คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ☺ 7
7.
XXX Condominium
06.00
น.
!!!!!!!
!!!!!!!
แรงสั่นไหวจากใต้หมอน...ทำให้คนที่นอนทับอยู่บนความนุ่มลายก้อนเมฆต้องตื่นอย่างจำยอม มันคือหน้าที่
มันคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และมันก็เป็นกิจวัตรประจำที่ต้องทำซ้ำๆมาตลอดหลายเดือน แต่...เรื่องของการตั้งนาฬิกาปลุกมันกลับเป็นกิจวัตรอีกอย่างที่ต้องทำเพิ่มเมื่อมีใครอีกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ซึ่งใครคนนั้น...ก็มักจะทำให้เขาตื่นสาย? ไม่รู้จะรักอะไรกันทุกวัน?? วันนั้นที่ห้องนั่งเล่น วันนู้นที่ห้องครัวและเมื่อคืนก็ตรงเครื่องซักผ้า!!??
โดนนนน...ทุกที่ทุกคืนแบบนี้ไม่ตื่นสายก็ให้มันรู้ไป!!!?
มือบาง...ล้วงเครื่องมือสื่อสารจากใต้หมอนมากดปิดความสั่นไหวก่อนวางมันไว้บนหัวเตียงแล้วค่อยๆขยับตัวด้วยความระมัดระวัง เกรงว่าคนข้างกายจะตื่น กลัวว่าหลานจะพักผ่อนไม่เพียงพอและตอนนี้ก็ต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะมันยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการ อาหารสามมื้อของเด็กน้อยก็ต้องเตรียม แพมเพิส
เสื้อผ้า
ของเล่นก็ต้องขนไปไว้ที่ร้าน และส่วนของแฟนหื่นกาม...ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรมากนอกจาก....ร่างกายของเขา ไม่ช้ำวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องช้ำ?? รอยเก่าไม่ทันจาง รอยใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่??? ผิวเนื้อในร่มผ้ามีแต่รอยแดงเต็มไปหมด สะโพก
ต้นขา หน้าท้อง เฮ้อออ...น่าเกลียดชะมัด!! และ.....
จุ๊บบบบ!!!
“อ๊ะ...ไค!”
“มอร์นิ่ง!”
“มอร์นิ่ง...แต่มือไม่นิ่งเลยนะ อย่าล้วง
อ๊ะ...ไค!!!”
ยังไม่ทันได้ลุกออกไปไหน...เจ้าของเอวบางก็ถูกรวบตัวเอาไว้ก่อนตามมาด้วยแรงสัมผัสริมฝีปาก
พร้อมกับผิวเนื้อเนียนที่ถูกฟอนเฟ้นจนรู้สึกวูบไหว เซฮุนพยายามขืนกายให้หลุดจากการถูกเอาเปรียบและเวลานี้ก็ไม่เหมาะที่จะทำอะไรได้ตามใจ ใช่ว่าไม่รัก
ใช่ว่าไม่ต้องการ ใช่ว่าอยากห้ามปรามหรือว่าผลักไส แต่ถ้าขืนปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือทุกสิ่ง...เช้านี้เขาก็คงไปเปิดร้านไม่ทัน
“เสียงดังทำไม เดี๋ยวหลานก็ตื่น”
“มึงก็เลิกบีบตูดกูสักที อ๊ะ!”
“ร้องแบบนี้เดี๋ยวก็โดนจนได้...”
“พอเลยไค...กูบอกให้หยุดไง! อ๊ะ!!!”
แต่ยิ่งว่า...เหมือนยิ่งยุ ยิ่งห้ามก็ยิ่งถูกบีบ ทั้งเอวทั้งสะโพก
ทั้งความกลมกลึงและส่วนอื่นๆตามร่างกายก็ถูกลูบผ่านอย่างไม่อาจขัดขืน ลิ้นร้อนเริ่มประทับลงบนยอดอกก่อนขบกัดจนต้องกลั้นเสียงร้อง มือบางถูกตรึงเอาไว้ด้วยคนที่มีกำลังมากกว่าและขาทั้งสองข้าง...ก็ทำได้แค่ปัดป่ายไปมาอยู่บนเตียงกว้าง
“มึงทำเสน่ห์ใส่กูแน่ๆ”
“เสน่ห์บ้าอะไรล่ะ มึงหื่นเอง...อย่ามาโทษกู!!”
“ก็มันจริงนี่หว่า กูโคตรหวงมึงเลย...มึงรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย!!?”
มันเหมือนจะเป็นบ้ามากขึ้นทุกวัน...และที่ทำแบบนี้ก็เพราะไอ้ความหวงนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ เซฮุนเป็นแฟนที่ดี เป็นเมียที่ดี
เป็นเพื่อนที่ดี
ดี...ไปหมดในทุกสถานะ
คิมไคเคยบอกแล้วว่าไม่มีผู้ใดรู้ใจเขาเท่าคนในอ้อมกอดตอนนี้อีกแล้ว มันอยากจูบ
อยากหอม
อยากจะทำให้ช้ำไปทั้งตัวและใครจะด่าเขาว่าซาดิสต์โหดร้ายหรือไร้ความอ่อนโยนก็ไม่สนเพราะยิ่งได้อยู่ใกล้กันทุกวัน นอนด้วยกันทุกคืน...เขาก็ยิ่งอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป
“ใครต้องหวงใครกันแน่วะ?”
จากที่ถูกตรึงไว้บนเตียง
จากที่ถูกฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนกายและจากที่ถูกสัมผัสจนต้องกลั้นเสียงร้องก็กลายเป็นการถูกกอดเอาไว้ในอ้อมอก เซฮุนรู้ดีว่าไคกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกเช่นไร ซึ่งเขาก็คิดไม่ต่างไปจากนั้นเลยแม้แต่น้อย ไคหวงเขามากแค่ไหน เขาก็หวงไคมากเท่านั้น ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลคิมหล่อจะตายใครๆก็รู้ แล้วววววววว...โอเซฮุนคนนี้ต่างหากที่ต้องถามว่า “มึงทำเสน่ห์ใส่กูใช่ไหม??”
“ถ้าหวงมากกว่านี้...กูคงต้องจับมึงขังไว้ในห้อง?”
“ประสาท!! งานการมีทำ
หลานก็ต้องเลี้ยง...”
“รู้น่ะ”
“ถ้ารู้จริงๆ...ตอนนี้มึงก็ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวกูไปเปิดร้านไม่ทัน”
“ค้าบบบบ!”
“ค้าบ...ก็ลุกสักทีสิค้าบบบ”
“อาบด้วยกัน?”
“ไม่ต้องเลย.....”
“เบื่อคนรู้ทันว่ะ”
“ไปอาบน้ำสักที!!”
ต่อรองเก่ง อ้อนเก่ง...และเก่งแต่เรื่องที่ทำให้โอเซฮุนคนนี้มีความสุข
มือบางฟาดลงไปบนท่อนแขนกำยำอย่างไม่จริงจังแล้วผลักเจ้าของอกกว้างให้รีบลุกไปอาบน้ำก่อนที่หลานจะตื่น เป็นสองสัปดาห์ที่ได้อยู่ด้วยกัน
เป็นสิบสี่วันที่ไม่เคยห่างกันไปไหนและถ้ามันเป็นเช่นนี้ตลอดไปก็คงดีไม่ใช่น้อย ปากบางยกยิ้มภายใต้ความมืดในห้องนอน ผ้าห่มลายก้อนเมฆถูกดึงมาคลุมช่วงล่างเอาไว้เพราะมันเปลือยเกินกว่าจะไร้ซึ่งสิ่งใดมาปกปิด แต่.....
Rrrrr!!!!
Rrrrr!!!!
เหมือนจะหมดเวลาฝันหวาน....เนื่องจากโทรศัพท์อีกเครื่องมันกำลังส่งเสียงร้องจนต้องรีบคว้ามากดรับโดยที่ไม่ได้ดูหน้าจอด้วยซ้ำว่าใครโทรมา ใช่ว่าอยากเสียมารยาทรับสายของคนอื่น
แต่การที่เจ้าของเครื่องไม่ยอมปิดเสียงก่อนเข้านอนเมื่อคืนมันทำให้รบกวนเวลาพักผ่อนของเด็กหญิงโฮยอน
เซฮุนจำเป็นต้องเดินแก้ผ้าออกไปคุยสายให้ห่างจากเตียงเล็กน้อยด้วยเกรงว่าความตกใจของตัวเองจะพาลให้หลานตื่น
“สวัสดีครับ...”
(อ้าวว...เซฮุน ไคไปไหนล่ะ?)
“แบคเหรอ...ไคอาบน้ำ มีอะไรด่วนหรือเปล่า?”
(ด่วนมากกก...
แบคขอคุยกับมันหน่อยสิ)
“งั้นถือสายรอแป๊บนึงนะ...”
คงจะด่วนมากอย่างที่คนปลายสายได้เอ่ย...ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวก็คงไม่โทรมารบกวนแต่เช้าแบบนี้
เซฮุนรีบเดินไปที่หน้าห้องน้ำก่อนเคาะแผ่นไม้สีขาวแล้วเรียกคนที่อยู่ด้านในให้ออกมารับโทรศัพท์ แต่...
“เข้ามาเลย...กูไม่ได้ล็อคประตู”
เสียงทุ้ม...ที่ตะโกนกลับมามันทำให้เซฮุนต้องรีบเปิดประตูเข้าไปเพราะเกรงว่าปลายสายจะรอนาน แล้วการที่ต่างคนต่างก็เปลือยเปล่ากันทั้งคู่ก็ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่องอดใจไม่ไหวอีกต่อไป มือหนึ่งรีบหยิบโทรศัพท์มาแนบหู
ส่วนอีกมือก็ต้องคว้าเอวบางเอาไว้ด้วยความมันเขี้ยว อย่ามาทำหน้าบึ้ง...มึงเดินมาอ่อยกูเองนะครับโอเซฮุน?!! แล้วถ้าไม่อยากให้อะไรอะไรของกูมันตื่น...ก็อย่าดิ้นให้มากนัก!!!!???
“ปล่อยนะไค...กูจะไปอาบน้ำ”
“ว่าไงแบค?”
จะคุยกับเพื่อนกูคุยไปสิวะ...มึงจะมากอดกูไว้ทำไมเนี่ย?? น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ของก็ยังไม่ได้เตรียม?!! แล้วมึงก็เลิกกัดกูสักทีได้ไหม...มันเจ็บนะเว้ย!!?
ทักทายคนปลายเสร็จสรรพก็ก้มกายลงมาฝากรอยฟันไว้บนหัวไหล่
เซฮุนจึงได้แต่เบ้หน้าด้วยความเจ็บและพยายามขืนกายออกจากอ้อมกอด แต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะไม่มีครั้งไหนที่เขาจะสู้แรงของไคได้เลย
(มึงจะทำอะไรกันกูไม่ว่า
แต่มึงช่วยฟังกูหน่อยได้ไหม...พอดีมีเรื่องให้ช่วย)
“ก็ว่ามาาา กูรอฟังอยู่เนี่ย!!”
“ไคอย่าจับ อ๊ะ!!...ปล่อยนะไค มันเจ็บบ!”
(ไอ้เชี่ยไค!! มึงฟังกูอยู่ไหมเนี่ยยย!!)
อยากจะหายตัวเข้าไปตบเพื่อนผิวเข้มให้หัวทิ่ม...เพราะเสียงห้ามปรามหรือเสียงร้องโวยวายที่ลอดเข้ามาในสายมันพาลให้แบคฮยอนเริ่มหงุดหงิด
รู้ดีว่าโทรมาผิดเวลา...แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนจริงๆเขาก็คงไม่มีทางมาขอความช่วยเหลือเด็ดขาด
“ฟังอยู่...มีอะไรก็รีบๆพูดมา เดี๋ยวเซฮุนไปเปิดร้านไม่ทัน”
(วันนี้สิบโมงมึงช่วยไปสอนแทนกูที่มหา’ลัยXXหน่อย
พอดีกูมีธุระด่วนแล้วหาคนแทนไม่ได้)
“เรื่องสอนไม่ใช่ปัญหา...แต่ทางมหา’ลัยเค้าอนุมัติแล้วเหรอวะ??”
(เรื่องนั้นเดี๋ยวกูเคลียร์ให้เอง)
“สอนกี่ชั่วโมง?”
(วันนี้กูมีสอนสองรอบ รอบแรก...สิบโมงถึงเที่ยง รอบสองก็...บ่ายโมงถึงบ่ายสาม)
“เออๆ...เดี๋ยวกูไปสอนแทนให้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะเว้ย!”
(รู้น่ะว่าห่วงเมีย)
“ห่วงมากด้วย”
(มึงก็บ้าเนอะ!!
เซฮุนมันอยู่โดยที่ไม่มีมึงมากี่ปีมันยังอยู่ได้ แล้ววันนี้มึงก็แค่ไปสอนหนังสือแทนกู...มันไม่ถึงตายหรอก)
“มันไม่ตาย...แต่กูนี่แหละจะตาย”
(มึงมันบ้าจริงๆนะไค...นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆกูถีบให้หน้าหงาย!!!)
“มึงเก็บแรงไว้ถีบชานยอลดีกว่ามั้ง”
(อย่ามาเสือก!!!...เอาตัวเองให้รอดก่อน!!)
ติ๊ดดด!!!
จำเป็นต้องตัดสายทิ้งด้วยความหมั่นไส้...ส่วนข้อมูลในการสอนหรือเอกสารที่ต้องใช้ก็คงต้องฝากข้อความไว้ในแอพพลิเคชั่นสีเขียว
แบคฮยอนไม่เคยเห็นเพื่อนผิวเข้มเป็นแบบนี้มาก่อน นับวันมันยิ่งห่วงเซฮุนมากขึ้นและห่วงมากกว่าตอนที่พวกเรายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แต่ใครเป็นแฟนกับคนอย่างมันได้ก็คงต้องบ้าพอๆกัน
เพราะคิมไคเป็นบุคคลที่เรื่องมากที่สุดในโลก ไอ้นั้นก็กินไม่ได้ ไอ้นี้ก็ทำไม่เป็น จุกจิกจู้จี้ไปหมดทุกเรื่อง...ขนาดเขาเป็นแค่เพื่อนสนิทยังรู้สึกรำคาญมันในบ้างครั้ง แล้วเขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเซฮุนเคยรำคาญมันบ้างหรือเปล่า???
หลังอาหารทุกมื้อต้องมีของหวาน
เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้รีดก็จะไม่ใส่เด็ดขาด
กางเกงยีนส์ที่ใส่แล้วจะไม่ใส่ซ้ำถ้ายังไม่ได้ซักและอีกสารพัดสิ่งที่เพื่อนอย่างคิมไคยังเรื่องมากได้อีกกกกก..............WTF!!!!!!!!!!
Christmas Café
07.35
น.
กรุ๊งกริ๊งงงๆ ๆ ๆ!!!!
“ปะป๊า....”
“ครับ...”
...
...
“ปะป๊าาา”
“แป๊บนึงนะครับโฮยอน”
...
...
“ปะป๊า ปะป๊าาา”
“ครับๆ ๆ...ปะป๊าใกล้เสร็จแล้วครับบบ”
เด็กน้อย...ที่เขย่าของเล่นมาตั้งแต่เตรียมการเปิดร้านร้องเรียกคนงานยุ่งด้วยความงอแง
โฮยอนถูกอุ้มไปพร้อมๆกับการจัดข้าวของภายในร้านให้เข้าที่ ทั้งน้ำตาลทราย ไซรัป
ที่ครอบแก้วและเก้าอี้ที่ต้องตรวจดูอีกรอบว่าสะอาดหรือไม่ แล้วเสียงกรุ๊งกริ๊งก็คล้ายว่าจะถูกเขย่าให้แรงขึ้นเมื่อปะป๊าไม่มีทีท่าว่าจะสนใจกันสักที
“ไค...เอาโฮยอนมาให้กู”
“มึงจัดขนมไปเหอะ”
“ทำไมหลานงอแงจังวะ?”
“หาคนเล่นด้วยมั้ง”
คนหนึ่งช่วยเตรียมของด้านนอก...ส่วนอีกคนก็ต้องจัดของภายในเคาน์เตอร์บาร์ให้เสร็จ วอร์มเครื่องทำกาแฟเรียบร้อย
แก้วกาแฟก็เติมจนเต็มชั้นวางและจานชามช้อนส้อมสำหรับใส่ของหวานก็เตรียมไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน มือบางเรียงเค้กหลากชนิดลงในภาชนะสีขาวด้วยความระมัดระวังก่อนตามมาด้วยแซนด์วิชที่ต้องวางไว้คนละชั้นเพราะของคาวกับของหวานมันวางไว้คู่กันไม่ได้ มือ...ทำหน้าที่จัดขนมใส่ตู้แต่สายตาก็คอยมองเด็กน้อยในอ้อมแขนของแฟนผิวเข้มไปด้วยเพราะเจ้าตัวออกอาการงอแงจนน่าเป็นห่วง
กรุ๊งกริ๊งงงๆ ๆ!!!!!
ของเล่นที่เพื่อนตัวโย่งซื้อให้...ถูกตีลงไปบนไหล่กว้าง
ปากน้อยๆเริ่มเบะออกเหมือนถูกขัดใจและก่อนที่เสียงร้องไห้จะตามมาก็พาให้คนเป็นน้าต้องละมือจากการจัดเรียงขนมหวาน ขาเรียวภายใต้กางเกงยีนส์สีเข้มพร้อมการสวมผ้ากันเปื้อนรีบก้าวออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ด้วยความเป็นห่วง และที่ห่วงก็คือโฮยอนกับขนมที่ยังจัดไม่เรียบร้อยเพราะอีกไม่กี่นาทีร้านต้องเปิดให้บริการ
“เป็นอะไรคะเด็กดี?”
“งุนนน!!!!”
“ว่ายังไง...หนูหงุดหงิดอะไรคะ?”
“ฮึกก!!”
“ชู่ววว...ไม่ร้องนะคะ มาหางุนงุนมา
งุนงุนอุ้มนะ”
สุดท้าย...ก็ร้องไห้อย่างที่คิดไว้จริงๆ แต่จะร้องไห้เพราะอะไรก็เป็นสิ่งที่เซฮุนต้องหาคำตอบ ไครีบส่งโฮยอนให้คนเป็นน้าอุ้มทันที
ใบหน้าคมเข้มแสดงความเป็นห่วงอย่างไม่ปกปิดและคิดว่าวันนี้ตัวเองควรไปสอนนักศึกษาแทนเพื่อนตัวเล็กหรือไม่ หลานก็ห่วง
เมียก็ห่วง ร้านกาแฟก็ห่วง...ทุกๆอย่างมันพาลให้ไคไม่อยากไปสอนหนังสือให้ใครทั้งนั้น
จากที่เขย่าของเล่นจนเกิดเสียงน่ารำคาญ...ตอนนี้มันถูกปากน้อยๆกัดแทะจนน้ำลายยืด
โฮยอนร้องไห้ไปกัดของเล่นไปแถมใบหน้าจิ้มลิ้มก็เริ่มแดงขึ้น แดงขึ้น
แดงขึ้น
เซฮุนรีบดึงของเล่นออกจากการกัดแทะก่อนวางเด็กน้อยให้นอนราบไปกับโต๊ะตรงหน้าแล้วใช้ผ้าอ้อมที่พาดไว้บนบ่าแฟนผิวเข้มมาพันที่นิ้วชี้ และการทำเช่นนั้นก็พาให้ไคต้องช่วยจับเด็กเอาไว้อีกแรง
“แงงงงง...!!!”
“งุนงุนขอดูหน่อยนะคะ ไม่เจ็บน้าาา
// ไคจับแขนโฮยอนไว้!”
คนที่เลี้ยงโฮยอนมาเกือบหกเดือนรู้แล้วว่าหลานเป็นอะไรเพราะเด็กที่ใกล้จะอายุสองขวบก็มักจะร้องไห้เมื่อฟันเริ่มขึ้น นิตยสารสำหรับคุณแม่มือใหม่กลายเป็นสิ่งที่เซฮุนจำเป็นต้องอ่านเพื่อหาความรู้และผ้าอ้อม...ที่พันนิ้วชี้เอาไว้ก็รู้สึกได้ถึงความแข็งเมื่อลูบผ่านเหงือกของโฮยอนอย่างเบามือ เหงือกด้านล่างมีรอยนูนพร้อมฟันสีขาวที่โผล่ออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนเหงือกด้านบนยังคงเรียบเหมือนตอนแรกเกิด
“โฮยอนเป็นอะไรวะ?”
“ฟันกำลังขึ้น...โฮยอนคงเจ็บก็เลยงอแง”
“ฟันขึ้นแล้วเหรอ!? ไหนไหน...ขอกูดูหน่อย!!”
คนที่เด็กเรียกว่าปะป๊าดูจะตื่นเต้นกว่าผู้เป็นน้าเสียอีกเพราะเมื่อได้ยินคำว่า “ฟันกำลังขึ้น” ไคก็รีบทำแบบเซฮุนทันที ผ้าอ้อมถูกดึงมาพันที่นิ้วของตัวเองด้วยความอยากรู้อยากลอง เหงือกสีชมพูของเด็กอายุเพียงขวบเศษถูกลูบไปมาก่อนสัมผัสได้ถึงความขรุขระและรอยยิ้มของไคก็พาให้เซฮุนรับรู้ได้ถึงความสุข แค่หลานฟันขึ้นซี่เดียวมึงยังยิ้มจนปากจะฉีก แล้วถ้าโตมามันอ้อนว่า...ปะป๊าอย่างนั้น ปะป๊าอย่างนี้มึงคงกลายเป็นบ้าไปเลยมั้ง?!!!
“ฮึกก...ปะป๊า!”
“ไม่ร้องนะครับ หนูโตแล้วน้าาา...ฟันขึ้นหนึ่งซี่แล้ว”
“ฮึกกก!!...”
“ไม่เอาไม่ร้อง ไปง่ำๆสตรอเบอร์รี่กันดีกว่าาา”
“ฮึกก...รี่รี่!!”
“โอเค...ไปกินรี่รี่กันนะครับ”
ฟอดดดด!!!
สิ่งใดที่มีชื่อยาวเกินกว่าเด็กขวบเศษคนนี้จะเรียกได้...เจ้าตัวก็มักจะพูดคำสุดท้ายซ้ำกันสองครั้งหรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นชื่อที่เข้าใจได้ง่ายกว่าชื่อเดิมอย่างเช่น เซฮุน=งุนงุน อาบน้ำ=เป็ดเป็ดและสตรอเบอร์รี่ก็เท่ากับรี่รี่
ไคหอมแก้มป่องๆด้วยความมันเขี้ยวและรีบพาหลานตัวน้อยไปที่หลังร้านก่อนเปิดตู้เย็นหยิบผลไม้สีแดงสดออกมาหนึ่งลูก โฮยอนหยุดร้องไห้ทันทีเมื่อเห็นของชอบเพราะมันหอมหวานแถมยังทำให้ลืมเรื่องสิ่งแปลกปลอมที่งอกออกมาจากเหงือก
สิ่งที่งุนงุนเรียกว่าฟันมันทำให้หนูรู้สึกรำคาญมากว่าเจ็บ แล้วรี่รี่...ที่ปะป๊าหยิบให้ก็อร่อยมากเลยยยย^0^)
“งุนนน!!”
“โอ้โห...เลอะเทอะไปหมดแล้วเนี่ย!!
มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“รี่รี่ ^-^) ”
ปากน้อยๆที่เปื้อนไปด้วยสีแดง มือป้อมๆที่กำผลไม้ไว้เต็มสองมือพร้อมเสียงทักทายจากทางด้านหลังก็ทำให้คนที่กำลังจัดขนมใส่ตู้จำเป็นต้องละจากหน้าที่อีกครั้ง เฮ้อออ!!...ทำไมมึงไม่ใส่ผ้ากันเปื้อนให้หลานนนน!!!? และเสื้อสีขาวที่เต็มไปด้วยคราบของสตรอเบอร์รี่มันจะซักออกไหม?? แล้วเมื่อไหร่กูจะจัดของเสร็จวะเนี่ยยยย???!! ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เซฮุนกังวลเพราะเรื่องที่ไคต้องไปสอนหนังสือแทนแบคฮยอนก็เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลเช่นกัน
“มึงไปเตรียมตัวได้แล้วไค...เดี๋ยวก็ไปสอนไม่ทัน”
“มึงอยู่คนเดียวได้แน่นะ”
“ได้สิ...ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวเตนล์ก็มาแล้ว”
“รอมึงจัดตู้ขนมให้เสร็จก่อนแล้วกูค่อยไป”
“ไค...”
มือบาง...ที่ดึงผ้าอ้อมมาเช็ดปากเด็กน้อย เสียงอ่อนเสียงหวานที่เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงและสองแขนที่โอบรอบเอวสอบเอาไว้ ทุกๆอย่างที่เซฮุนแสดงออกมามันทำให้ไครู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังกังวลในเรื่องใด? มึงคิดมากอีกแล้วใช่ไหม?? กูไปสอนหนังสือแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ!! กูไม่ไปจีบนักศึกษาที่ไหนหรอก....กูสัญญา!!! ปากบอกให้เขาไปเตรียมตัว ปากบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ปากบอกว่าอยู่คนเดียวได้ แต่ดวงตาคู่สวยที่ไม่กล้าสบกันเหมือนเช่นทุกครั้งมันพาให้ไคต้องรีบกอดตอบกายบางเอาไว้แนบอก เข้าใจว่ารัก
เข้าใจว่าห่วง เข้าใจว่าหวง...แต่ยิ่งมึงทำแบบนี้กูยิ่งไม่อยากไปไหน อยากกอดมึงไว้แบบนี้ทั้งวัน
“งอแงทั้งน้าทั้งหลาน”
“เปล่างอแง...”
“สอนเสร็จจะรีบกลับ”
“จริงนะ...รีบกลับมาเลยนะ ห้ามแวะที่ไหนนะ กูจะรอกินข้าวพร้อมมึง”
ยอมรับว่าทั้งห่วงและหวง...มีแฟนหล่อรวยและเอาอกเอาใจเก่งขนาดนี้จะไม่ให้หวงได้ไง ถึงแม้จะทราบดีว่าไคไม่ใช่คนหลายใจหรือเห็นสาวๆที่ไหนก็เที่ยวหมาหยอกไก่ไปทั่ว แต่ความหวง...มันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ!!! แล้วในความหวงก็ยังมีความกลัวปะปนมาด้วยเพราะการจากไปของไคหรือการที่เจ้าตัวเพิ่งกลับมาได้เพียงสองอาทิตย์มันก็พาลให้เซฮุนกังวลไปหมด กังวลว่าจะถูกทิ้ง เกรงว่าจะหายไปและกลัวว่าจะต้องจากลา...กันอีกครั้ง
“เฮ้ออ!!...ถ้ามึงทำแบบนี้กูไม่ไปสอนดีกว่ามั้ง”
ฟอดดดดด!!!
ลูกก็น่ารัก เมียก็ขี้อ้อน...คนที่เป็นทั้งปะป๊าและสามีจึงไปไหนไม่รอด การแสดงออกของคนที่บอกว่าไม่ได้งอแงทำให้ไคยิ่งหวงมากขึ้นทุกวัน เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรให้เซฮุนหายคิดมาก ซึ่งเขาก็ผิดเองที่การจากไปเมื่อหลายปีก่อนมันทำให้เกิดความหวาดระแวง แล้วใบหน้าเรียวสวย...ที่ซบลงไปบนอกกว้างตอนนี้ก็คือสิ่งที่ไคอยากจะหอมซ้ำๆ อยากตื่นมาก็เจอทุกวันและยามหลับก็กอดกันไว้ทุกค่ำคืน
“ถ้ารอให้เตนล์มาก่อน...มึงจะไปสอนทันไหมวะ?”
“ทัน...กูมีสอนสิบโมง”
จุ๊บบ!!
“งั้นกินข้าวเช้าพร้อมกันแล้วค่อยไปนะ...นะนะนะ”
กูอยากจะแดกมึงแทนอาหารเช้า...จะอ้อนอะไรขนาดนี้วะ? รู้ว่าผัวมีความอดทนต่ำก็อ้อนเหลือเกิน!!?
มึงรีบจัดขนมให้เสร็จก่อนที่กูจะจัดมึงสักดอกสองดอกดีกว่ามั้ง???
มือหนาบีบความกลมกลึงภายใต้กางเกงยีนส์ด้วยความมันเขี้ยวเพราะสันกรามคมที่ถูกริมฝีปากสีหวานประทับรอยเอาไว้มันพาลให้ไคอยากรัก รัก
รักเซฮุนจนลุกจากเตียงไม่ไหว
สักรอบก่อนไปสอนซะดีมั้ง!!!!!!
Christmas Café
08.40
น.
VROOMMMMM!!!!!
“ไค...เอานี่ไปด้วย เผื่อของกินที่มหา’ลัยไม่ถูกปาก”
“อะไรวะ?”
“แซนด์วิชกับโก้โก้ร้อน”
“ขอบคุณครับเมีย...”
ขนมปังที่ใช้ทำแซนด์วิชต้องเป็นแบบโฮลวีทเท่านั้น
ส่วนผักจะใส่อะไรมาก็ได้ยกเว้นแตงกวาดองและซอสก็ขอเพียงแค่ซอสมะเขือเทศ ห้ามใส่มาสตาร์ดหรือมายองเนสโดยเด็ดขาด แล้วคนที่กำลังจะไปสอนหนังสือแทนเพื่อนก็ไม่ทานกาแฟเพราะมันทำให้ใจสั่นทุกครั้งที่กิน และสิ่งที่ทานได้ก็คือโกโก้ร้อน
แต่...นมที่ใช้ทำเครื่องดื่มต้องเป็นนมถั่วเหลืองเนื่องจากนมวัวมันทำให้ไคท้องอืด
ไม่มีใครรู้ใจหนุ่มผิวเข้มคนนี้เท่าเซฮุนอีกแล้ว และคนส่วนมากรวมถึงเพื่อนในแก๊งค์ก็ยังคิดว่าคิมไคคือบุคคลที่เรื่องเยอะสุดๆ
“ขับรถระวังนะมึง”
“ปะป๊าบึ้นนน!!”
“ปะป๊าไปทำงานค่ะ วันนี้โฮยอนไปบื้นกับปะป๊าไม่ได้นะคะ”
“บื้นนนน บื้นน!!!”
คนเป็นน้าอดที่จะห่วงคนในรถไม่ได้ ส่วนคนเป็นหลานก็บึ้นนนน...จนน้ำลายไหลยืด
โฮยอนเริ่มชอบออกไปเที่ยวมากขึ้นเพราะตลอดสองอาทิตย์ที่มีไคมาอยู่ด้วย เจ้าตัวก็มักจะพาเด็กน้อยออกไปเที่ยวเสมอเมื่อถึงวันหยุด
แล้วอ่างอาบน้ำที่ได้ฟรีจากโปรโมชั่นการซื้อแพมเพิสก็ใช้เป็ดเป็ดกับไคทุกวัน ในอ่างมันมีน้ำพุ ปะป๊าก็ชอบเล่นเป่าฟองสบู่และความสนุกของเด็กหญิงโฮยอนก็คือการได้อยู่กับทุกๆคน แต่ตอนนี้...ไคกำลังจะออกไปทำงาน โฮยอนจึงได้แต่ร้องบึ้นๆ ๆ ๆอยู่อย่างนั้น
“มึงพาหลานเข้าไปข้างในเหอะ เดี๋ยวหลานอารมณ์ไม่ดี”
“โอเค...”
“มีอะไรด่วนก็โทรมานะ”
“แล้วถ้ากูอยาก(....)แบบด่วนๆล่ะ??”
“...............”
ไร้ซึ่งคำตอบ...แต่ยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม มือหนาที่เริ่มหักพวงมาลัยเพื่อขับรถออกไปตรงถนนก่อนโบกมือลาก็ทำให้เซฮุนไม่อยากได้คำตอบอีกแล้ว
การได้แกล้งคิมไคมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ ยิ่งเห็นว่าไคต้องอดทนต่อการถูกยั่วยุมันก็ยิ่งอยากแกล้ง ว่าแล้วคืนนี้...เขาจะใส่ชุดนอนตัวไหนดีน้าาา? จะใส่แต่เสื้อไม่ใส่กางเกง?? หรือว่าจะไม่ใส่อะไรเลยดีล่ะ??? เจ้าของขาเรียวที่เดินกลับเข้ามาด้านในกำลังคิดไปถึงไหนต่อไหนทั้งๆที่ร้านเพิ่งเปิดได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็อย่างที่บอก...การได้แกล้งคิมไคมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของโอเซฮุนไปแล้ว
...
...
...
15.50
น.
กริ๊งงงงง!!
“สวัสดีครับ....”
เสียงทักทาย...ของพนักงานรอบบ่ายดังขึ้นเมื่อมีลูกค้าเข้ามาในร้าน
และหญิงสาวที่แต่งกายเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นชื่อดังพร้อมมือเรียวสวยที่กำลังถอดแว่นสีชาออกจากใบหน้าก็ทำให้จองอูไม่อาจละสายตา แถมแหวนที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของลูกค้าคนนี้ก็แวววาวเหลือเกิน แต่....
“เจ้าของร้านอยู่ไหม...เรียกออกมาพบฉันหน่อย??!”
การที่เธอ...มายืนตรงหน้าเคาน์เตอร์และไม่ได้สั่งเครื่องดื่มเหมือนลูกค้าคนอื่นๆกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานรอบบ่ายเกิดความสงสัย จองอูจำลูกค้าได้เกือบทุกคน คนไหนชอบทานอะไร ทานเครื่องดื่มแบบไหน ร้อนเย็นปั่นไม่ปั่น
ไม่เอาวิปครีมและอีกมากมายก็สามารถจำได้หมด
แต่สำหรับลูกค้าคนนี้...การไม่สั่งเครื่องดื่มหรือขนมสักชิ้นก็ถือว่าผิดปกติมากแล้ว แถมยังมาขอพบเจ้าของร้านทั้งๆที่ไม่น่าจะมีเรื่องให้คอมเพลน(Complain)***
เตนล์มันทำอะไรผิดหรือเปล่าวะ?
หรือว่าจะเป็นตัวเองแต่จำไม่ได้??
ไปเรียกพี่เซฮุนมาดีกว่า...เดี๋ยวลูกค้าโมโห!!!
“เชิญคุณลูกค้านั่งรอก่อนนะครับ”
ไม่ใช่เวลาที่ต้องมานึกทบทวนความผิดในตอนนี้...และต่อให้มีเวลาคิดก็คงคิดไม่ออกเพราะจองอูจำไม่ได้จริงๆว่าเธอเคยเป็นลูกค้าของคริสต์มาสคาเฟ่
พนักงานรอบบ่ายรีบวิ่งกลับไปที่หลังร้านเมื่อลูกค้าสาวเดินไปนั่งรอที่โต๊ะริมกำแพง ป่านนี้โฮยอนจะตื่นหรือยัง? หวังว่าพี่เซฮุนจะไม่หลับไปด้วยอีกคนนะ?? ไม่อย่างนั้น...พนักงานอย่างเขาก็คงทำใจลำบากน่าดู??! เด็กนอนก็ไม่อยากกวน
เจ้าของร้านพักผ่อนก็ไม่อยากปลุกและดีที่ตอนนี้ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าช่วงเช้า
“ก๊อก ๆ
ๆ...พี่เซฮุนครับ”
ไม่มีประตูจะให้เคาะตามมารยาทเนื่องจากหลังร้านมีแค่มู่ลี่กั้นเอาไว้
จองอูจึงจำเป็นต้องส่งเสียงเรียกเพื่อให้คนด้านในทราบว่ามีใครกำลังจะเข้ามา แล้วเหตุผลหลักๆที่ต้องพูดคำนั้นบ่อยๆเพราะก็การไม่ก๊อกๆ
ๆมันทำให้เขาเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น
พี่ไคจูบเก่งเป็นบ้า!!! เล่นเอาพี่เซฮุนหอบอยู่พักใหญ่...แล้วก็ปล่อยให้หายใจได้เพียงแป๊บเดียวพี่ไคก็เริ่มจูบใหม่อีกรอบ หู้ยยยยยยยย...แซ่ปมากกกกก!!!
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนและไม่ได้ตั้งใจจะแอบดู...แต่ภาพที่เห็นมันทำให้ละสายตาไม่ได้ก็เท่านั้น (O_O)!!!
“ลูกค้าเยอะเหรอจองอู??”
“พี่!!!..”
คนเป็นเจ้าของร้าน...รีบเดินออกมาเปิดมู่ลี่ทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก
แต่การที่เด็กเพิ่งตื่นมาได้ไม่นานก็ทำให้เซฮุนต้องอุ้มหลานออกมาด้วยเพราะวันนี้ไม่มีไคคอยช่วยเลี้ยง มันเหมือนจะเป็นเรื่องที่ลำบากทั้งๆที่ก็เคยลำบากมาแล้ว มันคล้ายว่าจะชินกับการที่ต้องเลี้ยงเด็กไปพร้อมๆกับการทำงานแต่ก็ไม่ได้ชินจนไร้ความรู้สึก เซฮุนยังรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองลำบาก
เซฮุนยังคงรู้สึกว่าโฮยอนเป็นภาระและสิ่งที่คนเป็นน้ารู้สึกอยู่เสมอก็คือ...มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาเลยสักนิด
“ตอนนี้ลูกค้าไม่เยอะครับ แต่พอดีมีลูกค้าคนหนึ่งมาขอพบพี่เซฮุน”
“ลูกค้าผู้ชายหรือผู้หญิง??”
“ผู้หญิงครับ...นั่งรออยู่ตรงริมกำแพงข้างต้นคริสต์มาส”
เรื่องความลำบาก
ภาระหรือสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ต้องถูกพักเอาไว้ก่อน เพราะคำตอบของพนักงานรอบบ่ายมันพาให้ต้องเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้ในส่วนลึก เซฮุนรีบเดินออกไปหาลูกค้าตามที่จองอูได้บอกเอาไว้ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องอุ้มหลานออกไปพบลูกค้าด้วยกันเพราะมันไม่มีคนช่วยเลี้ยงเหมือนสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
แต่......
“สวัสดีคะ...ครับ!?”
“ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ โอเซฮุน...เรียนจบที่มหา’ลัยXXX สาขาXX มีพี่สาวชื่อโอเยนา พี่สาวมีลูกชื่อโอโฮยอน พ่อแม่ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปีXX พี่สาวหย่าขาดจากสามีเมื่อปีXX
ละ...แล้ว!?”
“เดี๋ยวนะครับ คุณเป็นใคร...แล้วรู้จักผมหรือประวัติคนในครอบครัวของผมได้ยังไง???”
ก้นยังไม่ทันได้สัมผัสกับเก้าอี้หรือได้เอ่ยทักทายคนตรงหน้า...ผู้หญิงที่จองอูมาแจ้งว่าขอพบก็เอาแต่พูดในเรื่องที่ควรจะมีแต่เขาคนเดียวที่ทราบ?? และยิ่งได้ฟังน้ำเสียง ได้เห็นสีหน้าแววตาหรือได้เห็นกิริยาท่าทางของเธอก็ยิ่งพาลให้รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
“ฉันไม่ได้รู้แค่ประวัติของคุณหรือคนในครอบครัวตระกูลโอเท่านั้น แต่ฉันยังรู้อีกว่า...พี่สาวกับพี่เขยของคุณหนีไปไหน ไปทำอะไรและตายยังไง??!!!!”
“มันจะมากไปแล้วนะ!!!”
คำว่า “ตาย”
ทำให้เจ้าของร้านที่เพิ่งจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ระเบิดอารมณ์ออกมาโดยไม่สนเรื่องของมารยาทหรือว่าระดับความดังของเสียงเพราะคำว่าตายที่ได้ยินเมื่อครู่มันคือพี่สาวของเขา หายไปก็โกรธมากพอแล้ว ทิ้งลูกไว้เลี้ยงก็ยังโมโหจนถึงทุกวันนี้ แต่การที่คนอื่นมาบอกว่าพี่สาวของตัวเองตาย...มันยิ่งน่าโมโหและรู้สึกโกรธมากกว่าเรื่องใด
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองอ่านดู...แล้วก็อ่านให้ละเอียดด้วยนะคะ”
ปึ่กก!!!
ซองกระดาษสีขาวขนาดเท่าA4...ถูกโยนลงมาบนโต๊ะก่อนผู้โยนจะนั่งพิงหลังไปกับเก้าอี้อย่างไม่นึกยีหระ***กับสิ่งใด
เซฮุนแทบจะฉีกซองตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆเพราะเรื่องที่หญิงสาวคนนี้ได้เอ่ยออกมามันทำให้เกิดความร้อนใจ
ดวงตาเรียวสวยพยายามอ่านข้อมูลที่ถืออยู่ในมือด้วยสติเท่าที่มี แต่ทั้งชื่อและภาพพร้อมผลวินิจฉัยของแพทย์จากการชันสูตรศพมันพาลให้สมองว่างเปล่า มันไม่ใช่เรื่องจริง!!? พี่สาวของเขาต้องไม่ขับรถตกหน้าผาตายไปพร้อมกับสามี?! แล้วถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริงๆก็น่าจะมีญาติของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งส่งข่าวมาบอก?? ไม่
ไม่ใช่ ไม่จริง...เอกสารพวกนี้ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ
ภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของประเทศแคนาดา ภาพศพในห้องชันสูตรและชื่อบนแผ่นกระดาษเล็กๆที่ติดอยู่ตรงนิ้วโป้งเท้าอันแสนซีดเซียว
ทุกๆอย่าง...คือสิ่งที่ทำให้โลกทั้งหมดของเซฮุนหยุดหมุน ความรู้สึกเสียใจ สับสน
โมโห สงสารและอีกมากมายมันตีรวนกันไปหมด เสียใจ...ที่ต้องไร้พี่สาว สับสน...ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริงใช่หรือไม่ โมโห...ที่ตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และสงสาร...ที่โฮยอนต้องมากำพร้าพ่อแม่เหมือนกับเขา
แต่.....
“ยังมีอีกเรื่องที่คุณเซฮุนต้องรู้เอาไว้นะคะเพราะมันสำคัญมากกกก...”
“.........??”
“เผื่อคุณยังไม่ทราบว่าคิมไคแต่งงานแล้ว...เวลาเค้าทะเลาะกับฉันทีไรก็ชอบถอดแหวนทิ้งไว้ทุกที ยังไงก็ฝากแหวนให้เค้าสวมไว้เหมือนเดิมด้วยนะคะ
ถ้าไม่เห็นแก่หน้าฉันก็ควรเห็นแก่หน้าคุณแม่บ้างเพราะท่านจะถูกนินทาเอาได้...มัวแต่เที่ยวเตร่หาความสุขใส่ตัวแล้วปล่อยให้เมียอยู่บ้านคนเดียวมันไม่ดีเลยนะคะ...คุณว่าไหม?”
เรื่องแรกแค่โลกหยุดหมุน...แต่เรื่องที่สองมันกลายเป็นโลกแตกเพราะแหวนที่หญิงสาวตรงหน้าฝากไว้ให้สามีของเธอมันทำให้ความสุขของเซฮุนหายวับไปกับตา คำสัญญา
รอยยิ้ม ความรัก ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งจอมปลอมอย่างนั้นหรือ?? และความห่วงใย
อ้อมกอด รอยจูบหรือแรงสัมผัส มันก็เคยถูกมอบให้ผู้หญิงคนนี้ด้วยใช่ไหม??? ไคแต่งงานแล้ว...แหวนที่เธอสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายก็เป็นรูปแบบคล้ายๆกับความแวววาวที่วางอยู่บนโต๊ะตอนนี้...และด้านในมันก็สลักชื่อไว้ด้วยว่าKIMKAIพร้อมรูปหัวใจ
“งุนงุนนน...”
“โฮยอนนน!”
ไม่รู้ว่าน้ำตามันไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหน...และที่รู้ก็เพราะถูกมือน้อยๆสัมผัสอย่างแผ่วเบาพร้อมความเปียกชื้นที่แก้มด้านซ้าย เซฮุนกอดหลานเอาไว้แน่นเพราะอารมณ์ในตอนนี้มันยากที่จะควบคุม ความเสียใจถูกทับถมเป็นร้อยเท่าทวีคูณ...การที่ต้องมารับรู้ว่าพี่สาวจากไปด้วยอุบัติเหตุพร้อมกับการแต่งงานของใครอีกคนมันทำให้หัวใจบอบช้ำไปหมด เสียใจกับทุกเรื่องที่ได้รับรู้
น้อยใจกับเรื่องของโชคชะตาและพยายามจะทำใจเมื่อรู้ว่าต่อไปจากนี้ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง
“เสร็จธุระแล้ว...ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“...........”
“แต่ก่อนกลับขอแนะนำตัวหน่อยนะคะ ฉันซนนาอึน...เป็นภรรยาของคิมไค ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณโอเซฮุน ร้านของคุณน่ารักดีนะคะ คิมไคเค้าก็ชอบวันคริสต์มากๆ
แต่ฉันก็ไม่นึกว่าจะมากจนต้องเดินทางมาถึงที่นี่เพราะที่อังกฤษก็มีเยอะแยะ”
เธอไปแล้ว...และไปพร้อมกับการทิ้งความโศกเศร้าเอาไว้มากมาย น้ำตาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล สมองไม่มีแม้แต่จะหยุดคิดในทุกๆเรื่องที่ได้รับรู้ แล้วเด็กตัวน้อยก็ทำได้เพียงลูบแก้มที่เต็มไปด้วยความเปียกชื้นของผู้เป็นน้าอย่างไร้เดียงสา
100%
Cr.
ภาพในตอนที่ 7 : timeout.com และkorism.com
***Complain = ร้องทุกข์
กล่าวหา ฟ้อง
***ยีหระ หมายถึง ไม่หวั่น
ไม่สน
ซนนาอึน
Talk.
กลับมาแล้วค่ะ
มาม่าอืดเต็มหม้อเลย T^T
ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ ถ้าฟิคในตอนนี้มีข้อผิดพลาดประการใดเราต้องอภัยจริงๆค่ะ (ไหว้ย่อ)
และช่วงนี้เราจะอัพฟิคช้าหน่อยนะคะเพราะสมองมันเพี้ยนอีกแล้ว
รัก ☺
#ฝากเลี้ยงKH
ความคิดเห็น