ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) ฝากเลี้ยง (Kaihun)

    ลำดับตอนที่ #7 : ☺ 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 687
      42
      18 เม.ย. 64




    7.



     

    XXX  Condominium

    06.00 น.

     

    !!!!!!!

    !!!!!!!

     

     

                แรงสั่นไหวจากใต้หมอน...ทำให้คนที่นอนทับอยู่บนความนุ่มลายก้อนเมฆต้องตื่นอย่างจำยอม  มันคือหน้าที่  มันคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และมันก็เป็นกิจวัตรประจำที่ต้องทำซ้ำๆมาตลอดหลายเดือน  แต่...เรื่องของการตั้งนาฬิกาปลุกมันกลับเป็นกิจวัตรอีกอย่างที่ต้องทำเพิ่มเมื่อมีใครอีกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  ซึ่งใครคนนั้น...ก็มักจะทำให้เขาตื่นสาย?  ไม่รู้จะรักอะไรกันทุกวัน??  วันนั้นที่ห้องนั่งเล่น  วันนู้นที่ห้องครัวและเมื่อคืนก็ตรงเครื่องซักผ้า!!??

     

    โดนนนน...ทุกที่ทุกคืนแบบนี้ไม่ตื่นสายก็ให้มันรู้ไป!!!?

     

                มือบาง...ล้วงเครื่องมือสื่อสารจากใต้หมอนมากดปิดความสั่นไหวก่อนวางมันไว้บนหัวเตียงแล้วค่อยๆขยับตัวด้วยความระมัดระวัง  เกรงว่าคนข้างกายจะตื่น  กลัวว่าหลานจะพักผ่อนไม่เพียงพอและตอนนี้ก็ต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะมันยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการ  อาหารสามมื้อของเด็กน้อยก็ต้องเตรียม  แพมเพิส  เสื้อผ้า  ของเล่นก็ต้องขนไปไว้ที่ร้าน  และส่วนของแฟนหื่นกาม...ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรมากนอกจาก....ร่างกายของเขา  ไม่ช้ำวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องช้ำ??  รอยเก่าไม่ทันจาง  รอยใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่???  ผิวเนื้อในร่มผ้ามีแต่รอยแดงเต็มไปหมด  สะโพก  ต้นขา  หน้าท้อง  เฮ้อออ...น่าเกลียดชะมัด!!  และ.....

     

    จุ๊บบบบ!!!

     

                “อ๊ะ...ไค!

     

                “มอร์นิ่ง!

     

                “มอร์นิ่ง...แต่มือไม่นิ่งเลยนะ  อย่าล้วง  อ๊ะ...ไค!!!

     

                ยังไม่ทันได้ลุกออกไปไหน...เจ้าของเอวบางก็ถูกรวบตัวเอาไว้ก่อนตามมาด้วยแรงสัมผัสริมฝีปาก พร้อมกับผิวเนื้อเนียนที่ถูกฟอนเฟ้นจนรู้สึกวูบไหว  เซฮุนพยายามขืนกายให้หลุดจากการถูกเอาเปรียบและเวลานี้ก็ไม่เหมาะที่จะทำอะไรได้ตามใจ  ใช่ว่าไม่รัก  ใช่ว่าไม่ต้องการ  ใช่ว่าอยากห้ามปรามหรือว่าผลักไส  แต่ถ้าขืนปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือทุกสิ่ง...เช้านี้เขาก็คงไปเปิดร้านไม่ทัน

     

                “เสียงดังทำไม  เดี๋ยวหลานก็ตื่น”

     

                “มึงก็เลิกบีบตูดกูสักที  อ๊ะ!

     

                “ร้องแบบนี้เดี๋ยวก็โดนจนได้...”

     

                “พอเลยไค...กูบอกให้หยุดไง!  อ๊ะ!!!

     

                แต่ยิ่งว่า...เหมือนยิ่งยุ  ยิ่งห้ามก็ยิ่งถูกบีบ  ทั้งเอวทั้งสะโพก  ทั้งความกลมกลึงและส่วนอื่นๆตามร่างกายก็ถูกลูบผ่านอย่างไม่อาจขัดขืน  ลิ้นร้อนเริ่มประทับลงบนยอดอกก่อนขบกัดจนต้องกลั้นเสียงร้อง  มือบางถูกตรึงเอาไว้ด้วยคนที่มีกำลังมากกว่าและขาทั้งสองข้าง...ก็ทำได้แค่ปัดป่ายไปมาอยู่บนเตียงกว้าง

     

                “มึงทำเสน่ห์ใส่กูแน่ๆ”

     

                “เสน่ห์บ้าอะไรล่ะ  มึงหื่นเอง...อย่ามาโทษกู!!

     

                “ก็มันจริงนี่หว่า  กูโคตรหวงมึงเลย...มึงรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย!!?”

     

                มันเหมือนจะเป็นบ้ามากขึ้นทุกวัน...และที่ทำแบบนี้ก็เพราะไอ้ความหวงนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ  เซฮุนเป็นแฟนที่ดี  เป็นเมียที่ดี  เป็นเพื่อนที่ดี  ดี...ไปหมดในทุกสถานะ  คิมไคเคยบอกแล้วว่าไม่มีผู้ใดรู้ใจเขาเท่าคนในอ้อมกอดตอนนี้อีกแล้ว  มันอยากจูบ  อยากหอม  อยากจะทำให้ช้ำไปทั้งตัวและใครจะด่าเขาว่าซาดิสต์โหดร้ายหรือไร้ความอ่อนโยนก็ไม่สนเพราะยิ่งได้อยู่ใกล้กันทุกวัน  นอนด้วยกันทุกคืน...เขาก็ยิ่งอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป

     

                “ใครต้องหวงใครกันแน่วะ?”

     

                จากที่ถูกตรึงไว้บนเตียง  จากที่ถูกฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนกายและจากที่ถูกสัมผัสจนต้องกลั้นเสียงร้องก็กลายเป็นการถูกกอดเอาไว้ในอ้อมอก  เซฮุนรู้ดีว่าไคกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกเช่นไร  ซึ่งเขาก็คิดไม่ต่างไปจากนั้นเลยแม้แต่น้อย  ไคหวงเขามากแค่ไหน  เขาก็หวงไคมากเท่านั้น  ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลคิมหล่อจะตายใครๆก็รู้  แล้วววววววว...โอเซฮุนคนนี้ต่างหากที่ต้องถามว่า  “มึงทำเสน่ห์ใส่กูใช่ไหม??” 

               

                “ถ้าหวงมากกว่านี้...กูคงต้องจับมึงขังไว้ในห้อง?”

     

                “ประสาท!!  งานการมีทำ  หลานก็ต้องเลี้ยง...”

     

                “รู้น่ะ”

     

                “ถ้ารู้จริงๆ...ตอนนี้มึงก็ไปอาบน้ำได้แล้ว  เดี๋ยวกูไปเปิดร้านไม่ทัน”

     

                “ค้าบบบบ!

     

                “ค้าบ...ก็ลุกสักทีสิค้าบบบ”

     

                “อาบด้วยกัน?”

     

                “ไม่ต้องเลย.....”

     

                “เบื่อคนรู้ทันว่ะ”

     

                “ไปอาบน้ำสักที!!

     

                ต่อรองเก่ง  อ้อนเก่ง...และเก่งแต่เรื่องที่ทำให้โอเซฮุนคนนี้มีความสุข  มือบางฟาดลงไปบนท่อนแขนกำยำอย่างไม่จริงจังแล้วผลักเจ้าของอกกว้างให้รีบลุกไปอาบน้ำก่อนที่หลานจะตื่น  เป็นสองสัปดาห์ที่ได้อยู่ด้วยกัน  เป็นสิบสี่วันที่ไม่เคยห่างกันไปไหนและถ้ามันเป็นเช่นนี้ตลอดไปก็คงดีไม่ใช่น้อย  ปากบางยกยิ้มภายใต้ความมืดในห้องนอน  ผ้าห่มลายก้อนเมฆถูกดึงมาคลุมช่วงล่างเอาไว้เพราะมันเปลือยเกินกว่าจะไร้ซึ่งสิ่งใดมาปกปิด  แต่.....

     

    Rrrrr!!!!

     

    Rrrrr!!!!

     

                เหมือนจะหมดเวลาฝันหวาน....เนื่องจากโทรศัพท์อีกเครื่องมันกำลังส่งเสียงร้องจนต้องรีบคว้ามากดรับโดยที่ไม่ได้ดูหน้าจอด้วยซ้ำว่าใครโทรมา  ใช่ว่าอยากเสียมารยาทรับสายของคนอื่น  แต่การที่เจ้าของเครื่องไม่ยอมปิดเสียงก่อนเข้านอนเมื่อคืนมันทำให้รบกวนเวลาพักผ่อนของเด็กหญิงโฮยอน  เซฮุนจำเป็นต้องเดินแก้ผ้าออกไปคุยสายให้ห่างจากเตียงเล็กน้อยด้วยเกรงว่าความตกใจของตัวเองจะพาลให้หลานตื่น

     

                “สวัสดีครับ...”

     

                (อ้าวว...เซฮุน  ไคไปไหนล่ะ?)

     

                “แบคเหรอ...ไคอาบน้ำ  มีอะไรด่วนหรือเปล่า?”

     

                (ด่วนมากกก... แบคขอคุยกับมันหน่อยสิ)

     

                “งั้นถือสายรอแป๊บนึงนะ...”

     

                คงจะด่วนมากอย่างที่คนปลายสายได้เอ่ย...ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวก็คงไม่โทรมารบกวนแต่เช้าแบบนี้  เซฮุนรีบเดินไปที่หน้าห้องน้ำก่อนเคาะแผ่นไม้สีขาวแล้วเรียกคนที่อยู่ด้านในให้ออกมารับโทรศัพท์  แต่...

     

                “เข้ามาเลย...กูไม่ได้ล็อคประตู”

     

                เสียงทุ้ม...ที่ตะโกนกลับมามันทำให้เซฮุนต้องรีบเปิดประตูเข้าไปเพราะเกรงว่าปลายสายจะรอนาน  แล้วการที่ต่างคนต่างก็เปลือยเปล่ากันทั้งคู่ก็ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่องอดใจไม่ไหวอีกต่อไป  มือหนึ่งรีบหยิบโทรศัพท์มาแนบหู  ส่วนอีกมือก็ต้องคว้าเอวบางเอาไว้ด้วยความมันเขี้ยว  อย่ามาทำหน้าบึ้ง...มึงเดินมาอ่อยกูเองนะครับโอเซฮุน?!!  แล้วถ้าไม่อยากให้อะไรอะไรของกูมันตื่น...ก็อย่าดิ้นให้มากนัก!!!!???

     

                “ปล่อยนะไค...กูจะไปอาบน้ำ”

     

                “ว่าไงแบค?”

     

                จะคุยกับเพื่อนกูคุยไปสิวะ...มึงจะมากอดกูไว้ทำไมเนี่ย??  น้ำก็ยังไม่ได้อาบ  ของก็ยังไม่ได้เตรียม?!!  แล้วมึงก็เลิกกัดกูสักทีได้ไหม...มันเจ็บนะเว้ย!!?  ทักทายคนปลายเสร็จสรรพก็ก้มกายลงมาฝากรอยฟันไว้บนหัวไหล่  เซฮุนจึงได้แต่เบ้หน้าด้วยความเจ็บและพยายามขืนกายออกจากอ้อมกอด  แต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะไม่มีครั้งไหนที่เขาจะสู้แรงของไคได้เลย

     

                (มึงจะทำอะไรกันกูไม่ว่า  แต่มึงช่วยฟังกูหน่อยได้ไหม...พอดีมีเรื่องให้ช่วย)

     

                “ก็ว่ามาาา  กูรอฟังอยู่เนี่ย!!

     

                “ไคอย่าจับ  อ๊ะ!!...ปล่อยนะไค  มันเจ็บบ!

     

                (ไอ้เชี่ยไค!!  มึงฟังกูอยู่ไหมเนี่ยยย!!)

     

                อยากจะหายตัวเข้าไปตบเพื่อนผิวเข้มให้หัวทิ่ม...เพราะเสียงห้ามปรามหรือเสียงร้องโวยวายที่ลอดเข้ามาในสายมันพาลให้แบคฮยอนเริ่มหงุดหงิด  รู้ดีว่าโทรมาผิดเวลา...แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนจริงๆเขาก็คงไม่มีทางมาขอความช่วยเหลือเด็ดขาด

     

                “ฟังอยู่...มีอะไรก็รีบๆพูดมา  เดี๋ยวเซฮุนไปเปิดร้านไม่ทัน”

     

                (วันนี้สิบโมงมึงช่วยไปสอนแทนกูที่มหาลัยXXหน่อย  พอดีกูมีธุระด่วนแล้วหาคนแทนไม่ได้)

     

                “เรื่องสอนไม่ใช่ปัญหา...แต่ทางมหาลัยเค้าอนุมัติแล้วเหรอวะ??”

     

                (เรื่องนั้นเดี๋ยวกูเคลียร์ให้เอง)

     

                “สอนกี่ชั่วโมง?”

     

                (วันนี้กูมีสอนสองรอบ  รอบแรก...สิบโมงถึงเที่ยง  รอบสองก็...บ่ายโมงถึงบ่ายสาม)

     

                “เออๆ...เดี๋ยวกูไปสอนแทนให้  แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะเว้ย!

     

                (รู้น่ะว่าห่วงเมีย)

     

                “ห่วงมากด้วย”

     

                (มึงก็บ้าเนอะ!!  เซฮุนมันอยู่โดยที่ไม่มีมึงมากี่ปีมันยังอยู่ได้  แล้ววันนี้มึงก็แค่ไปสอนหนังสือแทนกู...มันไม่ถึงตายหรอก)

     

                “มันไม่ตาย...แต่กูนี่แหละจะตาย”

     

                (มึงมันบ้าจริงๆนะไค...นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆกูถีบให้หน้าหงาย!!!)

     

                “มึงเก็บแรงไว้ถีบชานยอลดีกว่ามั้ง”

     

                (อย่ามาเสือก!!!...เอาตัวเองให้รอดก่อน!!)

     

    ติ๊ดดด!!!

     

                จำเป็นต้องตัดสายทิ้งด้วยความหมั่นไส้...ส่วนข้อมูลในการสอนหรือเอกสารที่ต้องใช้ก็คงต้องฝากข้อความไว้ในแอพพลิเคชั่นสีเขียว  แบคฮยอนไม่เคยเห็นเพื่อนผิวเข้มเป็นแบบนี้มาก่อน  นับวันมันยิ่งห่วงเซฮุนมากขึ้นและห่วงมากกว่าตอนที่พวกเรายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ  แต่ใครเป็นแฟนกับคนอย่างมันได้ก็คงต้องบ้าพอๆกัน  เพราะคิมไคเป็นบุคคลที่เรื่องมากที่สุดในโลก  ไอ้นั้นก็กินไม่ได้  ไอ้นี้ก็ทำไม่เป็น  จุกจิกจู้จี้ไปหมดทุกเรื่อง...ขนาดเขาเป็นแค่เพื่อนสนิทยังรู้สึกรำคาญมันในบ้างครั้ง  แล้วเขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเซฮุนเคยรำคาญมันบ้างหรือเปล่า???

     

     

    หลังอาหารทุกมื้อต้องมีของหวาน  เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้รีดก็จะไม่ใส่เด็ดขาด  กางเกงยีนส์ที่ใส่แล้วจะไม่ใส่ซ้ำถ้ายังไม่ได้ซักและอีกสารพัดสิ่งที่เพื่อนอย่างคิมไคยังเรื่องมากได้อีกกกกก..............WTF!!!!!!!!!!

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     


     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

    Christmas  Café

    07.35 น.

     

    กรุ๊งกริ๊งงงๆ ๆ ๆ!!!!

     

     

                “ปะป๊า....”

     

                “ครับ...”

     

    ...

     

    ...

     

                “ปะป๊าาา”

     

                “แป๊บนึงนะครับโฮยอน”

     

    ...

     

    ...

     

                “ปะป๊า  ปะป๊าาา”

     

                “ครับๆ ๆ...ปะป๊าใกล้เสร็จแล้วครับบบ”

     

                เด็กน้อย...ที่เขย่าของเล่นมาตั้งแต่เตรียมการเปิดร้านร้องเรียกคนงานยุ่งด้วยความงอแง  โฮยอนถูกอุ้มไปพร้อมๆกับการจัดข้าวของภายในร้านให้เข้าที่  ทั้งน้ำตาลทราย  ไซรัป ที่ครอบแก้วและเก้าอี้ที่ต้องตรวจดูอีกรอบว่าสะอาดหรือไม่  แล้วเสียงกรุ๊งกริ๊งก็คล้ายว่าจะถูกเขย่าให้แรงขึ้นเมื่อปะป๊าไม่มีทีท่าว่าจะสนใจกันสักที

     

                “ไค...เอาโฮยอนมาให้กู”

     

                “มึงจัดขนมไปเหอะ”

     

                “ทำไมหลานงอแงจังวะ?”

     

                “หาคนเล่นด้วยมั้ง”

     

                คนหนึ่งช่วยเตรียมของด้านนอก...ส่วนอีกคนก็ต้องจัดของภายในเคาน์เตอร์บาร์ให้เสร็จ  วอร์มเครื่องทำกาแฟเรียบร้อย  แก้วกาแฟก็เติมจนเต็มชั้นวางและจานชามช้อนส้อมสำหรับใส่ของหวานก็เตรียมไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน  มือบางเรียงเค้กหลากชนิดลงในภาชนะสีขาวด้วยความระมัดระวังก่อนตามมาด้วยแซนด์วิชที่ต้องวางไว้คนละชั้นเพราะของคาวกับของหวานมันวางไว้คู่กันไม่ได้  มือ...ทำหน้าที่จัดขนมใส่ตู้แต่สายตาก็คอยมองเด็กน้อยในอ้อมแขนของแฟนผิวเข้มไปด้วยเพราะเจ้าตัวออกอาการงอแงจนน่าเป็นห่วง

     

    กรุ๊งกริ๊งงงๆ ๆ!!!!!

     

                ของเล่นที่เพื่อนตัวโย่งซื้อให้...ถูกตีลงไปบนไหล่กว้าง  ปากน้อยๆเริ่มเบะออกเหมือนถูกขัดใจและก่อนที่เสียงร้องไห้จะตามมาก็พาให้คนเป็นน้าต้องละมือจากการจัดเรียงขนมหวาน  ขาเรียวภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มพร้อมการสวมผ้ากันเปื้อนรีบก้าวออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ด้วยความเป็นห่วง  และที่ห่วงก็คือโฮยอนกับขนมที่ยังจัดไม่เรียบร้อยเพราะอีกไม่กี่นาทีร้านต้องเปิดให้บริการ

     

                “เป็นอะไรคะเด็กดี?”

     

                “งุนนน!!!!

     

                “ว่ายังไง...หนูหงุดหงิดอะไรคะ?”

     

                “ฮึกก!!

     

                “ชู่ววว...ไม่ร้องนะคะ  มาหางุนงุนมา  งุนงุนอุ้มนะ”

     

                สุดท้าย...ก็ร้องไห้อย่างที่คิดไว้จริงๆ  แต่จะร้องไห้เพราะอะไรก็เป็นสิ่งที่เซฮุนต้องหาคำตอบ  ไครีบส่งโฮยอนให้คนเป็นน้าอุ้มทันที  ใบหน้าคมเข้มแสดงความเป็นห่วงอย่างไม่ปกปิดและคิดว่าวันนี้ตัวเองควรไปสอนนักศึกษาแทนเพื่อนตัวเล็กหรือไม่  หลานก็ห่วง  เมียก็ห่วง  ร้านกาแฟก็ห่วง...ทุกๆอย่างมันพาลให้ไคไม่อยากไปสอนหนังสือให้ใครทั้งนั้น

     

     

                จากที่เขย่าของเล่นจนเกิดเสียงน่ารำคาญ...ตอนนี้มันถูกปากน้อยๆกัดแทะจนน้ำลายยืด  โฮยอนร้องไห้ไปกัดของเล่นไปแถมใบหน้าจิ้มลิ้มก็เริ่มแดงขึ้น  แดงขึ้น  แดงขึ้น  เซฮุนรีบดึงของเล่นออกจากการกัดแทะก่อนวางเด็กน้อยให้นอนราบไปกับโต๊ะตรงหน้าแล้วใช้ผ้าอ้อมที่พาดไว้บนบ่าแฟนผิวเข้มมาพันที่นิ้วชี้  และการทำเช่นนั้นก็พาให้ไคต้องช่วยจับเด็กเอาไว้อีกแรง

     

                “แงงงงง...!!!

     

                “งุนงุนขอดูหน่อยนะคะ  ไม่เจ็บน้าาา  //  ไคจับแขนโฮยอนไว้!

     

                คนที่เลี้ยงโฮยอนมาเกือบหกเดือนรู้แล้วว่าหลานเป็นอะไรเพราะเด็กที่ใกล้จะอายุสองขวบก็มักจะร้องไห้เมื่อฟันเริ่มขึ้น  นิตยสารสำหรับคุณแม่มือใหม่กลายเป็นสิ่งที่เซฮุนจำเป็นต้องอ่านเพื่อหาความรู้และผ้าอ้อม...ที่พันนิ้วชี้เอาไว้ก็รู้สึกได้ถึงความแข็งเมื่อลูบผ่านเหงือกของโฮยอนอย่างเบามือ  เหงือกด้านล่างมีรอยนูนพร้อมฟันสีขาวที่โผล่ออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ส่วนเหงือกด้านบนยังคงเรียบเหมือนตอนแรกเกิด

     

                “โฮยอนเป็นอะไรวะ?”

     

                “ฟันกำลังขึ้น...โฮยอนคงเจ็บก็เลยงอแง”

     

                “ฟันขึ้นแล้วเหรอ!?  ไหนไหน...ขอกูดูหน่อย!!

     

                คนที่เด็กเรียกว่าปะป๊าดูจะตื่นเต้นกว่าผู้เป็นน้าเสียอีกเพราะเมื่อได้ยินคำว่า  “ฟันกำลังขึ้น”  ไคก็รีบทำแบบเซฮุนทันที  ผ้าอ้อมถูกดึงมาพันที่นิ้วของตัวเองด้วยความอยากรู้อยากลอง  เหงือกสีชมพูของเด็กอายุเพียงขวบเศษถูกลูบไปมาก่อนสัมผัสได้ถึงความขรุขระและรอยยิ้มของไคก็พาให้เซฮุนรับรู้ได้ถึงความสุข  แค่หลานฟันขึ้นซี่เดียวมึงยังยิ้มจนปากจะฉีก  แล้วถ้าโตมามันอ้อนว่า...ปะป๊าอย่างนั้น  ปะป๊าอย่างนี้มึงคงกลายเป็นบ้าไปเลยมั้ง?!!!

     

                “ฮึกก...ปะป๊า!

     

                “ไม่ร้องนะครับ  หนูโตแล้วน้าาา...ฟันขึ้นหนึ่งซี่แล้ว”

     

                “ฮึกกก!!...”

     

                “ไม่เอาไม่ร้อง  ไปง่ำๆสตรอเบอร์รี่กันดีกว่าาา”

     

                “ฮึกก...รี่รี่!!

     

                “โอเค...ไปกินรี่รี่กันนะครับ”

     

    ฟอดดดด!!!

     

                สิ่งใดที่มีชื่อยาวเกินกว่าเด็กขวบเศษคนนี้จะเรียกได้...เจ้าตัวก็มักจะพูดคำสุดท้ายซ้ำกันสองครั้งหรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นชื่อที่เข้าใจได้ง่ายกว่าชื่อเดิมอย่างเช่น  เซฮุน=งุนงุน  อาบน้ำ=เป็ดเป็ดและสตรอเบอร์รี่ก็เท่ากับรี่รี่  ไคหอมแก้มป่องๆด้วยความมันเขี้ยวและรีบพาหลานตัวน้อยไปที่หลังร้านก่อนเปิดตู้เย็นหยิบผลไม้สีแดงสดออกมาหนึ่งลูก  โฮยอนหยุดร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นของชอบเพราะมันหอมหวานแถมยังทำให้ลืมเรื่องสิ่งแปลกปลอมที่งอกออกมาจากเหงือก

     

    สิ่งที่งุนงุนเรียกว่าฟันมันทำให้หนูรู้สึกรำคาญมากว่าเจ็บ  แล้วรี่รี่...ที่ปะป๊าหยิบให้ก็อร่อยมากเลยยยย^0^)

     

                “งุนนน!!

     

                “โอ้โห...เลอะเทอะไปหมดแล้วเนี่ย!!  มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

     

                “รี่รี่ ^-^) ”

     

                ปากน้อยๆที่เปื้อนไปด้วยสีแดง  มือป้อมๆที่กำผลไม้ไว้เต็มสองมือพร้อมเสียงทักทายจากทางด้านหลังก็ทำให้คนที่กำลังจัดขนมใส่ตู้จำเป็นต้องละจากหน้าที่อีกครั้ง  เฮ้อออ!!...ทำไมมึงไม่ใส่ผ้ากันเปื้อนให้หลานนนน!!!?  และเสื้อสีขาวที่เต็มไปด้วยคราบของสตรอเบอร์รี่มันจะซักออกไหม??  แล้วเมื่อไหร่กูจะจัดของเสร็จวะเนี่ยยยย???!!  ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เซฮุนกังวลเพราะเรื่องที่ไคต้องไปสอนหนังสือแทนแบคฮยอนก็เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลเช่นกัน

     

                “มึงไปเตรียมตัวได้แล้วไค...เดี๋ยวก็ไปสอนไม่ทัน”

     

                “มึงอยู่คนเดียวได้แน่นะ”

     

                “ได้สิ...ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก  เดี๋ยวเตนล์ก็มาแล้ว”

     

                “รอมึงจัดตู้ขนมให้เสร็จก่อนแล้วกูค่อยไป”

     

                “ไค...”

     

                มือบาง...ที่ดึงผ้าอ้อมมาเช็ดปากเด็กน้อย  เสียงอ่อนเสียงหวานที่เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงและสองแขนที่โอบรอบเอวสอบเอาไว้  ทุกๆอย่างที่เซฮุนแสดงออกมามันทำให้ไครู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังกังวลในเรื่องใด?  มึงคิดมากอีกแล้วใช่ไหม??  กูไปสอนหนังสือแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ!!  กูไม่ไปจีบนักศึกษาที่ไหนหรอก....กูสัญญา!!!  ปากบอกให้เขาไปเตรียมตัว  ปากบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง  ปากบอกว่าอยู่คนเดียวได้  แต่ดวงตาคู่สวยที่ไม่กล้าสบกันเหมือนเช่นทุกครั้งมันพาให้ไคต้องรีบกอดตอบกายบางเอาไว้แนบอก  เข้าใจว่ารัก  เข้าใจว่าห่วง  เข้าใจว่าหวง...แต่ยิ่งมึงทำแบบนี้กูยิ่งไม่อยากไปไหน  อยากกอดมึงไว้แบบนี้ทั้งวัน

     

                “งอแงทั้งน้าทั้งหลาน”

     

                “เปล่างอแง...”

     

                “สอนเสร็จจะรีบกลับ”

     

                “จริงนะ...รีบกลับมาเลยนะ  ห้ามแวะที่ไหนนะ  กูจะรอกินข้าวพร้อมมึง”

     

                ยอมรับว่าทั้งห่วงและหวง...มีแฟนหล่อรวยและเอาอกเอาใจเก่งขนาดนี้จะไม่ให้หวงได้ไง  ถึงแม้จะทราบดีว่าไคไม่ใช่คนหลายใจหรือเห็นสาวๆที่ไหนก็เที่ยวหมาหยอกไก่ไปทั่ว  แต่ความหวง...มันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ!!!  แล้วในความหวงก็ยังมีความกลัวปะปนมาด้วยเพราะการจากไปของไคหรือการที่เจ้าตัวเพิ่งกลับมาได้เพียงสองอาทิตย์มันก็พาลให้เซฮุนกังวลไปหมด  กังวลว่าจะถูกทิ้ง  เกรงว่าจะหายไปและกลัวว่าจะต้องจากลา...กันอีกครั้ง

     

                “เฮ้ออ!!...ถ้ามึงทำแบบนี้กูไม่ไปสอนดีกว่ามั้ง”

     

    ฟอดดดดด!!!

     

                ลูกก็น่ารัก  เมียก็ขี้อ้อน...คนที่เป็นทั้งปะป๊าและสามีจึงไปไหนไม่รอด  การแสดงออกของคนที่บอกว่าไม่ได้งอแงทำให้ไคยิ่งหวงมากขึ้นทุกวัน  เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรให้เซฮุนหายคิดมาก  ซึ่งเขาก็ผิดเองที่การจากไปเมื่อหลายปีก่อนมันทำให้เกิดความหวาดระแวง  แล้วใบหน้าเรียวสวย...ที่ซบลงไปบนอกกว้างตอนนี้ก็คือสิ่งที่ไคอยากจะหอมซ้ำๆ  อยากตื่นมาก็เจอทุกวันและยามหลับก็กอดกันไว้ทุกค่ำคืน

     

                “ถ้ารอให้เตนล์มาก่อน...มึงจะไปสอนทันไหมวะ?”

     

                “ทัน...กูมีสอนสิบโมง”

     

    จุ๊บบ!!

     

                “งั้นกินข้าวเช้าพร้อมกันแล้วค่อยไปนะ...นะนะนะ”

     

                กูอยากจะแดกมึงแทนอาหารเช้า...จะอ้อนอะไรขนาดนี้วะ?  รู้ว่าผัวมีความอดทนต่ำก็อ้อนเหลือเกิน!!?  มึงรีบจัดขนมให้เสร็จก่อนที่กูจะจัดมึงสักดอกสองดอกดีกว่ามั้ง???  มือหนาบีบความกลมกลึงภายใต้กางเกงยีนส์ด้วยความมันเขี้ยวเพราะสันกรามคมที่ถูกริมฝีปากสีหวานประทับรอยเอาไว้มันพาลให้ไคอยากรัก  รัก  รักเซฮุนจนลุกจากเตียงไม่ไหว

     

    สักรอบก่อนไปสอนซะดีมั้ง!!!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

    Christmas  Café

    08.40 น.

     

    VROOMMMMM!!!!!

     

                “ไค...เอานี่ไปด้วย  เผื่อของกินที่มหาลัยไม่ถูกปาก”

     

                “อะไรวะ?”

     

                “แซนด์วิชกับโก้โก้ร้อน”

     

                “ขอบคุณครับเมีย...”

     

                ขนมปังที่ใช้ทำแซนด์วิชต้องเป็นแบบโฮลวีทเท่านั้น  ส่วนผักจะใส่อะไรมาก็ได้ยกเว้นแตงกวาดองและซอสก็ขอเพียงแค่ซอสมะเขือเทศ  ห้ามใส่มาสตาร์ดหรือมายองเนสโดยเด็ดขาด  แล้วคนที่กำลังจะไปสอนหนังสือแทนเพื่อนก็ไม่ทานกาแฟเพราะมันทำให้ใจสั่นทุกครั้งที่กิน  และสิ่งที่ทานได้ก็คือโกโก้ร้อน  แต่...นมที่ใช้ทำเครื่องดื่มต้องเป็นนมถั่วเหลืองเนื่องจากนมวัวมันทำให้ไคท้องอืด  ไม่มีใครรู้ใจหนุ่มผิวเข้มคนนี้เท่าเซฮุนอีกแล้ว  และคนส่วนมากรวมถึงเพื่อนในแก๊งค์ก็ยังคิดว่าคิมไคคือบุคคลที่เรื่องเยอะสุดๆ

     

                “ขับรถระวังนะมึง”

     

                “ปะป๊าบึ้นนน!!

     

                “ปะป๊าไปทำงานค่ะ  วันนี้โฮยอนไปบื้นกับปะป๊าไม่ได้นะคะ”

     

                “บื้นนนน  บื้นน!!!

     

                คนเป็นน้าอดที่จะห่วงคนในรถไม่ได้  ส่วนคนเป็นหลานก็บึ้นนนน...จนน้ำลายไหลยืด  โฮยอนเริ่มชอบออกไปเที่ยวมากขึ้นเพราะตลอดสองอาทิตย์ที่มีไคมาอยู่ด้วย  เจ้าตัวก็มักจะพาเด็กน้อยออกไปเที่ยวเสมอเมื่อถึงวันหยุด  แล้วอ่างอาบน้ำที่ได้ฟรีจากโปรโมชั่นการซื้อแพมเพิสก็ใช้เป็ดเป็ดกับไคทุกวัน  ในอ่างมันมีน้ำพุ  ปะป๊าก็ชอบเล่นเป่าฟองสบู่และความสนุกของเด็กหญิงโฮยอนก็คือการได้อยู่กับทุกๆคน  แต่ตอนนี้...ไคกำลังจะออกไปทำงาน  โฮยอนจึงได้แต่ร้องบึ้นๆ ๆ ๆอยู่อย่างนั้น

     

                “มึงพาหลานเข้าไปข้างในเหอะ  เดี๋ยวหลานอารมณ์ไม่ดี”

     

                “โอเค...”

     

                “มีอะไรด่วนก็โทรมานะ”

     

                “แล้วถ้ากูอยาก(....)แบบด่วนๆล่ะ??”

     

                “...............”

     

                ไร้ซึ่งคำตอบ...แต่ยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม  มือหนาที่เริ่มหักพวงมาลัยเพื่อขับรถออกไปตรงถนนก่อนโบกมือลาก็ทำให้เซฮุนไม่อยากได้คำตอบอีกแล้ว  การได้แกล้งคิมไคมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันอีกอย่างที่ขาดไม่ได้  ยิ่งเห็นว่าไคต้องอดทนต่อการถูกยั่วยุมันก็ยิ่งอยากแกล้ง  ว่าแล้วคืนนี้...เขาจะใส่ชุดนอนตัวไหนดีน้าาา?  จะใส่แต่เสื้อไม่ใส่กางเกง??  หรือว่าจะไม่ใส่อะไรเลยดีล่ะ???  เจ้าของขาเรียวที่เดินกลับเข้ามาด้านในกำลังคิดไปถึงไหนต่อไหนทั้งๆที่ร้านเพิ่งเปิดได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง  แต่ก็อย่างที่บอก...การได้แกล้งคิมไคมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของโอเซฮุนไปแล้ว

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    15.50 น.

     

    กริ๊งงงงง!!

     

                “สวัสดีครับ....”

     

                เสียงทักทาย...ของพนักงานรอบบ่ายดังขึ้นเมื่อมีลูกค้าเข้ามาในร้าน  และหญิงสาวที่แต่งกายเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นชื่อดังพร้อมมือเรียวสวยที่กำลังถอดแว่นสีชาออกจากใบหน้าก็ทำให้จองอูไม่อาจละสายตา  แถมแหวนที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของลูกค้าคนนี้ก็แวววาวเหลือเกิน  แต่....

     

                “เจ้าของร้านอยู่ไหม...เรียกออกมาพบฉันหน่อย??!

     

                การที่เธอ...มายืนตรงหน้าเคาน์เตอร์และไม่ได้สั่งเครื่องดื่มเหมือนลูกค้าคนอื่นๆกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานรอบบ่ายเกิดความสงสัย  จองอูจำลูกค้าได้เกือบทุกคน  คนไหนชอบทานอะไร  ทานเครื่องดื่มแบบไหน  ร้อนเย็นปั่นไม่ปั่น  ไม่เอาวิปครีมและอีกมากมายก็สามารถจำได้หมด  แต่สำหรับลูกค้าคนนี้...การไม่สั่งเครื่องดื่มหรือขนมสักชิ้นก็ถือว่าผิดปกติมากแล้ว  แถมยังมาขอพบเจ้าของร้านทั้งๆที่ไม่น่าจะมีเรื่องให้คอมเพลน(Complain)***

     

    เตนล์มันทำอะไรผิดหรือเปล่าวะ?  หรือว่าจะเป็นตัวเองแต่จำไม่ได้??  ไปเรียกพี่เซฮุนมาดีกว่า...เดี๋ยวลูกค้าโมโห!!!

     

                “เชิญคุณลูกค้านั่งรอก่อนนะครับ”

     

                ไม่ใช่เวลาที่ต้องมานึกทบทวนความผิดในตอนนี้...และต่อให้มีเวลาคิดก็คงคิดไม่ออกเพราะจองอูจำไม่ได้จริงๆว่าเธอเคยเป็นลูกค้าของคริสต์มาสคาเฟ่  พนักงานรอบบ่ายรีบวิ่งกลับไปที่หลังร้านเมื่อลูกค้าสาวเดินไปนั่งรอที่โต๊ะริมกำแพง  ป่านนี้โฮยอนจะตื่นหรือยัง?  หวังว่าพี่เซฮุนจะไม่หลับไปด้วยอีกคนนะ??  ไม่อย่างนั้น...พนักงานอย่างเขาก็คงทำใจลำบากน่าดู??!  เด็กนอนก็ไม่อยากกวน  เจ้าของร้านพักผ่อนก็ไม่อยากปลุกและดีที่ตอนนี้ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าช่วงเช้า

     

                “ก๊อก ๆ ๆ...พี่เซฮุนครับ”

     

                ไม่มีประตูจะให้เคาะตามมารยาทเนื่องจากหลังร้านมีแค่มู่ลี่กั้นเอาไว้  จองอูจึงจำเป็นต้องส่งเสียงเรียกเพื่อให้คนด้านในทราบว่ามีใครกำลังจะเข้ามา  แล้วเหตุผลหลักๆที่ต้องพูดคำนั้นบ่อยๆเพราะก็การไม่ก๊อกๆ ๆมันทำให้เขาเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น  พี่ไคจูบเก่งเป็นบ้า!!!  เล่นเอาพี่เซฮุนหอบอยู่พักใหญ่...แล้วก็ปล่อยให้หายใจได้เพียงแป๊บเดียวพี่ไคก็เริ่มจูบใหม่อีกรอบ  หู้ยยยยยยยย...แซ่ปมากกกกก!!!

     

    เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนและไม่ได้ตั้งใจจะแอบดู...แต่ภาพที่เห็นมันทำให้ละสายตาไม่ได้ก็เท่านั้น  (O_O)!!!

     

                “ลูกค้าเยอะเหรอจองอู??”

     

                “พี่!!!..”

     

                คนเป็นเจ้าของร้าน...รีบเดินออกมาเปิดมู่ลี่ทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก  แต่การที่เด็กเพิ่งตื่นมาได้ไม่นานก็ทำให้เซฮุนต้องอุ้มหลานออกมาด้วยเพราะวันนี้ไม่มีไคคอยช่วยเลี้ยง  มันเหมือนจะเป็นเรื่องที่ลำบากทั้งๆที่ก็เคยลำบากมาแล้ว  มันคล้ายว่าจะชินกับการที่ต้องเลี้ยงเด็กไปพร้อมๆกับการทำงานแต่ก็ไม่ได้ชินจนไร้ความรู้สึก  เซฮุนยังรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองลำบาก  เซฮุนยังคงรู้สึกว่าโฮยอนเป็นภาระและสิ่งที่คนเป็นน้ารู้สึกอยู่เสมอก็คือ...มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาเลยสักนิด

     

                “ตอนนี้ลูกค้าไม่เยอะครับ  แต่พอดีมีลูกค้าคนหนึ่งมาขอพบพี่เซฮุน”

     

                “ลูกค้าผู้ชายหรือผู้หญิง??”

     

                “ผู้หญิงครับ...นั่งรออยู่ตรงริมกำแพงข้างต้นคริสต์มาส”

     

                เรื่องความลำบาก  ภาระหรือสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ต้องถูกพักเอาไว้ก่อน  เพราะคำตอบของพนักงานรอบบ่ายมันพาให้ต้องเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้ในส่วนลึก  เซฮุนรีบเดินออกไปหาลูกค้าตามที่จองอูได้บอกเอาไว้  และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องอุ้มหลานออกไปพบลูกค้าด้วยกันเพราะมันไม่มีคนช่วยเลี้ยงเหมือนสองอาทิตย์ที่ผ่านมา

     

    แต่......

     

                “สวัสดีคะ...ครับ!?”

     

                “ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ  โอเซฮุน...เรียนจบที่มหาลัยXXX  สาขาXX  มีพี่สาวชื่อโอเยนา  พี่สาวมีลูกชื่อโอโฮยอน  พ่อแม่ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปีXX  พี่สาวหย่าขาดจากสามีเมื่อปีXX   ละ...แล้ว!?”

     

                “เดี๋ยวนะครับ  คุณเป็นใคร...แล้วรู้จักผมหรือประวัติคนในครอบครัวของผมได้ยังไง???”

     

                ก้นยังไม่ทันได้สัมผัสกับเก้าอี้หรือได้เอ่ยทักทายคนตรงหน้า...ผู้หญิงที่จองอูมาแจ้งว่าขอพบก็เอาแต่พูดในเรื่องที่ควรจะมีแต่เขาคนเดียวที่ทราบ??  และยิ่งได้ฟังน้ำเสียง  ได้เห็นสีหน้าแววตาหรือได้เห็นกิริยาท่าทางของเธอก็ยิ่งพาลให้รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

     

                “ฉันไม่ได้รู้แค่ประวัติของคุณหรือคนในครอบครัวตระกูลโอเท่านั้น  แต่ฉันยังรู้อีกว่า...พี่สาวกับพี่เขยของคุณหนีไปไหน  ไปทำอะไรและตายยังไง??!!!!

     

                “มันจะมากไปแล้วนะ!!!

     

                คำว่า  “ตาย”  ทำให้เจ้าของร้านที่เพิ่งจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ระเบิดอารมณ์ออกมาโดยไม่สนเรื่องของมารยาทหรือว่าระดับความดังของเสียงเพราะคำว่าตายที่ได้ยินเมื่อครู่มันคือพี่สาวของเขา  หายไปก็โกรธมากพอแล้ว  ทิ้งลูกไว้เลี้ยงก็ยังโมโหจนถึงทุกวันนี้  แต่การที่คนอื่นมาบอกว่าพี่สาวของตัวเองตาย...มันยิ่งน่าโมโหและรู้สึกโกรธมากกว่าเรื่องใด

     

                “ถ้าไม่เชื่อก็ลองอ่านดู...แล้วก็อ่านให้ละเอียดด้วยนะคะ”

     

    ปึ่กก!!!

     

                ซองกระดาษสีขาวขนาดเท่าA4...ถูกโยนลงมาบนโต๊ะก่อนผู้โยนจะนั่งพิงหลังไปกับเก้าอี้อย่างไม่นึกยีหระ***กับสิ่งใด  เซฮุนแทบจะฉีกซองตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆเพราะเรื่องที่หญิงสาวคนนี้ได้เอ่ยออกมามันทำให้เกิดความร้อนใจ  ดวงตาเรียวสวยพยายามอ่านข้อมูลที่ถืออยู่ในมือด้วยสติเท่าที่มี  แต่ทั้งชื่อและภาพพร้อมผลวินิจฉัยของแพทย์จากการชันสูตรศพมันพาลให้สมองว่างเปล่า  มันไม่ใช่เรื่องจริง!!?  พี่สาวของเขาต้องไม่ขับรถตกหน้าผาตายไปพร้อมกับสามี?!  แล้วถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริงๆก็น่าจะมีญาติของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งส่งข่าวมาบอก??  ไม่  ไม่ใช่  ไม่จริง...เอกสารพวกนี้ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ

     

     

                ภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของประเทศแคนาดา  ภาพศพในห้องชันสูตรและชื่อบนแผ่นกระดาษเล็กๆที่ติดอยู่ตรงนิ้วโป้งเท้าอันแสนซีดเซียว  ทุกๆอย่าง...คือสิ่งที่ทำให้โลกทั้งหมดของเซฮุนหยุดหมุน  ความรู้สึกเสียใจ  สับสน  โมโห  สงสารและอีกมากมายมันตีรวนกันไปหมด  เสียใจ...ที่ต้องไร้พี่สาว  สับสน...ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริงใช่หรือไม่  โมโห...ที่ตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย  และสงสาร...ที่โฮยอนต้องมากำพร้าพ่อแม่เหมือนกับเขา

     

    แต่.....

     

                “ยังมีอีกเรื่องที่คุณเซฮุนต้องรู้เอาไว้นะคะเพราะมันสำคัญมากกกก...”

     

                “.........??”

     

                “เผื่อคุณยังไม่ทราบว่าคิมไคแต่งงานแล้ว...เวลาเค้าทะเลาะกับฉันทีไรก็ชอบถอดแหวนทิ้งไว้ทุกที  ยังไงก็ฝากแหวนให้เค้าสวมไว้เหมือนเดิมด้วยนะคะ  ถ้าไม่เห็นแก่หน้าฉันก็ควรเห็นแก่หน้าคุณแม่บ้างเพราะท่านจะถูกนินทาเอาได้...มัวแต่เที่ยวเตร่หาความสุขใส่ตัวแล้วปล่อยให้เมียอยู่บ้านคนเดียวมันไม่ดีเลยนะคะ...คุณว่าไหม?”

     

                เรื่องแรกแค่โลกหยุดหมุน...แต่เรื่องที่สองมันกลายเป็นโลกแตกเพราะแหวนที่หญิงสาวตรงหน้าฝากไว้ให้สามีของเธอมันทำให้ความสุขของเซฮุนหายวับไปกับตา  คำสัญญา  รอยยิ้ม  ความรัก  ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งจอมปลอมอย่างนั้นหรือ??  และความห่วงใย  อ้อมกอด  รอยจูบหรือแรงสัมผัส  มันก็เคยถูกมอบให้ผู้หญิงคนนี้ด้วยใช่ไหม???  ไคแต่งงานแล้ว...แหวนที่เธอสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายก็เป็นรูปแบบคล้ายๆกับความแวววาวที่วางอยู่บนโต๊ะตอนนี้...และด้านในมันก็สลักชื่อไว้ด้วยว่าKIMKAIพร้อมรูปหัวใจ

     

                “งุนงุนนน...”

     

                “โฮยอนนน!

     

                ไม่รู้ว่าน้ำตามันไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหน...และที่รู้ก็เพราะถูกมือน้อยๆสัมผัสอย่างแผ่วเบาพร้อมความเปียกชื้นที่แก้มด้านซ้าย  เซฮุนกอดหลานเอาไว้แน่นเพราะอารมณ์ในตอนนี้มันยากที่จะควบคุม  ความเสียใจถูกทับถมเป็นร้อยเท่าทวีคูณ...การที่ต้องมารับรู้ว่าพี่สาวจากไปด้วยอุบัติเหตุพร้อมกับการแต่งงานของใครอีกคนมันทำให้หัวใจบอบช้ำไปหมด  เสียใจกับทุกเรื่องที่ได้รับรู้  น้อยใจกับเรื่องของโชคชะตาและพยายามจะทำใจเมื่อรู้ว่าต่อไปจากนี้ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง

     

                “เสร็จธุระแล้ว...ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

     

                “...........”

     

                “แต่ก่อนกลับขอแนะนำตัวหน่อยนะคะ  ฉันซนนาอึน...เป็นภรรยาของคิมไค  ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณโอเซฮุน  ร้านของคุณน่ารักดีนะคะ  คิมไคเค้าก็ชอบวันคริสต์มากๆ  แต่ฉันก็ไม่นึกว่าจะมากจนต้องเดินทางมาถึงที่นี่เพราะที่อังกฤษก็มีเยอะแยะ”

     

     

    เธอไปแล้ว...และไปพร้อมกับการทิ้งความโศกเศร้าเอาไว้มากมาย  น้ำตาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล  สมองไม่มีแม้แต่จะหยุดคิดในทุกๆเรื่องที่ได้รับรู้  แล้วเด็กตัวน้อยก็ทำได้เพียงลูบแก้มที่เต็มไปด้วยความเปียกชื้นของผู้เป็นน้าอย่างไร้เดียงสา

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     


     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่ 7 : timeout.com  และkorism.com

    ***Complain = ร้องทุกข์  กล่าวหา  ฟ้อง

    ***ยีหระ  หมายถึง  ไม่หวั่น  ไม่สน

     

    ซนนาอึน



     

      

    Talk.

    กลับมาแล้วค่ะ  มาม่าอืดเต็มหม้อเลย  T^T

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ  ถ้าฟิคในตอนนี้มีข้อผิดพลาดประการใดเราต้องอภัยจริงๆค่ะ  (ไหว้ย่อ)

    และช่วงนี้เราจะอัพฟิคช้าหน่อยนะคะเพราะสมองมันเพี้ยนอีกแล้ว

    รัก

    #ฝากเลี้ยงKH 

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×