[Fic-Yulsic] ๐๐YOU๐๐ [Ft.snsd] - นิยาย [Fic-Yulsic] ๐๐YOU๐๐ [Ft.snsd] : Dek-D.com - Writer
×

    [Fic-Yulsic] ๐๐YOU๐๐ [Ft.snsd]

    เพียงเพราะวิ่งตามไม่ทันในวันนั้น..ทำให้เราต้องพรากจากกันจนถึงวันนี้

    ผู้เข้าชมรวม

    13,042

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    19

    ผู้เข้าชมรวม


    13.04K

    ความคิดเห็น


    169

    คนติดตาม


    138
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  11 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ม.ค. 61 / 01:21 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    you...

    พวกคุณคิดว่าคนเราสามารถรอคนๆหนึ่งได้นานมากสุดกี่ปีหรอ..สำหรับฉัน คงตอบได้เต็มปากว่าฉันจะรอไปจนกว่าเราไปได้วนกลับมาเจอกันอีกครั้ง อย่างที่ใจหวังไว้ ในทุกๆวันที่เวลาหมุนไป ฉันตั้งความหวังเอาไว้เสมอว่าคนที่ฉันอยากพบมากที่สุด จะโผล่ออกมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่แล้วมันก็เป็นการตั้งความหวังลมๆแล้งๆไปเรื่อยแหละ เพราะสุดท้าย..เราก็ไม่มีวันได้วนกลับมาเจอกันอีกครั้งอยู่ดี 


    ฉัน 'ควอน ยูริ' พนักงานบริษัทธรรมดาคนนึง ที่หน้าตา ฐานะไม่ได้ดีเลิศอะไร เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายนักเลย แต่ดีที่ฉันไม่ใช่คนชอบใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟื่อยเหมือนกับคนอื่นๆ ชีวิตช่วงสิ้นเดือนของฉันเลยไม่ต้องประสบกับปัญหากับเงินขาดแคลน บริษัทที่ฉันทำเป็นเกี่ยวกับการออกแบบนิตยสาร หน้าที่ของฉันในบริษัทก็คือ..ช่างภาพ ฉันรักการถ่ายรูป ฉันรู้สึกว่าการถ่ายรูปมันน่าสนใจดี มันเป็นการบันทึกสิ่งที่เราพบเจอในระหว่างทางซึ่งเราไม่สามารถตอบได้ว่าเมื่อเราวนกลับมาที่นี้อีกรอบเราจะได้พบกับสิ่งที่เราเจอไปก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ 


    แต่เพียงแค่เราหยิบกล้อง อาจจะเป็นกล้องในโทรศัพท์ก็ได้ แล้วกดถ่าย..ก็เสมือนว่าเราได้ทำการเซฟเก็บสิ่งที่เราเห็นแล้วสะดุดตาไว้ไม่ให้มันหายไป คนเรามีวิธีการเลือกเก็บบันทึกสิ่งที่สนใจหรือชอบแตกต่างกัน..ซึ่งวิธีการของฉันก็คือการถ่ายรูป แล้วเซฟเก็บมันไว้ดูเป็นรูปภาพ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนฉันจะต้องมีกล้องพกติดตัวตลอด ต้องถ่ายนู้นนี้ไปเรื่อยระหว่างเดินทาง ซึมซับบรรยากาศด้วยการกดชัตเตอร์ถ่ายไปรอบๆที่ยืนอยู่ ฉันว่ามันคงเป็นสันดารของฉันแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ เพราะมันไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว ฉันเสพติดการถ่ายรูป




    ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบสุงสิงกับใครมาก เพื่อนในที่ทำงานที่สนิทกันก็มีแค่คนสองคนเท่านั้น ฉันไม่ได้ให้ใจกับใครง่ายๆ..เพราะฉันเกลียดความรู้สึกสูญเสีย ฉันเคยให้ใจกับเพื่อนคนหนึ่งที่เข้ามาทักฉันในวันแรกที่ฉันได้มาทำงานที่นี้วันแรก แต่แล้วเมื่อฉันให้ใจกับเธอแล้วคิดว่าเราสนิทกันดี เธอกับไปสนิทกับเพื่อนกลุ่มใหม่แล้วทิ้งฉันไป 

    ฉันว่ามันตลกชะมัด..คนในเมืองนี้หาคนจริงใจยากยิ่งกว่าชนบทซะอีก อ่อลืมบอกไป..ฉันเป็นเด็กบ้านนอกคนนึง ที่พ่อแม่เป็นชาวสวนธรรมดา ครอบครัวของฉันยากจนมาก ฉันช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่เล็กๆ แล้วพอฉันค่อยๆโตขึ้นก็เริ่มมีความฝันเหมือนกับเด็กคนอื่นๆที่อยากจะเข้ามาทำงานในเมืองบ้าง พวกพี่ๆในหมู่บ้านที่จากบ้านไปทำงานในเมือง 


    บางคนกลับบ้านมาทีได้เงินเป็นหมื่นเป็นแสน ซื้อของนู้นนี้มาให้พ่อแม่เยอะแยะ ฉันก็เลยทำบ้าง..ด้วยการจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 17 ปี เข้ามาอยู่ในกรุงโซล เมืองหลวงใจกลางเมืองประเทศเกาหลีใต้ จนตอนนี้อายุฉันปาไปยี่สิบสี่ยี่สิบห้าเข้าแล้ว 



    โชคของฉันอาจจะดีกว่าเพื่อนๆบางคนที่ตามกันเช้ามาในเมือง เพราะระหว่างทางที่เดินเอ๋อๆหาที่พักอยู่บนฟุตบาท ดันมีคนเผลอลืมวางกล้องที่ดูมีราคาแพงแถมใหม่สุดๆไว้บนเก้าอี้ม้าหินอ่อน สภาพเด็กจนๆไม่มีเงินอย่างฉันเลยเลือกที่จะเห็นแก่ตัว แล้วถือวิสาสะหยิบกล้องนั่นมาเป็นของตัวเอง บวกกับฉันได้เจอคุณตากับคุณยายสองท่านที่อาศัยในระแวกนั้น ท่านให้ฉันอาบน้ำแล้วพักอยู่ด้วย พร้อมกับทำอาหารให้ทาน ฉันใช้เวลาอยู่กับท่านทั้งสองเกือบสองเดือน เพราะกว่าจะหาที่สมัครงานได้ แล้วกว่าเขาจะรับ 


    มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดีนะที่บริษัทนี้ที่ฉันทำในปัจจุบัน ตอนนั้นมันไม่ได้โด่งดังเหมือนกับตอนนี้ เลยได้เข้ามาฝึกงาน แหงล่ะ...ฉันมีกล้องถ่ายรูป ฉันก็ต้องสมัครตำแหน่งช่างภาพไว้ก่อนสิ เริ่มจากการถ่ายแบบเอ๋อๆเหร๋อๆในตอนแรก แล้วพัฒนาฝีมือขึ้นมา เริ่มมีเงินใช้จึงออกมาหาบ้านเช่าอยู่เอง ชีวิตฉันลำบากนะ แต่ถ้าเทียบกับพ่อแม่คงสู้ไม่ได้เลย ฉันไม่มีความรู้..ฉันไม่มีเงินเรียนเหมือนกับคนในเมือง แต่ก็นั่นแหละพอตอนนี้ฉันมีเงินมีหน้าที่การงานมั่นคงแล้วฉันเลยรู้สึกว่าชีวิตฉันโอเคแล้ว 



    ฉันกลับบ้านไปหาพ่อแม่ล่าสุดตอนอายุยี่สิบพอดี นี้ก็สามสี่ปีแล้วยังไม่ได้กลับไปเยี่ยมอีกเลย เพราะงานของฉันเยอะมาก แล้วมีหน้าที่ใหม่นอกจากการเป็นช่างภาพซึ่งฉันกำลังเห่อมันอยู่มากนั่นก็คือ..วิทยากร 

    ฉันต้องฝึกเข้าหาคนหมู่มาก ฝึกพูดเยอะๆพูดให้เก่ง และต้องพูดให้มีสาระด้วย ฉันต้องไปบรรยาเกี่ยวกับอาชีพช่างภาพให้กับน้องๆในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความสนใจในด้านนี้ อย่างที่บอกไปในตอนแรกฉันเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใคร แล้วจะให้ไปรับหน้าที่เป็นวิทยากรบรรยายให้คนเป็นร้อยๆคนฟัง สวนทางกันสุดๆ..แต่ว่าเงินมันได้เยอะมาก เขาจ้างฉันด้วยเงินหลายหมื่นเพียงแค่เวลาสามถึงสี่ชั่วโมงกับการพูดบรรยายให้นิสิตฟัง ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ฉันว่ามันคุ้มค่าดี 



    " นี่พี่ยูล นั่งเหม่อคิดอะไรอยู่ " ฉันสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์อย่างตกใจ ก็อยู่ๆไอน้องตัวแสบดันโผล่ออกมาแบบเงียบๆ

    " ตกใจหมด..ไม่ได้เหม่อสักหน่อย " ฉันตอบปัดๆไป 

    " หรอ ไม่ใช่ว่านั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่หรอกนะ ฮ่าๆๆ " เจ้าอิม ยุนอานี่มันช่างรู้มากจังเลยนะ ไม่ใช่สักหน่อย..ฉันแค่กำลังนึกย้อนชีวิตตัวเองในอดีตจนถึงปัจจุบันตั้งหากหล่ะ มั่วชะมัดเลย


    " แกอย่าพูดมั่วได้ป่ะ ฉันเปล่าคิดถึงใครสักหน่อย "

    ยุนอาเป็นนักศึกษาที่เข้ามาฝึกทำงานในบริษัท แล้วเราก็มาสนิทกันเฉยทั้งๆที่ทำงานอยู่คนละแผนกห้องทำงานฉันอยู่รวมกับพวกที่ออกแบบกราฟฟิคดีไซน์ ส่วนยุนอาน่ะคอลัมนิสต์ ถนัดกันคนละแบบเลยฉันรักการถ่ายรูปแต่ยุนอาน่ะรักการเขียน เราสองคนสนิทกันเพราะว่ายุนอาเข้ามาที่บริษัทวันแรกก็ดูจะตื่นๆสถานที่ และดูเงียบๆไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แล้วก็มีฉันที่กำลังพยายามฝึกเข้าหาผู้คนอยู่เป็นคนเข้าไปทักและทำความรู้จักกัน 

    ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากฉันเข้าไปทัก ยัยนี้ก็เหมือนอีกคนไปเลย ทั้งพูดมาก ดูมีนิสัยรั่วๆเนิร์ทๆ แต่ฉันว่ายุนอาจริงใจดี เราสองคนคบกันแบบใจแลกใจ มีเรื่องอะไรก็พูดกันตรงๆ จนตอนนี้เป็นเวลาปีกว่าแล้ว เจ้ายุนอาในตอนนั้นที่เป็นเพียงนักศึกษาที่เข้ามาทดลองทำงาน แต่เมื่อเรียนจบก็เข้ามาสมัครงานที่นี้แล้วก็กลายเป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อย พนักงานมีเป็นร้อยแต่คบกันอยู่สองคนพี่น้อง ฉันว่ามันคูลดี 



    " นี่พี่ยูล หน้าตาพี่ก็ดี ไม่คิดจะหาแฟนสักคนหรอ " ฉันนี้นะหน้าตาดี หน้าบ้านนอกขนาดนี้ใครจะไปเอา แถมแต่งตัวก็ไม่มีความเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบธรรมดา สะพายกล้องเดินไปไหนมาไหน ใครจะมาสนใจ


    " ฉันนี่นะหน้าตาดี แกมองยังไงของแกห้ะยุนอา " ฉันตอบยัยรุ่นน้องตัวแสบขณะที่เรากำลังเดินออกมาจากตัวบริษัท ยุนอายู่หน้า 

    " พี่น่ะคิดไปเอง เบ้าหน้าพี่ออกจะสวยคม มีความมั่นใจในตัวเองหน่อยดิ " 

    คนเป็นน้องจ้องมองใบหน้าของพี่สาวตรงหน้าอย่างพินิจ ยูริน่ะออกจะสวย เป็นผู้หญิงเซอร์ๆไง ไม่ได้รักสวยรักงามมากเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ คนอื่นอาจจะชอบใส่กระโปรงแต่ยูริชอบใส่กางเกง คนอื่นอาจจะชอบกินอาหารหรูๆบนห้าง แต่ยูริชอบกินร้านอาหารตามข้างทางมากกว่า มีสไลต์ดีออก


    " หรอ ฉันว่าเบ้าหน้าฉันก็เฉยๆนะ อยู่คนเดียวก็สบายใจดีออกไม่จำเป็นหรอกแฟนน่ะ " ฉันพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ สายตาคมสอดส่องมองหาร้านอาหารข้างทางที่ดูน่ากิน ปกติแล้วหลังเลิกงานฉันกับยุนอามักจะออกมาหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน 



    " คงงั้นมั้ง ยุนว่าเราสองคนคงต้องหันมาคบกันเองสักวันแหละ " ยูริส่ายหัวเอือมๆ ก่อนจะจับมือคนเป็นน้องลากเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ เรานั่งคนละฝั่งกัน นั่งรออาหารสักพักก็ได้ทานสมใจหวัง ฉันกับยุนอานั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนตอนนี้มืดแล้ว เราแยกย้ายกันตรงป้ายรถเมย์ที่ประจำ ฉันขึ้นคนละสายกับยุนอา 


    ฉันจะรอให้รถสายที่ยุนอานั่งมาก่อน แล้วเมื่อยุนอาขึ้นรถดีแล้วฉันถึงจะมานั่งรอรถของตัวเองทีหลัง วันนี้ถนนดูเงียบๆแฮะ ไม่ค่อยมีรถเลย มีดูเงียบสงบแปลกๆ ฉันนั่งรอรถสายประจำไปเรื่อยๆ จนผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่ารถสายประจำที่นั่งกลับจะโผล่มา ฉันรู้สึกหวังเหวงมากเพราะปกติจะมีคนอื่นๆมายืนรอรถด้วย แต่นี้มีเพียงแค่ฉันคนเดียว 




    " เฮ้ออ..อ ทำไมนานจังนะแล้วฉันจะถึงบ้านกี่ทุ่มกี่ยามละเนี้ย "

    นั่งรอรถไปอีกสักพักหนึ่งก็เห็นแสงไฟหน้ารถส่องจ้ามาแต่ไกล ในที่สุดก็ได้กลับบ้านแล้ว ร่างสูงของยูริค่อยๆลุกขึ้นยืน บิดร่างกายไปมาซ้ายขวาด้วยความเมื่อยที่นั่งรอรถมานานร่วมชั่วโมง ยูริก้าวขึ้นรถไป สายตาสอดส่องมองดูจำนวนคนบนรถทำไมมันน้อยจัง ผิดปกติ..ด้วยความอยากรู้จึงเอ่ยถามน้องนักเรียนม.ปลายที่นั่งอยู่อีกฝั่งนึง 




    " เอ่อ..น น้องคะ " ถือว่าได้ฝึกการเข้าหาคนหมู่มากไปในตัว ยูริถามอย่างเกร็งๆ น้องนักเรียนสองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งนึงหันมามองเธอ แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย 

    " ค คือว่าวันนี้มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แบบว่า..พี่นั่งรอรถนานมากเลย ทั้งๆที่ถนนก็ออกจะโล่ง แต่ทำไม.." 


    " อ๋ออ..อ คือว่าวันนี้เจสสิก้า จองเขากลับมาจากอเมริกาน่ะค่ะ เห็นว่าต้องปิดถนนให้การเดินทางสะดวกเพราะเธอต้องรีบกลับไปพักผ่อน เพื่อเตรียมการแสดงของวันพรุ่งนี้ค่ะ " อะไรจะขนาดนั้นว่ะ? แล้วยัยนี้คือใครทำไมถึงต้องปิดถนนให้นางเดินทางสะดวกด้วย ไม่ยักจะเคยได้ยินชื่อเลย 


    " เจสสิก้า จองนี่คือใครหรอ " น้องนักเรียนจ้องมองหน้ายูริอย่างอึ้งๆ 

    " นี่พี่ไม่รู้จักเจสสิก้า จองหรอคะ? " ถ้ารู้พี่จะถามหนูทำไมล่ะลูกเอ้ย






    ...ยูริส่ายหัวไปมาอย่างสงสัย




    " นักร้องที่กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้ไงคะ เพิ่งจะเปิดตัวอัลบัมได้เมื่อวาน ยอดวิวพรุ่งปี๊ดเป็นสิบกว่าล้านแล้ว "


    " ฮ่าๆๆ พี่คงต้องกลับไปเปิดเพลงของเจสสิก้าฟังแล้วล่ะ ไม่งั้นพรุ่งนี้อาจจะคุยกับใครเรื่องนี้ไม่รู้เรื่อง " น้องนักเรียนยิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ



    แล้วฉันก็กลับมาอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองต่อ ฉันมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง..ฝนตกแล้วหรอเนี่ย ให้ตายสิวันนี้มันวันอะไรเนี่ย ฉันเกลียดเวลาฝนตกที่สุดเลย มันทำให้ฉันคิดถึงเธอคนนั้น คิดถึงจนรู้สึกอยากย้อนเวลากลับไป อยากกอด อยากนั่งจ้องมองไปนัยตาเธออยากมีเธออยู่ข้างๆ คิดถึงจนรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่พยายามให้มันมากกว่านี้ 

    ทำไมถึงไม่สู้ให้มากกว่านี้ ถ้าวันนั้นไม่ท้อ ถ้าวันนั้นสู้อีกนิดเราอาจจะพูดอะไรสักอย่างก่อนที่จะจากกัน คิดแล้วน้ำตามันก็เอ่อคลอขึ้นมาดื้อๆเลย ฉันอ่อนแอทุกครั้งที่นึกถึงเธอ ทำไมนะ..ทั้งที่เป็นเพื่อนกันแต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นระหว่างเราสองคน ฉันมันขี้แพ้ แย่ที่สุดเลย แกมันแย่ที่สุดเลยควอน ยูริ 




    ...เพียงเพราะวิ่งตามไม่ทันในวันนั้น ทำไมเราต้องพรากกันจนถึงตอนนี้ 





    " ฉันคิดถึงเธอ.."






    _____


    ช่องทางการติดต่อ ทวงฟิคไรเตอร์นี้เลยยยย 



    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น