ท่ามกลางแสงอาทิตย์สีแดงและส้มส่องสะท้อนเคลือบท้องนภา เป็นเวลาที่ห้วงราตรีกำลังเคลือนคล้อยเข้ามาแทนที่แผ่นฟ้าสีคราม "โยชิวาระ" สถานเริงรมณย์ที่ไม่เคยหลับใหลกลับดูครึกครื้นเสียยิ่งกว่าในยามรุ่งสาง ยิ่งความมืดมิดปกคลุมมากเท่าไรสถานที่แห่งนี้กลับยิ่งคึกคักและมีชีวิตชีวามากขึ้นเท่านั้น
"ตึก....ตึก.."
เสียงของรองเท้าเกี๊ยะดังกึกก้องไปตามทางเดินคลอด้วยเสียงร้องเรียกลูกค้าจากหญิงสาวในวัยแรกแย้มผ่านซี่กรงที่พันธนาการพวกเธอเอาไว้ ถึงแม้จะถูกตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดงห้อยระย้าและดอกไม้มากมายเพียงใดมันก็เป็นเพียงกรงทองที่ขับให้นกน้อยเหล่านั้นดูงดงามเพื่อที่เจ้านายจะได้เข้ามาเลือกนกน้อยเหล่านั้นมาปรนนิบัติตน
เจ้าของเสียงรองเท้านั่นก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆไม่สนใจเสียงเรียกร้องของหญิงสาวในกรงทอง สองขานั่นเดินผ่านไป ไม่สนสิ่งอื่นสิ่งใดนอกจากสถานที่ตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูเลื่อนสีแดงบานนั้นและเข้าไปข้างใน
"ยินดีต้อนรับ.....เชิญนายท่านเลือกสีที่นายท่านโปรดปราณ แดง หรือ ขาว"
ดังบุปผางดงามในห้วงราตรีที่ดูเลิศล้ำกว่าใคร
ชูช่อละมุนละไม เช่นดังล่อผู้คน
กิโมโนที่ดูงดงาม พลิ้วประสานเมื่อยามต้องลม
แลดูเบ่งบาน ความงามติดตรึงใจ
สิบปีที่แล้ว
"ท่านพี่ดูดอกไม้พวกนี่สิ"
เด็กน้อยกล่าวขึ้นพลางชี้ไปยังพุ่มดอกไม้สีแดงสดที่ดูแปลกตา นัยน์ตาสีฟ้าใสดุจทะเลจดจ้องไปยังดอกไม้เหล่านั้นอย่างสนใจ เด็กน้อยที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้นั้นพร้อมกับหัวเราะให้กับท่าทางแปลกใจของน้องชายฝาแฝด
"นี่ก็คือฮิกันบานะยังไงล่ะน้องข้า"
"เอ๊ะ? นี่น่ะเหรอคือดอกฮิกันบานะที่ท่านแม่พูดถึง"
แฝดผู้น้องจดจ้องดอกไม้สีแดงอย่างไม่วางตาก่อนดอกไม้ในมือของผู้เป็นพี่จะถูกมอบให้กับผู้น้อง
"ข้าให้เจ้านะพรอมโต้"
"ขอบคุณมากนะท่านพี่!"
น้ำเสียงจ้อยแจ้วดังขึ้นอย่างร่าเริงพลางยกเจ้าดอกไม้สีแดงสดขึ้นมาเชยชมวามสวยงามของมัน
"แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มเจ้า ข้าเองก็มีความสุขแล้ว..."
จากวันวานที่แสนสุขสันต์กลับต้องหม่นหมองและแปดเปื้อนไปด้วยความระทมและเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของสองพี่น้องอย่างพวกเขาไปตลอดชีวิต
"เวอร์ซัส พรอมโต้ หนีไปลูก!!!"
เสียงของหญิงสาวผู้เป็นแม่ตะโกนกรีดร้องบอกให้ลูกๆของตนหนีไปจากที่แห่งนี้เพื่อให้ลูกๆของเธอนั้นปลอดภัยจากเงื้อมือของเหล่าชายฉกรรจ์และหญิงวัยกลางคนร่างท้วมที่ดูน่ากลัว
แต่ด้วยความเป็นเด็กนั้นฝาแฝดทั้งสองเลยคิดว่าแม่ของพวกเขาถูกรังแก เวอร์ซัสวิ่งไปกั้นร่างของแม่เพื่อไม่ให้คนพวกนั้นเอาแม่ของพวกเขาไปได้
"อย่าเอาแม่ของพวกเราไปนะ!!"
เหล่าชายฉกรรจ์ต่างหัวเราะให้กับความกล้าที่ไม่รู้ประสีประสาของเด็กน้อยผมทองก่อนจะจับล็อคและดึงทึ้งเส้นผมของเขาเพื่อให้หญิงวัยกลางคนคนนั้นได้เห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน
"เอามันไป....แล้วก็น้องมันด้วย"
เวอร์ซัสและพรอมโต้น้องชายของเขาต่างพากันต่อสู้ขัดขืนจาการจับตัว แต่แรงของเด็กในวัยเพียงแปดปีจะไปสู้แรงของผู้ใหญ่สีห้าคนได้อย่างไร แม้จะดิ้นรนแค่ไหน ขัดขืนเท่าไรพวกเขาก็ไม่สามารถต่อสู้ได้จึงได้แต่มองดูแม่ของเขาถูกทำข่มขืนด้วยชายเลวทรามพวกนั้น ภาพใบหน้าที่ทรมานและเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของผู้เป็นแม่ก็ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของพวกเขาก่อนพวกเขาทั้งสองจะสงบไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายที่ได้ยินจากผู้เป็นแม่
"ยินดีต้อนรับเข้าสู่กรงขังนะพ่อนกน้อยทั้งสอง"
สองพี่น้องมองไปรอบๆ โคมไฟสีแดงห้อยระย้า ดอกไม้สีสันสวยงาม กลิ่นหอมของกำยานและซี่กรงสีแดงสด สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและต่อจากนี้ไปที่แห่งนี้คือที่อยู่ของพวกเขา หาใช่บ้านพักที่สุขสบายแต่กลับเป็นกรงขังที่ยากที่จะหลีกหนี....
ในค่ำคืน เกล็ดหนาวเยือกเย็นหล่นร่วงโปรยปราย
เด็กสองคน แอบอิงพิงกายให้ได้ไออุ่น
จ้องสายตา
ปลอบโยนความทุกข์ให้กันและกัน รอยยิ้มนั้น
แม้จะดูเศร้าไปข้างในก็ตาม
ความสดใส
แลดูเจือปนกับทุกข์ระทม บาดแผลใจ
สะท้อนออกมาในห้วงแววตา
แม้เท่าไหร่
ชีวิตก็คงมีวันต่อไป อย่าเพิ่งท้อ
"พวกเราจะสู้ไปด้วยกัน"
ร่างในชุดกิโมโนสีแดงสดและสีขาวปักลวดลายดอกไม้และผีเสื้อสีทองงดงามวิจิตรตระการตา นัยน์ตาสีฟ้าใสทอดมองออกไปผ่านซี่กรงที่กักขังอิสระภาพของเขาอย่างเศร้าใจ
"เศร้าใจอะไรรึน้องข้า?"
ประโยคคำถามแสดงความห่วงใยออกมาจากริมฝีปากที่ถูกแต่งเติมด้วยสีแดงของเครื่องสำอาง มือเรียวไล่พวงแก้มที่ถูกปัดด้วยแป้งฝุ่นของคนน้องด้วยความอ่อนโยน ดวงตาของผู้เป็นน้องหลุบต่ำลงราวกับคิดถึงเหตุการณ์ในวัยเยาว์ที่แสนโหดร้ายส่งผลให้นัยน์ตาสีฟ้าใสคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
"เมื่อไรพวกเราถึงจะเป็นอิสระจากกรงขังนี่เสียที.....ข้าอยากจะออกไปจากที่แห่งนี้"
"โยชิวาระ" หรือ หอนางโลม อาจเป็นสถานเริงรมณ์ที่เหมือนกับสรวงสวรรค์ของเหล่าเจ้าขุนมูลนาย คนมีฐานะ หรือแม้กระทั้งคนในเชื้อสายราชวงศ์ แต่กลับกันสำหรับผู้หญิงพวกนี้และพวกเขามันกลับเป็นนรกบนดิน เจ็บปวดทรมาณและไม่สามารถออกจากที่แห่งนี้ได้ แต่ละวันพวกเขาต้องทนกับการเป็นที่รองรับคราบไคลคาวตัณหาของลูกค้าที่พวกเขาเรียกว่า "นายท่าน" หากบอกว่าไม่มีทางหนีก็คงไม่ถูกเสียทีเดียวแต่การที่จะออกจากที่นี่ได้นั้นจะต้องมีคนมาไถชีวิตของพวกเขา ฟังดูอาจมีหวังแต่ก็เป็นเพียงความหวังลมๆแล้งๆเพราะยิ่งนางโลมคนไหนเป็นที่นิยมของลูกค้า ค่าตัวของการไถชีวิตของพวกเขายอมแพงหูฉี่เช่นกันต่อให้รวยล้นฟ้าขนาดไหนก็ไม่ยอมแลกเอาสมบัติที่มีมาไถชีวิตของพวกเขา
"สักวันหนึ่งเราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกันพรอมโต้...สักวันหนึ่งจะมีคนมาช่วยพวกเราออกจากนรกนี่"
คำพูดปลอบใจและอ้อมกอดที่โอบกอดตัวเขายามเศร้าใจก่อนการเริ่มงานของพี่ชายตรงหน้ามันทำให้พรอมโต้รู้สึกมีแรง มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อในที่โสมมแห่งนี้
"เอาล่ะ...เลิกร้องไห้ซะนะเราจะต้องทำงานต่อ"
"อืม เข้าใจแล้วล่ะเวอร์ซัส"
คืนนี้ก็เป็นเหมือนเช่นทุกวัน พวกเขาต้องปั้นหน้ายิ้มทั้งที่ในใจอยากจะกรีดร้องให้ตายๆไปซะ รอยยิ้มที่บรรจงสร้างขึ้นและมอบให้กับเหล่าลูกค้าที่มาเลือกซื้อพวกเขาเพื่อใช้บริการ วันนี้เป็นคิวของเวอร์ซัสที่ถูกเลือก
"ยินดีต้อนรับนายท่าน..."
ลูกค้าในวันนี้ของเวอร์ซัสเป็นขุนนางจากในวัง เพียงแค่เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามของเขาก็คงไม่มีใครในที่นี่ไม่รู้จัก "กลาดิโอลัส" ขุนนางผู้สูงส่งเป็นถึงแม่ทัพของลูซิส ชายหนุ่มผู้ที่สาวๆหลายคนที่พร้อมยอมถวายร่างกายเพื่อท่านแม่ทัพผู้นี้ แต่ในคืนนี้เขาจะได้รับการเป็นคนของท่านแม่ทัพผู้โด่งดัง ได้รับอ้อมกอดที่หญิงสาวหลายคนเฝ้าใฝ่ฝันถึง
"นายท่านต้องการให้ข้าปรนบัติเยี่ยงไร?"
"หน้าที่ของเจ้าคือทำให้ข้ามีความสุข เพราะฉะงั้นก็ทำให้ข้ามีวามสุขซะ"
ร่างของเวอร์ซัสถูกผลักลงบนเสื่อทาทามิ สายโอบิถูกกระตุกดึงออกมาเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่า ผิวสีขาวเนียนละเอียดดุจหญิงสาวแต่กลับดูงดงามยิ่งกว่า มันช่างคุ้มค่ากับเงินหลายแสนที่เสียไปเพื่อแลกกับคนตรงหน้าเสียจริง
ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้เขาก็ต้องปฏิบัติตามคำขอของนายท่านของเขาในวันนี้ เวอร์ซัสเอื้อมมือคล้องคอของชายตรงหน้าเอาไว้แล้วเลือกที่จะปรนนิบัตืให้กับท่านแม่ทัพหนุ่มคนนี้
"ช่วยอ่อนโยนกับข้าด้วยนะครับท่านกลาดิโอลัส..อ่า...."
หลังจากพายุแห่งอารมณ์สิ้นสุดลง เวอร์ซัสก็ผล็อยหลับยาวไปจนสะดุ้งตื่นมาอีกทีเขาก็นอนหนุนตักของน้องชายของเขาเสียแล้ว เขาพยายามกวาดสายตามองไปทั่วห้องปรากฏว่านายท่านของเขาได้กลับไปเสียแล้วมีเพียงแต่เงินที่ถูกวางไว้ในชามเท่านั้น ร่างที่เปลือยเปล่าของเขาบัดนี้ถูกสวมทับด้วยกิโมโนสีแดงสดโดยน้องชายฝาแฝดที่ดูแดเขาอยู่นี่เอง
"ตื่นแล้วรึท่านพี่?"
เวอร์ซัสไม่ตอบคำถามของพรอมโ๖้แต่กลับพยายามลุกขึ้นยืนแล้วตรงดิ่งไปที่กระโถนก่อนจะสำรอกน้ำสีขาวขุ่่นออกมา เสียงไอโขลกบวกกับอาการสำลักนั่นทำให้พรอมโต้วิ่งมาดูพี่ชายของตนด้วยความเป็นห่วง มือบางลูบแผ่นหลังของเวอร์ซัสเพื่อช่วยให้อีกคนสำรอกน้ำกามสกปรกพวกนั้นออกมา
"ดีขึ้นมั้ยเวอร์ซัส.."
"แค่กๆ....ดีขึ้นแล้ว ขอ...น้ำหน่อย ข้าแสบคอเหลือเกิน"
พรอมโต้ก็วิ่งไปเอาน้ำมาให้พี่ชายดื่ม เขาประคองมือที่สั่นเทาของเวอร์ซัสให้ยกจอกดื่มน้ำเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนจะใช้ชายแขนเสื้อกิโมโนของตนเช็ดน้ำลายที่เลอะมุมปากของพี่ชายของตนอย่างไม่นึกรังเกียจ
"เกือบตายแล้วมั้ยล่ะตัวข้า ฮ่าๆ..."
เพราะด้วยตนไม่อยากเห็นใบหน้าของผู้น้องต้องวิตกกังวลกับตัวเขา เวอร์ซัสเลยเลือกที่จะยกยิ้มกว้างพร้อมกับมุกตลกเพื่อให้น้องของเขาได้คลายกังวลเหมือนเช่นทุกครั้งแต่มันก็ไม่เคยทำให้คนตรงหน้าเลิกกังวลได้เลย มีแต่เข้ามสวมกอดเขาแน่นและซุกหน้าลงกับไหล่ของเขา
"ถ้าพี่ตาย.....แล้วข้าจะอยู่อย่างไร"
มุกตลกของเขามักจะจบลงด้วยน้ำตาและอ้อมกอดแน่นๆของพรอมโต้เสมอบ่งบอกได้ว่าพวกเขาไม่เคยแยกจากกันเลยสักครั้ง และหากพวกเขาจะต้องแยกจากกันจริงๆพวกเขาคงทำไมได้
"สัญญากับข้าสิว่าเราจะอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์ เราจะอยู่ด้วยกันเสมอ"
"ข้าสัญญา...เราจะไม่มีวันแยกจากกัน"
มันช่างเลอะเลือน นะคำพูดเอย
ที่ว่าเคยสัญญาไว้นั้น ยังจำได้ไหม
เวลาที่ผ่านเลยพ้นไป ตัวเราได้เติบโตฉัน
จะยังจดจำ เชื่อคำสาบานนั้นได้หรือ...
กาลเวลาเลื่อนเลยผ่านไปพวกเขาสองพี่น้องก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในนรกบนดินแห่งนี้เฉกเช่นเดิม แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของพวกเขาก็ต้องกลับตาลปัตรเมื่อมีคนๆหนึ่งในพวกเขากำลังผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้
ยามเช้าของวันหนึ่งเขาและน้องชายของเขาออกมาเดินเล่นแถวสะพานในย่านโยชิวาระ ถึงแม้จะออกจากซี่กรงสีแดงสดนั่นได้แต่ก็ไม่สามารถออกจากโยชิวาระไปได้ พวกเขาออกมาเดินดูของใช้ส่วนตัวที่พวกนางโลมอย่างพวกเขาต้องใช้ ระหว่างทางที่จะกลับพรอมโต้เห็นดอกไม้สีแดงสดที่แสนคุ้นเคยในอดีตของเขา เขาจึงจูงมือเวอร์ซัสกึ่งลากกึ่งจูงจนมาถึงดงของดอกไม้สีแดงสด
"ฮิกันบานะ ฮิกันบานะเต็มไปหมดเลยท่านพี่"
แปลกจริงที่ดอกฮิกันบานะถึงมาเบ่งบานอยู่ในที่แห่งนี้ตลอดเวลาสิบเอ็ดปีที่พวกเขาอยู่ในนรกนี่ เขาไม่เลยเห็นพวกมันเลย นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาจะได้เจอะเจอกับดอกไม้นี่ แต่ก็ดีเหมือนกันที่ดอกไม้นี่เบ่งบาน ณ ที่แห่งนี้ เพราะเขาได้เห็นรอยยิ้มของน้องชายของเขาเสียทีหลังจากที่ไม่เคยได้เห็นเลยตั้งแต่อยู๋ในโยชิวาระ
พวกเขาวิ่งเล่นกันอยู่ที่สวนนั่นนานจนล่วงเลยมาถึงเวลาพลบค่ำ มันถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานในค่ำคืนนี้ ระหว่างที่ข้ามสะพานเพื่อจะกลับไปยังห้องพักของพวกเขา พรอมโต้ก็ไปชนเข้ากับชายคนหนึ่ง ดอกฮิกันบานะในตะกร้าร่วงหล่นตกลงที่พื้นสะพาน
"ข้าขอโทษนะที่ชนเจ้า...."
ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวขอโทษพร้อมกับก้มลงเก็บดอกฮิกันบานะสีแดงสดส่งคืนให้กับเจ้าของ ทันทีที่สายตาทั้งสองสบกันราวกับว่าพรอมโต้ถูกดึงดูดไปกับดวงตาสีฟ้าครามนั่น
ม
"เหมือนว่านี่จะเป็นของเจ้านะ"
ดอกไม้สีแดงสดถูกส่งมาให้พรอมโต้ มือบางเอื้อมไปรับดอกไม้จากมือของชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อก่อนจะกล่าวขอบคุณชายตรงหน้า
"ขอบคุณ..."
ทันทีที่เวอร์ซัสได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นมา คนตรงหน้าคนนี้คือคนเดียวกับเมื่อตอนครั้งนั้นคนที่เคยพร่ำบอกรักเขาและบอกกับเขาว่าจะพาเขาออกจากโยชิวาระ แต่ดูเหมือนว่าสายตาที่ครั้งหนึ่งเคยมอบมันให้กับเขานั้นบัดนี้มันกลับถูกมอบให้กับฝาแฝดผู้น้องของเขาแทนเสียแล้ว
"ข้าไปก่อนนะ หวังว่าสักวันเราจะได้เจอกัน"
ชายหนุ่มดำในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มปักด้วยลวดลายไผ่สีทองเดินจากไปพร้อมกับหัวใจที่พังทลายของเขา เมื่อเขาหันกลับไปมองพรอมโต้ เวอร์ซัสก็ได้รู้ว่าน้องชายของตนได้มีใจให้กับชายผู้เป็นรักครั้งแรกของเขาไปเสียแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นพี่ชายแสนดีเขาจึงต้องแสร้งปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงไว้และปั้นยิ้มขี้เล่นเหมือนเช่นปกติ เวอร์ซัสแกล้งเอ่ยแซวน้องชายของตนที่บัดนี้ใบหน้าแดงระเรื่อถึงไม่ต้องถามเขาก็พอจะเดาได้อยู่ว่ามันเป็นเพราะเหตุใด
"วันนี้เจ้าแลดูมีความสุขจังนะพรอมโต้.."
ในคำเอ่ยแซวที่ฟังเหมือนเช่นปกติยามที่เคยหยอกล้อแต่ครั้งนี้มันกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกริษยาอยู่ภายในรอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าที่แต่งเติมด้วยเครื่องสำอางดูสวยงาม
"....ข้าน่ะหรอ?"
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตนได้เผยยิ้มออกมาจึงได้หันกลับมาถามเขาด้วยใบหน้าที่งงงวย
"ข้าแอบเห็นนะว่าเจ้าน่ะอมยิ้มแล้วก็หน้าแดงอยู่ กำลังคิดถึงคนที่เก็บดอกไม้ให้เจ้าตรงสะพายรึเปล่ากันนะ"
พอโดนแซวใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางกันพลันแดงขึ้น เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาเดาถูก
"บอกข้ามาเถิดว่าเจ้าตกหลุมรักเขาแล้วพรอมโต้"
"ข้า...ข้ายังไม่แน่ใจ แต่ถ้าข้ากับเขาได้เจอกันอีกครั้งข้าอาจจะมั่นใจมากกว่านี้"
เพราะการพบเจอระหว่างพรอมโต้และชายผู้นั้นมันเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาไม่ถึงสิบนาทีไม่อาจจะสานเป็นความรักได้ เช่นเดียวกับคำคืนที่พวกเขาต้องมอบกายพร้อมกับมอบคำบอกรักแสนโป้ปดให้แก่นายท่านที่ซื้อตัวพวกเขา พรอมโต้เลยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเขามันคือการ "ตกหลุมรัก" หรือไม่
ที่ในเมือง เมื่อคราออกไปเดินเล่นยามเย็น
ได้พบเจอ กับดวงความรักที่ช่างลำเค็ญ
ทำได้เพียง
เฝ้าภาวนาให้เขามองเห็น เป็นเช่นนั้น
ฉันคงไม่ได้วาดฝันใช่ไหม
คืนนี้ตัวของพรอมโต้ถูกจองโดยเศรษฐีผู้มีฐานะร่ำรวยคนหนึ่่ง ทันทีที่ประตูบานเลื่อนถูกเปิดขึ้นใบหน้าที่แสนคุ้นเคยก็ทำให้ขวดเหล้าสาเกหลุดจากมือ เมื่อลูกค้าที่ซื้อเขามาในวันนี้คือคนๆเดียวกันกับที่เขาดินชนที่สะพานและเป็นคนๆเดียวกันที่เก็บดอกไม้สีแดงที่ตกของเขาส่งคืนให้ตัวเขา
"เจ้า?"
"ท่านเมื่อตอนพลบค่ำนี่?"
เมื่อว่าต่างฝ่ายต่างก็ตกใจกับการพบเจอกันอีกครั้ง พรอมโต้คิดไม่ถึงเลยว่าเขาและชายตรงหน้าจะมาพบกันอีกครั้งในสภาพเยี่ยงนี้
"เจ้าเป็นนายโลมของที่นี่อย่างงั้นรึ...?"
เหมือนกับถูกเข็มนับสิบเล่มทิ่มแทงไปที่หัวใจเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินคนเรียกเขาว่านายโลม เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะเป็นสิ่งๆนี้แต่มันเป็นชะตากรรมที่ตัวเขาหนีไม่ได้ พรอมโต้นั่งหันหลังให้ชายหนุ่มผู้นั้นแล้วยกมือขึ้นมาโอบกอดร่างกายที่สั่นเทาของตนเอง เหมือนว่าปฏิกิริยาของพรอมโต้จะทำให้ชายหนุ่มฉุดคิดได้ว่าไม่เคยมีใครสมัครใจที่จะทำงานพวกนี้หากแต่ถูกบังคับมา เขาคิดว่าคำพูดของเขามันคงทำร้ายจิตใจของร่างบางตรงหน้าเลยกล่าวขอโทษจากหัวใจ
"ข้าขอโทษที่เรียกเจ้าเช่นนั้น...."
"....ไม่เป็นไร...ข้าชินแล้วที่ถูกเรียกเช่นนั้น"
"งั้น ข้าควรเรียกเจ้าว่าเช่นไร?"
".....พรอมโต้ เรียกข้าว่าพรอมโต้........"
กฎของโยชิวาระบอกว่าห้ามนางโลมและนายโลมบอกชื่อกับลูกค้าเพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด แต่ตอนนี้เขากลับไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลย เขาหวังอยากให้อีกคนรู็จักเขาในฐานะคนๆหนึ่งไม่ใช่ในฐานะนายโลมที่มาปรนนิบัติตน
"เป็นชื่อที่ดีมากเลย..."
"ท่านรู้จักชื่อของข้าแล้ว จะเป็นอะไรไหมที่ข้าอยากจะรู้จักชื่อของท่านบ้าง"
เขาเองก็อยากจะรู้จักชายตรงหน้าเช่นกันเลยถามกลับไปด้วยรอยยิ้มบาง ชายคนนั้นเมื่อถูกถามชื่อก็ทำหน้ากระอักกระอ่วนใจจนพรอมโต้เดาได้เลยว่าอีกคนไม่ต้องการจะบอกชื่อของตนกับตัวเขา
"ถ้ามันเป็นการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของท่านตัวข้าก็ไม่อยากที่จะต้องการที่จะรู้จักชื่อของท่าน--..."
"น็อคโตะ"
จู่ๆชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาขัดเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
"น็อคโตะเหรอ....."
พรอมโต้ทวนชื่อของคนตรงหน้าอีกครั้ง นิ้วก้อยของพรอมโต้ถูกยกขึ้นมาตรงหน้าของชายที่ชื่อว่าน็อคโตะ
"สัญญานะว่าจะไม่พูดชื่อของข้ากับคนอื่นๆ"
"...ข้า......สัญญา"
และแล้วคำสัญญาที่เป็นจุดเริ่มมต้นของความสัมพันธ์อันบริสุทธิ์จึงเริ่มต้นขึ้น ค่ำคืนของเขากับน็อคโตะไม่เหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆที่ซื้อตัวเขามาปรนเปรอความต้องการทางกามอารมณ์ กับน็อคโตะนั้นกลับต่างออกไป เขากับอีกคนไม่ได้มีอะไรกันเพียงแต่นั่งคุยและดื่มสาเกนั่งชมจันทร์ด้วยกันก่อนจะจบลงด้วยการจูบลาของอีกฝ่ายพร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าตนจะกลับมาหาอีกฝ่ายอีกครั้ง
หลายวันผ่านไปพรอมโต้ก็ห่างกับเวอร์ซัสมากขึ้น ตอนเช้าอีกคนจะรีบอาบน้ำอาบท่าสวมกิโมโนสีขาวมัดด้วยโอบิสีเหลืองและปล่อยผมยาวพร้อมกับถือร่มสีแดงออกจากที่พักไปยืนรอชายผมดำที่สะพานจากนั้นก็เดินเที่ยวเล่นด้วยกัน พอตกเย็นพรอมโต้ก็จะโดนซื้อตัวไว้ตลอดจนเวอร์ซัสรู้สึกแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างชายผู้นั้นกับน้องชายของเขา
และเป็นอีกคืนที่พรอมโต้ถูกซื้อตัวโดยลูกค้าคนเดิมนั่นก็คือน็อคโตะนั่นเอง...
"ปิ่นปักผมหรอ...."
นัยน์ตาสีฟ้าใสจดจ้องมองปิ่นปักผมดอกซากุระที่ชายตรงหน้ามอบให้อย่างแปลกใจว่าเหตุใดน็อคโตะต้องมอบมันให้กับเขาด้วย
"ต่อจากนี้ไปเจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับชายคนอื่นอีก เจ้าจะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว"
ประโยคนั่นทำเอาใจของพรอมโต้กระตุกวูบ เขาหันไปมองใบหน้าของชายตรงหน้าราวกับจะถามว่านี่คือความจริงใช่มั้ย น็อคโตะจะช่วยเขาออกจากที่นี่จริงๆใช่มั้ย
"ท่านจะช่วยข้าออกไปจากที่นี่อย่างงั้นเหรอ?"
เพียงแค่ชายหนุ่มพยักหน้าตอบพรอมโต้ก็พุ่งเข้าไปกอดด้วยความดีใจทันที ในที่สุดอิสระที่เขาเฝ้าฝันก็จะเป็นจริงสักที เขาจะต้องไปบอกเรื่องนี้กับเวอร์ซัสแล้ว พวกเราจะได้ออกไปจากที่นี่ด้วยกัน
ความรักที่แสนอ่อนหวานคืนนี้กลับดูร้อนแรงแต่ก็แฝงด้วยความอ่อนโยนด้วยเช่นกัน เสียงครางอืออึงสอดประสานดังออกมาบ่งบอกให้รู้ว่าทั้งสองในตอนนี้มีความสุขเพียงไหน แต่สำหรับเขา เวอร์ซัสคนนี้ที่อยู่หลังบานประตูกลับร้องไห้ด้วยความเสียใจ เขาอยากจะเปิดประตูเข้าไปและจับทั้งสองแยกออกจากกัน อยากจะใช้ปิ่นปักผมที่ชายผู้นั้นเคยมอบมันให้กับเขาแทงไปที่ลำคอของน้องชายของตน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดอยากจะฆ่าน้องชายที่รักของเขาเอง
มองรอยยิ้มอ่อนโยนกับแววตาแสนอบอุ่น
ช่างละมุนตราตรึงติดลงตรงห้วงความจำ
ที่เขาทำแสดงออกมาตรงหน้าน้องฉัน
ความรักนั้น ก็ถึงคราต้องพังทลาย
ยามเช้ามาถึงพรอมโต้ตื่นขึ้นมาด้วยสัมผัสบางเบาที่หน้าผาก ความอบอุ่นเล็กๆนั่นทำให้เขารู้สึกสบายใจ เจ้าของเขาอบอุ่นนั่นลูบเส้นผมสีทองของเขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะมอบจุมพิตแสนหวานไว้บนพวงแก้มหวานพร้อมกับข้อความสั้นๆบนเศษกระดาษแล้วเขาก็เดินจากไป
หลังจากที่ชายผู้นั้นออกไป เวอร์ซัสจึงถือโอกาสเข้าไปหาน้องชายของตนในห้อง ทันทีที่เข้ามาในห้องเขาเห็นเศษกระดาษและข้อความที่ชายคนนั้นทิ้งไว้ว่า "พรุ่งนี้ข้าจะมารับเจ้า" ด้วยความโมโหเขาเลยขย้ำกระดาษในมือจนยับยู่ยี่ก่อนจะโยนเข้าไปในกองไฟข้างๆ
"ถ้าข้าไม่ได้ เจ้าก็ไม่ได้เช่นกันพรอมโต้...."
ปลายปิ่นปักผมสีเงินถูกจ่อไปที่ลำคอขาวของฝาแฝดผู้น้องก่อนจะถูกง้างยกขึ้นสูงเตรียมจะทิ่มแทงลำขอขาวนั่นเพื่อปลิดชีวิต เวอร์ซัสจ้องมองใบหน้าน้องชายฝาแฝดที่เหมือนกับตนก่อนจะใช้ปลายแหลมคมของปิ่นปักผมปักไปยังลำคอของพรอมโต้
"ท่านพี่--อั่ก!!"
ความเจ็บปวดนั่นส่งผลให้พรอมโต้สะดุ้งตื่นขึ้นมาก็พบกับพี่ชายของตนที่นั่งคร่อมร่างของเขาอยู่และปิ่นปักผมสีเงินที่เปื้อนเลือด ด้วยความตกใจที่เห็นน้องของตนตื่นเวอร์ซัสจึงกระหน่ำแทงไปที่ลำคอของพรอมโต้จนฝาแฝดผู้น้องสิ้นลมหายใจ เลือดสีแดงชาดเฉกเช่นกับริมฝีปากที่แต้มไปด้วยสีของกุหลาบแดงของพรอมโต้ก็ไหลย้อมยูกาตะสีขาวให้กลายเป็นสีแดงเข้ม
ภาพตรงหน้าทำให้เวอร์ซัสชะงักมือที่กำอาวุธแหลมคมนั่นที่กระหน่ำทิ่มแทงลำคอของน้องชายทันที ปิ่นปักผมสีเงินที่เปื้อนเลือดหลุดร่วงจากมือของเขา
"พรอมโต้....."
ฝ่ามือที่เปื้อนโลหิตทั้งสองของเวอร์ซัสสั่นระริกหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาสลับมองมือของเขาที่เปื้อนไปด้วยเลือดและร่างของน้องชายของเขาที่ลำคอเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์และเลือดที่อาบย้อมยูกาตนั่น นี่เขาฆ่าน้องชาย ครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาไปแล้วหรือ....
เวอร์ซัสค่อยๆประคองร่างที่ไร้วิญญาณของผู้น้องขึ้นมาโอบกอดแน่น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนทำให้หัวใจของเข้ารู้สึกอึดอัดจนมิอาจกลั่ดกลั้นสายน้ำตาออกมาได้ เพราะความโกรธ ริษยาและความหึงหวงจึงทำให้เขาหูตาพร่ามัวจนปลิดชีพน้องชายที่เขารัก
"ข้าขอโทษ......ฮึก...ขอโทษ"
ถึงจะพร่ำบอกว่าขอโทษไปมากแค่ไหนอีกคนก็ไม่อาจฟื้นคืนกลับมา ด้วยความรู้สึกผิดที่มากเกินกว่าจะอภัยให้กับตัวเขาเองได้ เวอร์ซัสจึงตัดสินใจถอดเสื้อคลุมของตนมาสวมให้กับร่างที่ไร้วิญญาณของพรอมโต้ก่อนจะอุ้มออกจากที่พักไปยังป่าด้านหลังของโยชิวาระ เขาอุ้มร่างของน้องชายของเขาพร้อมกับถือพลั่วตักดินเดินไปไกลจากตัวที่พักก่อนจะจัดการขุดหลุมเพื่อฝังร่างของฝาแฝดของเขา
หลังจากที่เขาฝังร่างของพรอมโต้เรียบร้อยแล้ว เวอร์ซัสก็กลับมายังทีพักของตน อาบน้ำอาบท่าก่อนจะแต่งตัวและแต่งแต้มเครื่องสำอางเพื่อปกปิดความผิดที่เขามี ถึงเขาจะชำระล้างคาวเลือดของน้องชายของเขาไปมากแค่ไหนกลิ่นคาวเลือดนั่นก็ยังคงติดฝ่ามือของเขาอยู่เช่นเดิม เวอร์ซัสเกล้าเส้นผมสีทองขึ้นไปเป็นหมวยผมด้านบนแล้วใช้ปิ่นปักผมดอกซากุระของน้องตนเสียบไว้พร้อมกับสวมกิโมโนสีขาวปักลิ่มทองของพรอมโต้แทนที่จะเป็นกิโมโนสีแดงของตน พูดง่ายๆคือเขากำลังปลอมตัวเป็นน้องชายของตนนั่นเอง
ยามเมื่อส่องกระจกเงาที่สะท้อนและจ้องมองกลับมาหาเขามันช่างเหมือนกับใบหน้าของพรอมโต้เหลือเกินจนตัวเขามิอาจจะมองตัวเองในกระจกต่อ ความผิดครั้งนี้จะเป็นตราบาปที่จะติดตัวเขาตลอดไป
เย็นวันเดียวกันนั่นเวอร์ซัสได้เข้ามารับหน้าที่ลูกค้าในนามของพรอมโต้ และลูกค้าคนนี้ก็ไม่ใช่ใครนอกจากชายผู้เป็นรักรั้งแรกของเขาและน้องชายของเขานั่นเอง
เมื่อชายหนุ่มผมดำเปิดประตูเลื่อนเข้ามาก็พบกับแผ่นหลังบางในชุดกิโมสีขาว เส้นผมสีทองถูกม้วยและเกล้าขึ้นปักด้วยปิ่นปักผมซากุระที่เขามอบให้ด้วยความคิดถึงชายหนุ่มจึงเข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง ความอบอุ่นที่เวอร์ซัสสัมผัสนั้นเขารับรู้ได้ว่ามันไม่ได้มีให้สำหรับคนอย่างเขาแต่มันมีให้กับน้องชายของเขาต่างหาก
"ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกินพรอมโต้..."
หากคนตรงหน้ารู้ว่าคนที่กอดอยู่นั้นไม่ใช่พรอมโต้แต่เป็นตัวเขามันจะเป็นเช่นไรนะ เขาจะรู้สึกดีใจมั้ยที่เป็นตัวข้ารึว่าจะรู้สึกรังเกียจกันแน่ ด้วยความที่อยากรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะแยกออกหรือไม่ว่าตัวเขาไม่ใช่น้องชายฝาแฝดที่เขารักแต่เป็นตัวเขาที่เป็นรักครั้งแรกที่ตนเคยเอื้อนเอ่ยคำว่ารักกับเขา
"ข้าก็คิดถึงท่านเช่นกันองค์ชายน็อคทิส"
ด้วยโทนเสียงที่ต่างไปจากทุกวันและสรรพนามที่เรียกชื่อเขาเปลี่ยนไป ชายหนุ่มจึงจับความผิดปกติได้ เขาจับร่างบางพลิกหันหน้ามาหาเขาก่อนจะจับจ้องดวงตาสีฟ้าอมม่วงนั่น มือหนาเอื้อมไปดึงปิ่นปักผมที่ตนมอบให้ออกส่งผลให้เส้นผมสีทองถูกปล่อยสยายลงมาปรกบ่าและยาวไปถึงกลางหลัง
"....เวอร์ซัส.."
"นึกว่าท่านจะลืมชื่อข้าไปเสียแล้ว"
รอยยิ้มบิดเบี้ยวผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเวอร์ซัส ถึงจะเป็นฝาแฝดกันแต่น็อคทิสก็สามารถแยกออกและรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พรอมโต้ที่เขารักแต่เป็นรักครั้งเก่าของเขา...เวอร์ซัส
"พรอมโต้อยู่ที่ไหน"
เขาไม่อยากจะเสวนาพูดพร่ำทำเพลงกับคนตรงหน้ามากเลยถามตั้งคำถามเพื่อถามหาคนรักของตนที่บัดนี้หายไปไหนก็ไม่อาจรู้ได้
"ตลอดมาท่านไม่เคยคิดถึงตัวข้าบ้างเลยเหรอ?"
เวอร์ซัสก้มหน้าลงราวกับกำลังปกปิดความลับบางอย่างที่ตนบกไม่ได้ เขาหวังไว้ในใจขอเพียงแค่เป็นเศษเสี้ยวในหัวใจของน็อคทิสบ้างก็ยังดี
"มันเป็นอดีตไปแล้วเวอร์ซัส"
รู้อยู่แล้วว่าตัวเขาไม่ใช่คำตอบในหัวใจของน็อคทิสเลย แต่เขาก็อยากให้อีกคนระลึกถึงคำสัญญาในวันนั้นบ้าง คำสัญญาที่พร่ำบอกรักกับตัวเขาแค่เพียงคนเดียว
"ข้ารักเจ้า...เจ้าเป็นดอกไม้ในใจของข้า สักวันข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่แห่งนี้"
คำสัญญาที่เขาเคยมอบให้กับคนตรงหน้าหลุดออกมาจากริมฝีปากบางขอเวอร์ซัสพร้อมกับสายน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสอง
"มันช่างละเลือนนะคำพูดคน...กาลเวลานี่ทำให้คนเปลี่ยนไปจริงๆ"
เมื่อรู้แล้วว่าในหัวใจของน็อคทิสไม่มีเขาอยู่อีกแล้วเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดอีกต่อไปแล้ว เวอร์ซัสลุกขึ้นก่อนจะจูงมือพาอีกคนไปยังในป่าแล้วก็พามาหยุดอยู่ที่จุดๆหนึ่งที่มีพลั่ววางพิงไว้ที่ต้นไม้ เวอร์ซัสส่งพลั่วให้กับน็อคทิสและชี้ไปยังที่พื้นดิน
"หมายความว่ายังไงเวอร์ซัส?"
"ขุด"
อีกคนเพียงตอบสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบ ด้วยความอยากรู้ว่าเหตุใดเวอร์ซัสถึงบอกให้เขาขุดดิน น็อคทิสจึงยอมขุด เขาขุดดินลงไปไม่ลึกมากก็พบกับเศษผ้าที่ห่ออะไรสักอย่างอยู่จึงค่อยๆแกะมัดปมผ้านั้นแล้วก็พบกับใบหน้าที่ซีดเผือกไร้สีแดงฝาดของเลือด ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเวอร์ซัส..
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เวอร์ซัส"
น็อคทิสหันไปถามเวอร์ซัสที่ยืนนิ่งไม่ตอบอะไรด้วยความร้อนรนที่เห็นสภาพของคนรักที่ถูกทำร้ายจนปางตาย เขาขุดร่างของพรอมโต้ที่ถูกฝังขึ้นมาและสิ่งที่ทำให้เพลิงในกายคุกรุ่นขึ้นมานั่นคือ "ปิ่นปักผมสีเงิน" ปิ่นปักผมที่เขาเคยมอบให้กับเวอร์ซัส
"เจ้าทำอะไรพรอมโต้..."
"......."
"ข้าถามว่าเจ้าทำอะไรเขา!?"
ความเครียดแค้นบวกกับความเสียใจจึงผลันเปลี่ยนมาเป็นแรงขับที่น่ากลัวให้กับตัวของน็อคทิส เขาใช้หลังมือฟาดไปที่ใบหน้าของเวอร์ซัสอย่างแรงจนใบหน้าของร่างบางขึ้นเป็นรอยแดง เวอร์ซัสก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น
"เจ้าฆ่าพรอมโต้ทำไม นั่นน้องชายของเจ้านะ เพราะอะไรเวอร์ซัส....เพราะอะไรตอบข้า อย่าปิดปากเจ้าอยู่อย่างนั่นพูดมันออกมา"
"......เพราะข้ารักท่าน..."
และแล้วคำตอบของความจริงที่ฟังดูเห็นแก่ตัวก็หลุดออกมาจากปากของเวอร์ซัส เขาไม่ได้ตั้งใจพลั้งมือฆ่าน้องชายของเขา เพราะความริษยาในใจที่ทำให้เขาหลงลืมสติและปลิดชีวิตฝาแฝดผู้น้อง
"เจ้าทำมันได้ยังไงเวอร์ซัส..."
"...ขอโทษ"
"เจ้าฆ่าน้องชายของเจ้าได้ยังไง.."
"ข้า....ขอโทษ ฮึก..ขอโทษ พี่ขอโทษพรอมโต้.."
คำขอโทษนับไม่ถ้วนหลุดออกมาไม่หยุดจากเวอร์ซัสเขาทรุดตัวลงไปบนพื้นก้มหัวร้องไห้ขอโทษร่างอันไร้วิญญาณของฝาแฝดผู้น้อง สายฝนโปรยปรายลงมาเสมือนกับสายน้ำตาของเขา แต่ในสายฝนนั่นเวอร์ซัสกลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่บ ความอบอุ่นที่เหมือนกับผู้ที่เป็นหัวใจของเขา อบอุ่นเหมือนกับพรอมโต้ที่โอบกอดตัวเขาและปลอบเขาให้หายจากความโศกเศร้า สายฝนที่อบอุ่นเหมือนกับพรอมโต้ผู้ที่จากไป และมันจะเป็นสายฝนที่ตัวเขาและน็อคทิสไม่มีวันลืม
แต่มันช่างเลอะเลือนนะคำพูดเอ่ย
เลือนมลายหายไปพร้อมความรักอันตรอมตรม
แม้เวลาจะนานแสนนาน จนตัวเราเติบโตฉัน
ยังคงจดจำแผลนั้นไม่มีทางเยียวยา
จากวันนั้นที่เขาสูญเสียพรอมโต้ไปจนวันนี้ก็ผ่านมาแล้วปีกว่า ร่างของพรอมโต้นั้นถูกนำขึ้นมาทำพิธีและฝังไว้ที่จุดเดิมที่เคยฝังไว้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือน็อคทิสนั้นรับสั่งให้ข้ารับใช้และช่างไม้มาทำศาลเจ้าเล็กๆไว้ที่โยชิวาระ สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักของเขาและเพื่อมอบให้กับคนรักที่จากไป
ทุกวันนั้นของปีองค์ชายน็อคทิสจะไปยังศาลเจ้าแห่งนั้นเพื่อเป็นการระลึกแก่คนรักที่จากไป และปีนี้ก็เช่นกันที่เขามาที่แห่งนี้
"ฮิกันบานะบานกว่าทุกปีนะท่านว่ามั้ย..."
น็อคทิสหันไปมองตามเสียงปริศนาที่แสนคุ้นหู ร่มสีแดง กิโมโนสีแดงปักลวดลามผีเสื้อสีทอง ผิวขาวอมชมพู เส้นผมสีทองและใบหน้าเฉกเช่นเดียวกันกับคนรักที่จากเขาไป คนๆนี้ที่เขาไม่มีวันลืม เวอร์ซัส....
ทั้งสองสบตากันเพียงชั่ววินาทีก่อนจะเป็นองค์ชายที่ผินหน้าออกราวกับไม่ต้องการเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ เป็นเวลาเกือบห้านาทีที่ไร้ซึ่งบทสนทนาของทั้งคู่เหมือนกับว่าไม่ต้องการให้รื้อฟื้นความหลังที่แสนเจ็บปวดระหว่างพวกเขา
หลังจากองค์ชายผู้สูงศักดิ์จากไปแล้วเวอร์ซัสก็เข้าไปเยี่ยมหลุมศพน้องชายของเขา เวอร์ซัสค่อยๆย่อตัวลงมานั่งบนพื้นดินแล้วใช้ชายแขนกิโมโนเช็ดตะไคร้น้ำที่เกาะป้ายหลุมศพของน้องของเขาออกอย่างไม่นึกรังเกียจรึนึกสกปรก
"ข้าคิดว่าข้าควรคืนสิ่งนี้ให้กับเจ้า.."
เขาหยิบปิ่นปักผมซากุระที่เป็นของพรอมโต้วางคืนไว้ที่หน้าหลุม เขาอยากจะเอามันมาคืนนานแล้วแต่ทำใจไม่ได้เสียทีแต่เขาคิดไว้ว่ามันถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ปิ่นปักผมนี่จะกลับคืนสู่เจ้าของคนเดิม สายฝนก็โปรยปรายเหมือนเช่นวันนั้นอีกครั้งเสมือนตอบรับคำพูดของเขา เวอร์ซัสยิ้มให้กับชื่อบนแผ่นป้ายนั้นก่อนจะกางร่มสีแดงวางไว้ให้เหมือนกับกั้นไม่ให้หลุมของน้องชายเปียกน้ำฝนก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับสายฝนที่เทลงมาและดอกฮิกันบานะสีแดงที่บานแย้มสวยงามเต็มลานศาลเจ้าแห่งโยชิวาระ
"เจ้าคือความรักครั้งแรกของข้าเสมอพรอมโต้และจะเป็นตลอดไป..."
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย