สามแฝดนักล่าจากห้วงจักรวาลหลงมิติมายังดาวเคราะห์สีน้ำเงิน

จักรวรรดิหนานเฟิงจูเชวี่ยเป็นเพียงเศษเถ้าธุลีกาแลคซี่เล็กๆ ในจักรวาลแม่อันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุด ขาดแคลนทั้งทรัพยากรพลังงาน อาหาร น้ำและสิ่งมีชีวิต ใช้การล่าที่เป็นพรสวรรค์หนึ่งไม่มีสองในการเลี้ยงชีพดำรงเผ่าพันธุ์

สิ่งที่พลเมืองของจักรวรรดิหนานเฟิงจูเชวี่ยเล็กๆนี้เหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นเล็กน้อย นั่นคือร่างกายและจิตวิญญาณเบญจธาตุ คงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งและความอ่อนเยาว์ พวกเขามีอายุโดยเฉลี่ยหลายแสนปี อีกทั้งการสามารถรวบรวมเพียงเสี้ยวดวงจิตเพื่อจุติใหม่ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่สูญเสียความทรงจำและความรู้สึกนึกคิด นี่เรียกได้ว่าสามารถเทียบท้ากฎแห่งจักรวาลได้เลยกระมัง

หนิงอี้ซิน เจ้าของฉายาราชินีนักล่าแห่งจักรวรรดิหนานเฟิงจูเชวี่ย อยู่ยงคงกระพันมานับแสนปี อยู่อย่างโดดเดี่ยวระแวดระวังมาเนิ่นนาน รู้จักทั้งรัก รู้จักทั้งเกลียด ได้ให้กำเนิดบุตรฝาแฝดสามคน เป็นบุตรีสองคน บุตรชายหนึ่งคน ของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิตยืนยาวนาน

ครั้งหนึ่งหนิงอี้ซิน พาบุตรทั้งสามออกไปฝึกการล่าตามปกติ เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กอายุวัยสองร้อยปี บังเอิญได้เกิดการปะทะกับโจรสลัดจักรกลอวกาศ โดยไม่อาจหลบเลี่ยงได้ หนิงอี้ซินสั่งการใช้แท่นวาร์ป ซึ่งเป็นแท่นหินบรรพกาลจากสสารมืด กลับถูกแรงดึงดูดมหาศาลเบี่ยงเบนเส้นทาง จนต้องนำยานลงจอดฉุกเฉินที่ดาวแห่งหนึ่ง เพื่อลดความเสียหาย

คนบันดาลไม่อาจเทียบฟ้าลิขิต เมื่อดาวดวงนั้นไม่ได้เป็นเพียงดาวขยะธรรมดา แต่กลับกลายเป็นสุสานอวกาศ   สถานที่อโคจรที่เหล่าสิ่งมีชีวิตในจักรวาลล้วนไม่มีผู้ใดอยากประสบพบเจอ ตำนานเล่าต่อกันมาว่าไม่เคยมีผู้ใดรอดพ้นจากเงื้อมมือดาวดูดมฤตยูนี้ไปได้เลย แม้แต่เสี้ยวจิตวิญญาณก็ตาม