือง แต่เจ้าเป็นบุรุษ…ต่อให้มีปานลักษณะคล้ายกลีบดอกท้อจริง ก็คงไม่ใช่คนที่เขากำลังตามหาอยู่กระมั้ง”
เด็กหนุ่มที่เพิ่งจะได้รู้เรื่องนั้นเป็นครั้งแรกพลันหน้าแดงเรื่อขึ้นทันใด เขาก้มศีรษะขอบคุณองครักษ์ผู้นั้นอยู่หลายรอบก่อนจะรีบเดินจากไป แต่ว่ายังไม่ทันจะก้าวพ้นไปจากค่ายพักแรม เด็กหนุ่มก็บังเอิญพบเข้ากับผู้อาวุโสฝูที่เพิ่งจะกลับมาพอดี
แม้ว่าจะแทบไม่มีความเป็นไปได้อยู่เลย แต่ตอนนี้พวกเขาก็สิ้นหวังอย่างที่ไม่อาจสิ้นหวังไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ผู้อาวุโสฝูเลิกคอเสื้อของเด็กหนุ่มผู้นั้นลง หลังจากที่นิ่งงันไปพักใหญ่ก็ประกาศออกมาดังลั่นด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“พบแล้ว! พบกลีบดอกท้อรับเคราะห์ของคุณชายใหญ่แล้ว!”
…
ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างบุรุษด้วยกันเองนั้น นับว่ามิใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในเมืองเสวียนฟง เพียงแต่มักจะถูกมองว่าเป็นความสัมพันธ์ผิวเผินอย่างคหบดีที่ชอบเล่นสนุกกับนายบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่เคยมีบุรุษคู่ใดกราบไหว้ฟ้าดิน หรือเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างชายหญิงทั่วไป ยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงคุณชายใหญ่ผู้ที่จะสืบทอดจวนเจ้าเมืองต่อไปในอนาคต ยิ่งไม่มีใครคาดคิดว่าฮูหยินคนแรกที่เขาแต่งเข้าจวนจะเป็น ‘ฮูหยินชาย’
กระนั้นผู้ที่ส่งเด็กหนุ่มขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้อาวุโสฝูที่เป็นถึงประมุขสำนักปราบมารที่ให้ความคุ้มครองชาวเมืองจากภูตผีปีศาจมาอย่างยาวนาน เรื่องแบบนี้หากไม่ให้ความไว้วางใจเขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะเชื่อใครได้ อีกประการหนึ่งคือพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ดังนั้น แม้ว่าผู้คนบางส่วนจะกล่าวว่านี่เป็นลางบอกหายนะ แต่เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามก็ยังเคลื่อนไปถึงจวนเจ้าเมืองได้อย่างสะดวกราบรื่น
‘ชิงเยวี่ย’ คือนามของเด็กหนุ่มผู้นั้น
‘กู้ปิงซาน’ คือนามของคุณชายใหญ่แห่งจวนเจ้าเมือง
…
ชิงเยวี่ยเติบโตมาบนภูเขากับบิดาตามลำพังสองคน เนื่องจากบิดาของเขาเป็นช่างแกะสลักไม้ ตัวเขาจึงเป็นช่างแกะสลักไม้เช่นกัน เด็กหนุ่มมีอุปนิสัยร่าเริง เข้ากับผู้คนง่าย ยิ้มเก่ง ทั้งยังจิตใจอ่อนโยน แต่งเข้าไปได้แค่ไม่กี่วันเหล่าคนรับใช้ในจวนเจ้าเมืองต่างก็พากันเอ็นดูเขาแล้ว
ท่านเจ้าเมืองเคยถามเขาว่าเหตุใดจึงเข้ามาหาผู้อาวุโสฝูถึงค่ายพักแรมด้วยตัวเอง ชิงเยวี่ยไม่คิดอะไรก็ตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย
“ข้าเคยติดค้างคุณชายใหญ่อยู่ครั้งหนึ่ง ในใจรู้สึกเคารพนับถือเขาอย่างมาก เมื่อมีบุญคุณย่อมต้องตอบแทน อ่า…แต่ตอนแรกข้าไม่รู้ว่าจะต้องแต่งให้คุณชายใหญ่ แล้วทีนี้เรื่องทายาทของจวนเจ้าเมืองจะทำอย่างไรดี…”
ตอนแรกเห็นนัยน์ตาดำขลับนั้นใสซื่อยิ่งกว่าหยาดน้ำค้างก็คิดว่าน่าเป็นห่วง แต่เมื่อได้ยินคำตอบนั้นท่านเจ้าเมืองก็ค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
…อย่างน้อยเจ้าเด็กนี่ก็รู้ว่าบุรุษไม่สามารถคลอดลูกได้
“เรื่องทายาทยังไม่ต้องให้เจ้ากังวล” ท่านเจ้าเมืองตอบกลับ “แล้วมีสิ่งใดที่ปรารถนาหรือไม่ ไม่ว่าจะเคยติดค้างอะไรในอดีต แต่ตอนนี้อย่างไรเจ้าก็เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตบุตรชายของข้าเอาไว้ ไม่ว่าจะขออะไร ล้ำค่าหรือหายากเพียงใด จวนเจ้าเมืองย่อมจัดหามาให้จงได้”
ทว่าชิงเยวี่ยไม่ได้ให้คำตอบในทันที ท่านเจ้าเมืองจึงให้เวลาเขาคิด หากนึกออกเมื่อไหร่ค่อยมาบอก
หลังจากนั้นก็ผ่านไปหลายวัน ท่านเจ้าเมืองได้รับรายงานว่าชิงเยวี่ยเริ่มล้มป่วยด้วยโรคเดียวกับคุณชายใหญ่ ในขณะที่บุตรชายของเขาแข็งแรงขึ้นจนเดินไปไหนมาไหนได้แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผู้อาวุโสฝูคาดการณ์เอาไว้
อีกไม่นาน…เด็กหนุ่มผู้บริสุทธิ์คนนั้นจะต้องตายเพื่อให้คุณชายใหญ่แห่งจวนเจ้าเมืองมีชีวิตอยู่ต่อไป
แต่สิ่งหนึ่งที่กู้หนานนึกไม่ถึงคือ…ไม่กี่วันหลังจากนั้น ชิงเยวี่ยก็ฟื้นตัวจากโรคร้ายแล้วรีบตรงดิ่งมาขอพบเขา ทันทีที่เข้าประตูมา เด็กหนุ่มก็คุกเข่าก่อนจะกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“เรียนท่านเจ้าเมือง ข้าต้องการแกะสลักคุณชายใหญ่ขอรับ!”
นั่นคือ…คำขอที่แลกมาด้วยชีวิตของเขา
กู้หนานไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็อนุญาตให้ทันที
หลังจากนั้น เมื่อใดก็ตามที่อาการของโรคร้ายไม่ได้กำเริบหนักจนถึงขั้นต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ชิงเยวี่ยก็มักจะวิ่งไปเชิญกึ่งบังคับลากคุณชายใหญ่ให้มาเป็นแบบของงานแกะสลักเสมอ
กู้หนานเพิ่งมารู้ในภายหลังว่าสาเหตุที่ช่างแกะสลักน้อยผู้นั้นขอให้คุณชายใหญ่เป็นแบบแกะสลัก ก็เพราะเห็นว่าดวงตาหงส์ของอีกฝ่ายงดงามมาก เดิมทีเด็กหนุ่มก็ลงเขามาเพื่อหาแรงบันดาลใจไปทำงานแกะสลักอยู่แล้ว เมื่อได้สบตากับกู้ปิงซานก็รู้ในทันทีว่านี่คือสิ่งที่ตนกำลังตามหาอยู่
จากหนึ่งวันกลายเป็นหนึ่งเดือน จากหนึ่งเดือนก็ข้ามผ่านไปถึงสี่ฤดูกาล ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยู่ภายในห้องแกะสลักที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อผู้มีพระคุณของจวนเจ้าเมืองนั้นยาวนานเกินกว่าที่ใครจะเคยคาดคิดเอาไว้
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านในนั้นบ้าง ทั้งยังไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นว่างานแกะสลักที่ได้คุณชายใหญ่เป็นแบบหน้าตาอย่างไร สิ่งที่คนภายนอกรับรู้มีเพียงเสียงค้อนตอกลงบนลิ่มแกะสลักที่ดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราว
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นภายในห้องแกะสลักนั้น…มีเพียงคุณชายใหญ่และฮูหยินน้อยที่รับรู้กันอยู่สองคน
…
“คุณชายใหญ่ ท่านรู้หรือไม่…”
ชิงเยวี่ยโน้มตัวเข้ามากระซิบ แม้ว่าด้านในห้องแกะสลักนี้จะมีเพียงพวกเขาสองคนก็ตาม “...พี่ตู้กงบอกข้าว่าช่วงนี้มีข่าวลือหนึ่งในหมู่คนรับใช้ด้วย”
กู้ปิงซานเพียงขยับถอยห่างออกไป เขาไม่ได้ชื่นชอบการฟังเรื่องซุบซิบนินทาเท่าไหร่นัก จึงเพียงมองเด็กหนุ่มกลับไปด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าจะเริ่มได้หรือยัง”
“เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว” ชิงเยวี่ยหัวเราะเบาๆ เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าที่นั่งหลังตรงอย่างสง่างามตลอดเวลา “ข้าขอสัมผัสใบหน้าท่านได้หรือไม่ ปลายนิ้วของข้าจดจำได้แม่นยำกว่าดวงตา ต้องล่วงเกินคุณชายใหญ่แล้ว”
กู้ปิงซานสีหน้าไม่เปลี่ยน “อืม”
ช่างแกะสลักชิงเริ่มใช้ปลายนิ้วสัมผัสตั้งแต่ลำคอจนถึงสันกรามของคุณชายใหญ่อย่างแผ่วเบา ในขณะที่กำลังจ้องมองหางตาที่เชิดขึ้นตรงปลาย เขาก็กล่าวออกมา “คุณชายใหญ่ ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าดวงตาหงส์ของท่านงดงามมาก ทำเอาข้าทั้งชื่นชอบและไม่ชื่นชอบมันในเวลาเดียวกัน หากว่างามน้อยลงกว่านี้อีกหน่อยคงจะแกะสลักได้ง่ายขึ้น แต่หากไม่งามถึงขนาดนี้ก็คงจะน่าเสียดาย ที่ข้าเริ่มทำงานแกะสลักใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็เป็นเพราะดวงตาคู่นี้ของท่านเชียวนะ แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป ครั้งนี้ข้าจะทำให้เต็มที่กว่าเดิม คุณชายใหญ่จะได้ไม่ต้องเข้าออกห้องแกะสลักบ่อยๆ อีก”
ชิงเยวี่ยเหลือบมาสบตาเขาแวบหนึ่ง เห็นคนหน้านิ่งไม่ตอบอะไรก็แสร้งถอนหายใจยาว “นี่ข้าคิดเผื่อท่านเชียวนะ ขืนผู้อื่นเล่าลือไปว่าคุณชายใหญ่เป็นชายตัดแขนเสื้อ เช่นนั้นจะมีสตรีที่ไหนกล้าแต่งให้ท่าน”
“ใครกล้าเล่าลือ”
“ท่านไม่รู้หรือ เขาลือกันไปทั้งเมืองแล้วกระมั้ง”
กู้ปิงซานนิ่วหน้าเมื่อรู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว
เด็กคนนี้…สุดท้ายก็หาทางเล่าข่าวลือนั่นให้เขาฟังจนได้มิใช่หรือไง
ทั้งๆ ที่ดูเป็นคนซื่อตรง มีอะไรอยู่ในใจก็พูดออกมาทั้งหมด แต่แท้จริงแล้วกลับแอบซ่อนหางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เอาไว้อย่างแนบเนียนมิใช่น้อย
“เอาแต่คุยเล่นเช่นนี้ ข้าคงได้มาที่นี่จนแก่”
ชิงเยวี่ยฟังแล้วก็ครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา “คุณชายใหญ่คิดจะอยู่กับข้าไปจนแก่เฒ่าเชียว หรือว่าที่จริงแล้ว…ข่าวลือนั้นอาจจะมิใช่เรื่องเหลวไหลทั้งหมดกันนะ”
คำกล่าวนั้นทำให้กู้ปิงซานนิ่งงันไป ชิงเยวี่ยเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเคร่งเครียดก็คิดว่าเขาคงไม่ตลกด้วย เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย “ข้า…ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง อย่างไรเสียข้าก็คงไม่ทันได้แก่ตายอยู่แล้ว…”
กู้ปิงซานเงยหน้าขึ้นสบตาเขา น้ำเสียงอ่อนลงหลายส่วน “ชิงเยวี่ย ข้าขอโทษ”
ชิงเยวี่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “เมื่อปีนั้นคุณชายใหญ่เคยช่วยชีวิตข้า มีบุญคุณต้องตอบแทน วันนี้ข้าจึงมาได้มายืนอยู่ตรงหน้าท่าน”
กู้ปิงซานถามเขา “นอกจากตัวข้าที่เจ้าขอใช้เป็นแบบแกะสลักแล้ว ยังมีสิ่งอื่นที่เจ้าปรารถนาหรือไม่”
ชิงเยวี่ยไม่คิดว่าถ้อยคำที่พลั้งปากพูดออกไปจะทำให้บรรยากาศหม่นหมองลงเช่นนี้ เขาส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “แค่นี้ข้าก็ได้มามากพอแล้ว คุณชายใหญ่…หากท่านต้องการทำอะไรให้ข้าจริงๆ ข้าขอเพียงท่านมีชีวิตต่อไปอย่างแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยอีกก็พอแล้ว”
กู้ปิงซานมองกลับมาด้วยสายตาสับสน ตอนนั้นเองที่ปลายนิ้วซึ่งตั้งใจผละออกของชิงเยวี่ยสะกิดด้านหลังใบหูเขาคล้ายไม่ตั้งใจ เด็กหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นใบหูที่แดงเรื่อขึ้นก็หันหลังไปหยิบพู่กันขึ้นมาร่างแบบงานแกะสลัก เมื่อวาดเสร็จแล้วก็ยกกระดาษขึ้นให้กู้ปิงซานดู “เป็นอย่างไร?”
“เจ้าเห็นข้าเป็นภูเขาหรืออย่างไร” กู้ปิงซานถามกลับเสียงเรียบนิ่ง ภาพในกระดาษนั้นอย่าว่าแต่จะเป็นคุณชายใหญ่แห่งจวนเจ้าเมืองเลย มันมิใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ แต่เป็นภูเขาลูกหนึ่งที่บนยอดเขามีกระท่อมหลังน้อยตั้งอยู่
“คุณชายใหญ่มีอารมณ์ขันยิ่งนัก” ชิงเยวี่ยหัวเราะ “แต่ท่านก็พูดถูกส่วนหนึ่ง ทุกครั้งที่มองท่าน…ข้าจะนึกถึงภูเขาที่เป็นบ้านเกิดของข้า”
“หมายความว่าอย่างไร”
“ข้าก็แค่…รู้สึกแบบนั้น” ชิงเยวี่ยอ้อมแอ้มตอบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แต่…แต่ว่าข้าไม่แกะสลักท่านออกมาเป็นภูเขาแน่นอน คุณชายใหญ่โปรดวางใจเถิด ไม่นานเกินรอข้าจะให้ท่านได้เห็นฝีมือของช่างแกะสลักตระกูลชิงเอง!”
กู้ปิงซานมองเขาอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ นัยน์ตาที่มักเย็นเยียบคล้ายทอแสงอบอุ่นขณะตอบกลับไป
“อืม ข้าจะรอดู”
…
ทว่าล่วงเลยมาถึงสามปี…งานแกะสลักที่ว่าก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เสียที
ฤดูหนาวในปีที่สามนั้นเยือกเย็นกว่าปีที่ผ่านมา หิมะสีขาวโพลนตกหนักปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงไอแผ่วเบาดังขึ้นมาจากด้านในห้องแกะสลักอย่างต่อเนื่อง ช่างแกะสลักหนุ่มรีบเก็บผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือดเอาไว้ในแขนเสื้อ ก่อนจะหันกลับมาหาคนที่นั่งรอเขาอยู่ตรงที่ประจำเหมือนอย่างเคย
สามปีผันผ่านไป เด็กหนุ่มในตอนนั้นได้เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกนิสัยจากที่เคยร่าเริง และซื่อตรงก็เริ่มสุขุมอ่อนโยนมากขึ้น โรคร้ายนั้นทำให้ร่างกายเขาผ่ายผอมจนเห็นกระดูก สุขภาพภายในอ่อนแอลงตามกาลเวลา กระนั้นยามที่จับมีดแกะสลักขึ้นมาเมื่อใด นัยน์ตาดำขลับก็ยังคงเป็นประกายแน่วแน่ไม่ต่างจากเมื่อสามปีก่อน
ชิงเยวี่ยไม่ใช่คนเดียวที่เติบโตและเปลี่ยนไป เมื่อตอนต้นปี เมืองเสวียนฟงได้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้น ท่านเจ้าเมืองล้มป่วยลงกะทันหัน เขาจึงให้คุณชายใหญ่ผู้เป็นทายาทเพียงคนเดียวขึ้นสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองต่อ
กู้ปิงซานในตอนนี้อายุได้ยี่สิบปีพอดี เขาเติบโตขึ้นมาอย่างดี เมื่อไม่ได้ป่วยจากโรคร้าย ผิวพรรณที่เคยขาวซีดก็เริ่มปรากฎเลือดฝาด ร่างกายที่อ่อนแอค่อยๆ แข็งแรงขึ้นจากเดิม ยิ่งเวลาผ่านไปดวงตาหงส์คู่งามก็ยิ่งคมกริบราวกับปลายดาบเหล็กเย็นยะเยือก ครั้งหนึ่งตอนที่นั่งรถม้าออกไปนอกจวน บังเอิญสายลมแผ่วเบาพัดผ้าม่านให้เปิดออกเล็กน้อย เพียงเท่านั้นก็ถึงขั้นทำให้แม่นางน้อยใหญ่ทั้งหลายที่เฝ้ามองจากข้างถนนละเมอเพ้อหาไปสามวันเจ็ดวัน
ในขณะที่คนผู้หนึ่งกำลังตายลงอย่างช้าๆ …ชีวิตของอีกคนหนึ่งก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นนี่เอง
ชิงเยวี่ยคลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่กำลังจ้องมองมาที่เขา “ขออภัยท่านเจ้าเมืองด้วย ช่วงนี้อากาศหนาวเย็นลงกว่าเดิม ข้าจะระวังไม่ให้เลือดกระเด็นไปโดนท่าน”
ไม่รู้ทำไม แต่ดูเหมือนว่ากู้ปิงซานจะเงียบไปหลายอึดใจหลังจากที่เขาพูดแบบนั้นออกไป ชิงเยวี่ยก้มหน้าก้มตาเตรียมอุปกรณ์สำหรับแกะสลักโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า ระหว่างที่มือขยับปากก็พูดไปด้วย
“ความจริงท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่อีกแล้วก็ได้ ที่ข้าไม่เคยพอใจกับงานแกะสลักของตนเองนั้นเป็นเพราะฝีมือของข้ายังไม่ถึงขั้น ข้าควรจะรับผิดชอบเรื่องนั้นด้วยตัวเอง”
“เจ้าไม่อยากให้ข้ามาที่นี่หรือ” กู้ปิงซานถามกลับ เสียงของเขาทุ้มต่ำลงกว่าเมื่อสามปีก่อนมาก เพียงเอ่ยออกมาแผ่วเบาจากในลำคอก็สามารถสั่นสะท้านไปถึงหัวใจคนฟังอย่างง่ายดาย
ชิงเยวี่ยเงยหน้ามองคนพูด หากว่าแม่นางน้อยเหล่านั้นได้ยินเสียงของท่านเจ้าเมืองด้วยคงจะไม่ใช่พากันเป็นล้มลมพับไปเลยหรือ เขาคิดแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ท่านเป็นถึงนายท่านของจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ ข้าจะคิดอะไรเช่นนั้นได้อย่างไร”
“เจ้าเองก็เป็นฮูหยินของจวนเจ้าเมือง”
ชิงเยวี่ยเผลอหัวเราะลั่นออกมา ก่อนที่เขาจะรู้สึกคันในลำคอจนต้องรีบเอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากเอาไว้ หลังจากไอเสร็จแล้วจึงเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “...กู้ปิงซาน ท่านนี่ช่างล้อเล่นหน้าตายได้เก่งกาจนัก”
ตำแหน่งฮูหยินอะไรนั่นก็เหมือนเอาไว้หลอกลวงฟ้าดินเท่านั้น เขาเป็นกลีบดอกท้อรับเคราะห์ของคนจวนเจ้าเมืองต่างหาก
ดวงตาหงส์เย็นเยียบของกู้ปิงซานจ้องมองไปที่ผ้าเช็ดหน้าในมือเขา ไม่รู้กำลังขบคิดสิ่งใดอยู่
ปกติแล้ว ชิงเยวี่ยมักได้ยินคนอื่นพูดกันว่าท่านเจ้าเมืองเย็นชาบ้างล่ะ น่ากลัวบ้างล่ะ แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาเห็นสายตาที่เย็นเยียบถึงขนาดนี้จากกู้ปิงซาน
ทว่าช่างแกะสลักชิงกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเสียอีก เมื่อดวงตาหงส์คู่งามมีสายตาที่เย็นเยียบดั่งหุบเหวไร้ก้นบึ้งเช่นนั้นแล้ว….มันกลับน่าหลงใหลและดึงดูดสายตาของผู้คนยิ่งนัก
ชิงเยวี่ยเผลอสบตาคู่นั้นเนิ่นนาน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มขยับเข้าไป กว่าจะรู้ตัวก็ใกล้จนเห็นนัยน์ตาดำขลับที่กำลังสั่นไหวอยู่เล็กน้อยนั่นแล้ว
กู้ปิงซานปรือตาลงมากึ่งหนึ่ง ชิงเยวี่ยสังเกตเห็นเส้นเลือดเขียวจางๆ บนเปลือกตาบาง ดูแล้วราวกับว่าคนตรงหน้าแกะสลักออกมาจากก้อนหยกล้ำค่าไม่มีผิด
อา…งดงามเหลือเกิน
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมออกไป
“...เมื่อใดที่ข้าแกะสลักท่านออกมาได้ วันนั้นคงได้เป็นวันตายของข้าไม่ผิดแน่”
นัยน์ตาของกู้ปิงซานพลันดำมืดลง
ชิงเยวี่ยยังไม่ทันจะได้สติกลับมาเต็มที่ ร่างสูงตรงหน้าเขาก็ถอยห่างออกไป น้ำเสียงเย็นชากล่าวออกมาอย่างห่างเหิน “...เจ้าเลิกพูดเช่นนั้นเสียที”
ชิงเยวี่ยกะพริบตา “อา…ข้าขอโทษ”
เขาควรจะรู้อยู่แล้วว่ากู้ปิงซานไม่ชอบให้ใครพูดชมเชยไปในทางประจบเอาใจ ตอนที่อีกฝ่ายเพิ่งจะขึ้นเป็นเจ้าเมืองก็เจอคนที่ใช้วาจาแลกผลประโยชน์มามากมายนัก ต่อให้เขาจะกล่าวชื่นชมออกมาจากใจจริง แต่มันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นสำหรับเจ้าเมืองเสวียนฟง
ชิงเยวี่ยไอออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้กลิ่นโลหิตจากผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ปิดปากและจมูกเล็กน้อย
กู้ปิงซานนิ่วหน้า “ช่วงนี้…อาการเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ชิงเยวี่ยเก็บผ้าเช็ดหน้า “ก็อย่างที่ท่านเห็น ฤดูหนาวปีนี้คงผ่านไปได้ยากกว่าปีที่ผ่านมา”
“เจ้าช่างพูดเรื่องความตายของตนเองออกมาได้ง่ายดายนัก”
“ก็มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วมิใช่หรือ” ชิงเยวี่ยยิ้ม “ตอนนี้สำหรับข้า...สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่ากลับเป็นการที่ต้องตายไปทั้งๆ ที่ยังทำงานแกะสลักของท่านไม่เสร็จสมบูรณ์”
นัยน์ตาที่หลุบต่ำของกู้ปิงซานสั่นไหวเล็กน้อย “หากทำงานแกะสลักเสร็จแล้ว บนโลกนี้ก็ไม่มีสิ่งอื่นให้เจ้าอาวรณ์อีกแล้วหรือ”
ชิงเยวี่ยมองคนตรงหน้าเนิ่นนาน กว่าจะตัดสินใจตอบกลับมาเพียงสองคำ “ไม่มี”
กู้ปิงซานช้อนสายตาขึ้นมองเขากลับ
“เหตุใดเจ้าถึงยึดติดกับงานแกะสลักมากถึงเพียงนั้น”
ช่างแกะสลักชิงหยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“...เพื่อที่จะไม่สูญเสียตัวตนของข้าไป”
คนนั้นอยู่ได้ไม่นาน แต่คนที่แกะสลักขึ้นมาจากไม้นั้นจะไม่มีวันตายจากไป
เขาแกะสลักรูปของกู้ปิงซาน…แท้จริงแล้วเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องหายไป ไม่ว่าจะต้องที่ยังมีชีวิตหรือตอนที่ตายไปแล้วก็ตาม
กู้ปิงซานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพึมพำออกมา “ข้าไม่ต้องการของดูต่างหน้า…”
ชิงเยวี่ยคิดว่าเขาคงฟังผิดไป ทว่ายังไม่ทันได้ถามอะไร กู้ปิงซานก็ลุกขึ้นก่อนแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบวางเครื่องมือแกะสลักทั้งหลายลง ก่อนจะเดินไปส่งถึงหน้าประตูตามปกติ ทันได้ยินกู้ปิงซานสั่งให้คนรับใช้นำเตาไฟมาไว้ในห้องเพื่อเพิ่มความอบอุ่นพอดี
เตาไฟยังไม่ทันมาถึง แต่ชิงเยวี่ยก็รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจแล้ว
“ท่านเจ้าเมืองงานยุ่งถึงเพียงนี้ก็ยังหาเวลามาที่นี่ ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
นัยน์ตาเย็นชาเหลือบมองกลับมา เมื่อเห็นปลายนิ้วและจมูกที่แดงเรื่อของคนตรงหน้าก็ตวัดสายตาไปทางคนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ตู้กงรีบวิ่งเข้าไปเอาเสื้อคลุมตัวใหญ่มาสวมให้ฮูหยินทันที
กู้ปิงซานพยักหน้าเบาๆ “สองสามวันนี้เจ้าพักผ่อนให้หายดีก่อน ข้าจะให้คนเฝ้าเอาไว้”
อย่าได้คิดจะแอบปีนหน้าต่างออกมาทำงานแกะสลักเชียว
สายตาเขาเหมือนจะพูดออกมาเช่นนั้น ชิงเยวี่ยหัวเราะแห้งๆ อย่างคนมีความผิดติดตัว เขาก็เคยแอบปีนหน้าต่างออกมาทำงานแกะสลักจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งเวลาป่วยแบบนี้ เขายิ่งร้อนใจอยากทำงานแกะสลักนั้นให้เสร็จก่อนที่ร่างกายจะทนไม่ไหว
แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นเยียบที่มองมาแล้ว ชิงเยวี่ยก็ยกมือยอมแพ้ทันที
…
อากาศเริ่มหนาวเย็นลง ในโรงเตี๊ยมหลังเล็กเถ้าแก่เตรียมอุ่นน้ำชาไว้ต้อนรับแขก โต๊ะสี่ตัวในร้านมีอยู่ตัวหนึ่งถูกจับจอง เป็นชายชรานักเล่านิทานและชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำของสำนักปราบมาร
เหล่าจางจิบชาที่มีไอลอยขึ้นมาก่อนจะกล่าว “ฤดูหนาวปีนี้รุนแรงนัก…ผิงเอ๋อร์เจ้าขยับมาใกล้ๆ หน่อย ข้าจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง”
จางผิงขยับเข้าไป แต่ก่อนตอนที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้เคยเจริญรุ่งเรือง เหล่าจางเคยได้รับความเมตตาจากเถ้าแก่ให้มาทำงานเล่านิทานให้แขกเหรื่อฟัง ตอนนี้พอแก่ตัวลงก็นึกอยากจะกลับไปเยี่ยมเยียนโรงเตี๊ยมที่เคยทำงานกะทันหัน พอดีกับที่จางผิงได้วันหยุดกลับมาบ้านเขาจึงอาสาพาอีกฝ่ายมาที่นี่
“ใช่ตำนานของเทพดอกท้อและเทพขุนเขาเหมันต์หรือไม่? ข้าฟังจนจะท่องจำได้ขึ้นใจอยู่แล้ว” จางผิงกล่าวอย่างรู้ทัน
เหล่าจางหัวเราะ “เด็กโง่ ข้าพนันด้วยชาถ้วยนี้ว่าตอนจบที่ข้าจะเล่าต่อไปนี้ เจ้าไม่มีทางเคยได้ยินมาก่อนแน่”
“ใครต้องการชาถ้วยนี้ของท่านกัน” จางผิงส่ายหน้า แต่เขาก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกัน “เอ้า ไหนๆ แล้วท่านก็ลองเล่ามาเถอะ ข้าจะเป็นผู้ฟังให้ก็ได้”
ความปรารถนาของเหล่าจาง ก็คือการได้กลับมาเล่านิทานให้โรงเตี๊ยมแห่งนี้อีกครั้งก่อนที่สังขารจะโรยราจนเดินไม่ไหว ฤดูหนาวปีนี้โหดร้ายนัก คนแก่อย่างเขากลัวว่าจะอยู่ไม่ทันเห็นหน่ออ่อนแตกยอดยามต้นวสันต์
“เรื่องที่ข้าจะเล่าต่อไปนี้ เริ่มมาจากชาวประมงผู้หนึ่งที่จับปลายักษ์ได้…”
เรื่องราวของสองเทพสหายร่วมสาบานถูกถ่ายทอดออกมา ถ้อยคำร้อยเรียง ก่อเกิดอารมณ์ความรู้สึกผูกพันโหยหายากปิดบัง กระนั้นเมื่อมาถึงตอนจบ ไม่ว่าใครต่างรู้ว่ามีหนึ่งคนที่ต้องจากลาไปตลอดกาล
“...มาถึงตรงนี้ ต่อให้จะมีบางตำนานที่ดัดแปลงให้เทพทั้งสองเป็นคนรักกัน บ้างก็บอกว่าเทพดอกท้อแท้จริงแล้วเป็นสตรี กระนั้นเค้าโครงเรื่องส่วนใหญ่กลับยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” เหล่าจางจิบชาอึกหนึ่ง “ที่นักเล่านิทานไม่เคยเล่าตรงกันสักครั้งก็คือเรื่องราวต่อจากนี้ นี่เป็นเรื่องราวทางฝั่งของเทพขุนเขาเหมันต์”
สมัยบรรพกาล สูงขึ้นไปบนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวตลอดปี เทพผู้โดดเดี่ยวได้ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความหนาวเหน็บเย็นยะเยือก รอบด้านไม่มีสิ่งใดนอกจากหิมะขาวโพลน ดังนั้นผู้คนจึงเรียกขานเขาว่าเทพขุนเขาเหมันต์
เทพขุนเขาเหมันต์อยู่ตามลำพังจนเคยชิน คิดไม่ถึงว่าอยู่มาวันหนึ่งจะมีเมล็ดต้นท้อตกลงมาจากสวรรค์ เขาคิดว่าอีกไม่นานมันก็คงทนไม่ไหวแล้วตายจากไปเอง ทว่าตลอดเวลาที่คอยเฝ้ามอง เมล็ดดอกท้อนั้นกลับเติบโตขึ้นมาราวกับปาฏิหาริย์ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ กลายเป็นต้นท้อใหญ่ที่นำพาสายลมวสันต์มาสู่เทือกเขาหิมะ
ใต้แสงจันทราสาดส่องทะลุเงาไม้ เกล็ดหิมะร่วงหล่นเหนือกลางหว่างคิ้ว เทพขุนเขาเหมันต์ได้พบพานกับเทพดอกท้อ รอยยิ้มคลี่บางที่มอบให้ในวันนั้น นำไปสู่จอกสุราที่ยกสาบานตนร่วมเป็นตายในวันหน้า
เทพขุนเขาเหมันต์ใช้ร่างขุนเขาป้องกันคลื่นลมให้ชาวเมือง ทำให้แก่นวิญญาณเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ยากประสานจนไอเย็นจากใต้ทะเลลึกแทรกซึมเข้ามาทำลายเขาจากภายใน ขณะที่สติเลือนรางใกล้ดับสูญเต็มที สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงภาพแผ่นหลังเปื้อนเลือดของผู้ที่กำลังปกป้องเขาอยู่ด้านหน้าเท่านั้น
ทว่าเมื่อกะพริบตาอีกที กระทั่งชายเสื้อของคนผู้นั้นเขาก็คว้าเอาไว้ไม่ทันแล้ว
หลังจากเทพดอกท้อเสียสละตนเองจมลงใต้ทะเลเพื่อแลกกับชีวิตของผู้คนนับพัน เทพขุนเขาเหมันต์ก็ซ่อนเร้นกาย ไม่ปรากฎออกมาให้ใครเห็นอีก
หลายปีต่อมา เมืองเสวียนฟงผลัดเปลี่ยนเจ้าเมือง ทว่าเจ้าเมืองผู้นี้กลับไร้ความสามารถ นอกจากจะไม่ใส่ใจความเป็นอยู่ของผู้คนแล้วยังขูดรีดเก็บภาษีอย่างไม่ยุติธรรม ทำให้ชาวเมืองมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ทั้งเมืองเต็มไปด้วยโจรขโมยและขอทานหิวโหย
ในตอนที่ชาวเมืองกำลังสิ้นหวัง อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่เจ้าเมืองผู้นั้นกำลังบูชาเทพขุนเขาเหมันต์ตามประเพณี แผ่นดินก็พลันแยกจากกัน หิมะบนภูเขาสูงถล่มลงมาจนเกิดเสียงดังครืนดั่งพสุธาพิโรธ เจ้าเมืองผู้ขลาดเขลาพยายามหาทางเอาตัวรอด ทว่าก็พลาดท่าถูกหิมะกลบฝังร่างไปในที่สุด
ท่ามกลางความวุ่นวาย เทพขุนเขาเหมันต์ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง สายตาเย็นชาทอดมองสรรพสิ่งเบื้องล่าง รวมถึงมือของเจ้าเมืองที่พยายามตะเกียกตะกายออกมาจากกองหิมะอย่างไม่ไยดี เขาก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าบุตรชายของเจ้าเมืองที่เพิ่งจะอายุได้ห้าขวบ เด็กน้อยร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัว เขาไม่รู้ว่าท่านพ่อไปอยู่ไหนแล้ว ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองรอดมาได้อย่างไรกันแน่
“บุตรแห่งเจ้าเมืองผู้โง่เขลา จงฟัง”
เทพขุนเขาเหมันต์กล่าว น้ำเสียงเยือกเย็นถึงกระดูก
เด็กน้อยหน้าซีดเผือด อยากจะร้องก็ร้องไม่ออกไปในทันที
“เมืองเสวียนฟงนี้แลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของสหายข้า หาใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าจะใช้ประโยชน์เพื่อปรนเปรอความละโมบโลภมากอันแสนโสมมของตนได้ ต่อจากนี้เป็นต้นไป เจ้าและทายาทของเจ้าจะถูกพันธนาการด้วยคำสาบานแห่งข้า ชีวิตของพวกเจ้า…จะมีไว้เพื่อปกป้องและคุ้มครองเมืองเสวียนฟงเท่านั้น”
นี่คือคำสาบานแห่งเทพขุนเขาเหมันต์ การดิ้นรนครั้งสุดท้ายเพื่อรักษาสิ่งที่เหลืออยู่
“ว่ากันว่า คำสาบานนั้นยังคงถูกถ่ายทอดมารุ่นสู่รุ่น ไหลเวียนอยู่ในเลือดเนื้อของคนตระกูลกู้จนถึงปัจจุบันนี้ หากผิดต่อคำสาบาน…นั่นย่อมหมายถึงความตาย” เหล่าจางเล่ามาถึงตรงนี้แล้วก็จิบน้ำชาที่เริ่มเย็นชืด จางผิงรีบรินน้ำชาในกาให้อีกฝ่ายใหม่ ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านเจ้าเมืองทุ่มเทให้เมืองเสวียนฟงของเรายิ่งนัก ท่านตายังจำเรื่องเมื่อปีนั้นที่ปีศาจงูไล่เข่นฆ่าผู้คนไปมากมายได้หรือไม่ ตอนนั้นท่านเจ้าเมืองยังเป็นคุณชายใหญ่ที่ร่างกายอ่อนแอ แต่ก็ยังยอมเสี่ยงชีวิตออกไปปราบปีศาจงูตัวนั้นกับท่านผู้อาวุโส ความจริงแล้วจวนเจ้าเมืองมิได้ขาดแคลนกองกำลัง แต่เป็นเพราะคุณชายใหญ่ยืนกรานจะไปเอง เขาโกรธแค้นที่ปีศาจงูกล้ามาแตะต้องชาวเมืองของเขา”
“หากจะบอกว่าตอนจบของตำนานนี้เป็นเรื่องจริง ข้าก็เชื่อได้ไม่ยากเลย”
เหล่าจางยิ้ม มือเหี่ยวย่นลูบศีรษะชายหนุ่ม “ผิงเอ๋อร์ ตำนานนี้…ข้าขอส่งต่อให้เจ้าแล้วกัน”
จางผิงกำลังจะอ้าปาก ทว่าตอนนั้นเองที่มีคนผู้หนึ่งวิ่งพรวดเข้ามาในโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นเถ้าแก่ที่เดินออกมาพอดีก็รีบกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “เถ้าแก่ แย่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น ข้าบอกให้เอาถ่านไปให้เหล่าหง เหตุใดจึงวิ่งหน้าตาตื่นมาเช่นนี้เล่า”
เหล่าหงเป็นชาวประมงที่ชอบเอาปลามาแบ่งพวกเขา บ้านของอีกฝ่ายอยู่ใกล้ทะเล ชายหนุ่มสีหน้าซีดเผือด เพราะเอาถ่านไปให้เหล่าหงน่ะสิ เขาถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นมาแบบนี้
“ตอนนี้แถวชายฝั่งมีแต่คนตาย เขาว่าเป็นปีศาจจากทะเล กินคนไปแล้วสิบกว่าคน…ท่านเจ้าเมืองกับสำนักปราบมารกำลังรีบรุดไปจัดการ แต่ได้ยินว่าฤทธิ์เดชของมันร้ายกาจมาก ยิ่งกว่าปีศาจงูเมื่อปีนั้นเสียอีก เถ้าแก่…พวกเรารีบหนีไปให้ไกลจากชายฝั่งมากกว่านี้เถอะ!”
จางผิงลุกพรวดขึ้นทันที “พี่ชาย นั่นเป็นความจริงรึ!”
“ข้าไม่กล้าล้อเล่นกับเรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้หรอก หากเจ้าไม่เชื่อก็ออกไปดูเอง!”
จางผิงหลั่งเหงื่อเย็น เขาประคองเหล่าจางให้ลุกขึ้น หลังจากพาอีกฝ่ายกลับบ้านแล้วก็ไปที่จวนเจ้าเมืองทันที ระหว่างทางได้เห็นผู้คนเก็บข้าวของวิ่งสวนไป เสียงคำรามน่าขนลุกของสิ่งที่ไม่ใช่คนดังก้องมาจากทางชายฝั่ง
ด้านในจวนเจ้าเมืองเองก็วุ่นวายไม่น้อย จางผิงเดินชนเข้ากับคนใช้คนหนึ่ง เขาจับตัวอีกฝ่ายมาถามทันที “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าเห็นพี่ตู้กงหรือไม่”
คนรับใช้ผู้นั้นเห็นจางผิงก็จดจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกศิษย์ปลายแถวของผู้อาวุโสฝู ทั้งยังมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับคนรับใช้คนสนิทของฮูหยินท่านเจ้าเมือง เขารีบตอบกลับทันที “ได้ยินว่าทางชายฝั่งคงจะวุ่นวายไม่น้อยทีเดียว ท่านเจ้าเมืองสั่งให้องครักษ์เฝ้าเรือนของฮูหยินเอาไว้ คนในไม่อาจออกมา คนนอกก็ไม่อาจเข้าไป เจ้ารีบไปช่วยท่านผู้อาวุโสจะดีกว่า ไปที่นั่นก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
จางผิงไม่ขยับ “ที่เจ้าบอกว่าคนในไม่อาจออกมาหมายความว่าอย่างไร”
หากต้องการปกป้องฮูหยิน…เหตุใดถึงได้มีคำสั่งเหมือนจะกักขังคนเอาไว้เช่นนี้กันเล่า
แล้วพี่ตู้กงของเขาเล่า? จะถูกขังอยู่ด้านในนั้นด้วยหรือไม่
คนรับใช้ผู้นั้นมีสีหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันซ้ายขวาไม่เห็นคนแล้วจึงโน้มตัวเข้าไปกระซิบเสียงเบา “...เรื่องนี้อย่าได้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด คนในจวนลือกันว่าปีศาจตนนั้นคือลูกสมุนของเทพแห่งท้องทะเล รับบัญชาจากผู้เป็นนายเพื่อนำเครื่องสังเวยกลับไป…จนกว่าจะได้รับเครื่องสังเวย ปีศาจตนนั้นจะไม่หยุดเข่นฆ่าชาวเมือง”
แม้ว่า ‘เทพแห่งท้องทะเล’ ที่ปรากฎอยู่ในตำนานเมืองเสวียนฟงจะดูเป็นตัวร้ายมากเพียงใด แต่สิ่งที่แฝงอยู่ในการกระทำนั้นคืออำนาจของเทพที่ไม่อาจดูแคลนได้ ตัวเอกของตำนานอาจเป็นเทพขุนเขาเหมันต์และเทพดอกท้อ ทว่าผู้ชนะที่แท้จริงในศึกครั้งนั้นเป็นใคร ก็คือเทพแห่งท้องทะเลที่สามารถทำให้ทุกฝ่ายยอมจำนนได้อย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
เมืองเสวียนฟงอยู่ติดทะเล แม้ว่าชื่อเสียงของเทพแห่งท้องทะเลจะเป็นอย่างไร ตอนจะออกเดินเรือหาปลาทุกครั้ง ชาวประมงก็ยังต้องจุดธูปเคารพบูชาเขาก่อน อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ตนไปเผลอตกสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของใครเข้า
“หากว่า…นั่นคือลูกสมุนของเทพแห่งท้องทะเลจริงๆ แล้วเครื่องสังเวย…” จางผิงพูดมาถึงตรงนี้ก็ชะงักไป
คนรับใช้ผู้นั้นพยักหน้า
“เป็นฮูหยินชิง…เทพแห่งท้องทะเลต้องการให้ท่านเจ้าเมืองสังเวยฮูหยินชิง”
…
ชิงเยวี่ยไอออกมาไม่หยุด
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเต็มไปด้วยคราบเลือด ริมฝีปากซีดสั่นเล็กน้อยขณะจิบน้ำลงไปในลำคอที่แห้งผาก ตู้กงมองเจ้านายของตนแล้วก็รู้สึกร้อนใจยิ่งนัก ปกติถ้าอาการกำเริบหนักขนาดนี้เขาต้องไปตามท่านหมอมาแล้ว แต่สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายยิ่งนัก ก่อนจะถูกขังเอาไว้ในนี้เขาได้ยินมาว่าข้างนอกมีคนบาดเจ็บล้มตายมากมายเหลือเกิน อย่าว่าแต่ท่านหมอเลย กระทั่งคนรับใช้ที่พอจะรู้จักสมุนไพรนิดหน่อยยังวิ่งกันให้วุ่นอยู่ข้างนอกนั่น
ไหนจะองครักษ์ที่ล้อมเรือนเอาไว้อย่างแน่นหนานี่อีก…
คนนอกไม่อาจเข้ายังพอเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะต้องการปกป้องคน แต่คนในไม่อาจออกเช่นนี้…มิใช่ว่าท่านเจ้าเมืองมีข้อสรุปในใจอยู่แล้วหรือ
“พี่ตู้กง…” ชิงเยวี่ยเสียงแหบแห้ง เขามองไปที่ประตู “ข้างนอกดูวุ่นวายยิ่งนัก…เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ”
“ฮูหยินอย่าได้กังวล” ตู้กงนั่งลงข้างเตียง “แค่…มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยเท่านั้น ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อนให้หายดีก่อน”
“อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น ข้าอยากแกะสลักงานชิ้นนั้นให้เสร็จ…” ชิงเยวี่ยยันกายลุกขึ้นจากเตียง ตู้กงรีบประคองเขาเอาไว้ เพราะความลนลานจึงพลั้งปากออกไป “ตอนนี้ออกไปไม่ได้ขอรับ”
ชิงเยวี่ยชะงัก “เพราะเหตุใด”
ตู้กงอ้ำอึ้ง ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไร ประตูห้องก็พลันเปิดออก ชายชราผมขาวเดินเข้ามาในห้อง ชิงเยวี่ยเห็นอีกฝ่ายแล้วก็ประสานมือทำความเคารพทันที ในใจรู้สึกสับสน “ท่าน…ผู้อาวุโส?”
ฝูเยี่ยนปรายตามองตู้กง “เจ้าออกไปก่อน”
ตู้กงไม่อาจขัดคำสั่งได้ เมื่อประตูจวนเจ้าเมืองปิดลง ในห้องก็เหลือเพียงพวกเขาสองคน ชิงเยวี่ยยังจำครั้งแรกที่ได้พบกับฝูเยี่ยนได้ เมื่อปีนั้น หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายกลับมาชี้ตัวชิงเยวี่ยได้ทัน คุณชายใหญ่ก็คงจะป่วยตาย เขาก็คงจะยังเป็นช่างแกะสลัก อาศัยบนยอดเขากับบิดาเหมือนที่ผ่านมา
ชิงเยวี่ยไม่กลัวตาย ครั้งหนึ่งปีศาจงูออกอาละวาดเข่นฆ่าผู้คน เขาเคยเกือบตายมาแล้ว แต่ก็ได้กู้ปิงซานที่ในตอนนั้นยังเป็นคุณชายใหญ่ช่วยชีวิตเอาไว้ มีหนี้บุญคุณย่อมต้องตอบแทน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดแค้นเคืองปานกลีบดอกท้อบนหลังคอตนเอง หรือท่านผู้อาวุโสที่สังเกตเห็นมันแม้แต่น้อย
ชิงเยวี่ยไอเล็กน้อย “...ท่านผู้อาวุโสไม่เคยมาหาข้าก่อน คงจะเป็นเรื่องสำคัญใช่หรือไม่”
ฝูเยี่ยนแม้สีหน้าอ่อนล้า ทว่ายังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ “เจ้าอยู่ข้างในนี้ คงจะยังไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง”
เขาเริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น “ตอนนี้ปีศาจจากท้องทะเลโจมตีเมืองเสวียนฟง เข่นฆ่าชาวเมืองไปมากมาย คนที่จวนเจ้าเมืองส่งไปไม่บาดเจ็บก็ล้มตาย ทุกคนต่างต่อสู้เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องเมืองนี้เอาไว้ แต่ปีศาจตนนี้เป็นลูกสมุนของเทพแห่งท้องทะเล มีฤทธิ์ร้ายกาจยิ่งนัก ไม่แน่ว่าพวกเราจะต้านต่อไปได้”
ฝูเยี่ยนเล่าอย่างกระชับ น้ำเสียงเขาแฝงความร้อนรน ชิงเยวี่ยไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้ นัยน์ตาของเขาเบิกค้าง อ้าปากจะกล่าวบางสิ่งแต่ก็ไอออกมาไม่หยุดแทน เลือดสีแดงเปรอะเปื้อนเตียง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงจนเจ็บปวด “...แล้ว…แล้วท่านเจ้าเมือง…”
ฝูเยี่ยนสีหน้าย่ำแย่ “ท่านเจ้าเมืองได้รับบาดเจ็บภายใน ท่านหมอกำลังช่วยดูอาการให้อยู่”
ชิงเยวี่ยลุกพรวดขึ้น แต่เพราะเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไปทำให้ภาพตรงหน้าดำมืด ร่างเขาโงนเงนจนล้มลง แต่ชายหนุ่มก็ยันกายขึ้นอีกครั้งทันที ฝูเยี่ยนเห็นก็รีบขวางเอาไว้ “ฮูหยินได้โปรดฟังข้า!”
น้ำเสียงปวดร้าวนั้นทำให้ชิงเยวี่ยชะงัก เมื่อสติเริ่มกลับมาเขาถึงได้ฉุกคิดบางอย่าง
เหตุใด…ท่านผู้อาวุโสจึงต้องเร่งรุดมาบอกเรื่องนี้กับคนอ่อนแอที่ไม่มีแม้แต่แรงจะฆ่าไก่อย่างเขาด้วย?
ฝูเยี่ยนกลั้นใจกล่าว “วิธียุติเรื่องนี้มีเพียงสองทาง หากไม่ฆ่าปีศาจให้ตายก็ต้องส่งเครื่องสังเวยที่มันต้องการไปให้ หนทางแรกทำให้เราสูญเสียมากเกินไปแล้ว เมืองเสวียนฟงมีแต่ต้องพึ่งหนทางที่สองเท่านั้น ฮูหยินชิง…” ความจริงอันเรียบง่าย ทว่ากล่าวออกมาได้ยากเหลือเกิน ฝูเยี่ยนเหมือนแก่ลงไปนับสิบปีในชั่วพริบตาเดียว “ตามตำนานเมืองเสียนฟง…เทพดอกท้อจมลงสู่ห้วงสมุทรแทนชาวเมืองนับหมื่น ปีศาจตนนั้นบอกว่าในกายท่านมีดวงจิตของเทพดอกท้อที่หลบหนีออกมาจากห้วงลึกใต้สมุทร บัดนี้เทพแห่งท้องทะเลต้องการเครื่องสังเวยของเขาคืน”
ชิงเยวี่ยรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นราดหัว ประสาทสัมผัสชาหนึบไม่รับรู้สิ่งอื่น นานอยู่ทีเดียวกว่าที่เขาจะเอ่ยถ้อยคำออกมาได้ “...ทุกอย่าง…เป็นเพราะเขาต้องการข้า?”
ฝูเยี่ยนพยักหน้า “...ชั่วชีวิตนี้ของข้าฝูเยี่ยนอุทิศให้แก่เมืองเสวียนฟงเสมอมา ครั้งนี้ต่อให้หัวจะต้องหลุดจากบ่า ข้าก็จะปกป้องเมืองเสวียนฟงเอาไว้ให้ได้”
ชิงเยวี่ยไม่หลงเหลือสติมากพอที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกขัดแย้งในคำพูดนั้นของฝูเยี่ยน เขาไม่ทันได้นึกสงสัยว่าเหตุใดอีกฝ่ายต้องกลัวหัวจะหลุดจากบ่าทั้งๆ ที่ทำเพื่อปกป้องเมืองเสวียนฟง สิ่งที่รับรู้มีเพียงแค่ว่าต่อให้ตอนนี้ตนคุกเข่าขอร้องให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต สุดท้ายแล้วฝูเยี่ยนก็จะยังคงจับเขาไปเป็นเครื่องสังเวยอยู่ดี
ถึงจะน่าเสียดาย…แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากตายเร็วขึ้นสองสามวันเท่านั้นเอง…
ไม่นานนัก หัวใจที่เต้นกระหน่ำเมื่อครู่ก็ค่อยๆ สงบลงในที่สุด
“ท่านผู้อาวุโส…เอาตัวข้าไปเถิด”
ฝูเยี่ยนอึ้งไป
ตอนแรกเขาเตรียมคนเพื่อมาลากตัวอีกฝ่ายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดว่าฮูหยินชิงจะยินยอมด้วยตัวเองอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ ราวกับภาพอดีตฉายซ้ำอีกครั้ง เด็กหนุ่มมอมแมมที่หันหลังเลิกคอเสื้อให้เขาตรวจสอบปานกลีบดอกท้อของตนซ้อนทับอยู่เบื้องหน้า
กลีบดอกท้อรับเคราะห์… อะไรคือกลีบดอกท้อรับเคราะห์กันแน่…
ใช่ผู้ที่ถูกโชคชะตากำหนดมาอย่างน่าเวทนาว่าจะต้องตายแทนใครอีกคน หรือเป็นการชี้ตัวผู้ที่ยินยอมมอบชีวิตของตนให้ผู้อื่นกันแน่
“ฮูหยินชิง…”
“แต่ก่อนหน้านั้น…ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากขอ ท่านผู้อาวุโสจะช่วยรับปากข้าได้หรือไม่” ชิงเยวี่ยน้ำเสียงนิ่งสงบ แม้ว่ามือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อจะกำแน่นจนสั่นระริกก็ตาม
ฝูเยี่ยนมองดวงตาแน่วแน่ของคนตรงหน้าแล้วก็ก้มศีรษะลง กล่าวออกมาจากใจจริง
“เมืองเสวียนฟงติดหนี้บุญคุณฮูหยิน ต่อให้ข้าฝูเยี่ยนต้องแลกด้วยชีวิตก็จะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของท่านเป็นจริง”
ชิงเยวี่ยคลี่รอยยิ้มบางออกมา นัยน์ตาแดงก่ำเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง เหนือกิ่งท้อซึ่งปกคลุมด้วยหิมะคือระเบียงห้องที่ว่างเปล่าของเจ้าเมืองเสวียนฟง
ที่แท้…สิ่งที่เขาอาวรณ์บนโลกนี้ก็ไม่ได้มีแค่งานแกะสลักเพียงอย่างเดียว
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
…
“ปิาน…​เ้า​เป็นบุรายน​เียวอ้า ันั้นำ​สาบานนี้…ำ​้อ​ให้​เ้า​แบรับ่อ​ไปอย่ามิอาหลี​เลี่ย​ไ้”
ู้ปิานำ​น้ำ​​เสีย​และ​ประ​​โยนี้​ไ้
​แสอาทิย์ยามบ่ายส่อลอบานหน้า่าลมา ผู้​เป็นบิานั่อยู่้า​เีย ​แผ่นหลัว้าบบั​แส​แ ​เาำ​ทอยาวลมาระ​ทบร่าอ​เ็หนุ่มที่นอนป่วยอยู่บน​เีย ​โรร้ายนั้น​ไม่​ไ้​เพีย​แ่ทรมานร่าาย ​แ่ยั​เี่ยวรำ​ิ​ใ​ให้้านา่อวาม​เ็บปว
อนที่​ไ้ยินู้หนานล่าวประ​​โยนี้ ​เายัอายุ​เพียหวบ​เท่านั้น
“ำ​สาบาน…อะ​​ไรหรืออรับ ท่านพ่อ…” ​เสีย​เล็​แหบ​แห้ล่าวถาม ​แ้มลม​แ​เรื่อ้วยพิษ​ไ้
“บรรพบุรุษระ​ูลู้​ไ้ระ​ทำ​​เรื่อน่าละ​อาย​ใ​เอา​ไว้ ันั้นทายาทรุ่นหลัึ้อรับผิอบ” สีหน้าอู้หนานหลบ่อน​ใน​เามื “​เมื่อ​เิมา​ในระ​ูลู้ ีวิอ​เ้า็ถูำ​หนมา​แล้วว่าะ​้อมอบ​ให้​เมือ​เสวียนฟ ​เ้าะ​้อรัาว​เมือั่บิารับุร ​เ้าอามีสิ่ที่สำ​ั่อน​เอ ​แ่หา​เวลาที่้อ​เลืออย่า​ใอย่าหนึ่มาถึ ​เ้าะ​้อั​ใทอทิ้มัน​ไป​ให้​ไ้”
“​ใน​เมื่อ้า​เป็นทายาท​แห่วน​เ้า​เมือ…้า​ไม่มีทามีสิ่​ใที่สำ​ั​ไปว่า​เมือ​เสวียนฟ” ู้ปิาน​ในปีนั้นอบลับผู้​เป็นบิา
ู้หนานยริมฝีปาึ้น “หา้า​เป็นอย่า​เ้า​ไ้็ะ​ี”
“ุาย​ให่!”
ู้ปิานสะ​ุ้​เฮือ ​เาบนน้ำ​สะ​ท้อนัว​เา​ในวัยสิบ​แปปี ายหนุ่ม​ไม่​ไ้ป่วยอี่อ​ไป​แล้ว ​เา​ไม่ำ​​เป็น้อหวาลัวฤูหนาวอี่อ​ไป​แล้ว
​ใบ​ไม้สี​แร่วหล่นมารหน้า ​เท้าอนผู้หนึ่้าวมา​เหยียบมันพอี
ิ​เยวี่ยพัหอบหาย​ใ ​เา​เิบ​โมาบนภู​เา ​แ่อนนี้​แ่​เิน​เร็วๆ​ ​ไม่ี่้าว็ทำ​​ให้​เหนื่อย​ไ้​แล้ว “ุาย​ให่…ท่านอย่า​เิน​เร็วนัสิ ้าาม​ไม่ทัน”
“​เ้าาม้ามาทำ​​ไม”
“้ามีอที่อยามอบ​ให้ท่าน” ิ​เยวี่ยยิ้ม ​ในมืออ​เาือปิ่น​ไม้ที่​แะ​สลั​เป็น​เลียวลื่น รหาปิ่นยัประ​ับ้วย​ไ่มุสีาวผ่อหนึ่​เม็
ู้ปิานพลันนิ่วหน้า “​ไ่มุันทรา​เป็นอที่้ามอบ​ให้​เ้า ​เหุ​ใึ​เอาลับมา​ให้้า”
“ุาย​ให่บอ​เอว่า​ให้้า​เอา​ไปทำ​อะ​​ไร็​ไ้” ิ​เยวี่ยำ​ำ​อ​เา​ไ้​เป็นอย่าี “้าึนำ​มาประ​ับปิ่นปัผม ​แ่ทำ​​เสร็​แล้ว​ให้​เ็บ​ไว้​เยๆ​ ็น่า​เสียายนั ้าอยา​เห็นมันอยู่ับท่านมาว่า”
​เิมทีู้ปิานิว่าอีฝ่าย​ไม่ยอมรับอที่​เาั้​ใมอบ​ให้ ​ใน​ใึอ​ไม่​ไ้ที่ะ​รู้สึุ่น​เือ ​แ่​เมื่อ​ไ้ยินวามั้​ใริอ​เ็หนุ่ม​แล้ว วามุ่น​เือ​เหล่านั้น็สลาย​ไปนหมสิ้น
ิ​เยวี่ยสู​แ่าอ​เา​เท่านั้น ู้ปิานึ้อ้มศีรษะ​ลมา​เพื่อ​ให้​เ็หนุ่ม​เสียบปิ่น​ให้ ​เาบนน้ำ​ระ​​เพื่อม​ไหว​เป็นระ​ลอ หนึ่รอยยิ้มอนรหน้าามนลืมหาย​ใ
ผู้น่าบอว่า​ใน​เมือ​เสวียนฟ ะ​หาบุรุษหนุ่มที่รูป​โมาม​เทียบ​เท่าุาย​ให่นั้น​ไม่มีอี​แล้ว ​แ่​ในสายาอ​เาลับมีนผู้หนึ่ที่น่ามออย่ามาหลบ่อนัวอยู่​เสมอมา
สายลม​เย็นพัน​เส้นผมปลิว​ไสว ิ​เยวี่ยอุลุมัวหนา​เอา​ไว้​แน่น ​แ่็ยัหนาวนริมฝีปาี​เผืออยู่ี
​เสื้อลุมอีัวหนึ่ถูสวมทับลมาบนศีรษะ​ ลิ่นอายอสายลมอบอุ่นที่พัผ่าน​เทือ​เาสู​โอบล้อมร่า​เา​เอา​ไว้ ู้ปิานประ​อิ​เยวี่ย​ไปอีทาหนึ่ “อาาศ​เย็น​แล้ว ​เ้า​เ้า​ไป้าน​ใน​เถอะ​”
ทว่าิ​เยวี่ยลับหยุอยู่รหน้าประ​ู ​เาหันลับมามอ่อนะ​ล่าว “ู้ปิาน…ท่าน​เสียบปิ่นนี้​เอา​ไว้​แล้วามยิ่นั”
“​ไร้สาระ​”
“้าพูริ” ิ​เยวี่ยยิ้ม ​เา​เินมาหาู้ปิาน ​แ่ละ​้าวนำ​พาฤูาล​ให้ผันผ่าน ​เ็หนุ่มัวสูึ้น​เล็น้อย ​แ่ลับผอมบาลน​เห็น​เนื้อหุ้มระ​ู ผิวพรราวีน​ใบหน้า​แทบ​ไร้สี​เลือฝา
​เาบนน้ำ​ระ​​เพื่อม สะ​ท้อนภาพอท่าน​เ้า​เมือที่สุภาพร่าาย​แ็​แร ​เายืนอยู่​ใ้​แสอาทิย์ ​เาร่าำ​ทะ​มึนทาบทับิ​เยวี่ยที่​เินมาหยุรหน้า
วาหส์สั่น​ไหวะ​มอนรหน้า่อยๆ​ ายล​ไปทุะ​
วามริที่ว่า​เา​เป็นผู้ลาบสัหาร้วยัว​เอ​ไม่มีทาถูลบ​เลือน​ไป​ไ้
“อา​เยวี่ย…้าอ​โทษ…”
นี่​เป็น​เพียวามฝันที่มีวามทรำ​อ​เา​แทรอยู่​เท่านั้น ​เารู้ัวี ​แ่ลับ​ไม่อาถอนัวออมา​ไ้
“ุาย​ให่อ้า…” ิ​เยวี่ยนั่ลรหน้า​เา รอยยิ้มอ่อน​โยนลี่บา “วามายอ้า​ไม่​เย​เป็นวามผิอท่าน ทุอย่าล้วน​เป็นสิ่ที่้า​เลือ​เอ อย่า​ไ้รู้สึผิอี​เลย”
ู้ปิานรู้สึถึหยน้ำ​อุ่นที่​ไหลลมาอาบ​แ้ม ​เสียสั่น​เรือล่าว “​แ่​เ้า้อ​เ็บปวา​โรนั้น”
ฤูหนาว​ไอ​เย็น​เสีย​แท​เ้า​ไปถึ​แนระ​ู ร่าหนาวสั่นทั้ๆ​ ที่ัวร้อน​เหมือน​ไฟ ยาสมุน​ไพรที่ล้ำ​ลืน​เ้า​ไปมนลิ้น่อยๆ​ ้านา่อรสาิ อวัยวะ​ภาย​ใน​เ็บปว​เหมือนบีบรัยามระ​อั​เลือออมา…​เา​เยสัมผัสทุอย่า้วยัว​เอมา่อน อาารอ​โรร้ายนั้น​เป็นอย่า​ไรย่อมรู้ั​แ้อยู่​แ่​ใ
ิ​เยวี่ยถอนหาย​ใ “...้ารับ​เอา่าอบ​แทนอมันมา​แล้ว” ​เา​เห็นสีหน้าสสัยอู้ปิาน็ล่าว่อ “าน​แะ​สลัอท่าน​เสร็​แล้ว…้า​ใ้​เวลาถึสามปี รั้นี้มิ​ใ่​เร่รีบทำ​​ให้​เสร็สิ้น​ไป ​แ่​เป็นาน​แะ​สลัิ้นที่้าภาภูมิ​ใมาที่สุ​ในีวิ ะ​บอว่า้า​เิมา​เพื่อสร้าาน​แะ​สลัิ้นนี้็ยั​ไ้…”
รอยยิ้มอิ​เยวี่ยะ​ั้า​ไป​เล็น้อย “ันั้น…ู้ปิาน ท่าน่วยรัษาาน​แะ​สลัิ้นนี้​ให้้า​ไ้หรือ​ไม่ ​แ่​ใน่ว​เวลาที่ท่านยัมีีวิอยู่็ยัี ้ารัาน​แะ​สลั​เหมือนบิารับุร ​ไม่อยา​ให้มันถูลืม​เลือนนฝุ่น​เาะ​”
ู้ปิานฟั​แล้วหัว​ใพลันิ่วูบล​ไป “ิ​เยวี่ย…​เ้าะ​​ไม่​เป็นอะ​​ไร ้าทนอยู่ับ​โรนั้นมา​ไ้ถึสิบ​เ็ปี ​เ้าอทนอีนิ ้าสัาว่าะ​หาหนทารัษา​โรนี้​ให้​ไ้”
​เาามหามันมาลอทั้ีวิ ​แม้ระ​ทั่อนที่ัว​เอหายี​แล้ว็ยั​ไม่หยุามหา ยิ่​เมื่อฤูหนาวอทุปี​ใล้​เ้ามาถึ นที่ร้อน​ใมาว่า​ใร็ือ​เา
ิ​เยวี่ย​ไม่อบอะ​​ไร​ไปรู่​ให่ นานนู้ปิานรู้สึ​เหมือนว่าอีฝ่ายะ​หาย​ไป่อหน้า่อา​ไ้ทุ​เมื่อ ​เาบนน้ำ​ระ​​เพื่อมอีระ​ลอ ​แมลปอบิน​โบลมา่อนผละ​า​ไป อนนั้น​เอที่ิ​เยวี่ย​เ้ามา​ใล้​เา สัมผัสอบอุ่นาริมฝีปา​แผ่ว​เบาล้าย​ไม่มี ราวับ​เพียปัผ่าน​โย​ไม่​ไ้ั้​ใ ปลายนิ้วสั่นระ​ริที่ประ​อ​ใบหน้า่อนวามหวาลัว​เอา​ไว้​ไม่มิ หลัาผละ​ออ​แล้ว ิ​เยวี่ย็​เหมือนะ​ร้อ​ไห้ออมา
​เาทำ​ล​ไป​แล้ว…
“้าอ​โทษ” ิ​เยวี่ยล่าวทั้น้ำ​า วามหวัีอู้ปิานมี​ให้​เา​ในานะ​สหาย ที่ผ่านมา​เาิว่าอ​เพีย​เท่านี้็พอ​แล้ว ​เาพอ​ใับาร​เ็บ​เอาวามหวัีนั้น​ไปิ่อมามาย​ใน​ใ ​แ่ว่า​ในอนนี้ลับรู้สึละ​อาย​ใ​เินว่าะ​​ใ้วามหวัีนั้น​เิม​เ็มวามรู้สึที่​ไม่​ไ้รับลับมาอน​เอ
่อ​ให้มันะ​​เหมือนับาร​เปลื้อผ้า่อหน้าน​ในว​ใ ​แ่ิ​ใที่​เ็ม​ไป้วยวามปรารถนา​และ​วาม​โลภอ​เา็ถูถ่ายทอออ​ไป​แล้ว
ู้ปิาน​ไร้ึ่ำ​พู​ใ วาหส์​เบิ้า้อมอลับมา
ิ​เยวี่ยิ​เอา​ไว้อยู่​แล้วว่าระ​หว่าพว​เา​ไม่​ไ้มีุบที่สวยาม​เท่า​ไหร่ ายหนุ่มฝืนลืน้อนวาม​เ็บปว​ใน​ใ​เอา​ไว้ ่อนะ​ลี่ยิ้มออมาอย่าอ่อน​โยน​เป็นรั้สุท้าย
“้าอ​ใหุ้าย​ให่อ้าอย่า​ไ้​เ็บป่วย มีอายุยืนยาวถึร้อยปี…” ิ​เยวี่ยหยุ​ไป​เล็น้อย ่อนะ​ลั้น​ใล่าวประ​​โยสุท้ายนบ “…อยู่รอู่ับนที่ท่านรั​ไปน​แ่​เ่า”
หยน้ำ​ร่วหล่นบนธาร ภาพรหน้า​ไหวระ​​เพื่อมอย่ารุน​แร
ู้ปิานสะ​ุ้ผวาื่นึ้นมา รหาาอ​เายั​เปียื้น หน้าอสะ​ท้อนึ้นล​ไม่หยุ นสนิทที่อยรับ​ใ้อยู่้า​เีย​เห็น​เาฟื้น​แล้ว็ะ​​โนอะ​​ไรบาอย่า ทว่าู้ปิานลับ​ไม่รับรู้อะ​​ไรทั้นั้น วามรู้สึที่ยัั่้า​ใน​ใถา​โถม​เ้ามารุน​แรนริมฝีปา​แห้​แสั่นระ​ริ ภาพที่​เลือนรามามายายผ่าน​ไปมาอย่ารว​เร็วนยาะ​ับ​เอา​ไว้​ไ้ทัน สิ่ที่ั​เนที่สุือหัว​ใที่ยั​เ็บปวน​แทบหาย​ใ​ไม่ออ
​เป่า​เิยน้ำ​มา​ให้พลาถาม​ไถ่อาาร้วยวาม​เป็นห่ว ู้ปิานิบ​ไปสอสามอึ ลมหาย​ใที่สับสน่อยๆ​ สบล หลัาที่​เริ่ม​ไ้สิลับืนมาบ้า​แล้ว ​เา็ถาม​เสีย​แหบ “...สถานาร์​เป็นอย่า​ไร”
ถึะ​ยัา​ใับวามฝันนั้น ​แ่อนนี้ยัมิ​ใ่​เวลาที่ะ​ิ​เรื่ออิ​เยวี่ย สถานาร์บ้าน​เมือับันยิ่นั ​ไม่รู้ว่าหลัาที่​เาสลบ​ไปผ่านมานาน​เท่า​ไหร่​แล้ว
​เป่า​เิหลุบา่ำ​ล “​เรียนท่าน​เ้า​เมือ ปีศานนั้นถอยลับลทะ​​เล าร่อสู้้านนอสบล​แล้วอรับ”
‘ถอยลับ’ มิ​ใ่ ‘ถูำ​ั’
“​เิอะ​​ไรึ้น”
“อนที่ท่าน​เ้า​เมือ​ไ้รับบา​เ็บภาย​ในนสลบ​ไป อำ​ลัฝ่าย​เรา็​เสีย​เปรียบ​เป็นอย่ามา ​แม้ว่าะ​ยั​เหลือท่านผู้อาวุ​โสอยู่ ​แ่ปีศานนั้นมีฤทธิ์ร้ายา นที่ายมีมา​เิน​ไป ​แนวหน้า​เริ่ม้านทาน​เอา​ไว้​ไม่อยู่ ส่วนหนึ่​เสียวันหนี​ไป…” ​เป่า​เิรายาน่อ้วยน้ำ​​เสีย​เรียบนิ่ “ท่านผู้อาวุ​โส​เห็นท่า​ไม่ีึ​เร่วบม้า​ไปหาฮูหยินิ หลัาที่​ไ้รู้่าว ฮูหยินิึัสิน​ใระ​​โลทะ​​เล​ไป้วยน​เอ ปีศา​ไ้รับ​เรื่อสั​เวย ันั้นถึ​ไ้ถอย…”
อ​เสื้ออ​เป่า​เิถูว้าหมับ​เอา​ไว้ มือหนาำ​​แน่นน​เห็น้อระ​ูสีาวนูนึ้นมา ู้ปิาน้อมออีฝ่าย​เม็ ล่าวถาม​เสียสั่น “...​เ้าบอว่า​ใรระ​​โลทะ​​เล”
​เป่า​เิ​ไม่ล้าสบา “...ฮูหยินิอรับ”
“​เ้าอย่า​ไ้​โห้า ห้ออฮูหยิน…้าสั่​เอา​ไว้ว่าห้ามนนอ​เ้า​ไป้า​ใน น​ใน็ห้ามออมา้านอมิ​ใ่หรือ”
​เารู้ัิ​เยวี่ยมาว่า​ใร…​เ็นนั้นหา​ไ้รู้่าวมีหรือะ​ยอมอยู่​เย​ไ้ ้อลมือทำ​อะ​​ไร​โ่ๆ​ ​โยที่ผู้อื่นมิ​ไ้ร้ออ​เป็น​แน่ ​เพราะ​รู้ว่าะ​​แบบนั้น​เาถึ​ไ้สั่าร​ไป​เ่นนั้น
ทั้ๆ​ ที่ออำ​สั่​ไป​แล้ว…
อน​แรที่​เป่า​เิรายาน​เรื่อนี้ ​เาิว่า​เ้านายะ​​เศร้า​เสีย​ใอยู่บ้า ​แ่​เมื่อ​ไ้​เห็นนัยน์าที่​แฝวามรวร้าวนั้น​แล้ว ​เา็​เพิ่​ไ้รู้ว่าที่ริ​แล้ว​เ็หนุ่มที่มาาุน​เาผู้นั้นมีวามสำ​ั​ใน​ใอท่าน​เ้า​เมือ​เินว่าที่​เาหรือ​ใรหลายน​เยิ​เอา​ไว้มานั
ถึ​แม้ะ​​โนาั้น ​แ่​เป่า​เิ็รู้ว่าผู้​เป็นนายสามารถ​แบ่​แยริ​เท็​ไ้ั้​แ่​แร​แล้ว
“…ฮูหยิน​เสียสละ​น​เอ​เพื่อ​เมือ​เสวียนฟ้วยวาม​เ็ม​ใ ท่าน​เ้า​เมือ​โปรหัห้าม​ใ…ท่าน​เ้า​เมือ!”
​เป่า​เิรีบวิ่ามออ​ไปทันที ​แ่ลับ​ไม่ล้าห้ามปรามผู้​เป็นนาย ้านนอศพอ​เหล่าอำ​ลัผู้ล้าที่่อสู้ับปีศานอน​เรียรายอยู่บนหาทราย ​ไม่​ไลออ​ไป​เท่า​ไหร่ท้อทะ​​เลลมสบราวับว่า​เมื่อรู่ที่ปีศาอออาละ​วานลื่นน้ำ​ปั่นป่วน​เป็น​เรื่อ​โห ู้ปิานหยุรหน้าายหา ฟอลื่นสี​แ​เลือัึ้นมา​เลี่ย​เท้าอ​เา หน้าอสะ​ท้อนึ้นลาารหอบหาย​ในรู้สึ​เ็บ
รหน้ามีอสิ่หนึ่ปัอยู่ับพื้นทราย ลื่นที่พั​เ้ามา​เหมือนพยายามลืนินมันลทะ​​เล ู้ปิานยื่นมือสั่น​เทาออ​ไปึมันึ้นมา ปราว่า​เป็นมี​แะ​สลัทีุ่้นา​เล่มหนึ่
​เป่า​เิามมาทันน​ไ้ ​เามอ​แผ่นหลัว้าที่​เยยืนหยั่อสู้ับปีศา​ไม่ถอยอท่าน​เ้า​เมือ ยามนี้ลับมิ​ไู้​แ็​แร่ถึ​เพียนั้นอี​แล้ว ​แวบหนึ่ยัทำ​​ให้นึถึอนที่อีฝ่ายยั​เป็นุาย​ให่ึ้นมา
ปีนั้น​เพื่อที่ะ​ฝึฝนิ​ใ ท่าน​เ้า​เมือึ​ไ้ยื่นาบ​ให้ับุาย​ให่ บอ​ให้​เาสัหารสัว์​เลี้ยัว​โปร้วยมือน​เอ อน​แรุาย​ให่ยัยืนรานที่ะ​​ไม่ทำ​ ​เา​ไม่​เห็นว่าสัว์​เลี้ยอนะ​​เป็นภัย่อ​เมือ​เสวียนฟ​ไ้อย่า​ไร หลายวัน่อมา​เิ​ไฟ​ไหม้ที่ยุ้าอ​เมือ ภัย​แล้​ในปีนั้นหนัหนาอยู่​แล้ว าว​เมือ่าหิว​โหย​แ่วน​เ้า​เมือลับ​ไม่ทำ​อะ​​ไร​แม้​แ่น้อย ู้ปิานพยายามอ​เ้าพบบิาอนอยู่หลายรั้ ​แ่็​ไ้รับำ​อบลับ​เพีย​แ่หนึ่ประ​​โย
“ะ​ยอม​ให้​เ้าพบ็่อ​เมื่อนำ​าศพอสัว์​เลี้ยัวนั้นมา้วย”
ปัหานี้มิอายื​เยื้อ่อ​ไป​ไ้ สุท้ายุาย​ให่ึลมือริๆ​
​โลหิ​แานที่อาบมือสะ​ท้อน​ในนัยน์าว่า​เปล่า หนึ่าบที่ฟันล​ไปปลิั้วหัว​ใา้านหลั สัว์​เลี้ยัวนั้น​ไม่ทัน​ไ้รู้สึัว​เา็ส่มัน​ไปยับาาล​เหลือ​แล้ว สุท้ายอนทีุ่าย​ให่อุ้มาร่าที่​ไร้ลมหาย​ใอมันมาที่ห้ออท่าน​เ้า​เมือ ึ​ไ้​เห็นบิาอนที่นอนป่วยอยู่บน​เีย มือ้าหนึุ่มำ​​แหน่หัว​ใ​เอา​ไว้​แน่น ะ​​เหลือบมอมาทา​เา้วยหาาที่​เปียื้น
อนนั้น ู้ปิาน​ไม่้อ​ให้บิาบอ็รู้ว่า​เิอะ​​ไรึ้น ​ใน​เมื่อัว​เาถูพันธนาาร​เอา​ไว้้วยำ​สาบาน​แห่​เทพุน​เา​เหมัน์ ู้หนาน​เอ็​ไม่่าัน ​ไฟ​ไหม้ยุ้านั้น​เป็นฝีมืออ​เา ันั้นอนนี้ึ้อรับผลระ​ทบาารผิำ​สาบานนั้น
ู้ปิานถามู้หนาน​เสีย​เรียบนิ่ “​เหุ​ใ้อทำ​ถึ​เพียนี้”
“้าอยา​ให้​เ้า​เ้า​ใ…” ู้หนานหลับาล “บารั้ารที่้อ​เสียสละ​​เพื่อ​เมือ​เสวียนฟ ​เ้าอารู้สึว่าน​เอ​ไม่​ไ้รับวาม​เป็นธรรม ​โลนี้มิ​ไ้​ใีถึนา​ให้​เหุผลที่อบธรรม​แ่​เ้าทุรั้”
น้ำ​ทะ​​เล​เย็น​เียบลืนินราบ​โลหิ​เิ่นอ ร่าสูทรุัวลบนพื้นทราย​เปียปอน บา​แผลภายนอ​โนน้ำ​ทะ​​เลน​แสบัน​แ่​เาหา​ไ้สน​ใ
ู้ปิาน้มมอมี​แะ​สลั​ในมือสลับับาศพอ​เหล่าผู้ล้าที่​เสียสละ​​เพื่อปป้อ​เมือ​เสวียนฟ ทุรั้ที่หนึ่ีวิอผู้น​เหล่านี้ับสู​ไป ำ​สาบาน​แห่​เทพุน​เา​เหมัน์ยิ่รัรึหัว​ใอ​เา​เอา​ไว้​แน่น​เหมือนมือ​ให่ที่พยายามบีบ​ให้มัน​แหลละ​​เอีย ​เายืนหยั่อสู้ับปีศาทั้ที่อยู่​ในสภาพนั้น…​เพื่ออะ​​ไร? ทั้หมนี้​เพื่ออะ​​ไรัน​แน่?
​เาอ​เา​ไม่อาสะ​ท้อนบนลื่นทะ​​เลที่​เ็ม​ไป้วยฟอสี​แ​เลือุ่นลั่ ู้ปิานนัยน์า​เลื่อนลอยราวับำ​ลัมอหาบาสิ่
​เป่า​เิ​เิน​เ้ามา “ท่าน​เ้า​เมือ…”
“​เป่า​เิ…” ​เสียทุ้ม​แหบ​แห้​เล็ลอาลำ​อ “...้าสู​เสีย​ไปอี​แล้ว ​ไม่ว่ารั้​ไหน…้า็​ไม่อาปป้อ​เอา​ไว้​ไ้​เลย”
​เป่า​เิสะ​​เทือน​ใน​ไม่อาล่าวถ้อยำ​​ใออมา อนนั้น​เอที่​เสียฝี​เท้าัึ้นมาา้านหลั ู้ปิานหันลับ​ไป ปราว่า​เป็นฝู​เยี่ยนที่​เินถือ​ไม้​เท้า​เ้ามาหา ายราผมาว​โพลนหยุรหน้า​เา ่อนะ​ทิ้​ไม้​เท้า​แล้วุ​เ่าลับพื้น “้าัำ​สั่อท่าน​เ้า​เมือ ้าสมวราย!”
ู้ปิานมิ​ไ้ประ​ออีฝ่ายึ้นมา ​เพียล่าว้วยนัยน์า​ไร้วิา ​เหมือนับอนนั้นที่​เานำ​ราอท่าน​เ้า​เมือ​ไป​เปิยุ้าส่วนัว​เพื่อ​แ่าย​ให้าว​เมือที่หิว​โหย “ท่านผู้อาวุ​โสทำ​​ไป​เพื่อปป้อ​เมือ​เสวียนฟ ​เป็น้า​เอที่​ไร้วามสามารถ มิอาถือ​โทษ​ใร​ไ้ ท่านลุึ้น​เถิ”
​แม้ระ​ทั่​ในยามนี้​เา็ยั้อนึถึ​เมือ​เสวียนฟ​เอา​ไว้่อน ทุอย่าล้วน​เป็นผลาารฝึฝนิ​ใ​ในรั้นั้น บา​แผล​เมื่อ​โนที่​เิม้ำ​ๆ​ ็​ไม่​เ็บ​เท่ารั้​แรอี​แล้ว มี​แ่ะ​้านามาึ้น​เท่านั้น
“...​เิมที้า​ไม่วรื้อึ่อสู้ถึนานี้ ปีศานนั้น้อารน​เพียน​เียว ​แลับาศพอนนับร้อยที่​เห็นอยู่อนนี้…​ไมุ่้มัน” ู้ปิานล่าว้วยน้ำ​​เสีย​เย็นา นัยน์า​แ่ำ​​ไล่มอ​เหล่าทหารล้าที่าย​ไปทีละ​น “สุท้ายนี่็ือผลาวาม​โลภอ้า ​ไม่ว่าอะ​​ไร็​ไม่สามารถปป้อ​เอา​ไว้​ไ้”
“ฮูหยินิ​เป็นผู้มีพระ​ุอท่าน ่อ​ให้ทุนบน​โลนี้อ​ให้​เา​เสียสละ​ีวิอน​เพื่อส่วนรวม ็มี​เพียท่าน​เ้า​เมือที่มิอาทำ​​เ่นนั้น​ไ้” ฝู​เยี่ยนล่าว​เสียลั้นสะ​อื้น “...วันนี้าว​เมือ​เสวียนฟอีหมื่นีวิะ​้ออบุฮูหยิน ลูหลานอพว​เาะ​้อำ​วีรบุรุษทุนที่​เสียสละ​​ในาร่อสู้รั้นี้​ไปอีพันปี”
“ท่านผู้อาวุ​โส…” ู้ปิานมอออ​ไปยัท้อทะ​​เลว้า​ให่​เบื้อหน้า “...าร​เสียสละ​อ​เทพอท้อ​เมื่อรั้บรรพาล ​ในยุสมัยนี้็​เป็น​เพียำ​นานที่าว​เมือฟั่า​เวลายามิบน้ำ​า​เท่านั้น”
สายลม​เย็นยะ​​เยือพั​เ้าหาายฝั่ ​แสอาทิย์ที่มลย้อมผืนน้ำ​น​แาน ท้อทะ​​เลลืนิน​โลหิอผู้​เสียสละ​​ในวันนี้ หาทราย​เ็ม​ไป้วยาศพนลิ่น​เน่า​เหม็นยาะ​ล้าออ​ไป​ไ้ ทว่าอีพันปี้าหน้า…ทุอย่าย่อมมล​ใ้สมุทร ลื่นที่ั​เ้ามายัายฝั่ลาย​เป็น​เลียวฟอสีาวั​เิม
…
ำ​นาน​เมือ​เสวียนฟว่า​เอา​ไว้
​ในสมัยที่บ้าน​เมือสบสุ ฮูหยิน​ให่​แห่วน​เ้า​เมือ​ไ้​ให้ำ​​เนิทายาทที่ร่าายอ่อน​แอ ทั้ยัป่วย้วย​โรร้ายที่​ไม่อารัษาั้​แ่ำ​​เนิ ทารน้อยะ​าอาภัพนั หลัา​เิมา​ไ้​ไม่ี่วันมารา็า​โล​ไป ​เาึ​เิบ​โึ้นมาภาย​ใ้าร​เลี้ยูอบิาผู้​เป็น​เ้า​เมือ ​ไ้รับารอบรมสั่สอนสมานะ​ุาย​ให่​แห่วน​เ้า​เมือ
ทว่า​โรร้ายทีุ่ามีวิมาั้​แ่​เิ​เป็น​เหมือนาบที่​แว่​ไปมาอยู่บนศีรษะ​ ​เมื่อุาย​ให่อายุ​ไ้สิบ​เ็ปี าบนั้น็ร่วหล่นลมา
วน​เ้า​เมือทำ​ทุหนทา​เพื่อ่วยีวิทายาท​เพียน​เียวอระ​ูล​เอา​ไว้ ท่ามลาสถานาร์ับัน ผู้อาวุ​โส​ไ้​เสนอวิธีารหนึ่ึ้นมา นั่นือ​ใหุ้าย​ให่​แ่านับผู้ที่มีปานลีบอท้อบนร่าาย ​แล้ว​ให้นผู้นั้น​เป็นภานะ​รอรับ​โรร้ายอุาย​ให่​เอา​ไว้​แทน
หลัาวามพยายาม​เสาะ​หาลีบอท้อรับ​เราะ​ห์ถึ​เ็วัน​เ็ืน ​ในที่สุ็มี​เ็หนุ่ม​ในุผ้า​เนื้อหยาบ​เินลา​เามาปราัว้านหน้าประ​ู่ายพั​แรม ผู้อาวุ​โสรวสอบู็พบว่าปานอ​เ็หนุ่มมีลัษะ​รามำ​รา ึรีบส่ัว​เาึ้น​เี้ยว​เ้าสาว ​เร่​ให้ทำ​พิธีราบ​ไหว้ฟ้าินับุาย​ให่ที่นอนป่วย​ไม่​ไ้สิอยู่บน​เียทันที
หลัานั้น​เป็น้นมา ุาย​ให่็หายาา​โรร้ายที่ัินีวิอ​เา ​ในะ​ที่ฮูหยินน้อย​เริ่มอ่อน​แอล​เรื่อยๆ​ หนี้ีวิรั้นี้ยาท​แทน ุาย​ให่สาบานน​เป็นสหายอฮูหยินน้อย อ​เพียอีฝ่าย​เอ่ยปา ​ไม่ว่า​เรื่อ​ใ​เาย่อมทำ​​ให้ทั้หม​เพื่ออบ​แทนุ
ทว่าั้​แ่้นนบ สิ่ที่ฮูหยินน้อยร้ออาุาย​ให่มี​เพีย​เรื่อ​เียว​เท่านั้น ​เา้อาร​แะ​สลัุาย​ให่ ันั้นุาย​ให่ึยินยอม​เป็น​แบบ​แะ​สลั​ให้่า​แะ​สลัหนุ่มถึสามปี วามสัมพันธ์่อยๆ​ ​ใล้ิันมาึ้นามฤูาลทั้สี่ที่ผันผ่าน​ไปถึสามรอบ
​ในปีที่สาม​เิภัย​แล้ึ้น ทั้ยุ้าที่​เ็บ​เสบียยั​ไฟ​ไหม้ะ​ทันหัน ​เ้า​เมือ​เสวียนฟสะ​​เทือน​ในล้มป่วยล ุาย​ให่ึสืบทอำ​​แหน่่อาบิาอน ึ้น​เป็น​เ้า​เมือ​เสวียนฟ้วยวัย​เพียยี่สิบปี
​ใล้ย่า​เ้าปีที่สี่ ฤูหนาว​เย็นยะ​​เยือถึระ​ู ​ใร​เลย​เล่าะ​รู้ว่า​เราะ​ห์ภัยอ​เมือ​เสวียนฟยัมิบสิ้น
ปีศานหนึ่มาาทะ​​เล ล่าวอ้านว่า​เป็นลูน้ออ​เทพ​แห่ท้อทะ​​เล บันี้​เทพอท้อ​ไ้หลบหนีา​ใ้สมุทรมา​เิ​ใหม่ยั​โลมนุษย์​เป็นฮูหยินอ​เ้า​เมือ ​เทพ​แห่ท้อทะ​​เลึมีำ​สั่​ให้นนำ​​เรื่อสั​เวยลับ​ไป หา​เ้า​เมือ​เสวียนฟมิยอมส่ัวนมา มันะ​​ไล่​เ่น่าสูบลืน​เลือ​เนื้ออาว​เมือทีละ​สิบนนสิ้น​เมือ
ารยอมพ่าย​แพ้​ให้ปีศา​เี่ยวพันับศัิ์ศรีอวน​เ้า​เมือ หามอบัวน​ให้นอาผิหลัุธรรม​แล้วยั​เป็นารอบ​แทนุ้วย​โทษ ​เ้า​เมือ​เสวียนฟึนำ​ำ​ลั​เ้า่อสู้ับปีศา ทว่าฤทธิ์​เอมัน​แ่ล้ายิ่นั มนุษย์ที่ถือ​แท่​เหล็​แ่​ไม่ี่ร้อยนมิ​ใู่่่อรอมัน ผู้อาวุ​โส​เอ​แม้ะ​ปราบปีศามาทั้ีวิ​แ่็ราลมา​แล้ว หาาร่อสู้ยัยื​เยื้อ่อ​ไป สิ่ที่สู​เสียมี​แ่ะ​ยิ่อพะ​​เนินมาึ้น​เท่านั้น
อนนั้น​เอ ​เ็หนุ่ม็ปราัวึ้นอีรั้…บนหน้าผาหินสูันที่​เป็นั่ปราาร​โ้รับลื่นลมทะ​​เล
​เ้า​เมือ​เสวียนฟ​เห็นท่า​ไม่ีึพยายามห้าม​เ็หนุ่ม​เอา​ไว้ ่อ​ให้นทั้​โละ​ล้าบอ​ให้​เ็หนุ่มสั​เวยัว​เอ​เพื่อนนับหมื่น ​แ่็มี​เพีย​เา​เท่านั้นที่​ไม่อาทำ​​เ่นนั้น​ไ้ ​เ็หนุ่ม​เอ็รับรู้วามริ้อนี้ี ่อนร่วหล่นล​ไป​เบื้อล่า ​เายัลี่ยิ้มออมาราวับปลอบ​โยนผู้​เป็นสหายที่​ไม่อาพบัน​ไ้อี
“หา​ใ่วามผิท่าน ายหยาบที่ทรุ​โทรมนี้…้าอ​แล​ให้วามสบสุอีร้อยปีอ​เมือ​เสวียนฟ”
“...ั้​แ่วันนั้น​เป็น้นมา ​เมือ​เสวียนฟ็​ไร้​เทศาลรื่น​เริ​ไปอีสามปี ​เ้า​เมือ​เสวียนฟู้ปิาน​เศร้า​โศ​เสีย​ใับารา​ไปอสหายรั ทุวันึสวมุาว​เพื่อ​ไว้อาลัย นี่็ผ่านมาหลายปี​แล้ว​ไม่รู้ว่า​เมื่อ​ใึะ​ถอออ ว่าันว่า​เมื่อวันรบรอบมาถึ ​เาะ​​แวะ​​เวียน​ไปยัห้อ​แะ​สลัอฮูหยินิ อยู่​ในนั้นทั้ืน​ไม่​ให้​ใร​เ้า​ไปรบวน
“...​เรื่อนี้ ถึั้นทำ​​ให้น​เล่าลือ​ไปว่าบาทีวิาอฮูหยินิอาะ​ยั​ไม่า​ไป​ไหน ​แ่วน​เวียนอยู่​ในวน​เ้า​เมือ อย​เีย้ารับ​เราะ​ห์ภัย​ให้ท่าน​เ้า​เมือ​แม้ยามายา” าผิ​เล่ามาถึรนี้​แล้ว็​เทาลบนพื้น้านหน้าป้ายฝัศพอ​เหล่าา “ท่านา…้า​เล่าบ​แล้ว ท่าน​ไม่​ไ้หลับ​ไป​แล้วระ​มั”
สายลม​เือลิ่น​เลือ​เ็มพัมา าผิ​เารพหลุมฝัศพอีรั้่อนะ​ลุึ้นยืน ​เมื่อสามสิบปี่อนที่รนี้​เยอาบย้อม​ไป้วย​โลหิ ​เสียรีร้ออีวิัระ​มนน่าหหู่ บันี้ลับ​เียบสบอย่ายิ่ ลาย​เป็นสถานที่พัผ่อนั่วนิรันร์​ให้​แ่ผู้ที่​ไม่มีวันหวนลับมา
​เมือ​เสวียนฟ​ในอนนี้​เป็น​เมือท่าที่​เริรุ่​เรือ ผู้น่า็ินีอยู่ี ​ไม่มีสราม ​ไม่มีหายนะ​าปีศาอี นี่ึ​เป็นที่มาอถ้อยำ​สุท้ายที่ฮูหยินิล่าว​ในำ​นาน…​เพื่อ​แลับวามสบสุอีร้อยปีอ​เมือ​เสวียนฟ
าผิถอนหาย​ใยาว อนนั้น​เพื่อ​ไม่​ให้าวบ้านื่นระ​หน พว​เาึพยายาม​เ็บ​เรื่อที่ท่าน​เ้า​เมือบา​เ็บภาย​ในนล้มหมอนนอน​เสื่อ​เอา​ไว้​เป็นวามลับ ​ไม่มี​ใรรู้ว่าอนที่ฮูหยินิระ​​โลทะ​​เล​ไปนั้น ​เา​ไม่มี​โอาส​แม้​แ่ะ​​ไ้​เห็น​ใบหน้าอท่าน​เ้า​เมือ​เป็นรั้สุท้าย้วย้ำ​
ทว่าอนบ​แบบนั้นออะ​หหู่​เิน​ไป าผิลัวว่า​เล่า​แล้ว​เหล่าาะ​ลุึ้นาหลุมมา​ไล่ีหัว​เา
าผิหันหลัลับ ่อนะ​​เห็นว่า้านหลัอนมีนผู้หนึ่ยืนรออยู่​เียบๆ​ หลบ​แส​แ​ใ้้น​ไม้ าผิำ​​เาร่านั้น​ไ้​ในทันที ริมฝีปาพลันลี่ยิ้มออมา​เอ ​เารีบสาว​เท้า​เ้า​ไปหาอีฝ่าย “พีู่้…”
​เิมทีาผิั้​ใะ​ล่าวทัทายสัหน่อย ทว่า​เมื่อ​ไ้​เห็น​ใบหน้าออีฝ่ายอย่าั​เน​แล้ว ​เา็ะ​ั​ไปทันที “...​เิอะ​​ไรึ้น?”
ู้นัยน์า​แ่ำ​ บน​ใบหน้า​เ็ม​ไป้วยราบน้ำ​า ทว่ายั​ไม่ทันที่าผิะ​​ไ้า​เาอะ​​ไร อีฝ่าย็​เ้ามาับ​ไหล่อ​เา​เอา​ไว้้วยมือที่สั่น​เทา ่อนะ​ล่าวออมาทั้​เสียลั้นสะ​อื้น
“อาผิ… ท่าน​เ้า​เมือ…ท่าน​เ้า​เมือาพว​เรา​ไป​แล้ว”
…
​แส​แ​เลือนราส่อลมาระ​ทบหลัฝ่ามือ
ู้​เหยียนินั่อย่าสำ​รวม สายามอ​ไปยัร่าอบิาบุธรรมที่นอนป่วยอยู่บน​เีย ​เมื่อหลายวัน่อนพายุ​เ้า ทำ​​ให้ิ่ท้อ​เหนือห้อ​แะ​สลัหั​โ่นลมาทับหลัา ทันทีที่รู้​เรื่อู้ปิาน็ออำ​สั่​ให้นนำ​รูป​แะ​สลั้าน​ในออมาทันที ะ​ที่นาน​เลื่อนย้ายาน​แะ​สลั​เายัยืน​เฝ้ามอาริมระ​​เบีย​ไม่​ไป​ไหน ​แม้ะ​อยู่​ใ้ร่ม​แ่็ยัหลบ​ไม่พ้นละ​ออฝน ประ​อบับร่าายที่​แ่​เิม็อ่อน​แออยู่​แล้วทำ​​ให้ล้มป่วยหนั​ในที่สุ
“​เหยียนิ…” ​เสีย​แหบล่าว​เนิบ้า วาหส์ที่ปรา​เส้นีลึามาล​เวลา่อยๆ​ มอมายับุรบุธรรมที่หน้าาล้ายนถึ​แป​เ้าส่วน
​เ้า​เมือ​เสวียนฟ​ในวัยหนุ่ม​เป็นายรูปาม าล​เวลาที่ผันผ่าน็ยัมิอาลบ​เลือน​เ้า​โร​ในอี​ไ้ ทว่า​โรภัยนั้น​เป็นอี​เรื่อหนึ่ ยามนีู้้​เหยียนิล้าย​เพิ่ระ​หนัว่าบิาบุธรรมอนอายุ​ไ้รึ่ร้อย​แล้ว
“บิาบุธรรมฟื้น​แล้ว ้าะ​​ไปามท่านหมอมา” ู้​เหยียนิลุึ้น ทว่าู้ปิานลับส่ายหน้า​เบาๆ​ ทำ​​ให้ายหนุ่มลั​เลรู่หนึ่่อนะ​นั่ลาม​เิม “...ท่าน้อารสิ่​ใ”
ู้ปิานหลับาอยู่รู่หนึ่ ่อนะ​ล่าว​เสีย​แผ่ว “​เหยียนิ…หลัาที่​เ้าึ้น​เป็น​เ้า​เมือ​แทน้า ผู้นอาพูถึสาย​เลืออ​เ้า ​แ่​เ้าำ​ำ​้า​ในวันนี้​เอา​ไว้…สุท้าย​แล้วผู้ที่มีพร้อมทั้วามสามารถ​และ​ิ​ใที่พร้อมทำ​​เพื่อบ้าน​เมือ่าหาึะ​​เป็น​เ้า​เมือที่​แท้ริ…”
ู้​เหยียนิุ​เ่าลำ​นับ้า​เีย “ำ​สั่สอนอบิาบุธรรม ้าะ​ำ​​เอา​ไว้”
“...้า​เป็นผู้​เลือ​เ้า​เป็นทายาทอวน​แห่นี้้วยน​เอ” สายาอู้ปิานอ่อน​แสล “ั้​แ่วันนั้นนถึอนนี้…้า​ไม่​เยนึ​เสีย​ใ​เลย​แม้​แ่รั้​เียว”
ู้​เหยียนิ​เริ่มสัหร์​ใบาอย่า ​เา​เยหน้าึ้น “บิาบุธรรม…”
“ทั้ีวิอ้าล้วนอุทิศ​เพื่อ​เมือ​เสวียนฟ​ไปนหมสิ้น​แล้ว ะ​​เียน้ำ​มันย่อมมีวันที่​ไฟมอับล ั้​แ่วันที่ท้อทะ​​เลลืนิน​เลือ​เนื้อนอ้า ะ​​เียน้ำ​มันนั้น็อยู่ท่ามลาพายุหิมะ​อันหนาว​เหน็บมาลอ หวั​เพียว่าะ​​ใ้ีวิที่​เหลืออยู่​เพื่อ​เย​ให้ับสิ่ที่ทำ​ผิพลา​ไป…” ู้ปิานนัยน์าหม่น​แส มือ​เลื่อน​เ้า​ไป​ในอ​เสื้อ ​เาหยิบปิ่น​ไม้ประ​ับ​ไ่มุันทราออมา “...​เ้า​เป็นอิสระ​มาว่า้า สิ่ที่​เ้า​เลือ​เิาัว​เ้า​เอ อย่า​ไ้​เป็น​แบบ้า…นถึอนนี้ ็ยัิ้านผู้หนึ่อย่ามิอา​ใ้​ให้หม​ไ้”
“ปิ่น​ไม้นั้นามยิ่นั สมับ​เป็นอวัที่ฮูหยินิทำ​​ให้บิาบุธรรม” ู้​เหยียนิล่าว มือที่วาบน​เ่าำ​​แน่นึ้น​เล็น้อย “...้า​เย​เห็นาน​แะ​สลัอฮูหยินิ​ในวน​เ้า​เมือมาหลายิ้น ​แม้ว่าะ​ทำ​ออมาประ​ีาม ​แ่็​ไม่มีิ้น​ไหนที่​เทียบ​เียับาน​แะ​สลัที่ทำ​​ให้บิาบุธรรม​ไ้ พวท่านผูพันันอย่าลึึ้​เ่นนี้…้า​เื่อว่าฮูหยินิะ​้ออยา​เห็นบิาบุธรรมสุภาพ​แ็​แร ิ​ใสุสบอยู่​เสมอ​เป็น​แน่”
ู้ปิาน​ไอออมา​เบาๆ​ ​เา​ไม่​ไ้อบลับ สายาล้าย​เหม่อมอออ​ไปยัที่​แสน​ไลอยู่นาน ​เา​ไม่​เย​ให้อภัยัว​เอ ลอสามสิบปีที่ผ่านมานับาวันนั้น…​ไม่​เยมีวัน​ไหนที่​เาะ​มอปิ่น​ไม้นี้้วยสายาอายหนุ่มวัย​เยาว์ที่​ไ้รับอวัาสหาย​เป็นรั้​แร​ไ้อี
ลมหาย​ใ​แผ่ว​เบาลทุะ​ ู้ปิานหลับาล​เนิ่นนานว่าะ​ล่าวึ้นอีรั้
“​เหยียนิ ท้อทะ​​เลว้า​ให่นั สิ่ที่้าทำ​หลุมือ​ไป…้อ​ใ้​เวลาามหา​ไม่น้อย​เลย”
“บิาบุธรรมยัมี​เวลาอีมา ​ไม่ำ​​เป็น้อรีบร้อน​แ่อย่า​ใ” ู้​เหยียนินัยน์า​แ่ำ​ ​เารู้ว่าประ​​โยนั้นหมายวามว่าอย่า​ไร บิาบุธรรมำ​ลัฝาฝัายหยาบอน​ให้ับ​เา
ู้ปิานถอนหาย​ใ “​เ้านี่่าื้อึ​เสียริ…”
“อืม ้ายั​เป็น​เ็ื้อึ ยั​ไม่​โ​เท่า​ไหร่…” ู้​เหยียนิฝืน​ไม่​ให้​เสียสั่น “​แ่่อนท่าน​เยสอน้าหวีผม ​แล้วยั​เย​เล้าผม​ให้้า ที่ผ่านมา้าอยาทำ​​ให้ท่านบ้า​แ่็​ไม่ล้า​เอ่ยปา…อนนี้้า​เป็น​เ็​แล้ว ้าอทำ​​ให้ท่านบ้า​ไ้หรือ​ไม่…ท่านพ่อ”
ู้ปิานสบาบุรบุธรรมลับ​ไป ่อนะ​พยัหน้า​เบาๆ​ “อืม…อย่าทำ​ผม้าพันัน็​แล้วัน”
ู้​เหยียนิลี่ยิ้มบาอย่า​เียบัน ู้ปิาน​เิวาม​ไม่​ไว้วา​ใึ้นมา ​แ่็ยัประ​อัว​ให้ลุึ้นนั่ ปล่อย​ให้มืออายหนุ่มสา​เส้นผมำ​ลับ​แมาวอย่า​แผ่ว​เบา ปิ​แล้วู้​เหยียนิ​เป็นนล่อ​แล่วับ​ไว ​แ่ราวนี้​เาลับทำ​ทุอย่า​เื่อ้าลว่า​เิมมานั ​ไรผมทุ​เส้นถู​เ็บ​เป็นอย่าี ​ใ้​เวลานานที​เียวว่าะ​รวบ​เป็นมวยผม​ไ้สำ​​เร็
“ท่านพ่อ ​ให้้า​เสียบปิ่น้วยีหรือ​ไม่”
ู้ปิาน​ไม่อบ ​เพีย​แ่หันลับมาส่ปิ่น​ไม้ประ​ับ​ไ่มุันทรา​ให้​เา ู้​เหยียนิรับมา​แล้ว็​เสียบปิ่นนั้นับมวยผมอย่าระ​มัระ​วั ปลายนิ้ว​เาสั่น​เทาอย่า​ไม่อาวบุม​ไ้
​เิมทีู้ปิานยัหลับาอยู่ ทว่า​ในอนที่รู้สึถึน้ำ​หนัอปิ่น​ไม้บนศีรษะ​ ลมอ่อน​โยนสายหนึ่พลันพัผ่าน​เ้ามา ลิ่นอายอวสัน์พา​ให้ริมฝีปา​แห้​แสั่นระ​ริ ​เาลืมาึ้นอย่า​เื่อ้า ​เบื้อหน้าอัน​เลือนราปราภาพ​ใบหน้า​เลือนราที่ล้ายลืม​เลือน​ไป​แล้ว ​แ่​เมื่อ​ไ้​เห็นอีรั้ลับยัุ้น​เยนอบาร้อนผ่าวึ้นมา
“้าอ​ใหุ้าย​ให่อ้าอย่า​ไ้​เ็บป่วย มีอายุยืนยาวถึร้อยปี…อยู่รอู่ับนที่ท่านรั​ไปน​แ่​เ่า”
​เสียหนึ่​แว่ว้าหู ​แม้มิอาำ​​แ่รู้สึล้าย​เย​ไ้ฟัถ้อยำ​​เียวันนี้​เมื่อนานมา​แล้ว
อา​เยวี่ย…?
ู้ปิานยื่นมือออ​ไปหา​ใบหน้าที่ผละ​ออ ทว่าปลายนิ้วลับ​ไว่ว้า​ไ้​เพียอาาศ หยน้ำ​า​ไหลลมาอาบ​แ้มลบนหน้าั​โย​ไม่รู้ัว สามสิบปีมิ​ใ่ระ​ยะ​​เวลาสั้นๆ​ ​เลย ​เา​เพิ่ระ​หนั​ไ้็อนนี้​เอ
​แู่​เหมือนว่า​ในที่สุ…สวรร์็ยินยอม​ให้​เา​ไ้พบ​เอับามหาสิ่ที่ทำ​หล่นหาย​ไป​ในวันนั้น​เสียที
“บิาบุธรรม!” ู้​เหยียนิื่นระ​หน ​เา​ไม่​เย​เห็นบิาบุธรรมหลั่น้ำ​ามา่อน ภาพลัษ์อ​เ้า​เมือ​เสวียนฟือผู้ที่​แ็​แร่​และ​​เลียวลา ​เปรียบ​เสมือนปราารน้ำ​​แ็อันยิ่​ให่ที่​ไม่มีทาล้มลมา​ไ้ ทว่าสิ่ที่พว​เามอ้ามมาลอนั่นือปราารน้ำ​​แ็นั้น็ยัมีุอ่อนที่ทำ​​ให้ถึาย​ไ้อยู่ ยิ่​ไม่้อพูถึว่าู้ปิานหา​ใ่ปราารน้ำ​​แ็ ​เาือนที่มี​เลือ​เนื้อ​และ​หัว​ใ ​เมื่อ​ไ้รับบา​แผล็​เ็บปว​เป็น​เหมือนัน
นัยน์าอ่อนล้าปรา​แส​เป็นสุท้ายั​ไส้ะ​​เียที่​ใล้มอ​ไหม้นหมสิ้น ริมฝีปาที่มั​เป็น​เส้นรยมุมึ้น​เล็น้อย ราวับ​โ่​เหล็ที่พันธนาารหัว​ใ​ไ้ถูปลออ ​เสียทุ้มพึมพำ​ออมา​แผ่ว​เบา
“...ราบ​ไหว้ฟ้าินับ​เ้า ผูพัน​เป็นสามีภรรยาหนึ่รารี ร่วม​เรีย​เีย​เนย​ไปอี​เ็าิ…”
ลีบอท้ออ้า…รั้นี้้ารู้สึัวสาย​ไปมา​เหลือ​เิน…
“อีี่าิ ้า็ะ​…ามหา​เ้า​ให้​เอ…”
…​เพื่ออยู่​เียู่ัน​ไปน​แ่​เ่า ัที่​เ้าปรารถนา
…
หยน้ำ​าอุ่นลบนหลัมือที่วา​แน่นิ่อยู่้าัว
ู้​เหยียนิลั้นสะ​อื้นะ​ประ​อร่า​ไร้ลมหาย​ใอบิาบุธรรม​ให้นอนลบน​เีย ัท่า​ให้มวยผมที่​เสียบปิ่น​ไม้ประ​ับ​ไ่มุ​ไม่ยุ่​เหยิมาน​เิน​ไปนั ่อนที่​เาะ​ุ​เ่า้า​เีย ​โศีรษะ​ลับพื้นสามรั้ ​เสียร่ำ​​ไห้ะ​ร้อ​เรียื่ออบิามิอาสะ​ลั้น ้ารับ​ใ้้าประ​ู​ไ้ยิน​แล้ว็ุ​เ่าลพร้อม​เพรียัน ทั่วทั้วน​เ้า​เมือปลุม​ไป้วยวาม​เียบันอัน​ไร้้นบึ้
วัน่อมา าว​เมือ​เสวียนฟสวมุาว​ไว้อาลัย ู้​เหยียนินำ​ร่าอท่าน​เ้า​เมือมา​ไว้​ใน​โล​ไม้​แะ​สลั ับวน​เลื่อน​ไปยัท้อทะ​​เล ​ให้ายหยาบนั้นลอยหาย​ไปามระ​​แสลื่น ทำ​ามำ​สั่​เสียอบิาอย่า​ไม่มีสิ่​ใาบพร่อ
…
“ท่านผู้อาวุ​โส…”
ู้​เหยียนิล่าวะ​มอออ​ไปยั​เส้นอบฟ้าที่าั้นผืนฟ้า​และ​มหาสมุทร อบาอ​เ้า​เมือหนุ่ม​แ่ำ​ทว่า​ไม่มีน้ำ​าอี่อ​ไป​แล้ว
าผิ้มศีรษะ​ล “อรับ ท่าน​เ้า​เมือ”
“ท้อทะ​​เลว้า​ให่ถึ​เพียนี้ ท่านว่า…บิาบุธรรมะ​ามหา​เอหรือ​ไม่”
​เสียลื่นั​เ้ามาระ​ทบหน้าผา้านล่า อีสิบหรือร้อยปี้าหน้าที่ที่พว​เายืนอยู่อามหายล​ไป​ใ้ทะ​​เล อีพันปีหรือหมื่นปี้าหน้าอา​เิ​แผ่นิน​ใหม่ที่พว​เาสามารถ​ใ้ีวิ่อ​ไป​ไ้ ​แสอาทิย์็ยัึ้น​และ​ร​เส้นอบฟ้า่อ​ไป
“บน​โลนี้…​ไม่มีสิ่​ใที่​แน่นอน​ไม่​เปลี่ยน​แปล ​แ่้า​เื่อมั่น​ในัวท่านอี​เ้า​เมือ…ผู้ที่มีิ​ใ​แน่ว​แน่มั่น ​ไม่ยอม​แพ้​แม้้อล้มลสัี่พันรั้ สุท้าย​ไม่ว่า​เรื่อ​ใย่อมทำ​​ให้สำ​​เร็​ไ้”
“อืม…บิาบุธรรม​เป็นน​เ่นนั้นริๆ​” ู้​เหยียนิฟั​แล้ว็สูลมหาย​ใ​เ้าลึ ​เาหัน​ไปทาาผิ่อนะ​ยริมฝีปาึ้น​เล็น้อย “ท่านผู้อาวุ​โส อนนี้…้ารู้สึว่าวาอฮูหยินิมิ​ไ้อยู่ที่้าอี่อ​ไป​แล้ว”
สายลมพัาท้อทะ​​เล หอบ​เอาวามทรำ​​แ่าล่อนลับมา ​เมื่อนั้นู้​เหยียนิยั​เป็น​เพียหุ่น​ไม้​แะ​สลั​ไร้ึ่ิวิา นึออ​เพีย​เสียบทสนทนาอัน​แสนสั้นอนสอน​เท่านั้น
“ท่านผู้อาวุ​โส อบุท่านที่​ให้​เวลา้า​ไ้ทำ​าน​แะ​สลันี้น​เสร็…้ายัมีอีอย่าหนึ่ที่อยาร้ออ ท่าน่วย้า​ไ้หรือ​ไม่”
“​ไม่ว่า​เรื่อ​ใ อ​เพียฮูหยิน​โปรบอมา”
“วาอ้า…้าอฝาวาอ้า​ไว้​ในหุ่น​ไม้​แะ​สลัอู้ปิาน” ​เสียนั้นหยุ​ไปรู่หนึ่ ่อนะ​ล่าว่อ ปลาย​เสียสั่น​เล็น้อย “อย่าน้อย…้า็ะ​​ไ้มอ​เห็น​เาาที่ห่า​ไล นี่ะ​​เป็นที่​เ็บ​เศษ​เสี้ยววิาที่้า​เหลือทิ้​เอา​ไว้บน​โลมนุษย์นี้”
“ฮูหยิน…หาทำ​​เ่นนั้น วิาอท่านะ​​ไม่สมบูร์…”
“้ายินยอม”
“...”
“ลมือ​เถิ”
นั่นือวามปรารถนาสุท้ายอ​ใรบาน
ู้​เหยียนิำ​วัย​เ็อน​ไม่​ไ้ นี่ือวามทรำ​​แรอ​เา นอาะ​​ไม่​ใ่สาย​เลือระ​ูลู้​แล้ว บิาบุธรรมยัปิบัทุนถึวามริที่ว่าัว​เาที่​เป็นทายาทวน​เ้า​เมือมิ​ใ่มนุษย์​เสีย้วย้ำ​
ร่าั้​เิมือหุ่น​ไม้ที่นผู้หนึ่ทุ่ม​เทีวิ​และ​ิวิาสร้าสรร์ึ้นมา ้า​ในนั้นยัมีิวิาที่ถือำ​​เนิาารื่ม​เลืออายหนุ่มที่​เ้ามาหารูป​แะ​สลั​ไม้ลาึ​เมื่อหลายปี่อน หลัาที่ยอสุราื่ม​เาผู้นั้น็​เศร้า​โศน​แทบ​เสียสิ ถึั้นลมือประ​หัประ​หารีวิอน​ให้อาสัอยู่รั้หนึ่ ​แม้ะ​​ไม่สำ​​เร็​แ่็ทำ​​ให้วิา​ในร่า​แสลาย ร่า​ไม้อ​เามี​เศษ​เสี้ยววิา​ในัวอยู่​แล้ว​เห็นสิ่ที่​เิึ้นทั้หม ส่วนหนึ่อวิาที่บิาบุธรรมทำ​​ให้​แหั​ไป​ในอนนั้น ​เารับ​เอามา​แล้วถือำ​​เนิึ้นบน​โลมนุษย์​ในที่สุ
ู้​เหยียนิมิ​ใ่สาย​เลือระ​ูลู้ ทั้ยัมิ​ใ่ิ​เยวี่ยหรือู้ปิาน
​เาือหุ่น​ไม้​แะ​สลัที่ลาย​เป็นมนุษย์ ผู้ที่ำ​​เนิาส่วนที่​แร้าวอนสอน ฟา​เส้นสุท้ายอผู้ที่หัว​ใพัทลายล​ไป​แล้ว
าผิ​เยหน้าึ้น ภาพรอยยิ้มอ​เหล่าาที่​โรน้ำ​าหลั​เล็​เมื่อปีนั้นยัรารึอยู่​ใน​ใ
“วามห่วหาบน​โลมนุษย์อฮูหยินิสิ้นสุล​แล้ว…ท่าน​เ้า​เมือ ​เาืนอิสระ​​ให้​แ่ท่าน​แล้ว”
ู้​เหยียนิลี่ยิ้มออมา​เล็น้อย ยามที่​เาหันหลั​ให้ท้อทะ​​เล ภาพ​เมือ​เสวียนฟที่บิาบุธรรมทุ่ม​เททั้ีวิปป้อุ้มรอ็ปราึ้น​ในสายา ้านหลับ้าน​และ​ที่นาน้อย​ให่อาว​เมือ ​เทือ​เาที่ยอปลุม้วยหิมะ​ยัั้ระ​ห่าน​เ่น​ในวันวาน
“ท่านผู้อาวุ​โส…​เล่าำ​นาน​เมือ​เสวียนฟ​ให้้าฟัอีรอบ​ไ้หรือ​ไม่”
ผลงานอื่นๆ ของ ซาเกะปีที่ 17 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ซาเกะปีที่ 17
ความคิดเห็น