..คุณเคยเชื่อใจคนอื่นใช่มั้ยครับ?
..แต่สุดท้ายคนอื่นก็ทำมันพัง :)
..แต่คุณก็ยังให้อภัย...
..ผมมีให้คนล่ะสามครั้ง..หรืออาจจะครั้งหนึ่ง..หรืออาจจะไม่มีเลย :)
..นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นทำอะไรกับผมก่อน ฮ่ะๆ
แต่ตอนนี้ผมกำลังจะตายเพราะเชื่อใจคนในครอบครัว.. คุณแม่และผู้คนต่างก็เอ็นดูน้องใหม่ของผม อะไรอะไรก็น้องของผม ผมจึงยอมโดยไม่ปริปากบ่นแต่ก็ยังไปร้องไห้อยู่ดีนั้นแหละ อะไรก็เป็นความผิดของผมเสมอ.. จากคนที่ได้รับความรักมาตลอดแล้ววันหนึ่งกลับไม่มีใครสนใจหรือใส่ใจความรู้สึกผมเลย ไอ้น้องผมมันเจ้าเล่ห์มาก จนผมจะฆ่ามันให้ตายไปคามือตัวเองซะด้วยซ้ำ แต่เชื่อเหอะ แม้คิดอยากจะฆ่ามันแต่ก็ทำไม่ลงหรอก เราไม่เสียใจแต่คนที่เป็นแม่ล่ะ?เขาจะเสียใจแค่ไหน แล้วเหมือนสวรรค์จะเข้าใจผม เมื่อน้องชายผมมันป่วยหนักกะทันหันจนต้องเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่ามีโอกาสรอด50/50 ผลตรวจบอกว่าร่างกายน้องผมอ่อนแอจนตอนนี้ร่างกายรับแทบไม่ไหวแล้ว ทุกๆคืนผมมักจะได้ยินเสียงคุณแม่แอบร้องไห้ราวกับปานจะขาดใจตาย..
"..แม่ ผมขอนาฬิกาใหม่ได้ป่ะ เป็นของขวัญวันเกิดผมไง :)"
"ปาน..วันนี้แม่ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลไปดูอาการน้องแดงก่อนนะคะ หมอบอกว่า..บางทีคืนนี้น้องแดง..อาจจะ..."
"..แม่...รักน้องแดงมากกว่าผมป่ะ?"
"พูดอะไรของลูกคะ แม่ก็รักเหมือนกันนั้นแหละ"
ผมยิ้มให้แม่แล้วโบกมือบ๊ายบายเมื่อเห็นรถของคุณแม่ขับเคลื่อนตัวออกไปจากบ้านแล้ว เพียงแค่นั้นน้ำตาผมก็ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย แค่เห็นแววตาก็รู้แล้วว่าไม่ได้รักผมมากขนาดนั้น ถ้าแม่รักมันมากขนาดจนจะขาดใจตายแล้วล่ะก็ ในฐานะลูกอย่างผมก็จะช่วยแล้วกันนะครับ :') ผมยิ้มทั้งน้ำตาให้กับการตัดสินใจของตัวเอง ผมเองก็ไม่มีความสุขหรอกถ้าหากอยู่กับครอบครัวที่ไร้ความรัก
ความใส่ใจ ..ผมไม่ได้งี่เง่าใช่มั้ย?ผมแค่รู้สึกไม่ยุติธรรมกับความรักความเชื่อใจในครอบครัวของตัวเองต่างหาก ถ้าขาดน้องแดงไปคนในบ้านคงจะหดหู่แล้วมีผมคนเดียวที่ยิ้มอยู่ มันก็ยังไงอยู่ใช่ป่าวครับ งั้น..ชีวิตแลกชีวิต..แบบนี้พระเจ้าช่วยรับคำขอผมด้วยเถอะครับ ไม่ใช่ผมไม่เห็นค่าของชีวิต..แต่ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆหรอก มันก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะงั้นผมขอจ่ายชีวิตผมที่เหลือให้กับน้องชาย ให้น้องกลับมาแข็งแรงและมีชีวิตแทนผมด้วย... ผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ออกจะทำใจไม่ได้ด้วยซ้ำเมื่อต้องสละชีวิตให้กับคนที่เราเกลียดชัง..
ผมไม่อยากอยู่ในที่แบบนี้อีกแล้วมันทรมานใจมากเลย เห็นผมมั้ย?ผมเองอยู่ตรงนี้.. ผมก็มีหัวใจนะครับ ถึงปากผมจะยิ้มและแสแสร้งว่าไม่เป็นก็เถอะ ..ทำยากนะให้อํบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเนี้ย มันปวดหนึบหัวใจมากเลยถ้าหากจะพูดออก
แล้วถ้าพูดออกมาแล้วจะมีคนเข้าใจหรอ? พวกเขาอาจจะด่าว่างี่เง่า เลิกบ้าซะที? ยังงั้นหรอ?? เอาจริงๆแล้วแค่ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง..แต่มีคนเป็นเป็นห่วงรึเปล่าล่ะ? ถ้าเป็นห่วงแล้วทำไมไม่สนใจ จะมาทำดีในตอนที่สายไปทำไม อยากจะให้โอกาสอยู่หรอกนะ เพราะเป็นครอบครัวกัน...ครอบครัวงั้นหรอ? บางทีก็คิดอยู่เลยว่ามันเป็นสิ่งจอมปลอม ผมเกลียดทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่อยากจะให้ความรักหรือความเชื่อใจกับใครอีกแล้ว เพราะขนาดในครอบครัวก็ยังทำให้เจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เกลียดการพูดคุยกัน เกลียดเสียงหัวเราะ เกลียดความรักที่ใครๆต่างก็โหยหามัน.. เกลียดการสัมผัส เกลียดการต้องกินต้องใช้สิ่งของเดียวกันกับสภาวะอึดอัดใจและไม่มีความสุข และตอนนี้ผมเองก็...อยากจะพังทลายกำแพงนี้ไป...
"..ขอให้มีความสุขกับชีวิตใหม่นะ "
ผมทิ้งกระดาษแผ่นสีขาวเอาไว้ก่อนที่ผมเดินออกจากบ้านไปที่ตึกร้างในเขตใกล้ๆ ผมก้าวขาขึ้นบรรไดไปเรื่อยๆจนมาถึงจุดสูงสุดนั้นก็คือดาดฟ้านั้นเอง :)
ผมก้มตัวลงนอนราบบนพื้นของตึกร้าง ผมปิดตาลงพร้อมน้ำตาและอธิฐานขอให้ยกชีวิตของผมให้น้องชาย ถ้าผมตายไปแล้วน้องชายมีชีวิตอยู่ได้นานผมก็ยอม..ยอมแล้ว..ยอมแพ้แล้ว..เจ็บปวดกับคำว่าครอบครัวจนไม่อยากจะมีอีกแล้ว..ผมจึงอธิฐานโดยไม่หยุดพักจนกระทั่งเมื่อถึงตอนเที่ยงคืนผมเห็นร่างของผมก็ค่อยๆเลือนลางหายไป..
"..ฮ่ะๆ เปลี่ยนชื่อเป็น คิง ดีกว่าเรา :)"
King ผมเป็นคิงที่ใจดีที่ยอมเสียสละเพื่อความสุขของประชาชน ถุ้ยย จะตายอยู่แล้วยังจะมาปากดีอีก..
"..ดีแล้วล่ะ...แบบนี้...ดีแล้วล่ะ"
ฟิ้วว~ร่างของผมเปลี่ยนเป็นดอกจมูกแก้วที่พัดลอยไปตามความแรงของสายลม ในคืนที่ดวงจันทร์เต็มภายในห้องพิเศษร่างบางที่หัวใจหยุดเต้นแล้วก็กลับมาเต้นอีกครั้งหนึ่ง คนเป็นแม่โผล่เข้ากอดคนเป็นลูก เธอดีใจที่พระเจ้ายังเมตตาลูกของเธอ โดยที่เธอไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของลูกอีกคนเลยด้วยซ้ำ เธอแค่คิดว่าลูกอีกคนของนั้นจะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ คงไม่ได้น้อยใจกับเรื่องแค่นี้แน่นอน...
.
.
.
.
.
"โอ้ะ..ดอกจมูกแก้วนี่น่า"
ร่างโปร่งหยิบดอกไม้เล็กๆอย่างจมูกแก้วขึ้นมา สายตาคมกวาดมองไปรอบๆห้องที่มีดอกจมูกแก้วเต็มไปหมด คิงยิ้มน้อยๆเพราะเขาเป็นคนที่ชอบดอกจมูกแก้วมาก แต่ไม่มีใครรู้หรอกเพราะว่าไม่มีใครสนใจยังไงล่ะ หึหึ จะมีก็แค่คนหนึ่ง..พี่ชายฝาแฝดของเขาที่ป่วยทางจิตไงล่ะครับที่มันรู้อยู่คนเดียว จนตอนนี้ผมเองก็ยังงงอยู่เลยว่ามันเป็นไบโพล่ารึเปล่าว่ะ เเต่ช่างเหอะ เขาไม่ชอบทำตัวดีๆกับผู้คน ทำไมนะหรอ?ก็เพราะว่าเขามองว่าโง่ไงล่ะ คิดว่าผมมีความอดทนสูงรึไงว่ะ แต่ผมเองก็จำไม่ได้ว่าไปทำอะไรให้คนเขาเกลียดกันว่ะ ผมแค่อยู่เฉยๆเอง :) จริงๆน่ะ!!
"น้องคิง~ พี่บอยซื้อตุ๊กตาหมีมาฝาก"
จู่ๆไอ้พี่บอยผมมันก็เดินแบบเขินๆอายๆแล้วยื่นตุ๊กตามาให้ผม ผมเกลียดมัน..เกลียดความสดใสของมันที่สุด!! มือผมไปไวกว่าความคิดครับ มือบางจับตุ๊กหมีมาก่อนจะหยิบไฟเช็คขึ้นมาแล้วเผาตุ๊กตาหมี ..เกลียด...
"ไม่!!"
พี่บอยยื่นมือมาหยิบตุ๊กตาไปก่อนจะพาเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดก๊อกน้ำเพื่อดับไฟที่กำลังเผาตุ๊กตา ร่างหนาร้องไห้อยู่หน้ากระจกก่อนจะอยู่นิ่งๆแล้วพุ่งตรงมาหาผม ...เกลียดที่ทำอะไรมันไม่ได้...
"น้องคิง..พี่บอกแล้วไงครับว่าอย่าขัดขืนบอย ทำไมไม่เชื่อบีทบ้างล่ะครับ?"
น้ำเสียงเย็นๆแบบนี้เป็นอีกตัวตนอีกคนหนึ่งของพี่บอย คือพี่บีท ...เกลียด..
"ทำตัวไม่ดีต้องโดนสั่งสอนนะครับ.."
ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่ายใจ เอาเลย!! ผมเองก็สุดจะทนแล้วกับไอ้ชีวิตแบบนี้ ทำร้ายไอ้พี่บอยก็โดนพ่อตบตีอีก แล้วยังโดนแม่หักเงินค่าขนมอีกด้วย นี่พวกเขาไม่เห็นตัวตนอีกคนหนึ่งบ้างรึไงว่ะ!! พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ...ไม่มี..ไม่มีเลย
แหมะ แหมะ เลือดกำเดาสีแดงสดไหลลงมาเรื่อยจากจมูกของร่างบาง ในหัวสมองตอนนี้มันตื้อไปหมดและสายตาก็พร่ามัวไปหมด ร่างบางปัดมือแกร่งออกห่างจากใบหน้า แล้วเดินโซซัดโซเซไปที่ระเบียงห้อง ก่อนจะหมดสติและตกลงไปที่ข้างล่าง
"น้องคิงงงง!!"
เมื่อเห็นร่างของน้องชายตัวเองตกลงไปต่อหน้าต่อหน้า บีทจึงรีบวิ่งลงไปข้างล่างและรีบขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน ดอกจมูกแก้วล่องลอยมาตกอยู่บนตัวของร่างบาง ทว่าไม่มีใครทันสังเกตเลยว่าทำไมดอกจมูกแก้วถึงมาอยู่ใกล้ๆกับร่างบาง...
ความคิดเห็น