[FIC Douluo Dalu II X Ben10] Fanfiction - Zen10 in the Douluo (ตำนานเทพโต้วหลัว เซนเท็น)

[ Fan-Fiction Douluo Dalu II X Ben10 ]

Zen10 in the Douluo (ตำนานเทพโต้วหลัว เซนเท็น)

เมื่อเรื่องราวของเทพเมื่อหมื่นปีก่อนได้สร้างรากฐานของเทคโนโลยีวิญญาณและขุมทรัพย์ของวงแหวนและกระดูกวิญญาณเทียม ทำให้วิถีการบ่มเพาะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงนี้อยู่ได้เพียงไม่กี่พันปีก็เกิดหายนะร้ายแรงกับโลก จนอารยธรรมโบราณส่วนใหญ่สูญหายไปอีกครั้ง มีเพียงวิหารแห่งความรู้ในป่าชิงโตวที่เป็นสถานที่ต้องห้ามที่รวบรวมความรู้และอารยธรรมโบราณสูงๆไว้เกือบทั้งหมด 

เมื่อสี่พันปีก่อน ได้มีมหาทวีปได้เข้ามาชนกับทวีปโต้วหลัวจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก และอารยธรรมใหม่ก็ปรากฏขึ้น ด้วยอารยธรรมที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีสูงสุด ทำให้เกิดสงครามใหญ่ระดับทวีปจนตัวตนลึกลับออกมาจากการซ่อนตัวและทำให้โลกสงบอีกครั้ง 

เซน เด็กหนุ่มผู้เป็นญาตที่มีโชคชะตาเช่นเดียวกับ กร หนุ่มลึกลับที่กลายเป็นเทพได้ถูกเชิญวิญญาณและส่งมาเกิดภายใต้สายเลือดเทพของเขา พร้อมกับอาวุธวิเศษที่เทพหนุ่มใช้พลังมหาศาลสร้างมันขึ้นมาจากมิติลึกลับ ก่อนที่เซนจะพบว่าเขาได้มาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก และโคตรแฟนตาซี

ข้อมูลเบื้องต้น
 พลังงานที่ใช้บ่มเพาะ : พลังวิญญาณ

ระดับพลัง สามารถแบ่งระดับได้ ดังนี้
> พลังวิญญาณระดับ 0 – 10 เรียก ผู้ฝึกยุทธ์ภูต ไม่มีสมญานาม

> พลังวิญญาณระดับ 11 – 20 เรียก จอมยุทธ์ภูต สมญานาม ขั้น วิญญาจารย์

> พลังวิญญาณระดับ 21 – 30 เรียก ยอดยุทธ์ภูต สมญานาม ขั้น มหาวิญญาจารย์

> พลังวิญญาณระดับ 31 – 40 เรียก ปรมาจารย์ภูต สมญานาม ขั้น อัคราจารย์วิญญาณ

> พลังวิญญาณระดับ 41 – 50 เรียก วีรชนภูต สมญานาม ขั้น ปรมาจารย์วิญญาณ

> พลังวิญญาณระดับ 51 – 60 เรียก ราชันย์ภูต สมญานาม ขั้น ราชาวิญญาณ

> พลังวิญญาณระดับ 61 – 70 เรียก มหาจักรพรรดิภูต สมญานาม ขั้น จักรพรรดิวิญญาณ

> พลังวิญญาณระดับ 71 –80 เรียก เซียนภูต สมญานาม ขั้น มหาปราชญ์วิญญาณ

> พลังวิญญาณระดับ 81 – 90 เรียก จ้าวยุทธ์ภูต สมญานาม ขั้น วิญญาณพรหมยุทธ์

> พลังวิญญาณระดับ 91 – 99 เรียก โต้วหลัว สมญานาม ขั้น ราชทินนามพรหมยุทธ์

-> พลังวิญญาณระดับ 91 – 94 สมญานาม ขั้น ราชทินนามพรหมยุทธ์

-> พลังวิญญาณระดับ 95 – 98 สมญานาม ขั้น อัครพรหมยุทธ์

-> พลังวิญญาณระดับ 99 สมญานาม ขั้น พรหมยุทธ์สูงสุด (พรหมยุทธ์สุดขีดจำกัด)

โดยการเลื่อนระดับขั้นไปเป็นขั้นถัดไปต้องอาศัย วงแหวนวิญญาณ ซึ่งเกิดจากสัตว์วิญญาณที่ตายแล้ว โดยผู้ที่จะดูดซับวงแหวนวิญญาณได้ต้องเป็นผู้ฆ่าสัตว์วิญญาณตัวนั้นด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งสามารถแบ่งระดับวงแหวนวิญญาณได้ตามอายุตบะของสัตว์วิญญาณ ซึ่งแต่ละช่วงอายุจะให้พลังงานจนเกิดสีของวงแหวนวิญญาณที่แตกต่างกัน ตามดังนี้
- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 10 – 99 ปี มีสีวงแหวนวิญญาณ คือ สีขาว 

- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 100 – 999 ปี มีสีวงแหวนวิญญาณ คือ สีเหลือง 

- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 1,000 – 9,999 ปี มีสีวงแหวนวิญญาณ คือ สีม่วง 

- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 10,000 – 99,999 ปี มีสีวงแหวนวิญญาณ คือ สีดำ 

- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 100,000 – 999,999 ปี มีสีวงแหวนวิญญาณ คือ สีแดง 

- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 1,000,000 ปี ขึ้นไป มีสีวงแหวนวิญญาณ คือ สีทอง (ปกติ) 

นอกจากนี้ยังมีวงแหวนวิญญาณสีอื่นๆได้อีก ตามเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งเป็นกรณีพิเศษ ยกตัวอย่าง ดังนี้

- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 1,000,000 ปี มีสีวงแหวนวิญญาณ คือ สีขาวประกายทอง (สัตว์วิญญาณ หนอนไหมน้ำแข็งนิมิตเวหา) เป็นการหลอมรวมวงแหวนวิญญาณที่ยังคงจิตวิญญาณของสัตว์วิญญาณอยู่

- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 700,000 ปี มีวงแหวนวิญญาณ คือ สีส้ม (สัตว์วิญญาณ จักรพรรดินีหิมะ) เป็นการหลอมรวมโดยใช้จิตวิญญาณและพันธะสัญญาที่เท่าเทียมระหว่างมนุษย์และสัตว์วิญญาณ ทำให้วงแหวนวิญญาณเป็นสีส้ม และเป็นกรณีที่เกิดขึ้นครั้งแรก ทำให้สีแตกต่างไปจากเดิม

- วงแหวนวิญญาณ อายุตบะ 15,000 ปี มีวงแหวนวิญญาณ คือ สีโรสโกลด์(กุหลาบทอง) (สัตว์วิญญาณจักพรรดิ ราชสีห์ทองคำสามตา) เป็นวงแหวนวิญญาณจากสัตว์วิญญาณจักพรรดิ ที่มันบ่มเพาะตบะหมื่นปี แต่มีพลังเทียบเท่าสัตว์วิญญาณอายุตบะแสนปี

- วงแหวนวิญญาณ ไม่ทราบอายุตบะ มีวงแหวนวิญญาณ คือ สีเขียวทอง (ต้นไม้ทองคำโบราณ ที่มหลอมรวมกับการปลุกลายเลือดของจักรพรรดิหญ้าเงินคราม) เป็นกรณีพิเศษที่เมื่อมนุษย์ได้ปลุกสายเลือดของจักรพรรดิหญ้าเงินครามในวิญญาณยุทธ์ซึ่งหลอมรวมกับต้นไม้ทองคำโบราณ ทำให้สีของวงแหวนวิญญาณเปลี่ยนไป

ส่วนวงแหวนวิญญาณพิเศษอื่นๆ ที่ไม่รวมในเงื่อนไข เป็นวงแหวนระดับพระเจ้า ซึ่งสีจะแตกต่างไปตามลักษณะของเทพองค์นั้นๆ เช่น

-เทพสมุทร วงแหวนวิญญาณ คือ สีน้ำเงินประกายทอง

-เทพแห่งการสังหาร วงแหวนวิญญาณ คือ สีแดงเลือดประกายทอง

-เทพีแห่งชีวิต วงแหวนวิญญาณ คือ สีเขียวมรกตประกายทอง

-เทพแห่งการทำลาย วงแหวนวิญญาณ คือ สีม่วงประกายทอง
เป็นต้น


เงื่อนไขของการดูดซับวงแหวนวิญญาณของวิญญาจารย์เองก็มีข้อจำกัดอยู่เช่นกัน ซึ่งแต่ละระดับขั้นสามารถดูดซับวงแหวนวิญญาณตามอายุตบะดังนี้ (อิงตามพื้นฐานของวิญญาจารย์ - ยุคสมัยอวี้เสี้ยวกัง)

ขั้น วิญญาจารย์ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะไม่เกิน 423 ปี

ขั้น มหาวิญญาจารย์ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะไม่เกิน 764 ปี

ขั้น อัคราจารย์วิญญาณ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะช่วง 1,300 – 1,800 ปี

ขั้น ปรมาจารย์วิญญาณ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะช่วง 3,000 – 5,000 ปี

ขั้น ราชาวิญญาณ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะไม่เกิน 12,000 ปี

ขั้น จักรพรรดิวิญญาณ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะไม่เกิน 25,000 ปี

ขั้น มหาปราชญ์วิญญาณ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะไม่เกิน 50,000 ปี

ขั้น วิญญาณพรหมยุทธ์ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะช่วง 50,000 -100,00 ปี

ขั้น ราชทินนามพรหมยุทธ์ สามารถดูดกลืนวงแหวนวิญญาณอายุตบะ 50,000 ปีขึ้นไป หรือ มากกว่า 100,000 ปี

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ระบบก็เปลี่ยนไป การดูดซับวงแหวนวิญญาณสามารถทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เมื่อหอจิตวิญญาณต้นกำเนิดได้ถือกำเนิดขึ้น การฆ่าสัตว์วิญญาณเป็นสิ่งที่ต้องห้ามและการเป็นกฎหมายหลักในเมืองหลายเมือง 

สิ่งที่เรียกว่า วงแหวนวิญญาณเทียมเข้ามาแทนที่ เนื่องจากการวิจัยของทีมวิจัยในสังกัดหอจิตวิญญาณต้นกำเนิด และปฏิรูปวงการวิญญาจารย์ไปอย่างสื้นเชิง วงแหวนวิญญาณสามารถหาได้ง่ายและมีคุณภาพมาก เพียงแค่เสียเงินให้ก็สามารถเป็นวิญญาจารย์ได้แล้ว 

และการพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้ยุคสมัยนี้มีประวัติศาสตร์เทียบเท่ายุคสมัยการปฏิวัติอุตสาหกรรมจากโลกเก่าของเทพต้นกำเนิด ยุคสมัยของเครื่องมือวิญญาณที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงไม่กี่ร้อยปี และกำลังถูกวิจัย 

สำนักถังที่ก่อตั้งขึ้นจากเทพสมุทร กำลังเป็นที่นิยมจากเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ในทุกอาชีพ สร้างเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนการพัฒนากว่าหมื่นปีที่ผ่านมา

เป็นช่วงที่อาณาจักรตะวันจันทราฟื้นฟูความสามารถได้เป็นที่เรียบร้อย อาณาจักรที่เมื่อ 3-4 พันปีก่อนได้เข้ารวมกับดินแดนโต้วหลัวภายใต้การขยับของแผ่นเปลือกโลก และทำให้เกิดสงครามระหว่างผู้คนดั้งเดิมและผู้คนแดนใหม่ 

สงครามที่ทำให้สามขั้วอำนาจต้องส่งผู้แข็งแกร่งระดับ พรหมยุทธ์สูงสุดถึง 3 คนลงมาจัดการและทำให้ชื่อเสียงของความแข็งแกร่งของวิญญาจารย์มีมากขึ้น จากการหยุดสงครามและร่างสัญญาขึ้นภายใน 2,000 ปีจะไม่มีสงคราม 

การพัฒนาจึงเกิดขึ้นจากนั้นอีก แต่เกาะเทพสมุทรอันเป็นศูนย์รวมของคนที่นับถือเทพสมุทร ได้ถูกแผ่นเปลือกโลกผลักออกไป และทำให้เกาะแห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง หากไม่ใช้เพราะเทคโนโลยีที่เทพสมุทรทิ้งไว้ การดำรงอยู่ของเกาะเทพสมุทรจะเลื่อนหายไปทันที 

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโลกมีอยู่ไม่กี่แห่ง เกาะเทพสมุทร เกาะลอยฟ้าทูตสวรรค์ และป่าลึกลับแห่งหยินและหยาง อันเป็นที่ลึกลับที่เต็มไปด้วยเจตนารมณ์ของเทพสามองค์ที่ยิ่งใหญ่ 

และในช่วงหมื่นปีที่ผ่านก็ไม่ได้มีเทพองค์ใดได้เกิดขึ้นมาอีกเลย ต่างจากหมื่นปีก่อนที่มีเทพกำเนิดมากมายหลายองค์ ทำให้เกิดศาสนามากมายที่เกี่ยวข้องกับเทพที่ตนนับถือสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน