Funny Online Club. - Funny Online Club. นิยาย Funny Online Club. : Dek-D.com - Writer

    Funny Online Club.

    ตัวละครในเรืองมาจากเพื่อนๆในกลุ่ม ซึ่งแม้ว่าตอนนี้จะเหลือไม่ถึงครึ่งก็เถอะ-*-

    ผู้เข้าชมรวม

    456

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    456

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 เม.ย. 49 / 07:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ณ ดาวดวงหนึ่ง ได้มาถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อจอมมารบุกขึ้นสวรรค์ ไปเปลี่ยนแปลงบันทึกแห่งพระเจ้า ตามที่เดิมทีบันทึกแห่งประเจ้าบอกไว้ว่า จะมีกลุ่มเด็กรุ่นใหม่หกสิบคนเกิดที่ดาวดวงนี้ และร่วมมือกันต่อสู้เพื่อความสงบสุขของดาว แต่จอมมารได้แก้ไขใหม่จนป่น คือจะเกิดกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ของเหล่าผู้วิเศษขึ้น ต่างแยกย้ายกันไปตามที่ต่างโดนไร้ซึ่งเหตุผล พวกเค้ากลับต้องสร้างกลุ่มตัวเองขึ้นมาเพื่อ ปกป้องตนจากอีกฝ่ายโดนที่กลุ่มต่างๆนั้นจะต้องมาฟาดฟันกันเองตามที่บันทึกบอกไว้ และจอมมารได้ทำลายบันทึกทิ้งไปก่อนที่เขาจะถูกเหล่าผู้พิทักษิ์แห่งสวรรค์ฆ่าตาย พวกสรรค์ทำสิ่งใดไม่ได้เลยได้แต่รอการเกิดของเหล่าเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นผู้วิเศษเท่านั้น และเมื่อผ่านไปหนึ่งปีก็ได้มีเด็กในปีนี้เกิดขึ้นหลายหมื่นคน ยิ่งทำให้สวรรค์สั่นคอนมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าใครคือกลุ่มเด็กที่ต้องมาต่อสู้กัน สวรรค์จึงปล่อยให้เหล่าเด็กผู้ที่ต้องต่อสู้กัน ให้เป็นไปตามบันทึกแห่งพระเจ้า โดนไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย

      ณ เมืองแห่งหนึ่งมีชื่อเมืองว่าโกลเดอร์  เมืองโกลเดอร์เป็นเมืองแห่งการทำอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นเมืองที่มีอุตสาหกรรมด้านเหมืองแร่ มีผู้คนอาศัยอยู่มากมายแต่มีเศรษฐีคนหนึ่งซึ่งรวยที่สุด มีชื่อว่าอินเทลเล็ค เดล มีภรรยาชื่อ สวี๊ตฮาร์ท เดล เป็นเศรษฐีที่เข้มงวดมากแต่มีความเมตตากับคนรู้จัก โดยเฉพาะเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันของเขา ในวันหนึ่งได้มีเด็กเกิดมาที่เหมืองทองของเขา แต่แม่ของเด็กตายก่อนที่จะเห็นหน้าลูก พ่อเด็กก็ตายตั้งแต่ยังไม่คลอด นายอินเทลเล็คจึงรับมาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม และตั้งชื่อให้ว่า ดาบไร้รัก และได้ให้การศึกษาจนจบปริญญาเอกตอนอายุ15ปี นายอินเทลเล็คยิ่งเอ็นดูดาบไร้รักมากขึ้น เพราะเขาสร้างชื่อให้กับตระกูลของนายอินเทลเล็คมาก จึงจัดแจงให้ดาบไร้รักไปเรียนการต่อสู้มาด้วย โดยให้ดาบไร้รักไปเรียนที่สำนักดาบดาวตก และดาบไร้รักก็ทำได้ดีด้วยเรียนจบเวทย์กระบี่ดาวตกในเวลา3วันเท่านั้นเองก็สามารถล้มอาจารย์ใหญ่ได้แล้ว อาจารย์ใหญ่จึงมอบกระบี่ผีพุ่งใต้ให้กับด๊น นายอินเทลเล็คยิ่งพอใจลูกบุญธรรมคนนี้มาก จึงจัดการยกสมบัติทั้งหมดให้ดาบไร้รัก แต่นางสวี๊ตฮาร์ทไม่ยอมและมี งกัน

      คุณบ้าไปแล้วหรอให้ไอ้เด็กที่ไม่ใช่ลูกคุณรับสมบัติทั้งหมด หนะนางสวี๊ตกล่าวอย่างจริงจัง

      ก็คุณเองนั้นแหละผิด ตั้งแต่แต่งงานกันมาคุณไม่เคยมีลูกให้ผมเลยนะนายอินเทลเล็คกล่าวอย่างประชดประชัน

      ก็ได้ถ้าคุณคิดว่าไอ้เด็กนั้นดีกว่าเราก็จบกันเมื่อนางกล่าวจบก็เดินออกจากห้องนอนไป
      เมื่อนางเดินออกจากห้องไปอินเทลเล็คก็พึ่งสังเกตุว่ามีคนยืนอยู่หน้าห้องนอน คือดาบไร้รักนั้นเอง

      พ่อครับดาบไร้รักกล่าวอย่างหวาดๆผมไม่ใช่ลูกของพ่อหรอคับ

      เออ มันพูดยากนะลูก ยังไงซะพ่อก็ไม่ทิ้งลูกหรอก ลูกเป็นลูกของพ่อนะนายอินกล่าวอย่าวไม่แน่ใจ

      กรุณาเล่าเถอะครับ ผมรับได้

      อย่าเลยลูกทนมามากพอแล้ว

      แต่..

      กลับเข้าห้องนอนไปซะ พ่อยังจะไม่บอกลูกอะไรตอนนี้นายอินกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

      ก็ได้ครับดาบไร้รักถอนหายใจ

      แต่ถึงอย่างไรความแค้นย่อมมีการชำระ นางสวี๊ตฮาร์ทจึงได้มีการจ้างนักฆ่ามา10คน เป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุดในเมืองแต่ละคนฆ่ามาอย่างต่ำ50คนแต่ไม่เคยโดนจับสักที

      พวกแกไปฆ่าพ่อมัน และพวกแกไปฆ่า ไอ้ลูกมันนางออกคำสั่งกับพวกนักฆ่า

      รับทราบกลุ่มนักฆ่ากล่าวพร้อมกันกระโจนออกไปตาทิศที่เป็นห้องนอนชของนายอินเทลเล็คและด๊น

      เมื่อกลุ่มโจรมาถึงห้องของดาบไร้รัก ก็ได้มีการสำรวจนอกห้องเพื่อเตรียมปฏิบัติการ แต่ด๊นเองก็รู้เช่นกันว่ามีคนมาด๊นจึงหยิบกระบี่ผีพุ่งใต้ที่ได้รับจากอาจารย์ใหญ่สำนักดาบดาวตก และก่อนที่นักฆ่าจะลงมือดาบไร้รักก็ชิงลงมือก่อน โดนกระโจนออกมาทางหน้าต่าง แล้วจัดการกับพวกนักฆ่าไปคนหนึ่ง พวกนักฆ่าที่เหลือก็รู้ตัวทันทีและรวมตัวกันเป็นวงรอบตัวด๊นมีทั้งหมด4คน แต่ที่ด๊นเป็นห่วงมากกว่านี้คือพ่อของเขาบางทีอาจจะมีนักฆ่าไปลอบฆ่าพ่อก็เป็นได้ ดาบไร้รักจึงไม่รีรอใช้วิชาสุดยอดของสำนักท่ากระบี่ดาวตก3ขั้น โดยเป็นการหมุนตัวพร้อมกับยื่นดาบออกมาเหมือนกับลูกข่างแต่มีรัศมีไกลกว่าความยาวของดาบมาก และได้ผลพวกนักฆ่าโดนฟันขาดเป็นสองท่อน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดาบไร้รักต้องการเขารีบวิ่งไปที่ห้องพ่อเขา แต่สายไปเสียแล้วเมื่อเขาไปถึงเขาได้เห็นภาพที่เขาจดจำไปทุกวินาที คือภาพที่พ่อเขาถูกนักฆ่าบาดคอ เลือดไหลออกมาดั่งสายน้ำ ดาบไร้รักทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนมองพ่อของตนดิ้นเพราะความเจ็บปวด และแน่นิ่งไป ดาบไร้รักรู้ทันทีว่าวินาทีนั้นเขาควรทำอย่างไร เขาหยิบกระบี่พร้อมกับวิ่งเข้าใส่กลุ่มนักฆ่า แต่คราวนี่เค้าไม่อาจสู้ได้เพราะนักฆ่าพวกนี้เก่งกว่าพวกที่แล้วมาก และในวินาทีนั้นดาบไร้รักคิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไร เขาคิดได้เพียงต้อง หนี ต้องหนีเท่านั้นจึงจะรอด และดาบไร้รักไม่รีรอกระโจนถอยหลังและวิ่งหนีสุดชีวิตและก็ได้ผล พวกนักฆ่าตามมาไม่ทัน ดาบไร้รักจึงเก็บตัวและซ่อนที่ในป่าแห่งหนึ่ง ทั้งวันเขาได้แต่นั่งครุ่นคิดว่าเพราะเขาที่ทำให้ สถานที่ที่เค้าหลบซ่อนตัวอยู่นั้นเป็นโพรงไม่เล็กๆ ไม่มีอาหารการกินแต่อย่างไร จนกระทั่ง แสงแดดยามเช้าส่องมา

      ภายในใจดาบไร้รักไม่มีสิ่งใด มีเพียงความกลัว ความสิ่นหวัง ความรู้สึกผิด เขาไม่คิดอย่างอื่นนอกจากการกลับไปแก้แค้น แต่แล้ว

      นี่ๆ นายอ่ะมีเสียงเสียงหนึ่งพูดขึ้น ดาบไร้รักสะดุ้งและหยิบกระบี่พร้อมฟัน

      อ๋าาาาาา อย่านะ ชั้นไม่ได้มาทำร้ายซะหน่อยเสียงนั้นพูดอย่างตกใจและลดความตกใจลง ภาพที่ดาบไร้รักได้เห็นคือเด็กหนุ่มอายุพอๆกับดาบไร้รัก สวมเสื้อของสำนักเลขคณิต ผมดำตาสีดำหน้าตามีสิวมีใฝ่ ผมสั้นตั้งนิดๆ ที่สำคัญคือเขาสวมต่างหูแห่งแมนดาน่า ต่างหูแห่งแมนดาน่านั้นเป็นต่างหูของแม่มดแมนดาน่า แม่มดที่แก่กาจมากในยุคหนึ่ง แต่เธอกลับพ่ายแพ้เพราะถูกตัดติ่งหู และมาจนถึงวันนี้ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าเพราะอะไรเธอจึงแพ้ อาจเป็นเพราะต่างหูนั่นเสริมพลังเวทย์อันมหาสารให้กับเธอก็เป็นได้ แต่ต่างหูนั่นหายสาบสูญย์ไปนานแล้ว

      นาย เป็นใครดาบไร้รักถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

      ชั้นหรอ ชั้นเป็นศิษย์สำนักเลขคณิต อยู่ที่เมืองถัดไปนี้เอง ชั้นชื่อ ดอลลี่ ฟรานซัว เองเจล่า ร๊อคเก็ด มาวาโล อลิซาเบธ โพนิต้า แอ็คโค่ สกาย ดราว่า แซนดาบไร้รักทำหน้างงมาก จริงๆแล้วชื่อ ดอลลี่ แซน อ่ะ นอกนั้นเป็นชื่อปู่ย่าตาทวด และอื่นๆอีกมากมาย ว่าแต่นายอ่ะ ชื่อไร

      ผมชื่อ….” ดาบไร้รักลังเลที่จะบอกผมชื่อดาบไร้รักครับเขาบอกอย่างไม่ทันคิด

      หรอ ชื่อแปลกดีนะ ว่าแต่นายมาทำไรอยู่นี่อ่ะพอเขาพูดจบก็เดินมานั่งข้างๆดาบไร้รัก

      เออ….” ดาบไร้รักลังเลที่จะตอบอีก นายอย่ารู้เลย

      หรอ คงเจ็บช้ำใจมากสินะถึงได้มาร้องไห้ตั้ง3วันหนะดาบไร้รักตะลึงเพราะเขาเองยังไม่รู้เลยว่าเขามาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว นายอ่ะ ไปที่บ้านพักเราม่ะเขาชวนอย่างยินดี

      ไม่หละครับ ขอบคุณเมื่อดาบไร้รักพูดจบก็ลุกและกำลังจะเดินจากไป

      นี่ไปหน่อยน่าแต่ดอลลี่ดึงเสื้อดาบไร้รักไว้แล้วฉุดกระชากไปที่บ้านพักของดอลลี่

      ซึ่งบ้านพักของดอลลี่ใหญ่โตมาก เป็นบ้านสไตร์ฝรั่งเศส มีน้ำพุขนาดใหญ่อยู่หน้าบ้านและมีสวนหย่อมที่มีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลได้ เป็นบ้านที่ใหญ่มาก ใหญ่กว่าบ้านของดาบไร้รักมาก เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน ดาบไร้รักเกือบหงายหลัง เพราะในบ้านมีนักเรียนของสำนักเลขคณิตเต็มไปหมด ที่จริงแล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านพักรวมของเด็กสำนักเลขคณิต

      นี่ดอลลี่ อาจารย์ห้ามเอาคนนอกเข้ามานะเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น

      ไม่เห็นเป็นไรเลย เอ้อ มาลีน่าแล้วเซลลี่อยู่ไหนอ่ะดอลลี่ไม่สนและถามต่อ

      ตะกี๊เห็นบอกว่าเหนื่อยเพราะไปฝึกคาถาดักมาร8ทิศ 64ฝ่ามือมาหนะเด็กหญิงตอบอย่างเรียบๆ

      ห๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาดอลลี่พูดอย่างตกใจ ทำไมเซลลี่ไม่เรียกชั้นเล่า คาถานี้ต้องร่ายสองคนสิถึงจะสำริดผล

      ม่ะรู้ดิเด็กหญิงตอบพร้อมกับเดินจากไป

      เออ  คุณแซนครับดาบไร้รักพูดอย่างเกรงใจ

      เรียกดอลลี่ก็ได้ เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะดอลลี่ตอบอย่างไม่พอใจพร้อมกับเดินไปที่บันได

      ดอลลี่ ผมว่าผมไม่สมควรขึ้นไปนะครับดาบไร้รักตอบอย่างอายๆ

      ช่างเป็นไร นายรู้ม่ะว่าชั้นมีความสำคัญกับที่นี่มากนะดอลลี่เดินขึ้นบันไดพร้อมกับบอกอย่างชื่นใจ ชั้นคือ นักเรียนระดับ S คลาสของที่นี่ เคยทำความดีในการแข่งขันวิชาเรื่องการหาค่าของสมการ 25 ตัวแปร และการแข่งขันการร่ายคาถาดักมาร 8ทิศ 64ฝ่ามือมาแล้ว และเป็นนักเรียนที่สอบวิชาการหาค่าและความน่าจะเป็นในการที่ดาวจะตก9ลูกพร้อมกันระดับโลกได้อัน 2 ด้วยดอลลี่พูดอย่างพอใจและเดินมาถึงชั้นสามแล้ว

      เออ  แล้ว  ใครได้ที่ 1 ครับดอลลี่หยุดชะงักเมื่อได้ยิน และเดินต่อไปทางซ้ายของชั้นสาม และหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง

      เค้าไงดอลลี่เปิดประตู และสิ่งที่ดาบไร้รักได้เห็นคือ ห้องที่หรูหราประดับไปด้วยโคมไฟขนาดเล็กหลายอัน และมีเตียงไม้สักขนาดใหญ่นอนได้ประมาณ4คนและสิ่งที่อยู่บนเตียงคือ เด็กชายอายุรุ่นเดียวกับเขา นอนอยู่บนเตียงผมสีน้ำตาล สั้นและตั้งนิดๆเช่นเดียวกันกับดอลลี่ แต่รูปทรงใบหน้าเป็นเหลี่ยมดูดีมีชาติตระกูล และไม่ได้ใส่เสื้อของสำนักเลขาคณิต แต่ใส่เสื้อสีดำ เป็นผ้าคลุมของพวกพ่อมด

      เฮ้เซลลี่ ตื่นได้แล้วดอลลี่ตะคอกใส่หูเซลลี่ และเซลลี่ก็ตื่นด้วย

      ไรวะไอ้ที่สองเซลลี่พูดพร้อมกับลุกขึ้นมาจากเตีบงมานั่งที่ปลายเตียง แต่เขาไม่สังเกตุว่าดอลลี่เหมือนกาน้ำที่เดือดเต็มที่ พร้อมที่จะปะทุเอาไอน้ำร้อนๆออกมา

      ไม่ มี อะ ไร ไอ้ คุณ ที่ หนึ่งดอลลี่ตอบด้วยเสียงโกรธ

      เออ น่าเลิกโกรธได้แล้ว มีไรว่ามา”  เซลลี่พูดประมาณว่าล้อเล่น

      คือ นี่ดาบไร้รักนะดอลลี่ก็เออออตามและเรื่องพูดธุระ คือเค้าได้รับบาดเจ็บทางจิตใจมาหนะ ชั้นอยากให้เค้าอยู่..

      เปรี้ยง

      เสียงเปิดประตูดังสนั่นหวั่นไหว ไปกระแทกฝา และผู้ที่เปิดคือ อาจารย์ใหญ่ของสำนักเลขคณิต

      ดอลลลลลลลลลลลี่ เธอทำเรื่องอีกแล้วนะอาจารย์ใหญ่พูดพร้อมเดินเข้ามาในห้องชั้นสุดจะทนกับพฤติกรรมของเธอแล้ว ชั้นขอไล่เธอออกกกกเขาตะคอกใส่

      แต่อาจารย์ครับแล้วการสอบการวัดมาตรฐานการใช้คาถาดักมาร 8ทิศ 64ฝ่ามือหละครับเซลลี่พูดอย่างหวั่นใจอีกแค่3วันเอง

      ชั้นหาคนแทนให้เธอแล้วเซลลี่ เธอจะได้ใช้คาถากับมาลีน่าอาจารย์ใหญ่พูดเรียบๆ

      ห๊า อาจารย์จะให้ผมใช้คาถากับยัยนั้นงั้นหรอครับเซลลี่เถียงเสียงแข็ง ผมไม่เอาด้วยหรอก ยัยนั้นทั้งอืดทั้งอาดไหนจะขี้บ่นอีก วันๆไม่ทำไรมีแต่อ่านหนังสือ จนตาเธอเหมือนนกฮูกแล้วดอลลี่อดหัวเราะไม่ได้

      ทำไมเธอพูดแบบนั้นหละเซลลี่อาจารย์พูดแบบถอดใจมาลีน่าเธอดีออก

      อาจารย์ดีไปคนเดียวเถอะครับอาจารย์ใหญ่เริ่มโกรธผมขอบอกอาจารย์ไว้เลยเซลลี่ลุกขึ้นและชี้นิ้วใส่อาจารย์ใหญ่คนคนเดียวที่จะใช้คาถาดักมา 8ทิศ 64ฝ่ามือกับผมได้ทั้งโลกนี้มีคนเดียวคือดอลลี่ ถ้าอาจารย์ไล่เค้าออก ผมขอออกด้วยดอลลี่รู้สึกซึ่งใจมาก

      ได้ แต่ไม่มีใครขอออกจากสำนักเลขคณิตได้อาจารย์ใหญ่พูดด้วยอารมณ์โกรธจัดในนามของสำนักเลขคณิต ชั้นขอไล่เธอออกเซลลี่

      เมื่ออาจารย์ใหญ่พูดจบก็เดินออกไปจากห้อง เซลลี่กับดอลลี่ก็เริ่มเก็บของต่างๆแล้วเช่นกัน

      เพราะชั้น พวกนายเลยโดนไล่ออกดาบไร้รักพูดแบบรู้สึกผิด

      ไม่ใช่หรอกดอลลี่บอก

      พวกเราอยากออกมานานแล้วแหละเซลลี่เสริม

      ทำไมหละ พวกนายมีความดีความชอบกับสำนักหนิ ทำไมอยากออกหละดาบไร้รักถามอย่างงงงัน

      เพราะเราเบื่อ อ่ะดอลลี่ตอบ

      ช่ายที่มีแต่พวกอ่อนๆ ไร้ความสามารถโดยแท้เซลลี่ตาม

      ที่สำนักหนะ ไม่มีอะไรที่จะสอนเราแล้วหละดอลลี่ ต่อ

      ช่ายทุกวิชาเราใช้ได้หมดแล้ว แม้แต่วิชาลับของอาจารย์ใหญ่รุ่นก่อนๆด้วยเซลลี่เสริม

      อ๋อ มิน่าหละดาบไร้รักพูดแบบเข้าใจว่าแต่เราจะไปไหนต่อหละ

      เรากะว่าถ้าออกไปได้แล้วจะออกไปผจญภัยหนะดอลลี่บอก

      แต่ต้องไปหาเพื่อนเราก่อนนะ เพื่อนเราอยู่ที่เมืองชิกเกอร์ เป็นเมืองที่มีการเลี้ยงสัตว์อย่างมากมายเลยหละเซลลี่ต่อ

      เราไปทีไรได้กินไก่ทุกที สารพัดไก่เลยดอลลี่เสริม

      เออ ว่าแต่เซลลี่นายมีชื่อเต็มว่าอะไรหรอดาบไร้รักถาม

      อ๋อชั้นชื่อ เซลลี่ เดรกโก ลิซ่า จั๊สติน เดลร่า เอนนาคิน จูบีเตอร์ เลสเตอร์ ดราว่า คอเทส จริงแล้วก็ เป็นญาติกับดอลลี่ทางทวดอะนะ แต่เราสองคนไม่นับกันเป็นญาติหรอกเมื่อพูดจบดาบไร้รักก็ทำหน้าเข้าใจ

      และเมื่อทั้งสามเดินลงมาจากบ้านพักก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อไปยังเมืองชิกเกอร์

      เมื่อทั้งสามออกเดินทางมาถึงที่ป่าทางตะวันออกของเมืองโกลเดอร์ ก็ได้เจอกับเหล่าสัตว์มากมาย สัตว์พวกนี้เชื่องมากไม่ดุเลย แต่สัตว์ชอบเข้าใกล้ดาบไร้รักมากไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเดินมาได้กลางทางทั้งสามก็หยุดพัก และก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดตามด้วยเสียงระเบิด

      เสียงไรอ่ะ ดังจังดอลลี่ถามอย่างหวั่นๆ

      เสียงปืน ดังจากใกล้ๆนี่เองดาบไร้รักบอก

      ไปดูม่ะเซลลี่บอกและทั้งสามก็ลุกและเดินไปดู

      เมื่อทั้งสามไปถึงที่เกิดเหตุก็พบกับคนกลุ่มหนึ่ง โดยดูจากสภาพแล้วมี3คน และ2คนถูกจับ อีกคนเป็นคนร้าย

      ไปช่วยเค้าดีม่ะเซลลี่ถาม

      ป่ะดาบไร้รักบอก

      และเมื่อตกลงกันแล้วทั้งสามก็กระโจนเข้าใส่คนร้าย แต่คนร้ายไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย กลับปาระเบิดใส่ทั้งสามแทน แต่มันเป็นระเบิดอานุภาคต่ำไม่ทำให้เจ็บมากเท่าไหร่

      พวกแกต้องการอะไรคนร้ายถามอย่างใจเย็น

      พวกเราควรถามแกมากกว่า ว่าแกจะทำอะไรพวกเค้าเซลลี่ถาม

      โอ้ว สุภาพบุรุษจริงๆคนร้ายหัวเราะคิดจะช่วยพวกนี้หรอ

      ก็ประมาณนั้นอ่ะดอลลี่ตอบอย่างใจเย็น

      ได้ งั้นเจอกันหน่อยพอคนร้ายพูดจบก็เริ่มลงมือ ใช้ปืนM152รุ่นใหม่ที่คิดขึ้นเอง กราดยิงเข้าใส่ทั้งสามคนเซลลี่ ดอลลี่หลบได้ เพราะใช้สมการการและความน่าจะเป็นหลบกระสุน แทนค่าแล้วหลบพ้นทุกลูก แต่ดาบไร้รักกลับหลบไม่ค่อยจะได้โดนจุดสำคัญหลายจุดจนสลบไป เซลลี่และดอลลี่จึงใช้ท่าที่มีเพียงเค้าสองคนที่ใช้ได้

      คาถาดักมาร 8ทิศ 64ฝ่ามือทั้งสองพูดพร้อมกันและเริ่มใช้ท่านี้ คาถาดักมาร 8ทิศ 64ฝ่ามือคือ การใช้โจทย์รากที่สองที่มีตัวแปรและความน่าจะเป็นในการถอดร่างที่2 และเมื่อหาได้แล้วก็จะตีค่าของตัวเลขเป็นทิศทางของสิ่งที่จะจู่โจมเรา และเมื่อหาทิศทางได้แล้วก็ใช้ความเร็วทั้งหมดที่มี วิ่งไปคนละทางกับวิถีศัตรู และวิ่งเข้าหาศัตรูและใช้ฝ่ามือกับพลังทำลายและความเร็วในการจู่โจมศัตรู และในการจู่โจมแต่ละทีจะต้องเล็งที่จุดพลังด้วย การทำอย่างนี้จะทำให้ช่องพลังทั้ง 64ช่องถูกปิดและจะทำให้ไม่สามารถขยับตัวหรือแม้แต่ขยับเปลือกตา และก็ใช้ได้ผล ทั้งสองหลบกระสุนแล้วพุ่งตรงไปด้านหน้าและหลังของคนร้ายและใช้ฝ่ามือโจมตีจนคนร้ายกระเด็นไปด้านหลัง และไม่ขยับเลย ทั้งสองจึงไปช่วยผู้เคราะห์ร้ายต่อ

      เป็นไรม่ะครับดอลลี่แก้เชือกให้ทั้งสองคน

      ขอบคุณค่ะผู้หญิงคนหนึ่งพูด

      พวกคุณเป็นใคร มาจากไหนและทำไมเจ้านั้นถึงต้องจับพวกคุณเซลลี่ยิงคำถาม

      เออ ชั้นชื่อดีดี้นะ เป็นหมอ และนี่เพื่อนชั้นวันเดอร์ เค้าเป็นลูกคุณหนู แต่มีพลังวิญญาณสูงมาก จากสำนักฮอล์โลว์ ซึ่งเป็นสำนักที่สอนการควบคุมวิญญาณแต่เค้า เออ เค้าควบคุมได้หมดทุกตัวจนไม่มีใครสู้ได้และพวกอาจารย์ก็หวาดกลัวเค้าจนต้องไล่เค้าออกวันเดอร์เป็นเด็กผู้ชายอายุน่าจะพอๆกันเซลลี่กับดอลลี่ เป็นเด็กที่หน้าตาไม่ค่อยจะดี มีสิวมากกว่าดอลลี่ ตาโตผมสั้น ส่วนดีดี้หน้าออกอินเดียนิดๆผมหยิก ตาโต

      พวกเราจะมาเดินป่าหนะ แต่โดนมาเฟียจับไว้ทั้งเซลลี่และดอลลี่พึ่งรู้ว่าเจ้าคนร้ายชื่อมาเฟียเค้าไม่ทำร้ายใครเพียงแต่จะปล่อยให้อดตาย

      และเมื่อพวกเค้าพูดจบ มาเฟียก็สะลำสะลือตื่นขึ้นแต่ยังขยับตัวไม่ได้  และมาเฟียก็เริ่มพูดคุยบ้าง

      ชั้นไม่ได้ปล่อยให้อดตายซะหน่อยมาเฟียพูดเสียงเบา พวกนั้นไม่ยอมกินข้าวเองตะหาก

      หรอเซลลี่ตอบแบบไม่ค่อยเชื่อ ว่าแต่ พวกเธอจะไปไหนกันต่อ

      ไม่รู้  ที่จริงเราจะไปเอาตัวเพื่อนเราคืนมา เพื่อนเราโดนคำสาปอยู่ที่เขาเคเอ็น

      เออ หรอน่าหนุกนะดอลลี่หันหลังไปเออดีดี้ เธอเป็นหมอช่ะม่ะดีดี้พยักหน้างั้นช่วยรักษาเค้าหน่อยสิ

      ดาบไร้รักนอนสลบเหมือดอยู่

      ทำไมไม่รีบบอกเล่าดีดี้รีบวิ่งไปหาดาบไร้รักและรักษาให้ เพียงเธอร่ายมนต์ กระสุนทุกนัดก็ออกมาจากตัวของดาบไร้รัก และแผลก็หายสนิดอย่างรวดเร็ว และดาบไร้รัก ก็พื้นด้วย

      มาเฟียดอลลี่ถาม นายจะไปกับเราม่ะ

      ไปก็ได้ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไรดี

      เออ ใช่นี่ดีดี้ เราต้องไปพบเพื่อนก่อนนะ

      ได้สิ เดี๋ยวเราไปด้วย จะได้ไปซื้อเสบียงด้วย

      เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วทั้ง6ก็ออกเดินทางไปเมืองชิกเกอร์ โดยเดินผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวและมาถึงยังเมืองชิกเกอร์ เป็นเมืองที่มีแต่ไก่จริงๆ ทุกบ้านเลี้ยงแต่ไก่ เมื่อมาถึงที่เมืองก็เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นฟาร์มไก่ที่ใหญ่มาก และมีพื้นที่มากอีกด้วย เมื่อเดินเข้าไป มีเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู

      โคโค้เซลลี่และดอลลี่ พูดพร้อมกันพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดกับเด็กชายคนนั้น โคโค้เป็นเด็กอ้วน หน้าตาเบื่อๆ ดำนิดๆ

      ไงวะนี่พวกนายออกจากคุกนั้นได้แล้วหรอโคโค้ถามอย่างสนใจ

      อื่อ นี่ พวกเขาช่วยเราให้ออกมาได้หนะดอลลี่บอก

      นี่ ดาบไร้รัก มาเฟีย ดีดี้ แล้วก็วันเดอร์เซลลี่ตาม

      ไงพวกโคโค้บอก นี่พวกนายก็จะไปด้วยหรอ

      อื่อ พวกเขาจะไปด้วย แต่พวกเรามีจุดหมายใหม่แล้วดอลลี่ตอบแทนทุกคน

      ไปไหนอ่ะ

      ไปที่เขาเคเอ็นหนะเซลลี่ตอบไปช่วยเพื่อนของดีดี้ เพื่อนดีดี้ถูกคำสาปทำให้ไม่สามารถออกจากถ้ำในเขานั้นได้

      ได้พอโคโค้พูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านรอแป๊บนะ

      เมื่อโคโค้พูดจบก็วิ่งเข้าไปเอากระเป๋าของตน และแล้วทั้งหมดก็ออกเดินทางกัน โดยดีดี้บอกว่าเขาเคเอ็นอยู่ทางตะวันออกของเมืองชิกเกอร์ ในวันแรกพวกเค้าเดินทางได้แค่สองเมืองเท่านั้นเอง โดยผ่านตามเมืองวารานาร่า เมืองแห่งสายหมอก และเพราะเหตุนี้เองทำให้พวกเขาเดินทางช้าลง เพราะหมอกหนามากเป็นอันตรายหากเดินทางต่อ และเมื่อผ่านไปครึ่งวัน พวกเขาก็มาถึงเมืองที่สอง ชื่อเมืองไนท์เดย์ เป็นเมืองที่มีคนเยอะมาก ทำให้การเดินทางผ่านค่อนข้างลำบาก และในวันที่สอง เมื่อพวกเขาออกจากสถานที่พักก็เดินทางต่อ โดยประมาณสี่ชั่วโมงก็มาถึงเมืองเจน เป็นเมืองที่เที่ยงตรงเสมอ ไม่คดโกงเพราะทั้งเมืองเรียนการชั่ง การตวง การวัดมาแล้ว จึงทำให้ชาวเมืองมีความรู้พอสมควร ที่จะไม่ถูกโกงตาชั่งหรือโกงน้ำหนักสินค้า และทุกคนก็เดินผ่านกลุ่มฝูงชนไปยังปราสาทของเมือง ปราสาทนี้เป็นปราสาทที่ใหญ่พอพอกับบ้านพักนักเรียนสำนักเลขคณิต มีกำแพงขนาดใหญ่เหมือนคุกสีขาว และมีประตูสีดำใหญ่เป็นประตูเหล็กเมื่อเข้าไปหน้าปราสาทก็มีรูปปั้นของราชาองก่อนๆของเมืง ทั้งคนที่อ้วนผอมสลับกันไปตามปี และแล้วพวกเค้าก็มาถึงในห้องโถงโดยต้องผ่านการตรวจตราอย่างหนักของทหาร แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี และเมื่อเข้ามาในห้องโถงก็ได้พบกับพระราชาของเมืองเจน ที่เราจำเป็นต้องมาที่เมืองนี้เพราะการที่เราจะขึ้นเขาเคเอ็นได้ จะต้องผ่านปราสาทของเมืองก่อน

      นี่ๆดอลลี่ถามที่นั้นเป็นวังของพระราชาหรอ

      ใช่แล้วโคโค้ตอบเราต้องไปขออนุญาตพระราชาก่อน เพราะข้างบนนั้นมีแต่สัตว์เลี้ยงของพระราชาโคโค้ทำหน้าบึ้ง ถ้าพูดดีๆก็คือเป็นสัตว์ประหลาดนานาพันธุ์เลยแหละ แล้วก็ยังมีแม่มดที่เป็นราชินีแต่ถูกราชาทอดทิ้งและปล่อยไว้ในหุบเขา ทำให้บางคนได้รับพลังจากสัตว์จนกลายเป็นแม่มดร้ายเชียวแหละ

      พวกเจ้าเป็นใครทหารถาม

      พวกเราคือ กลุ่ม….เออ…” ดาบไร้รักตอบ และมองไปที่ทุกคนเหมือนจะถามว่ากลุ่มของเราชื่ออะไรดี และแล้วเซลลี่ก็เดินออกมาพร้อมกับตะโกนว่า

      พวกเราคือกลุ่มผู้กล้า มีนามว่า แซมเปิ้ลแสปตเซลลี่ตอบ

      ม้ายยย ไม่ใช่เราคือกลุ่ม เอ็กซ์บาร์ดอลลี่ตอบ ทุกคนทำหน้างงเพราะเป็นครั้งแรกที่เซลลี่กับดอลลี่ขัดกัน แถมชื่อที่พวกเค้าพูดนั้นเป็นชื่อที่ประหลาดมาก

      ไม่หรอก กลุ่มเรามีชื่อว่า..ขณะนี้ดาบไร้รักกำลังคิดและแล้ว กลุ่มเรามีนามว่า F.O.C. เหล่าผู้กล้าแห่งดินแดนนกฟินิกซ์

      พวกเจ้ามีจุดประสงค์อันใดทหารถาม

      พวกเราต้องการขึ้นเขาเคเอ็น กรุณาเปิดทางให้เราด้วยดาบไร้รักพูด

      ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น เป็นเสียงของพระราชานั้นเอง

      รับทราบท่านทหารโค้งคำนับพวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ กลับไปได้แล้ว

      แต่….ท่านเราต้องการขึ้นไปจริงๆนะท่านดีดี้พูดขึ้น และแล้วเด็กชายที่อยู่ข้างพระราชาก็ขยับ และตรงไปยังข้างหูของพระราชา ซุบซิบกันอยู่นานและก็เดินออกจากห้องโถงไป

      อืม พวกF.O.C.พวกเจ้าขึ้นไปได้พระราชาพูดแบบมีนัย แต่พวกเจ้าต้องพาลูกข้าไปด้วยถึงจุดนี้ดาบไร้รักไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรดี และพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกด้วย

      ได้ครับท่านดาบไร้รักพูดเสียงถอดใจแต่ลูกท่านมีวิชาอะไรบ้างที่พอเอาตัวรอดได้

      โอ้วววววเจ้าดูถูกลูกข้าไปแล้ว เค้าสอบได้ที่หนึ่งของการตวงทรายทารา ซึ่งเป็นทรายที่เล็กมาเล็กกว่าสปอร์เสียอีก แต่เขาก็ทำได้ตามที่กองทดสอบกำหนด

      หรอครับท่านดาบไร้รักพูดแบบผิดหวังแต่เราไม่ได้ต้องการพ่อค้านักตาชั่งไปต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดนะครับดาบไร้รักฉุนมาก

      พวกเจ้ายังไม่รู้ดี เค้ามีผงยาที่มีความสามารถหลายชนิด อย่างผงดีเจ็นท์ ผงแห่งความตาย โดนเข้าทีตายมาแล้วนักต่อนักแถมเค้ายังเรียนภาษามนุษย์ได้อีก356ภาษาเชียวแหละพระราชาพูดอย่างภูมิใจ

      อืม งั้นพอพึ่งได้ครับท่านดาบไร้รักพยักหน้าเราจะพาเค้าไปด้วยครับ

      และเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้วเด็กชายคนที่เป็นลูกของพระราชาก็เดินมาหาเหล่าผู้กล้าที่ทางขึ้นเขาเคเอ็น

      เออ สวัสดีครับเด็กชายคนนั้นพูดอย่างอายๆ

      นายชื่อไรเซลลี่

      อายุเท่าไหร่ดอลลี่

      มีวิชาไรดีๆเซลลี่

      ทำไมถึงอยากไปแล้วก็..

      พอแล้วเซลลี่ ดอลลี่ดีดี้พูดขึ้นเดี๋ยวเค้าก็หายใจไม่ทันพอดี

      เออ ผมชื่อ ไวท์พ่อน อายุเท่าพวกคุณแหละ จบปริญญาเอกจากสำนักการสร้างสารพิษเกียจนิยมอันดับหนึ่ง สอบการสร้างสารพิษระดับโลกได้อันดับหนึ่ง และจบขั้นที่สามจากสำนักภาษาในโลกเรียนทุกสาขา แล้วก็พ่อชั้นสอนการตวงให้ด้วย อีกอย่างที่ชั้นอยากไป ไม่ใช่ชั้นจะอยากหรอก แต่มันถูกกำหนดไว้แล้วในพยากรณ์บ้านเมืองถึงตอนนี้ไวท์พ่อนเริ่มหยุดพูดบ้างแล้ว

      จริงอ่ะเซลลี่พูดแบบไม่ค่อยเชื่อ

      ใช่ ไม่น่าเชื่อซักเท่าไหร่ ไสยศาสตร์เนี่ยนะจะมากำหนดอะไรได้ดอลลี่พูดอย่างไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่

      อ๋อ เข้าใจดาบไร้รักเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเซลลี่กับดอลลี่ไม่ค่อยชอบ ก็เพราะเขาสองคนเป็นพวกคณิตศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์

      นี่พวกคุณไม่เชื่อหรอไวท์พ่อนล้วงเอาบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า จะมีผู้กล้าเจ็ดคนมาพาบุตรแห่งเมืองนี้ และเป็นสายเลือดกษัตริย์ เพื่อไปสู้กับสัตว์ร้ายบนเขาแห่งนี้ และตามหาสมาชิกกลุ่มจนครบสิบสามคน และร่วมกันเดินทางไปในที่ต่างเพื่อปราบผู้คนที่อยู่ด้านมืดไวท์พ่อนถอนหายใจ

      เออ ไม่น่าเชื่อเลยนะพวกเราแค่จะไปผจญภัยแค่นั้นเอง”  ดาบไร้รักตะลึง

      นั้นสินะดีดี้ตอบ

      เมื่อทุกคนคุยกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มเดินทาง เขาเคเอ็นนั้นมีทั้งหมดสิบสามชั้น เป็นเขาที่มืดมากเพราะมีเมฆมากแต่ก็พอมีแสงส่องมา และหากเดินทางไปยอดเขาหรือลงเขาไม่ทันตะวันตกดิน อาจจะทำให้เจอสัตว์ประหลาดรุมก็เป็นได้ ตามข่าวลือว่ากันว่าไม่มีใครที่ผ่านหนึ่งวันไปแล้วสามารถกลับลงมาได้ บางคนบอกว่าพวกแม่มดอาจจับไปเป็นทาส บ้างก็ว่าโดนสัตว์ประหลาดจับกิน หรือไม่ก็หลงทางหาทางลงไม่ได้ เพราะเขานี้จะมีขั้วแม่เหล็กขนาดใหญ่ฝังอยู่ เขา ใครที่เดินไม่ถูกทางจะไม่มีวันกลับออกมาได้

      และบัดนี้เหล่าผู้กล้าก็เริ่มได้พบสัตว์ประหลาดบ้างแล้ว พวกสัตว์เมื่อเห็นมนุษย์ก็กระโจนเข้าใส่ แต่ทางผู้กล้าก็พอสู้ได้ และก็เดินทางต่อไปเรื่อยจนถึงชั้นที่สอง และก็เช่นเดิม เหล่าสัตว์ก็รุมทำร้ายเหล่าผู้กล้า แต่ก็ไม่สามารถล้มพวกเขาได้ เพราะดาบไร้รักก็เก่งด้านการต่อสู้ด้วยดาบ เขาใช้กระบี่ผีพุ่งใต้กำจัดสัตว์ได้หมด เซลลี่กับดอลลี่ก็ไม่น้อยหน้า แค่ใช้ฝ่ามือ ความเร็ว และสูตรทางคณิตศาสตร์ก็สามารถดักทางสัตว์และเข้าจู่โจมจุดอ่อนของมันได้ และมาเฟียก็ใช้ปืน M225 เป็นปืนรุ่นใหม่ที่เขาพึ่งคิดค้นมาเมื่อวานกระหน่ำยิงใส่เหล่าสัตว์ และก็ตามที่คาดไว้เหล่าสัตว์โดนกระสุนเข้าไปร่างกายขาดกระจุยเกลื่อนกลาด แต่แล้วเมื่อเดินใกล้จะถึงปากทาง

      ดอลลี่หิวม่ะเซลลี่พูดขึ้น

      หิวดิดอลลี่พูด

      เดี๋ยวเราจะพักกันตรงปากทางของชั้นสองนะดาบไร้รักพูดขึ้น

      ตูม

      อะไรดาบไร้รักถาม และวินาทีนั้นเองร่างอันมหึมาของสัตว์ชนิดหนึ่งก็โผล่ออกมาจากหมอกควัน

      แอ็กก้าาาาาาาาาาาาาาาไวท์พ่อนพูดและลุกเพื่อหนี แอกก้านั้นตัวเหมือนเสือ แต่ที่ไม่เหมือนคือเดินสองขา และสูบไปด์ด้วย

      นี่มันตัวไรอ่ะดอลลี่

      นั้นดิเซลลี่

      นั้นมันแอ็กก้า เป็นหัวหน้าของชั้นสอง หรือบอสเมนชั่นไวท์พ่อนทำท่าตกใจกลัวมาก

      ก็งั้นๆแหละดอลลี่เดินเข้าหาบอสเดี๋ยวเราก็กำจัดได้เอง

      ใช่เซลลี่ก็เดินเข้าหาเช่นกัน

      ทั้งคู่ใช้คาถาดักมารแปดทิศหกสิบสี่ฝ่ามือพร้อมกัน แต่บอสไม่ได้จู่โจมใส่จึงทำให้ทั้งสองขยับไม่ได้ และแล้วบอสก็โจมตีใส่พวกเขา แต่พวกเขาหลบไม่ได้เพราะชะงักก่อนที่จะจู่โจม ทั้งสองโดนอุ้งมืออันมหึมากระแทกกระเด็นออกไปไกลมาก

      เซลลี่ ดอลลี่ดีดี้อุทาน และแล้วดาบไร้รักกับโคโค้ก็ช่วยกันสู้กับบอส โคโค้ใช้ท่ากลายร่างเป็นลูกบอลใหญ่มาก ใหญ่กว่าตัวบอสเสียอีก และโคโค้ก็หมุนตัวแล้วกระแทกใส่บอส แต่ไร้ผลบอสจับโคโค้ไว้แล้วเตะออกมา และดีดี้ก็วิงไปรับตัวไว้ได้ทันก่อนที่จะไปกระแทกกับหิน ขณะนี้ดาบไร้รักอยู่ข้างหลังบอสแล้ว เขาใช้กระบี่ผีพุ่งใต้กระโดนแล้วฟัน แต่เกิดอะไรไม่ทราบกระบี่ผีพุ่งใต้ฟันไม่เข้า และเมื่อบอสรู้ตัวก็ใช้ไปด์ฟาดท้องดาบไร้รัก ดาบไร้รักนอนดิ้นเพราะความเจ็บปวด และตอนนี้เหลือเหล่าผู้กล้าเพียงสามคน บอสเริ่มหมายตาดีดี้ แล้ววิ่งใส่ทันที แต่แล้วก็เกิดเหตุการน่าประหลาดบอสที่กำลังวิ่งอยู่นั้นล้มลงแล้วสลบเหมือดทันที ดีดี้หันไปมองที่วันเดอร์ เขากำลังชี้นิ้วออกคำสั่งกับวิญญาณเหล่านักรบที่เคยมาต่อสู้กับบอสแล้วแพ้ และเมื่อวันเดอร์ลดนิ้วลงวิญญาณที่มารวมกันไม่รู้เท่าไหร่ก็หายไป

      วันเดอร์ เธอช่วยชั้นไว้ดีดี้วิ่งไปหาวันเดอร์แล้วจับมือกับวันเดอร์

      มะ ไม่เป็นไรวันเดอร์กล่าวแบบอายๆ

      เรารีบช่วยพาเค้าเถอะดีดี้กำลังวิ่งไปช่วยทุกคน

      ไม่ต้องไวท์พ่อนพูดขึ้นชั้นมียารักษาเธอออมแรงไว้ดีกว่า เพราะเวทย์ของเธอรักษาได้ดีกว่ายา ในชั้นต่อไปมันมีบอสที่เก่งกว่านี้มากเธอควรดูแลตัวเองไว้เมื่อไวท์พ่อนพูดจบก็เดินไปโรยยาที่เขาอ่างว่ารักษาได้กับทุกคน และทุกคนก็ฟื้นทันที

      โอ๊ยยยดอลลี่กล่าว

      เจ็บจังเซลลี่พูด

      ไอ้ตัวตะกี้ไปไหนหละดอลลี่ถาม และเขาก็หันหน้ามองไปรอบๆก็พบบอสนอนสลบเหมือดอยู่

      แล้วใครกำจัดมันอ่ะเซลลี่ถาม

      นี่ไงดีดี้ชี้ไปทางวันเดอร์

      ห๊ะ นายเนี่ยนะเซลลี่กับดอลลี่พูดพร้อมกัน

      อื่อ เค้าเรียกวิญญาณของนักรบที่ตายเพราะเจ้านี่มาแล้วมาสู้หนะขณะนี้หน้าของวันเดอร์เริ่มกลายเป็นสีชมพู

      เอาหละนายเก่งมากดาบไร้รักเดินไปหาวันเดอร์แล้วตบบ่าเบาๆ แต่เราควรที่จะรีบไปดีกว่า ก่อนที่มันจะตื่นว่าแล้วก็เริ่มเดินทางอีกครั้งหนึ่ง

      เมื่อขึ้นมาที่ชั้นสามเหล่าผู้กล้าก็โดนพวกสัตว์โจมตีอย่างหนัก ทั้งซุ่มโจมตีทั้งโจมตีระยะประชิด และพวกสัตว์พวกนี้พลังต่างกับชั้นสองมากทีเดียว ทำให้เหล่าผู้กล้าเจ็บหนักไปตามๆกัน แต่ถึงอย่างไรก็ผ่านมาได้จนถึงประตูชั้นที่สี่ และพวกเขาก็เห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่โขดหินหน้าทางเข้า

      เฮ่ นั้นคนช่ะม่ะอ่ะเซลลี่ถาม

      น่าจะนะดอลลี่ตอบ

      ระวังนะไวท์พ่อนทำท่าลุกลี้ลุกลน มันอาจเป็นบอสก็ได้

      ไม่หรอกน่าดาบไร้รักตอบ และตอนนี้พวกเขาเดินมาถึงโขดหินแล้ว

      นายอ่ะดอลลี่ถาม

      นายเป็นใครเซลลี่ถามตาม เกิดความเงียบชั่วครู่ แล้วร่างนั้นก็หันมาทางF.O.C.

      ไงร่างนั้นพูดขึ้นแล้วกระโดดลงจากโขดหิน ชั้นชื่อโมรา เป็นนักเวทย์หนะ

      หรอ แล้วนายมาทำไรตรงนี้ดอลลี่ถามต่อ

      ชั้นมาสู้กับพวกสัตว์ประหลาด เพราะชั้นอยากได้ชิ้นส่วนบางส่วนที่หายากของพวกมันเขาหายใจเข้าลึกๆแล้วชั้นก็ไม่กล้าขึ้นชั้นสี่ด้วย

      ทำไมอ่ะเซลลี่ถามอีกโมราทำท่าตื่น

      นี่นายไม่รู้หรอโมราถามต่อ

      รู้ไวท์พ่อนเดินมาอยู่ข้างหน้าแล้วพูดต่อว่า ชั้นสี่ เป็นชั้นปราบเซียน พวกสัตว์บนชั้นนี้มีแต่พวกที่ซุ่มโจมตี ใช้ธนูบ้าง ยิงคลื่นพลังบ้างโดนรัศมีการมองเห็นและการยิงของพวกมันนั้นกว้างมาก ราวๆสิบเมตรได้

      นั้นสิโมราถอนหายใจ แล้วพวกนายจะขึ้นไปม่ะโมราถามอย่างสนใจ

      อื่อ พวกเราต้องไปชั้นที่สิบสามหนะดาบไร้รักตอบ

      นายไปด้วยม่ะดอลลี่ถาม

      อืมโมราคิดอยู่นานและแล้วไปด้วย หลายคนดีกว่าคนเดียวจิงม่ะ

      และแล้วเหล่าผู้กล้าก็เดินทางต่อไป และเมื่อถึงชั้นที่สี่ก็ไม่ปรากฏวี่แววของพวกสัตว์เลย แต่ทุกคนก็ไม่ได้ชะล่าใจยังคงเตรียมพร้อมท่าโจมตี แต่แล้วกลับผิดคาดไม่มีสัตว์มาแม้แต่ตัวเดียวและขณะนี้เหล่าผู้กล้าก็ได้เดินมาถึงทางขึ้นชั้นห้าแล้ว เมื่อทั้งเก้ากำลังจะเดินไปทางขึ้นก็ต้องอยุดชะงักเมื่อมีรังสีอมหิตและ ไอสังหารมากมายมาจากไหนมิทราบรังสีพวกนี้ทำให้พวกเขาแทบจะขยับไม่ได้ แม้แต่หายใจก็ยังติดขัด เพราะเสียงๆหนึ่ง

      ~~~เหวอ~~~

      และเมื่อทุกคนหันไปข้างหลังก็เจอกับสัตว์ตัวหนึ่ง แต่สัตว์ตัวนี้รูปร่างเหมือนคนมาก แต่มีปากเหมือนสุนัขทั้งมีเล็บที่ยาวมากแล้วก็หาวที่มีตั้งเก้าเส้น หรือถ้าจะพูดอีกอย่างคิวก็เป็นจิ้งจอกเก้าหางนั่นเอง แต่เท่าที่รู้ก็คือเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงของสัตว์ตัวนี้

      ใช่แล้วไวพ่อนพูด มันคือคิวบอสเมชั่นของชั้นสี่

      น่ากลัวจังดีดี้พูดเสียงสั่นเพราะไอสังหารของ ังไม่จางไป

      และแล้วก่อนที่เหล่าผู้กล้าจะได้เตรียมตัว คิวก็โผเข้าหาพวกเค้าแล้ว และอีกทั้งบริวารของคิวที่ยิงธนูกระหน่ำเข้าใส่เหล่าผู้กล้า เหล่าผู้กล้าต่างโดนลูกหลงลูกแล้วลูกเล่า แต่มีเพียงสองคนที่หลบได้ นั่นก็เช่นเดิมเซลลี่และดอลลี่นั่นเอง ทั้งสองฝ่ายต่างชุลมุนกัน และขณะนี้เองวันเดอร์ก็ได้ใช้เหล่าวิญญาณที่อยู่ในชั้นนี้ มีทั้งพ่อมด อัศวิน พลธนู และอื่นๆอีกมากมาย มีจำนวนมากไม่รู้กี่ตน แต่ก่อนที่วันเดอร์จะได้สั่งวิญญาณ คิวซึ่งรู้ตัวก่อนก็วิ่งมาหาวันเดอร์ แล้วทุกคนก็ทันที่จะได้ช่วยวันเดอร์เพราะคิวนั้นวิ่งเร็วมาก แล้วก็ใช้เล็บแทงเข้าที่ท้องของวันเดอร์ เลือดกระฉูดออกมาดั่งฝนไหลลงมาตามพื้นแล้วคิวก็ดึงเล็บออก วันเดอร์ก็ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที

      วันเดอรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร์ทุกคนตะคอก

      แก ไอ้หมาบ้าเซลลี่โกรธจัด

      แกทำเพื่อนเราดอลลี่โกรธจัด แล้วทั้งสองคนก็มองหน้ากันแล้ว
      นายจาใช้ไรอ่ะเซลลี่ถามดอลลี่

      รุ่นที่สามนายอ่ะดอลลี่ถามกลับ

      รุ่นที่หนึ่งแล้วกันเซลลี่ตอบ เมื่อทั้งสองตกลงได้ก็เริ่มใช้วิชานั้นๆ

      เคียร่าาาาาาาดอลลี่ตะโกน

      ไอวาดิสสสสสสเซลลี่ตะโกน วิชาที่พวกเค้าใช้อยู่นี้เรียกว่าการ์เดียนสปิริตเคียร่าและไอวาดิสเป็นหนึ่งของสัตว์เทพอสูรของสำนักเลขคณิต เคียร่านั้นเป็นสัตว์เทพอสูรของอาจารย์ใหญ่รุ่นที่สาม ส่วนไอวาดีสเป็นสัตว์เทพอสูรของอาจารย์ใหญ่รุ่นที่หนึ่ง และแล้วก็มีบางสิ่งออกมาจาใต้ดินและกลางอากาศ พื้นดินแยกออกจากกัน แล้วปรากฏร่างของสัตว์เทพอสูรเคียร่า เคียร่าเป็นสัตว์เทพอสูรธาตุผีดิบ มีร่างเป็นคล้ายกับมนุษย์ แต่มีหน้าตาเป็นกระดูก และมีร่างที่ใหญ่มาก ประมาณสิบเท่าของคนเรา และแล้วบริเวรกลางอากาศนั้นก็เกิดรอยร้าว และแตกออกแล้วก็มีสัตว์เทพอสูรไอวาดิสออกมา ไอวาดิสเป็นสัตว์เทพอสูรธาตุน้ำ มีลักษณะคล้ายคน แต่ตัวไม่ใหญ่มาก แต่ที่ใหญ่ก็คือปีกและมีถึงแปดอันและแต่และปีกก็ใช่ย่อยใหญ่มาก และที่เห็นได้ชัดก็คือสัตว์เทพอสูรตัวนี้เป็นผู้หญิง และใส่เพียงเสื้อคลุมที่ยาวมากและจี้รูปสามง่ามเท่านั้น

      เคียร่า ดาร์คเฟรมเทอรี่ดอลลี่สั่ง

      ไอวาดิส ฟรี๊ซชิ่งเทอนาโดเซลลี่สั่งตาม

      พลังขอเคียร่าก็คือ การรวบรวมมวลของอากาศมารวมกัน แล้วแทรกพลังความมืดลงไปทำให้กลายเป็นก้อนพลังงานสีดำขนาดใหญ่ ส่วนพลังของไอวาดิสนั้นคือการใช้พลังจากจี้ที่ใส่ แล้วสร้างความกดอากาศต่ำแล้วทำให้สูงทันที ทำให้เกิดเป็นพายุลูกย่อมย่อม แล้วตามด้วยพลังของจี้ จะทำให้พายุมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก และเป็นพายุที่เต็มไปด้วยมีดน้ำแข็งและเกล็ดน้ำแข็งที่ขมกริบ

      และเมื่อทั้งสองตัวพร้อมแล้ว ก็ปล่อยพลังพร้อมกัน แต่ดอลลี่และเซลลี่ลืมนึกถึงอยู่อย่างหนึ่งก็คือความเร็วขอคิว แต่เซลลี่ก็นึกขึ้นได้จึงใช้ความน่าจะเป็นและอะไรอีกหลายอย่างเพื่อที่จะได้คำนวนทิศทางของคิวถูก แต่สายไปคิววิ่งออกห่างจากรัศมีของพลังของสัตว์เทพอสูร แล้ววิ่งมาด้านหลังของเซลลี่และดอลลี่ ทั้งสองไม่ทันระวังตัวแล้วคิวก็ใช้เล็บของมันเตรียมที่จะแทง แต่ก็เปล่าประโยชน์ทั้งสองนั้นหลบได้เช่นเดิม แล้วสัตว์เทพอสูรที่เรียกออกมาก็มาช่วย เคียร่านั้นมาก่อนตามมาด้วยไอวาดิส คิวจึงตัดสินใจสู้ด้วยและเมื่อคิวตั้งท่าที่จะสู้ไอวาดิสก็ใช้พลังของจี้ สร้างน้ำแข็งในอากาศทันทีแล้วน้ำแข็งเหล่านั้นก็พุ่งตามคิวไป ไม่ว่าคิวจะหลบไปทางไหนแท่งน้ำแข็งก็ตามไปเรื่อยๆ จนคิวต้องใช้พลังของมัน

      นั่นมัน สไปรอลเฟรมมิ่งนี่นาไวพ่อนบอกทุกคนก้มลงงงงงง!!!!!!

      ทันทีที่ไวพ่อนพูดจบทุกคนก็หมอบติดกับพื้นทันที สไปรอลเฟรมมิ่งเป็นการใช้หางที่เต็มไปด้วยพลังเพลิงของคิวสร้างวงแหวนไฟออกมาตามหาง ไม่ใช่แค่วงสองวงแต่มีถึงเก้าสิบวง และใช้แรงที่มีอยู่บวกกับความเร็วของการหมุนตัวเพื่อที่จะได้ให้วงแหวนเหล่านั่นกระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือการกระจายของวงแหวนที่สามารถตัดทุกสิ่งได้แล้วยิ่งเป็นวงกว้างด้วย  พวกสัตว์ที่เป็นลูกน้องของคิวโดนตัดเป็นสองส่วนทุกตัวและเคียร่ากับไอวาดิสก็เช่นกันทั้งสองถูกตัดออกเป็นสองส่วน แล้วหายไปในอากาศ

      เคียร่า ไม่นะดอลลี่ลุกขึ้นพร้อมพูดอย่างตกใจ

      ไอจังงงงงทุกคนมองหน้าเซลลี่ที่ทำท่าเหมือนโดนทิ้ง

      และเมื่อสไปรอลเฟรมมิ่งสงบลงคิวที่ใช้พลังมากไปกำลังมึนงง และในโอกาสนี้เองโมรา ที่แอบอยู่ที่เสาแล้วสร้างบาเรียมาคุ้มครองตนเองก็ได้ออกมา

      พวกนายไม่เป็นไรนะโมราถาม

      จะไม่เป็นไรได้ไง โน่ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน วันเดอร์นั่นเอง ดีดี้รีบวิ่งไปหาและจับชีพจร แต่ไม่เต้น

      โธ่ วันเดอร์ฮือๆๆๆๆๆดีดี้ร้องไห้แล้วหมอบบนร่างของวันเดอร์ ทุกคนต่างเศร้าสลด ดาบไร้รักเริ่มหลังน้ำตาให้เห็น

      เออ ขอทางหน่อยขอทางหน่อยโมราที่กำลังทำท่าร่าเริง เดินแหวกพวกเขาไป เฮ้อ พวกนายเนี่ยไม่รู้ไรเลยหรอ

      รู้ไรดอลลี่ถาม

      มีไรก็รีบพูด เราจะได้ไปฝังเค้าเซลลี่ถามตาม

      ไปฝังทามม้ายยยยยย เค้าไม่ได้ตายซะหน่อยทุกคนมองหน้าโมรา แม้ดีดี้ก็เงยหน้าขึ้นแล้วลุกขึ้นมามองโมรา เค้าเป็นอิมมอร์ทอลเผ่าพันธ์ที่แกร่งที่สุดในโลก แค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอก แค่สลบทุกคนต่างตะลึงงันในคำพูดของโมรา

      ชะใช่ครับผมเป็นอิมมอร์ทอล อึกวันเดอร์ตื่นขึ้นมาแล้วสลบไป

      วันเดอร์ดีดี้ทำท่าดีใจและทั้งดาบไร้รัก โคโค่ เซลลี่ ดอลลี่ ไวพ่อน และมาเฟีย ต่างมีสีหน้าที่ดีขึ้น ที่วันเดอร์ลุกขึ้นได้ แล้วขณะนี้ดีดี้กำลังรักษาบาดแผลให้วันเดอร์อยู่ อิมมอร์ทอล (Immortal) เป็นเผ่าพันธ์หนึ่งอยู่ทางตอนกลางของโลกเป็นเผ่าพันธ์ที่เวลาโดนอะไรหรือสิ่งใดทำให้เกิดบาดแผลแล้วจะมีสารบางชนิดมาบังเซลที่ถูกตัดไป ให้รักษาสภาพของเซลไว้โดยไม่ให้เซลตาย และกระดูกของเผ่าพันธุ์นี้แข็งมากแข็งกว่าเพชรอีกขนาดโดนภูเขาทันยังไม่เป็นไร โมรานั้นก็เป็นอิมมอร์ทอลเช่นกันแต่ไม่บอกใคร

      ขณะที่โมรากำลังอธิบายเรื่องอิมมอร์ทอลอยู่นั้น คิวก็คืนสภาพเดิมได้แล้วคิวมีสายตาที่ยาวมากจึงมองเห็นพวกเค้าแม้ห่างมากเท่าไรก็ตาม แต่ก่อนที่คิวจะได้วิ่งใส่เหล่าผู้กล้า ก็มีบางสิ่งมาหุ้มตัวคิวเป็นน้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  และคิวก็เห็นสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งมีรูปร่างคล้ายๆมังกรและมังกรตัวนี้มีลำตัวออกมาจากมือของโมรา น้ำพวกนี้ไม่ใช่แค่หุ้มตัวคิวไว้ แต่มันยังกัดเซาะคิวเหมือนหิน แล้วไม่นานคิวก็โดนย่อยจนเหลือเพียงแค่ลำตัวท่องบนแม้คิวตะโกนด้วยความเจ็บปวด ถึงดังเท่าไหรแต่เสียงของคิวก็ไม่สามารถเล็ดรอดออกมาจากน้ำเหล่านั้นได้ เมื่อคิวโดนย่อยจนหมดแล้วมังกรตัวนั้นก็กลับมาในมือของโมรา ทุกคนไม่ทันได้สังเกตุด้วยซ้ำว่ามีอะไรออกมาจากมือของโมรา และมังกรตัวนั้นก็ชื่อว่าซีบิล เป็นอสูรธาตุระดับสิบเป็นอสูรธาตุที่เก่งที่สุดของธาตุน้ำ อสูรธาตุก็คือ สัตว์ประหลาดที่มีพลังเฉพาะธาตุโดยมีทั้งหมดแปดธาตุคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า พืช เทพ และมาร โดนคนที่จะสามารถเรียกอสูรธาตุได้นั้นต้องจบจากสำนักของแต่ละธาตุเท่านั้น แต่โมรานั้นไม่ได้มีแค่ธาตุน้ำ บาเรียที่เค้าสร้างตอนนั้นเป็นบาเรียที่แกร่งมากแต่ร่างจริงของบาเรียนั้นเป็นอสูรธาตุเทพที่ชื่อชามาชู เป็นอสูรระดับเก้ามีร่างเล็กแต่พลังมาก ว่ากันว่าเป็นพระเจ้าที่เกิดใหม่แล้วก็ไปจุติยังสวรรค์ใหม่ จึงทำให้พลังน้อยลง

      นายรู้ทำไมไม่บอกเราเล่าดอลลี่ต่อว่า

      นั่นดิเรารึก็อุตส่าเสียใจด้วยเซลลี่ว่าตาม

      ก็พวก นายไม่ถามนิโมราตอบแบบเย้ยๆ

      แล้วนายรู้ได้ไงว่าเค้าเป็นอิมมอร์ทอล ดอลลี่ถาม

      นั่นดิเค้าบอกว่าอิมมอร์ทอลด้วยกันเท่านั้นถึงมองออกเซลลี่พูดแล้วตะลึงชั่วขณะ หรือว่านายก็

      อื่อ ชั้นก็เป็นอิมมอร์ทอล แต่เป็นแบบผสมโมราถอนหายใจ พ่อชั้นเป็นพ่อมดที่ชอบเดินทาง แล้วก็ได้ไปเจอกับแม่ชั้นที่โลกเวทย์มนต์ แม่ชั้นก็มาเที่ยวที่หมู่บ้านบีเทรย์แต่แม่กับ ตอนที่ไปเที่ยวนั่นแหละพวกนายคงงงสินะที่ชั้นรอดมาได้ แม่เป็นอิมมอร์ทอลก็เลยรักษาเซลของช่องคลอดและถุงน้ำคล่ำได้ ชั้นเลยไม่ตาย

      อืมหรอเซลลี่พูดเบาแล้วเริ่มเอะใจ ว่าแต่ เจ้าคิวไปไหนอ่ะเซลลี่ชี้ไปทางที่คิวเคยยืนอยู่

      คงหนีไปแล้วมั้งดอลลี่ตอบ

      เอาหละพวกนาย เราจะพักกันที่ชั้นนี้นะดาบไร้รักบอกที่นี่ปลอดภัยแล้ว

      ทามไมคิดงั้นอ่ะดอลลี่แย้ง

      นั่นดิ เจ้าคิวก็ม่ายรุไปไหนอาจมาลอบทำร้ายเราก็ได้เซลลี่แย้งด้วย

      ก็ยังดีกว่าไปชั้นต่อไปแล้วเจอกับพวกสัตว์เก่งๆไม่ใช่หรอมาเฟียที่ไม่ได้พูดมานานเริ่มพูดแล้ว

      โอเคดอลลี่ทำท่าเบื่อๆ

      เอาไงเอาตามเซลลี่ทำท่าเบื่อเช่นกัน

      ตกลงงั้นทำที่พักกันเถอะดีดี้เสนอแนวคิด

      และแล้วเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานพวกเค้าก็ทำที่พักเสร็จ คืนทั้งคืนไม่มีสัตว์ตัวใดมาเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีสัตว์เหลือเลยหรืออย่างไร แต่ทั้งคืนพวกเค้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทั้งคืนนั้นไม่สามารถมองเห็นข้างนอกได้เลยแม้แต่น้อยเพราะมีหมอกที่หนาทึบมาก ขนาดที่มองไม่เห็นแม้เมฆที่ลอยอยู่บนฟ้าจนทำให้พวกเค้านอนหลับได้สนิทมากขึ้น และแล้วก็รุ่งเช้า พวกเขาต่างช่วยกันเก็บของแล้วขณะนี้บาดแผลของเค้าก็หายเป็นปกติแล้ว

      ไปชั้นห้าเลยม่ะดอลลี่บอก

      เราต้องค่อยๆไปนะเพราะชั้นห้าไม่รู้ว่าจะมีตัวอะไรเก่งๆออกมารึป่าวดาบไร้รักกล่าวอย่างหวาดๆ

      แต่เราก็สู้ได้ทุกตัวนี่เซลลี่แย้ง

      ไม่ได้หรอก มันเสี่ยงเกินไปดีดี้ลงความเห็น

      จิงด้วยพวกนายยังไม่เข็ดอีกหรอที่โดนแอ็กก้าอัด โดนคิวฆ่าสัตว์เทพอสูรโคโค้ด่าให้

      ก็นะดอลลี่ทำท่าเฉย

      คนเราก็มีผิดพลาดกันบ้างสิเซลลี่ทำท่าเห็นด้วย

      แต่พวกนายเค้าไม่เรียกผิดพลาด เค้าเรียกขี้อวดดีดี้ต่อว่าอีกที

      จิงอ่ะคงไม่ใช่ชั้นหรอกคงเป็นนายนะเซลลี่ดอลลี่ไม่สนและมองไปทางเซลลี่

      นายไม่ใช่หรอที่ส่งสัญญาณให้ใช้GFอ่ะเซลลี่มองด้วยสายตาอาฆาต

      นายนั่นแหละควบคุมจีเอฟไม่ได้ไหนจะชอบจีเอฟตัวเองอีกหน้าสมเพชดอลลี่เริ่มไม่พอใจและต่อว่า

      นายนั่นแหละเซลลี่

      นายนั่นแหละดอลลี่

      นาย

      นาย

      พอซะทีดาบไร้รักตะคอกพวกนายก็พอกันนั่นแหละ

      ได้ งั้นชั้นไปนะดอลลี่บอก

      นายจะไปไหน เราต้องไปด้วยกันนะดีดี้รั้ง

      ถ้าพวกนายมีคนที่เก่งด้านนี้แล้วไม่จำเป็นต้องมีสองคนหรอกชั้นขอแยกก่อนที่ทุกคนจะรั้งไว้ดอลลี่ก็ใช้วิชาแอนนีเฟียเป็นวิชาที่ใช้ลมเป็นตัวช่วย จะใช้พลังของลมสร้างช่องว่างของอากาศแล้วสามารถเดินทางข้ามกาลเวลาได้แต่ไม่มีใครฝึกได้เกินเลเวลสองสักคนยกเว้นเซลลี่กับดอลลี่ที่ฝึกจนถึงระดับสี่ คือระดับหนึ่งข้ามได้ราวๆสามวินาทีระดับสองข้ามได้ราวๆสิบวินาที ระดับสามข้ามได้ประมาณยี่สิบวินาทีและระดับสี่ข้ามได้หนึ่งนาทีขึ้นไป

      ไปแล้ว ทำไงดีพวกเราดีดี้กังวลมาก

      ไม่ต้องสนเค้าหรอก”  เซลลี่เดินไปทางขึ้นชั้นห้า

      นายจะทำอะไรดาบไร้รักบอก

      แล้วเจอกันนะพวกนายหนะ ถ้าชั้นยังไม่ตายจะมาช่วยพวกนายก่อนที่เค้าจะพูดจบเค้าก็ใช้วิชาเดียวกันกับดอลลี่ไปซะแล้ว ทุกคนในกลุ่มแทบไม่ทันได้ตั้งตัวทำได้เพียงมองตามไปเรื่อยๆเผื่อจะเจอกับพวกเค้าเข้า

      เอายังไงต่อดีโมราถาม จะแยกกลุ่มเลยหรอ

      ไม่หรอกดาบไร้รักก้าวออกมาข้างหน้าเราต้องเดินต่อไป แม้ไม่มีสองคนนั้นเราก็ต้องเดินหน้าต่อไป

      ทุกคนยอมรับแล้วเดินหน้าขึ้นชั้นห้าต่อไป และแล้วพวกสัตว์ทั้งหลายก็ออกมาต้อนรับพวกเขาเช่นเดิม แต่คราวนี้มีแต่พวกตัวเดิมๆกระจอกกระจอกจึงทำให้ไม่ค่อยใช้แรงมากเท่าไหร่และเมื่อทุกคนเดินทางต่อไปเรื่อยๆจนถึงทางขึ้นของชั้นหกก็ได้หยุดพักกัน สถานการเลวร้ายขึ้นทุกทีทุกคนอ่อนเพลียมากแล้วไหนยังจะมีฝนตกลงมาอีกแต่ฝนนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้หมอกจางลงเลย  ทำให้บริเวณนั้นชุ่มไปด้วยน้ำฝน เหล่าผู้กล้าได้ไปหลงฝนที่ใต้ทางขึ้นชั้นหก ไร้ซึ่งบทสนทนา เหล่าผู้กล้าต่างเศร้าซึมแต่แล้ว

      พวกนายจะเศร้าไปถึงไหนเนี่ยโมราถามอย่างตรงไปตรงมา

      แล้วนายจะให้เราทำไง จัดงานเลี้ยงเลยม่ะ ที่เพื่อนเราแยกตัวหนะโคโค้โกรธจัด คงเป็นเพราะเดิมทีโคโค้ก็เป็นเพื่อนกับทั้งสองคนนั่นอยู่แล้วนายคงไม่เข้าใจชั้นหรอก

      พอทีน่าทุกคนดีดี้พูดแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับพึมพำว่า เดอะลาสแฟนตาซีทันทีที่พูดจบก็มีแสงส่องออกมาจากมือดีดี้ เดอะลาสแฟนตาซีนั้น เป็นคาถาบำรุงจิตใจ คล้ายกับคาถารักษาแต่เป็นการรักษาด้วยความทรงจำที่เก่าและสนุกสนาน ทำให้ทุกคนนั้นรู้สึกว่ามีภาพความทรงจำที่ดีดีเก่าเก่าออกมาแล้วทำให้ทุกคนสบายขึ้น

      ขอบใจนะดีดี้ ทุกคนรู้สึกสบายขึ้นมากเลยดาบไร้รักบอกดีดี้

      ไม่เป็นไรหรอก ชั้นว่าเรารีบไปดีกว่าไหมจะได้รีบเสร็จดีดี้พูดจบก็เดินไปทางปากทางขึ้นชั้นหก

      ก็ดีนะ เอาหละ ออกเดินทางต่อได้ทุกคนนั้นต่างมีความสุขจากความทรงจำเก่าๆจนลืมเรื่องเซลลี่กับดอลลี่ไปเลย

      เมื่อขึ้นไปถึงชั้นหก ก็ไม่เจอเหล่าสัตว์เลยทุกคนงงมากแม้จะมีบ้างแต่เป็นสัตว์ที่ไม่ทำร้ายใคร

      อ้าว ไหงเป็นเงี้ยมาเฟียพูดอย่างผิดหวัง

      ใช่ใช่พวกสัตวไปไหนหมดโมราพูด และเมื่อเค้าพูดจบก็เหลือบไปเห็นสิ่งๆหนึ่งตกอยู่

      อะไรหรอโมราดาบไร้รักถามขณะที่โมราเดินไปดูสิ่งๆนั้น

      นี่มันโมราอุทานดูสิทุกคนนี่มันผ้าของเสื้อดอลลี่นี่

      จริงด้วยดีดี้บอก และเกิดความเงียบชั่วขณะ

      เป็นไปได้ม่ะ ว่าเค้าสู้กับพวกสัตว์ให้เราดาบไร้รักพูด และทุกคนก็มองหน้ากัน

      เวลาผ่านมานานแล้วแต่พวกเขาก็ไม่มีใครพูดถึงเศษผ้าของดอลลี่เลย พวกเขาไม่เคยคิดว่าเซลล่กับดอลลี่จะต่อสู้เพื่อใคร ทุกคนได้แต่คิดเวลายิ่งผ่านไปนานเรื่อยๆเรื่อยๆ ไม่มีบทสนทนาใดจนกระทั่งมาเฟียรู้สึกบางอย่าง

      นี่พวกเราเธอพูด และทุกคนก็หยุดเดินทันที ชั้นว่า เราเดินกลับไปกลับมาหลายรอบแล้วนะและเมื่อทุกคนลองสังเกตุดูก็พบว่าเป็นเรื่องจริง พวกเขาเดินกลับมาที่เก่าที่ๆเคยเดินมาครั้งแรกตอนที่ขึ้นชั้นหก และพบเศษผ้าของดอลลี่อันเดิมตกอยู่

      จริงด้วยโมราพูดขึ้นแล้วเอาไงต่อดีดาบไร้รักเค้าก็ลองถามดาบไร้รักต่อ

      ลองเดินอีกรอบดีม่ะเขาเสนอความคิด เผื่อเราจะได้สังเกดอะไรที่มันผิดปกติดู

      อย่าเลยมาเฟียบอก ชั้นสังเกดมาตลอด เราเดินมาที่เก่าสามรอบแล้วหละมั้ง

      จริงหรอดีดี้ตกใจ

      แล้วทำไงต่อดีหละโคโค้ พูดพร้อมกับไวพ่อน

      เดี๋ยวโมรายกมือขึ้นแล้วเดินมาด้านข้างของโคโค้ และเขาก็พึมพำบางอย่าง แล้วก็มีอสูรธาตุออกมา อสูรธาตุตัวนี้คือบาฮามุช เป็นอสูรที่มีร่างคล้ายคนแต่มีหน้าเป็นวัวและมีเขาเหมือนแพะ บาฮามุชเป็นอสูรธาตุมืดระดับเก้ามีพลังที่สูงมาก แต่โมราไม่ค่อยใช้เพราะบาฮามุชไม่ค่อยเชื่อฟัง

      แถวนี้มีกลิ่นอสูรธาตุโมรากล่าวขึ้น คงเป็นไซเวียนตี้ อสูรธาตุระดับหกของธาตุมืดและเขาก็เดินไปทางฝาผนัง บาฮามี่ลุยเขาสั่งบาฮามุช แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นบาฮามุชไม่ขยับ

      เป็นอะไรไปรึป่าวอ่ะโคโค้ถาม

      ป่าวเขาทำท่าเขินอายเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า บาฮามี่ บาบาจังลุยและแล้วบาฮามุชก็พุ่งเข้าใส่ผนังแล้วก็เอามือล้วงทะลุผนังแล้วก็เอาออกมา สิ่งที่บาฮามุชดึงกลับมาด้วยนั้นคือไซเวียนตี้ เป็นอสูรธาตุขนาดเล็กระดับหก ธาตุมืดอาศัยอยู่ในผนังมีความสามารถคือสร้างประตูกาลเวลาหรือวาร์ปได้

      ไอ้ตัวนี้แหละที่ทำให้เราเดินกลับไปกลับมาและแล้วโมราก็เริ่มพึมพำอะไรบางอย่างอีกครั้ง แล้วเจ้าไซเวียนตี้ก็กลายเป็นสายลมสีดำมองเห็นชัดเจน ลอยเข้ามาในมือของโมราแล้วหายไป

      เสร็จแล้วใช่ป่ะโคโค้ถาม

      อื่อโมรามองมือตนเองเล้วทำท่ากำมือแล้วก็แบมือไปซักพัก

      ไหน นายบอกว่านายเป็นพ่อมดไงโมราไวพ่อนถามขึ้นนี่นายเป็นฮันเตอร์ไม่ใช่หรอ

      ก็ไม่เชิงฮันเตอร์หรอกแล้วเค้าก็พึมพำคาถาแล้วร่ายลงพื้น เป็นคาถาลูกไฟก็ชั้นใช้เวทแบบพ่อมดได้อ่ะ

      แต่นายใช้อสูรธาตุมากกว่าไม่ใช่หรอไวพ่อนยังค้าน

      หวอออ!

      เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ มีเสียงของสัตว์ชนิดหนึ่งดังขึ้น ดังมากซะจนผนังร้าว ทุกคนมองหน้ากัน

      เสียงอะไรหรอดีดี้ถามและสั่นนิดๆ

      อืม ชั้นว่าเราไปดีกว่านะ รีบขึ้นไปข้างบนจะได้รีบช่วยเพื่อนของดีดี้รีบเสร็จทุกคนไม่มีใครคัดค้านเพราะเสียงนั่นเป็นเสียงที่แสดงให้เห็นว่ามันกำลังขึ้นมาจากด้านล่างของเขาเคเอ็น แล้วมันคงจะตัวใหญ่มาก ทุกคนก็คิดเช่นนั้นจึงไม่รีรอวิ่งไปทางขึ้นชั้นเจ็ด และก็พบทางขึ้นชั้นเจ็ด ทั้งหมดไม่รีรอรีบวิ่งขึ้นชั้นเจ็ดไปเพราะ

      หวอออออออ!

      เสียงระรอกสองที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งเขา พวกสัตว์ต่างๆพากันหนีหัวซุกหัวซุนเพราะเสียงนั้นใกล้ซะจนมองเห็นเงาของมันแล้ว

      ตัวอะไรกันแน่โมราถามไวพ่อน

      เดี๋ยวนะไวพ่อนควักหนังสืออกมาแล้วอ่านเจ้านี่คือไวพ่อนซิเรชั่นเป็นสัตว์ชั้นสูงที่มีพลังมหาสารและมีเวทย์มนต์ต่างๆที่เกร็งกล้ามาก มีลำตัวที่เป็นลาวาเป็นสัตว์ประจำเมืองเรา มีไว้…”ไวพ่อนทำท่าถอยหลัง

      มีไรไวพ่อนแค่มันชื่อเหมือนนายไม่มีความหมายไรหรอกโคโค้ทำเมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      ไม่ ไม่ใช่แค่นั้นไวพ่อนเหงื่อแตกผลักมันจะตามชั้นไปตลอด

      ห๊าาาาทุกคนอุทานพร้อมกัน

      คือ มันจะติดตามสู้กับชั้นไปเรื่อยๆจนกว่าชั้นจะตายอ่ะ เป็นคำสาปของตระกูลเราแล้วไวพ่อนก็เดินมาทางลงไปชั้นหก ทายาทของตระกูลคนล่าสุดจะต้องสู้กับมัน ท่านพ่อต้องการให้ชั้นตาย เลยยอมให้ชั้นมาด้วย

      ไม่เป็นไรหน่า เดี๋ยวเราช่วยสู้เองดาบไร้รักตบบ่าไวพ่อนเบาๆ

      ไม่ได้ไวพ่อนหันมามองทุกคนแล้วก็พูดต่อว่าชั้นจะให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องมายุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ทันทีที่ไวพ่อนพูดจบ ดีดี้ก็ตบหน้าเค้า

      เธอจะบอกว่าเราไม่เกี่ยวข้องกันงั้นหรอดีดี้มองไวพ่อนซึ่งหันไปตามแรงตบและยังไม่หันกลับมา

      ใช่เราเป็นเพื่อนนายนะโคโค้พูดขึ้นพร้อมกับชูนิ้วโป้ให้

      ไม่มีทางที่เพื่อนจะทิ้งเพื่อนได้หรอกมาเฟียก็เริ่มพูดเช่นกัน

      เออผมก็.เออ…..จะช่วย..นะครับวันเดอร์พูดแบบขาดๆแต่ก็พอจับใจความได้ อล้วตอนนี้ไวพ่อนก็หันมาพร้อมกับสีหน้าที่ดีขึ้น พร้อมกับพูดว่า

      ตกลงแล้วเค้าก็ยื่นมือออกมา เพื่อF.O.C.” แล้วทุกคนก็ยื่นมือมาเช่นกันเรียกไปทีละคนทีละคนจนครบสิบคน แล้วพูดพร้อมกันว่าเพื่อ F.O.C.”

      หวออออออออออออออออออ!

      เสียงใกล้มากซะจนทุกคนเห็นตัวมันแล้วแต่ไม่มีใครวิ่งหนีหรือหลุดจากการประสานมือเลย แล้วเมื่อไวพ่อนซิเรชั่นมาถึงทางขึ้นชั้นหกก็มองเห็นไวพ่อนและสูดกลิ่นของไวพ่อนแล้วก็ตรงตามกลิ่นของคนที่มันต้องสู้ด้วย ซึ่งในอดีต บรรพบุรุษของไวพ่อนไม่มีใครที่สู้กับไวพ่อนซิเรชั่นแล้วชนะเลยสักคน จนกระทั้งมาถึงรุ่นของไวพ่อน และขณะนี้ไวพ่อนซิเรชั่นกำลังกระโจนเข้ามาใกล้ทางขึ้นชั้นเจ็ด เรื่อยๆ เรื่อยๆ แล้วฟ๊อกก็หลุดจากการประสานมือแล้ว

      ชั้นขอจัดการก่อนทุกคนกระจายตัวออกล้อมไวพ่อนซิเรชั่น และมาเฟียก็ชิงลงมือก่อน มาเฟียยิงปืนT-100รุ่นใหม่ล่าสุดกระสุนระเบิดได้ บรรจุกระสุนได้มากสุดห้าพันนัดและยังมีกระสุนสำรองสองพันนัด ติดตามมาด้วยไรเฟิ้ลที่สามารถส่องได้ไกลถึงสามร้อยเมตร และมาเฟียก็ยิงออกไป แต่ไม่เกิดอะไรขึ้น ไวพ่อนซิเรชั่นไม่รู้สึกเลยแม้กระสุนจะทะลุลงไปในผิวหนังของมันแล้ว

      ไม่ได้ผลแฮะมาเฟียร้องดัง

      ลองยิงรัวๆดูสิดีดี้เสนอแนวคิดและมาเฟียก็ลองยิงรัวๆ หลายๆนัด ประมาณห้าร้อยนัดได้แต่ไร้ผลไวพ่อนซิเรชั่นไม่มีปฎิกิริยาใดๆ

      ไม่ได้ผลเหมือนเดิมมาเฟียเก็บปืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับลองเปลี่ยนปืน แต่ไวพ่อนซิเรชั่นวิ่งตรงมาหาไวพ่อนแล้ว

      ชั้นเองงงงงโคโค้ร้องดังพร้อมกับวิ่งมาอยู่ด้านหน้าของไวพ่อน เจอวิชาของชั้นหน่อยโคโค้สูดหายใจลึกๆแล้วร่างของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น เมื่อไวพ่อนซิเรชั่นพุ่งมาชนกับโคโค้ ไวพ่อนซิเรชั่นก็พุ่งกลับไปเด้งดึ๋งๆ แล้วมองโคโค้

      โห เจ๋งจังวิชานี้มาเฟียอุทานดัง

      นี่เรียกว่าโล่สรรค์มนุษย์ วิชาของตระกูลชั้นแล้วโคโค้ก็มองไวพ่อนซิเรชั่นแต่แทนที่จะเจอไวพ่อนซิเรชั่นยืนอยู่เฉยๆ แต่ไวพ่อนซิเรชั่นกลับปล่อยพลังออกมาจากปาก

      ซันออฟเดท พลังที่ดีที่สุดของมันแล้วเมื่อไวพ่อนบอกเช่นนั้น ทุกคนก็ไม่รีรอ รีบวิ่งมารวมกันเพื่อปกป้องกันและกัน

      ไม่ต้องกลัวหรอกดาบไร้รักบอก

      พลังแค่นี้เราช่วยกันก็หลบได้แล้ววันเดอร์เรียกวิญญาณมาเป็นโล่ป้องกัน ดาบไร้รักใช้กระบี่ดาวเสาร์เป็นท่าที่จะสร้างพลังมาป้องกันเหมือนโล่ ดีดี้ใช้คาถาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเหมือนหมอกป้องกันมาคลุมทุกคนไว้ และโมราก็ใช้ชามาชูมาป้องกันเช่นกัน

      จะบ้าหรอ พลังของมันหนะโล่แค่นี้ป้องกันไม่ได้หรอกไวพ่อนบอก

      งั้นหนีเถอะโคโค้บอก แต่ไวพ่อนซิเรชั่นมีพลังแฝงแห่งธาตุดินอยู่จึงสามารถควบคุมดินได้ และมันก็ได้สร้างคุกมากั้นพวกเขาไว้

      หนีไม่ได้อ่ะโคโค้พูดอย่างเศร้าๆ

      ช่างเถอะ เพื่อนกัน ตายด้วยกันดาบไร้รักพูดอย่างหมดหวัง แล้วทุกคนก็หลับตาแล้วพลังของไวพ่อนซิเรชั่นก็พุ่งมา

      เปรี้ยงงงง

      แต่แล้วพลังของไวพ่อนซิเรชั่นก็หายไป ทุกคนเมื่อได้ยินเสียงนั่นและรู้ว่าตนเองยังไม่ตายก็ลืมตาขึ้นแล้วมองไวพ่อนซิเรชั่น ที่ขณะนี้มีน้ำแข็งหุ้มตัวมันไว้หนามาก

      หึ เนี่ยหนะหรอกลุ่มที่เอาลูกของพระราชามาด้วยเสียงๆหนึ่งพูดขึ้นเป็นเสียงของชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงทางลงชั้นห้า แล้วคุกดินก็ทะลายไปฟ๊อกทุกคนมองไปทางขึ้นชั้นห้า

      นั่นสิ อ่อนจิงจิงเมื่อควันของคุกดินจางลงก็มองเห็นหน้าพวกเขา มีทั้งหมดสองคน คนหนึ่งยืนขึ้นใส่เสื้อผ้าหนาหน้าตาไร้อารมณ์และตก ผมสีฟ้าสั้นใส่รองเท้าบู๊ท อีกคนนั่งยองๆตาโตผมสั้นสีน้ำตาล ซึ่งทั้งสองคนนั้นเป็นเพื่อนเก่าของไวพ่อน

      พะพวกนายไวพ่อนพูดติดขัดบีทีกับบีเอสใช่ม่ะ

      แล้วนายคิดว่าใครหละที่เก่งขนาดเนี้ยคนที่ไวพ่อนบอกว่าเขาคือบีทีกล่าวอย่างหยิ่งนิดๆ

      เรามาช่วยพวกนายอ่ะองค์ชายบีเอสกล่าวพร้อมทำท่าแบบเบื่อหน่าย

      พวกนายเป็นใครกันหรอดาบไร้รักถามด้วยความใจเย็น แต่บีเอสและบีทีกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน

      เอาหละองค์ชายกลับเมืองกับเราปล่อยให้กลุ่มฟักบีทีทำท่างงเล็กน้อยเอ หรือฟุ๊ก เฟี๊ยก เฟื๊อก

      ฟ๊อกเว้ย ไอ้โง่โคโค้โกรธจัด มองหน้าบีทีอย่างเคียดแค้น และบีทีก็มองหน้าเขาเช่นกัน  แต่เหมือนพระเจ้าดลใจให้หินจาแพดานกระเทาะออกและร่วงลงมา และเมื่อเศษหินที่หล่นลงมาจากบนแพดานหล่นลงสู่พื้นก็เหมือนเป็นชนวนจุดการต่อสู้ระหว่างสองคน

      พรึบ

      อย่านะโคโค้ไวพ่อนวิ่งคว้าตัวโคโค้ได้ก่อนที่เขาจะลงมือ เพื่อนๆทุกคนก็เช่นกัน รีบวิ่งมาคว้าตัวโคโค้ไว้

      ปล่อยชั้นหน่าบีเอส ชั้นจะฆ่ามันบีทียังไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่นิดเดียวเนื่องจากเท้าของเขาถูกบีเอสแช่แข็งไว้

      เรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือองค์ชาย ไม่ใช่ทำให้แย่ลงบีเอสเดินไปใกล้ๆไวพ่อน นายจะกลับไปไหม ถ้าไม่กลับก็จะหมดจากการเป็นรัชทายาททันที และราชายังสั่งให้พวกชั้นฆ่านายด้วยถ้านายไม่กลับบีเอสจ่องไวพ่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย

      ท่านพ่อส่งเจ้าสองคนมาหรอไวพ่อนถามบีเอสและบีที ทั้งสองไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้า ไวพ่อนทำท่าคิดอยู่นานแล้วก็ตอบทั้งสองคนนั้นไป ชั้นไม่กลับ ชั้นอยากไปกับกลุ่มนี้กลุ่มที่พระเจ้าได้เลือกสรรค์พวกเราให้ได้มาอยู่ร่วมกับ ชั้นจะไม่ไปไหนเด็ดขาดเกิดความเงียบขึ้นชั่ว แล้วบีเอสก็ตบบ่าของไวพ่อนเล็กน้อย

      งั้นสินะ นายยังไงก็เป็นนาย เราหนะถูกบังคับให้มาเอาตัวนายไปหาพระราชาบีเอสพูดเสร็จก็เดินกลับออกไปห่างจากเหล่าผู้กล้า

      บีเอส เฮๆบีทีพึ่งสังเกตุว่าบีเอสเดินกลับลงไปข้างล่างนายจะปล่อยให้ไวพ่อนอยู่นี่ต่อหรอ

      มันเป็นสิทธิ์ของเค้าหนิ เราทำไรไม่ได้หรอกบีเอสเดินต่อ

      แต่ๆ เราจะถูกฆ่าตายแน่ถ้าลงไปเหล่าผู้กล้าทำท่าตะลึงนิดๆ แล้วบีเอสก็เดินกลับมาหา เหล่าผู้กล้าและคุยกับไวพ่อน

      ไว่พอน

      มีอะไรหรอ

      ชี้นฝากบีทีไว้กับนายหน่อยดิ

      อืม ไม่รู้สิแต่กลุ่มเราก็ต้องการสมาชิกเพิ่มเหมือนกัน มาเข้ากลุ่มเราไม๊

      ดี ให้บีทีเข้ากลุ่มกันนายด้วย ขอบใจนะ

      บีทีก็ได้ยินจึงทำท่าขังแย้งและกำลังเดินตรงไปเพื่อขอคัดค้าน แต่ร่างของเขากลับถูกกำแพงน้ำแข็งบังไว้ทุกด้าน ทำให้เขาไปไหนไม่ได้แม้แต่จะตะโกนก็ไม่ได้ยินเสียง

      ชั้นไปหละบีเอสเดินไปทางลงชั้นห้า แต่มีใครบางคนเดินขึ้นมาจากชั้นห้า เป็นสาวสวยมือถือไม้เท้า

      ไง ชั้นมาช้าไปรึเปล่าเธอถามอย่างน่าตาเฉย

      เสร็จแล้วแหละไปกันเถอะบีเอสบอกแล้วเดินกลับลงไปชั้นห้า หญิงคนนั้นก็เดินลงเช่นกัน

      เหล่าผู้กล้าไม่ได้พูดอะไรเลยจนเสียงฝีเท้าของบีเอสเงียบลง แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรเลยแต่ละคนนั่งลงกับพื้นด้วยความเหนื่อย

      วันนี้เราพักที่นี่และนะดาบไร้รักบอก และทุกคนก็พยักหน้า

      ว่าแต่ จะเอาไงกับบีทีหละไวพ่อนถามพร้อมชี้ไปทางน้ำแข็งที่หุ้มตัวบีที และมันไม่มีทีท่าว่าจะละลายเลยแม้แต่น้อย

      มันเป็นคำสาปน้ำแข็ง เวทย์ชั้นสูงของศาสตราจารย์เท่านั้นแหละโมราบอกพร้อมควักน้ำออกมาดื่ม

      มีทางแก้ม่ะโคโค้ถาม

      จะลองดูโมราลุกขึ้นยืนโงนเงนเล็กน้อย แล้วก็เรียกซีบิลออกมาให้ซีบิลกัดแทะน้ำแข็ง และก็ได้ผลน้ำแข็งเริ่มผุและพังลงไปเรื่อยๆ จนกระทั้งบีทีออกมาได้และนอนหลับไปเพราะความเพลีย และทุกคนไม่รีรอเช่นกัน ต่างล้มตัวนอนลงทีละคนทีละคนจนหมดทุกคน บ้างก็ยังไม่หลับ

      โมราครับวันเดอร์พูดขึ้น คุณหลับหรือยังครับ

      ยังวันเดอร์โมราตอบด้วยน้ำเสียงเพลียๆ

      รอครับวันเดอร์เอียงตัวไปด้านขวาแล้วหลับตางั้นผมหลับก่อนหละและเขาก็หลับไป
      ห๊าโมราพูดเสียงหลง

      แล้วทุกคนก็หลับไป โดนมีม่านพลังบางอย่างปกคลุมให้ เป็นสัตว์เทพอสูรของโมรานั่นเอง และสูงขึ้นไปสามชั้นคือชั้นที่สิบ ดอลลี่กับเซลลี่ได้คืนดีกัน แต่ไม่ได้กลับลงมาหาพวกF.O.C. ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปชั้นสิบเอ็ด...

      เมื่อตื่นขึ้น ทุกคนต่างเมื่อยล้าละไร้กำลัง ดีดี้จึงใช้มนต์ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาใช้กับทุกคน ต่างคนต่างได้รับผลของมนต์นี้ทั้งนั้น ทำให้วันนั้นทุกคนเดินทางได้เร็วเป็นพิเศษ จึงผ่านขึ้นเขาได้โดนเร็วมาก จากชั้นเจ็ดเหล่าผู้กล้ากลับไปได้ไกลมาก ไปจนถึงชั้นสิบสองภายในสองวัน และเมื่อถึงชั้นสิบสองแล้ว พวกเขาก็หยุดพักกันเป็นเวลานาน โดยหาที่พักกันตามบริเวณที่เป็นพุ่งไม้

      พักกันที่นี่หละนะ ดาบไร้รักบอกทุกคน พวกเราเหนื่อยกันมาก พักซักนิดละกัน

      เอ่อ โมราทักขึ้น ชั้นขออกไปตรวจดูหน่อยนะ

      อาจเป็นโมราคนเดียวก็ได้ที่รู้สึก ว่าที่ผ่านๆมาแต่ละชั้นนั้น เหล่าผู้กล้าไม่ได้เจอกับบอสแมนชั่นเลยซักตัว โมราเดินไปรอบชั้นสิบสอง เดินอยู่นานจนพบทางขึ้นชั้นสอบสาม แต่เขาสำผัสได้ถึงแรงกดดันวิญญาณ ที่มากมายมหาสารโถมทับตัวเขา จนทำให้โมราขาอ่อนและสับสน เขาไม่รู้ว่าแรงกดดันนี้มาจากไหน แต่มันมากมายเกินไป ในสมองของโมราที่มีแต่เรื่องสนุกกลับกลายเป็นเรื่องทุกข์ เศร้า หวาดกลัว เสียใจ ไร้ความหวัง สิ้นสัทธา

      โมราไม่รีรอจึงเรียกอาชาพสุธี สัตว์เทพอสูรธาตุดิน มีรูปร่างเป็นม้า วิ่งได้เร็วมากทันทีที่เรียกออกมาโมราคร่อมอาชาพสุธีแล้วรีบกลับไปหาเพื่อนๆ

      ขณะที่เดินทางกลับนั้นโมรารู้สึก และจำได้ว่าแรงกดดันนั้นคืออะไร นั่นคือความตายที่กำลังจะเข้ามา ความตายของการพ่ายแพ้ที่ถูกผู้ที่แกร่งกว่าโดยสิ้นเชิงเอาชนะได้ เขาไม่คิดที่จะกลับไปอีเพราะมันคือความจริงที่ว่าเขานั้นไม่สามารถเอชนะสิ่งที่อยู่ที่ชั้นสิบสามได้แน่

      และสิ่งที่ทำให้โมราแทบจะร้องไห้ก็คือ เมื่อเขากลับมาถึงสิ่งที่พบก็คือ เพื่อนๆของเขากับลังเผชิญหน้ากับบบอสแมนชั่นอยู่ ดาบไร้รัก มาเฟียร์ และโคโค้นอนสลบลงไปแล้วด้วย

      โมรา ไปไหนมาดีดี้ที่อ่อนแรงอย่างมากถามเสียงอ่อน

      ย๊ากกกกกกกก ไวพ่อนกับบีที ประจันหน้าพร้อมกัน แต่โดนกลีบดอกไม้พักกระเด็นกลับมา บอสแมนชั่นตัวนี้เป็นต้นไม้ ที่มีขา และมีปีศาจสาวเต็มต้นไปหมด พวกปีศาจสาวจะคอยโปรยเกสรอ่อนแอใส่พวกที่ต่อสู่ด้วย

      มันคือ วู๊ดวอมเกิลไวพ่อนบอกและสลบไป

      ตอนนี้เหลือเพียง โมรา วันเดอร์ และดีดี้ที่โดนเกสรอ่อนแอเข้าไปจังเบอร์ ทันใดนั้น วู๊ดวอมเกิลก็เริ่มครางเสียงแปลกๆเป็นภาษาที่ไม่รู้จัก

      หนีเร็ว คาถาเข็มทะลวงพิภพโมรารีบกระโจนไปข้างๆ วอนเดอร์ก็เช่นเดียวกัน แต่ ดีดี้ไม่ได้หนีจึงโดนคาถานี้เต็มๆ สิ่งนี้เป็นอีกเรื่องที่โมราจะไม่มีวันลืมเข็มดินนับร้อยแงทั่วร่างของดีดี้ และเธอก็ได้ตายลง

      อ๊ากกกกกกกกกกกกกกทั้งโมราทั้งวันเดอร์ต่างตะลึงมากดีดี้ที่ตายลง ทั้งสองไม่เคลื่อนไหวได้แต่วู๊ดวอมเกิลเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้าๆ และกิ่งก้านของมันอันหนึ่งได้ฟาดเข้าที่ท้ายทอยของทั้สอง วันเดอร์สลบไปแต่โมราไม่ เขาแข็งใจต่อสู้ โมราลุกขึ้นยืนอย่างทรมานและแล้วกิ่งของวู๊ดวอมเกิลก็ฟาดเข้าที่ท้องของเขาเป็นครั้งที่สอง โมราแทบจะอาเจียรเพราะแรงที่ฟาดนั้นมหาสารมากและแล้วเขาก็ทนไม่ได้

      ชั้นจะฆ่าแก”  ดวงตาของโมรากลายเป็นสีขาวไม่มีตาดำเลย และเขาก็ยืนขึ้นได้ อิมมอลทอล ซาราซิโอ เฮ็กเอ็กสไฟทันใดนั้นร่างของโมราก็ขยายขึ้นจนพอๆกับวู๊ดวอมเกิล

      โมราเรียกสัตว์เทพอสูรมาหลายตัวมาก ทั้งบาโฟเมต ชามาชู  ซีบิล ดาร์คเนเฟอร์บีโต้ คิมลี่ ฯลฯ เป็นร้อยๆและแต่ละตัวนั้นก็มีร่ายที่ใหญ่ขึ้นตามคนเรียกด้วย

      พรึบ

      พริบตายเดียววู๊ดวอมเกิลไม่เหลือแม้นแต่ซาก ทันทีที่วู๊ดวอมเกิลตายลง คาถาของโมราก็หมดฤทธิ์และเขาก้สลบไป..



      สามวันผ่านไปหลังจากวันที่เกิดเหตุนั้นขึ้น เหล่าผู้กล้ายังสงบเหมือดอยู่ทุกคนจนกระทั้ง โมรารู้สึกตัวเป็นคนแรกโมราพยายามจะลุกขึ้น แต่ว่าเขาไม่มีแรงพอที่จะทำเช่นนั้น ได้เพียงแต่นอนหงายมองฟ้าเท่านั้น จนกระทั้งสายตาของเขาจากที่มองเห็นท้องฟ้า กลับกลายเป็นหน้าของคนผู้หนึ่งซึ่งเขารู้จักดี นั่นคือเซลลี่นั่นเอง

      ซะ….ซะ..เซล..โมราพยายามจะพูดกับเซลลี่แต่เซลลี่กลับเอามือไปปิดปากโมราไว้

      ไม่ต้องพูด นายอ่อนแรงมากเลยนะเนี่ยแล้วเซลลี่ก็หันไปทางหนึ่ง พร้อมตะโกน เฮ้ ดอลๆ มานี่ๆ โมราฟื้นแล้วและโมราก็ได้เห็นดอลลี่อีกครั้ง

      ไงพวกดอลลี่ทัก คอลินูดอลลี่เรียกการ์เดียนของเขาซึ่งมีพลังรักษาเช่นเดียวกับพวกสัตว์เทพอสูรธาตุเทพทุดตัว

      คอลินูเป็นการ์เดียนขนาดเล็ก มีรูปร่างคล้ายหนูแต่ลอยได้และมีหูที่ยาวกว่า ถ้าดูในอีกด้านหนึ่งก็เหมือนกระต่าย แต่ด้วยตัวที่เล็กทำให้ไม่ค่อยจะเหมือนกระต่ายซักเท่าไหร่นัก หากเปรียบเทียบแล้ว คอลินูเป็นสัตว์เทพอสูรธาตุเทพระดับห้านั่นเอง

      และเมื่อคอลินูใช้คาถาคืนสภาพให้โมราแล้ว ดอลลี่ก็วิ่งไปหาคนอื่นๆ โมราพะยุงตัวเองให้นั่งได้และก็เริ่มหลับตาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่คิดเท่าไหร่ เขาก็คิดไม่ออก จนกระทั้งดอลลี่ตะโกนมาว่า

      ไม่ นะเซลลี่กับโมราหันไปโมงอย่างรวดเร็ว ไม่นะดีดี้ โถ่ ไม่น่าเลย

      ทันใดนั้นเองในสมองของโมราก็เกิภาพตอนที่ได้เจอกับบอสแมนชั่น ฉายกลับไปกลับมา และมาซึ้งตอนที่ดีดี้โดนคาถาเข็มทะลวงพิภพ

      อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกโมราร้องลั่น เหงื่ออก หายใจแรงขึ้นๆ

      เป้นไรไปโมราเซลลี่เดินเข้าไปหา

      ดีดี้ ตายเพราะชั้นเซลลี่หยุดกึกด้วยความประหลาดใจถ้าชั้นไม่ออกไปสำรวจทางก็คงไม่เป็นแบบนี้
      ดอลลี่และเซลลี่มองหน้ากัน และช่วยกันขุดหลุมศพให้ดีดี้ แต่ทันทีที่เราไปแตะตัวเธอเพื่อหวังว่าจะขยับร่างของเธอ ก็เกิดแสงหุ้มร่างเธอไว้และเธอก็กลับมีชีวิตอีกครั้ง เพียงแต่ว่ามีแสงหุ้มตัวเธอต่อไป

      เธอไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะโมรา ชั้นต่างหากที่ไม่ระวังตัวดีดี้พูด แต่เสียงของเะอฟังดูเหมือนเทพหรือนางฟ้า

      ไม่หรอกถ้าชั้นอยู่พวกเราก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้โมราพูดพลางหลับตาไป

      ถ้าเธอผิดจริง ชั้นคงไม่ได้พูดกับเธอแบบนี้หรอกนะทั้งเซลลี่ดอลลี่และโมราต่างเงียบฟัง ชั้นต้องไปแล้ว มันเป็นบัญชาของสวรรค์ว่าชั้นนำทางให้พวกเธอมาถึงได้แค่นี้มาถึงตอนนี้ ดีดี้เริ่มจะมีน้ำใสรินออกจากสองตาของเธอ ชั้นไม่อยากจากไปเลย แต่มันเป็นเรื่องที่บังคับ หรือฝ่าฝืนไม่ได้ คงต้องลากันจริงๆจังๆแล้วนะ

      ไม่นะ อย่าไป พวกเราต้องการเธอโมราร้องดังลั่น ฉุดรั้งไม่ให้ดีดี้ไป

      โมรา เธอเป็นคนที่ดีมาก เธอนำพาพวกเรามีถึงที่นี่ช่วยชั้น เพราะฉะนั้น ชั้นขอมอบสิ่งนี้ให้เธอดีดี้ถอดสร้อยที่คล้องคอเธอยู่ออกมา เป็นสร้อยรูปไม้กางเขน มีอัณยมณีสีขาวติดอยู่ตรงกลาง เก็บรักษาให้ดี มันจะช่วยให้พวกเธอรอดพ้นอันตราย

      แต่…” ก่อนที่โมราจะทันได้พูด ร่างของดีดี้ก็จางหายไปซะแล้ว “….เอาหละ ไปกันต่อเถอะดอลลี่ เซลลี่ชั้นหวังว่าพวกนายคงคืนดีกันแล้วโมราเช็ดน้ำตาที่หลั่งออกมาเล็กน้อย แล้วเดินไปหา ทั้งหกคนที่สลบอยู่

      หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ทุกคนก็เริ่มจะมีแรงเดินต่อไปแล้วทั้งเก้าคนเดินทางไปตามทางที่โมราได้สำรวจไว้ตอนแรก

      ดีดี้ ไปไหนหละครับวันเดอร์ถามขึ้น เพราะวันเดอร์เป็นคนที่สนิทกับดีดี้กว่าคนอื่นในกลุ่ม

      เอ่อ สงสัยความจำนายจะเสื่อมลงนะวันเดอร์ เราสองคนเห็นภาพนั้นด้วยกันโมราเดินไปตบบ่าวันเดอร์ แล้วเดินต่อไป แต่วันเดอร์กลับหยุดแล้วร่ำไห้ซักระยะ แล้วก็เดินตามเพื่อนต่อไป

      เมื่อทุกคนเดินตามโมราไปจนถึงทางขึ้นชั้นสิบสาม ก็ต้องรู้สึกประหลาดอย่างแรงเช่นเดียวกับโมราที่เคยรู้สึกมาแล้ว ทุกคนยืนเงียบไม่ขยับอยู่นาน แล้วโมราก้เริ่มก้าวเท้าไปบนบันไดทางขึ้น แต่แล้วเขาก็ทรุดตัวลง ทุกคนต่างตกใจมากรีบเดินไปหาและพยุงตัวเขาขึ้น แต่ทุกคนก็เริ่มจะไม่มีแรงเช่นกัน เพราะพลังแรงกดดันจากชั้นสิบสามนั้นมากมายเกินไป วันเดอร์ผู้ซึ่งเป็นอิมมอร์ทอลที่ยังพอมีแรงเหลืออยุ่บ้างรีบกระชากตัวทุกคนแล้วเหวี่ยงออกไปนอกบันได แล้วเขาก้เริ่มคลานตามไป

      ทุกคนนั่งพิงกำแพง หน้ามองไปทางขึ้นชั้นสิบสามเพราะไม่รู้ว่าจะขึ้นไปด้วยวิธีใด แรงกดดันนั่นมาจากไหน ทำไมพวกเขาจึงขึ้นไปไม่ได้ทุกคนต่างมีคำถามเหล่านี้ขึ้นมาในสมอง

      เอาไงต่อดอลลี่พูดขึ้น

      นั่นดิเซลลี่เสริม

      ไม่รู้สิดาบไร้รักตอบเสียงอ่อน

      ทำไมเราขึ้นไปไม่ได้น๊ะโคโค้ถาม

      แรงกดดันพวกนั้นด้วย มาจากไหนมาเฟียร์ถามต่อ

      ต่างคนต่างเงียบอยู่นาน และแล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากชั้นล่างของเขาเคเอ็น เป็นเสียงการต่อสู้ด้วยพลังพิเศษต่างๆมากมาย และเสียงนั่นเริ่มเข้ามาใกล้พวกเขาเร็วขึ้นๆจนกระทั้ง มีสัตว์เทพอสูรตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากชั้นล่าง เป็นมังกรธาตุน้ำที่มีลำตัวเป็นน้ำแข็ง และมีคนอยู่ข้างบนหัวของมันสองคน

      บีเอสบีทีตะโกนลั่น พร้อมโบกมือให้บีเอส และอีกคนคือสาวสวยที่มาตามบีเอสลงเขาไปนั่นเอง

      ไงบีที ดูท่าจะสบายดีนะบีเอสลงจากมังกรตัวนั้นพร้อมแม่สาวคนนั้น และเดินมาหาบีที

      คนอย่างชั้นรึจะเสียท่าใครบีทียืดอกอย่างเต็มที่

      ใช่ร้อบีทีหันควับไปทางโคโค้ชั้นเห็นนายโดนวู๊ดวอมเกิลฟาดทีเดียวก็จอดละโคโค้แบะมือออก และถอดหายใจ

      หนอย แกนะแกแกต้องโด….” ก่อนที่จะพูดจบบีทีกลายเป็นน้ำแข็งไปซะแล้ว

      เฮ้อ ยังเหมือนเดิมเล้ยบีเอสถอนหายใจ และเดินมาหาดาบไร้รัก เราอยากจะร่วมมือกับพวกนายแล้วเขาก็หันมาหาไวพ่อน เพราะว่าพระราชาสิ้นพระชนแล้ว เราต้องปกป้ององค์รัชทายาทของท่าน

      ท่านพ่อสิ้นพระชนงั้นหรอไวพ่อนทวนคำพูด ชั้นว่าแล้ว ไม่นานเขาต้องตาย เพราะไม่กินอาหารตามที่ชั้นสั่งและข้าวที่ชั้นตวงให้ก็เหงี่ยแหละ

      หมายความว่าไงหรอโมราถาม

      ก็พ่อชั้นเป็นโรคคาร์บอนเนียไซโดรติก โรคคาโบรไฮเดรตมากกว่าปกติไวพ่อนอธิบายพร้อมเดินไปรอบๆเอาไงดีหละทีนี้  ถ้าเราไม่รีบลงไปหละก็ ไม่เกินสองวันพวกทหารข้างล่างคงปิดประตูทางเข้าเขาเคเอ็นแน่นอนเลย

      ใช่เค้าพูดถูกบีเอสเสริม เรารีบขึ้นมาช่วยพวกนายให้เคลียร์ด่านชั้นต่างๆจนให้มันหมด จะได้ให้ไวพ่อนลงไปรับการสถาปนาเป็นพระราชาองค์ต่อไป

      ตกลงดาบไร้รักกล่าวแต่เราจะไปชั้นสิสามยังไงหละทุกคนต่างมองไปทางขึ้นชั้นสิสาม

      อะไรกันสมอร์พูดขึ้น เสียงของเธอแปลกๆจนทุกคนนึกว่าเป็นเสียงบอส นี่พวกเธอไม่รู้หรอกหรอ

      รู้ไรบีทีย้อนถาม

      ชั้นสิบสาม เป็นชั้นที่ยากเกินเอาชนะ ไม่มีใครขึ้นไปได้สมอร์พูดอย่าเรียบง่าย แต่ มีเพียงจอมเวทย์แห่งธาตุทั้งหกเท่านั้นที่สามารถสร้างทางเดินแห่งธาตุของเขา และทางเดินแห่งธาตุนั้น( stage disjent ) สามารถป้องกันแรงกดดันของปีศาจที่อยู่ที่ชั้นสิบสามได้

      เอ่อ คงไม่ได้หมายความว่าวันเดอร์เอ่ยขึ้น

      ใช่รวมทุกธาตุ ธาตุบนโลกเรานั้นมีเป็นสิบๆธาตุสมอร์เดินมาตรงทางขึ้นชั้นสิบสาม อย่างเช่น ธาตุมืดเธอร่ายเวทย์ของเธอเป็นก้อนพลังขนาดใหญ่ แล้วปล่อยใส่ทางขึ้น แทนที่ก้อนพลังขึ้นจะผ่านเข้าไปข้างในกลับกลายเป็นว่าก้อนพลังนั้นปะทะกับม่านพลังบางอย่าที่ขึงไว้ตรงทางขึ้นชั้นสิบสาม และก้อนพลังนั้นก็เลือนหายไป

      นั้นมัน มิเริลฟอร์ทเทสโมราพูด

      กำแพงศักดิ์สิทธ์ ของพระเจ้าซู๊ทดอลลี่กับเซลลี่พูดพร้อมกัน

      ใช่มิเริลฟอร์ทเทส มันทำให้พวกนายผานเข้าไปไม่ได้ไงบีเอสพูดขึ้นพร้อมเดินไปหาสมอร์

      ในตอนนี้ โมรากับวันเดอร์ก็เป็นจอมเวทย์แห่งธาตุเหมือนกัน โดยโมรานั้นมีถึงแปดธาตุส่วนวันเดอร์ก็เป็นธาตุวิญญาณนั่นเอง บีเอสธาตุน้ำแข็งสมอร์ธาตุมืดซึ่งสามารถเสริมกับโมราได้ เมื่อทั้งสี่คนยืนอยู่หน้าทางขึ้นชั้นสิบสามพร้อมกันแล้ว ก็เริ่มสร้างพลังงานของตัวเอง วันเดอรืเรียกวิญญาณบีเอสสร้างก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์โมราเรียกสัตว์เทพอสูรทั้งแปดธาตุ และสมอร์เรียกแบล็คโฮลบอม ทันทีที่ทุกคนเรียกเสร็จก็เริ่มลงมือพลังของทั้งสี่คนรวมกันแล้วพุ่งเข้าใส่มิเริลฟอร์ทเทส

      สามสิบเจ็ดเปอร์เซ็นดอลลี่พูด

      อื่อ สามสิบเจ็ดเปอร์เซ็นเซลลี่พูดเช่นเดียวกัน

      อะไรหรอไอ้สามสิบเจ็ดเปอร์เซ็นที่ว่าโคโค้ถาม

      ก็เปอร์เซ็นของการที่พลังนี้จะทะลุมิเริลฟอร์ทเทสได้ไงดอลลี่ตอบ

      เมื่อพลังของทั้งสี่คนรวมกันเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มแสดงพลังที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึง นั่นคือม่านพลังหายไปแต่มีใครบางคนยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามและพลังที่ปล่อยไปก้ยังคงมีความรุนแรงอยู่ คนที่อยู่บนชั้นสิบสามนั่นเป็นเด็กสาวเสียด่วย

      แย่ละดมราพูดพร้อมกับรีบวิ่งไปพาตัวเด้กคนนั้นออกจากวิถีของพลัง แต่ไม่ทันการ และแทนที่จะเกิดการระเบิดกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเด้กสาวที่ยื่นมือมารับพลัง แต่ดูเหมือนพลังทั้งหมดจะถูกดูดกลืนเข้าไปในฝ่ามืออันเล็กนั่นเสียแล้ว

      กระจอกน่า พวกเธอหรอที่จะมาทำลายชั้นเด็กสาวหันหลังกลับไป ฝันไปซะเถอะทันทีที่เด็กสาวพูดจบ สัตว์ประจำชั้นสิบสามก็กระโจนลงมาเรื่อยๆจนเต็มบริเวณนั้น เหล่าผู้วิเศษรวมตัวกันตรงกลาง และโดนพวกสัตว์ล้อมไว้ ฆ่ามันเด็กสาวออกคำสั่งอีกครั้ง

      เชอะ พวกสัตว์กระจอกดอลลี่ก้าวออกจากลุ่ม

      พวกเราจัดการเองเซลลี่ก็เช่นกัน

      เมื่อทั้งสองวิ่งออกมาจากกลุ่มโคโค้พยายามจะหยุดพวกเขาแต่ไม่ทัน ทั้งสองเร็วขึ้นมากไม่ทราบด้วยเหตุใด ดอลลี่สู้กับพวกด้านตะวันออกเซลลี่ตะวันตก แล้วก็เริ่มขยายบริเวณต่อสู้ไปเรื่อยๆ และคอยป้องกันทุกคน

      ใครจะยอมมาเฟียร์พูดขึ้น พร้อมเอาปืนกระบอกใหม่ ฟราย์F13 อนุภาพทำลายระยะประชิดสูงออกมาด้วย

      นั่นดิโคโค้มองหน้าทุกคน และทุกคนก็พร้อมใจออกไปต่อสู้ด้วยกัน

      เพียงไม่กี่นาทีสัตว์ทุกตัวก็ล้มหมดทั้งชั้นทุกคนมองไปที่เด็กสาว เธอมีสายตาที่โกรธเกรี้ยวมาก แต่เธอก็ไม่ทำอะไรอยู่นาน จนเธอขยับ และยกมือขึ้น

      เก่งหนิทันใดนั้นเองฝ่ามือของเธอก็เต็มไปด้วยก้อนพลังมหาสารงั้นตายซะเธอสะบัดมือลง ผู้วิเศษทุกคนอึ้งมาก แต่ก็ต้องมารวมกันเพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าโมราใช้คาถาป้องกันได้คนเดียว

      มาเร็วทุกคนโมราเรียกทุกคน และเมื่อมาครบก้เริ่มร่ายคาถาให้เร็วที่สุดเพราะก้อนพลังมาใกล้มากแล้ว เมื่อก้อนพลังปะทะกับม่านพลังป้องกันที่แปลงมาจากชามาชูก็เกิดการสั่นของม่านอย่าสงรุนแรงมากจนโมราเกือบล้มแต่ก็ทนยืนไหว และแล้วก้อนพลังก็หยุดและสลายไป

      เฮ้อ เก่งจริงจริ๊ง พวกเธอควรตายได้แล้ว ดูท่าสู้ชั้นไม่ได้หรอกนะ เพราะแค่ก้อนพลังแค่นี้พวกเธอยังรับได้แค่คนเดียวเด็กสาวพูดขึ้น

      หุบปากไปเลยยัยอัปลักษณ์โมรา โคโค้ ดอลลี่ เซลลี่ มาเฟียร์ ไวพ่อน วันเดอร์ บีที       บีเบส และดาบไร้รัก ต่างหันไปมองคนที่เป็นต้นเสียง สมอร์นั่นเอง

      ว่าไงน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาเด็กสาวร้องลั่นด้วยความโกรธ

      เชอะ รำคาญหวะ ผู้หญิงอาร๊าย ระริ๊กระรี้ กรี๊ดกร๊าดอยู่ได้สมอร์เดินออกไป จากกลุ่มและขึ้นไปที่ชั้นสิบสาม

      แก๊ ตายเด้กสาวปล่อยก้อนพลังใส่สมร์แต่เธอโต้กลับด้วยพลังความมืดเช่นกัน จึงทำให้สองพลังลบล้างกันเองและสลายไป

      เพี้ย

      เธอหนะเป็นเด็กเป็นเล็กทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วยเราแค่มาตามหาคนไม่ได้จะสู้กับเธอสมอร์ตบหน้าเด็กสาวพร้อมอธิบาย

      เพี้ย

      ก็เพราะอย่างนี้ไงชั้นถึงให้พวกเธอผ่านไม่ได้เด็กสาวตบคืน ถ้าพวกเธอผ่านเข้าไปต้องตายแน่ๆ กลับไปเถอะ

      ทำไมหละไวพ่อนถาม

      ก็เพราะอั๊กเลือดกระฉอกทั่วร่างของสมอร์ เป็นเลือดของเด็กสาวนั่นเอง มีมีดโผล่ออกมาจากหน้าอกของเธอ

      พูดมากไปแล้วมียายแก่คนหนึ่งอยู่ข้างหลังของเด็กสาว ยายแก่คนนี้เป็นคนแทงมีดจากด้านหลังของเด็กสาวนั่นเอง แล้วเธอก็ดึงมีดออก เด็กสาวล้มลงแล้วก็ไม่มีการตอบสนองใดเลย

      อะไรเนี่ย ทำไมเป็นอย่างนี้สมอร์ก้มลงลูบหัวเด็กสาวและสังเกตุว่ายายแก่กำลังแทงมีดมาที่เขา สมอร์จึงเอามือดันตัวเองให้หงายหลังไปเพื่อให้พ้นวิถีของมีด

      ชั้นคือบอสแมนชั่น นางนี่เป็นแค่คนดูแลชั้นสิบสามไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งกับชั้น แต่ชั้นก็ไม่ได้ให้บอกเรื่องของชั้น แต่ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้ เลยต้องกันไว้ดีกว่าแก้ เอิ้กกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

      ทุกคนเงียบไม่พูดอะไรเพราะว่าสุดจะโกรธยายแก่นั่น เมื่อผ่านไปซักครุ่ยายแก่นั่นก็เดินขึ้นไปชั้นสิบสามแล้วหายลับไป แต่เหล่าผ๔วิเศษวิ่งตามๆไปทุคนแล้วก็พบกับสัตว์ต่างๆบนชั้นสิบสาม

      สัตว์ทุกตัว ฆ่าพวกมันให้…” แต่ก่อนที่ยายแก่จาพูดจบ สมอร์ก็ใช้แบล๊คโฮลดูดสัตว์ทุกตัวหายไปหมดแล้ว

      เนี่ยนะบอสแล้วเธอด็เริ่มดูดยายแก่เช่นกัน แล้วก็สำเร็จดูดเพียงแปลบเดียวก็หายไปหมดทั้งชั้นกระจอกสิ้นดี

      เมื่อทุกคนจัดการบอสแมนชั่นลงได้ก็เดินเข้าไปในถ้ำของชั้นสอบสาม ที่ซึ่งมีเพื่อนของดีดี้กับวันเดอร์ที่โดนจับตัวมา พวกเขาค่อยๆเข้าไปอย่างระมัดระวัง ตามแนวถ้ำเป็นหินงอกหินย้อยที่แหลมคมมาก หากเกิดการสั่นคงจะตกแสบพวกเขาเป็นได้ เมื่อเดินมาถึงปลายถ้ำทุกคนก็สไรวจดูรอบๆบริเวณ แล้วก็พบกับ อลิซาเบธ โบวัลต้า ธิดาแห่งนครโบว์แลนด์ ซึ่งโดนโซ่ล่ามแขนขา

      อลิซาเบธ อลิซาเบธวันเดอร์รีบวิ่งไปหาอลิซาเบธโดนไม่ได้คิดอะไร เขาใช้มือลูบแก้มของอลิซาเบธเพื่อให้เธอตื่นขึ้น

      วันเดอร์เมื่อเธอตื่นขึ้นก็พบหน้าวันเดอร์  ก็ร้องไห้ดีใจแล้วก็เริ่ม  …KISS…ทุกคนต่างมีความสุขกันมากเพราะว่าการผจญภัยครั้งนี้สำเร็จด้วยดี

      หลังจากถอดโซ่ให้อลิซาเบธแล้ว ทุกคนก้เริ่มเดินทางออกจากถ้ำ เมื่อออกมาจากถ้ำแล้วก้เริ่มเดินทางลงจากเขา แต่แล้วเมื่อผ่านทางลงชั้นสิบสาม ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงหัวเราะเบาๆแต่แหลมมากและแล้วก็หายไป แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นอลิซาเบธเกิดมาอาการอาเจียนแล้วน้ำที่อาเจียนออกมาก็เริ่มคุลมร่างเธอหนักขึ้นๆ จามองไม่เห็น ตัวเธอแล้วก้อนน้ำก้อนนี้ก้กลายสภาพเป็นสัตว์เทพอสูรไม่มีธาตุ

      ไม่ อลิซาเบธธธธธธธธธธธธธธธธธวันเดอร์พยายามที่จาไปคว้าตัวเธอไว้ก่อนที่จะหายไปในน้ำแต่โมราจับไว้

      นี่สินะด่านสุดท้ายดาบไร้รักกล่าว

      คงใช่

      น่านดิ

      ลีเวียทัน สัตว์เทพอสูรธาตุน้ำระดับเก้า เก่งพอๆกับซีบิลของชั้นเลยแหละโมราเอ่ยขึ้น ทันใดนั้นน้ำก็เริ่มกลายร่างเป็นมังกรน้ำตัวมหึมาแล้วมันก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไร เริ่มโจมตีด้วยท่าซึนิมา ท่าคลื่นยักษ์ โดยมันสร้างน้ำจากอีกมิติหนึ่งแล้วทำให้โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินแล้วกลายเป็นคลื่นซึนามิลูกใหญ่โจมตีเหล่าผู้วิเศษ

      ย๊ากๆๆๆๆๆมาเฟียกราดยิงกระสุนใส่ลีเวียทัน แต่กระสุนจมลงไปในตัวของมันหมดและมันไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ลีเวียทันหันหน้ามาหามาเฟียแล้วยิงกระสุนน้ำลูกใหญ่ใส่ แต่โมราช่วยไว้ได้ทัน

      เธอไม่เหมาะกับสถานะการนี้เลยมาเฟียโมราลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้มาเฟีย จ่องกับลีเวียทันอยู่นานหนีไปซะ

      จะบ้าหรอ ชั้นสู้ได้น่ามาเฟียลูกขึ้นค้าน

      อาวุธของเธอทำอะไรไม่ได้แล้วโมราตะคอกใส่สถานการณ์นี้ต้องใช้อาวุธอสูร กับอาวุธเวทย์มนต์เท่านั้นจึงจะสู้ได้เมื่อโมราพูดจบลีเวียทันก็ยิงกระสุนใส่ทุกคน ทุกคนต่างหลบได้แต่ก็โดนบ้างเล็กน้อย

      แต่ชั้น..มาเฟียค้านอีกรอบ

      หนีไปซะ!!!โมราตะคอกใหญ่ แล้วหันมาหามาเฟียถ้าพวกเราไม่รอด ก็ขอให้เธอรอดกลับไปเล่าขานตำนานของพวกเราต่อมาเฟียมองโมราแล้วโมราก็หายไป ไปกองอยู่พื้นเพราะถูกหางของลีเวียทันฟาดเข้าอย่างจัง

      โมราาามาเฟียวิ่งไปหาด้วยความตกใจ แล้วเห็นสิ่งของสิ่งหนึ่งตกลงบนพื้น เธอจึงหยิบขึ้นมา แล้วทันให้นั้นเอง ลีเวียทีนก็ฟาดหางใส่เธออย่างจัง

      เกิดแสงสว่างจ่าขึ้นเมื่อลีเวียทันฟาดหางไปถูกมาเฟีย แต่มันไม่ได้โดนมาเฟีย กลับไปโดนของที่มาเฟียถืออยู่ นั่นคือสร้อยคอรูปไม้กางเขนที่มีอัญยมณีสีขาวอยู่ตรงกลางนั่นเอง ทุกคนต่างมองไปที่มาเฟีย ร่างของเธอถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวแล้วก็ห่อหุ้มไปจนถึงอาวุธของเธอด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นเองมาเฟียก็เล็งปืนไปที่ลีเวียทัน แล้วลั่นไกกระสุนเข้าไปในตัวลีเวียทันแต่ลีเวียทันกลับมีน้ำไหนออกมาตารอยกระสุน

      อ๋อ รู้แล้วๆบีทีพูดขึ้น

      เซนต์แซงค์ทัวรี่โคโค้พูดพร้อมกับบีทีทั้งสองคนมองหน้ากับแล้วก็เริ่มตีกันอีกครั้ง

      ไม่มีใครสนใจบีทีกับโคโค้ ทุกคนกำลังมองไปที่ร่างสีขาวของมาเฟียที่กำลังกำจัดสัตว์เทพอสูรร้ายลีเวียทันอยู่ กระสุนแต่ละนัดเข้าไปที่ตัวของลีเวียทันมันเริ่มดิ้นรนเพราะร่างกายกำลังขาดน้ำซึ่งเป็นพลังงานหลักมันบิดตัวไปมาพร้อมกับร้องลั่นเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ล้มลงไปนอนกับพื้น มาเฟียเดินเข้าไปดูแล้วก็กระหน่ำยิงที่หัวอีกครั้งเพราะมันยังไม่ตาย จนผ่านไปประมานสามนาทีแสงที่หุ้มตัวมาเฟียก็หายไปแล้วเธอก็เป็นลมสลบไป

      อะไรเนี่ยดาบไร้รักพูดขึ้น ปาฎิหารจิงจิง


      อลิซาเบธวันเดอร์ที่กำลังค้นในตัวของลีเวียทันก็พบกับอลิซาเบธแล้ว เขาไม่รอช้า KISS เธอแล้วก็กอดเธอไว้แน่น

      วันเดอร์ ชั้นไม่เป็นอะไรแล้วแหละ เลิกเป็นห่วงเถอะอลิซาเบธพูดขึ้นพร้อมกับลูบใบหน้าของวันเดอร์

      โมราหละไวพ่อนพูดขึ้น

      นั่นไงบีเอสชี้ไปหาโมราแล้วรีบวิ่งไปหาพร้อมกับสมอร์และไวพ่อน โมรามีอาการบอกช้ำเล็กน้อยไวพ่อนนำยารักษามาให้เขาทานแล้วก็ดูแลอย่างดี

      หลังจากนั้นสองชั่วโมง เหล่าผู้วิเศษก็พักฟื้นร่างกายจนเต็มที่แล้ว ก็เริ่มลงจากเขาเมื่อลงมาที่เมืองเจน แล้วก็เริ่มหาซื้อของใช้ต่างๆเพื่ออกเดินทาง แต่ติดตรงที่ไวพ่อนต้องเป็นพระราชาต่อจากพ่อของเขา แต่ไวพ่อนได้ตัดสินใจหนีออกมาแล้วให้ญาติของเขาเป็นพระราชาแทน

      เหล่าผู้วิเศษต่างเดินทางไปตามสายธารแห่งออยส์ทางซ้ายของเมืองเจน เพื่อเดินทางและผจญภัยต่อไป พวกเขารู้ดีว่ายังมีสิ่งต่างๆให้ค้นพบอีกมากมายและพลังของพวกเขานั้นยังไม่สามารถค้ำจุนโลกไดh ดังนั้นทั้งสิบสองคนจึงตัดสินใจเดินทางเพื่อฝึกฝนตนต่อไป แม้ว่าทางจะยาวไกลแต่ก็ต้องถึงที่สิ้นสุดแน่นอน

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×