ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FIC REBORN / KHR ] My Daily Life นี่แหละชีวิตของฉัน

    ลำดับตอนที่ #3 : คุณน้าสุดใจดีกับไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.27K
      319
      13 ต.ค. 64

    CHAPTER 3 : 

    คุณน้าสุดใจดีกับไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้!!

     

     

     

    ขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปซื้อของที่ย่านการค้านามิโมริก็เจอเข้ากับคนที่ท่าทางคล้ายพวกนักเลงแถมยังคาบบุหรี่อีกด้วย


     

    ดูจากลักษณะของเขาทั้งผมสีเทาที่ยาวระต้นคอและหน้าตาที่ดูหาเรื่อง คงจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากอิตาลีแน่ๆ รู้สึกว่าจะย้ายเข้าห้องเอ โอ๊ะ ห้องเดียวกับสึนะคุงเลยนิน่า เป็นเพื่อนกันรึเปล่านะ

     

    รู้สึกเหมือนช่วงนี้ฉันจะคิดถึงเรื่องของสึนะคุงบ่อยจังแหะ รึว่าฉันจะชอบเขากันนะ อืมมม จะว่าไปสึนะคุงก็น่ารักอยู่นะ ตาโต ตัวบาง แถมร่างเล็กด้วย ถึงจะตัวจะไม่บางเท่าผู้หญิงก็เถอะ อุหวา ความเคะนี้มันช่างเจิดจ้าเหลือเกิน

     

    หลังจากที่ฉันคิดเรื่อยเปื่อยจบ ก็เห็นเขาถือลูกแตงโมอยู่ลูก สงสัยจะเอาไปเป็นของฝากให้เพื่อนนะนั้น แต่ว่านะเขาเป็นคนอิตาลี แล้วเขาจะคุยกับเพื่อนเป็นภาษาอะไรฉันอยากรู้จังแหะ

     

    อิตาลีหรอ จะว่าไปแรมโบ้ก็แปลว่าวัวในภาษาอิตาเลียนนี้นา เขาจะรู้จักกับแรมโบ้รึเปล่านา ตอนนี้ HP ของฉันติดลบเลขเก้าไปสามตัวติดแล้วค่ะ


     

            คุณแรมโบ้คะ พี่สาวคนนี้อยากเจอคุณแรมโบ้แล้วนะคะ

     

      

    +

     

       

    ฉันที่กำลังเดินออกจากร้านขายต้นไม้ก็พบเข้ากับ เรือนผมยาวประบ่าสีคาราเมลและนัยน์ตาสีเดียวกัน เมื่อฉันเห็นเธอจึงเดินเข้าไปทักทายอย่างสนิทสนม 

     

      “ สวัสดีค่ะ คุณซาวาดะ “

     

      “ อ้าว หนูฮารุกะ สวัสดีจ้ะ “

     

    เธอหันมาตอบฉันก่อนจะพูดคุยถามไถ่เรื่องราวของฉันว่าช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้าง ระหว่างที่พูดคุยกันฉันก็นึกสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง คุณน้า นามสกุลคุ้นๆแหะ  

        

    ซาวาดะ . . . ซาวาดะ . . . ซาวาดะหรอ!! มันนามสกุลเดียวกับป้ายหน้าบ้านที่ไปส่งแรมโบ้คุงเลยไม่ใช่หรอ ฉันไม่รอให้ความคลุมเครือเรื่องนี้อยู่นานเลยเปิดปากถามไปโดยเร็ว

     

      “ เอ่อ คุณซาวาดะคะ รู้จักกับแรมโบ้คุงรึเปล่าคะ? “

       

      “ รู้จักสิจ๊ะ ฮารุกะจังก็รู้จักกับแรมโบ้คุงเหมือนกันหรอจ้ะ? “

     

    เมื่อได้รับคำตอบยืนยันในสิ่งที่ฉันคิด ฉันจึงเล่าเรื่องที่พบกับแรมโบ้คุงให้คุณน้าฟัง ก่อนจะได้รับคำสอนว่าอย่าไว้ใจคนอื่นสิ แม้อีกฝ่ายจะเป็นเหมือนกันก็เถอะ แล้วยังบอกอีกว่าไม่ควรพาผู้ชายเข้าห้องอีก แต่ว่าคุณน้าก็รับคนอื่นเข้าบ้านเหมือนกันไม่ใช่หรอคะ 

     

    ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงรู้นะหรอ ก็เจ้าตัวเป็นคนเล่าฟังเองว่าได้จ้างครูสอนพิเศษมาสอนลูกชายของตนเอง ถึงฉันจะไม่รู้ก็เถอะว่าลูกของอีกฝ่ายเป็นใครแต่คงลำบากน่าดูเพราะมีคุณแม่ที่ดูน่าเป็นห่วงขนาดนี้

     

    เพราะคุณน้าเป็นคนที่เชื่อคนง่ายมาก มากถึงมากที่สุดจนฉันยังสงสัยว่าเธออยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ไงแต่ว่าคนใจดีก็มีวิธีเอาตัวรอดได้แบบคนใจดีสินะ

     

    หลังจากที่คิดได้แบบนั้น ฉันก็ได้ถามคุณน้าถึงแรมโบ้คุงว่าเขาเป็นไงบ้าง คุณน้าจึงบอกฉันว่าเขายังสบายดีแล้วแซวฉันอีกว่ายังชอบเด็กเหมือนเคยเลยน่าอีกด้วย ฮือออ ก็เด็กมันเยียวยาหัวใจอันบอบช้ำของฉันได้นิคะ ก่อนจะแยกย้ายกันฉันก็เอ่ยลาคุณน้า

     

      “ แล้วเจอกันใหม่นะคะ คุณซาวาดะ “

     

      “ จ้ะ เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนะ แล้วก็เรียกฉันว่าคุณน้าเถอะจ้ะ “

       

      “ ค่ะ  เดินทางปลอดภัยเช่นกันนะคะ คุณน้า “

     

    ฉันตอบรับคำขอของเธอตามด้วยเอ่ยคำอวยพรให้ก่อนจะเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดีที่ได้เจอเธอหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน บ่อยครั้งที่เราพูดคุยด้วยกันอย่างสนิทสนมเหมือนแม่-ลูกแต่ฉันก็ไม่ใช่ลูกของเธออยู่ดี รู้สึกอิจฉาลูกของเธอจังเลยน่า

     

    ครอบครัวสินะ ไม่ได้สัมผัสถึงมันนานแค่ไหนแล้วนะ ห้าปีหรือว่าสิบปีกัน คำว่าครอบครัวมันช่างห่างไกลกับตัวฉันในตอนนี้เหลือเกิน สักวันฉันก็อยากที่จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนกัน มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ

     

         ครอบ . . . ครัว . . . ของฉัน

       

     

     

    +

     

     

     

    เอาล่ะตอนนี้ได้โปรดลืมตัวฉันข้างบนไปด้วยเถอะค่ะ อุหวา- ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่คิดอะไรแบบนั้น มันแบบคิดไม่ถึงเลยจริงๆค่ะ 

     

    ฮืออ ฉันทำอะไรลงไปกันเนี่ยยย ต้องเป็นเพราะดูอนิเมะมากไปแน่ๆ ความเบียวของฉันถึงได้ออกมาแบบนั้น ดราม่าชะมัดเลยค่า

     

     

    แต่ว่าเรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะค่ะ เพราะวันนี้ที่โรงเรียนของฉัน หรือก็คือโรงเรียนนามิโมริ ที่ตั้งอยู่บนประเทศญี่ปุ่นในจังหวัดอะไรที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่รู้ว่าอยู่ในเมืองที่ชื่อเดียวกับโรงเรียนนั้นเองค่ะ

     

    เกริ่นชื่อโรงเรียนยาวไปมั้ย ฉันว่าไม่ยาวหรอกค่ะเพราะคนเขียนอยากให้มันยาวๆเพื่อทำให้ตอนนี้มันจบไปเร็วๆ แต่ฉันไม่ยอมหรอกนะ เพราะงั้นพิมพ์ยาวๆไปซะเถอะ ยัยนักเขียน!!!

     

    ช่างเรื่องนั้นไปก่อนเถอะค่ะ กลับมาที่ว่าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นที่โรงเรียนดีกว่า วันนี้นะเป็นวันกีฬาสียังไงละคะ!! มันเป็นวันที่ฉันรู้สึกไม่ชอบสุดๆไปเลยค่ะ

       

    กีฬาสีเป็นวันที่มีไว้สำหรับคนที่มีทักษะกีฬาเพียงพอสำหรับต่อสู้กับผู้อื่นได้ ส่วนอันตัวฉันนั้นไม่มีความสามารถใดๆเลยเจ้าค่ะ 

     

    ถ้าทักษะการกีฬาสามารถเพิ่มได้จากการดูล่ะก็ ฉันในตอนนี้คงเป็นหนึ่งในนักกีฬาพวกนั้นแน่ๆเพราะฉันนั้นได้รับ EXP จาก สแลม**  , คุโร* * บาสเก็สบอล , นักเตะแข้งสาย* และอื่นๆที่ฉันไม่สามารถสาธยายได้หมดภายในวันนี้ได้

     

    เพราะงั้นตอนนี้ฉันจึงหนีออกมาหลบอยู่ในที่ลับตาคน . . . ตรงไหนฟระ!? ฉันก็แต่แอบมานั่งหลบอยู่ริมแถวของแถวสุดท้ายแค่นั้นเอง ใครจะกล้าโดดเล่า ทุกคนในโรงเรียนก็รู้ว่าโรงเรียนนามิโมริแห่งนี้มีกรรมการคุมกฎที่โคตรจะน่ากลัวปกครองอยู่

     

    ถ้ามีใครผิดกฎให้พวกนั้นเห็นจะต้องถูกอัดจนเละหรือไม่ก็ถูกตัดคะแนนจิตพิสัย ซึ่งฉันโคตรสงสัยว่าตัวเองเลือกเข้าโรงเรียนนี้ทำไมว่ะ โคตรน่ากลัวเลย ฮืออ แม่คะ หนูอยากย้ายโรงเรียนนน

     

    ซึ่งในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคล้ายบอกว่าทีมเอนั้นขี้โกง ถ้าเป็นงั้นจริงคือโคตรแย่อ่ะแม่ ไม่ได้ป่ะ คนเราต้องเล่นแบบแฟร์ๆดิ ถ้าเขาโกงมาเราก็ต้องให้เขาโกงต่อไป ดังคำสอนที่ว่า ถ้าโดนตบแก้มซ้ายให้ยืนแก้มขวาให้เขาตบ เว้ยยย ไม่ใช่แล้ว อะไรกันเนี้ย พอได้แล้วตัวฉัน หายใจเข้าออกทำสมาธิให้สงบเดียวนี้

     

    หลังจากนั้นก็คงยังมีเสียงบอกว่าทีมเอนั้นโกงอยู่อีก แต่ฉันไม่สนใจแม้ว่าตัวเองจะอยู่ในทีมที่เสียเปรียบก็เถอะ ซึ่งตอนนี้ได้เวลาการแข่งล้มเสานั้นเอง ซึ่งดูเหมือนว่าทีมเอส่งสึนะเป็นหัวหน้าทีม 

     

    เดี๋ยวนะ สึนะหรอ สึนะคุงน่ะนะ ถึงแม้ว่าฉันจะได้เห็นทักษะการต่อสู้ของเขาแล้วก็เถอะ ฉันก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะชนะหรอกนะก็เพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือ คุณหัวหน้ากรรมการคุมกฎ หรือก็คือ ฮิบาริ เคียวยะนั้นเอง เขาเป็นคนที่มีเรือนผมและนัยน์ตาสีปีกกาทำให้ยิ่งดูน่าเกรงกลัวเหมือนยมฑูตบ่มีผิด

     

    แล้วทำไมอยู่ๆฉันถึงคิดเป็นภาษาอีสานล่ะ ถึงแม้จะแค่คำเดียวก็เถอะ ช่างตรงนั้นก่อน เราควรสนใจตรงนี้ ตรงที่สึนะแข่งกับคุณฮิบารินะหรอ เปล่าเลยสักนิด แต่มันเป็นตรงที่ว่า แรมโบ้คุงอยู่ตรงหน้าฉันต่างหากเหล่า!

     

      “ คุณแรมโบ้ “


     

      “ ฮารุกะ! คุณแรมโบ้เจอฮารุกะแล้วว “

     

    แรมโบ้พูดพร้อมกับเข้ามากระโดดกอดฉันอย่างดีใจที่ได้พบกัน และในขณะที่กำลังกอดกันนั้นเองแรมโบ้ก็เล่าว่าตัวเองนั้นมากับคุณน้า แล้วก็ไม่คิดว่าฉันเรียนโรงเรียนนี้อีกด้วย และในขณะที่ฉันฟังแรมโบ้เล่าก็ได้ยินเสียงบางอย่างขึ้น

     

       ปัง- 

     

    เสียงปืน ? อีกแล้วหรอ ทำไมฉันรู้สึกได้ยินเสียงนี้ตลอดเวลาที่มาโรงเรียนกันนะหรือมันเป็นแค่สิ่งที่ฉันคิดไปเองจากการดูการ์ตูนมากเกินไปกัน 

     

    เพื่อความแน่ใจว่าฉันคงไม่หูเพี้ยนไปจริง จึงถามแรมโบ้ที่นั่งลงบนตักฉันที่กำลังดื่มน้ำอยู่เนื่องจากการที่เล่าเรื่องให้ฉันฟังมากจนเกิดอาการคอแห้งนั้นเอง

     

      “ คุณแรมโบ้ได้ยินเสียงรึเปล่า “

     

      “ เสียงอะไรหรอ ในนี้เสียงดังจะตาย “

     

    แรมโบ้ลดกระป๋องน้ำลงเพื่อตอบคำถามของฉัน

     

      “ เสียงที่มันดัง ปัง- คล้ายๆเสียงปืนนะ “

     

      “ ฮารุกะหูฝาดแล้ว คุณแรมโบ้ไม่เห็นจะได้ยินเสียงแบบนั้นเลย ถ้ามีเสียงนั้นจริงก็คงเป็นเสียงปืนเริ่มการแข่งที่เขาชอบยิงกันนั้นแหละ “

     

    แรมโบ้ตอบฉัน จะว่าไปก็จริงแหะ นี้มันกีฬาสีจะได้ยินเสียงนี้ก็ไม่แปลก สงสัยจะคิดมากไปเอง ถึงแม้ฉันจะติดใจตรงที่ก่อนจะตอบฉัน แรมโบ้หันไปมองทางการแข่งเล็กน้อยพร้อมกับทำสีหน้าหงุดหงิดเพียงเสี้ยววิก็เหอะ น่าจะเพราะไม่ชอบเสียงดัง ก็เจ้าตัวยังเป็นเด็กนี้น่า คงจะกลัวที่เสียงดังๆล่ะมั้ง

     

    ฉันปลอบใจเขาโดยการลูบหัวไปด้วยเพื่อให้เจ้าตัวหายหงุดหงิด ถึงแม้จะเห็นว่าแรมโบ้ทำหน้างุนงงใส่ แต่ฉันก็เชื่อในความคิดของตัวเองจึงทำยังงั้นจนการแข่งขันทั้งหมดในวันนี้จบลง

     

    ฉันอาสาจะเดินไปส่งแรมโบ้คุง แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธแถมยังบอกฉันว่าให้รีบๆกลับก่อนจะมืดค่ำ  ชักจะสงสัยแล้วแหะ ว่าใครเป็นเด็กกันแน่ แต่เมื่อโดนบอกอย่างนั้นฉันจึงตามใจเขาพร้อมบอกว่าฝากสวัสดีถึงคุณน้าด้วย

     

    ก่อนจากกันจริง ฉันยื่นลูกอมให้แรมโบ้ไปสองเม็ดพร้อมกับบอกเขาไปว่า

     

      “ วันนี้เอาไปแค่นี้ก่อนนะ ฮารุกะไม่คิดว่าจะได้เจอคุณแรมโบ้วันนี้น่ะ ขอโทษด้วยนะ “

     

      “ ไม่เป็นไร! เดี๋ยวคุณแรมโบ้มาเอาวันอื่นก็ได้เพราะยังไง คุณแรมโบ้ก็รู้แล้วว่าฮารุกะเรียนโรงเรียนนี้! “

     

    แรมโบ้ตอบพร้อมกับวิ่งไปทางที่คาดว่าคุณน้าจะอยู่พร้อมกับโบกมือมาทางฉัน  ฉันจึงเตือนเขาไปว่าให้มองทางข้างหน้าด้วย เดี๋ยวจะล้มเอานะ

     

    และแน่นอน เหมือนคำพูดของฉันจะมีเวทย์มนต์เลย เพราะเมื่อพูดจบแรมโบ้ก็ล้มลงไปทันที ตัวฉันที่กำลังเดินไปช่วยเขาให้ลุกขึ้นก็ต้องหยุด เพราะแรมโบ้ลุกขึ้นมาเองพร้อมกับส่งสายตามาว่าไม่ต้องห่วงยังไงอย่างนั้นเลย

     

       เด็กตัวแค่นี้ เก่งจังเลยน่ะ แรมโบ้


     

    ฉันที่คิดอย่างนั้นในใจพร้อมกับคิดที่จะซื้อขนมเอาใจเมื่อพบกันอีกในครั้งหน้า

     

        

     (*´∀`*)

     

     

                           

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×