คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ฉันมาทำอะไรตรงนี้กันนะ?
CHAPTER 4 :
ฉันมาทำอะไรตรงนี้กันนะ?
ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน ความนุ่มละมุ่นที่มีความหวานมาสอดแทรกกับรสสัมผัสที่รู้ได้ทันทีว่าเป็นของดี อ่านี้มันจะสุดยอดเกินไปแล้ว
“ อร่อยจังเลย “
ฉันพูดออกมาอย่างเงียบเชียบในขณะที่ค่อยๆลิ้มรสชาติของมัน เมื่อชิ้นแรกหมดไปอีกมือก็รีบหยิบชิ้นต่อไปมากินอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ก็มันอร่อยซะจนหยุดมือไม่ได้ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่กินให้เกินงบแท้ๆแต่สุดท้ายฉันก็กินจนตังค์ที่มีอยู่หมดลงไปจนได้ ฮือออ
ฉันเดินออกมาจากร้านด้วยกระเป๋าสตางค์ที่เบาหวิวเสียจนน่าจะปลิวไปตามลมที่พัดมาเบาๆได้เลยค่ะ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ขนาดนั้นหรอก แต่ฉันก็พูดให้มันเล่นใหญ่เฉยๆอ่ะน่ะ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ
แต่ว่าตอนนี้ทุกคนอาจจะกำลังสงสัยสินะคะว่าตอนเริ่มเรื่องมันคืออะไร ก็ขอบอกเลยว่าก่อนหน้านี้ฉันไปกินซูชิมาน่ะสิ ซูชิที่ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศญี่ปุ่นถึงขนาดมีคนอยากลองกินจนต้องบินมาเลย
ยกตัวอย่างเช่นคุณน้าของฉันที่ดันอยากกินซูชิจึงลงทุนบินมาที่ญี่ปุ่น แต่ดันได้สามีกลับไปเป็นของของแถมแทน คงจะงงกันสินะคะว่าทำไมฉันถึงใช้คำว่ากลับ ก็เพราะว่าคุณน้าของฉันป็นคนต่างประเทศยังไงล่ะ แต่ประเทศอะไรนั้นฉันก็ลืมถามคุณแม่มานะคะ ก็เขาเล่ามาให้หนูฟังแค่นี้นี่น่า
ในระหว่างที่เดินออกจากร้านก็เดินสวนทางกับสึนะคุงและครอบครัวของเขา . . . รึเปล่านะ?
จะว่าไปฉันเจอกับสึนะคุงอีกแล้วหรอคะ เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันหรือฉันเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขากันแน่คะเนี่ย เจอบ่อยกว่าเจ้าหนี้อีกกก
+
ทุกคนคะ ตอนนี้มีเรื่องที่อาจจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ของโลกเวทมนตร์ก็เป็นได้ เพราะอะไรนะหรอคะ ก็เพราะว่าตัวฉันนั้นได้รับจดหมายที่คาดว่าจะเป็นจดหมายสารภาพรักจากที่ฉันนั้นได้มีประสบการณ์การดูอนิเมะมานานกว่ายี่สิบปี
ลองดูสิคะ ซองจดหมายสีชมพูแถมยังถูกสอดไว้ในล็อกเกอร์เก็บรองเท้า นี่มันสูตรการสารภาพรักตามอนิเมะชัดๆ ถึงแม้ว่าวิธีจะดูโบราณไปหน่อยแต่ฉันก็ชอบนะคะ
แต่เดี๋ยวนะ มันก็มีไม่ใช่หรอ อนิเมะที่ปูมาตอนแรกว่าเป็นจดหมายรักแต่สุดท้ายเป็นจดหมายท้าดวลไม่ก็เกิดการเข้าใจผิดอย่างใส่ผิดล็อกเกอร์กันไม่ใช่หรอ หรือว่าอันตัวฉันนั้นจะถูกท้าดวลกันน่ะ
ถึงแม้จะหวาดกลัวว่าจะถูกหลอกไปท้าดวลก็ไม่หวั่นเพราะฉันก็ยังคงไปตามที่เจ้าของจดหมายนั้นเรียกพบ
ถ้าถามว่ารู้ตัวคนส่งมั้ยขอบอกเลยว่า ใครจะไปรู้กันวะคะ ดันเขียนแค่สถานที่นัดพบและเวลาดันไม่เขียนชื่อ ทำไมกัน กลัวฉันเอาชื่อคุณไปเขียนในหนังสือเดธโน้ตหรอคะ!
ตอนนี้ฉันได้เดินเข้ามาใกล้กับสถานที่นัดพบแล้ว ซึ่งด้วยสายตาที่เอ่อ ค่อนข้างจะสั้นของฉันแม้ว่าจะสวมแว่นอยู่ก็ยังมองไม่ค่อยชัดอยู่ดี เพราะมันไกลยังไงล่ะ ถึงฉันจะใส่แว่นก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะมองไกลได้เสมอไปนะคะ
ช่างเรื่องนั้นไปก่อนเอาเป็นว่าสถานที่นัดพบมีคนอยู่เยอะแยะเลยค่ะ ประมาณสามถึงสี่คนได้ ซึ่งสามสี่คนสำหรับฉันถือว่าเยอะมากแล้วนะคะ แถมยังมีเสียงดังประปรายถึงฉันจะจับใจความในคำพูดเหล่านั้นไม่ได้แต่ฉันก็ยังได้ยิน
บรึ้ม—
เสียงที่คล้ายกับระเบิดควันดังมาจากกลุ่มที่ฉันกำลังกล่าวถึง ทำให้ฉันเกิดการชะงักเท้าเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงเข้าไปอย่างเร่งรีบเพราะฉันอยากรู้ว่าเสียงนี้มันมาจากอะไร เผื่อว่ามันจะมีความเกี่ยวข้องกับเสียงระเบิดและเสียงปืนที่ดังมาบ่อยครั้งในช่วงนี้
เมื่อฉันเดินไปถึงพวกเขาก็เจอกับกลุ่มควันมากมายซึ่งใจกลางกลุ่มควันนั้นก็คือ
“ คุณแรมโบ้!”
ฉันร้องเรียกชื่อด้วยความตกใจแล้วรีบตรงปรี่ไปตรวจดูร่างกายของเด็กน้อยตรงหน้าว่าจะมีบาดแผลหรือไม่ เมื่อตรวจจนพอใจก็รีบถามไถ่ถึงเหตุผลว่าทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้
“ ฮารุกะ . . . คือว่าคุณแรมโบ้ . . . มาเดินเล่นกับสึนะน่ะ “
แรมโบ้ตอบกลับมาด้วยเสียงตะกุกตะกักราวกับกำลังจะปกปิดอะไรบ้างอย่างซึ่งฉันคิดว่าเขากำลังกลัวฉันดุที่เขายังอยู่เล่นข้างนอกทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พึ่งบอกกับฉันว่าจะกลับบ้าน
อ่ะ ยังไม่ได้บอกสินะ ตั้งแต่วันงานกีฬาสีที่ฉันกับแรมโบ้เจอกัน พวกเราก็เจอบ่อยขึ้นจนเกือบเรียกว่าเจอกันทุกวันก็ว่าได้ เจอกันทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน เจอกันบ่อยจนอีกนิดก็คืออยู่บ้านเดียวกันแล้วอ่ะค่ะ คุณแม่
“ ฮารุกะมาทำอะไรที่นี่หรอ “
แรมโบ้เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ ฉันจึงแก้ความสงสัยโดยการยกซองจดหมายสีชมพูเจ้าปัญหาขึ้นมาข้างหน้าแรมโบ้เพื่อให้เขาได้มองเห็น
“ จดหมายซองนี้บอกให้ฉันมาที่นี่ – “
“ ฉันเรียกมาเองแหละ ฮิคาริ ฮารุกะ “
ฉันยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงที่เล็กเหมือนกับเด็กดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับการเรียกชื่อและนามสกุลของฉันอย่างเต็มยศ
ฉันหันมองไปยังทางต้นเสียงแล้วพบเข้ากับร่างเล็กที่เคยเห็นเมื่อตอนแรก เด็กที่สวมสูทและหมวกสีดำที่ดูน่ารักน่าชัง จะว่าไปตอนที่เห็นเด็กคนนี้ก็มีสึนะอยู่ด้วยหนิ
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันจึงหันไปมองรอบๆจึงพบเข้ากับ สึนะคุงที่เคยมีไฟลุกบนหัวหันมามองฉันอย่างสงสัย
ยามาโมโตะที่เคยตกลงมาจากด่านฟ้าพร้อมกับสึนะที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใส่ คนที่ท่าทางเหมือนกับเป็นรุ่นพี่เลือดร้อน หญิงสาวที่เหมือนจะเป็นนักเรียนจากโรงเรียนอื่น และเด็กหนุ่มที่เหมือนจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากอิตาลี
โอ๊ะ เขาอยู่กับสึนะคุงอย่างที่เคยคิดเอาไว้เลยแฮะ ฉันนี่มันยอดแห่งนักการทำนายจริงๆ ฉันควรเปิดสำนักทำนายอนาคตของตัวเองดีมั้ยเนี่ย
ขอทำนายว่าอีกสักสามวินาทีข้างหน้าสึนะจะถามเด็กน้อยที่สวมสูทว่าเรียกตัวฉันมาทำไม เอาล่ะ เรามาเริ่มนับถอยหลังกันเถอะ!
สาม
สอง
หนึ่ง
“ รีบอร์นนายจะเรียกเธอมาทำไมกัน “
สึนะเอ่ยถามอย่างสงสัยถึงเหตุผลี่เรียกตัวฉันมา อ่ะ ชื่อว่า รีบอร์นหรอ หรือแค่เป็นประโยคเปิดตัวเหมือนเมื่อตอนที่ตกลงมาจากด่านฟ้ากันแน่
“ ก็วันนี้พวกเรามาหาพี่เลี้ยงแรมโบ้นิ “
“ ห้ะ !! / ว่าไงนะ!! “
เสียงของทุกคนยกเว้นยามาโมโตะกล่าวอย่างตกใจกับคำตอบของเด็กน้อยที่ชื่อ รีบอร์น พี่เลี้ยงแรมโบ้หรอ? แสดงว่าพวกเขาคือผู้ท้าชิงพี่เลี้ยงสินะ ดูเหมือนแรมโบ้คุงจะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนสินะ
อุหวา— อย่างนี้ฉันจะสู้ไหวมั้ยนะ มีผู้ท้าแข่งเยอะขนาดนี้เนี่ย อย่างนี้คงต้องสู้สุดใจขาดดิ้น งัดทุกวิชาลับที่มีแม้กระทั้งขีดจำกัดของสายเลือดก็คงต้องนำมาใช้
อ่ะ ทุกคนคงสงสัยว่าขีดจำกัดทางสายเลือดคืออะไรกันสินะคะ ขีดจำกัดทางสายเลือดก็คือพลังที่มีเฉพาะตระกูลหนึ่งตระกูลเดียวเท่านั้นเหมือนกับ เนตรวงแหวนของตระกูลอุจิ** ที่อยู่ในเรื่อง นารู*** ยังไงล่ะ! ทุกคนเข้าใจกันแล้วสินะ
เอาล่ะ เรามาต่อกันเถอะ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งฟังพวกเขาพูดคุยกันเรื่องที่ไม่ควรให้ฉันนั้นเป็นพี่เลี้ยงของแรมโบ้ ? ทำไมล่ะ ฉันไม่เหมาะกับการเป็นพี่เลี้ยงแรมโบ้คุงตรงไหน ฉันน่ะออกจะรักและเอ็นดูแรมโบ้คุงราวกับลูกในไส้
เอ๊ะ ฉันเล่นใหญ่เกินไปหรอ ก็ไม่เท่าไหร่หรอกน่า ฉันสามารถเล่นใหญ่ได้มากกว่านี้อีกน่ะขอให้บอก ฮ่าฮ่าฮ่า
“ คุณฮิคาริคงไม่อยากเลี้ยงแรมโบ้หรอก ใช่มั้ยครับ “
สึนะคุงเอ่ยถามฉันเพื่อขอความคิดเห็นหลังจากที่พวกเขาได้ถกเถียงกันเป็นเวลานาน ซึ่งแน่นอนว่าตัวฉันนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ทำไมพวกเขาเหมือนไม่อยากให้ฉันเลี้ยงกันและก็เหมือนไม่อยากจะเลี้ยงเองด้วยต่างหาก ฉันจึงกล่าวสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป
“ทำไมพวกคุณถึงทำเหมือนไม่อยากเลี้ยงเขาล่ะค่ะ คุณแรมโบ้ออกจะเลี้ยงง่ายจะตายไป “
“ เจ้าแรมโบ้เนี่ยนะ เลี้ยงง่าย! “
สึนะเอ่ยตอบเสียงดังพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆอย่างคนที่อยากแย้งถึงคำพูดของฉันก่อนหน้า นั้นจึงทำให้ฉันหันไปมองแรมโบ้ด้วยความสงสัยถึงเหตุผลการกระทำของสึนะคุง
ซึ่งแรมโบ้ก็กำลังมองหน้าของฉันอยู่เช่นกันด้วยสายตาออดอ้อนราวกับจะปฏิเสธถึงข้อกล่าวหาต่างๆที่กำลังว่าร้ายตัวเขาอยู่
แน่นอนว่าเมื่อเจอเข้ากับสายตาของแรมโบ้ตัวฉันถึงกับตัวหลอมเหลวลงไปกับพื้นจนอยากจะแด่ดิ้นซะตรงนั้นเลย แม่คะ ลูกหนูเขาอยากไม่อยากกินแครอทแต่กลัวหนูดุ เขาเลยหันมาอ้อนหนูแทนค่ะ ว๊าย— ทำไมฉันถึงมโนได้เป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้วะคะ หนูว่าหนูไม่ไหว หนูควรไปหาหมอบ้างแล้ว ถ้าถามว่าไปหาทำไมนะหรอ ก็ขอบอกเลยว่า ไปถามหมอว่าทั้งๆที่คลอดมาหลายปีแล้วทำไมถึงยังเจ็บแผลผ่าคลอดอยู่กันคะ คุณหมออออ
“ เอาเป็นว่าสึนะก็จะเป็นพี่เลี้ยงแรมโบ้เหมือนเดิมสินะ “
รีบอร์นเอ่ยข้อสรุปมติเรื่องพี่เลี้ยงแรมโบ้อย่างเป็นเอกฉันท์แน่นอนว่าถึงแม้สึนะจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังต้องยอมรีบอร์นอยู่ดี ซึ่งสิ่งที่ฉันมองเห็นจากความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็คือ ผู้ล่ากับผู้ถูกล่า ชัดๆ
ฉันว่าแล้วเชียว! สึนะคุงเนี่ย อุเคะชัดๆ เลยไม่ใช่หรอ
เมื่อฉันคิดดังนั้นก็ทำการกล่าวลาแรมโบ้คุงและหันไปมองที่รีบอร์นี่กำลังจ้องมองฉันอยู่เช่นกัน ฉันจึงค่อมหัวให้เล็กน้อยเป็นเชิงกล่าวลาและเดินออกไปเลย
โดยไม่ได้หันมาเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนมุมปากของเด็กน้อยนักฆ่าเลยแม้แต่น้อย
เอ๊ะ จะว่าไปแล้ว ฉันไปทำอะไรกับพวกสึนะคุงกันนะ
(*´-`)
ความคิดเห็น