ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) ฝากเลี้ยง (Kaihun)

    ลำดับตอนที่ #6 : ☺ 6

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 886
      64
      18 เม.ย. 64




    6.

     

    XXX  Condominium

    06.00 น.

     

     

                “อืมมม...”

     

                ตื่นตามความเคยชิน...เพราะการทำงานหกวันต่อสัปดาห์และตลอดห้าเดือนที่ผ่านมามันพาให้เป็นเช่นนั้น  มันต้องตื่นมาอาบน้ำ  เตรียมของให้เด็กขวบเศษและต้องรีบไปเปิดร้านให้ทันก่อนแปดโมง  แต่วันนี้มันไม่ต้องทำอะไรเลยเนื่องจากเป็นวันหยุด  ปกติคริสต์มาสคาเฟ่จะเปิดให้บริการทุกวัน  แต่พอมีเด็กน้อยมาให้เลี้ยง...เจ้าของร้านจึงจำเป็นต้องหาวันหยุดเพื่อสะสางชีวิตส่วนตัวเพราะถึงแม้จะมีวันหยุดแต่ก็ไม่ได้หยุดเหมือนชื่อเลยสักนิด  มีผ้ากองอยู่เต็มตะกร้า  มีรายการของสดที่ต้องออกไปซื้อ  แพมเพิสก็เริ่มเหลือน้อยลงทุกที  แล้วอีกไม่กี่วันก็ต้องพาหลานไปฉีกวัคซีนอีก

     

    เป็นแค่น้า...แต่ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้วะ?!!

     

                ตาเรียวคู่สวย...พยายามปรับโฟกัสเพื่อให้ชินกับความมืดภายในห้อง  สองแขนยืดออกจนสุดเพื่อไล่ความขี้เกียจในยามเช้า  แต่พอจะขยับลุกออกจากเตียง...ร่างกายกลับถูกล็อคไว้ด้วยท่อนแขนกำยำ  ตื่นแล้วก็ไม่ต้องมาแกล้งหลับ?!  กอดทั้งคืนยังไม่พอใจอีกหรือไง?  ถ้าเหนื่อยก็นอนพักไปก่อนก็ได้...แต่ช่วยปล่อยเขาก่อนได้ไหม???  บ่นไปอย่างนั้นและหันไปกอดตอบความอบอุ่นที่โอบกันไว้ตลอดทั้งคืน  ส่วนหลานตัวน้อยก็ถูกย้ายให้ไปนอนชิดด้านในกับคุณช้างเพราะปะป๊าอยากกอดคุณน้ามากกว่าเด็กแพมเพิสตุง

     

    จุ๊บบ!!

     

                “ทำไมตื่นเช้าจังวะ...นี่มันวันหยุดนะเว้ย?”

     

                ความมืดภายในห้อง...ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อจูบในยามเช้า  และคนที่ขี้เกียจเกินกว่าจะลืมตาก็ไล่เลื่อนแรงสัมผัสตั้งแต่หน้าผาก  ข้างขมับ  จมูกโด่งรั้นแล้วเน้นหนักที่ริมฝีปากบาง  ฮ่าห์....ชื่นใจ!!!  ไคยอมรับว่าเหนื่อยมากจริงๆ  แค่งานในร้านกาแฟก็ถือว่าหนักแล้ว  แต่สิ่งที่หนักกว่าการต้อนรับลูกค้าก็คือการเลี้ยงเด็ก  วันไหนอารมณ์ดีก็เลี้ยงง่ายเหลือเกิน  วันไหนอารมณ์เสียก็ร้องไห้จนต้องอุ้มเอาไว้ทั้งวัน  แถมการสื่อสารกับเด็กวัยเพียงเท่านี้ก็เป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจ 

     

                “ก็ตื่นแบบนี้ทุกวันนั่นแหละ  มึงปล่อยกูได้แล้ว...กูจะไปซักผ้า”

     

                “ขยันจังวะ...”

     

                “ไม่ได้ขยัน  แต่มันต้องทำ...มึงเหนื่อยก็นอนไปก่อน  เดี๋ยวกูจะไปทำอาหารเช้าด้วย”

     

                “ขอกอดอีกแป๊บนึงไม่ได้เหรอวะ?”

     

                “มึงกอดกูมาทั้งคืนละ...ปล่อยเลย  เดี๋ยวตากผ้าไม่ทันแดด”

     

                “เซฮุน...”

     

                “อะไร?”

     

                “รักมึงนะ”

     

                “กูก็รักมึงเหมือนกัน...รักมากด้วย”

     

                จูบมาก็จูบกลับ...แต่ไม่ได้ลึกซึ้งจนทำให้รู้สึกวาบหวามเพราะกลัวจะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้  อกกว้าง  สันกรามคม  แก้มสากแล้วปิดท้ายที่ปากหยักไปแบบเน้นๆเช่นกัน  ถึงแม้คำพูดหรือคำบอกรักจะเบาจนเหมือนเป็นการกระซิบ  แต่มันก็ชัดเจนอยู่โสตประสาท...ทั้งไคทั้งเซฮุนเกรงว่าหลานตัวน้อยจะตื่น  แล้วบทสนทนาที่ต้องพูดเบาๆก็ถือเป็นการกระทำอย่างหนึ่งที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ  ทุกครั้งที่หลานหลับก็ต้องทำทุกอย่างให้เงียบเท่าที่จะทำได้  เด็กที่นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะส่งผลดีต่ออารมณ์และพัฒนาการ

     

                “อยากกอดอีก...มึงนอนต่อไม่ได้เหรอวะ?”

     

                “ต้องไปซักผ้าแล้ว...ปะป๊าอย่างอแงนะคะ”

     

                “เนี่ย...มึงก็เป็นแบบเนี้ย  ชอบอ่อยกู”

     

    จุ๊บบบ!!!

     

                “เดี๋ยวไปทำอาหารเช้าให้กิน...เสร็จแล้วจะมาปลุกนะ”

     

                “คืนนี้มึงโดนแน่เซฮุน...”

     

                “ยอมมม”

     

                “มึงรีบไปเลย”

     

                  ^ ^) ”

     

                ไม่มีอะไรจะสุขเท่าการได้แกล้งคิมไคอีกแล้ว...เพราะการที่เซฮุนจูบลาก่อนลุกออกไปจากเตียงด้วยความรวดเร็วมันพาลให้บางสิ่งตื่นตุงอยู่ในกางเกงนอนของแฟนผิวเข้ม  อยากกอดเมียก็กอดไม่ได้  อยากฟัดเมียก็ฟัดไม่ได้อีก...และต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็คือเจ้าก้อนกลมๆที่นอนกอดคุณช้างอยู่อีกฝั่งของที่นอน  จะทำอะไรก็เกรงใจหลานเพราะเรื่องบางเรื่องมันไม่สมควรทำต่อหน้าเด็ก  แล้วเสียงครางหวานๆของน้าเซฮุน...มันก็กลั้นเอาไว้ไม่ค่อยได้เมื่อถูกแรงปรารถนา

     

    แค่คิดก็อยาก...อยาก  อยาก  อยาก  อยากเอาเมียยยยยยยยยยยยย!!!

     

                “งุน....”

     

                “......??!!!

     

                “งุนงุน...ไหน?”

     

                “อยู่กับปะป๊านะครับ  นมนมมาแล้ว...เอ่เอ๊น้าาา”

     

                กำลังคิดอะไรเพลินๆก็ต้องหยุด...เนื่องจากอีกคนที่อาจตื่นไปตามความเคยชินก็คือเด็กหญิงโอโฮยอน  ไครีบกลิ้งตัวไปนอนข้างๆเด็กน้อยก่อนคว้าขวดนมที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งมาป้อนใส่ปาก  มือหนาเปิดแพมเพิสขึ้นเล็กน้อยแล้วใช้จมูกพิสูจน์กลิ่นดูว่าที่ตื่นเพราะขับถ่ายหรือไม่??  และดีที่ไม่ใช่...ไคตบก้นโฮยอนเบาๆเป็นการกล่อมพร้อมตุ๊กตาตัวโปรดที่ต้องเอามาให้กอด  แรงดูดจากขวดนมทำให้คุณพ่อจำเป็นทราบได้ทันทีว่าความหิวและความง่วงคือประเด็นหลัก  ส่วนชื่อที่เรียกหา...ก็คงเป็นเพราะเคยมีกันอยู่แค่สองคน

     

     

                ใช่ว่าน้อยใจ...และเข้าใจดีว่าในหลายเดือนที่ผ่านมาโฮยอนมีแค่เซฮุนเท่านั้น  ตื่นเช้าก็เจอ  ค่ำๆก็พากลับบ้าน  ไปทำงานก็ต้องแบกอยู่บนหลังหรืออีกสารพัดความผูกพันที่มีให้กันมากมาย  เขาก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่เด็กเริ่มคุ้นเคยเพราะต่อให้เรียกกันว่าปะป๊า  แต่ทุกครั้งที่ร้องไห้...ชื่อแรกที่เรียกเมื่อลืมตาตื่นก็ยังเป็นคุณน้าเซฮุนเสมอ  เกิดมามีแม่ใจร้ายมีพ่อใจดำมันช่างน่าสงสาร  แล้วถ้าโฮยอนไม่มีคุณน้าคอยเลี้ยงดู  เจ้าตัวก็คงต้องไปอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

     

    พอคิดเรื่องนี้แล้วก็เครียด....เครียดแล้วก็หลับต่อดีกว่า ZzzZZzzzzZ

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    08.00 น.

     

    แกร๊กกก!!!

     

                “งุนงุนนน!!!

     

                “อาบน้ำแล้วเหรอคะคนเก่ง...”

     

                เป็นสองชั่วโมงในการซักผ้าและทำอาหารเช้าที่สบายตัวที่สุด...เพราะมันไม่ต้องแบกเจ้าของเสียงเรียกชื่อไว้บนหลังหรือต้องมัดขาป้อมๆไว้กับเก้าอี้  เซฮุนเปิดประตูห้องนอนเพื่อหวังจะมาปลุกทุกคนให้ไปทานมื้อเช้า  และเสียงใสแจ๋วที่ร้องหาก็พาให้ต้องก้มกายลงไปฟัดแก้มกลมๆ  พ่อลูก...พากันไปอาบน้ำมาแล้วล่ะสิ!!?  แต่อาบกันท่าไหน...น้ำมันถึงกระเด็นออกมาข้างนอก  เดี๋ยวก็ลื่นจนได้??

     

                “ทำไมหอมแต่หลานวะ?”

     

                “กูหอมมึงแต่เช้าแล้วเหอะ”

     

                มองค้อน...คนที่เรียกร้องความสนใจด้วยความหมั่นไส้  และเดินไปคว้าผ้าเช็ดเท้ามาทำความสะอาดพื้นที่เปียกไปด้วยน้ำ  พากันเล่นพิเรนทร์อะไรอีก?  เป่าฟองสบู่กันอีกหรือไง??  แล้วทำไมทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ถึงได้มีสภาพเป็นแบบนั้น???  ไคตัวเปียกยังกับลูกหมาตกน้ำ  ส่วนโฮยอนก็ผมกระเซิงนอนแก้ผ้ากลิ้งไปกลิ้งมาอยู่กับคุณช้างบนเตียง...เห็นแล้วอยากจะบ้าตาย!!

     

                “เดี๋ยวกูแต่งตัวให้หลานเอง  มึงจะไปทำอะไรก็ไป?”

     

                “ก็มึงปล่อยให้หลานนอนแก้ผ้าเนี่ย  หลานเป็นผู้หญิงนะเว้ย!

     

                “ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ  บ่นเป็นคนแก่ไปได้”

     

                “เออ...แก่แล้วก็ไม่ต้องมารัก!

     

                จ้าาาาา...ไปไกลแล้วจ้า  มึงกำลังพาลนะครับโอเซฮุน   ไครีบคว้าเสื้อผ้ามาใส่ด้วยความรีบร้อนก่อนจับคนขี้บ่นกดลงบนเตียงแล้วฟัดแก้มนุ่มๆให้คลายความหงุดหงิด  ถึงตัวมันจะมีแต่กลิ่นกับข้าว...แต่ความเนียนนุ่มก็พาให้สดชื่นได้เหมือนกัน

     

                “งุนงุน...ปะป๊าาา!!!  ^o^)”

     

                “คะ...ไค  ปล่อย  พอแล้ววว”

     

                กลายเป็นเรื่องสนุกของเด็กขวบเศษ...เพราะเมื่อโฮยอนได้ยินเสียงโวยวายของคุณน้า  เจ้าตัวรีบคลานไปร่วมวงด้วย  ตุ๊กตาสุดโปรดถูกทิ้งอย่างไร้เยื่อใย  สองขาป้อมๆปีนป่ายเกาะคนสองคนที่กำลังกอดกันอยู่บนเตียง  ไครีบพลิกกายเซฮุนให้มานอนทับบนตัวของเขา  ส่วนโฮยอนก็ถูกคุณน้าอุ้มมานั่งบนพุงอีกที  เสียงหัวเราะเอิ้กอ้าก...ดังลั่นไปทั่วทั้งห้องนอนเพราะความสูงจากการนอนทับกันของปะป๊าและงุนงุนมันสนุกมากเลย  แล้วการที่มือน้อยๆตบแก้มตัวเองซ้ำๆพร้อมยิ้มจนเห็นเหงือกก็คงหมายความว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุข?

     

                “มึงคิดว่ากูจะหนักบ้างไหม?”

     

                “อยากเป็นปะป๊าก็ต้องอดทนเนอะโฮยอน”

     

                (ทน...ปะป๊าทน)

     

                “ค้าบบบ...ปะป๊าจะทนเพื่อลูกเพื่อเมีย”

     

                “ไค...”

     

                รีบลุกออกจากอกกว้าง...และอุ้มหลานเอาไว้ในอ้อมแขน  คำพูดของไคทำให้เซฮุนรู้สึกว่ามันเกินหน้าที่เพราะสิ่งที่เจ้าตัวทำอยู่ตอนนี้ก็มากพอแล้ว  มึงเป็นแฟนกู  แต่ไม่ต้องเป็นพ่อเด็กก็ได้  อนาคตมึงยังอีกไกล...อย่ามาทิ้งทุกอย่างไว้ที่คนแบบกูเลย!??  เซฮุนคิดว่า...การเรียนจบมาจากเมืองนอกเมืองนามันคงทำให้ไคมีอนาคตที่ดีกว่าการอยู่กับเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆอย่างเขา  แถมการมีเด็กมาให้เลี้ยงก็ไม่ใช่หน้าที่ที่มันต้องมารับผิดชอบ

     

    แต่.....

     

                “อย่าคิดมาก...กูเลือกแล้ว  และถ้ามึงยังคิดอะไรบ้าๆบอๆแบบนี้อีกก็แสดงว่ามึงไม่รักกู”

     

                “รักสิ!!...รักมากก็เลยคิดมากนี่ไง”

     

                “เด็กมันไม่มีพ่อ...กูก็จะเป็นพ่อให้เอง  โฮยอนมันโตขึ้นทุกวันนะเซฮุน  แล้วถ้าถึงเวลาที่ต้องเข้าโรงเรียนมันก็ต้องมีผู้ปกครองป่าววะ?”

     

                “ทีแบบนี้มาคิดถึงอนาคต”

     

                “ก็อนาคตของเด็กมันสำคัญนี่หว่า  เราเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว...งานก็มีทำแล้ว  ทีนี้ก็เหลือแต่ของโฮยอน”

     

                “มึงจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”

     

                “ไม่จริงจังมั้ง...”

     

                อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...อะไรที่เซฮุนคิด  อะไรที่เซฮุนกังวลหรือแม้จะเป็นทุกๆเรื่องก็คือสิ่งที่เขารู้ดีกว่าใคร  ใช่ว่าพูดไปเพราะอยากเป็นพ่อพระ  แต่อนาคตของเด็กคนนี้มันสำคัญเกินกว่าจะเอามาพูดเล่น  ถ้าไม่อยากให้ช่วยตามหาพี่สาว  ก็คงต้องช่วยเลี้ยงโฮยอนให้มีอนาคตที่ดีและช่วยให้เซฮุนได้ทำในสิ่งที่อยากทำ  อยากเที่ยวก็จะได้เที่ยว  อยากเรียนต่อถ้าพร้อมก็จะส่งเสริม  อะไรที่ทำให้แฟนมีความสุข...คิมไคก็พร้อมที่จะลงมือทำเสมอ

     

                “ขอบคุณนะไค”

     

                “กูไม่อยากได้คำขอบคุณ  แต่กูอยากให้มึงเข้าใจกูบ้าง...กูพยายามจะเป็นครอบครัว  เป็นแฟน  เป็นทุกอย่างให้มึง  แต่ทำไม...มึงชอบคิดชอบทำอะไรอยู่คนเดียววะ?”

     

                “ขอโทษษษษ...คราวหลังจะไม่ทำแล้ว  มึงอย่าโกรธกูนะไค”

     

                มันเกรง...ว่าคนที่เคยอยู่ดีกินดีจะลำบาก  เซฮุนจึงคิดทุกอย่างไปตามที่เห็นว่าสมควร  แล้วการที่ไคยังทำอะไรไม่ค่อยเป็น  ยังติดความมีแม่บ้านหรือต้องคอยสอนนั่นสอนนี่อยู่บ่อยครั้งก็พาลให้ยิ่งเกรงว่าจะลำบากมากขึ้นเมื่อต้องมาเลี้ยงโฮยอน  มือบางกระชับเอวสอบไว้แน่นเพื่ออยากขอโทษ  ใบหน้าเรียวสวยซบแนบไปกับอกกว้างด้วยความสำนึกผิด  แล้วคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยก็พลอยกอดทุกคนเอาไว้ในอ้อมแขนน้อยๆ  เด็กหญิงโอโฮยอนไม่เข้าใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น  เห็นงุนงุนกอดปะป๊าก็กอดบ้าง  เห็นปะป๊าหอมหัวงุนงุนก็หอมบ้างเช่นกัน  แต่ว่า...เลิกหอมกันได้หรือยัง?  หนูอยากเล่นนอนทับกันอีก??  มันสนุกดีนะ???

     

                “มึงไปอาบน้ำเลยไป  เหม็นกลิ่นกับข้าว”

     

                “เหม็นแล้วมาหอมทำไม”

     

                “หอมไม่ได้??”

     

                “หอมน้อยๆไม่ได้  ต้องหอมเยอะๆ”

     

                “คืนนี้มึงเสร็จกูแน่...”

     

                “พร้อมเว่ออออ!!

     

                “ไปอาบน้ำได้แล้วววว...จะได้ออกไปกินข้าวพร้อมกัน”

     

                “แต่เช้านี้มีแค่แฮมไส้กรอกไข่ลวกนะ  ของสดหมดแล้ว  ผลไม้ก็ไม่มี”

     

                “เดี๋ยวพาไปซื้อ...มึงรีบไปอาบน้ำเลยไป  เดี๋ยวกูจะได้แต่งตัวให้หลาน”

     

    ฟอดดดดด!!!

     

              “รักมึงนะไค!!!

     

                “ไอ้นี่...”

     

                เรื่องยั่วขอให้บอก...เรื่องกวนประสาทก็ต้องยกให้ที่หนึ่ง  เพราะการก้มหน้าลงมาหอมแก้มสากก่อนวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวและเลี้ยวเข้าไปในห้องอาบน้ำมันพาให้ไคต้องส่ายหัวด้วยความเพลียใจ  แต่ต่อให้เซฮุนจะกวนประสาทมากแค่ไหน  คิดมากแค่ไหน  ขี้บ่นแค่ไหน...เขาก็ไม่เคยโกรธแบบจริงจังเลยได้เลยสักครั้ง  ทราบดีว่ารัก  ทราบดีว่าห่วง  แต่คนเรื่องมากอย่างเขาก็พอจะทำอะไรอะไรได้ด้วยตัวเองเป็นแล้ว  อย่างเช่นล่าสุดก็คือ...สระผมให้โฮยอน

     

     

    ก็ไม่ยากเท่าไหร่...แต่พื้นก็จะเปียกๆหน่อยนะ   (- -‘



     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    ห้างสรรพสินค้า AA

    11.00 น.

     

    VROOMMMMMM!!!

     

                “ปะป๊า...บื้นน!!!

     

                “ปะป๊าจอดรถแล้วค่ะ...ปะป๊าไม่บื้นแล้ว”

     

                “บื้นนนนนน!!!

     

                “ปะป๊าพาโฮยอนมาเที่ยวไงคะ...เดี๋ยวเราไปหาพี่ช้างกัน!!

     

                “จ๊างงงง  บื้น...บื้นนน!!

     

                อยากบื้นๆก็อยาก...อยากไปหาพี่ช้างก็อยาก  โฮยอนจึงพูดคำนั้นคำนี้สลับกันไปมาพร้อมตบมือแปะๆ  คนเป็นปะป๊าอดยิ้มให้กับความสุขของเด็กที่นั่งอยู่บนตักคุณน้าไม่ได้เพราะทุกกิริยาท่าทางมันช่างน่ารักน่าหยิก  มือหนารีบปลดเข็มขัดนิรภัยเมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อยและช่วยลงไปเปิดประตูให้สองน้าหลาน  ไคทำหน้าที่อุ้มเจ้าตัวน้อยทันทีเนื่องจากเซฮุนต้องทำหน้าที่ซื้อของ

     

                “รถก็มี...ทำไมมึงไม่ขับไปที่ร้านวะ  จะเดินไปทำงานให้เมื่อยทำไม?”

     

                เป็นคำถามที่พอจะรู้คำตอบอยู่บ้าง...แต่ที่ต้องถามซ้ำเพราะไม่อยากให้แฟนลำบาก  อะไรที่ช่วยให้ความสะดวกรวดเร็วก็ควรนำออกมาใช้  ไม่ใช่จอดทิ้งไว้ใต้คอนโดฯเหมือนเศษเหล็ก  ไคทำการล็อคพาหนะสีดำก่อนเดินจูงมือเจ้าของรถเข้ามาในห้างสรรพสินค้า  ส่วนเด็กหญิงโอโฮยอนก็ถูกอุ้มไว้ด้วยมืออีกข้างพร้อมคุณช้างสีหวานที่ต้องเอามาด้วยทุกครั้งเมื่อต้องออกมาซื้อของ

     

                “เมื่อยอะไรล่ะ  เดินไม่กี่นาทีก็ถึง...จะขับรถไปทำไมให้เปลืองน้ำมัน”

     

                “แต่ยังไงมึงก็ต้องเอาออกมาขับบ้าง  เดี๋ยวแบตมันตาย...แล้วพอจะใช้ก็สตาร์ดไม่ติด”

     

                “ว่าแต่กูชอบบ่น  มึงก็บ่นเก่งเหมือนกันนั่นแหละ” 

     

                “บ่นกับพูดความจริงช่วยแยกให้ออกด้วยนะครับโอเซฮุน”

     

                เข้าใจความงกของเมีย...แล้วก็เข้าใจด้วยว่ามันต้องประหยัดเพราะอะไร  ไคอาจเป็นคนที่รักความสะดวกสบาย  สิ่งใดที่ทำให้ชีวิตไม่ลำบากก็เลือกไว้เป็นอย่างแรก  แต่สำหรับเซฮุน...เรื่องใดที่พอจะทำเองได้หรือไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไปนักก็ขอเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น  ซึ่งไคก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี  เซฮุนมักจะแลกทุกสิ่งมาด้วยความสามารถ  ถึงแม้ฐานะทางบ้านจะไม่ได้ถึงกับยากจน  แต่คนอย่างมันก็ขยันเรียนและเรียนเก่งเพื่อแลกกับทุนศึกษา  อะไรฟรีขอเอาไว้ก่อน  มีทุนให้เรียนตรงไหนก็ขอใช้ความเก่งให้เป็นประโยชน์  เซฮุนเป็นคนเก็บเงินเก่ง  รู้จักคุณค่าของทุกอย่าง...และเราทั้งคู่ก็คงแตกต่างกันตรงจุดนี้

     

                “ไค!...เอาโฮยอนมานั่งในนี้  มึงจะได้ไม่ต้องอุ้ม”

     

                “ในรถเข็นของเนี่ยนะ? ไม่ดีกว่ามั้ง...เดี๋ยวโฮยอนเจ็บ”

     

                “ไม่เจ็บหรอกน่ะ...กูมาซื้อของทีไรโฮยอนก็นั่งแบบนี้ประจำ”

     

                “อีกแล้วนะเซฮุน...”

     

                “ฮือออ...ขอโทษ  T^T

     

                ลืมอีกแล้ว...ลืมทุกที  ลืมจนได้เพราะมันยังค่อยไม่ชิน  การเลี้ยงเด็กมาเพียงลำพังหรือการทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอดหลายเดือนมันพาให้เซฮุนลืมว่าตอนนี้มีใครอีกคนที่พร้อมจะช่วยเหลือ  สองมือแทบพนมก้มกราบเจ้าของใบหน้าคมที่แสนบึ้งตึง  ปากก็พร่ำขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ด้วยความสำนึกผิด

     

                “ถ้ามีอีกครั้งกูไม่เตือนแล้วนะ”

     

                “ไม่ดุดิวะ  ก็มัน...”

     

                “มันอะไร!??”

     

                “มันไม่ชินนี่หว่า...คนเพิ่งเคยมีผัวนะเว้ย!

     

    เพี๊ยะ!!!

     

                “ไปเลย...จะซื้ออะไรก็รีบซื้อ”

     

                “เจ็บนะไค...”

     

                มือหนา...ที่ฟาดลงไปบนความกลมกลึงส่งผลให้เจ้าของบั่นท้ายต้องเบ้หน้าด้วยเจ็บ  แล้วที่ต้องโดนแบบนี้ในที่แบบนี้ก็เป็นเพราะคำพูดบางคำที่ไม่สมควรพูดในที่สาธารณะ  แต่คนที่บอกว่าเพิ่งเคยมีผัว...ก็คือคนที่ทำให้เขามีเมียเป็นคนแรกเช่นกัน  เก่งแต่เรื่องที่ทำให้ใจอ่อน  เก่งแต่เรื่องที่พาให้เกิดรอยยิ้มและเก่งแต่เรื่องที่ทำให้เกิดความหมั่นเขี้ยว  แล้วไอ้ก้นเด้งๆที่ฟาดมือลงไปจนสุดแรงก็ต้องช้ำแน่ๆในคืนนี้...อย่าหวังว่ามึงจะรอดนะโอเซฮุน!!  ต่อให้พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน...กูก็จะต้องทำการบ้านให้ได้!!!

     

     

                ใบรายการ...พร้อมราคาที่เคยซื้อของไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วถูกเขียนด้วยลายมือที่อ่านไม่ค่อยออก  หัวที่เปรียบเสมือนเครื่องคิดเลขเริ่มทำการคำนวณเงินที่ต้องใช้จ่าย  แล้วของสิ่งแรกที่ต้องซื้ออย่างแพมเพิสก็ขึ้นราคาอีกแล้ววววววววว....เซฮุนเริ่มอยากมีผัวเป็นเจ้าของแพมเพิสยี่ห้อนี้แล้วสิ??!  เพราะมันคือสิ่งที่เด็กหญิงโอโฮยอนประจำต้องใช้  มือบางคว้าแพมเพิสจากชั้นวางมาสองแพ็คด้วยความหงุดหงิด  แต่!!...เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นโปรโมชั่นที่เขียนว่าซื้อสามแถมหนึ่ง  ความขี้งกหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไคชอบว่าก็พาให้ต้องหยิบเพิ่มไปตามโปรโมชั่น  แถมเมื่อซื้อตามราคาที่กำหนดก็ยังได้ของเล่นให้หลานฟรีๆอีกด้วย

     

    ว้าววววว...อ่างน้ำเป่าลมมีน้ำพุ  \(^O^)/ 

     

                “โฮยอนดูนี่...อ่างน้ำอันใหม่  อยากเล่นปะ??”

     

                “เป็ดๆ...”

     

                “ช่ายยย...คืนนี้เป็ดๆอ่างใหม่กันเนอะ”

     

                “งุน...เป็ด!!

     

                จากแพมเพิสสองแพ็ค...ก็กลายเป็นแปดแพ็คเพราะซื้อสามแถมหนึ่ง  และยังได้อ่างเป่าลมให้หลานได้เล่นสมใจ  ไคอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปกับความสุดคุ้มของผู้เป็นน้า  แล้วความตื่นเต้นที่ได้อ่างน้ำอันใหม่ของโฮยอนก็พาให้รอยยิ้มของทุกคนกว้างมากขึ้นไปอีก  มันคือความสุขที่เกิดขึ้นได้ง่ายดายเหลือเกิน  แค่ได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่เรารัก  ได้เห็นรอยยิ้ม  ได้พูดคุยหรือแม้กระทั่งได้โต้เถียงในสิ่งที่เป็นปัญหา  ทุกๆอย่างมันกลับพาทั้งรอยยิ้มและความสุขมาให้จนไม่อาจเก็บซ่อนความรู้สึก

     

                “แล้วที่มึงบอกว่าจะพาโฮยอนไปหาพี่ช้าง...มันคืออะไรวะ?”

     

                “อ๋อ...มันมีโซนเครื่องเล่นอยู่ตรงนู้น  แต่โฮยอนอายุไม่ถึงก็เลยเข้าไปเล่นไม่ได้  กูก็เลยพาไปเล่นกับคนที่ใส่ชุดมาสคอตช้าง  โฮยอนชอบมากเลย”

     

                “ก่อนจะไปเล่นก็พาหลานไปกินข้าวก่อน  อย่าให้มันเลยเวลามากนัก”

     

                “รับทราบค่ะปะป๊า!!

     

                บทจะดื้อก็ต้องพูดกันจนเจ็บคอ...แต่บทจะเชื่อฟังมึงก็น่ารักสุดๆไปเลย  เฮ้ออ!!  มีเมียน่ารักก็เริ่มกลุ้มใจ  คิมไคไม่อยากให้คนอื่นเห็นเซฮุนเป็นแบบนี้เลย  เขาอยากให้เซฮุนน่ารักกับผัวคนนี้คนเดียวเท่านั้น  หวงเว้ยยยย!!!  มือหนากระชับเอวคอดเข้ามาใกล้ๆก่อนหอมกลุ่มผมสีเข้มด้วยความรัก  ส่วนคนที่ยังไม่ทันได้ตั้งรับกับการถูกจู่โจมก็ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจให้แฟนได้สัมผัส  บอกอะไรก็จะเชื่อฟัง  สอนอะไรก็จะทำตามโดยไม่โต้เถียง  เซฮุนยอมแล้ว...และจะยอมให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปจนกว่าจะตายจากกัน

     

                “ของครบแล้วแน่นะ...มึงตรวจดูดีๆก่อนดิ๊?”

     

                “แพมเพิส  ทิชชู่เปียก  นมผง ครีมอาบน้ำ  ผัก  ไก่  ปลา  หมู............แอปเปิ้ล กีวี่ ครบ!

     

                “อ่ะ...เอาบัตรกูไป”

     

                “ตะ...แต่!

     

                “เซฮุน...”

     

                รีบหยิบการ์ดสีดำ...จากมือคนหน้าตึงมาจ่ายค่าสินค้าทั้งหมดเมื่อเสร็จสิ้นการเดินซื้อของ  เซฮุนยิ้มเจื่อนก่อนหยิบของใช้วางลงบนเคาน์เตอร์แคชเชียร์แล้วยืนรอพนักงานคิดเงิน  ก็แค่เกรงใจ  กูไม่ได้คิดว่ามึงเป็นคนอื่นสักหน่อย  เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว...ยิ้มนิดนึงสิไค!?  คนอย่างโอเซฮุนกลัวที่สุดคือการนิ่งเฉย  ยิ่งคิมไคไม่ยิ้ม  ไม่พูด  ไม่แสดงกิริยาให้เห็นว่ากำลังรู้สึกเช่นไรก็ยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก  ฮือออ...โฮยอนช่วยงุนงุนด้วย  ปะป๊าโกรธแล้ว T - T

     

                “ไค...”

     

                “..........”

     

                “คิมไค”

     

                “..........”

     

                “กูจะร้องไห้แล้วนะ”

     

                “เป็นกูที่ต้องร้อง...ไม่ใช่มึง  แล้วก็ไม่ต้องมาขอโทษขอบคุณอะไรทั้งนั้น  กูไม่อยากฟัง”

     

                ไม่อายใครแล้วตอนนี้...เพราะสามีกำลังงอน!!?  อ้อมแขนของคนที่สำนึกผิดเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้จำรีบโอบกายหนาเอาไว้ด้วยความรัก  ไม่ได้ทำเพื่อให้หายโกรธ  ไม่ได้ทำเพื่อให้เรื่องนี้มันผ่านพ้นไปและไม่ได้ทำเพื่อให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นว่าเราทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันเช่นไร  แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อคิมไคคนเดียวเท่านั้น  เด็กหนุ่มที่ยืนต่อแถวเพื่อชำระค่าสินค้าจะคิดอะไร  หญิงสาวที่กำลังทำหน้าที่คิดเงินจะมองแบบไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่เซฮุนต้องคิด

     

                “มึงไม่รักกูแล้วเหรอ?”

     

                “แล้วที่ทำอยู่ไม่เรียกว่ารักหรือไง?”

     

                “รัก...รักมากด้วย”

     

                “ก็รู้คำตอบนี่หว่า  แล้วมึงจะเกรงใจกูทำไมวะ?”

     

                “กะ...ก็มันเกรงใจ”

     

                “ครั้งสุดท้ายนะเซฮุน  สุดท้ายจริงๆ”

     

                “รักมึงนะไค”

     

    ฟอดดดด!!!

     

                “กูก็รักมึง...รักมากๆ”

     

                เป็นอีกครั้ง...ที่กลุ่มผมสีเข้มถูกสัมผัสด้วยความรักใคร่  ใช่ว่าเป็นโอเซฮุนคนเดียวที่ไม่แคร์สายของใครเพราะสามีคนนี้ก็ไม่สนใจคนอื่นเช่นกัน  พวกเขาไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นหรือน้อยลง  พวกเขาไม่ได้ทำให้เราสองคนมีปัญหาและพวกเขาไม่ได้มาช่วยทำให้เราเข้าใจกัน  แต่เป็นเราทั้งหมดที่ยังมีข้อบกพร่องที่ต้องรีบแก้ไข  รักกว่านี้ก็คงต้องซื้อห้างสรรพสินค้ามาไว้ที่บ้าน  หวงกว่านี้ก็คงจ้างลูกน้องมาทำงานที่ร้านกาแฟอีกสักสามคน  และถ้ารักมากกว่านี้ก็คงไม่มีใครอีกแล้วนอกจากคิมไค

     

                “2,547 บาทค่ะ”

     

                การเป็นแคชเชียร์ในวันนี้...ทำให้หญิงสาวหน้าเคาน์เตอร์ยิ้มกว้างได้มากกว่าทุกวัน  เพราะการที่ผู้ชายผิวเข้มอุ้มเด็กแก้มป่องเอาไว้ในอ้อมแขน  แล้วผู้ชายผิวขาวๆพร้อมใบหน้าเศร้าสร้อยก็เดินเข้าไปกอดมันเป็นภาพที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก  ถึงแม้จะไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน  แต่มันเหมือนพี่คนโตพาน้องคนกลางและน้องคนเล็กมาเที่ยวที่ห้างแห่งนี้  แต่น้องคนกลางเกิดอาการงอแงมากกว่าน้องคนเล็กเสียอีก  แล้ววววว...พี่คนโตก็หล่อบาดใจมากๆเลย (-;

     

    แต่......

     

                “ปะป๊า...นมนม!

     

                “หิวแล้วเหรอครับโฮยอน”

     

                (สะ...เซ็นตรงนี้ค่ะลูกค้า)

     

                “ปะป๊าขอเขียนชื่อให้พี่เค้าแป๊บนึงนะครับ  แล้วเดี๋ยวเราไปหม่ำๆกัน”

     

                “ปะป๊างั่มๆ ๆ”

     

                “ใช่แล้วครับ...งั่มๆๆด้วยกัน”

     

     

    ถ้าผู้ชายหล่อบาดใจคนนี้คือปะป๊า  คนที่ผิวขาวๆนี้ก็คือ......เข้าใจแล้วค่ะ (___)  

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     


     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    XXX  Condominium

    19.00 น.

     

    แกร๊กกก!!!

     

                “เดี๋ยวกูเก็บของให้เอง...มึงเอาโฮยอนไปนอนไป”

     

                “โอเค....”

     

                บอกได้คำเดียวว่าเพลีย...เพราะเด็กที่ปะป๊าพาไปเที่ยวและซื้อเสื้อผ้าให้อีกหลายชุดสนุกมากจนหลับไปตั้งแต่รถยังไม่ทันได้ขับออกมาจากห้างสรรพสินค้า  เซฮุนรีบวางของที่ซื้อมาทั้งหมดไว้พื้นก่อนอุ้มโฮยอนมาจากไคและเดินเข้ามาในห้องนอนทันที  แล้วคืนนี้....เจ้าตัวน้อยก็อดเป็ดๆในอ่างน้ำอันใหม่  มือบางวางหลานลงบนที่นอนพร้อมกับเสื้อผ้า  ถุงเท้า  รวมถึงแพมเพิสของเด็กก็ถูกถอดออกด้วยความระมัดระวัง

     

     

                เซฮุน...รีบเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาชุบน้ำแล้วเริ่มเช็ดตัวให้โฮยอนอย่างเบามือ  การที่หลานหลับไปทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำ  มันอาจทำให้เจ้าแก้มอ้วนไม่สบายตัว  คนเป็นน้าจึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ไปก่อน  แล้วแพมเพิสที่เต็มตุงไปด้วยฉี่ก็ต้องเปลี่ยนเพราะไม่อยากให้หลานตื่นมาร้องไห้กลางดึก  อะไรที่ทำให้เด็กวัยเพียงเท่านี้หลับสบาย  หลับลึกหรือหลับให้เพียงพอมันคือสิ่งสำคัญ  และเมื่อเช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดตัวเรียบร้อยก็ต้องรีบใส่แพมเพิสกับชุดนอนก่อนที่อากาศในยามค่ำคืนจะพาลให้หลานป่วยไข้

     

    ขนาดเช็ดตัวให้ยังหลับสนิทขนาดนี้...สงสัยโฮยอนจะเพลียมากจริงๆ

     

                “ขอให้นางฟ้าช่วยคุ้มครองหลานของงุนงุนด้วยเถิดดด...”

     

                เป็นคำอธิษฐานที่ต้องกล่าวทุกคืน...และเด็กแบบโฮยอนก็คงต้องการการคุ้มครองจากนางฟ้า  มีพ่อก็ไม่ใยดี  มีแม่ก็เหมือนไม่มี  แล้วเด็กที่ถูกทิ้งไว้ให้คนที่เกลียดเด็กดูแลมันก็คงไม่สมบูรณ์เท่าผู้ที่เต็มใจ  ใช่ว่าเกลียดเด็กแล้วจะปล่อยให้โฮยอนอยู่แบบอดๆอยากๆ  แต่การเลี้ยงเด็กสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด  คุณน้าอย่างเขาไม่รู้วิธีในการเลี้ยงเด็ก  แถมชีวิตมันก็นอนไม่เป็นเวลากินไม่เป็นเวลาและเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยคนที่มีวิถีชีวิตแบบนี้มันถือว่าดีแล้วอย่างนั้นหรือ??

     

     

                บางวันไม่ได้อาบน้ำ  ทำงานก็ต้องเอาไปด้วย  และคืนไหนกลับดึก...เด็กก็พลอยนอนดึกไปด้วย  จากที่เคยสงสารแต่ตัวเองก็ต้องพลอยเวทนาหลานไปด้วยอีกคน  โฮยอนถูกทิ้ง  เขาก็เหมือนถูกทิ้งเช่นกัน  คนเคยมีญาติพี่น้องก็กลายเป็นไร้ญาติขาดมิตร  พ่อแม่ก็มาตายด้วยอุบัติเหตุ  แล้วพี่สาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็หนีหายไปไหนไม่รู้  คำว่าไม่เหลือใครคือสิ่งที่เซฮุนต้องเจอมาตลอดห้าเดือนเต็ม  เฮ้อออ!!...ดีที่ตอนนี้มีคิมไคคอยอยู่เคียงข้าง  ไม่อย่างนั้นความอดทนมันอาจหมดไปจนทำให้คิดสั้น

     

    แกร็กก!!!

     

                “.......??!

     

                “ชงนมมาให้”

     

                “ขอบใจนะไค”

     

                รีบปาดน้ำตาที่มันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว...เพราะคิดมากทีไรก็เป็นแบบทุกที  และแสงไฟที่เปิดไว้เพียงแค่หัวเตียงก็ทำให้คนที่เอาของโปรดโฮยอนมาเสิร์ฟอดคิดมากไม่ได้เช่นกัน  เซฮุนร้องไห้ทำไม?  วันนี้พวกเราก็มีความสุขดีไม่ใช่หรือ??  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่???

     

                “เซฮุน...มึงร้องไห้ทำไมวะ?”

     

                “ไปคุยข้างนอกเหอะ...เดี๋ยวหลานตื่น”

     

                วางขวดนมไว้บนเตียงใกล้ๆกับคุณช้าง...และต้องทำแบบนี้ทุกคืนเพราะเวลาที่โฮยอนตื่นมากลางดึก  เจ้าตัวก็มักจะคว้าของโปรดมาทานเป็นอย่างแรก  แต่ถ้าไม่เจอนมนมหรือตุ๊กตาสีหวานมีงวง...งุนงุนก็จะกลายเป็นอย่างที่สองที่หลานจะเรียกหา

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    19.45 น.

     

                “มึงเป็นอะไร?  แล้วร้องไห้ทำไม?”

     

                “แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย...แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง”

     

                “บอกกูได้ไหมว่าคิดเรื่องอะไร?”

     

                “เรื่องโฮยอน...เรื่องตัวเอง  ทุกเรื่องนั่นแหละ”

     

                “มานี่มา...”

     

                ไม่ต้องเก็บของมันแล้วววว...เพราะเมียกำลังกลุ้มใจ  ไครีบหยุดหน้าที่จากการนำของสดไปแช่ตู้เย็นและอุ้มคนคิดมากมานั่งบนโต๊ะกินข้าว  สองแขนกำยำโอบกอดกายบางเพื่อปลอบใจ  มือหนาลูบแผ่นหลังผู้เป็นทุกสิ่งของโฮยอนเบาๆด้วยความเป็นห่วง  เขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรให้เซฮุนหยุดคิดมาก  และบางที...ก็พาลให้นึกไปถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำหรือสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้  มีอะไรที่ยังขาด?  มีสิ่งไหนที่ยังไม่เพียงพอ??  ช่วยเลี้ยงเด็ก??  ช่วยขายของ????  ชงกาแฟล้างจาน?????  อืมมม...ต้องทำอะไรอีกล่ะ???????

     

                “ขอโทษนะไค...กูมันคนประสาทแดก”

     

                “มีอะไรให้ช่วยก็บอก...กูอยู่ตรงนี้  โอเคไหม?”

     

                “กูรู้ว่ามึงเบื่อคำนี้...แต่กูก็อยากขอโทษ  แล้วก็ขอบคุณด้วยที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง”

     

                “แล้วหายคิดมากหรือยัง?”

     

                “ก็ดีขึ้น...กูประสาทแดกเองแหละ  คิดนู่นคิดนี่บ้าบอไปเรื่อยแล้วก็ร้องไห้”

     

                “มึงเป็นเมียกูแล้วก็เป็นไบโพล่าด้วย...เชื่อกูดิ!?”

     

                “บ้าาา!!  แต่ก็ขอบคุณนะไค...รักมึงที่สุดเลย”

     

                “วันนี้มึงบอกรักกูกี่ครั้งแล้วเนี่ย?”

     

                “จำไม่ได้...”

     

                “กูก็จำไม่ได้เหมือนกัน”

     

    จุ๊บบบ!!!

     

                ต่างคน...ต่างบอกคำคำนั้นจนแทบไม่อยากจะจำ  และต่างคนต่างก็ต้องการได้ยินคำคำนี้ไปจนกว่าจะมีสิ่งใดมาพรากจาก  ต่อให้คนหนึ่งประสาทแดกหรืออีกคนจะต้องคอยปลอบไปตลอดชีวิต  คิมไคก็พร้อมที่จะเข้าใจ  เซฮุนเป็นคนอ่อนไหว...เรื่องนี้คือสิ่งที่เขาทราบดี  ไค...คนที่ภายนอกดูนิ่งเฉยและเหมือนจะเข้าหาได้ยาก...ก็เป็นผู้ชายที่เซฮุนรู้ดีว่าอ่อนโยนมากแค่ไหน  ถึงจะดุไปบ้างหรือโมโหง่ายในบางครั้ง  แต่ผู้ชายคนนี้ก็คือคนที่เขามั่นใจว่าจะฝากชีวิตเอาไว้

     

                “อื้มมม...”

     

                “กูขอตรงนี้เลยนะ”

     

                “ตามใจสะ...สิ  อื้มม!!!

     

                จุมพิตที่ร้อนแรง...เริ่มโหมกำลังขึ้นเมื่อคำว่า  “ตามใจ”  สิ้นสุดลง  รอยจูบถูกมอบให้เหมือนโหยหา  บนโต๊ะทานข้าวในห้องครัวได้เปลี่ยนไปเป็นสนามรักที่ไม่อาจมีผู้ชนะเพราะต่างคนต่างยอมพ่ายแพ้ให้กับศึกในครั้งนี้  อาภรณ์ที่เคยอยู่ครบถ้วนถูกถอดออกจนร่างกายเปลือยเปล่า  สะโพกกลมกลึงถูกฟอนเฟ้นจนเกิดริ้วเมื่อไม่มีสิ่งใดมากางกั้น  และบางส่วน...ที่อยากเข้าไปเติมเต็มรสสัมผัสก็แข็งขืนจนปวดหนึบ

     

                “ซี้ดด!

     

                “อ๊ะ!...”

     

                ความปรารถนา...ที่เคยเริ่มต้นบนโต๊ะอาหารถูกเปลี่ยนไปเป็นบนเก้าอี้  ร่างสวยขาวเนียนถูกอุ้มให้นั่งทับลงมาบนตักกว้าง  ปากคมไล่สัมผัสไปตามผิวเนื้อตั้งแต่ใบหน้าเรียว  ไหล่ลาด  ยอดอกก่อนขบกัดและดูดดึงจนผู้เป็นเจ้าของต้องส่งเสียงร้อง  มันวาบหวามเกินทน  มันวูบไหวเกินทัดทานและส่วนล่างที่คอยขยับเคลื่อนไปมาเหมือนอยากกลั่นแกล้งก็คล้ายว่าจะเป็นเชื้อไฟแห่งอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

     

                “ค่อยๆกดลงมา”

     

                “อึ่ก!!...”

     

                “อย่างนั้น...ซี้ดดด”

     

                “ไค...”

     

                “ช้าๆ...”

     

                รู้สึกอาย...จนต้องซบแนบความขวยเขินไว้บนไหล่กว้าง  เพลงรักในท่วงท่าแบบนี้ยิ่งพาให้รู้สึกมากพิเศษและยิ่งรู้สึกมากเป็นพิเศษก็ยิ่งพาให้ใจสั่น  ขามันไร้เรี่ยวแรง  ร่างกายมันอ่อนระทวย...แล้วไฟภายในห้องครัวก็สว่างจนเห็นอะไรต่อมิอะไรได้อย่างชัดเจน  เซฮุนอยากมองเจ้าของกายสมส่วนให้เต็มตาสักครั้ง  แต่มองได้แค่ไม่กี่นาทีก็ต้องหันหน้าหนีเพราะทั้งความคมเข้ม  รอยยิ้มมากเสน่ห์  กล้ามท้องเป็นลอนและส่วนที่เชื่อมต่อกันอยู่ในตอนนี้  ทุกๆอย่างที่เป็นคิมไคมันพาลให้ต้องซบหน้าเอาไว้บนไหล่กว้างเช่นเดิม

     

    เพี๊ยะ!!!

     

                “โอ๊ย!...อ๊ะ!

     

                “ขยับหน่อย....”

     

                “ทำไม่ไหวแล้ว”

     

                บอกแล้วว่าขามันสั่นจนยากจะควบคุม...แล้วการที่ไคตบความกลมกลึงจนขึ้นริ้วก่อนเคลื่อนความปรารถนาไปตามที่ใจต้องการก็ทำให้เซฮุนต้องจับเก้าอี้เอาไว้ให้แน่น  พายุอารมณ์พาให้สะเทือนไปถึงโต๊ะกินข้าว  เพลงรักที่บรรเลงด้วยจังหวะที่หนักหน่วง  แผ่นอกที่ถูกประทับรอย  เอวคอดที่ถูกกระชับด้วยมือหนา...ทุกๆอย่างมันทำให้ร่างสวยต้องแอ่นกาย เงยหน้าพร้อมส่งเสียงครางหวานอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้

     

                “เกาะแน่นๆนะ!”

     

                “อ๊ะ!!  คะ..ไคจะทำอะไร?”

     

                “ไปห้องนู้น  อื้มมม...ซี้ดดด!!!  เดี๋ยวมึงเจ็บหลัง”

     

                “อ๊ะ!!...ช้าๆไค”

     

                ไม่ตายวันนี้ก็คงสาหัส...เพราะการย้ายบทรักจากห้องครัวไปที่ห้องนั่งเล่นทั้งๆที่ส่วนเติมเต็มยังไม่ถูกถอดถอนมันพาให้คนทั้งคู่ต้องอดกลั้นต่อแรงปรารถนา  รอยจูบถูกมอบให้กันและกันอีกครั้งเมื่อแผ่นหลังขาวเนียนได้เอนราบไปกับโซฟาสีขาว  ลิ้นอุ่นชื้นกวานต้อนความหวานอย่างไม่อาจหักห้ามใจ  น้ำเชื่อมสีใสเปรอะเปื้อนอยู่ตามมุมปากเพราะรสสัมผัสที่ร้อนแรง  กายหนาเคลื่อนขยับอย่างเชื่องช้าและเริ่มแน่นหนักเมื่อคนใต้ร่างตอบรับด้วยความเย้ายวน

     

     


     

     

                “เซฮุนนน....ซี้ดดด!!

     

                “รักนะไค...อ๊ะ!

     

                “(ให้ตายเถอะ...)”

     

                “อ๊ะ!

     

                สบถได้แค่ในใจและยอมตายคาอกเมีย...เพราะเพียงแค่พูดคำคำนี้ตอนอยู่ที่ห้างฯมันก็น่าฟังจะแย่อยู่แล้ว  ยิ่งมาพูดตอนที่เราเปลือยกายกันทั้งคู่มันก็ยิ่งน่าฟังมากขึ้นไปอีก  โอเซฮุน!!!...มึงจะทำให้กูคลั่งไปถึงไหนวะ!!  จุดหมายปลายทางเริ่มใกล้เข้ามาทุกที  เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่น  ทุกๆสัดส่วนถูกโอบกระชับก่อนเร่งเร้าเพื่อให้ถึงความปรารถนา  และอัตราการเต้นของหัวใจก็คล้ายว่าจะเร็วขึ้นเมื่อเพลงรักกำลังจะสิ้นสุด

     

                “อะ...อ่าาาห์!!!

     

                “ไม่ต้องมายิ้มเลย...”

     

    จุ๊บบ!!!

     

                เกลียดการยิ้มมุมปากของคิมไคที่สุด...หล่อตายล่ะ!!  เซฮุนรีบเบือนหน้าหนีรอยยิ้มที่แสนจะเจ้าเล่ห์ทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมกอด  ปากคม...สัมผัสที่ไหล่ลาดขาวเนียนเพียงแผ่วเบา  ส่วนเชื่อมต่อถูกขยับออกแม้จะอยากสานต่อบทรักจนฟ้าสาง  กำลังที่โอบรัดเอวคอดเริ่มคลายลงก่อนจับคนที่หันหน้าหนีให้เข้ามาซบที่อกกว้าง

     

                “เจ็บหรือเปล่า?”

     

                “ก็นิดนึง...”

     

                “อดทนหน่อย...ผัวมีของดีก็งี้!

     

                “มีผัวซาดิสต์ล่ะไม่ว่า”

     

                “ซาดิสต์จริงๆมันต้องแบบนี้...อื้มม!!!

     

                “โอ๊ย! ไค...ไอ้บ้า!

     

                “ซี้ดด...”

     

                “อ๊ะ!!!!!

     

     

    มันเป็นความสวยงามที่ไม่อาจห้ามใจ  เพราะทั้งแก้มนิ่มๆ  ปากหวานๆ  ก้นเด้งๆ  แล้วก็ความคับแน่นที่ตอบรับสัมผัสเป็นอย่างดีมันพาให้ต้องบรรเลงเพลงรักกันอีกรอบ  และหวังว่าาาา....พรุ่งนี้เช้าจะเปิดร้านไหวนะ??!

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    คำเตือน!!!...อย่าให้ความหวานมันบังตา?

    Cr. ภาพในตอนที่ 6 : IG>>kelleynan  และIG>>laforfiower

     

    Talk.

    ปิดคอมมมมมพ์ฯ...เดินไปหยิบหม้อมาต้มน้ำร้อน!??

    ตอนนี้กลัวถูกแบนจังเลยค่ะ ฮือออออ T T ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนและขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้นท์...อ่านแล้วชื่นใจค่ะ    

    รัก  

    #ฝากเลี้ยงKH

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×