การผจญภัยของชายไร้งาน - นิยาย การผจญภัยของชายไร้งาน : Dek-D.com - Writer
×

    การผจญภัยของชายไร้งาน

    โดย Natthawat-k

    ชีวิตจะเป็นอย่างไรเมื่อชายคนหนึ่งไม่รู้จะเอายังไงต่อดีกับชีวิต อยู่ๆ ก็ออกจากงานอันแสนบ้าคลั่งที่ดูดกลืนชีวิตเขาไปหลายปีเพื่อออกมาผจญภัยหาความอิสระจากความอัดอั้นแสนยาวนาน เขาจะเจออะไรบ้างบนเส้นทางนี้?

    ผู้เข้าชมรวม

    65

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    65

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ผจญภัย
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 ม.ค. 66 / 20:40 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เหลืออีกไม่กี่วันก็จะหมดปี เวลาเดินนับถอยหลังเพื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่ เริ่มต้นใหม่ ทุกคนรอคอยให้วันนั้นเดินทางมาถึงเพื่อสรุปชีวิตตัวเองในรอบปีที่ผ่านมาและฉลองต้อนรับปีใหม่ เป็นบรรยากาศแห่งความสุข ทุกคนดูมีความสุข แต่กับชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ซึ่งกำลังมึนงง สับสนกับตัวเองว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี เขาไม่ได้ทำอะไรมาสักพักหนึ่งราวครึ่งปีเห็นจะได้ แต่ละวันใช้ชีวิตด้วยการตื่นนอน กินข้าว เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ตโฟนสำรวจความเคลื่อนไหวของผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนกันผ่านโลกออนไลน์แม้บางคนไม่เคยเห็นหน้ากันจริงๆ เลยสักครั้งในชีวิต กินข้าวเย็น และเข้านอน อีกทั้งเวลานอนของเขายังถูกลากให้ดึกดื่นค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตี 3 ไปจนถึงเช้ายันช่วงสายเลยก็มี การนอนด้วยเวลาที่ไม่เหมือนชาวบ้านแบบนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเหมือนวันใหม่เริ่มช้ากว่าชาวบ้าน ทำให้เขารู้สึกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่แล้วหวังว่าจะได้เริ่มทำอะไรสักอย่างในวันถัดไปแต่แล้วนาฬิกาชีวิตที่เขาตั้งเอาไว้ด้วยการนอนเวลานี้ทำให้เขาเข้าสู่ลูปเดิมทุกวันจนหาทางออกไม่ได้ เขาตื่นนอนเวลาบ่ายสองถึงบ่ายสามโมง พอตื่นก็กินข้าวซึ่งใกล้จะเย็นเข้าไปทุกทีและเริ่มวันใหม่หลังจากเวลา 6 โมงเย็นซึ่งกิจกรรมก็คือการนั่งเล่นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เปิดมือถือดูวิดีโอสนุกๆ จากช่องที่ชอบ และรอคอยช่วงสุดสัปดาห์ที่จะมีกีฬาฟุตบอลหรืออีเว้นท์ประจำช่วงวันหยุดผ่านมาให้รับชมเพื่อความบันเทิง และก็ดูเหมือนแต่ละสัปดาห์จะผ่านไปเร็วเหลือเกิน มันหมุนวนมาอีกแล้วทุกสุดสัปดาห์ วนไปเรื่อยๆ จนครบรอบเดือน หลายเดือน จนมาใกล้กับช่วงสิ้นปี ในที่สุดก็ครบครึ่งปีพอดี

     

    เขาใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ผลิตสร้างอะไรใหม่ให้เกิดขึ้นมาอย่างเป็นนัยสำคัญเหมือนช่วงเวลาราว 4-5 ปีที่ผ่านมาที่เขาประจำตัวเองอยู่ในสถานที่ทำงานขนาดไม่ใหญ่นัก มีพนักงานและหัวหน้าไม่กี่คนและทำงานกันจนหัวหมุน วันหนึ่งๆ นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กันจนแทบหมดวัน เริ่มตั้งแต่เวลาหลังพระอาทิตย์ปรากฎตัวเหนือฟ้าให้เห็นราว 3 ชั่วโมงจวบจนกระทั่งมันลาลับหายไปหลังปลายมุมโค้งที่สุดนับจากจุดที่เรายืนอยู่ที่จะมองเห็นมันได้ราว 4 ชั่วโมง ชีวิตเขาวนอยู่อย่างนั้นราว 4 ปี ยิ่งระยะหลังยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เขาไม่ได้มีโอกาสให้มีวันหยุดพักจากการทำสิ่งนั้นที่เรียกว่าการ ‘ผลิต’ เลย การทำงานของเขาเป็นไปราวกับเครื่องจักรเครื่องหนึ่งก็ว่าได้ เขานึกสงสัยว่าคนรอบตัวทำได้อย่างไรกัน คนอื่นเขาไม่เหนื่อยกันบ้างหรืออย่างไร? ทำงานกันทุกวัน วันธรรมดาคือวันคิดและผลิต ‘ผลงาน’ ออกมา ให้ได้อย่างรวดเร็ว และวันหยุดสุดสัปดาห์คือวันออกไปนำเสนอขาย ‘ผลงาน’ ให้กับลูกค้า เขางงว่าวันไหนคือวันหยุดพักผ่อนที่จะได้ใช้เวลาไปกับการแค่จะนั่งโง่ๆ จิบกาแฟ ออกไปท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ ชาร์จแบตร่างกายให้กลับมาเต็มที่เต็มร้อยเพื่อจะได้ทำงานต่อได้ใหม่ เขางงว่ามันต้องคือวันไหน และนึกสงสัยว่าคนอื่นไม่สงสัยแบบที่เขาสงสัยบ้างหรือ แอบบอกตามตรงว่าเม็ดเงินที่ได้รับเมื่อเทียบกับเวลาที่ใช้ไปกับการลงแรงสร้างสิ่งเหล่านี้แล้วเรียกว่าไม่คุ้มได้เลยทีเดียว มันยิ่งทำให้เขาสงสัยว่าคนอื่นทำไมถึงทำกันต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าหากการทำงานด้วยเวลาที่มากขนาดนี้แล้วเป็นเจ้าของกิจการเองน่าจะเป็นเรื่องที่ดูเมคเซนส์มากกว่า เนื่องจากเจ้าของกิจการต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนจึงต้องทุ่มเวลาทุกวัน เกือบ 24 ชั่วโมงไปกับการปั้นธุรกิจให้เติบโตจนจ้างคนมาดูแลต่อได้ซึ่งเจ้าของก็จะได้รับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อคุ้มค่ากับเวลาที่ลงไปด้วย แต่หากเป็นคนรับจ้างมาอีกที การใช้เวลาขนาดนี้แล้วไม่ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มในช่วงเวลาที่เกินกว่าชั่วโมงการทำงานปกติของคนส่วนใหญ่ ว่ากันตามจริงแล้วอย่างไรก็ไม่คุ้ม ไม่ใช่เพียงไม่คุ้มแต่ในแง่ของกฎหมายนั้นถึงขั้นผิดกฎหมายเลยทีเดียว



     

    โอเค ชีวิตที่ผ่านมาราว 4 ปีที่เขาพบเจอกับงานที่กลืนกินเวลาทั้งเวลาส่วนตัวและเวลาพักผ่อน เขารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับชีวิตของเขาอยู่หรือเปล่า คนอื่นเขาทำงานกันหนักขนาดนี้ไหม มีเวลาได้ทำอย่างอื่นนอกจากงานบ้างไหม ได้ทำงานอดิเรกที่ชอบหรือเปล่า ได้ไปกินข้าวกับครอบครัวบ้างไหม ได้เดินเล่นชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นบ้างหรือเปล่าหรือแค่นอนหลังตีหนึ่งและตื่นแปดโมงสี่สิบแล้วรีบอาบน้ำแปรงฟันแล้ววิ่งมาทำงาน เวลาว่างสำหรับพักผ่อนคือการพักชมรูปภาพ ข้อความและวิดีโอบนโลกโซเชียลไม่เกินสองสามชั่วโมงต่อวันเพียงเท่านั้น พอเข็มนาฬิกาหมุนเลยเวลาตีหนึ่งเข้าสู่ตีสองก็รู้สึกว่าต้องรีบนอนแล้ว ต้องนับเวลาถอยหลังทุกวันว่าเหลือเวลาได้นอนอีกกี่ชั่วโมงเพื่อจะได้รู้ว่าคืนนี้จะนอนเต็มอิ่มไหม เขาสงสัยว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับชีวิตของเขาเป็นเรื่องปกติจริงๆ หรือ? เขาสงสัยว่าตัวเองทำงานช้าเกินไปหรือเปล่าซึ่งความจริงก็ช้าจริงๆ เขาไม่ค่อยเข้มงวดกำหนดกรอบเวลาทำงานแต่ละขั้นตอนทำให้ช้าไปเรื่อยๆ เขายอมรับตัวเองในเรื่องนี้อย่างไม่มีข้อแก้ตัว แต่พอหันไปดูคนรอบตัวในสถานที่ทำงาน ทุกคนก็มีชีวิตไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เริ่มทำงานและจบเวลาใกล้เคียงกันจึงยังทำให้เขาสงสัยอยู่ว่าที่ทำอยู่มันปกติจริงๆ หรือ และคนภายนอกในที่อื่นๆ เขามีชีวิตกันอย่างไร ทำไมเขาถึงอยู่ได้โดยเลิกงานตอนห้าโมงเย็น หกโมงเย็นหรือหนึ่งทุ่มและบางคนยังบอกอีกว่าทำงานอย่างต่อได้อีกหลังเลิกงานประจำ เขาสงสัยและนึกอยากมีชีวิตแบบนั้นบ้าง ประกอบกับมีความคิดลังเลในหัวมาระยะหนึ่ง เขามักจะนึกภาพความเป็นไปได้ในแบบอื่นของชีวิตว่าถ้าเขาไปทำอย่างอื่นจะเป็นอย่างไร จริงๆ แล้วก็เป็นภาพที่เขาคิดตั้งแต่ตัดสินใจเลือกเส้นทางวิชาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 17 ปี บัดนี้ล่วงเลยมาสักสิบปีแล้วเห็นจะได้ เขายังคงคิดอยู่ตลอดว่าถ้าเขาเลือกอีกทางหนึ่งจะเป็นอย่างไร ถ้าเป็นคนอื่นก็คงเลิกคิดถึงเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่เลือกเรียนสายอาชีพนี้ คิดว่าเลือกแล้วถ้าเปลี่ยนคงเสียเวลา ไม่น่าจะไปเริ่มอาชีพอื่นได้แล้วโดยเฉพาะยิ่งอายุมากขึ้น แต่ในความคิดของเขา เขาเห็นคนประสบความสำเร็จมากมายที่สุดท้ายทำงานไม่ตรงกับที่เรียนมา จริงๆ แล้วอาจจะมากกว่าที่เรียนตรงสายเสียด้วยซ้ำ ภาพที่เขาเห็นเหล่านี้มันยิ่งเหมือนเป็นภาพตัวอย่างทำให้เขายังไม่ล้มเลิกแนวคิดเปลี่ยนเส้นทางเดินของตัวเอง ในเมื่อเวลาชีวิตยังไม่จบ ยังพอมีเวลา คนที่เขายกเป็นตัวอย่างหลายคนก็เริ่มทำงานชิ้นสำคัญของตัวเองตอนอายุ 30 เสียด้วยซ้ำไป ทำไมเขาจะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ มันไม่ได้มีกฎมาบอกให้ห้ามทำเสียหน่อย ดูเหมือนโลกสมัยใหม่ที่เชื่อมต่อกันด้วยสังคมออนไลน์จะยิ่งเร่งภาพ เร่งปฏิกิริยาให้ทุกคนโชว์ภาพความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นบนฟีดหรือหน้าแสดงข้อมูลของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเงินทอง อาหาร เครื่องแต่งกาย ความสำเร็จในชีวิต หน้าที่การงาน บ้าน รถ การไปเที่ยวในสถานที่ดีๆ ทุกคนต่างลงรูปเหล่านี้เพื่อให้คนอื่นมองเห็นว่าตัวฉันประสบความสำเร็จทั้งที่เบื้องหลังอาจไม่เหมือนแบบในภาพชีวิตที่ดูดีเหล่านั้น รูปภาพที่ทุกคนลงในโลกโซเชี่ยลล้วนดูเป็นชีวิตที่มีแต่ความสุข เหมือนไม่มีใครมีความทุกข์กันเลยทีเดียว ทุกคนเหมือนหลุดพ้นจากความทุกข์กันทั้งหมดไม่ว่าจะด้านการงาน การเงิน ครอบครัวและความรัก ครอบครัว แต่อันที่จริงหลังภาพเหล่านั้นมันไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน ทุกคนมีปัญหาของตัวเอง ผมไม่เชื่อว่าจะเป็นไปอย่างภาพกันหมดเพราะขนาดผมเองก็มีปัญหาอยู่ตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ทำไมคนอื่นจะไม่มี ดูทรงแล้วผมคงจะต้องดูชีวิตคนอื่นให้น้อยลงและเลิกเปรียบเทียบภาพความสำเร็จที่จริงหรือเปล่าเหล่านั้นซะ



     

    ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจยุติการทำงานที่ดูดกินเวลาชีวิตเขาอย่างบ้าคลั่งนั้นลงโดยที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อ ในช่วงแรกก็พอมีงานจากเพื่อนและญาติของเขาให้ทำบ้างประปราย แต่พอเวลาผ่านไปสักสี่ถึงห้าเดือนงานก็ค่อยๆ น้อยลงน้อยลงจนก็อกน้ำของงานและเงินที่ไหลเข้ามาแทบจะแห้งสนิทและใช้ชีวิตวนลูปอยู่อย่างนั้นจนใกล้ถึงช่วงสิ้นปี คนอื่นๆ ต่างเฝ้ารอเทศกาลปีใหม่ให้มาถึงและจะได้เฉลิมฉลองแต่กับเขากลับรู้สึกเป็นแค่อีกหนึ่งวันที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป ทุกวันก็เหมือนๆ กันไม่มีอะไรใหม่ และเป็นอย่างนั้นไม่มีอะไรใหม่มาเกือบครึ่งปีแล้ว เป็นปีแรกที่การสรุปรวบยอดชีวิตที่

    ผ่านมาทั้งปีแบบที่คนนิยมทำกันแต่ของเขากลับไม่รู้จะสรุปอะไรเพราะมันแทบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นชิ้นเป็นอันเลยในทางการงาน การเงินซึ่งเป็นมุมหลักสุดของชีวิต ที่น่าจะมีก็คงเป็นการเดินทางท่องเที่ยว เขาใช้เวลาออกไปเที่ยวนอกเมืองที่เขาอยู่ด้วยมอเตอร์ไซค์สองล้อซึ่งเป็นทรัพย์สินเพียงไม่กี่ชิ้นที่เขามี ปีนี้เขาได้ไปมาหลายพื้นที่อยู่พอสมควรซึ่งก็น่าจะเกิดจากความอัดอั้นในการทำงานแบบไม่มีเว้นวรรคให้มีวันหยุดลากยาวมาเกือบสองปี ทันทีที่เขารู้ว่าจะได้รับวันว่างหลังการอนุมัติให้ไม่ต้องทำงานต่อได้ ในหัวของเขาคิดเพียงแต่ว่าจะมุ่งไปในสถานที่ใดดี แม้จะมีช่องว่างเพียงไม่กี่วันก่อนจะถูกเรียกกลับมาให้แก้ไขงานที่ยังค้างต่ออีกหน่อย เขาก็รีบหาสถานที่ใกล้ๆ เมืองที่เขาอยู่เพื่อรีบออกไปซึ่งเป็นเมืองที่มีป่า ภูเขาและแม่น้ำสมบูรณ์ ขับรถสองล้อมุ่งหน้าออกไปจากเมืองที่เขานั่งสัมผัสแป้นพิมพ์คีย์บอร์ด เมาส์และจดจ่อสายตาอยู่กับหน้าจอเรืองแสงทุกวันทั้งเดือนตลอดหลายเดือน การไม่มีวันว่างทำให้เขารู้สึกเช่นนี้เอง เขาไม่ได้คิดอะไรรู้แค่ว่าขอแค่ออกไป สิ่งนี้อาจมีชื่อเรียกว่า ‘ความอิสระ’ ก็เป็นได้

     


     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น