ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) น้องปลา (Kaihun Ft.Chanbaek,Krislay)

    ลำดับตอนที่ #8 : ปลาตัวที่ 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.28K
      28
      18 เม.ย. 64


    ปลาตัวที่ 7





     

    บริษัท บ้านปลา

    10.20 น.

     


                “บยอนนี่...เมื่อไหร่พี่จงอินจะมาล่ะฮะ  หนูรอนานแล้วนะ  หนูคิดถึงพี่จงอิน”  ริมฝีปากบาง...ขยับพูดเจื้อยแจ้ว  แต่มือก็ยังทำหน้าที่นับนิ้วตามจำนวนตัวเลขของการบ้านที่วางอยู่ตรงหน้า


                วันนี้...เจ้าของบริษัทบ้านปลาเดินทางไปรับสัตว์น้ำที่สั่งไว้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน  และวันพรุ่งนี้ทีมงานทั้งหมดต้องเดินทางไปติดตั้งตู้ปลาที่โรงแรมแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด  แต่เมื่อไปถึงที่ร้าน...เขาก็ไม่ได้ไปรับแค่ของที่สั่งไว้เท่านั้นเพราะสิ่งที่นำกลับบ้านมาด้วยพร้อมกับปลามากมายก็คือลูกชายคนเล็กของอาณาจักรร้านขายสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุด  ถึงแม้จะเป็นวันเสาร์...แต่ร้านของรุ่นพี่คนสนิทก็ยังมีงานต่างๆให้ต้องจัดการ  เขาจึงอาสารับเด็กน้อยมาดูแลเพราะอยากให้พี่ๆทั้งสองคนได้ทำงานกันอย่างเต็มที่หรือได้อยู่กันตามลำพังบ้างหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงน้องชายตัวแสบมาหลายวัน

     

    แต่ถึงจะแสบแค่ไหน...น้องก็ยังน่ารักจนใครๆก็อยากตามใจ


                หลังจากขออนุญาตพี่ๆทั้งสองคนเรียบร้อย...จงอินก็พาน้องปลากลับบ้านทันที  และเข้ามานั่งเล่นในออฟฟิศของพี่ชายต่างแม่เมื่อเดินทางมาถึง  เด็กน้อยที่เหมือนถูกนำมาทิ้งให้ใครอีกคนดูแลก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองคนงานเยอะเพราะจงอินต้องไปทำบ้านปลาตามออร์เดอร์ของลูกค้าและนำเจ้าหางสวยท้ายรถไปเก็บไว้ที่ห้องปลอดเชื้อ  น้องปลาไม่ดื้อไม่ซนพร้อมหยิบการบ้านขึ้นมาทำเพื่อรอจงอินมารับอีกครั้ง  สัญญากันไว้ว่าถ้าเขาทำการบ้านเสร็จเมื่อไหร่...จงอินก็จะมารับไปเล่นกับพี่ๆในโรงงาน


                “แล้วน้องปลาทำการบ้านเสร็จหรือยังครับ?”  นั่งเคลียร์บัญชีของลูกค้าไปด้วยสอนการบ้านเด็กน้อยไปด้วย  ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแบคฮยอน  เพราะอะไรที่เกี่ยวตัวเลข...เจ้าตัวก็สามารถจัดการได้หมด  ตาเรียวเล็กจ้องเด็กที่กำลังทำหน้าจิ้มลิ้มให้ยุ่งเหยิงเพราะน้องปลากำลังนับนิ้วหนึ่งสองสามสี่  หนึ่งสองสามสี่ซ้ำๆ  การบ้านวิชาคณิตศาสตร์คงยากน่าดู  น้องถึงนับเลขจนคิ้วโก่งแทบชนกันและเมื่อสิบนิ้วมันไม่พอต่อการนับ  ยางลบรูปปลาหมึกสีหวาน  ปากกา  ดินสอก็ถูกนำมาวางเรียงกันเหมือนเป็นตัวช่วย 



                “บยอนนี่...ตรวจการบ้านให้หนูหน่อยฮะ  หนูทำเสร็จแล้ว”  เป็นวิชาที่ไม่ชอบ  แต่ก็พยายามทำอย่างตั้งใจ  ยอมรับว่ามันยากและหงุดหงิดทุกครั้งที่ตีโจทย์เลขไม่ได้  แต่เมื่อทำการบ้านเสร็จเรียบร้อย  น้องปลาก็วิ่งไปหาพี่ชายคนโปรดที่โต๊ะทำงานเพื่อให้ช่วยตรวจก่อนจะต้องนำไปส่งคุณครูในวันจันทร์


    (คุณครูทงเฮทั้งหล่อ  ทั้งใจดี  แต่วิชาคณิตศาสตร์ต่างหากที่ใจร้ายยยยย!!!)  


                “เก่งนะเนี่ย...ทำถูกหมดเลย  งั้นน้องปลารอจงอินอยู่ที่นี่ก่อนนะ  เดี๋ยวพี่โทรตามให้  แล้ววันนี้น้องปลาก็ห้ามดื้อเด็ดขาดเพราะลูกค้าจะเข้ามาดูตู้ปลาที่โรงงาน”  คนที่อยู่ในชุดนอนลายกบสีเขียวรีบต่อสายหาน้องชายต่างแม่ทันทีเพราะเด็กน้อยทำการบ้านเสร็จแล้ว  แต่งานของเขา...กลับยังไม่เสร็จเลยสักอย่าง  มือบางคว้าโทรศัพท์ในออฟฟิศแล้วกดเบอร์ของจงอินโดยที่สายตาก็ยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพราะบัญชีของลูกค้ามันเยอะจนไม่อาจละสายตาไปได้  


                เป็นวันที่จะมีลูกค้าเข้ามาดูตู้ปลาในโรงงาน  ซึ่งลูกค้าบางรายก็อยากเห็นตู้ปลาของจริงก่อนจะถึงวันติดตั้ง  แต่บางที...เมื่อเห็นของจริงก็เกิดอยากจะเปลี่ยนแบบขึ้นมาเสียอย่างนั้นและมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาเพราะความพึงพอใจของลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ  แต่ถ้าเปลี่ยนแบบจริงๆก็ต้องเลื่อนวันติดตั้งเนื่องจากผิดสัญญาที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก  และถ้าลูกค้ายอมรับในเรื่องนี้ได้...งานก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีข้อโต้แย้ง



                “หนูจะไม่ดื้อ...แล้วก็ไม่ซนด้วยฮะ”  รีบตกปากรับคำเป็นอย่างดีพร้อมหยิบสมุดการบ้านที่พี่ชายคนโปรดตรวจเสร็จแล้ว  รวมถึงอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นเก็บใส่กระเป๋ารูปปลาดาวสีชมพูด้วยความดีใจ  น้องปลาอยากไปเล่นกับพวกพี่ๆในโรงงาน  แล้วก็อยากไปดูเจ้าหางสวยที่อยู่ในห้องปลอดเชื้อด้วย


    แกร๊กกกก!!



              เสียงประตูออฟฟิศถูกเปิดออก...พร้อมกับคนเป็นสามีเดินถือถาดไม้ทรงกลมเข้ามาด้านใน  คุ้กกี้เนยสดกับนมช็อคโกแล็ตร้อนถูกวางลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาเพื่อนำมาให้เด็กน้อยทานรองท้องก่อนจะถึงเวลาอาหารเที่ยง  ชานยอลอาสาทำหน้าที่แทนหนุ่มผิวเข้มเพราะงานในโรงงานมันยุ่งเกินกว่าจะปลีกตัวออกมาดูแลแฟนเด็กด้วยตัวเอง 


                “น้องปลาทานขนมก่อนนะครับ  เดี๋ยวอีกสักพักจงอินก็มารับแล้ว” 


                “โอ๊ยยย...คอแห้งงงง!!!!  อยู่กินกันมาตั้ง 700 กว่าปี  พี่ชานยอลไม่เคยหาของว่างให้แบคกินเลยสักชิ้น  สงสัยหิมะจะตกหน้าร้อนซะแล้วม้างงงงงง”


                เอ่ยประชดประชัด...พร้อมเคาะแป้นคีย์บอร์ดดังกึกกัก  แต่ก็พูดหยอกไปอย่างนั้นเพราะเข้าใจดีว่าใครๆก็หลงในความน่ารักของน้องปลา  มือบางพิมพ์ตัวเลขอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมส่งเมลให้ลูกค้าเมื่อออร์เดอร์ตู้ปลาทำสัญญาเสร็จสิ้น  ช่วงนี้งานค่อยข้างเยอะและบางครั้งเขาก็ต้องเดินทางไปติดตั้งตู้ปลากับสามีเนื่องจากคุณพ่อไปต่างประเทศ  แล้วก็ดูเหมือนว่า...ท่านจะปล่อยให้ลูกๆรับผิดชอบงานต่างๆด้วยตัวเองมากขึ้นและไม่ค่อยได้กลับบ้าน   

     

                “โอ๋ ๆ ๆ....อย่างอนเลยนะ  เดี๋ยวของว่างสำหรับเมียสุดที่รัก  พี่ชานยอลจะจัดชุดใหญ่ให้เลยจ้ะ  คืนนี้จุกแน่นอน  เตรียมตัวไว้หะ...ให้   โอ๊ยยยย!! เจ็บบบๆ ๆ!!!!


                คนที่พูดจาสองแง่สองง่าม...โดนหยิกเข้าที่เอวจนห้ามเสียงของความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ได้  ใช่ว่าอยากทำร้ายสามีต่อหน้าคนอื่น  แต่คำพูดคำจาเมื่อครู่มันไม่น่าฟังเพราะในห้องทำงานตอนนี้มันไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน  แบคฮยอนชินแล้วกับการถูกสามีพูดยั่วโทสะหรือหยอกเล่น  แต่น้องปลาไม่ควรได้ยินอะไรแบบนั้น


    แล้วก็ดูเหมือนว่า...มันจะไม่ทันเสียแล้ว?  


                “บยอยนี่ชอบกินขนมตอนกลางคืนเหรอฮะ  หนูก็เคยแอบกินขนมตอนดึกๆเหมือนกัน  กินเยอะจนจุกเลยฮะ  แล้วก็นอนปวดท้องทั้งคืนเลย  โดนพี่อี้ดุด้วย  บยอนนี่ห้ามกินอะไรดึกๆอีกนะฮะ  เดี๋ยวต้องไปฉีดยาเหมือนหนู  มันเจ็บมากเลยนะฮะ”


                “บยอนนี่ถูกพี่ฉีดยาทุกคืนเลยครับ  พี่ฉีดยาไม่เจ็บนะ  แต่มันจะเสียวมากกก!!!”


                “พี่ยอลเป็นหมอเหรอฮะ  แล้วทำไมบยอนนี่ต้องฉีดยาทุกคืนด้วยล่ะ  ไม่สบายเหรอ??”


                “ไม่ได้เป็นหมอก็ฉะ....ฉีด  โอ๊ยยย ๆ  ไอ้อ้วนเจ็บ!!!


                จากโดนหยิก...เปลี่ยนเป็นโดนตบ  เพราะชานยอลยังไม่เลิกพูดจาแบบนั้นกับน้องปลาและความสงสัยของเด็กน้อยก็พาลให้แบคฮยอนปวดหัวพอๆกับงานที่ยังทำไม่เสร็จ  มือบางโบกไปมาเป็นเชิงไล่สามีให้กลับไปทำงานของตัวเองเพราะช่วงบ่ายจะมีลูกค้ามาดูตู้ปลาที่โรงงาน  แบคฮยอนส่งยิ้มให้กับคนที่ยังมีความสงสัยในเรื่องของการโดนฉีดยาและหันหน้าเข้าจอคอมพิวเตอร์เช่นเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามในแบบที่วัยของเด็กอายุสิบหกปียังไม่ควรทราบ









     


     






    12.00  น.

     


                หลังจากทำหน้าที่สอนการบ้านให้เด็กน้อยไปเมื่อเช้า...ตอนนี้แบคฮยอนต้องกลายมาเป็นแม่ครัวเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน  มือบางหั่นของสดใส่ภาชนะที่ตั้งอยู่บนเตาแล้วปรุงรสอีกเล็กน้อยด้วยความชำนาญ  ส่วนคนงานเยอะก็เพิ่งเข้ามารับแฟนเด็กเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาและดีที่น้องปลาไม่งอแง...ไม่อย่างนั้นคงต้องง้อกันอีกนาน  

     


                เป็นอีกวัน...ที่การทานอาหารสักมื้อจะได้ทานแบบพร้อมหน้าพร้อมตา  เพราะปกติก็จะต่างคนต่างกินแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน  แต่เมื่อมีน้องปลาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว  ทุกคนจึงได้มาทานอาหารด้วยกันบ่อยขึ้น  หน้าที่ของแบคฮยอนคือการทำอาหารทุกมื้อเพื่อเลี้ยงคนในบ้านและลูกน้อง  ใช่ว่าน้องชายต่างแม่จะทำอาหารไม่เป็น  แต่หน้าที่ของจงอินคือการทำบ้านปลาอยู่ในโรงงานและดูแลความเรียบร้อยของงานทั้งหมด


                “พี่จงอินทำงานเสร็จแล้วเหรอฮะ”  นั่งยิ้มแป้นอยู่บนเก้าอี้พร้อมกำช้อนส้อมไว้ในมือเพื่อรอเมนูสุดพิเศษมาเสิร์ฟเป็นมื้อเที่ยง  และ...กุ้งตัวโตๆที่ผัดกับซอสมะเขือเทศสูตรเด็ดก็ถูกวางลงบนโต๊ะเป็นจานแรก  


                “ยังไม่เสร็จเลยครับ  พี่ยังเหลืองานอีกตั้งเยอะ  แล้วตอนบ่ายก็ต้องรอพบลูกค้าอีก”  สงสารทั้งตัวเองและเด็กตรงหน้าเพราะวันนี้งานมันเยอะมากกว่าที่คิดเอาไว้จนไม่สามารถดูแลน้องปลาได้เหมือนที่ให้สัญญากับคริส  พรุ่งนี้ต้องไปติดตั้งตู้ปลาที่ต่างจังหวัด  ส่วนวันนี้ช่วงบ่าย...ก็ต้องอยู่ต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาดูตู้ปลาตามที่ได้นัดกันไว้เมื่อสองวันที่แล้ว


                “พี่จงอินเหนื่อยไหมฮะ  งั้นหนูป้อนข้าวให้นะ  พี่จงอินจะได้มีแรงทำงาน...อ้าปากสิฮะ  อ้ำๆ ๆ  ตักข้าวใส่ช้อนพร้อมวางกุ้งตัวโตไว้ด้านบนแล้วป้อนใส่ปากจงอินทันทีและตามด้วยซุปสาหร่ายอีกหนึ่งคำ


                “ขอบคุณนะครับ  น้องปลาก็ต้องทานเยอะๆเหมือนกัน  จะได้มีแรงช่วยพี่ทำงาน”  น่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  น่ารักพร่ำเพรื่อ  น่ารักทุกวันและก็เหมือนจะมีแรงเพิ่มขึ้นจากกำลังใจแสนหวานมากกว่าอาหารมื้อเที่ยง  ขี้อ้อนที่หนึ่ง  ช่างเอาอกเอาใจก็ที่หนึ่งและมักจะทำให้คนรอบข้างยิ้มได้เสมอ  


                “หนะ...หนูไปช่วยพี่จงอินทำงานได้เหรอฮะ”  รีบเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะครั้งก่อนน้องปลาแอบหนีเข้าไปเล่นในโรงงานคนเดียวจนเกือบถูกเครื่องตัดกระจกบาดมือขาด  และดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ...ไม่อย่างนั้นจงอินคงโดนพี่เขยสุดหล่อของน้องปลาเตะจนตายคาโรงงาน


                “ไปช่วยพี่แพ็คของได้ครับ  แต่ห้ามไปเล่นที่โรงหลอม  แล้วพรุ่งนี้ก็ไปติดตั้งตู้ปลาด้วยกัน  ตกลงไหมครับ??”  ใจจริงก็อยากให้น้องปลานั่งอยู่เฉยๆหรือไปเล่นอยู่ในห้องปลอดเชื้อมากกว่าเพราะเกรงว่าจะเหนื่อย  แต่ที่ต้องให้น้องมาช่วยงานก็เนื่องจากไม่อาจปล่อยให้ห่างกายได้อีกแล้ว  และในโรงงานก็ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นเหมือนบ่อปลาหลังบ้านของเด็กน้อย  


                ในโรงงานมีแต่ของอันตราย...แล้วน้องปลาก็มักจะวิ่งเข้าแผนกนั้นวิ่งออกแผนกนี้คอยเล่นกับพี่ๆไปทั่ว  ลูกน้องในโรงงานแต่ละคนก็ใช่ว่าจะนั่งเฝ้าเด็กน้อยของเขาได้ตลอดเวลา  เพราะทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและงานส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเร่งด่วน  แล้วงานในบางแผนกก็ต้องใช้ความประณีตในการทำงานมากเป็นพิเศษ


    ฟอดดดด!!!


                “เย้ๆ ๆ พรุ่งนี้ไปทำบ้านปลาด้วยกัน เย้ๆ ๆ ๆ  กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก่อนหอมแก้มจงอินดีฟอดใหญ่  เพราะเขาอยากเอาเพื่อนๆใส่ลงไปในตู้ปลาเหมือนคราวที่แล้ว  ส่วนคนถูกหอมแก้มก็ยิ้มเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้  แถมยังทำให้มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นไปอีก



                หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อย...และแยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง  แต่ยกเว้นคนหนึ่งที่ต้องอยู่เก็บล้างจานชามทุกใบ  หม้อ  ตะหลิ่ว  กระทะ  รวมถึงช้อนส้อม  ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ชานยอลต้องเก็บล้างให้หมด  คนเป็นสามีไม่อาจขัดคำสั่งของภรรยาที่เพียงส่งสายตาก็เป็นอันทราบว่าต้องทำอะไร  ในเมื่อแบคฮยอนเป็นแม่ครัว...ผู้ช่วยก็คงจะหนีไม่พ้นคนเป็นสามี   

     


                ชานยอล...เคยคิดจะเผาชุดนอนตัวโปรดของภรรยาด้วยข้อหาที่เขามักจะถูกกดขี่ใช้งานอยู่เป็นประจำ  แต่พอคิดไปคิดมาก็ต้องล้มเลิกแผนการเพราะถ้ามีชุดนอนตัวใดตัวหนึ่งถูกเผาและไม่ว่าจะเป็นตัวโปรดหรือไม่  คนที่จะถูกเผาต่อจากชุดนอนพวกนั้นก็คือตัวเขาเอง  มือหนาขัดถูจานชามที่อยู่ในอ่างเหมือนอยากระบายความอัดอั้นมากกว่าล้างให้สะอาด


    (คืนนี้...ไอ้อ้วนโดนฉีดยาสิบเข็มแน่ๆ!!!) 


                ส่วนจงอิน...ก็พาน้องปลากลับขึ้นมาบนห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า  เพราะชุดที่น้องใส่มาจากบ้านมันดูไม่เหมาะกับการเข้าไปนั่งเล่นอยู่ในโรงงานเนื่องจากที่นั่นฝุ่นเยอะและก็มีแต่ของอันตรายเต็มไปหมด  แล้วกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีชมพูมันก็ดูน่ารักจนไม่อยากให้ใครเห็นนอกจากเขา  ยอมรับว่าหวง  แต่เรื่องของความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ  มือหนาหยิบชุดทำงานที่เพิ่งซื้อมาใหม่ออกมาจากตู้เสื้อผ้าและให้เด็กน้อยเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ  จงอินไม่ได้ซื้อแต่ชุดช่างมาเพียงอย่างเดียว  แต่ยังซื้อทั้งชุดนอนลายเป็ด  ชุดลำลองและอีกสารพัดของใหม่ที่ซื้้อมาให้แฟนเด็ก

     

    แกร๊กกก!!!!

     

              “ไหนนน...พี่ขอดูหน่อยซิว่าใส่ได้หรือเปล่า  แล้วน้องปลาอึดอัดไหมครับ?”  เมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับเด็กน้อยที่อยู่ในชุดหมี***สีเขียวเข้ม  จงอินจึงเอ่ยถามและจับกายบางหมุนไปรอบๆเพื่อตรวจดูว่าเสื้อผ้ามันพอดีกับน้องหรือไม่  


                “หนูสวยไหมฮะพี่จงอิน  หนูใส่ชุดนี้แล้วพอจะเป็นช่างแบบพี่แทมินได้หรือเปล่าฮะ??”  ยืนทำตาแป๋วและเอียงคอไปมาเอ่ยถามความเห็น  น้องปลารู้สึกตื่นเต้นที่ตัวเองได้ใส่ชุดช่างเหมือนกับพวกพี่ๆในโรงงาน


    จุ้บบ!!  


              “มีแฟนเป็นช่างก็พอแล้วครับน้องปลา”  ก้มกายจูบปากสีเชอร์รี่ที่มักจะพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด  เพราะรู้สึกมันเขี้ยวคำถามของน้องจนไม่อาจห้ามใจไว้ได้  สัมผัสเพียงแผ่วเบาโดยไม่ล้วงล้ำและรีบเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง  ไม่อย่างนั้น...จงอินคงทำมากกว่าการจูบ  


                “พี่จงอิ๊นนนนนนนนนนนนนนน”  ส่วนคนถูกจูบ...ก็รีบวิ่งไปล้มตัวลงบนเตียงด้วยความเขินอายพร้อมเรียกชื่อเจ้าของสัมผัสนุ่มใส่หมอนใบโต  ใจเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมานอกอกและยังไม่ชินเสียทีเพราะทั้งสายตา  ทั้งคำพูดมันพาให้หัวใจดวงน้อยๆหวั่นไหวไปหมด



    ***ชุดหมี


                เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อย...จงอินก็เดินออกมาด้วยการนุ่งผ้าขนหนูไว้ที่เอวและมีผ้าอีกผืนวางไว้บนศีรษะ  กายหนาสมส่วนเดินตรงมาตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดให้เหมาะสมกับการต้อนรับลูกค้าในช่วงบ่าย  ปกติก็จะใส่ชุดช่างเหมือนแฟนเด็กเพราะไม่ต้องห่วงเรื่องรอยเปื้อนหรือการฉีกขาด  แต่!!!ยังไม่ทันได้หยิบอะไรออกมาจากตู้...เสียงเอ่ยทักของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็ดังขึ้นพร้อมกับการถูกสัมผัส


                “โอ้โห!!!!...แฟนของหนูมีซิกแพกเหมือนพี่คริสจ๋าด้วยยยย”  รีบลุกออกมาจากที่นอนแล้ววางมือลงบนหน้าท้องสีแทนเปลือยเปล่า  เพราะมันเหมือนกับของพี่เขยไม่มีผิด  น้องปลาลากมือผ่านหน้าท้องเป็นลอนสมส่วนแล้วใช้ปลายนิ้วไล่นับรอยนูนบนหน้าท้องของจงอินว่ามันมีจำนวนเท่ากับของคริสหรือไม่   


                “.............!!"  ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อเจ้าของซิกแพกถูกมือบางลูบไล้ไปมา  แถมรอยยิ้มหวานๆของเด็กน้อยก็พาให้ลมหายใจติดขัดและฉลามเพชฌฆาตที่นอนสงบนิ่งอยู่ใต้ผ้าขนหนูสีขาวก็เหมือนจะตื่นในเวลาที่ไม่สมควร  


                “พี่จงอินดูพุงหนูสิฮะ...มันไม่เห็นมีซิกแพกเลย  หนูอยากมีบ้าง”  แค่ถูกปลายนิ้วลูบหน้าท้อง...ความอดทนก็แทบไม่เหลือ  แล้วตอนนี้คนที่บ่นว่าตัวเองไม่มีซิกแพกก็ปลดซิปชุดหมีจนสุดปลายก่อนดึงเสื้อยืดที่สวมทับด้านในขึ้นโชว์ความขาวเนียนให้เห็นเต็มๆตา  ใช่แล้ว...น้องปลาไม่มีซิกแพกและยอดอกสีหวานมันก็น่าสัมผัสมากกว่าอะไรทั้งหมด


                “.......................”  ไร้เสียงตอบรับใดใดอีกครั้ง...และต้องรีบหันกายเข้าตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วเอามือกุมเป้าของตัวเองเอาไว้  เพราะฉลามเพชฌฆาตมันพร้อมแล้วที่จะโจมตีเหยื่อ  หน้าท้องแบบราบ  ยอดอกสีหวาน  เอวคอดเล็ก  ทุกๆอย่างคือสัดส่วนที่น่ากิน  


    (โอ๊ยยยยย !!!.......กินหัวกินหาง  กินกลางตลอดตัวววววววว!!!!!)


                ก่อนที่ความฟุ้งซ่าน...จะพาให้พรากผู้เยาว์  จงอินก็รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมและเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางยีนส์ก็คือสิ่งที่เลือก  นานๆทีจะได้ใส่เสื้อผ้าพวกนี้  มันเลยดูแปลกตาเมื่อมายืนจัดทรงผมอยู่หน้ากระจก  มือหนาหยิบสเปรย์มาฉีดเพื่อให้ผมมันเข้าทรงมากกว่านี้พร้อมตรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะพาน้องปลาออกมาจากห้อง  ใช่ว่าเป็นความแปลกตาของเจ้าตัวเพียงคนเดียวเท่านั้นเพราะเด็กที่ถูกจูงมืออยู่ในตอนนี้ก็รู้สึกว่า...หนุ่มผิวเข้มดูหล่อจนไม่อยากให้ออกไปต้อนรับลูกค้า

     







     







    โรงงาน บ้านปลา

    14.30 น.

     


                ระหว่างรอลูกค้าที่นัดกันไว้...เด็กน้อยก็เข้ามานั่งอยู่ในห้องแพ็คของและกำลังนำสิ่งต่างๆเรียงใส่ลังไม้ตามที่จงอินสอน  มือเรียวสวยหยิบปะการังเทียมอย่างระมัดระวัง  ตามด้วยก้อนหินและถุงทรายใส่ลงไปในกล่องจนครบตามจำนวนแล้วส่งต่อให้คนที่มีแรงเยอะกว่าใช้เครื่องยิงตะปูเพื่อปิดกล่องลัง  เมื่อของทั้งหมดถูกแพ็คเรียบร้อย  จงอินก็เดินไปด้านนอกแล้วขับรถโฟคลิฟเข้ามายกกล่องทุกใบไปวางไว้ในรถบรรทุก  แต่!!...การขับรถเพื่อขนกล่องไม้ในวันนี้ดูจะเป็นเรื่องยากกว่าทุกๆวัน  เพราะ....

     


                ก้นนิ่มๆ...ที่นั่งอยู่บนตักของเขา  มันทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิในการขับโฟคลิฟสักเท่าไหร่  การตามใจเด็กน้อยเป็นเหตุให้จงอินต้องขับรถขนของด้วยความยากลำบาก  และก็ดูเหมือนจะลำบากใจมากกว่าเพราะความใกล้ชิดที่ชิดจนกายแนบกายมันพาให้อะไรๆตื่นตัวไปหมด  น้องปลาอยากลองขับรถโฟคลิฟด้วยเอง  ซึ่งคำเอ่ยขอแบบนั้นมันก็ได้รับการปฏิเสธ  แต่...สีหน้าที่ดูเศร้าสร้อยพร้อมการโอบกอดของน้องอย่างออดอ้อนก็ทำให้จงอินต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง  




                น้องปลารู้สึกตื่นเต้น...เพราะเหมือนตัวเองได้ขับรถโฟคลิฟจริงๆทั้งที่นั่งอยู่บนตักกว้างของแฟนหนุ่ม  ความสุขของน้องคือความสุขของพี่  ต่อให้จงอินต้องอดทนกับความนุ่มนิ่มบนตักนานแค่ไหนก็ยอม  ไม่อยากขัดใจ  แต่ก็ตามใจทุกเรื่องไม่ได้เพราะของบางอย่างที่กำลังขนย้ายขึ้นรถบรรทุกมันต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ  จงอินไม่อยากให้มีความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากงานแต่ชิ้นต้องใช้เวลาในการทำค่อนข้างมากและความปลอดภัยของเด็กน้อยก็เป็นสิ่งที่ต้องระวังเช่นกัน  


          

                “ลูกพี่  ลูกพี่...โว้ยยยยยยยยยยยย!!!


                “อะไรวะ  ได้ยินแล้วววววววววววววววว!!


                “ลูกค้าที่นัดไว้มาแล้วคร้าบบบบ...รออยู่ที่ห้องรับรอง”


                “เออ.....อออ  เดี๋ยวกูตามไป!!!”


                ขนย้ายกล่องไม้เป็นรอบสุดท้าย...แล้วอุ้มเด็กน้อยลงจากตักก่อนนำรถโฟคลิฟไปจอดไว้ที่เดิม  มือหนากอบกุมมือของแฟนเด็กเดินมาพร้อมกันเพราะไม่อยากทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว  บอกว่าจะดูแลก็จะทำอย่างที่พูดให้ได้  และการพาลูกค้าไปดูบ้านปลาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากเท่าตอนทำสัญญา  การพาลูกค้าเข้ามาดูตัวอย่างตู้ปลาในโรงงานถือเป็นข้อตกลงอย่างหนึ่งในการทำสัญญา  เพราะเมื่อนำไปติดตั้งมันจะได้ไม่เกิดปัญหาในเรื่องของการเปลี่ยนแบบ  สิ่งที่ลูกค้าอยากได้มักจะยากเกินความเป็นจริง  แต่จงอินก็จะทำให้ใกล้เคียงและเหมือนมากที่สุด  ส่วนเรื่องของเงินมัดจำหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับตัวเงินมันก็จะเป็นหน้าที่ของพี่ชายต่างแม่


    และเมื่อคนทั้งคู่...เดินมาถึงหน้าห้องรับรอง  พวกเขาก็เห็นชานยอลนั่งคุยกับลูกค้าอยู่ด้านใน



                “สวัสดีครับคุณจีมิน  บริษัทบ้านปลายินดีต้อนรับครับ”


                “สวัสดีค่ะคุณจงอิน  เราไปกันได้แล้วใช่ไหมคะ”


                “ครับ....เชิญคุณจีมินทางนี้เลยครับ”


                ชานยอลอาสาเป็นคนนำทางเพื่อพาลูกค้าไปยังแผนกที่ทำตู้ปลาโดยเฉพาะ  ส่วนจงอินและแฟนเด็กก็เดินตามหลังกันมาเรื่อยๆ  ตู้ปลาของลูกค้าถูกหลอมจนเป็นรูปร่างอย่างที่ต้องการและลูกค้ารายนี้ก็ต้องการติดตั้งตู้ปลาเป็นจำนวนสองตู้  ตู้แรกตั้งไว้ในห้องนอน  ส่วนอีกตู้ตั้งไว้ที่ห้องรับแขก  ลูกค้าเดินวนดูรอบๆตู้ปลาที่วางอยู่ตรงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่ามันใช่แบบเดียวกันกับที่เคยสั่งไว้หรือไม่  แต่สายตา...มันแทบไม่ได้สนใจรูปทรงหรือขนาดของบ้านปลาเลยสักนิด  นอกจากชายร่างสูงที่มาต้อนรับลูกค้าเป็นคนแรก  


                “น้องปลาครับ...ไปอยู่กับพี่ดีกว่า  ปล่อยให้จงอินกับพี่ชานยอลคุยงานกับลูกค้าไปก่อนนะ”  กลัวว่าน้องจะซนและเพราะอากาศในแผนกนี้ค่อนข้างร้อน  แบคฮยอนจึงเดินเข้ามาตามเด็กน้อยไปนั่งเล่นในออฟฟิศ  รวมถึง...เกรงใจลูกค้า  


                “พี่จงอิน...หนูไปหาบยอนนี่นะฮะ”  กระซิบขออนุญาตคนข้างกายแล้วรีบวิ่งไปหาพี่ชายคนโปรดทันที  และที่ไปก็เพราะรู้สึกไม่ชอบลูกค้าคนนี้  บรรยากาศมันเหมือนพวกลูกค้าของเขาที่มักจะมาซื้อปลาในร้านเพียงเพราะอยากเห็นหน้าของคริส  น้องปลาเกลียดคนแบบนี้สุด...พวกที่เห็นธุรกิจของเขาเป็นเรื่องสนุก


    แล้วลูกค้าคนนี้...อยากได้ตู้ปลาหรืออยากได้สามีของบยอนนี่กันแน่!!!


                "คุณชานยอลคะ...เราไปดูปะการังตรงนั้นดีกว่าค่ะ  แล้วอันไหนคือแบบที่จะเอาไปใส่ในตู้ปลาของจีมินเหรอคะ?"

     

                ทุกคนในโรงงาน...ต่างก็รู้สึกอึดอัดเช่นกันเพราะลูกค้าเริ่มเดินสะเปะสะปะไปทั่วทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของ  จากที่ยืนดูตู้ปลาของตัวเอง...ตอนนี้เอาแต่เดินเข้าแผนกนั้นเดินออกแผนกนี้โดยไม่สนใจว่าใครกำลังทำงานกันอยู่บ้าง  ส่วนผู้ที่เป็นลูกน้องก็ไม่สามารถเอ่ยห้ามอะไรได้เพราะขนาดคนที่เป็นเจ้าของโรงงานตัวจริงอย่างคิมจงอินก็ยังนิ่งเฉย  ทุกๆคนจึงไม่กล้ามีปากมีเสียงหรือโต้แย้งใดใดกับลูกค้าคนนี้



                คนเป็นภรรยา...ก็ใช่ว่าไม่รู้  เพราะลูกค้าเอาแต่ควงแขนสามีเดินไปเดินมาจนทั่วโรงงานไปหมด  อยากเข้าไปพูดตรงๆ  แต่ก็ไม่อยากเสียรายได้  ถึงแม้ในใจมันจะร้อนเหมือนถูกไฟสุ่มก็ตามที  แต่ก็คิดว่า...จบงานนี้เมื่อไหร่ก็คงหายหงุดหงิดไปเอง  และการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด  แบคฮยอน...ปรายตามองผู้เป็นสามีเพียงเล็กน้อย  แล้วรีบจูงมือน้องปลาเดินออกมาจากโรงงานก่อนที่จะหมดความอดทน  แต่!!!!เสียงพูดคุยที่ดูเหมือนสนิทสนมกันมากจนเกินงามก็พาลให้ใครบางคนต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง


                "ดูบ้านปลาเสร็จแล้ว  ก็กลับไปสิฮะ!!!!"  


            


               





     

     







                ได้แต่อ้าปากค้างเมื่อได้ยินแบบนั้น...แถมเด็กน้อยที่เขาจูงมืออยู่เมื่อครู่ยังเข้าไปกระชากแขนของชานยอลออกจากเกาะกุมของลูกค้าแล้วเอาร่างอันแสนบอบบางยืนบังกายใหญ่ๆเอาไว้  ไม่ใช่เพียงแบคฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป  เพราะตอนนี้ลูกน้องทุกคนโรงงานต่างก็พากันชะงักกับเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังก้องไปทั่วทั้งบริษัทและเดินออกมาดูที่ต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น  

      

                “อย่ามายุ่งกับพี่ยอลนะฮะ  หนูรู้...ว่าป้ากำลังคิดอะไร  เป็นคนหรือปลิงทะเลกันแน่  เกาะอยู่นั่นแหละ!!?”


                “เป็นเด็กเป็นเล็ก...ทำไมพูดจาก้าวร้าวแบบนี้ล่ะ  ไม่ดีเลยนะคะ...ไม่น่ารักเลย”


                “คนที่คิดจะแย่งแฟนของคนอื่นก็นิสัยไม่ดีเหมือนกันนั่นแหละ  ถ้าที่นี่เป็นร้านของหนูละก็...ป่านนี้ป้าถูกโยนออกไปนอกร้านแล่ว  แบร่!!!


                ยืนเถียงกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง...แถมยังแลบลิ้นปลิ้นตาทำทะเล้นด้วยความรู้สึกหมั่นไส้อย่างอดไม่ได้  น้องปลาเจอลูกค้าแบบนี้มาเยอะ  ทำไมเขาจะรู้ไม่ทันว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดจะทำอะไร  และถ้าที่นี่เป็นร้านของเขา...เจ้าตัวก็แทบจะไม่ต้องเอ่ยเถียงอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียวเพราะทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้ามาป่วนในร้านด้วยวิธีแบบนี้ก็มักจะเป็นพี่เขยหรืออี้ชิงที่เป็นคนจัดการกับลูกค้าเจ้าปัญหา  

     


                คริส...ไม่เคยไว้หน้าใครทั้งนั้นไม่ว่าลูกค้าจะเป็นผู้ชาย  ผู้หญิง  เด็กหรือผู้ใหญ่เพราะสินค้าที่ขายมันเป็นสิ่งมีชีวิต  เขารักปลาในร้านทุกตัวและอยากขายให้กับคนที่ต้องการพวกมันจริงๆเท่านั้น  คริสไม่ชอบให้ใครเห็นธุรกิจภายในครอบครัวของเขาเป็นเรื่องล้อเล่นหรือเห็นเป็นเรื่องสนุกส่วนตัว  เขามักจะตัดลูกค้าประเภทนี้ทิ้งไปทันทีโดยที่ไม่สนใจเรื่องมารยาทใดใดทั้งนั้น  และเรื่องที่ให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งก็คือ...เรื่องความรู้สึกของคนในครอบครัว 

     


                ส่วนเรื่องตัวเงินหรือเชื่อเสียงของร้าน...คริสให้ความสำคัญมาเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามสถานการณ์ที่มันควรจะเป็น  ทุกนาทีในการทำงานของคริสมีค่าเสมอ  ถ้าลูกค้าคนไหนมาทำให้รู้สึกว่าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  เขาจะรีบตัดบทการขายหรือการให้บริการทันดีโดยไม่หันกลับไปสนใจลูกค้าคนนั้นอีกเลย  และสิ่งที่พี่เขยทำให้น้องเมียเห็นอยู่ทุกวันทั้งๆที่ไม่ได้สอน...มันก็ทำให้น้องปลาซึมซับการกระทำแบบนั้นไปโดยอัตโนมัติ


                “ไอ้เด็กปากเสีย!!!  ไปให้พ้นเลยนะ...ไม่งั้นโดนดีแน่!!


                “ไปอยู่แล้ว...ไม่ต้องมาไล่หรอก  อยู่ตรงนี้นานๆแล้ว  เหม็นปลิงทะเลเน่า  แหวะ!!!!!!!


                “กรี๊ดดดดด.....ดดดดดดดดดด!!  ไอ้เด็กบ้า  ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!!!!!”


                “ใครกันแน่ที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน  พี่ยอลแต่งงานแล้ว  ป้าก็ยังมากอดอยู่ได้...หน้าไม่อาย  แล้วก็หยุดกรี๊ดๆ ๆ สักทีเถอะฮะ  คนอื่นเขาเสียสมาธิในการทำงาน  อ่อ...แล้วอีกอย่างนะฮะ  ถ้าใครเอาปลาจากร้านของหนูไปไว้ที่บ้านของป้าคนนี้ล่ะก็  อย่าหาว่าหนูใจร้ายก็แล้วกัน  จำไว้!!!!!!!


    (ฮิ้วววววววววววววววววววว...วู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!!!!!!)



              สิ้นเสียงเจื้อยแจ้วที่ตำหนิลูกค้า...ก็ต่อด้วยเสียงโห่ร้องของลูกน้องในโรงงานที่รู้สึกพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  มันอึดอัดอยู่นานจนกระทั้งมีเด็กน้อยคนโปรดเข้ามาช่วยให้ความรู้สึกต่างๆมันคลี่คลาย  ใครจะชอบหรือไม่ชอบพวกเขาไม่สนเพราะมันทนไม่ไหว  ส่วนแบคฮยอนก็รีบพาน้องปลาเดินออกมาจากโรงงานทันทีเพราะเกรงว่าลูกค้าจะลงไม้ลงมือกับเด็ก    



                ตอนแรกลูกค้าก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเรื่องมาก...จนเมื่อได้พบกับชานยอลตอนที่นัดคุยงานกันครั้งแรก  แล้วหลังจากนั้นลูกค้าก็เริ่มโทรมาขอเปลี่ยนแบบอยู่บ่อยๆและนัดคุยงานถี่ขึ้นเรื่อยๆ  ทุกครั้งที่นัดคุยงานก็มักจะระบุชื่อของชานยอลมาก่อนเสมอ  ส่วนเจ้าตัวก็รู้ดีว่าลูกค้าคนนี้เริ่มคิดอะไรมากกว่าการอยากได้ตู้ปลา  เพราะทุกครั้งที่เจอกัน...ลูกค้าก็มักจะถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้เสมอ  ชานยอลไม่อยากถือสาและคิดไม่ต่างจากจงอิน  "ความพึงพอใจของลูดค้ามาก่อนเสมอ"


    ต่อให้ลูกค้าแก้ผ้าโชว์ต่อหน้า...ชานยอลก็ไม่คิดจะสนเพราะถ้าลูกค้าอยากได้ตู้ปลา  คุณก็จะได้แค่ตู้ปลาและเขาก็ไม่ใช่ของแถม


                “น้องปลาหยุดเดินก่อนครับ...มาคุยกับพี่ให้รู้เรื่องก่อน  //  เจ๊...เข้าบ้านไปก่อนปะ  ผมขอคุยกับน้องแป้บนึง”


                “มีอะไรเหรอฮะพี่จงอิน”


                “น้องปลาโมโหอะไรครับ  บอกพี่หน่อยได้มั้ย?”


                “หนูไม่ชอบป้าคนนั้น  ป้าจะมาแย่งพี่ยอลไปจากบยอนนี่”


                “แต่น้องปลาก็ไม่ควรพูดจาแบบนั้นนะครับ...มันไม่น่ารักเลยรู้ไหม”


                “ไม่น่ารักสำหรับคนอื่นหนูไม่แคร์หรอก  แล้วป้าคนนั้นน่ารักมากเหรอไง  ชิ!!!


                “เฮ้ออ...น้องปลายังเด็กนะครับ  น้องปลายังไม่เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่”


                “หนูเป็นเด็ก...แต่หนูก็มีหัวใจ  มีความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่นะฮะ  หนูรู้ว่าบยอนนี่กำลังเสียใจ  แล้วถ้าหนูถูกผู้ชายคนอื่นกอดบ้างล่ะ  พี่จงอินจะทนได้ไหมฮะ??”


                “...........!!!?????”


                เหมือนคนหูอื้อและเป็นใบ้ไปชั่วขณะ...เพราะสิ่งที่น้องปลาพูดออกมาทั้งหมดมันทำให้คนฟังไม่อาจหาคำไหนมาเอ่ยแย้ง  มันเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา  เป็นความใสซื่อและเป็นการเข้าอกเข้าใจคนอื่นเหลือเกิน  เจ้าของบริษัทอย่างเขา...ทำตู้ปลามาเป็นร้อยเป็นพันแห่งและผ่านลูกค้ามาสารพัดรูปแบบ  ทั้งเรื่องมาก  เบี้ยวเงิน  ยกเลิกงานกะทันหัน  จงอินเจอมาแทบทุกประเภทและก็สามารถจัดการกับปัญหาต่างๆได้ดีมาโดยตลอด  แต่พอมาเจอกับปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่...ขากลับทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง  

     


                คำพูดของเด็กน้อย...ยังคงวิ่งวนอยู่ในหัวและรู้สึกติดค้างอยู่ในใจ  เขาต้องเปลี่ยนระบบในการทำงานใช่ไหม??  หรือต้องเห็นความสำคัญของคนในครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง??  การเอาใจลูกค้ามันทำให้คนเป็นพี่ชายเสียใจมากขนาดนั้นเลยหรือ???  ทุกๆคำถามพาให้สับสนไปหมด  ปกติจงอินจะรับงานโดยไม่เกี่ยงเลยว่าลูกค้าจะต้องการอะไรเพราะยากแค่ไหนก็จะทำเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพียงฝ่ายเดียว  หลายครั้ง...ที่ลูกน้องต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อทำบ้านปลาและโรงงานแห่งนี้ก็แทบจะไม่มีวันหยุดเลยสักวัน  

     


                แล้วอีกเรื่องที่อาจต้องปรับเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่นั่นก็คือ...เรื่องของปลา  จงอินไม่เคยคิดว่าพวกสัตว์น้ำที่เขาซื้อมาจากร้านของแฟนเด็กมันจะได้รับการดูแลที่ดีจากลูกค้าของเขาหรือไม่เพราะเมื่องานทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ถือว่าเป็นอันจบ  ปลาเคยตายบ้างไหม??  เจริญเติบโตไปถึงไหน??  เรื่องแบบนี้ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง  แต่วันนี้...เจ้าของบริษัทอย่างเขาคงต้องคิดทุกเรื่องให้รอบคอบกว่าเดิม  เพราะต่อให้ทำบ้านปลาเก่งสักแค่ไหนและของตกแต่งมากมายจะเหมือนจริงเท่าใดก็คงจะสู้สัตว์น้ำทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้  พวกมันช่วยทำให้งานของเขาสมบูรณ์แบบมากขึ้น  ถ้าปลาตายแล้วเหลือแต่ตู้ที่ว่างเปล่า  งานของเขาก็คงเป็นแค่ขยะชิ้นใหญ่


    คิมจงอินเข้าใจแล้ว...และเริ่มเข้าใจความรู้สึกของแฟนเด็กมากขึ้น  



                “ถ้ามีผู้ชายคนอื่นมากอดน้องปลาจริงๆพี่จะไปต่อยมัน  ต่อยๆ ๆ ๆ....ต่อยให้ตายไปเลย”


                “ฮ่า ฮ่า ฮ่า...แล้วถ้าหนูไปกอดผู้ชายคนอื่นล่ะฮะ  พี่จงอินจะต่อยหนูไหม?”


                “ไม่ต่อยหรอกครับ...แต่น้องปลาจะโดนจูบๆ ๆ ๆ ๆ....จูบให้เหนื่อยไปเลย”


                ไม่เคยคิดเลยว่า...เด็กแบบน้องปลาจะสามารถทำให้เขาเปลี่ยนความคิดอะไรได้ในหลายๆเรื่อง  ความใสซื่อ  ความน่ารัก  ความแสบซนและเป็นคนตรงไปตรงมาต่อความรู้สึกที่มีโดยไม่เสแสร้ง  ทุกๆอย่างที่เป็นเด็กคนนี้มันทำให้จงอินรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก  มีความเป็นเด็กตามวัย  แต่ในบางมุมก็มีความเป็นผู้ใหญ่  ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรุ่นพี่คนสนิทอย่างอู๋อี้ฟานถึงได้ยอมแต่งงานทั้งๆที่ได้ฉายาคาสโนว่าแห่งคณะวิศวะฯ  ถ้าอี้ชิงสามารถเอาชนะหัวใจของคริสได้...น้องปลาก็ทำสำเร็จแล้วเช่นกัน


    ยิ่งได้รู้จัก...ก็ยิ่งรัก  ยิ่งได้อยู่ใกล้...ก็ยิ่งหวงแหน  ทั้งตัวและหัวใจของผู้ชายที่ชื่อคิมจงอินจะเป็นของน้องปลาเพียงคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง  



                “แน่จริงก็จับให้ได้สิฮะ  ถ้าพี่จงอินจับได้...หนูยอมให้พี่จงอินจูบร้อยทีเลย  แบร่!!


                “โดนแน่ๆเจ้าตัวแสบ  มานี่เลยมาให้พี่จูบซะดีๆ”


                “แบร่ๆ ๆ ๆ....แน่จริงก็ตามมาสิฮะ  แก่แล้ววิ่งไม่ทันเหรออออ”



    ปึ่กกกก!!!


              “โอ๊ยยยยยย!!!!?


                “ใครจูบใครเหรอครับน้องปลา!


                “พี่คริสจ๋า!!?  //  เฮียยยย!!!!!








     

     

     







    บริษัท  บ้านปลา

    18.05 น.

     


                การมาที่นี่ของรุ่นพี่คนสนิทโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า...กำลังทำให้บรรยากาศภายในบ้านต้องตกอยู่ในความตึงเครียด  และตอนนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ความตึงเครียดมันยิ่งเพิ่มระดับมากขึ้นไปอีก  ความเสียใจของพี่ชายคนโปรดทำให้แบคฮยอนต้องเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมตัวไปนอนค้างที่บ้านของน้องปลา  ส่วนการมาของคริส...ก็เพื่อรับน้องเมียกลับบ้านตามคำสั่งของภรรยาเท่านั้น  นึกว่าจะได้อยู่กับอี้ชิงแบบสองต่อสองในช่วงวันหยุด  แต่สุดท้ายความรับผิดชอบในการดูแลน้องปลาก็ต้องเป็นเขาอยู่ดี  ใช่ว่าอยากผลักไสหน้าที่...แต่บางทีน้องปลาก็ชอบเข้ามาขัดจังหวะในยามวิกาล


    (อารมณ์ค้างงงง...มันไม่ใช่เรื่องตลก)



                ส่วนเรื่องใครจูบใคร...ก็ตกเป็นประเด็นรองไปในทันทีเมื่อน้องปลาอยากให้พี่ชายคนโปรดไปนอนด้วยกัน  และเพราะอยากทำให้ใครบางคนเห็นความสำคัญของคนในครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง  เด็กน้อยโกรธมาก...ที่ชานยอลปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้หญิงกอดแบบนั้นโดยไม่คิดจะหลีกเลี่ยงทั้งๆที่แต่งงานแล้ว  มันหงุดหงิดจนพาลให้คู่รักต่างไซส์ของบริษัทบ้านปลาต้องแยกกันอยู่เป็นเวลาหนึ่งคืนหรือจนกว่าจะหายโกรธ

     


                ตอนนี้...คนที่ดูน่าสงสารมากกว่าใครก็เห็นจะเป็นชานยอลเพราะเจ้าตัวไม่คิดว่าภรรยาจะไปนอนที่บ้านน้องปลาจริงๆ  กระเป๋าเดินทางขนาดย่อมวางอยู่ตรงหน้า  ส่วนคนที่พร้อมจะไปก็ช่างใจร้ายเหลือเกิน  แบคฮยอนทราบดีว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องงานและไม่ได้โกรธผู้เป็นสามีเลยสักนิด  แต่!!บางครั้งมันก็รู้สึกน้อยใจ  นิสัยที่เป็นมิตรกับทุกอย่างในโลกใบนี้ของชานยอลมันทำให้เขาน้อยใจอยู่บ่อยครั้ง  รู้ดีว่ารักกันมากแค่ไหนเพราะเขาก็รักมากเช่นกัน  แต่ครั้งนี้ขอเถอะ...เผื่อนิสัยบางอย่างมันอาจปรับเปลี่ยนไปบ้าง



                เด็กน้อย...นั่งพิงเบาะรถอย่างสบายใจเมื่อถึงเวลาเดินทางกลับและคิดว่าพรุ่งเช้าเขาจะพาแบคฮยอนลงไปเล่นในบ่อปลาหลังบ้านด้วยกัน  โปรแกรมความสนุกของน้องปลายังมีอีกเยอะและหวังว่าตัวเองจะหายโกรธเร็วๆ  ไม่อย่างนั้น...พี่ชายคนโปรดอาจจะต้องอยู่กับเขานานกว่าที่ตกลงกันไว้  


                “ตัวเองงงง...จะไปกับน้องปลาจริงๆเหรอ”


                “จริง!! เก็บกระเป๋าขึ้นรถมาแล้วเนี่ย  แบคล้อเล่นมั้ง?!!”


                “ไม่ไปไม่ได้เหรอ  แล้วคืนนี้เค้าจะนอนกอดใครล่ะ?”


                “อีช็อคโก้ไง...คืนนี้นอนกอดมันไปก่อนแล้วกัน  แต่ทนเหม็นหน่อยนะเพราะมันยังไม่ได้อาบน้ำ”


                “โธ่!!!!....น้องแบคจ๋าาาาาา  น้องแบคคนดีของพี่ชานยอลลลลลล”


     

    VROOM !!! 


    VROOM !!!!


    VROOM !!!!! 



              เมื่อพาหนะคันใหญ่...ขับออกไปจากรั้วของบริษัทบ้านปลา  ทั้งชานยอลและจงอินต่างก็ได้แต่มองตามด้วยความเศร้าใจ  คืนนี้ไม่ได้มีคนถูกทิ้งเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นเพราะคนที่คิดว่าพรุ่งนี้จะได้ไปติดตั้งตู้ปลากับแฟนเด็กที่ต่างจังหวัดก็เป็นอันต้องฝันสลาย  อ้อมกอดในการจากลาก็ไม่มี  อยากจูบให้หายคิดถึงก็ทำไม่ได้  กำลังใจในการทำงานก็หมด  และคืนนี้คิมจงอินก็คงต้องนอนกอดหมอนข้างเหมือนอย่างที่เคย  แถมแม่ครัวประจำบ้านอย่างแบคฮยอนก็ไม่อยู่  แล้วใคร...จะทำอาหารให้พวกลูกน้อง  

     


    (ชีวิตแค่โดนทำร้ายยยยยยยยยยย  T_T)

     








     










    100%

    น้องปลากลับมาแล้วนะคะ...ขอโทษด้วยจริงๆที่หายไปนาน

    ในตอนนี้...ประเด็นของการขับรถโฟคลิฟ  เราคิดขึ้นมาเพื่อเพิ่มอรรถรสในความบ้ากามของตัวเองล้วนๆ

    ส่วนความเป็นจริง...มันไม่สามารถนั่งตักแล้วขับรถได้นะจ๊ะ

    ขอบคุณที่ยังคงคิดถึงพี่จงอินกับแฟนเด็กของเขา

    ขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกๆคอมเม้นท์ของนักอ่านคนทุกนะคะ

    แล้วจะเข้ามาตรวจคำผิดเรื่อยๆค่ะ

    รักน้องปลากันเยอะๆน้าาาาาาาา

    #ฟิคน้องปลา 

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×