เด็กน้อยบ้านนอก
ฉันชื่อว่า ออม ค่ะ ฉันใฝ่ฝันอยากมีความรักที่ดี ครอบครัวที่อบอุ่น โหยหาความรักที่จริงใจ ความสุขและโหยหาสิ่งที่ขาดหายไป มาเติมเต็มให้กับชีวิต
ผู้เข้าชมรวม
560
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ณ ตำบลแห่งหนึ่งซึ่งอยู่แถวภาคเหนือ มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มาก แต่มีหลายหมู่บ้านติดๆกัน และเป็นตำบลที่ห่างไกลจากตัวอำเภอประมาณ30กว่ากิโล เป็นหมู่บ้านที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เป็นหมู่บ้านที่ทำนา ทำไร่ เศรษฐกิจพอเพียงปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ และรายได้หลักของตำบลนี้ ส่วนมากจะปลูกข้าวโพดขาย เพราะรายได้ดีมากในยุคนั้น พ.ศ. 2540 และตอนนี้ฉันอายุได้30ปีบริบูรณ์ พ.ศ.2567 ฉันชื่อว่า ”ออม” ฉันจะมาเล่าเรื่องราวชีวิตและประสบการณ์ หรือบทเรียนชีวตของฉัน ให้กับทุกคนได้ฟังกันค่ะ ตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันก็อาศัยอยู่บ้านลุง(ลุงกล้า)กับป้า(ป้ามาลัย) ซึ่งป้าคือป้าแท้ๆของฉัน ป้าเป็นพี่สาวของแม่ฉัน ลุงกับป้ามีลูกชาย1คน(ชื่อพี่เมธ)อายุห่างกับฉันประมาณ9ปี เรามีญาติพี่น้องหลายคนมาก คุณตา(ตาทองคำ)และคุณยาย(ยายพาฝัน)มีลูกทั้งหมด 9 คน ปัจจุบันนี้เหลือ 5 คน แต่ละคนสร้างครอบครัวอยู่ในตำบลเดียวกัน แต่คนละหมู่บ้าน ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวใหญ่แต่ละเทศกาลเช่น สงกรานต์ ปีใหม่ เราจะชอบมารวมญาติบ่อยๆ ฉันซึ่งอาศัยอยู่บ้านลุงกับป้าอยู่บ้านเหนือ หมู่2 หมู่บ้านฉัน จะมีวัดและโรงเรียนห่างจากบ้านของฉันประมาณ6กิโลเมตร ลุงและป้าก็เสมือนเป็นพ่อแม่บุญธรรมของฉัน ฉันชอบเรียกลุงว่า “พ่อกล้า” และป้าว่า ”แม่”เพราะฉันสนิทกับป้ามากกว่าลุง ลุงกับป้าส่งฉันเรียนหนังสือโรงเรียนในหมู่บ้าน ฉันเข้าอนุบาล 1 เริ่มเข้าโรงเรียนฉันตื่นเต้นมากจะได้เจอเพื่อนๆเพราะหมู่บ้านของฉันมีรุ่นเดียวกันหลายคน เล่นด้วยกันตั้งแต่อยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหมู่บ้าน และฉันมีเพื่อนสนิท1คนชื่อว่า “พิม” อยู่บ้านใกล้ๆกันเวลาไปไหนมาไหนก็จะไปด้วยกัน เล่นด้วยกันตลอด เวลาไปโรงเรียนแม่ของพิมก็มักจะมารับฉันไปโรงเรียนด้วยเสมอๆ เพราะป้าของฉันไม่มีเวลาไปส่งฉัน ป้าเป็นเสาหลักของบ้านเลยก็ว่าได้ ต้องตื่นเช้ามานึ่งข้าว ทำกับข้าว เอาอาหารให้ไก่ ทำทุกอย่างในบ้าน เกือบทั้งหมดคนเดียว ส่วนลุงเขาเป็นโรคหัวใจเขาทำงานหนักไม่ค่อยจะได้ต้องกินยาทุกวัน หน้าที่หลักของเขาก็คือผู้ประกาศข่าวสาร ให้ลูกบ้านหมู่2รับทราบทั่วกันและเป็นคนชอบเข้าวัดเข้าวา ฟังธรรมมาก ส่วนงานไร่งานสวนถ้าเสร็จจากหน้าที่หลัก ก็จะไปช่วยป้าทำงานได้เล็กๆน้อยเท่าที่ทำได้ ส่วนพี่ชายของฉัน ลุงให้เขาไปบวชเรียนเพราะจะได้ลดค่าใช้จ่าย ส่วนฉันเข้าอนุบาล1ได้เงินไปโรงเรียนวันละ3บาท ตอนนั้นซื้อขนมได้หลายอย่างมาก และพิมเพื่อนสนิทฉันได้เงินไปโรงเรียนวันละ10บาท เขาก็เหลือกลับบ้านทุกครั้ง 5 บาทบ้าง 3บาทบ้างเขาเอาไปหยอดออมสินทุกวันแล้วแม่เขาก็มาเล่าให้ป้าฉันฟัง ป้าฉันจึงอยากให้ฉันทำตามเพื่อน จึงบอกกับฉันว่า “เอาเงินให้ไปโรงเรียนเหลือมาหยอดออมสินด้วยนะ” เขาเริ่มเอาชีวิตของฉันไปเปรียบเทียบกับพิมอยู่บ่อยๆ นี่คือจุดเริ่มต้นของฉัน ฉันได้เงินไปโรงเรียน3บาทส่วนมากก็จะไม่เหลือกลับบ้าน ฉันมักจะโดนลุงกับป้าว่า “ทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยไม่เหลือมาหยอดออมสินเลย” ฉันจึงตอบไปว่า “พิมได้เงินไปโรงเรียน10บาทส่วนหนูได้ไปโรงเรียนแค่3บาท จะเหลือมาได้ไงค่ะ” ลุงบอกว่า “อาหารกลางวันก็กินฟรี จะไปกินขนมทำไมอีก จริงๆไม่ต้องกินเลยด้วยซ้ำ” เด็กอ่ะน๊อชอบกินขนมนมเนยเป็นธรรมดา วันต่อมาที่โรงเรียนฉันก็ไม่ซื้อขนมเลย พิมถามฉันว่า “อ้าวออม ทำไมไม่ซื้อขนมซื้อน้ำล่ะ” ปกติก็จะซื้อน้ำกินตลอด พอซื้อขนมนมเนยเสร็จเรา2คนก็จะมานั่งกินที่โต๊ะม้าหินอ่อน สวนรุกชาติ เป็นประจำ “พิม”ถามคำถามเดิมกับฉันอีกครั้ง ฉันก็เลยตอบไปว่า “อยากซื้อสิ อยากกินสิ ลุงของฉันให้ประหยัดและนำเงินกับไปหยอดออมสินนะสิ” แล้วพิมก็ชวนฉันกินขนมกับเขาเรากินไปเล่นไปอย่างมีความสุข พอวันต่อๆมาพิมมักจะซื้อขนมเผื่อฉันเสมอๆ พิมก็นำเรื่องของฉันไปเล่าให้แม่เขาฟัง และแม่เขาก็มาบอกกับป้าของฉันว่า “ทำไมไม่ให้หลานกินขนมล่ะ มันก็อยากกินเหมือนกันนะ” ป้าก็ตอบกลับไปว่า “ไม่ได้ห้ามมันซื้อนะ แค่ให้มันเหลือกลับมาหยอดออมสินบ้าง” แม่ของพิมก็เลยอธิบายให้ป้าฉันฟังว่า “เด็กมันก็อยากกินขนมเป็นเรื่องธรรมดาฉันให้เงินลูกฉันวันละ10บาทบางวันก็เหลือ บางวันก็ไม่เหลือนะ ฉันไม่ได้บังคับลูก บางวันฉันก็ให้ลูกวันละ5บาทแต่ฉันซื้อขนมนมเนยใส่ในกระเป๋าให้เผื่อมันหิว พี่อย่าไปบังคับเด็กมันเลยมันเอาตังไปแค่3บาทน้อยกว่าลูกของฉันมาก” พอคุยกันเสร็จแล้ว วันรุ่งขึ้นป้าของฉันซื้อขนมนมเนยใส่ในกระเป๋าให้ฉัน แล้วเอาเงินให้ฉัน5บาท ฉันดีใจมากๆ ยิ้มทั้งวัน วันแรกฉันเหลือเงินกับบ้าน2บาท เอาไปหยอดออมสินที่ป้าเตรียมไว้ให้ตั้งแต่นั้นมาฉันเหลือเงินบ้างไม่เหลือเงินบ้าง บางวันป้าไม่ได้ซื้ออะไรให้วันนั้นจะไม่เหลือเงินกลับบ้าน พอลุงรู้ว่าซื้อขนมนมเนยใส่กระเป๋าให้ ลุงก็บ่นป้าใหญ่เลย “อ้าวทำไมเอาเงินให้ไปโรงเรียนแล้วถึงซื้อขนมให้มันอีก” ตั้งแต่นั้นมาป้าก็ไม่ซื้อขนมให้อีกเลย แต่เอาเงินให้วันละ5บาทและบางวันก็ให้10บาท แต่ลุงไม่รู้ว่าป้าเพิ่มเงินให้5 -10บาทแล้ว วันหนึ่งออมสินฉันเต็มฉันดีใจมาก ฉันกับป้าก็มาทุบออมสินกัน ช่วยกันนับได้453บาท เพราะเป็นออมสินเล็กๆ ลุงเดินผ่านมาเห็นพอดีว่ามีเหรียญ5ด้วย จึงพูดขึ้นมาว่า “ทำไมมีเหรียญ5ด้วยแกหยอดให้มันหรอ ป้าก็อธิบายให้ว่า”เพิ่มเงินให้เป็น5บาท” แล้วลุงก็พูดขึ้นมาว่ามิหน้าล่ะออมสินถึงเต็มไวที่แท้เอาเงินให้มันเยอะ มันก็ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนเดิม” ลุงทำสีหน้าไม่ใจเลย ฉันน้อยใจและคิดในใจว่า “ทำไมลุงถึงไม่ดีใจเลยทำหน้าเหมือนเกลียดฉัน” เด็ก 5ขวบคิดแบบนี้แล้ว และตั้งแต่นั้นมาฉันได้เลื่อนชั้นขึ้นป.1 ,ป,2 เพื่อนสนิทของฉันได้เงินไปโรงเรียนวันละ20 บาท ฉันก็ได้เท่ากับเพื่อนของฉันเลยแต่ลุงไม่รู้หรอก เพราะป้าแอบให้ฉันตลอด พอขึ้นป.2แล้ว อะไรก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ใกล้วันเปิดภาคเรียนของฉันแล้ว ประถมศึกษาปีที่2 แม่ของพิมกับป้าของฉันจะพาพวกเราไปซื้อชุดนักเรียนใหม่ รองเท้าใหม่ที่ตลาดนัดวันจันทร์ข้างหมู่บ้านเรา ลุงของฉันมักจะบอกว่าไม่ต้องซื้อหรอกชุดนักเรียนใหม่ เดียวก็มีญาติฝั่งลุงเอาชุดนักเรียนเก่าและรองเท้าเก่าของญาติลุงเอามาให้เอง วันรุ่งขึ้น ลุงก็ไปเอาชุดนักเรียนบ้านญาติของเขามาวางไว้ให้เลือก แต่ลุงบอกว่าไม่มีรองเท้าใส่คู่เก่าไปก่อน คู่เก่าของฉันมันขาดแล้วป้าเลยบอกลุงว่า”ยังไงก็ได้ซื้ออยู่ดี ถุงเท้า และอื่นๆ “ วันไปตลาดนัดข้างวัด พิมซื้อหนังยางมัดผมรูปตุ๊กตาน่ารัก กิ๊ฟหนีบผม โบว์ผม ฉันเลยอยากได้บ้างเพราะที่ผ่านๆมาใช้หนังยางรัดแกงกินผมมาตลอด เห็นพิมซื้อเลยอยากได้บ้าง ฉันก็เลยขอป้า “ป้าค่ะอยากได้ยางรัดผม กิ๊บติดผม โบว์เหมือนพิมบ้าง” ป้าตอบ “ยังไม่ซื้อนะมันไม่มีประโยชน์แพงก็แพง ผมสั้นนิดเดียวเอาไปทำไม” เมื่อก่อนยุคนั้นเขาให้นักเรียนหญิงผมเลยติ่งหู ฉันไว้ทรงผมหน้าม้า ผมสั้นเลยติ่งหูมา ป้าเป็นคนตัดให้ ไม่เคยเข้าร้านกับเขาหรอก พอซื้อของเสร็จกลับเข้าบ้าน ลุงตะโกนถาม”ซื้ออะไรมาเยอะเยอะ เปลืองเงินเปลืองทอง” ป้าตอบกลับไปว่า “ของมันจำเป็น” แล้วป้าของฉันก็เอากิ๊บมาให้ฉัน 2 คู่ ฉันเห็นแล้วฉันดีใจมากๆ แต่ลุงกลับต่อว่าป้า “ซื้อให้มันทำไม” แล้วก็บ่นๆเปิดเทอมวันแรกของฉัน เพื่อนใส่เสื้อผ้าตัวใหม่กันหมด รีดเรียบกริ๊บ ยกเว้นฉัน1คนที่เสื้ออกเหลืองๆ ยับหน่อยๆ ฉันก็คิดในใจว่า “ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็มีรองเท้า ถุงเท้า กับกิ๊บใหม่” (ฉันเป็นคนคิดบวกตั้งแต่เด็ก ) วันนี้พอเลิกเรียนเสร็จแม่ของพิมก็มารอรับกลับ พิมชวนฉันไปเล่นที่บ้านของเขา แต่ฉันบอกเขาว่า “ถ้าฉันล้างถ้วยล้างจาน กวาดบ้านถูบ้านให้เรียบร้อยก่อน ฉันจะไปหา” เด็กอ่ะน๊อเวลาอยากไปไหน ต้องรีบทำให้เสร็จไวๆ ฉันก็เอาการบ้านที่คุณครูสั่งมาไปทำกับพิม ฉันอยู่บ้านพิมเพื่อรอป้ากลับจากสวน เพราะป้ารู้ว่าถ้าฉันไม่อยู่บ้าน ต้องอยู่บ้านของพิม พอกับมาถึงบ้านวางกระเป๋า ก็รอป้าอาบน้ำเสร็จเพื่อรอกินข้าว ดูทีวีไปนั่งกินข้าวไป ฉันก็โดนลุงว่า “ เลิกเรียนแล้วทำไมไม่หาข้าวกินเอง หาไข่มาทอดสิ จะมารอป้ามึงทำไมเขาไปทำงานมาเหนื่อยๆ” ไอ้เราก็อายุแค่ 8 ขวบ ยังก่อไฟไม่เป็นเลย ลุงก็พูดขึ้นอีกว่า พรุ่งนี้ตื่นมานึ่งข้าวก็เรียกมันตื่นด้วยสอนมันนึ่งข้าวด้วย มันจะได้ตื่นเช้าๆมาทำทุกวัน ไม่ใช่นอนตื่นสาย” พอตอนเช้าป้าก็เรียกฉันตื่นตามที่ลุงบอก ฉันงัวเงียตื่น เมาขี้หูขี้ตาตื่น ป้าของฉันก็สอนตั้งแต่ขั้นตอนก่อไฟจนถึงนึ่งข้าวเสร็จ ฉันก็ง่วงนอนมากเพราะไม่เคยตื่นตี4ตี5มาก่อน พอไปโรงเรียนวันนี้ฉันไม่สดชื่นเลย เละรู้สึกปวดหัวมาก แล้ววันนี้คุณครูจะเรียกทุกคนไปถามเรื่องครอบครัวพ่อกับแม่ พอถึงคิวของฉัน ฉันก็ตื่นเต้นมากเพราะฉันเป็นคนไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงออก และไม่รู้ว่าคุณครูจะถามเกี่ยวกับอะไรบ้าง ฉันก็เดินไปที่หน้าโต๊ะของคุณครู ใจฉันก็เต้นแรงมาก คุณครูถามว่า ”ในบ้านอยู่กันกี่คนมีใครบ้าง?” ฉันก็ตอบว่า “อยู่กับลุงกับป้าค่ะเขาเป็นพ่อแม่บุญธรรมค่ะ และมีพี่ชาย1คนเป็นลูกของลุงกับป้าตอนนี้บวชเรียนค่ะ” คุณครูก็ถามต่อว่า”อ้าวแล้วพ่อแม่ของเธอไปไหน ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ? ฉัน “ป้าบอกว่าแม่เอาหนูมาทิ้งไว้ให้เลี้ยงตั้งแต่6เดือนแล้วไม่เคยมาหา ไม่เคยส่งเงินมาเลี้ยงดูเลยไม่เคยติดต่อมาเลย แต่ตอนนี้เขามีลูกชาย2คน คนละพ่อกับหนู ส่วนพ่อของหนู ป้าบอกว่าเขาบวชเป็นพระ เอาเงินให้ซื้อนมให้หนูด้วย แต่ตอนนี้อยู่ที่ไหนไม่รู้แล้ว และหนูก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่องลยค่ะ” คุณครูถาม “พ่อแม่เธอชื่ออะไร” ฉันตอบ “แม่ชื่อ จรุวรรณค่ะ ส่วนชื่อพ่อฉันยืนคิดอยู่พักหนึ่ง อยู่ๆหูของฉันไม่ได้ยินเสียงใครเลย ฉันมองหน้าคุณครูแล้วจากนั้น ฉันก็ไม่รูสึกตัวอีกเลย แต่ฉันได้ยินเพื่อนๆเรียกชื่อของฉันตลอด “ออมๆเป็นอะไร ตื่นๆ” พอรู้สึกตัวอีกทีฉันก็อยู่ที่สถานีอนามัยแล้ว ฉันรู้สึก เวียนหัวและปวดหัวมาก หัวของฉันปูดมากเป็นก้อนๆอยู่บนหัว คุณหมอก็ให้ยาทาฉันมา คุณครูถามฉันว่า ”มีใครอยู่บ้านไหม?” ฉันตอบไปว่า “ไม่มีใครอยู่บ้านค่ะ” พอดีว่าบ้านคุณตาของฉันใกล้อนามัย คุณครู ก็เลยส่งฉันไปบ้านคุณตา ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ใช้ พอโรงเรียนเลิกคุณครูก็ไปหาลุงกับป้าที่บ้านและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลุงกับป้าฟัง พอตกเย็นป้าของฉันก็ไปรับฉันที่บ้านคุณตา พอกลับถึงบ้าน ป้าก็เอายาให้ฉันกินแล้วนอนพัก คุณครูให้พักดูอาการจนกว่าจะหายแล้วค่อยกับไปเรียน ระหว่างนี้ป้าของฉันไปรับคุณตามาดูแลฉัน 3วันผ่านไป ฉันอาการดีขึ้นจึงไปโรงเรียนได้ พิมก็รับฉันเหมือนเดิมทุกวันๆ พอไปถึงโรงเรียนเพื่อนๆถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ตามประสาเพื่อน จากนั้นฉันก็ไปโรงเรียนตามปกติ จนเวลาผ่านจะปิดภาคเรียน ฉันสอบได้คนที่9 เพื่อนในห้องมี22คนเพราะฉันเป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่ง หลังเลิกเรียนวันนี้ฉันก็บอกป้าว่าสอบได้คนที่9ของห้อง ส่วนพิมสอบได้คนที่6 ฉันก็เลยบอกป้าว่า ”อยากได้จักรยาน” ป้าตอบ ”ถ้าอยากได้ต้องช่วยกันทำงานในวันหยุด “ พอปิดเทอมฉันก็เริ่มไปช่วยป้าปลูกข้าวโพดที่ไร่ ปลูกข้าวโพดวันแรก ป้าสอนวีธีการปลูกข้าวโพดให้กับฉัน ฉันรู้สึกร้อนและเหนื่อยมากแต่เวลาร้อนฉันก็วิ่งไปพักกระท่อม พอถึง5โมงเย็นป้าก็พาฉันกลับบ้าน พอกลับถึงบ้านฉันรีบอาบน้ำ รอกินข้าว แล้วเข้านอนฉันเหนื่อยและเพลียมาก วันรุ่งขึ้นฉันตื่นสาย ไม่ได้ตื่นมานึ่งข้าว 6โมงเช้าฉันก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับเสียงไม้เคาะข้างฝาห้อง “ก๊อกๆๆๆ” ลุงเรียก “ตื่นๆ มึงจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน” ฉันก็งัวเงียเช็ดหน้าเช็ดตาแล้ววิ่งพรวดพราดออกจากห้องไป ล้างหน้าแปรงสีฟัน แล้วรอกินข้าว เตรียมตัวไปไร่ข้าวโพดกับป้า นั่งกินข้าวอยู่ พิมก็มาหา ชวนกันไปเล่นตามประสาเด็กปิดเทอม ฉันบอกพิมว่า “วันนี้ไปช่วยป้าใส่ข้าวโพดก่อน” พอ3วันผ่านไป ฉันช่วยป้าใส่ข้าวโพดจนเสร็จ ฉันก็ดีใจมากที่จะได้ไปเล่นกับเพื่อนๆแล้ว วันรุ่งขึ้นฉันตื่นตี2มานึ่งข้าว (เช้ามาก555) ฉันไม่ได้ดูนาฬิกา พอนึ่งข้าวเสร็จ มันตี3ครึ่งฉันก็กลับเข้าไปนอนต่อ จนเช้า ได้ยินเสียงป้าตื่น ฉันก็ตื่นตามป้าไปทำกับข้าว ส่วนฉันก็ซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้านถูบ้าน แล้วรอกินข้าว เป็นวันแรกที่ได้เล่นกับเพื่อนๆ พอกินข้าวเช้าเสร็จ ป้าของฉันก็เตรียมตัวไปช่วยชาวบ้านหลังอื่นๆปลูกข้าวโพดต่อ ส่วนลุงก็ไปวัดหรือไปช่วยงานในหมู่บ้าน(เป็นจิตอาสา) ส่วนฉันก็นั่งดูการ์ตูนอยู่บ้านคนเดียวรอสายๆค่อยออกไปเล่นกับเพื่อนๆ โดดหนังยางบ้าง เล่นหมากเก็บบ้าง ดีดลูกแก้วบ้าง เล่นซ่อนแอบบ้าง อย่างสนุกสนาน พอตกเย็นเพื่อนๆก็พากันแยกย้ายกลับ ฉับกับพิมก็พากันกลับบ้านใครบ้านมัน ฉันก็ทำกิจวัตรประจำวันของฉัน ล้างจาน กวาดบ้านถูบ้านปกติ แล้วดูทีวีรอลุงกับป้า สักพักได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันได ฉันคิดว่าเป็นลุงหรือไม่ก็ป้า แต่ไม่ใช่ เป็นสามเณรเมธ(ลูกชายลุงกับป้าที่บวชเรียน) ตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้นม.5 มาเที่ยวบ้าน สามเณร “อ้าวพ่อกับแม่ไม่อยู่หรอ?” ฉัน “ยังไม่กลับ” และแล้วก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น สามเณรเรียกฉัน “มานี่หน่อย” ฉันก็เดินมาหา “อะไร” สามเณร “นั่งลงสิ” ฉันก็นั่ง “ในใจฉันคิดนั่งทำไม” แล้วอยู่ๆเขาก็เปิดจีวรออก ฉันก็ตกใจ “เห้ยทำอะไรน่ะ” สามเณรพูดออกมาว่า “อมสิ” ฉันตอบว่า “ไม่เอาๆ” ฉันก็จะรุกหนี แต่หนีไม่ได้เพราะโดนดึงแขนไว้ สามเณรก็กดหัวของฉันไปอมไอ้นั้นของเขา ฉันใจเต้นแรงมาก กลัวมาก และขยะแขยง คิดอย่างเดียวเมื่อไหร่ลุงกับป้าจะกลับมา ในใจฉันคิดว่า “ฉันจะทำยังไงดีๆ” กลัวก็กลัวอยากร้องก็ร้องไม่ได้ สักพักเขาก็อุ้มฉัน ขึ้นไปนั่งบนตักเขา ฉันก็สั้นไปทั้งตัว ความหวังของฉันคือรอป้ากับลุงกลับมาเร็วๆ แล้วเขาก็อุ้มฉันไปห้องน้ำถอดเสื้อผ้าฉันออก แล้วเอานิ้วมือของเขาสอดเข้ามาในอวัยวะเพศของฉัน ฉันเจ็บมากๆ ฉันก็เริ่มร้องไห้ แล้วเขาก็เอามือปิดปากฉันไว้ และพยายามเอาไอ้เจ้าดุ้นของเขายัดเข้าไป เขาพยายามอยู่สักพักมันยัดเข้าไปไม่ได้ ฉันก็เริ่มร้องไห้เสียงดังขึ้นเพราะฉันเจ็บและกลัว สามเณร “ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามร้องนะ” ฉัน “หนูเจ็บ พอเถอะ” เขาก็พยายามสอดใส่แต่ไม่สำเร็จ เขาก็เอามือของฉันไปรูดไอ้เจ้าดุ้นของเขาแทน จนมีน้ำสีขาวออกมา แล้วเขาก็ให้ฉันอาบน้ำล้างตัว สามเณร “อย่าบอกพ่อกับแม่นะและอย่าบอกใคร” ฉันอยู่ในห้องน้ำ แล้วร้องไห้ไปด้วย ฉันคิดในใจว่า “ฉันอยู่ป.2 นะทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้แล้ว” เล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ เพราะอายและกลัวเขามองไม่ดี กลัวไม่มีใครคบ กลัวโดนป้าและลุงด่า พอสักพักป้าก็กลับมาได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังขึ้น ฉันก็พรวดพราดออกมาจากห้องน้ำแล้ววิ่งไปหาป้า สามเณรก็เข้ามาชวนป้าคุยโน้นคุยนี้ จนลุงกลับมา สามเณรนั่งคุยกับลุงได้สักพักก็ขอตัวกลับวัดเขาทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนฉันก็สั่นไปทั้งตัว และไม่กล้าเล่าอะไรให้ใครฟังแม้แต่คนเดียว พอวันรุ่งขึ้นฉันก็ทำตัวให้เป็นปกติ แล้วก็ออกไปเล่นกับๆเพื่อนๆ เวลาผ่านไป แป๊ปๆ จึงมาถึงวันเปิดภาคเรียนฉันได้เลื่อนชั้นขึ้นประถมศึกษาปีที่3 พิมก็มารับฉันตามปกติ แต่วันนี้เป็นวันที่ป้าของฉันขายข้าวโพด พอตกตอนเย็นจะมีชาวบ้านที่มาช่วยป้าฉันแบกข้าวโพดไปขาย มากินข้าวสังสรรค์ที่บ้านเพราะป้าเลี้ยงข้าวคนที่มาช่วยแบกและหักข้าวโพด หมู่บ้านนี้เขาจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีน้ำใจต่อกันเสมอๆ พอฉันกลับจากโรงเรียนฉันและพิมก็พากันกินข้าวที่ป้าเตรียมไว้ให้ เพราะแม่ของพิมก็เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่มาช่วยป้าของฉัน วันนี้จะมีอาหารหลากหลาย เพราะป้าทำเลี้ยงชาวบ้าน ฉันก็พลอยได้กินของอร่อยๆไปด้วย ฉันกับพิมนั่งกินข้าวเสร็จก็ชวนกันเล่นไปด้วยและทำการบ้านไปด้วยจนเสร็จ พอชาวบ้านสังสรรค์กันเสร็จก็จะทยอยพากันกับบ้าน เพราะมันใกล้จะมืดแล้ว แม่ของพิมก็ชวนพิมกลับบ้าน ส่วนฉันก็ไปอาบน้ำ แล้วมาดูละคร ป้าบอกฉันว่า “อย่าดูละครจนดึกล่ะ พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปโรงเรียน” ป้าพูดจบ ฉันก็เดินเข้าห้องไปนอนเลย เช้าวันต่อมาฉันก็ไปโรงตามปกติเหมือนเช่นเคย พอเลิกเรียนฉันก็กลับมาบ้าน แล้ววันนี้ที่บ้านก็แปลกๆ มีคอกหมูเพิ่มขึ้นมา ป้าของฉันเอาเงินที่ได้จากการขายข้าวโพดซื้อหมูมาเลี้ยง และวันนี้ลุงกับป้าอยู่บ้าน ฉันก็เข้าบ้านไปสวัสดีป้ากับลุง “สวัสดีค่ะ พ่อกล้า สวัสดีค่ะแม่” ป้าบอกว่า”มีอะไรอยู่ใต้ถุนบ้านไปดูสิ” ฉันก็ลงไปดูที่แรกก็มองไม่เห็นเพราะมีผ้าคลุมไว้ ฉันก็เดินเข้าไปเปิดผ้าคลุมออกดู “โห!! รถจักรยานใหม่” ฉันดีใจมากๆได้จักรยานแล้ว แต่คันใหญ่ไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาฉันไปไหนมาไหนด้วยจักรยานคันโปรดของฉัน แล้วฉันก็มักจะปั่นจักรยานไปบ้านคุณตาบ่อยๆ และบ้านของป้าแขกับลุงเจอยู่ติดกลับบ้านของคุณตา ป้าแขคือน้องสาวของป้ามาลัย ลูกอีกคนของตาทองคำ ป้าแขมีลูกสาวชื่อ “ฟ้า” อายุอ่อนกว่าฉัน1ปี ป้าแขจะเลี้ยงฟ้าแบบตามใจ ไม่ดุลูก ไม่บังคับลูก ฉันเลยชอบมาเล่นและมานอนค้างบ้านป้าแขอยู่ประจำ หลังเลิกเรียนทุกวันศุกร์เพราะวันเสาร์อาทิตย์โรงเรียนหยุด ฉันมักจะรีบไปบ้านป้าแข บ้านป้าแขตื่นสายได้ ดูทีวีได้ทั้งวัน ได้กินขนมเยอะเยอะ ไม่โดนบังคับ ตั้งแต่มีจักรยานฉันจะไม่ค่อยได้ไปหาพิม เพราะฉันชอบไปอยู่บ้านป้าแข มาเล่นกับฟ้าและคุณตา ฉันก็ติดคุณตามาก รักมาก เขาทั้งใจดี เอาใจใส่ ไม่ดุ ไม่ด่า ส่วนคุณยายไม่รู้หายไปไหน คุณยายติดเหล้าเอามากๆ กินเหล้าแทนข้าวเลยก็ว่าได้ พวกป้าๆ(ลูกของตายาย) ช่วยกันตักเตือนให้หยุดกินเหล้าก็ไม่ฟัง
ผลงานอื่นๆ ของ ฅนไร้ตัวตน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ฅนไร้ตัวตน
ความคิดเห็น