คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สวัสดีโลกโคนัน :) Hello:ชายสวมแว่น
" อ้าว ทำไมวันนี้ยูกิดูโทรมจัง "
" จริงด้วย เมื่อคืนไม่ได้นอนงั้นเหรอ " ทั้งคู่เอ่ยทักร่างบางเพื่อนหัวขาวที่เดินถือถาดอาหารมานั่งทางฝั่งตรงข้ามกับพวกเธอ
เรือนผมสีขาวสั้นประบ่าถูกมัดรวบไปด้านหลังเป็นกระจุกเล็กๆพร้อมแว่นสายตาทรงหยดน้ำสีโรสโกลด์บังดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่มีรอยค้ำใต้ตาเห็นได้ชัดและสภาพอิดโรยของอีกฝ่ายที่คอยทานข้าวคำจดอักษรคำ ลงบนสมุดบันทึกสีเขียวอ่อนขนาดพกพาที่ถูกเขียนข้อความไว้ก่อนหน้านั้นไม่กี่หน้า
" ใช่ " ปวดหัวแทบตาย
" ว่าแต่ยูกิจังเขียนเป็นภาษาอะไรน่ะ " จบประโยคของฮารุที่ถือวิสาสะยื่นหน้ามาส่องข้อความที่ถูกเขียนด้วยภาษาต่างประเทศ ร่างบางที่อยู่ในสภาพอิดโรยก็เกิดชะงักมือที่กำลังจะเขียนรายละเอียดบางอย่างลงไป
ไอ้เราก็มึนหัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนไม่ได้สังเกตภาษาที่เขียนลงในสมุดเลยเพราะคุ้นเคยกับทั้งสองประเทศ หวังว่าสมุดแต่ละวิชาที่เรียนไปในคาบเช้า ฉันจะไม่ได้เขียนภาษาไทยลงไปแทนภาษาญี่ปุ่นใช่มั้ย
" ภาษาไทย " วินาทีต่อมาซึบาสะก็เผลอทุบโต๊ะจนเกิดเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับสายตาที่มองมาแล้วกล่าวขอโทษจึงจะหันมาสนใจยูกิต่อ
" เป็นเพื่อนกันมาหนึ่งปีกว่าฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าเธอเข้าใจภาษานี้ออก " ก็เคยเกิดเป็นคนในประเทศนั้นหนิจะอ่านออกเขียนได้ก็คงไม่แปลกเสียเท่าไหร่
" ก็ปกติไม่ได้ใช้นี่นา เดี๋ยวฉันขอรีบทานข้าวแล้วขึ้นห้องไปนอนก่อนนะรู้สึกมึนๆยังไงก็ไม่รู้ "
" ดูแลตัวเองด้วยล่ะ เดี๋ยวถาดของยูกิจังฉันเก็บให้เอง " ระหว่างนั้นฉันก็รีบยัดข้าวเข้าไปคำโตพร้อมเคี้ยวอย่างรวดเร็วแล้วกระดกน้ำเข้าไปถึงสองแก้วเป็นอันจบพิธี ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับถาดอาหารและสมุดที่อยู่ในกำมือขณะพูดประโยคตอบฮารุที่นั่งมองตาแป๋ว
" ไม่เป็นไรฉันเก็บเอง " แล้วหันหลังเดินดุ่มๆไปอย่างรวดเร็วตามทางเดินที่เชื่อมต่อกัน
เมื่อเดินมาถึงห้องเรียนที่คาดว่าน่าจะสงบและไร้เสียงพูดคุยกลับต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เพราะเสียงพูดคุยและตะโกนโวยวายดังออกมาจากห้องเอเสียซะส่วนใหญ่ภายในอาคารจนยูกิเผลอยกมือมานวดบริเวณหัว
แล้วทีนี้ฉันก็ต้องหาที่นอนใหม่ ต่อให้ทนหลับตาขณะมีเสียงพูดคุยดังกันขนาดนี้ฉันก็หลับไม่ลงหรอกนะ โดยเฉพาะเสียงนกหวีดที่ดังออกมาจากกลุ่มแก๊งอิราวากินี่ดังกว่าชาวบ้านเลย
นึกได้ดังนั้นยูกิก็หันหลังกลับเดินไปอีกทางหนึ่งขณะยกกระเป๋าพาดบ่าเพื่อจะนำไปเป็นสิ่งทดแทนการหนุนนอนอย่างหมอน ระหว่างทางที่เดินเธอก็ขบคิดกับเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อจนไม่ได้หลับได้นอนทำให้เช้านี้มีสภาพคล้ายศพเดินได้
" หวังว่าจะไม่ถูกล็อคนะ "
กลอนประตูเหล็กบานหนึ่งตรงหน้าถูกบิดจนเปิดออกเผยให้เห็นชั้นดาดฟ้าที่มีรั้วกั้น ยูกิคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเป็นไปตามอย่างที่หวังแล้วจึงสับเท้าเดินออกไปด้านนอกทีนที โดยไม่ลืมที่จะปิดประตู
" ฮ่าาา อากาศสดชื่นจัง " เมื่อทิ้งกระเป๋าลงบนพื้นปูนแล้ว ฉันก็กางมือออกไปทางด้านข้างเพื่อรับสายลมที่พัดไปมาด้านบนของชั้นดาดฟ้า
ฉันพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งแขนลงข้างลำตัวแล้วเดินไปนั่งชันเข่าพิงกำแพงขณะตั้งเวลาปลุกในอีกสามสิบนาทีข้างหน้า จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนราบไปกับพื้นปูนแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว
สาเหตุที่ยูกิมีสภาพอิดโรยและเทรื่อมโทรมในวันนี้เป็นเพราะเหตุการณ์ฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ขณะที่เธอล้มตัวลงนอนราบบนเตียงขนาดคิงไซด์ด้วยความหมดแรงและหวังที่จะพักผ่อนอยู่ๆเธอก็รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างทั้งๆที่เปิดแอร์จนเย็นช่ำ
เธออยู่ที่ไหน?
นั่นคือความคิดแรกที่แวบขึ้นมาในหัว ห้องสีขาวสว่างที่ไกลสุดลูกหูลูกตาที่มีแต่ความว่างเปล่าและร่างของยูกิเพียงเท่านั้นที่พอเป็นสีสัน
เธอเลือกที่จะเดินตรงไปทางข้างหน้าตามสัญชาตญาณของตัวเอง จากเดินก็แปรเปลี่ยนเป็นวิ่ง เมื่อสายตาปะทะกับอะไรบางอย่างที่ห่างไกลออกไป เสียงหอบหายใจดังขึ้นมาถี่ๆได้ให้ยินอย่างชัดเจนและบริเวณกรอบหน้าที่เริ่มมีเหงื่อซึม
" โอ๊ย!!! "
เพราะความอยากรู้อยากเห็นกับสิ่งตรงหน้าทำให้เธอเผลอวิ่งสะดุดขาของตัวเองล้มกลิ้งลงไปกับพื่นสีขาวที่แสนแสบตาพอๆกับสีของเส้นผม
" ตั้งใจกว่านี้หน่อย! ถ้ามันกลายเป็นสถานการณ์จริงขึ้นมาลูกไม่แย่เลยเหรอ "
" ค่ะ "
" อะไรวะเนี่ย " เสียงตะโกนดุด่าดังออกมาจากหญิงสาวคนหนึ่งที่มีเรือนผมสีน้ำตาลแดง ใบหน้าของเธอถูกประดับไปด้วยสีหน้าอารมณ์โกรธและหงุดหงิดที่เห็นได้ชัดเจน
บนพื้นฝั่งตรงข้ามก็ปรากฏเด็กหญิงตัวเล็กตัวน้อยที่มีเส้นผมเฉดสีเดียวกันกับผู้ใหญ่ เรือนร่างของเธอถูกแต่งแต้มด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำจนดูน่ากลัว น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาไร้ซึ่งเสียงสะอื้นที่ต่างจากเด็กทั่วไปถูกเช็ดอย่างรวดเร็วก่อนจะยันตัวขึ้นด้วยใบหน้าอ่อนแรง
" ทำไมใบหน้าคล้ายร่างนี้เลย "
หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลแดงที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่เหยียดยิ้มขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกของตนได้ยืนขึ้นเต็มความสูงในท่าตั้งการ์ดพร้อมแววตาที่ต่างจากเดิม เธอคาดว่าแววตานั้นน่าจะกำลังกลายเป็นความแข็งแกร่งจากการฝึกในครั้งนี้
" แววตาของลูกในตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่ง ดีมาก!!! "
" ....... "
ยูกิมองสีหน้าและแววตาของเด็กคนนั้นด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ก่อนจะเบิกตากว้างจนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองยามที่ดาบไม้ถูกฟาดเข้าที่ท่อนแขนของเด็กจนเกิดรอยแดงและเสียงอุทานที่พยายามอดกลั้น
แต่ที่น่าเจ็บปวดสำหรับเธอก็คือแรงที่ถูกฟาดลงมานั้นดังสนั่นไปทั่วห้องสีขาวจนเป็นเสียงกล้องและผู้ที่ฟาดลงมาก็คือแม่ของเด็กคนนั้นที่รัวฟาดไม้ใส่เด็กสาวดังต่อเนื่อง แม้จะมีเลือดที่ไหลซึมออกมาแต่เธอก็ยังคงกระหน่ำฟาดไม้ใส่
" นี่มึงเป็นแม่ภาษาอะไรวะ! แววตาที่ลูกแกจ้องมองมาตอนนั้นไม่ใช่สิ่งที่มึงคิดไว้เลย แต่เป็นความผิดหวังและน้อยใจต่างหาก! " ยูกิตะโกนต่อว่าออกไปหลังจากเส้นเชือกสุดท้ายขาดออกจากกัน
ยูกิในตอนเด็กนั้นน่าสงสารมาก เธอไม่ได้มีไอคิวเกินร้อยหรือร้อยสามสิบแบบอัจฉริยะหรือนักสืบในตัวหลักของเรื่องและความสามารถพวกนั่นก็ล้วนได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักและน่าสงสาร
ความสามารถที่เธอได้มันมานั้นไม่ได้มาจากใจจริงหรือต้องการ แต่เป็นเพราะครอบครัวของเธอที่ต้องการให้ยูกิมีความสามารถพวกนี้ตั้งแต่เด็กเพื่อทดแทนในสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้
จากนั้นภาพก็ตัดไปตอนอยู่ในงานเลี้ยงทางธุรกิจ เธอฉีกยิ้มน่ารักเหมือนกำลังมีความสุขในขณะที่พ่อกับแม่คอยพูดจาโอ้อวดลูกตัวเองให้แขกฟังที่มาพร้อมกับคำเชยชมจนพ่อกับแม่เธอคลี่ยิ้ม
ยูกิทรุดตัวลงไปกับพื้นในขณะที่ฝ่ามือเผลอยกขึ้นมากุมหัวที่เริ่มมีอาการปวดหัวและมึนงงจนอุทานออกมาพร้อมกับภาพฝึกซ้อมที่ถูกตัดไปเรื่อยๆเป็นที่มาของความสามารถนี้
" อ๊ากกกกก!!! "
ภาพทุกอย่างเริ่มกลายเป็นสีเทาและเสียงพูดในฉากเริ่มเบาหวิวมีเพียงแค่เสียงกรีดร้องของยูกิเท่านั้นที่ดังออกมาต่อเนื่อง เธอกุมศีรษะตัวเองด้วยความเจ็บปวดเสมือนหัวจะระเบิดออกมา
ใครก็ได้ ช่วยเธอด้วย!!!
หลังจากที่ยูกิทนทุกข์ทรมารกับอาการปวดหัวที่หลั่งออกมาของตัวเองประกอบกับฉากคล้ายกับละครคอยตัดภาพไปเรื่อยๆเป็นพื้นหลัง
ภาพสีเทาเริ่มมีรอยร้าวลามไปเรื่อยๆก่อนจะแตกออกจากกันเป็นเสียงเศษกระจกพร้อมกับความปวดหัวที่สิ้นสุดลง เสียงหัวเราะและภาพสีสันตอนที่ยูกิฝึกขับรถกับชายหญิงชราคู่หนึ่งที่มีสภาพแข็งแรง
" แฮ่ก...แฮ่ก " ในที่สุดก็จบซะที
เธอกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอดให้ได้มากที่สุดด้วยสภาพคล้ายปลาถูกจับขึ้นมาบนบก เรี่ยวเเรงทั้งหมดก็รู้สึกเหมือนหายไปกระทันหันแล้วทิ้งร่างนาบลงกับพื้น ขณะที่นัยน์ตาคอยมองภาพสีที่ฉายยูกิกำลังฝึกขับรถแต่งคันเล็กด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกับชายหญิงชราคู่นั้นต่างจากตอนอยู่กับพ่อแม่
ความสามารถแรกที่เธอเต็มใจฝึกฝนคือสกิลการขับรถที่ได้มาจากตาของเธอที่เป็นนักแข่งสมัยยังหนุ่มจากเอกสารข้อมูล
รอยยิ้มของยูกิตอนนั้นทำเอาเธอเผลอยิ้มตามและนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เห็นก่อนจะลืมตาตื่นในห้องนอน
ตรู๊ด ตรู๊ด
" รู้สึกเหมือนพึ่งหลับไปเอง "
เสียงนาฬิกาที่ตั้งจับไว้บนมือถือดังขึ้นมาปลุกร่างบางที่กำลังนอนพักผ่อนบนพื้นปูน เปลือกตาสีมุกค่อยๆเปิดขึ้นมาเผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่คล้ายอัญมณีขณะเอ่ยประโยค
ยูกิยันตัวขึ้นเต็มความสูงพร้อมบิดขี้เกียดไปมาประกอบกับสายลมที่คอยพัดให้เย็นกระหน่ำจนเส้นผมปลิวสไวไปตามทิศทาง จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไปจากชั้นดาดฟ้าไปตามทางเดินของอาคารที่นักเรียนเริ่มน้อยลงเพราะเข้าไปเตรียมตัวสำหรับการเรียนในคาบบ่าย
เมื่อเดินมาถึงภายในห้องเรียน้ เธอก็ย่างก้าวเดินไปนั่งบนเก้าอี้แถวของตัวเองแล้วจ้องมองวิวนอกหน้าต่างที่มีต้นซากุระต้นโตกำลังเคลื่อนไหวไปตามสายลม
ยูกิมองภาพพวกนั้นขณะคิดเรื่องฝันเมื่อคืนในหัวไปพลาง ไม่น่าล่ะทำไมในใบเอกสารข้อมูลไม่ระบุสาเหตุที่ยูกิคนเก่าได้ย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ตามลำพังทั้งๆที่เป็นลูกคุณหนู
เมื่อเลื่อนไปดูประวัติการโทรก็พบกับสายของพ่อแม่ยูกิที่โทรกระหน่ำเข้ามาและเจ้าตัวก็น่าจะรู้แต่เลือกที่เมินมันไปเอง ถ้านับวันที่เธอย้ายมาอยู่ด้วยตัวเองแล้วล่ะก็พึ่งได้เดือนกว่าๆเอง
" ...... " หวังว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจสาเหตุแล้วปรับตัวได้นะ
" (=[]=) อย่าดราม่าสิวะ! " ยังไงพ่อกับแม่เธอก็ยังคงรักและเป็นห่วงอยู่หรอกเพราะพวกเขาโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวมาให้เกือบทุกเดือนและเงินพวกนั้นสามารถอยู่ได้ประมาณสามเดือนอีกต่างหาก
ในเมื่อสาเหตุปัญหาของครอบครัวยังไม่ถูกเคลียร์กัน ฉันจะเป็นคนเล่าความในใจเธอให้พวกท่านได้รับรู้เอง นี่ไข่ตุ๋นซะอย่างเรื่องแค่นี้กล้วยๆ!
.....หวังว่าจะเป็นกล้วยๆตามที่หวังนะ
" วันนี้ยูกิจังก็ยังคงกลับบ้านเร็วอีกแล้ว " เสียงหวานของฮารุกล่าวขึ้นมา ขณะที่ยูกิเดินห่างออกไปหลังจากเอ่ยร่ำลากันเสร็จ ทำให้เธอเผลอหยุดชะงักตัวลง
" งั้นครั้งหน้าถ้าทุกคนว่าง ไปร้านปัวโรต์กันมั้ย " เพราะฉันอยากไปลองแซนวิชสูตรของชายหนุ่มผมสีบรอนซ์คนนั้นที่มีหลายชื่อจนฉันหลงแล้วจำไม่ได้
" ร้านปังโรต์??? " ไม่ว่าเปล่าฮารุและซึบาสะก็พร้อมใจกันเอียงหัวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย จนร่างบางได้แต่เม้มปากแล้วกำชายเสื้อของตัวเอง
รู้สึกเจ็บใจชะมัด!!!
" ร้านปัวโรต์ต่างหาก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นร้านที่อยู่ใต้สำนักงานนักสืบโมริ โคทาโร่ล่ะมั้ง " อย่าว่าฉันตอแหลเลยนะเพราะฉันจำชื่อพ่อของรันไม่ได้จริงๆนอกจากนามสกุล
" ร้านพื้นๆใช่มั้ย!?! "
แล้วทำไมหน้าของซึบาสะต้องขมวดคิ้วเป็นปมตอนถามด้วยล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่ชอบร้านประเภทนั้นแล้วคุ้นชินกับร้านหรูๆ?
โว้ยยูกิ! นี่โรงเรียนลูกคุณหนูเลยนะจะไม่คุ้นชินหรือไม่ชอบร้านแบบนั้นก็คงไม่แปลกสักเท่าไหร่
" อะ-อื้ม " แล้วทำไมฉันต้องตอบเสียงตะกุกตะกักด้วยซะ
" ว้าว!!! "
" ห๊ะ (=-=)? " ณ ที่นี่บ่องตรงว่าดิฉันงงหนักมากถึงขั้นมากที่สุด ก็ฮารุกับซึบาสะเล่นทำหน้าตาลุกวาวใส่ฉันเนี่ยน่ะสิหรือว่าพวกนางไม่ได้เกลียดร้านแบบนั้นตามความคิดกันนะ
" ไปสิๆ ฉันอยากไปมาตั้งนานแล้ว "
" เอาตรงๆนะ ฉันชอบร้านแบบนี้มากกว่าร้านหรูๆซะอีก " ไม่ว่าเปล่าซึบาสะก็ทำหน้านึกภาพในหัว ก่อนจะส่ายหน้าแล้วแลบลิ้นแหยๆออกมา
" งั้นฉันไปก่อนนะ "
" อย่าลืมที่สัญญากันด้วยล่ะ "
" จร้า " ไม่ลืมหรอกจร้า พวกเธอเล่นทำหน้าตาก้ำกึ่งบังคับให้ตอบแบบนี้ ฉันไม่วันลืมหร๊อก~
ที่วันนี้อยากรีบกลับไม่ใช่อะไรหรอก แต่ของกินในตู้เย็นมันว่างเปล่าซะสิ้นดี ไม่คืดเลยว่าร่างเก่าเจ้าเดิมจะทำอาหารไม่เป็นถึงกับตุนอาหารแห้งและอาหารแช่เเข็งไว้เป็นจำนวนมากและฉันก็พึ่งกินกล่องสุดท้ายหมดไปเมื่อวานนี้เอง
ผลจึงต้องมาลงเอยที่ห้างสรรพสินค้าทางที่ใกล้ที่สุด แต่ก่อนอื่นฉันต้องกลับไปที่ห้องแล้วเปลี่ยนเป็นชุดเล่นหรือชุดลำลองก่อนเพื่อความสะดวก
" เมื่อเช้าแอบเห็นรถมอเตอร์ไซค์สีขาวที่ถูกคลุมผ้าไว้นี่นา บางทีอาจจะขอยืมนำไปใช้ก็ได้ " เพราะถ้าให้เดินเอง ฉันเกรงว่ากล้ามแขนจะเกิดขึ้นมาก่อนจะถึงห้องที่อยู่นี่น่ะสิ
ถ้าถามว่าทำไมไม่ขึ้นรถแท็กซี่หรือรถประจำทาง คำตอบคือฉันขึ้นไม่เป็นถึงจะศึกษามาบ้างแล้วทางอินเตอร์เน็ตแต่ก็ยังสับสนและมึนงงเหมือนเดิมค่ะ จึงมาลงเอยยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ของตึกที่มีพี่สาวแสนสวยกำลังยิ้มต้อนรับอยู่
หูยยย พี่สาวเป็นอดีตนางแบบรึเปล่าหนิ ทำไมสวยจังเลย
" มีอะไรให้ช่วยเหลือรึเปล่าคะ " พี่สาวอย่ายิ้มสิคะ รู้มั้ยว่ายูกิเขิน>///<
" พอดีอยากทราบว่า เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์สีขาวที่ถูกผ้าคลุมตรงลานจอดรถเป็นของใครเหรอคะ "
อ้าว แล้วทำไมพี่สาวถึงทำหน้าตกใจแล้วมองมาที่ฉันแปลกๆล่ะ อย่าบอกนะว่าพึ่งสังเกตสีผมแต่ฉันก็เดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์อยู่บ่อยๆนะ
" เอ่อ ใช่ผ้าคลุมสีเทาที่ถูกสลักตัวอักษร Y พิมพ์ใหญ่รึเปล่าคะ "
" ใช่ค่ะ " หูยย อย่าบอกนะว่าพี่สาวก็มีสกิลสัณนิษฐานเหมือนกันน่ะ
" นั่นรถของคุณหนูเองนะคะ คุณหนูกาคุรุ ยูกิ "
ห๊ะ
หาาาา!!!
รถฉันเนี่ยนะ!
" พี่สาวล้อเล่นแน่เลย " รอยยิ้มแห้งๆของยูกิถูกส่งไปให้พนักงานต้อนรับที่กำลังอมยิ้มนึกเอ็นดูต่อบุคคลตรงหน้า
" รถของคุณหนูจริงๆค่ะ รุ่นKawasaki Ninja 650 ABS "
" จำได้อีกต่างหาก " ชื่อยากสลัด
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ
" พี่สาวรู้จักชื่อฉันได้ยังไงเหรอ "
" ก็ดิฉันเป็นหญิงรับใช้นายท่านกาคุรุ อากิคุณปู่ของคุณหนูเองค่ะ " พนักงานต้องรับระบายยิ้มขึ้นมาอีกครั้งที่เห็นสีหน้าของยูกิที่มีความมึนงง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตกใจจนเธอนึกอยากขำ
" อ๋อ " พึ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณปู่ของยูกิเล่นส่งพี่สาวคนสวยมาทำงานเป็นพนักงานต้อนรับเพื่อสอดส่อง
แต่ว่าถ้าเธอเป็นพนักงานตอนรับของคุณปู่แสดงว่าเธอก็ต้องคอยรายงานชีวิตประจำวันของฉันไปให้ท่านฟัง แล้วเรื่องพวกนี้จะถูกนำไปเล่าให้พ่อกับแม่มั้ยเนี่ย
" ว่าแต่...เรื่องนี้คุณพ่อกับคุณแม่รู้มั้ยคะ "
" เรื่องนี้ดิฉันก็ไม่ทราบเช่นกันค่ะเพราะถูกสั่งให้รายงานเรื่องราวของคุรหนูให้กับคุณท่านเพียงเท่านั้น " แสดงว่าถ้าฉันอยากรู้ก็ต้องโทรถามสินะ
" อ้อ ว่าแต่พี่สาวคนสวยชื่ออะไรเหรอคะ " พี่สาวตรงหน้าเผยสีหน้าตกใจเพียงชั่วครู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับริ้วสีแดงที่ลามขึ้นบนแก้ม แหนะ พี่สาวเขินใช่มั้ยเนี่ย
" เรียกดิฉันว่าลิลลี่ก็แล้วกันค่ะคุณหนู " ทำไมต้องเรียกว่าคุณหนูแล้วแทนตัวเองว่าดิฉันด้วยวะ หงุดหงิดชิบ
" ต่อไปนี้ฉันมีคำสั่งให้พี่สาวทำตาม "
ยูกิถอยหลังยืนห่างจากโต๊ะเคาท์เตอร์พร้อมชูนิ้วขึ้นมาเสมือนเป็นคำสั่งข้อแรกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
" ว่ามาได้เลยค่ะ " ลิลลี่หลับตาลงพร้อมก้มหัวให้ยูกิตรงหน้าที่กำลังยิ้มคิ้วกระตุกอยู่ถี่ๆ
" ข้อหนึ่งพี่สาวต้องเรียกฉันว่ายูกิหรือยูเฉยๆเพียงเท่านั้น "
" ค่ะ "
" ข้อสองพี่สาวต้องแทนตัวเองว่าพี่ ห้ามแทนตัวเองว่าดิฉัน เข้าใจมั้ยคะ " ยูกิเลิกคิ้วขึ้น ขณะเปลี่ยนท่าทางยกมือขึ้นกอดอกเสมือนกดดันอีกฝ่ายที่มีแววตาเลิ่กลัก
แหมม อย่าแทนตัวเองว่าดิฉันเลยเพราะจะเป็นฉันเองที่เหนื่อยใจแทน
" ค่ะ "
" ว่าแต่กุญแจรถคันนั้นได้อยู่กับพี่ลิลลี่รึเปล่า " เธอเดินไปเท้าคางมองอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
" เรียกฉันว่าลิลลี่เฉยๆน่าจะดีกว่าค่ะ ใช่ค่ะ กุญแจรถของยูซังอยู่ที่นี่ค่ะ "
หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลเดินไปหยิบกล่องขนาดเล็กมาไว้ต่อหน้าหญิงสาวที่ยืนเท้าคางมองอยู่ทุกการกระทำของเธอ ยูกิมองกล่องขนาดเล็กด้วยความปลงตกกับความเล่นใหญ่ที่เธอคาดว่าน่าจะเป็นคำสั่งของคุณปู่ที่บอกให้เก็บแบบนี้
กล่องผ้ากำมะหยี่สีแดงผูกด้วยริบบิ้นสีทองที่เป็นประกายยามต้องแสง เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมนิ้วมือเรียวสวยที่ยื่นมาดึงริบบิ้นออกอย่างแรกโดยไม่คำนึงถึงความสวยงามของมัน ท่ามกลางความตกใจของลิลลี่หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลที่เผลออ้าปากตาค้างกับการกระทำของคุณหนูตัวเอง
แต่ถ้าถามว่ายูกิสนเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะเพราะเธออยากได้กุญแจรถแล้วขับไปซื้อของในห้างเร็วๆก่อนที่ท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นราตรี
" ไปก่อนนะลิลลี่ "
" ไปดีมาดีนะคะ ยูซัง "
หญิงรับใช้สาวเรือนผมสีน้ำตาลที่ถูกมัดรวบไว้มองแผ่นหลังของคุณหนูตัวเองด้วยความเอ็นดูและเขินเพียงเล็กน้อย
เห็นกี่ครั้งก็ไม่ชินตาซะทีตอนที่เธอเห็นสีผมของคุณหนูตัวเองครั้งแรกที่เริ่มมาทำงานไม่นานมานี้ เธอยังตกใจและตกตะลึงไม่หายตอนที่คุณหนูของตัวเองมีเรือนผมสีขาวราวกับหิมะที่เข้ากันกับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลอันน่าหลงใหลประกอบกับใบหน้านิ่งๆของคุณหนูที่เดินผ่านไปตอนที่สวมหูฟัง
ถ้าไม่ได้พนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่มาก่อน เอากุญแจรถของคุณหนูมาให้เธอตามคำสั่งของคุณท่านล่ะก็ สติของเธอคงจะยังคงล่องลอยบนอากาศเป็นแน่
" อ้อลิลลี่! ตั้งแต่วันนี้ฉันจะเก็บกุญแจไว้เองนะ! " ไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย หญิงสาวนัยน์ตาสีฟ้าในเสื้อเชิ้ตสีเขียวเข้มและกางเกงขาสั้นก็เดินออกไปก่อน ปล่อยให้ลิลลี่ได้แต่มึนงงกับการกระทำของอีกฝ่าย
" ขี่ไงวะ " ร่างบางของหญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งข้างรถจองตัวเองด้วยใบหน้ามึนงงกับขนาดของตัวรถและอุปกรณ์ต่างๆ
หลังจากยืนนิ่งเสียเวลาอยู่นาน ฉันก็ตัดสินใจขึ้นคร่อมตัวรถแล้วสวมหมวกกันน็อคทันที ฝ่ามือเลื่อนไปจับแฮนด์รถแล้วความรู้สึกคุ้นชินอยู่ๆก็ล้นทะลักออกมา จนทำสีหน้าตกใจภายใต้หมวกกันน็อค
สุดยอดไปเลย ความสามารถของร่างเก่าถึงไม่ต้องฝึกเรียนรู้ก็สามารถใช้เป็นโดยธรรมชาติราวกับหายใจหรือก้าวเดิน อย่างกับเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ตั้งแต่เกิดออกมา
ไม่พร่ำเสียเวลาไปมากกว่านี้ ฉันก็ถอยรถแล้วขับแล่นออกไปบนท้องถนนด้วยความเร็วที่กฏหมายระบุไว้ในประเทศเดิม แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่นฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาจำกัดอัตราความเร็วที่เท่าไหร่
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ยูกิก็เดินทางมาถึงตัวห้างขนาดใหญ่ที่ใกล้ระยะทางอพาร์ทเม้นท์มากที่สุด ร่างบางของเธอตวัดขาอีกข้างลงมาในฝั่งเดียวกันขณะถอดหมวกกันน็อคไปพลาง
" ทำเป็นแต่อาหารไทยอ่ะ "
อาหารญี่ปุ่นก็ทำเป็นแค่ไก่คาราเกะ เทมปุระและไข่หวานเพียงเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นอย่าถามถึงเลย อดีตมันไม่ค่อยจะน่าพิศมัยเสียเท่าไหร่หรอก
ใครบอกว่ายิ้มกลบเกลื่อน ใครบอก! ไม่มี๊!
" เหอะๆ ราคาก็มากใช้ย่อยเลย "
ขวดน้ำปลาในมือถูกพลิกกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบระหว่างมองราคาตัวเลขที่มากกว่าในไทยหลายเท่าตัว แม้ตัวเองจะเป็นลูกคุณหนูอะไรทำนองนั้นแต่ว่าฉันก็คุ้นชินกับการใช้เงินอย่างประหยัด
อาหารญี่ปุ่นไม่ได้เรื่องก็ต้องทำกินแต่อาหารไทยนั่นแหละ ยังไม่อยากขี้โรคไปมากกว่านี้เเล้วคนอะไรกินแต่อาหารพวกนั้นแล้วไม่เบื่อ
" จะว่าไปแล้ว เราก็ยังไม่เห็นโคนันซะที "
" แล้วตัวเองจะไปเห็นได้ไง ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เดินไปเฉียดใกล้เลย " ของที่ต้องการถูกหยิบลงตะกร้าไปเรื่อย พอๆกับสีหน้าของฉันเดี๋ยวขมวดคิ้วเดี๋ยวเบื่อโลกราวกับเป็นไบโพล่า
ตอนไปร้านปัวโรต์อาจจะได้เจอบวนการแก๊งนักสืบเยาวชนก็เป็นได้ แต่เป้าหมายจริงๆคือแซนวิชที่นายหัวบรอนซ์นั้นทำต่างหากล่ะ อยากรู้จริงๆว่ารสชาติมันจะเป็นแบบไหน
" อยู่ญี่ปุ่นทั้งทีแล้ว ลองทำแกงกะหรี่ดีกว่า " คิดได้ดังนั้นฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าฮู้ดเพื่อจะเสิร์ชหาวัตุดิบทำแกงกะหรี่ญี่ปุ่น แต่ก็พบว่า...
" แบตหมด!?! ไอ้บ้าเอ๊ยมาหมดอะไรตอนนี้ " พยายามเปิดเครื่องอีกหลายต่อหลายครั้งก็ยังคงไร้วี่แววและมีสภาพตามเดิม ฉันคงต้องถามหาคนแถวนี้ดูแล้วล่ะมั้ง
ยูกิเลือกที่จะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าฮู้ดแล้วถือตะกร้าเดินไปตามทางเชลล์ที่คาดว่าน่าจะขายก้อนแกงกะหรี่ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาฉันก็ไม่มีโอกาศได้ถามเพราะดูท่าแล้วพวกเธอคงจะรีบมากพอสมควร ดูได้จากความเร็วเวลาเดิน
นี่ฉันก็ติดสัณฐานเป็นเหมือนนักสืบในอนิเมะแล้วใช่มั้ยเนี่ย!!!
" อ่ะ บางทีถามเขาดูก็ได้ "
เจ้าของกลุ่มผมสีขาวที่ยาวประบ่าสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ร่างของชายหนุ่มคงหนึ่งที่มีเส้นผมสีชมพูออกไปทางหม่นกำลังย่อตัวพิจารณาก้อนแกงกะหรี่อย่างตั้งใจ
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลหยุดเดินมายืนซ้อนหลังชายหนุ่มที่กำลังมองกล่องก้อนแกงกะหรี่สองยี่ห้อห่างกันประมาณสามก้าว
ท่าทางเขาคงจะยังไม่รู้ตัวว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ
เธอยืนมองกล่องแกงกะหรี่ที่ชายคนนี้มองสลับกันมาสักพักจนอยากที่จะถามคำถามของเธอที่ตั้งใจไว้ แต่ถ้าเธอเอ่ยขัดเขาที่กำลังทำอะไรบางอย่างจริงจังขึ้นมาดูแล้วมันคงจะเป็นการเสียมารยาทเพราะฉะนั้นยูกิจึงเลือกที่จะยืนดูเงียบๆรอให้เขายันตัวขึ้นมาแทน
" ....... "
ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นๆคาแรคเตอร์ของชายคนนี้พิลึกชอบกล เส้นผมสีชมพูหม่นพร้อมเเว่นตาทรงสีเหลี่ยที่บังดวงตาหยีของเขา เสื้อสีดำคอเต่าที่ปิดต้นคอจนมิดแต่เธอแอบเหลือบเห็นอุปกรณ์บางอย่างที่นูนออกมา
" เอาอันนี้ก็แล้วกัน " เสียงทุ้มของชายตรงหน้ากล่าวขึ้นมาขณะยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับกล่องแกงกะหรี่ในกำมือ
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลตาลุกวาวขึ้นมาหลังจากที่ยืนรอมานาน เธอจะได้คำตอบที่ต้องการแล้วเพราะความดีใจเกินเหตุทำให้ยูกิเผลอยื่นมือไปแตะบ่าชายหนุ่มร่างสูง
ฉับพลันดวงตาสีเขียวก็กระตุกขึ้นมา ก่อนจะตวัดหันไปมองพร้อมกับฝ่ามือที่ตวัดหมายจะคว้าเรียวแขนของบุคคลปริศนา
" เอ่อ ขอโทษค่ะ " คงเพราะเขาจกใจล่ะมั้ง ฉันถึงเผลอก้าวถอยหลังไประยะหนึ่งอย่างรวดเร็วพร้อมฝ่ามือที่ยกออกมาจากบ่าของเขาอย่างรวดเร็ว
ชายตรงหน้ามองมาที่ฉันด้วยแววตาคล้ายกับตกใจ เหอะ คงจะเป็นเพราะสีผมอีกนั่นแหละเล่นเด่นขนาดนี้
" ครับ " เขารู้สึกแปลก
อากาอิ ชูอิจิในคราบโอกิยะ สึบารุมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาตกตะลึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำเอาเขาประหลาดใจ มือที่หมายจะคว้าแขนของร่างบางกลับคว้าได้แต่เพียงความว่างเปล่า
เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เขาจึงเลือกที่จะตั้งคำถามแทน
" คุณมานานแล้วใช่มั้ยครับ "
" เอ่อ ค่ะ " ยูกิตอบด้วยความรู้สึกกระอักกระอวนเพียงเล็กน้อย ยามนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีเขียวของเขา
ลูกตาเห็นชัดขนาดนี้ ทำไมถึงตาหยีได้กันนะ
" ........ " สิ่งที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด
เขาไม่รู้สึกเลยว่ามีหญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นเด็กมากกว่ายืนอยู่ด้านหลังนานแล้ว บางทีคงเป็นเพราะว่าเขามัวแต่สนใจยี่ห้อของก้อนแกงกะหรี่ที่ออกมาใหม่แน่ๆ
แต่พอลองมองอีกฝ่ายให้ชัดเจนกว่าโดยปัดความกังวลและสงสัยออกไป เธอกลับมีสีผมที่แปลกแต่เหมาะกับตัวเธอเอง ประกอบกับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลของเธอที่สบตากับเขาด้วยดวงตาเฉี่ยวคม
เขาก็กลับมองว่าอีกฝ่ายดูมีเสน่ห์จนรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมาบนใบหน้าถึงกลับต้องหันหลังแกล้งสนใจสินค้า
" ??? "
อะไรของเขาวะเนี่ย เล่นจ้องตากันไปพักใหญ่พอถามคำถามออกมา ฉันก็ให้คำตอบนายนะแต่ทำไมพอทีฉันกำลังจะอ้าปากเอ่ยถามกลับบ้างนายถึงหันไปสนใจก้อนแกงกะหรี่ต่อวะ!
คนมีเสน่ห์เซ็งและรู้สึกถึงเสียงใบหน้าที่แตกออกมาเป็นเสี่ยงๆค่ะ!!!
ความคิดเห็น