[Saint Seiya Fic] Moonlight Serenade (2015) Shion x Mu
ในเมื่อข้าคืออาจารย์ของเจ้า จึงถือเป็นผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเจ้ามาจนเติบใหญ่ อีกทั้งยังอบรมสั่งสอนให้เจ้ากลายเป็นโกลเซนต์ที่งามสง่าทั้งกายใจ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่อาจตอบสนองความรักของเจ้าได้"
ผู้เข้าชมรวม
5,167
ผู้เข้าชมเดือนนี้
33
ผู้เข้าชมรวม
saintseiya Aries Shion Mu Fanfic fic forbidenlove ศิษย์อาจารย์ รักต้องห้าม เซนต์เซย่า ชิออน มู แอเรียส ฟิคเซนต์
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สวัสดีค่ะ
อธิบายผลงานกันสักเล็กน้อย^0^
ฟิคเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกดราม่า (มั้ง) ระหว่างสองศิษย์อาจารย์ คือ ชิออน และ มู ซึ่งเป็นตัวละครจากเซนต์ เซย่า ภาคหลัก แต่ว่าในเรื่องนี้ เกิดอะไรบางอย่างขึ้นทำให้มูกลายเป็นผู้หญิง ดังนั้นฟิคเรื่องนี้ก็เลยไม่ Y อย่างที่ควรจะเป็น -*-
สีสันของฟิคเรื่องนี้อาจไม่เหมาะสมกับผู้อ่านเด็กๆ นัก ไม่ใช่ว่าติดเรทนะคะแต่ค่อนข้างหนักเอาการ เนื้อเรื่องมีการพูดถึงประเด็นของจารีต ศีลธรรม ภาระหน้าที่ ความจงรักภักดี ทรยศหักหลัง ความปรารถนา และความรัก
จำนวนตอนทั้งหมด : 37
บทนำ
Atlantis
Credit:https:// twitter.com /ti ttyhawk
นานมาแล้วเรื่องเล่า ตำนาน ปริศนา และความลึกลับของอาถรรพ์เก่าแก่โบราณเคยเปล่งประกายเรืองรองดุจทองคำ ล้ำค่ายิ่งกว่าอัญมณี กระทั่งเรื่องของภูตผีปีศาจ ความเร้นลับ เวทมนตร์คาถาที่หลายคนไม่เคยล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของมัน ผู้คนส่วนหนึ่งคิดว่ามันช่างไร้สาระหรือไม่ก็เป็นเพียงเรื่องหลอกเด็ก ในเมื่อพวกเขาต่างก็ติดอยู่ในโลกแห่งเทคโนโลยีที่แสนสะดวกสบาย ยึดติดกับความเจริญทางวัตถุอย่างหน้ามืดตามัวจนถึงกับบูชาให้มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต บางคนเฝ้าหลงวนเวียนอยู่กับแสงนีออนหลากสีที่แปรเปลี่ยนความมืดมิดยามราตรีให้กระจ่างยิ่งกว่าทิวา จนลืมเลือนคุณค่าและความสำคัญของแสงจันทร์ที่เคยส่องสว่าง ณ ท้องฟ้าเบื้องบนมาแสนนาน
ในตอนนี้จะมีสักกี่คน ที่จะยังคงแหงนมองดวงจันทร์พร้อมกับคิดคำนึงถึงเรื่องราวแต่หนหลัง หรือเพราะกาลเวลานับหมื่นปีซึ่งล่วงผ่านทำให้พวกเขาลืมเลือนไปหมด ว่าครั้งหนึ่งมนุษย์เคยดำรงชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของแสงจันทร์นวลอันอบอุ่นอ่อนโยน ไม่น้อยไปกว่าแสงอาทิตย์อันแผดร้อนแรงกล้า ลืมเลือนหมดสิ้น ถึงอาถรรพ์โบราณและเรื่องราวน่าขนพองสยองเกล้าที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แสงจันทร์งามผุดผ่องนั้น แต่มาเถิด พวกท่านทั้งหลาย เหล่านักเดินทางยุคใหม่ มาย้อนสู่ห้วงเวลาซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยปริศนาอันเร้นลับ หวนกลับไปสู่ตำนานโบราณซึ่งถูกลืมเลือนไปจนหมดสิ้นแล้ว จงฟังข้าเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของดินแดนอันเก่าแก่โบราณแห่งหนึ่ง แผ่นดินซึ่งเปรียบเสมือนสรวงสวรรค์อันอุดมสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของมนุษยชาติที่ชื่อว่าแอตแลนติส
สามร้อยห้าสิบห้าปีก่อนคริสตกาล ปรัชญาเมธีผู้เรืองนามที่สุดแห่งยุคนามว่าเพลโต ได้เคยบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับทวีปที่แปดของโลกซึ่งล่มสลายไปนานแล้ว เพลโตเล่าว่าทวีปที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนนั้นอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก เขาจึงเรียกทวีปนั้นว่าแอตแลนติส ไม่มีใครทราบว่าแผ่นดินแอตแลนติสถือกำเนิดขึ้นเมื่อใด รู้เพียงว่ามันคือเกาะแห่งหนึ่งที่มีมหาสมุทรล้อมรอบเมื่อราวเก้าพันปีมาแล้ว เป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมเป็นอันมาก ขยายอาณาเขตครอบคลุมไปทั่วบริเวณทั้งหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่อยู่ข้างเคียง บางส่วนของทวีปอยู่เลยออกไปจนจรดอียิปต์ เลยพ้นทะเลเอเจียน และยังยาวไกลไปจนถึงบางส่วนของทวีปยุโรปในปัจจุบัน
แอตแลนติสเป็นดินแดนที่สงบสุข เป็นที่ซึ่งหล่อเลี้ยงชนชาติผู้เรืองอำนาจและมากด้วยสติปัญญายิ่งกว่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ทั้งก่อนหน้านั้นและนับจากนั้นเป็นต้นไป ทว่าภายใต้ความสมบูรณ์แบบนั้นก็ยังมีหลุมดำมืดมิดที่น่าสะพรึงกลัวแอบซ่อนอยู่เช่นกัน มันคืออาถรรพ์เก่าแก่ซึ่งความเป็นมานั้นยังคงเป็นปริศนา ดูราวกับจะเป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความวิบัติจากเงื้อมหัตถ์เทพเจ้าให้แก่ผืนแผ่นดินแอตแลนติสและผู้คนเหล่านั้น ทำให้พวกเขาต้องรบราฆ่าฟันกันเอง เพราะในทุกๆ ร้อยปีหรืออาจบ่อยกว่านั้น จะมีสมาชิกของครอบครัวที่มีอายุครบสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ภายใต้คืนจันทร์เต็มดวงต้องพบกับคำสาป
ราวกับปวงเทพกำลังจับตาดูการเสี่ยงโชคอยู่ ว่ายามเมื่อผู้คนเหล่านั้นบรรลุสู่ความเป็นผู้ใหญ่ด้วยวัยสิบเจ็ดปีจะได้พบกับเมล็ดพันธุ์อาถรรพ์ที่พระองค์หว่านไว้หรือไม่ และเมื่อคำสาปได้บังเกิดผลขึ้นพวกเขาก็จะต้องพบความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ บางคนสามารถคงรูปกายที่เป็นมนุษย์เอาไว้ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีโชค คำสาปนั้นจะเปลี่ยนมนุษย์ปกติให้กลายเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่า ทุกเศษเสี้ยวในกายและวิญญาณจะถูกครอบงำด้วยความวิบัติ พวกเขาจะเปลี่ยนร่างเป็นอสูรกายน่าเกลียดน่ากลัวเกินกว่าจะคาดคิด ทรงพลังเกินกว่าจะคาดเดา พวกเขาจะกระหายเลือด และพร้อมที่จะฉีกกระชากอะไรก็ตามที่ขวางหน้า ส่งผลให้บิดาจำต้องฆ่าบุตร พี่ฆ่าน้อง โลหิตไหลนองไปทั่วทุกหัวระแหง บ่อยครั้งเหลือเกินที่ในคืนพระจันทร์เต็มดวงเรามักจะได้ยินเสียงคำรามก้องของอสูรผู้น่าเวทนา เสียงรบราฆ่าฟันกันเองของบุคคลให้ครอบครัว และเสียงร่ำไห้แสนเจ็บปวดของสมาชิกที่ยังเหลืออยู่
เรื่องราวแสนเศร้ายังคงดำเนินต่อไปปีแล้วปีเล่า ศตวรรษแล้วศตวรรษเล่า จวบจนวันแห่งความวิบัติที่แท้จริงได้มาถึง เมื่อทั้งทวีปถึงกาลต้องจมลงสู่ห้วงมหาสมุทร
ผลงานอื่นๆ ของ Moondrop ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Moondrop
ความคิดเห็น