ดวงดาวแห่งความหวังและความสิ้นหวัง - นิยาย ดวงดาวแห่งความหวังและความสิ้นหวัง : Dek-D.com - Writer
×

    ดวงดาวแห่งความหวังและความสิ้นหวัง

    โดย Mr j

    ในโลกของผู้วิเศษ ผู้คนมากมายต่างจากไปด้วยความน่าสังเวช ใครกันจะเป็นคนเปลี่ยนแปลงประวัติศาตร์ ใครกันจะเปลี่ยนแปลงความจริง ใครกันจะเปลี่ยนแปลงความสิ้นหวังของผู้คน และใครกันจะเป็นคนเปลี่ยนแปลงพวกมัน

    ผู้เข้าชมรวม

    496

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    64

    ผู้เข้าชมรวม


    496

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    19
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  53 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.ย. 67 / 12:31 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ภายในห้องๆหนึ่งสภาพดูเก่าแก่พื้นและเพดานเป็นไม้เก่าๆมีคราบฝุ่นเต็มไปหมดกำแพงหินขาวต่อเรียงซ้อนกันเป็นระเบียบเหมือนกับอยู่ในยุคเก่าแก่

     มีโต๊ะไม้ธรรมดาสภาพดูเก่าอยู่ตรงกึ่งกลางห้องชิดกำแพง ที่มีม้วนกระดาษขนาดใหญ่ที่ถูกมัดไว้ด้วยเชือกเส้นเล็กๆและแขวนไว้ตรงกลางอยู่ตรงกำแพงกึ่งกลางอยู่เหนือโต๊ะไม้

    ตะเกียงส่องแสงไฟสีส้มสลัวไม่ให้ความมืดมิดบดบัง บรรยากาศเภายในงียบงัน ทันใดนั้นมีหนูตัวสีดำตาดีแดงเดินออกมาจากเพดานมันกระโดดลงมาจากเพดานลงบนม้วนกระดาษใหญ่ 

    มันกำลังหาอาหารแต่ทว่ามันกลับเจอแมลงที่อยู่ข้างกำแพงเหนือม้วนกระดาษนิดเดียว แต่ช่วงเวลาเดียวกันได้มีหนูอีกตัวออกมาจากเพดานที่ของตัวก่อนหน้านี้โดดลงมา

    แต่ขนาดของมันใหญ่กว่าตัวแรกเป็นอย่างมาก มันกระโดดลงมาตรงม้วนกระดาษพร้อมกับเดินไปหาหนูอีกตัวก่อนหน้านี้ในสภาพหิวโหย

    พวกมันมองหน้ากันส่งเสียง “จี๊ดๆ จี๊ดๆ" สลับไปมา หนูตัวใหญ่ที่หิวโหยได้กระโดดใส่หนูตัวน้อยกว่าและต่อสู้กันอย่างดุเดือด

    ทั้งสองตัวมีของเหลวสีแดงสดไหลเต็มตัวจากการต่อสู้บนม้วนกระดาษขนาดใหญ่จนทำให้หนูตัวน้อยกว่าโดนเชือกอันเล็กที่มัดม้วนกระดาษไว้จนเชือกหลุดออกพร้อมกับหนูทั้งสองตกลงบนพื้นไม้

    ส่วนม้วนกระดาษขนาดใหญ่เปิดออกให้เห็นภาษาตัวอักษรและรอยเลือดหนูสีแดงสดใหม่ตัวอักษรข้างในเขียนไว้ว่า

    เมื่อ100ปีก่อนในยุคสมัยแห่งความสงบสุข มนุษย์โลกใช้ชีวิตตามปกติ มีความสามารถวิเศษและเวทมนตร์ตามปกติตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะล่ามอนเตอร์ที่แข็งแกร่งที่เกิดตามธรรมชาติตามปกติและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองและใช้ชีวิตสบายๆไปวันๆ 

    แต่จุดเปลี่ยนของยุคแห่งความสงบสุขมันได้เริ่มขึ้นเมื่อมีชายหนุ่มคนหนึ่งได้ลงคลิปให้สื่อโซเชียลว่าเขานั้นสามารถติดต่อกับตัวตนลึกลับที่เรียกว่าเทพ ในขณะนั้นชาวโลกทุกคนได้รับรู้ถึงตัวตนลึกลับ

    แต่ก็มีคนที่เชื่อชายหนุ่มคนนั้นและไม่เชื่อชายหนุ่มถึงขนาดองค์กรรัฐบาลควบคุมเวทมนตร์ได้ทำการตรวจสอบความอันตราย แต่สุดท้ายผลตรวจที่ออกมาคือมีปลอดภัยและสามารถติดต่อตัวตนลึกลับนั้นได้มันทำให้มีคนหลงเชื่อตัวตนเทพลึกลับปริศนาถึงขนาดเปลี่ยนศาสนากันอย่างบ้าคลั่งดั่งคนบ้า

     มนุษย์บางกลุ่มขนาดใหญ่ได้ทำพิธีกรรมแปลกประหลาดที่ได้รับวิงวอนจากเทพตัวตนลึกลับ โดยการวาดสัญลักษณ์วงแหวนเวทขนาดใหญ่ประมาณเมืองเล็กๆเมืองนึงโดยการใช้เลือดมอนเตอร์นับหมื่นนับแสน ถึงขนาดมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวข้องต้องแปลกใจแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้

    ได้แค่ดูผลลัพญิ์ที่คนเหล่านั้นได้ทำลงไป แต่ในขณะทำพิธีกรรมโดยการท่องภาษาแปลกประหลาดที่มนุษย์ไม่เข้าใจและไม่อาจเข้าถึงมันได้ แต่มีเพียงชายหนุ่มที่เป็นคนค้นพบคนแรกเข้าใจภาษาเพียงคนเดียว

    ทว่าในขณะท่องคำสุดท้ายจบ  บรรยากาศในพิธีดำมืดเมฆปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า สายลมพัดกระหน่ำทะเลสั่นไหวเป็นคลื่นลูกใหญ่ 

    ขณะนั้นได้มีพลังงานลึกลับมวนสีดำเป็นวงกลมขนาดใหญ่เกือบเท่าเมืองอยู่กึ่งกลางพิธี ก่อนที่มันจะค่อยๆหดเล็กหายไปในอากาศ

    ทันใดนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา ก้อนสีดำที่หายไปได้ปรากฏตัวอีกครั้ง แต่ขนาดใหญ่ขึ้นในเสี้ยววินาที ก่อนที่มันจะระเบิดเสียงดังในพริบตาดัง ‘ปึง!’ 

    เสียงดังสนั่น แผ่นดินสั่นไหวไปทั่วโลก ตรงพิธีกรรมได้มีรอยแยกขนาดใหญ่โผล่ออกมามันทำให้คนในพิธีตกตะลึงจนพวกเขานันคิดว่าเทพมาเยือนแต่พวกเขาคิดผิด

    เพราะนั่นทำให้มีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่รูปร่างอัปลักษณ์น่าสยดสยองอย่างกับตัวตนที่อยู่ในนรกคืบครานออกมาเรื่อยๆ จากรอยแยก บางตัวมีหลายตาหลายขาบางตัวลอยฟ้ามีแค่ลูกกระตากับเส้นขนที่เหมือนเถาวัลย์ติดตรงหลังและข้างดวงตาขนาดใหญ่ 

    บางตัวไม่มีหัวแต่มีตาที่หน้าอกมีปากขนาดใหญ่แนวตั้งที่ท้องไส้ทะลักออกมา บางตัวขนาดเท่ามนุษย์ไม่มีหน้าไม่มีหูผิวซีดอย่างกับศพเดินได้ พ

    วกมันทุกตัวได้ไล่ฆ่ามนุษย์และทุกคนในละแวกใกล้เคียงกับรอยแยกขนาดใหญ่ที่เรียกพวกสัตว์ประหวาดน่าสดยองออกมาเรื่อยๆ จนอย่างกับการลงทัณฑ์ของทวยเทพ 

    มนุษย์ทุกคนในโลกได้ต่อสู้กับพวกมันจนการต่อสู้กลายเป็นสงครามรุกรามไปทั่ว และมีคนล้มตายเป็นจำนวนมากหลายล้านชีวิตมอนเตอร์บางส่วนสูญพันธ์พืชพันธ์ุบางส่วนถูกลืมเลือน วัฒนธรรมของมนุษย์สูญหาย 

    แต่มนุษย์นั้นได้ดิ้นรนกำจัดและกันพวกมันไม่ให้ไปบุกรุกไปมากกว่านี้จนหยุดการต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดไม่ให้รุกรานไปมากกว่านี้ 

    ในส่วนของรอยแยกนั้นมันได้ถูกบังคับให้ปิดกลับไปไว้อย่างปริศนา ประเทศชาติสูญเสียแผ่นดินครึ่งหนึ่งของโลก มนุษย์ชาติได้รวมตัวและสร้างกำแพงเวทมนตร์ขนาดใหญ่สูง200เมตรป้องกันเขตแดนของแผ่นดิน

    ในช่วงเวลานั้น มนุษย์ที่รอดชีวิตรวมเกาะกลุ่มจนแบ่งเป็น4อาณาจักรขนาดใหญ่ได้แก่ อาณาจักรแกรมเบลร่า อาณาจักรเมเปิ้ล อาณาจักรเกรแฮม อาณาจักรบอร์นัวร์ ทั้ง4อาณาจักรได้ตัดสินใจสร้างกำแพงสำหรับทุกเมืองและนั่นคือสิ่งที่ทำใหม่มนุษย์มีชีวิตรอดสงบสุขอีกครั้งเหมือนยุคสมัยแห่งความสงบสุข แต่มนุษย์ก็ต้องทนทุกข์กับการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในโลก

    ในขณะด้านล่างตรงพื้นไม้เก่า หนูตัวเล็กกำลังกัดกินหนูอีกตัวที่มีขนาดใหญ่กว่าจนของเหลวสีแดงสดไหลนองเต็มพื้น อวัยวะภายในได้คาปากของหนูตัวเล็กไว้ในปากของมันที่เปื้อนของเหลวสีแดงสดเต็มปากไปหมด

    แต่หนูตัวเล็กนั้นตรงช่วงท้องมีรอยกัดของหนูอีกตัว จนอวัยวะภายในกับของเหลวสีแดงสดในตัวของมันไหลออกมาเป็นจำนวนมาก 

    แต่หนูตัวเล็กกลัยไม่ได้สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวมันและไม่หยุดกินจนกระทั้งไม่กี่วินาทีต่อมามันได้ยืนแน่นิ่งจนสุดท้ายมันได้จบลงลงเพราะบาดแผลของมัน จนมันเสียชีวิตในขณะกำลังกินหนูอีกตัวนึงอยู่

    ในขณะนั้นตะเกียงที่ส่องแสงสีส้มสลัว กระพืออย่างกับมีลมพัดทั้งที่มีบรรยากาศเงียบงันและสงบแต่ไม่กี่วินาทีต่อมาตะเกียงดัง ‘เป๊ะ!’

    ทำให้ภายในห้องที่ควรมีแสงสว่างส่องแสงในความมืด กลับถูกความมืดมิดได้บดบังหมดทุกส่วนของมุมห้องกับบรรยากาศอันเงียบงัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น