ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #9 : ปลาตัวที่ 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      29
      18 เม.ย. 64


    ปลาตัวที่ 8




     


    บริษัท  บ้านปลา

    06.00 น.

     

    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!

             


                รถสปอร์ตสีแดงเพลิง...จอดลงที่หน้าบ้านของรุ่นน้องคนสนิทด้วยความเร่งรีบ  เพราะตอนนี้เขาและภรรยาต้องเดินทางไปต่างประเทศแบบกะทันหัน  เนื่องจากลูกค้ารายสำคัญต้องการสัตว์น้ำสายพันธุ์หายาก  และเขาต้องไปให้ทันเวลาที่พ่อตาโทรมาสั่งเอาไว้  มันเหมือนไฟไหม้บ้านเพราะเก็บเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็ว  พาสปอร์ต  กางเกงใน  รายชื่อลูกค้า  ทุกๆอย่างถูกโกยใส่กระเป๋าแล้วรีบขับรถออกมาทันที  

     


                งานมันเร่งด่วน...จนคริสและอี้ชิงไม่สามารถพาน้องปลาไปด้วยกันได้  แถมงานนี้ต่างคนต่างต้องไปติดต่องานกันอีกหลายที่แล้วเวลาก็มีจำกัด  พี่ๆทั้งสองคนจึงไม่มีเวลาดูแลน้องรักเหมือนอย่างที่เคย  ส่วนคนที่รู้สึกเหมือนถูกทิ้งก็นั่งร้องไห้มาพักใหญ่และไม่ยอมฟังเหตุผลของพวกพี่ๆเลยสักคำ  แต่!!เมื่อบอกว่าจะพามาส่งที่บ้านของจงอินพร้อมสัญญาว่าจะพาไปทานไอศกรีมทันทีเมื่อพวกเขาเดินทางกลับ  เด็กน้อยก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  น้ำตาที่ไหลจนเกือบท่วมบ้านกลับเหือดแห้งดั่งมีเวทมนต์  แถมยังเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นบางอย่างใส่กระเป๋าพร้อมออกเดินทางเช่นกัน  

     


                เป็นการมาที่นี่โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าอีกครั้งเพราะทุกอย่างมันกะทันหันไปหมด  จะโทรถาม...ก็เกรงใจ  เวลาก็กระชั้นชิดและอีกหนึ่งชั่วโมง...เที่ยวบินที่จองไว้ก็ใกล้จะออก  ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเช้า  ซึ่งคริสทราบดีว่าคนในบริษัทบ้านปลาจะเริ่มต้นทำงานกันตอนกี่โมง  ชีวิตลนลานไปหมด  กลัวตกเครื่อง  กลัวน้องปลาไม่มีใครดูแล  กลัวจะผิดนัดกับพ่อตา  กลัว  กลัว  กลัว...กลัวทุกอย่างจนเกือบขับรถไม่ถึงที่หมาย  สายตาคม...มองลอดประตูรั้วเมื่อเดินทางมาถึงและกำลังจะเอื้อมมือไปกดกริ่ง  แต่...คนที่ถูกภรรยาใช้ให้ออกมาซื้อน้ำเต้าหู้แต่เช้าก็ช่วยทำให้ความลนลานของเขาลดน้อยลง



                “ชานยอล...กูฝากน้องปลาหน่อยนะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบมารับ”

     


    VROOM M M….M M M!!!!!!!!!!!!!!

               


                สิ้นคำฝากฝัง...คริสก็รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที  เพราะขืนช้ากว่านี้คงได้ตกเครื่องแน่ๆ  ส่วนน้องปลาก็ได้แต่เดินตามชานยอลเข้ามาในบ้านอย่างเงียบๆ  และทราบดีว่าเวลานี้คงยังไม่มีใครตื่น  อ้อมแขนน้อยๆกอดกระเป๋าเป้รูปปลาวาฬเอาไว้พร้อมก้าวขาขึ้นบันไดเพื่อไปที่ห้องของแฟนหนุ่ม  ใจหนึ่งก็อยากไปกับพี่ๆ  อีกใจก็อยากอยู่กับจงอินเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนัก...แต่ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคนเดียว  




                เมื่อได้กุญแจสำรองมาจากชานยอล...เด็กน้อยก็ไขประตูเข้ามาด้านในอย่างเบามือเพราะเกรงว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของหนุ่มผิวเข้ม  น้องปลาวางเป้ใบใหม่ลงบนโซฟาแล้วถอดเสื้อคลุมพาดไว้บนพนักพิง  และจากที่รู้สึกเกรงใจในตอนแรกก็กลับเปลี่ยนเป็นเขินอายเนื่องจากซิกแพกสมส่วน  ผิวสีแทน  การสวมเพียงกางเกงนอนของจงอิน  ทุกๆอย่างที่น้องปลาเห็นอยู่ตอนนี้มันพาให้ใบหน้าเห่อร้อนไปหมด  ขาเรียวสวย...ค่อยๆก้าวขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยความระมัดระวัง  และอยากทดลองเป็นนาฬิกาปลุกดูสักครั้ง


         

                “อื้มมมมม”  คนถูกแกล้ง...ส่งเสียงทุ้มออกมาอย่างรู้สึกรำคาญพร้อมปัดป่ายมือไปมาเมื่อถูกรบกวน


                “คิ  คิ”  เอามือปิดปาก...และหัวเราะเบาๆเพราะตอนนี้เจ้าของกายสมส่วนดูเหมือนหมีขี้เซาตัวใหญ่มากกว่าคนเสียอีก  

     

    ปึ่กกก!!


                “โอ๊ยยย.....ซี๊ดดดด!!”  แกล้งคนอื่นจนได้เรื่องเพราะเมื่อน้องปลาใช้นิ้วชี้ลูบวนไปมาบนหน้าท้องสีแทน  จงอินก็ยกมือปัดป่ายอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้มันแรงกว่าครั้งแรก  อกบางที่โผล่พ้นเสื้อสีหวานจึงถูกเล็บเจ้าของซิกแพกชวนสัมผัสข่วนจนได้แผล  และ...  


               “น้องปลา...หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ!!!”  เสียงหวาน...ที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อครู่ทำให้จงอินสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ  และเมื่อพบแฟนเด็กนั่งอยู่บนเตียงด้วยเสื้อผ้าที่เหมือนใส่มายั่วอารมณ์กันแต่เช้า  ความเป็นห่วง  ความสงสัย  ความปวดตึงตรงส่วนนั้นก็พาลให้สมองเรียงลำดับความสำคัญผิดพลาดไปหมด  เสื้อกล้ามคอกว้างสีชมพู  กางเกงสกินนี่สีเข้มรัดเรียวขาและแขนเสื้อที่หลุดไหล่ลงมาหนึ่งข้างพร้อมการลูบหน้าอกไปมาของน้องปลามันเป็นภาพที่ทำให้จงอินอยากพรากผู้เยาว์  


                “หนูเจ็บ >_<)”  เป็นการตอบที่ไม่ตรงกับคำถามเลยสักนิด  และเมื่อเด็กน้อยเอามือออกจากหน้าอก  จงอินก็ได้เห็นบาดแผลที่เป็นรอยข่วน  แต่บาดแผลที่เห็นว่ามันเริ่มแดงและมีเลือดออกเล็กน้อยมันก็ยังไม่ชัดเท่า...ยอดอกสีหวาน



                “................”  กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ  หายใจติดขัด  ตาสว่างเหมือนกินเครื่องดื่มชูกำลัง  ทุกๆอย่างที่ตื่นมาเห็นในเช้านี้มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้....แต่ก็เป็นไปแล้ว!!!    


                ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน...และอยากไปหาใจแทบขาด  แต่ต้องไปติดตั้งตู้ปลาให้กับลูกค้า  แถมยังไม่มีเวลาไปรับสัตว์น้ำที่สั่งเอาไว้  แต่ตอนนี้...เจ้าของห้องกำลังพยายามตั้งสติ  ระงับจิตระงับใจและรอให้อะไรบางอย่างมันสงบลง  มือหนารีบดึงผ้าห่มมาปกปิดส่วนล่างเอาไว้  และดีที่เมื่อคืนไม่ได้นอนแก้ผ้า  ไม่อย่างนั้น...น้องปลาอาจส่งเสียงร้องดังกว่านี้  หลังจากทุกส่วนในร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ  จงอินก็ลุกออกจากเตียงกว้างแล้วเดินไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้กับเด็กน้อย



                ทำแผลไปด้วย...ก็คุยไปด้วยเพราะการมาของน้องปลามันชวนให้สงสัย  ปกติรุ่นพี่คนสนิทไม่เคยปล่อยให้น้องเมียอยู่ห่างกายเลยสักวัน  จะไปไหนมาไหนก็ต้องขออนุญาตก่อนเสมอ  ส่วนเรื่องรอยข่วนบนหน้าอกของน้อง  จงอินขอรับผิดเองทั้งหมดแม้รอยแผลจะเกิดจากการที่น้องแปลงร่างเป็นนาฬิกาปลุกก็ตามที  ใครจะโกรธแฟนของตัวเองได้ลงคอและความคิดถึงก็ถูกเติมเต็มอย่างไม่คาดฝัน  จงอินเก็บอุปกรณ์ในการทำแผลเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้พาน้องปลาลงไปทานอาหารเช้าด้วยกัน


    ...



    ...



    ...



    แกร๊กก!!



              ใช้เวลาในการอาบน้ำค่อนข้างนาน...เพราะต้องขัดบางอย่างให้หายอึดอัด  ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับคนด้านในที่วันนี้ใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น  และที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพราะไม่อยากให้เด็กน้อยเห็นความเปลือยเปล่าของเขาบ่อยเกินไป  แล้วก็...เพื่อความปลอดภัยของตัวน้องเอง  จงอินไม่รู้ว่าจะต้องอดทนต่อสิ่งเย้ายวนหรือต้องอดกลั่นต่อการถูกยั่วอารมณ์โดยไม่ตั้งใจได้นานสักเท่าไหร่  และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการทดสอบความอดทนอีกครั้งเมื่อคนที่แต่งกายได้น่าฟัด...ตบเตียงดังปุๆพร้อมกวักมือเรียกให้เดินเข้าไปหา  



                เหมือนต้องมนต์สะกด...เพราะขายาวสมส่วนเดินไปยังเป้าหมายอย่างไร้สติและสงสัยว่าทำไมน้องถึงทำเช่นนั้น  จงอินขึ้นมานั่งบนเตียงกว้างโดยมีร่างน้อยๆนั่งอยู่บนตักพร้อมกับถุงพสาติกหนึ่งใบ  งงยิ่งกว่างง...เมื่อถุงพลาสติกที่ว่าถูกกางออก   และสิ่งที่ทำให้หายข้องใจก็คือกรรไกรตัดเล็บ  น้องปลามักจะพกสิ่งนั้นติดตัวเสมอเพราะการที่เล็บของตัวเองยาวเกินไปมันอาจทำให้เพื่อนๆที่อยู่ในบ่อหลังบ้านหรือสิ่งมีชีวิตที่ขายอยู่ในร้านได้รับบาดเจ็บ  เหมือนเป็นของที่ขาดไม่ได้และในกระเป๋าเป้ปลาวาฬก็ยังมีของอำนวยความสะอาดอยู่อีกมากมาย  ทิชชู่เปียก  ครีมทามือ  กระดาษเช็ดหน้า  ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ต้องนำมาด้วยทุกครั้งเมื่อต้องออกจากบ้าน  ส่วนถุงพลาสติกก็เพิ่งหยิบมาจากโต๊ะทำงานของจงอิน


     

    แกร๊บบ!


    แกร็บบ!


    แกร๊บบ!

     


              จากนิ้วโป้งข้างซ้าย...ตัดไล่มาเรื่อยๆจนถึงนิ้วก้อย  แล้วเริ่มตะไบเพื่อลบความคมของเล็บไปทีละนิ้ว  เสร็จจากมือซ้ายก็ย้ายมาตัดเล็บที่มือข้างขวาอย่างชำนาญ  คนถูกเอาใจใส่นั่งยิ้มเหมือนคนเป็นบ้าเพราะไม่คิดว่าน้องปลาจะทำอะไรแบบนี้เพื่อเขา  น่ารักกว่าใคร  เอาใจเก่งที่หนึ่ง  ตัวก็หอม  มือก็นิ่ม  เด็กอะไร...ทำไมน่ารักไปหมด  ใบหน้าคมเข้มซบลงบนแผ่นหลังขาวเนียนและมือข้างที่ตัดเล็บเสร็จแล้วก็โอบเอวคอดไว้ด้วยความคิดถึง


                “ทำไมแฟนของหนูไม่ตัดเล็บบ้างเลยละฮะ  เล็บมันยาวม๊ากกกกก  ข่วนหนูเจ็บเลยเห็นไหม”  



                “ก็พี่ไม่มีเวลาหนิครับ  ช่วงนี้งานเยอะมาก  บางวันก็ไม่ได้กินข้าวเลยด้วย”  


                คนบ้างาน...ไม่ค่อยใส่ใจตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  แค่ไม่หมกผ้าไว้ในตะกร้าจนเกิน อาทิตย์ก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว  ยิ่งเรื่องตัดเล็บยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะต่อให้เล็บมันหักในระหว่างการทำงาน  จงอินก็แค่หยิบอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่อยู่ใกล้มือแล้วเฉือนมันออกก็แค่นั้น  แล้วเล็บที่ข่วนน้องปลาจนได้แผลก็เกิดจากการฉีกขาดตอนแพ็คอุปกรณ์ทำตู้ปลาเมื่อวาน  และไม่ได้สนใจที่จะตะไปออกเพื่อลบคมอะไรทั้งนั้น  แล้วทุกวันนี้...กรรไกรตัดเล็บอยู่ที่ไหนหรือวางอยู่ที่ใดก็ยังจำไม่ได้


                “งั้น...หนูจะเป็นคนทำหน้าที่นี่เอง  พี่จงอินจะได้เอาเวลาไปกินข้าว”  เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้ม...หันมาเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจของคนฟังพองโตคล้ายลูกโป่งที่ถูกอัดแก๊ส  


                เก่งแต่เรื่องที่ทำให้จงอินยิ้มได้...และเก่งทุกเรื่องที่ทำให้เขามีความสุข  ต้นคอขาวเนียน  ความหอมที่พาให้สติหลุดลอย  แผ่นหลังที่อิงซบอยู่นาน  ทุกๆอย่างที่เห็นและรู้สึกมาได้สักพักใหญ่มันเหมือนเป็นบททดสอบความอดทนของเขาเหลือเกิน  ท่านั่งที่ล่อแหลม  ก้นนิ่มที่ขยับยุกยิกไปมา  เสียงเจื้อแจ้วที่เอ่ยถ้อยคำหวานหู  และ....



                “เสร็จแล้ววววว!!!  สะอาดอะ...เอี่ยม  อ๊ะ!!!”  กายหนา...อุ้มเด็กที่นั่งอยู่บนตักให้นอนราบลงไปกับเตียงกว้างเมื่อสิ้นเสียงใสที่เอ่ยออกมาเมื่อครู่  และมันก็หมดสิ้นแล้ว...ซึ่งความอดทนของคิมจงอิน  

             

                ริมฝีปากสีเชอร์รี่...ที่อยู่ห่างเพียงอากาศกั้นก็เหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้อวัยวะเดียวกันของคนด้านบนต้องรีบชิมความหวานที่ห่างเหินไปนานจนโหยหา  ลิ้นอุ่นชื้น...กวาดต้อน  เก็บเกี่ยวและกอบโกยรสสัมผัสอย่างอ่อนโยน  แต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ยากจะหยุด  มือหนาเริ่มฟอนเฟ้นไปตามเรือยกายบอบบาง  แล้วปล่อยริมฝีปากสีสดให้เป็นอิสระเพียวชั่วครู่ก่อนป้อนจูบให้อีกครั้ง  อีกครั้งและอีกครั้ง  ความวาบหวามเกิดขึ้นในจิตใจของผู้ที่อ่อนประสบการณ์จนต้องบีบไหล่กว้างเอาไว้เพื่อระบายความรู้สึก  


               "อื้มม"

     

                อารมณ์ต่างๆ...เริ่มไต่ระดับจนควบคุมไม่ได้เมื่อเด็กน้อยจูบตอบและเอียงใบหน้าเรียวสวยให้ถนัดต่อการเติมรสสัมผัสมากขึ้น  เสียงจูบดังก้องไปทั่วห้องนอนสีเข้ม  และมันก็ดังพอๆกับเสียงหัวใจของคนทั้งคู่ที่คล้ายจะเต้นแข่งกัน  มือหนาดึงเสื้อกล้ามของแฟนเด็กขึ้นจนถึงหน้าอกและแตะลิ้นลงบนยอดอกสีหวานที่อยากลิ้มลองมานาน  แต่.......



    ปังง!!


    ปังง!!


    ปังง!!



    ยังไม่ทันได้ชิมเลยสักคำ...เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน!??

     


              “ตื่นยังวะจงอิน  กูรู้นะ...ว่าน้องปลาอยู่ในนั้น  ลงไปกินข้าวเดี๋ยวนี้!!!!!!


                ใบหน้าคมเข้ม...ซบลงบนแผ่นอกขาวเนียนและพยายามทำใจให้นิ่ง  อารมณ์ต่างๆดับลงเมื่อได้ยินเสียงของพี่ชายต่างแม่ตะโกนเรียกอยู่หน้าห้อง  จงอินค่อยๆดึงมือของเด็กน้อยให้ลุกขึ้นจากที่นอนและจัดสภาพร่างกายรวมถึงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะลงไปทานมื้อเช้า  ส่วนคนถูกจู่โจมด้วยรสสัมผัสที่ยากจะลืม  ก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติทั้งๆที่ก้อนเนื้อด้านซ้ายมันยังเต้นไม่หยุดก็ตามที  และที่แบคฮยอนรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ก็คงเป็นการบอกเล่าจากคนที่ออกไปซื้อน้ำเต้าหู้เมื่อเช้า


     








     







    ห้าง XOXO

    14.32 น.

               


                ตอนนี้...จงอินพาแฟนเด็กออกมาเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดตามกฎระเบียบใหม่ที่เขาจัดขึ้น  หลังจากเหตุการณ์ที่น้องปลาแผลงฤทธิ์ใส่ลูกค้าจนลูกน้องในโรงงานต่างพากันโห่ร้องด้วยความดีใจ  จงอินก็เริ่มเปลี่ยนระบบในบริษัทเกือบทั้งหมดโดยมีลูกน้องและทุกคนในครอบครัวร่วมช่วยกันหาทางออก  วันอาทิตย์คือวันหยุด  เวลาเข้างานคือเก้าโมงตรง  เลิกงานตามออร์เดอร์ที่ได้รับมอบหมายและสิ่งที่ยังคงไว้เหมือนเดิมก็คือทำอาหารทุกมื้อเพื่อเลี้ยงลูกน้อง  รวมถึง...มื้อพิเศษเมื่อกลับจากการติดตั้งตู้ปลา  ทุกๆอย่างคือข้อตกลงที่ประชุมกันไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและทุกคนก็เห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง


    แต่สำหรับวันหยุดวันนี้....มันกลับมีการโต้เถียงเกินขึ้นเพราะเมื่อพี่ชายต่างแม่เห็นเด็กน้อยคนโปรดปากเจ่อ  เจ้าตัวก็โวยวายเป็นการใหญ่พร้อมลงไม้ลงมือกับน้องชายจนบ้านเกือบแตก

     

                เป็นการทานมื้อเช้า...ที่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากที่สุดเพราะน้องปลาไม่ค่อยพูดเจื้อยแจ้วเหมือนทุกครั้งที่มาที่นี่  แถมยังหน้าแดงเหมือนคนเป็นไข้  และริมฝีปากก็คล้ายจะบวมเล็กน้อย  แบคฮยอนเห็นความผิดปกติอยู่หลายอย่าง  แต่อดทนรอให้การทานอาหารเช้าร่วมกันจบลงจึงค่อยสอบถามถึงเรื่องที่สงสัย  และเมื่อได้รับคำตอบ...มือทั้งสองข้างก็ฟาดลงบนหลังน้องชายด้วยความโมโห  ทั้งตบ  ทั้งตี  ทั้งทุบ  เพราะไม่คิดว่าจงอินจะทำอะไรแบบนั้น  น้องปลายังเด็กและเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ


    เพี๊ยะ!!


    เพี๊ยะ!!  


          

                “มึงทำอะไรน้องปลา  บอกกูมาเดี๋ยวนี้...จงอิน!!!


              “โอ๊ยยๆ ๆ ๆ เจ๊เบาๆ  ผมเจ็บ...ซี๊ดดด”


              “อย่ามาสำออย  บอกกูมาซะดีๆว่า...มึงทำอะไรน้องปลา”


              “เปล่าทำ  ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย  เจ๊เอาอะไรมาพูด”


              “มึงอย่ามาตอแหล  ถ้าไม่ได้ทำ...แล้วทำไมปากน้องถึงเจ่อแบบนั้น หึ!!!”


              “เอ่ออ...อออออ   จะ.....จูบ  ผมจูบน้องปลา”



     

    เพี๊ยะ!!


    เพี๊ยะ!!!


    เพี๊ยะ!!!!

     


              “โอ๊ยยย  เจ็บนะเว้ย...เจ๊จะตบอะไรหนักหนาวะ”


              “มึงอยากติดคุกเหรอจงอิน  น้องมันเพิ่งอายุ 16 มึงเอาสมองส่วนไหนคิด  ถ้าผัวอี้ชิงมันรู้เข้า...มีหวังมึงโดนกระทืบตายคาตีนแน่ๆ”


              “คนเป็นแฟนกัน...จะจูบนิดหอมหน่อยมันก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลยหนิเจ๊  หรือว่าเจ๊ไม่เคย!!?”


              “มะ....มึงว่าไงนะจงอิน  มึงกับน้องปลาเป็นฟะ...แฟนกัน??  แล้วไปเป็นตอนไหนวะ??”


              “ตอนไหนเจ๊ไม่ต้องรู้หรอก  แล้วก็อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครล่ะ  น้องมันยังไม่พร้อม”


              “มึงอย่าทำเป็นเล่นนะจงอิน  น้องมันยังเด็ก...จะทำอะไรก็หัดเกรงใจไอ้คริสกับอี้ชิงด้วย  ลูกเค้ามีพ่อมีแม่มีครอบครัว”


              กว่าคนเป็นพี่จะเข้าใจเหตุผลของน้อง...จงอินโดนตบจนแสบผิวไปหมด  และถึงแม้แบคฮยอนจะขี้บ่น  ขี้โวยวาย  เจ้าระเบียบ  แต่ทุกครั้งที่น้องชายอย่างเขามีปัญหา  พี่ต่างแม่คนนี้ก็จะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ  บางครั้ง...ความเป็นห่วงก็มักจะทำให้เขาเจ็บตัวอยู่บ่อยๆ  แต่จงอินก็เข้าใจดีว่าแบคฮยอนรักเขามากแค่ไหน  ถูกตบ...ก็เพราะไม่อยากให้ทำผิด  ถูกตี...ก็เพราะอยากเตือนสติว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ  ถูกด่า...ก็เพราะว่าอยากให้น้องได้ดี  ไม่มีใครเข้าใจแบคฮยอนได้ดีเท่ากับเขาอีกแล้ว  ใครจะมองว่าไร้เหตุผล  ก้าวร้าวหรือจะอะไรก็ช่างและคิมจงอิน...ก็จะคอยอยู่เคียงข้างพี่ชายคนนี้เช่นกัน


    ...



    ...



    ...



                “พี่จงอิน...หนูขอไปดูหมวกร้านนั้นหน่อยฮะ”  เสียงใสแจ๋วของแฟนเด็ก...ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดมากต้องรีบหันไปมองที่ต้นเสียง  และมือน้อยๆ...ที่ชี้นิ้วไปยังร้านขายเสื้อผ้าแบรนดังพร้อมก้าวขาวิ่งตรงไปที่หน้าร้านก็พาให้จงอินต้องวิ่งตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


                “น้องปลาจะซื้อไปใส่เองเหรอครับ??”  ถามด้วยความสงสัยเพราะหมวกที่น้องปลาถืออยู่ตอนนี้มันดูใหญ่เกินไปและไม่เหมาะกับเด็กอายุสิบหกปีเลยสักนิด  แถมราคาหมวกใบนั้นก็สามารถซื้อชุดช่างของได้เป็นร้อยๆตัว  ใช่ว่าไม่มีเงิน  ใช่ว่าไม่มีฐานะ  แต่ของบางอย่างมันก็ไม่จำเป็นสำหรับเขา  


                “หนูจะซื้อไปให้พี่คริสจ๋าฮะ”  เป็นการตอบคำถามโดยไม่ได้มองหน้าจงอินเลยสักนิดเพราะมัวแต่พิจารณาหมวกที่ถืออยู่ในมือ  น้องปลาจำได้ว่าหมวกใบนี้มันเป็นแบบเดียวกันกับที่พี่เขยต้องการ  แต่ยังไม่มีเวลาออกมาซื้อเพราะงานในบริษัทมันยุ่งมากและลูกค้าก็ค่อนข้างเยอะ


                “พี่คริสให้เงินค่าขนมไว้เท่าไหร่ครับน้องปลา  หมวกมันแพงมากเลยนะ...พี่ช่วยจ่ายให้ก่อนไหม?”  ไม่มีเจตนาจะดูถูก  แต่ที่ต้องถามเพราะหมวกใบนี้ราคาแพงมากจริงๆ  แล้วเด็กอย่างน้องปลาก็คงพกเงินติดตัวไม่มากนัก


    แต่.....  


                “หนูมีบัตรเครดิตฮะ...นี่ไง!!!”  แบบไม่จำกัดวงเงินเสียด้วย  และด้วยอำนาจของบัตรเครดิตใบนี้ก็ทำให้จงอินเกิดความสงสัย  เพราะด้วยวัยของน้องมันไม่สามารถมีบัตรอะไรได้เลยนอกจากบัตรประชาชน  

            

                “น้องปลาเอาบัตรของใครมาใช้ครับ  พี่ขอดูหน่อยได้ไหมย?”  ก่อนจ่ายเงินค่าหมวกด้วยบัตรเครดิตใบนี้  จงอินก็ขอตรวจให้แน่ใจว่ามันเป็นของใครกันแน่  ใช่ว่าอยากใส่ร้ายหรือคิดว่าน้องปลาเป็นขโมย  แต่ของมีค่าบางอย่างก็ไม่ควรอยู่ในมือเด็ก  ความรับผิดชอบต่อการสูญหายก็ไม่ถึงวุฒิภาวะ  ความเสี่ยงต่อการถูกกระชากกระเป๋าก็มีสูง  อันตรายมีอยู่รอบตัว  แล้วถ้าบัตรแบบนี้มันหายไป  น้องปลาก็คงจะรับผิดชอบไม่ไหว     


                “พี่คริสจ๋าให้หนูเอาไว้ใช้  เวลาอยากได้อะไร...จะได้ไม่รบกวนพี่จงอินไงฮะ”  พี่เขย...มักจะให้บัตรต่างๆกับภรรยหรือให้น้องเมียเอาไว้ใช้เสมอเมื่อเขาต้องเดินทางไปต่างประเทศ  จะรูดใช้เท่าไหร่  ซื้ออะไร  คริสก็ไม่ว่าเพราะความสุขในการช้อปปิ้งของอี้ชิงก็คือความสุขของเขา  ยิ่งเห็นน้องปลายิ้มเวลาได้ซื้อของเล่นหรือของที่โปรดปราน  คริสก็ยิ่งมีความสุข  เรื่องการใช้จ่ายเกินวงเงินก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะธนาคารเจ้าของบัตร...ก็คือคุณพ่อของเขาเอง  และถ้าบัตรใบไหนวงเงินเต็มก่อนกำหนด...ก็แค่โทรหาท่านเพียงกริ๊งเดียวก็เที่ยวต่อได้อย่างสบายใจ


    และถ้าคนที่โทรไปคือน้องปลา...เผลอๆจะได้บัตเครดิตรใบใหม่ที่ส่งตรงมาจากฮ่องกงภายใน  24  ชั่วโมงด้วยซ้ำ 



                ส่วนคนที่เหมือนถูกตบหน้าด้วยบัตรเครดิตใบนี้...ก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาความร่ำรวยของรุ่นพี่คนสนิทหรือเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจในฐานะของตัวเอง  แต่การที่น้องปลามีผู้ใหญ่  มีพี่ๆ  มีครอบครัวที่ดูแลกันมาเป็นอย่างดี  การพิสูจน์ตัวเองของเขาให้ทุกคนเห็นก็จะคงยากกว่าที่คิด  แค่การปกปิดความสัมพันธ์เอาไว้มันก็เครียดมากพออยู่แล้ว  และตอนนี้...ก็ยังมีเรื่องอื่นๆเข้ามาให้คิดอีกมากมาย  เขาจะดูแลน้องปลาได้ดีอย่างที่น้องเคยได้รับหรือไม่  น้องจะมีความสุขเท่าที่เคยได้รับจากคนในครอบครัวหรือเปล่า  และเขา...จะเป็นแฟนที่ดีได้ไหม??  ทุกๆเรื่องเป็นสิ่งที่ทำให้จงอินกลุ้มใจ  แต่ก็ใช่ว่าจะท้อ  รักไปแล้ว  ชอบไปแล้วก็จะดูแลให้ถึงที่สุด  จะพยายามปรับปรุง  จะพยายามดูแล  รวมถึงประคองความสัมพันธ์ในครั้งนี้ให้อยู่กับเขาไปนานๆ



                เมื่อเสร็จสิ้นการซื้อหมวก...จงอินก็พาน้องปลามาทานไอศกรีมที่ร้านเดิม  เพราะน้องติดใจในรสชาติของไอศกรีมช็อคโกแลตมินต์  เด็กน้อยสั่งของหวานรสโปรดและขนมเค้กอีกหนึ่งชิ้น  ส่วนหนุ่มผิวเข้มก็ยังเป็นโกโก้ร้อนเช่นเคย  แต่เมื่อพนักงานรับออร์เดอร์ไปได้สักพัก  น้องปลาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าตู้เค้กเพราะอยากซื้อกลับไปฝากพี่ชายคนโปรด  ตาเรียวคู่สวย...กวาดมองจากชั้นวางเค้กชั้นแรกจนถึงชั้นสุดท้าย  แต่ก็ยังเลือกไม่ได้สักชิ้น  น้องปลาไม่ทราบว่าแบคฮยอนชอบทานสิ่งใดหรือไม่ชอบเค้กแบบไหน  เจ้าตัวจึงยืนเลือกอยู่นาน  และคนที่รู้ดีที่สุดก็น่าจะเป็น...คนที่นั่งเช็คเมลของลูกค้าโดยไม่สนใจแฟนเด็กเลยสักนิด



                “พี่จงอินนนน...มาช่วยเลือกเค้กหน่อยฮะ  หนูจะซื้อเค้กไปฝากบยอนนี่”  ตะโกนเรียกเสียงใส...พร้อมการกวักมือเพราะที่นั่งของเขากับส่วนของการขายเค้กมันค่อนข้างที่จะอยู่ห่างกัน  แต่......


                “แป้บนึงนะครับน้องปลา”  ก้มหน้าก้มตาเอ่ยออกไปเพราะกำลังตอบเมลลูกค้าเรื่องของการทำตู้ปลา  จงอินยังไม่ชินกับวันหยุดที่เป็นข้อตกลงของบริษัท  และถ้าเวลานี้คือวันทำงานเขาก็คงอยู่กับพวกลูกน้อ หรือวุ่นอยู่กับการทำบ้านปลาในโรงงาน


    เพล้งงงงง!!!!!!!


              “ขอโทษนะฮะ...หนูไม่ได้ตั้งใจ  เดี๋ยวหนูช่วยเก็บนะฮะ!  โอ๊ยย!!


                คนถูกเมิน...รีบวิ่งกลับมาที่โต๊ะเพื่อจะพาแฟนหนุ่มไปเลือกเค้กด้วยกัน  แต่มันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักกงานเดินมาเสิร์ฟของหวานให้ลูกค้าพอดี  ไอศกรีมสีฟ้า...หกใส่เสื้อของปลาจนเลอะเทอะไปหมด  แถมภาชนะทรงสูงที่ทำมาจากแก้วก็ตกแตกส่งเสียงดังไปทั่วทั้งร้าน  และเสียงที่ร้องด้วยความเจ็บปวดของแฟนเด็กมันก็ดังมากพอที่จะให้คนบ้างานหยุดการตอบเมลของลูกค้าแล้วเดินมาที่ต้นเสียงทันที  



                จงอินรีบอุ้มน้องปลาเข้าสู่อ้อมอก...แล้วพาออกมาจากร้านไอศกรีมทันที  ขายาวสมส่วนวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างแผลรวมถึงเสื้อผ้าที่มันเลอะไปด้วยคราบของหวานสีฟ้า  ดีที่แผลจากการถูกแก้วบาดมันไม่ลึกมาก  ไม่อย่างนั้นคงต้องพาไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล  ความผิด...เริ่มกัดกินใจคนบ้างานเมื่อเห็นรอยแดงบนปลายนิ้วของเด็กน้อย  อยากเจ็บแทนแต่ก็เป็นได้แค่ความคิด  อยากกลับไปแก้ไขแต่ก็สายเกินไปแล้ว  อยากขอโทษแต่ไม่รู้ว่าจะไม่ได้รับการให้อภัยหรือเปล่า  



                “พี่ขอโทษนะครับน้องปลา  ขอโทษที่ทำให้เจ็บ  พี่สัญญาว่าจะดูแลน้องปลาให้ดีกว่านี้”  คนสำนึกผิด...ใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำออกจากบาดแผลให้น้องอย่างเบามือและหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงพันไปรอบๆนิ้วชี้เพื่อกันไม่ให้เลือดมันไหลอออกมาอีก  


                “อย่าสัญญาเลยฮะ  เพราะถ้าวันไหนพี่จงอินทำไม่ได้  พี่จงอินก็จะกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ  เป็นแฟนกันต้องไม่โกหกนะฮะ...หนูรู้ว่าพี่จงอินไม่ได้ตั้งใจ  หนูไม่โกรธแฟนของตัวเองหรอกฮะ  พี่จงอินอย่าคิดมากนะ  หนูไม่เป็นอะไรแล้ว ^_^)”   ทราบดี...ว่าจงอินก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  ทุกอย่างเป็นเพียงอุบัติเหตุและเขาเองก็วิ่งโดยไม่ทันได้มองว่าใครกำลังทำอะไรอยู่บ้าง  แต่ที่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ก็คือ...คำสัญญา


               จำสิ่งที่คุณพ่อสอนได้เป็นอย่างดี...และท่านก็จะบอกเสมอว่าอย่าสัญญาอะไรเพียงเพราะอยากให้อีกคนยกโทษให้หรือเอ่ยเพื่อให้เรื่องที่เกิดขึ้นมันถูกคลี่คลาย  น้องปลาชอบเล่นซนจนได้แผลอยู่บ่อยครั้ง  และทุกครั้งที่ถูกดุเจ้าตัวก็จะสัญญากับคุณพ่อเสมอว่าจะไม่ซนอีกแล้ว  แต่!!สุดท้ายก็ยังซนเหมือนเดิม  คุณพ่อจึงดัดนิสัยด้วยการไม่พูดกับลูกชายคนนี้ไปหนึ่งวัน  น้องปลาจึงเข้าใจ...ว่าการพูดอะไรออกไปโดยไม่ได้เกิดจากการสำนึกผิดจริงๆมันทำให้เขากลายเป็นเด็กที่ชอบพูดโกหกและจะไม่มีใครอยากคุยด้วย  แถมยังไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาอีกเลย


    ความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ...อย่าทำลายสิ่งนั้นเพียงสัญญาจอมปลอม



                "ขอบคุณนะครับน้องปลา  ขอบคุณที่ไม่โกรธพี่"  ไม่รู้จะเอ่ยคำใดนอกจากการขอบคุณเพราะความรู้สึกต่างๆมันกำลังตีรวนกันอยู่ในอก  ดีใจที่น้องไม่โกรธ  เสียใจที่ดูแลน้องไม่ดี  บ้างานทั้งๆที่เป็นวันหยุด  การพาแฟนมาเที่ยวกลับเป็นเสิ่งที่ทำให้น้องได้รับบาดเจ็บ  และ....  


                “พี่จงอิน!!!...หมวกล่ะฮะ! หมวกของพี่คริสจ๋าอยู่ไหน  พี่จงอินลืมไว้ที่ร้านไอติมหรือเปล่าฮะ?”  ความวัวยังไม่ทันหาย  ความของแพงก็ยังลืมไว้ที่ร้านไอศกรีมอีก  มัวแต่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บจนลืมของทุกอย่างไว้ในร้าน  ทั้งกระเป๋า  โทรศัพท์มือถือและหมวกใบโปรดที่น้องปลาตั้งใจซื้อไปฝากพี่เขย   


                “น้องปลารอพี่อยู่ที่นี่ก่อนนะครับ  เดี๋ยวพี่จะรีบไปเอาของมาให้”  กลับไปที่ร้านไอศกรีมเหมือนถูกวิญญาณนักวิ่งเข้าสิง และค่าเครื่องดื่มกับค่าของหวานก็ยังไม่ได้จ่าย  แถมยังลืมของสำคัญต่างๆไว้อีก  


                ส่วนน้องปลา...ก็ยืนล้างเสื้อที่เปื้อนคราบไอศกรีมไปเรื่อยๆเพราะมันเป็นเสื้อตัวโปรดที่พ่อซื้อให้  จะทิ้งก็เสียดาย  คุณค่าทางใจมันแพงกว่าราคาของเสื้อตัวนี้เสียอีก  แต่!!การถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้องน้ำสาธารณะก็ใช่ว่าจะไม่กลัว  คนเริ่มเยอะและถึงแม้จะเดินเข้าเดินออกเพื่อทำธุระส่วนตัวแล้วก็ออกไป  แต่เขาก็ยังหวั่นใจอยู่ดี  เด็กน้อยย้ายตัวเองไปที่อ่างล้างหน้าด้านในสุดเพราะไม่ค่อยมีใครเข้ามาใช้และจะได้ไม่ต้องไปอยู่ใกล้กับคนอื่น  จนกระทั่ง.....


    ความหวาดกลัวในอดีต...ได้มายืนอยู่ต่อหน้า


                กลัวจนก้าวขาไม่ออก...เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอผู้ชายคนนี้อีกครั้ง  คนที่ทำให้เขาไม่อยากไปโรงเรียนและก็ไม่ได้ไปอีกเลยนับจากวันนั้น  ความทรงจำอันเลวร้ายถูกฉายให้เห็นเป็นฉากๆ  การถูกทำร้าย  การถูกกลั่นแกล้ง  ทุกๆความเจ็บปวดมันยังคงติดค้างอยู่ในใจ  แผลเป็นบนใบหน้าคือสิ่งที่ตอกย้ำเขาอยู่ทุกครั้งเมื่อส่องกระจก  ยิ่งได้มาเจอกับผู้ชายคนนี้  ตอนนี้  ตรงนี้ก็ยิ่งทำให้สิ่งที่อยากลืมกลับยากกว่าวันไหนๆ  สองขาเรียวยาว...ก้าวถอยหลังจนติดกำแพงเมื่อความหวาดกลัวเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกล่าวทักทายด้วยเสียงทุ้มที่เป็นเอกลักษณ์



                “สวัสดี...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!!


                “ยะ....ยงกุก!!!!!





















     

    3 ปีที่แล้ว ณ โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง

     


                วันนี้มีวิชาพละแต่เช้า...นักเรียนชายต่างเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องเรียนโดยไม่สนว่าใครจะแก้ผ้าจนหมดหรือค่อยๆเปลี่ยนทีละชิ้น  ส่วนนักเรียนหญิงก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำเหมือนเช่นทุกครั้ง  ยกเว้นก็แต่...เด็กชายโอเซฮุนคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนชุด  เพราะผิวขาวเนียนและใบหน้าสวยหวาน  มันทำให้เขาถูกเพื่อนผู้ชายแกล้งอยู่เป็นประจำ  บางคนก็ว่าเขาไม่ใช่เด็กผู้ชาย  บางคนก็เดินมาจับหรือสัมผัสตามร่างกาย  และหนักที่สุดก็คือ...โดนจับถอดกางเกงแล้วผลักลงไปในบ่อบัวข้างสนามฟุตบอล  เขาไม่ได้เกลียดวิชาพละ  แต่เกลียดที่ต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงเรียน    

     


              จากที่ต้องรอให้เพื่อนๆลงไปรวมตัวที่สนามให้หมดแล้วค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้า  เด็กชายโอเซฮุนก็เริ่มนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำชาย  แต่แล้ววันหนึ่ง...ก็เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับเขา  น้องปลาไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในโรงเรียน  ห้องน้ำห้องเดิม  ประตูบานเดิม  เวลาเดิม  แต่ทุกอย่างหลังจากวันนั้นมันก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย  ห้องน้ำชายถูกพวกรุ่นยึดเป็นที่สูบบุหรี่โดยที่เขายังไม่ได้เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยสักชิ้น  ใจหนึ่งก็กลัวรุ่นพี่  ใจหนึ่งก็เกรงว่าจะไปเรียนไม่ทัน  รอแล้วรอเล่าพวกรุ่นพี่ก็ยอมออกไปจากห้องน้ำเสียทีและเขาก็ไม่อาจทนต่อกลิ่นเหม็นๆของบุหรี่ได้อีกแล้ว


    แกร๊กก!!

     

              “เฮ้ยยย...มึงมาแอบดูพวกกูทำไม  ไอ้หน้าหวาน!!!


              “ปะ...เปล่านะ  เราแค่จะมาเปลี่ยนชุดพละ”


              “ห้องน้ำมีเป็นร้อยๆห้อง  มึงจะเข้ามาห้องนี้ทำไมถ้ามึงไม่ได้จงใจมาแอบดูพวกกู”


              “ก็บอกว่าเปล่าไง  เราแค่จะมาเปลี่ยนเสื้อ แค่ก ๆ ๆ ๆ”


              “จะหนีไปไหน  มึงจะไปฟ้องครูใช่ไหม...บอกพวกกูมาเดี๋ยวนี้!!


              “โอ๊ยย....เราเจ็บนะ!!  เราไม่ได้จะไปฟ้องคุณครู  เราจะไปเปลี่ยนชุดที่อื่นเดี๋ยวเราเรียนไม่ทัน  แล้วเราเหม็นบุหรี่ด้วย  แค่ก ๆ ๆ”


              “กูจะรู้ได้ไงว่ามึงไปเรียน  งั้นเอาแบบนี้...มึงเปลี่ยนชุดตรงนี้เลย  ตรงหน้ากู  แล้วเดี๋ยวพวกกูจะลงไปส่งมึงที่สนาม  ถ้าไม่ทำ!!...พวกกูจะถือว่ามึงโกหก”


              “ปล่อยเราไปเถอะ  เราไม่ได้ไปฟ้องคุณครูจริงๆ  แค่ก ๆ  ๆ”


              “เฮ้ยย...พวกมึง!! จับมันไว้ดิ่”


              “อย่านะ  จะทำอะไร  ปล่อยเราไปเถอะ  โอ๊ยย....!!!! พอแล้ว  เรากลัวแล้ว  เราเจ็บ  ฮึกกก...เลือดด!!! ฮือออออ )


              “มึงจำแผลนี้ไว้ให้ดีนะไอ้หน้าหวาน  ถ้ามึงคิดจะไปฟ้องครู  มึงโดนหนักกว่านี้แน่ๆ  จำไว้!!


              มีดคัตเตอร์...ถูกกรีดลงบนแก้มด้านขวาพร้อมการถูกข่มขู่ที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวไปหมด  ถึงแผลจะไม่ลึกมาก  ไม่ต้องเย็บหรือต้องไปนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล  แต่มันก็ทำให้วัยเด็กอันแสนสดใสกลับกลายเป็นความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าอีกเลยจนถึงวันนี้  ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็ต้องเก็บไว้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้คริสต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล  แค่ถูกเพื่อนผลักตกน้ำพี่เขยคนนี้ก็แทบไปร้องเรียนถึงกระทรวงศึกษาธิการ  ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองถือเป็นเรื่องใหญ่  แต่เขาก็ไม่อยากให้ใครต้องมาคอยเป็นห่วง  และรอยแผลบนแก้ม...ก็ต้องสร้างเรื่องโกหกว่าเล่นกับเพื่อนแล้วเกิดความผิดพลาด


    และตอนนี้มันก็อาจจะเป็นความผิดพลาด......อีกครั้ง   


          

              “ไม่ได้เจอกันซะนาน  โตขึ้นเป็นกองเลยนะไอ้หน้าหวาน”  ยิ้มร้าย...ก่อนกล่าวทักทายแล้วเดินเข้าไปหาเด็กน้อยที่กำลังยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว  


                “................!!!!”  ไม่รู้จะหลบไปทางไหน  เพราะตัวเองเลือกที่จะเข้ามายืนตรงนี้ตั้งแต่แรก  แผ่นหลังติดกำแพง  ประตูก็อยู่ไกลเกินจะวิ่งหนีได้ทัน  ส่วนคนที่เข้ามาทำธุระในห้องน้ำก็ไม่ได้สนใจว่าใครทำอะไรอยู่บ้างเพราะต่างคนต่างก็รีบทำเรื่องส่วนตัวแล้วก็เดินจากไป  


                เหงื่อเริ่มซึมตามไรผม  มือสั่น  ใจเต้นเกินจะควบคุม...อยากเอ่ยขอความช่วยเหลือแต่สมองเหมือนจะหยุดทำงาน  ทุกๆภาพของวันอันแสนเจ็บปวดในอดีตมันเริ่มวนเวียนซ้ำๆคล้ายการกรอภาพกลับไปกลับมา  ไม่อยากให้เรื่องร้ายๆแบบนั้นเกิดขึ้นอีกและคนที่น้องปลาคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ก็คือพี่จงอิน  เด็กน้อยได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ...ขอให้แฟนผิวเข้มกลับมารับเขาให้ทันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป  


                “เจอตัววันนี้ก็ดีเหมือนกัน  กูจะได้สะสางเรื่องเก่าๆให้มันจบไปสักที”


                “ระ...เรื่องอะไร  โอ๊ยย!!  เจ็บนะ  ปล่อย!!


                “ก็เรื่องที่กูถูกไล่ออกจากโรงเรียนไง  ตกลงวันนั้นมึงไปฟ้องครูจริงๆใช่ไหม!!!


                “เปล่านะ!  เราไม่รู้เรื่อง  เราไม่ได้ฟะ...ฟ้อง  โอ๊ยยย!!!


                ใครจะไปรู้...ว่าหลังจากเกิดเรื่องแล้วเป็นเช่นไรเพราะน้องปลาก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น  คริสไปลาอออกให้น้องด้วยตัวเองและจ้างครูพิเศษมาสอนที่บ้านในเดือนถัดมา  ไม่มีเพื่อนโทรมาหาหรือถามไถ่ว่าทำไมถึงลาออก  การมีและไม่มีเขาอยู่ในโรงเรียนมันไม่เคยสำคัญต่อใครทั้งนั้น  ไปเรียนได้เพียงสามอาทิตย์ก็ถูกเพื่อนแกล้ง  แถมยังโดนรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย  และตอนนี้ก็คล้ายจะเป็นเช่นนั้นเมื่อไหล่ลาดถูกมือหนากดเข้ากับกำแพง  ใบหน้าหวานๆที่อีกฝ่ายชอบเรียกเริ่มบิดเบี้ยวเนื่องจากถูกบีบปลายคางไว้จนเจ็บร้าวไปหมด  น้ำสีใสคลออยู่ที่หน่วยตาทั้งสองข้างเพราะทั้งเจ็บทั้งหวาดกลัวเกินจะอดกลั้น


    และ.......


                “น้องปลาคร้าบบบบ  เรากลับบ้านกันเถอะ  พี่ซื้อขนมมาเต็มละ...เลย!!?”  


                “พี่จงอินช่วยหนูด้วย!!!


                และสิ่งที่เด็กน้อยภาวนาอยู่ในใจก็เป็นผลเมื่อคนที่คิดถึงกลับมาทันก่อนที่ร่างกายของเขาจะเจ็บมากไปกว่านี้  น้องปลารีบเอ่ยขอความช่วยเหลือและเหมือนจะมีแรงขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นหน้าหนุ่มผิวเข้ม  ส่วนคนที่เห็นแฟนของตัวเองกำลังถูกทำร้ายก็รีบทิ้งของหวานมากมายรวมถึงหมวกใบสำคัญลงกับพื้นเหมือนสิ่งไร้ค่า  แล้วตรงเข้าไปกระชากคอยงกุกออกจากน้องปลาด้วยความโมโหและเหวี่ยงจนล้มลงไปกองกับพื้น


               "พี่อยู่ตรงนี้แล้ว  น้องปลาไม่ต้องกลัวนะครับ  ไม่มีใครทำอะไรน้องปลาได้อีกแล้ว"  


                ตอนนี้...คนที่เข้ามาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำต่างเดินหนีกันไปคนละทิศละทางเมื่อเจอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านใน  จงอินกอดเด็กน้อยเอาไว้แน่นพร้อมลูบหลังไปมาเพื่อปลอบใจ  ความสั่นไหวของคนในอ้อมอกทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าน้องกลัวมากแค่ไหน  แต่!!!การปลอบใจก็ต้องเปลี่ยนเป็นการเตือนภัยเมื่อคนที่ถูกเหวี่ยงจนล้มคว่ำลุกขึ้นมาอีกครั้งและทำท่าเหมือนจะเตะเข้าที่แผ่นหลังของหนุ่มผิวเข้ม  

             

                “พี่จงอินระวัง!!!


                ร่างน้อยๆ...พยายามเบี่ยงกายเพื่อให้พวกเขาทั้งคู่รอดพ้นจากการถูกสวนกลับด้วยฝ่าเท้า  แล้วก็เป็นจงอินที่รีบดันน้องปลาให้เข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำห้องหนึ่งก่อนเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้ายงกุกด้วยความแรง  มือ  เท้า  เข่า  ศอก...ถูกอัดใส่ร่างคนที่ทำให้แฟนเด็กมีอันตรายอย่างไม่นึกว่าชายคนนี้จะเสียชีวิต  จงอินเสยผมชื้นเหงื่อเมื่อเห็นว่ายงกุกนอนแน่นิ่งและไม่อาจลุกขึ้นมาทำร้ายเขาได้อีก  แล้วรีบพาเด็กน้อยออกไปจากที่นี่ทันที  แต่!!!ในขณะที่กำลังจะหยิบของต่างๆที่ทิ้งไว้บนพื้นก่อนหน้านั้นกลับบ้านไปด้วย  น้องปลาก็รีบวิ่งเข้าไปหาร่างที่นอนไร้สติอีกครั้ง  กำปั้นน้อยๆ...ทุบลงไปบนหลังของยงกุกด้วยแรงเท่าเด็ก  พร้อมเอ่ยคำที่ทำให้เขารู้สึกสงสัยและไม่เข้าใจ


                “นี่แหนะ...ไอ้ยงกุก!!  เจ็บบ้างแล้วใช่ไหม  สมน้ำหน้า...ชอบแกล้งคนอื่นดีนัก  นี่แหนะ...เจ็บใช่ไหม  นี่แหนะ  ตายไปเลย!!!!


                “พอแล้วครับน้องปลา  พอแล้ว  พอแล้ว เดี๋ยวเจ็บมือนะครับ  เรากลับบ้านกันดีกว่า”


                การเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้น  การแสดงความโกรธแค้น  สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ  ทุกอย่างทำให้จงอินรู้สึกสับสนไปหมด  เป็นวันที่บ้าบอที่สุดวันหนึ่งก็ว่าได้  มันเหมือนมีแต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการที่เขาใส่ใจน้องปลาน้อยเกินไป  ถ้ามาช้ากว่านี้แล้วน้องถูกทำร้ายจนถึงขั้นเลือกตกยางออก  คนอย่างคิมจงอินจะเอาอะไรมาชดเชยได้  รู้ทั้งรู้...ว่าน้องปลากลัวคนแปลกหน้าแต่ยังทิ้งน้องไว้คนเดียว  รู้ทั้งรู้...ว่าเป็นวันหยุดแต่ยังนั่งตอบเมลลูกค้า  มันโทษใครไม่ได้จริงๆสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้


    ...



    ...



    ...



    19.05 น.


    VROOMMMM!!!!  

     


               เป็นการเดินทางกลับบ้านโดยไร้เสียงพูดคุย...และความสงสัยของจงอินก็ยังไม่ได้รับความกระจ่าง  เป็นห่วงแค่ไหน...ก็ไม่อาจเอ่ยถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  น้องเป็นอย่างไรบ้าง  เจ็บตรงไหนมากน้อยเท่าใดหรืออยากไปหาหมอหรือเปล่า  ทุกๆอย่างที่อยากพูดอยากทราบมันถูกกลืนหายไปกับความสับสนภายในใจ  มือหนาประคองเด็กน้อยเข้าสู้อ้อมอกอีกครั้งแล้วอุ้มขึ้นมาที่ห้องนอนทันที  ส่วนน้องปลา...ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าเรื่องต่างๆจากตรงไหนก่อนดี  มันลังเล  อัดอัดและสับสนไม่ต่างไปจากจงอินเลยสักนิด  เรื่องของยงกุกมีแค่เขากับอี้ชิงเท่านั้นที่รู้  มันเป็นความลับระหว่างพี่น้อง  แล้วถ้าเล่าให้คนอื่นฟัง...มันก็คงไม่ใช่ความลับ


    แต่...คนเป็นแฟนกันต้องไม่โกหก??!

      

                “น้องปลาครับ...ไปอาบน้ำก่อนนะครับ  เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว  เดี๋ยวพี่จะเตรียมชุดนอนไว้ให้นะครับ”  วางเด็กน้อยลงบนเตียงอย่างเบามือเมื่อเดินเข้ามาในห้อง  แต่รอยเปื้อนของไอศกรีมมันทำให้จงอินต้องบอกให้น้องไปอาบน้ำเพราะเกรงว่าจะไม่สบายตัว  


                ความเงียบ...คือคำตอบที่เขาได้รับ  แต่ใช่ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดเพราะน้องปลาอาจจะยังเสียขวัญกับเรื่องที่เกิดขึ้น  ไม่อยากคาดคั้น  ไม่อยากหาคำตอบและได้แต่ถอนหายใจเพื่อเป็นการระบายความอึดอัด  ขายาวในกางเกงยีนส์สีเข้มก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมชุดนอนให้เด็กน้อย  แต่!!!ยังไม่ทันเดินไปถึงไหน  เสียงเรียกจากคนที่นั่งอยู่บนเตียงก็ดังขึ้นเสียก่อน  และยังเอ่ยเป็นชื่อที่เขาไม่ได้ยินมานานหลายปี?  

         

               “คุณคิมมมม....มมม”  


               มันเคยป็นชื่อ...ที่คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งใช้เรียกเขาอยู่เป็นประจำ  คุณคิมตื่นได้แล้ว...แม่จะไปส่งที่โรงเรียนค่ะ  คุณคิมชอบกินไก่...แม่ก็เลยทำเยอะไปหน่อย  คุณคิม...แม่รักคุณคิมนะคะ  แต่แม่ไม่ไหวแล้วจริงๆ  แม่ขอโทษนะคะคุณคิม  แม่รักลูกมากๆนะคะ...แล้วท่านก็จากไป  นึกไม่ถึงว่าน้องปลาจะเรียกเขาด้วยคำคำนี้  เพราะมีคุณแม่คนเดียวที่เรียกเขาอย่างนั้น  จงอินโถมกาย...โอบกอดเด็กน้อยด้วยความดีใจและไม่รู้ว่าดีใจที่น้องเรียกเขาแบบนั้นหรือที่น้องยอมพูดกับเขาสักทีหลังจากที่นั่งเงียบมานาน



                ส่วนเด็กน้อย...ก็กอดตอบความอบอุ่นเอาไว้แน่นเช่นเดียวกัน  เขายอมแล้วและจะยอมทุกอย่างถ้าคนคนนั้นคือ...คุณคิม  ใครเป็นคนพิเศษก็จะตั้งชื่อให้ใหม่  ใครใจดี...ก็จะได้รับการเอาใจใส่  ใครปกป้อง...ก็จะได้ความรักเป็นการตอบแทน  ในโลกใบนี้ไม่มีใครยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ็บแทนใครทั้งนั้น  แต่ผู้ชายคนนี้ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเขาจากการถูกทำร้าย  น้องปลาไม่อยากปิดบังเรื่องทั้งหมดเอาไว้อีกแล้ว  และการบอกความจริงก็อาจทำให้สบายใจกว่าที่เป็นอยู่  ปากบางสีหวาน...เอ่ยเล่าอดีตอันแสนเจ็บปวด  แม้อ้อมกอดที่โอบไว้จะเริ่มกระชับแน่นขึ้น  แต่น้ำตาก็พาลไหลออกมาอยู่ดี  มันจะไม่เกิดขึ้นอีกใช่ไหม?  ผู้ชายคนนั้นจะกลับมาทำร้ายกันอีกหรือเปล่า??  และคนฟัง...ก็จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำให้แฟนของเขาเจ็บปวดได้อีกต่อไป

     


                ความเงียบ...เข้าปกคลุมห้องของจงอินอีกครั้ง  และเหลือไว้เพียงเสียงลมหายใจที่กำลังผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ  น้องปลาหลับไปได้สักพักพร้อมกับเรื่องราวในอดีตที่อยากจะลืม  มือหนาลูบหลังคนใจเสียด้วยความหวงแหน  ยิ่งได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ก็ยิ่งหวงมากขึ้นกว่าเดิม  จงอินเข้าใจแล้ว...ว่าทำไมรุ่นพี่คนสนิทถึงได้เป็นห่วงน้องเมียขนาดนี้  เข้าใจแล้ว...ว่าทำไมน้องถึงกลัวคนแปลกหน้าและเข้าใจแล้ว...ว่าทำไมน้องถึงไม่มีเพื่อนหรือไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ  การถูกแกล้งเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชาย...แต่ถ้าเล่นแรงเกินไปจนถึงขั้นนั้นมันก็คงไม่มีใครทนได้  ขีดจำกัดของความอดทนมันมีไม่เท่ากัน  บางคนอาจสู้ไหว  แต่อีกหลายคน...มันก็เกินจะกลั้น

     


               อ้อมกอดของความเป็นห่วง...เริ่มคลายลงแล้วค่อยๆขยับกายลงจากที่นอนเพื่อไปเอาผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้เด็กน้อย  จงอินเดินตรงไปที่ห้องน้ำแล้วหยิบอุปกรณ์ต่างๆออกมาทันที  มือหนาเริ่มถอดเสื้อออกจากร่างกายของน้องปลาจนหมดและทุกสัดส่วน  ทุกความขาวเนียน  ทุกความเย้ายวนที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้จงอินรู้สึกอะไรมากไปกว่าการอยากปกป้องและถนอมทุกอย่างเอาไว้ให้ดีที่สุด  แฟนคนนี้จะคอยดูแล  คอยเอาใจใส่พร้อมกับปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเพื่อพิสูจน์ให้ผู้ใหญ่เห็นว่าเขารักน้องปลาด้วยหัวใจที่แท้จริง



                ผ้าขนหนูเนื้อนุ่มชื้นน้ำ...ลูบไปบนใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างเบามือ  ตามด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งจนถึงเอวคอดแล้วบิดผ้าขึ้นจากน้ำอีกครั้งเพื่อเช็ดส่วนล่างทั้งหมด  และเมื่อสะอาดดีแล้ว...จงอินก็สวมชุดนอนให้น้องทันทีพร้อมห่มผ้าให้เสร็จสรรพ  น้องปลาคงเหนื่อยกับสิ่งที่เกิดในวันนี้จริงๆเพราะขนาดถูกเขาเช็ดตัวอยู่นานก็ยังไม่ตื่น  และพรุ่งนี้เช้าหนุ่มผิวเข้มก็หวังเพียงว่าน้องปลาจะกลับมาเป็นเด็กที่ร่าเริงเหมือนเดิม  เด็ก...ที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด  ขี้อ้อน  ช่างเอาอกเอาใจ  เป็นห่วงเป็นใยทุกคนและเป็นที่รักของคนทั้งบริษัทบ้านปลา


    จุ้บบ!!!  



                “ฝันดีนะครับ...ปลาตัวน้อยของคุณคิม


                ปากหยัก...จูบราตรีสวัสดิ์ลงบนหน้าผากของน้องปลาอย่างแผ่วเบาพร้อมเอ่ยชื่อพิเศษที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันอีกครั้งจากคนที่เริ่มสานสัมพันธ์มาได้ไม่นาน  เป็นความประทับใจที่ยากจะลืมและไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนั้นเช่นไร  ความบังเอิญ  โชคชะตาหรือว่าพรหมลิขิต  ใครจะว่าเขาน้ำเน่าเต่าล้านปีก็ไม่สน  เพราะน้องปลาทำให้เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ  เมื่อเด็กน้อยสบายตัวไปแล้วก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องอาบน้ำเข้านอนเสียที  ใช่ว่าไม่เหนื่อยกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้  แต่ความสุขที่แอบซ่อนอยู่ในเรื่องราวนั้นๆก็พอจะเยี่ยวยาหัวใจของเขาได้บ้าง  

                 


    (คร่อกกกฟี้ ZZzzzzzzZZzzZZ)

     



















    100%

    เป็นกำลังใจให้ปลาตัวน้อยกับคุณคิมด้วยนะคะ

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆค่ะ

    #ฟิคน้องปลา 

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×