คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ปลาตัวที่ 7
ปลาตัวที่ 7
บริษัท บ้านปลา
10.20 น.
“บยอนนี่...เมื่อไหร่พี่จงอินจะมาล่ะฮะ หนูรอนานแล้วนะ หนูคิดถึงพี่จงอิน” ริมฝีปากบาง...ขยับพูดเจื้อยแจ้ว แต่มือก็ยังทำหน้าที่นับนิ้วตามจำนวนตัวเลขของการบ้านที่วางอยู่ตรงหน้า
วันนี้...เจ้าของบริษัทบ้านปลาเดินทางไปรับสัตว์น้ำที่สั่งไว้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และวันพรุ่งนี้ทีมงานทั้งหมดต้องเดินทางไปติดตั้งตู้ปลาที่โรงแรมแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด แต่เมื่อไปถึงที่ร้าน...เขาก็ไม่ได้ไปรับแค่ของที่สั่งไว้เท่านั้นเพราะสิ่งที่นำกลับบ้านมาด้วยพร้อมกับปลามากมายก็คือลูกชายคนเล็กของอาณาจักรร้านขายสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุด ถึงแม้จะเป็นวันเสาร์...แต่ร้านของรุ่นพี่คนสนิทก็ยังมีงานต่างๆให้ต้องจัดการ เขาจึงอาสารับเด็กน้อยมาดูแลเพราะอยากให้พี่ๆทั้งสองคนได้ทำงานกันอย่างเต็มที่หรือได้อยู่กันตามลำพังบ้างหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงน้องชายตัวแสบมาหลายวัน
แต่ถึงจะแสบแค่ไหน...น้องก็ยังน่ารักจนใครๆก็อยากตามใจ
หลังจากขออนุญาตพี่ๆทั้งสองคนเรียบร้อย...จงอินก็พาน้องปลากลับบ้านทันที และเข้ามานั่งเล่นในออฟฟิศของพี่ชายต่างแม่เมื่อเดินทางมาถึง เด็กน้อยที่เหมือนถูกนำมาทิ้งให้ใครอีกคนดูแลก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองคนงานเยอะเพราะจงอินต้องไปทำบ้านปลาตามออร์เดอร์ของลูกค้าและนำเจ้าหางสวยท้ายรถไปเก็บไว้ที่ห้องปลอดเชื้อ น้องปลาไม่ดื้อไม่ซนพร้อมหยิบการบ้านขึ้นมาทำเพื่อรอจงอินมารับอีกครั้ง สัญญากันไว้ว่าถ้าเขาทำการบ้านเสร็จเมื่อไหร่...จงอินก็จะมารับไปเล่นกับพี่ๆในโรงงาน
“แล้วน้องปลาทำการบ้านเสร็จหรือยังครับ?” นั่งเคลียร์บัญชีของลูกค้าไปด้วยสอนการบ้านเด็กน้อยไปด้วย ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแบคฮยอน เพราะอะไรที่เกี่ยวตัวเลข...เจ้าตัวก็สามารถจัดการได้หมด ตาเรียวเล็กจ้องเด็กที่กำลังทำหน้าจิ้มลิ้มให้ยุ่งเหยิงเพราะน้องปลากำลังนับนิ้วหนึ่งสองสามสี่ หนึ่งสองสามสี่ซ้ำๆ การบ้านวิชาคณิตศาสตร์คงยากน่าดู น้องถึงนับเลขจนคิ้วโก่งแทบชนกันและเมื่อสิบนิ้วมันไม่พอต่อการนับ ยางลบรูปปลาหมึกสีหวาน ปากกา ดินสอก็ถูกนำมาวางเรียงกันเหมือนเป็นตัวช่วย
“บยอนนี่...ตรวจการบ้านให้หนูหน่อยฮะ หนูทำเสร็จแล้ว” เป็นวิชาที่ไม่ชอบ แต่ก็พยายามทำอย่างตั้งใจ ยอมรับว่ามันยากและหงุดหงิดทุกครั้งที่ตีโจทย์เลขไม่ได้ แต่เมื่อทำการบ้านเสร็จเรียบร้อย น้องปลาก็วิ่งไปหาพี่ชายคนโปรดที่โต๊ะทำงานเพื่อให้ช่วยตรวจก่อนจะต้องนำไปส่งคุณครูในวันจันทร์
(คุณครูทงเฮทั้งหล่อ ทั้งใจดี แต่วิชาคณิตศาสตร์ต่างหากที่ใจร้ายยยยย!!!)
“เก่งนะเนี่ย...ทำถูกหมดเลย งั้นน้องปลารอจงอินอยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวพี่โทรตามให้ แล้ววันนี้น้องปลาก็ห้ามดื้อเด็ดขาดเพราะลูกค้าจะเข้ามาดูตู้ปลาที่โรงงาน” คนที่อยู่ในชุดนอนลายกบสีเขียวรีบต่อสายหาน้องชายต่างแม่ทันทีเพราะเด็กน้อยทำการบ้านเสร็จแล้ว แต่งานของเขา...กลับยังไม่เสร็จเลยสักอย่าง มือบางคว้าโทรศัพท์ในออฟฟิศแล้วกดเบอร์ของจงอินโดยที่สายตาก็ยังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพราะบัญชีของลูกค้ามันเยอะจนไม่อาจละสายตาไปได้
เป็นวันที่จะมีลูกค้าเข้ามาดูตู้ปลาในโรงงาน ซึ่งลูกค้าบางรายก็อยากเห็นตู้ปลาของจริงก่อนจะถึงวันติดตั้ง แต่บางที...เมื่อเห็นของจริงก็เกิดอยากจะเปลี่ยนแบบขึ้นมาเสียอย่างนั้นและมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาเพราะความพึงพอใจของลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ แต่ถ้าเปลี่ยนแบบจริงๆก็ต้องเลื่อนวันติดตั้งเนื่องจากผิดสัญญาที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก และถ้าลูกค้ายอมรับในเรื่องนี้ได้...งานก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
“หนูจะไม่ดื้อ...แล้วก็ไม่ซนด้วยฮะ” รีบตกปากรับคำเป็นอย่างดีพร้อมหยิบสมุดการบ้านที่พี่ชายคนโปรดตรวจเสร็จแล้ว รวมถึงอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นเก็บใส่กระเป๋ารูปปลาดาวสีชมพูด้วยความดีใจ น้องปลาอยากไปเล่นกับพวกพี่ๆในโรงงาน แล้วก็อยากไปดูเจ้าหางสวยที่อยู่ในห้องปลอดเชื้อด้วย
แกร๊กกกก!!
เสียงประตูออฟฟิศถูกเปิดออก...พร้อมกับคนเป็นสามีเดินถือถาดไม้ทรงกลมเข้ามาด้านใน คุ้กกี้เนยสดกับนมช็อคโกแล็ตร้อนถูกวางลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาเพื่อนำมาให้เด็กน้อยทานรองท้องก่อนจะถึงเวลาอาหารเที่ยง ชานยอลอาสาทำหน้าที่แทนหนุ่มผิวเข้มเพราะงานในโรงงานมันยุ่งเกินกว่าจะปลีกตัวออกมาดูแลแฟนเด็กด้วยตัวเอง
“น้องปลาทานขนมก่อนนะครับ เดี๋ยวอีกสักพักจงอินก็มารับแล้ว”
“โอ๊ยยย...คอแห้งงงง!!!! อยู่กินกันมาตั้ง 700 กว่าปี พี่ชานยอลไม่เคยหาของว่างให้แบคกินเลยสักชิ้น สงสัยหิมะจะตกหน้าร้อนซะแล้วม้างงงงงง”
เอ่ยประชดประชัด...พร้อมเคาะแป้นคีย์บอร์ดดังกึกกัก แต่ก็พูดหยอกไปอย่างนั้นเพราะเข้าใจดีว่าใครๆก็หลงในความน่ารักของน้องปลา มือบางพิมพ์ตัวเลขอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมส่งเมลให้ลูกค้าเมื่อออร์เดอร์ตู้ปลาทำสัญญาเสร็จสิ้น ช่วงนี้งานค่อยข้างเยอะและบางครั้งเขาก็ต้องเดินทางไปติดตั้งตู้ปลากับสามีเนื่องจากคุณพ่อไปต่างประเทศ แล้วก็ดูเหมือนว่า...ท่านจะปล่อยให้ลูกๆรับผิดชอบงานต่างๆด้วยตัวเองมากขึ้นและไม่ค่อยได้กลับบ้าน
“โอ๋ ๆ ๆ....อย่างอนเลยนะ เดี๋ยวของว่างสำหรับเมียสุดที่รัก พี่ชานยอลจะจัดชุดใหญ่ให้เลยจ้ะ คืนนี้จุกแน่นอน เตรียมตัวไว้หะ...ให้ โอ๊ยยยย!! เจ็บบบๆ ๆ!!!!”
คนที่พูดจาสองแง่สองง่าม...โดนหยิกเข้าที่เอวจนห้ามเสียงของความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ได้ ใช่ว่าอยากทำร้ายสามีต่อหน้าคนอื่น แต่คำพูดคำจาเมื่อครู่มันไม่น่าฟังเพราะในห้องทำงานตอนนี้มันไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน แบคฮยอนชินแล้วกับการถูกสามีพูดยั่วโทสะหรือหยอกเล่น แต่น้องปลาไม่ควรได้ยินอะไรแบบนั้น
แล้วก็ดูเหมือนว่า...มันจะไม่ทันเสียแล้ว?
“บยอยนี่ชอบกินขนมตอนกลางคืนเหรอฮะ หนูก็เคยแอบกินขนมตอนดึกๆเหมือนกัน กินเยอะจนจุกเลยฮะ แล้วก็นอนปวดท้องทั้งคืนเลย โดนพี่อี้ดุด้วย บยอนนี่ห้ามกินอะไรดึกๆอีกนะฮะ เดี๋ยวต้องไปฉีดยาเหมือนหนู มันเจ็บมากเลยนะฮะ”
“บยอนนี่ถูกพี่ฉีดยาทุกคืนเลยครับ พี่ฉีดยาไม่เจ็บนะ แต่มันจะเสียวมากกก!!!”
“พี่ยอลเป็นหมอเหรอฮะ แล้วทำไมบยอนนี่ต้องฉีดยาทุกคืนด้วยล่ะ ไม่สบายเหรอ??”
“ไม่ได้เป็นหมอก็ฉะ....ฉีด โอ๊ยยย ๆ ไอ้อ้วนเจ็บ!!!”
จากโดนหยิก...เปลี่ยนเป็นโดนตบ เพราะชานยอลยังไม่เลิกพูดจาแบบนั้นกับน้องปลาและความสงสัยของเด็กน้อยก็พาลให้แบคฮยอนปวดหัวพอๆกับงานที่ยังทำไม่เสร็จ มือบางโบกไปมาเป็นเชิงไล่สามีให้กลับไปทำงานของตัวเองเพราะช่วงบ่ายจะมีลูกค้ามาดูตู้ปลาที่โรงงาน แบคฮยอนส่งยิ้มให้กับคนที่ยังมีความสงสัยในเรื่องของการโดนฉีดยาและหันหน้าเข้าจอคอมพิวเตอร์เช่นเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามในแบบที่วัยของเด็กอายุสิบหกปียังไม่ควรทราบ
12.00 น.
หลังจากทำหน้าที่สอนการบ้านให้เด็กน้อยไปเมื่อเช้า...ตอนนี้แบคฮยอนต้องกลายมาเป็นแม่ครัวเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน มือบางหั่นของสดใส่ภาชนะที่ตั้งอยู่บนเตาแล้วปรุงรสอีกเล็กน้อยด้วยความชำนาญ ส่วนคนงานเยอะก็เพิ่งเข้ามารับแฟนเด็กเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาและดีที่น้องปลาไม่งอแง...ไม่อย่างนั้นคงต้องง้อกันอีกนาน
เป็นอีกวัน...ที่การทานอาหารสักมื้อจะได้ทานแบบพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะปกติก็จะต่างคนต่างกินแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน แต่เมื่อมีน้องปลาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทุกคนจึงได้มาทานอาหารด้วยกันบ่อยขึ้น หน้าที่ของแบคฮยอนคือการทำอาหารทุกมื้อเพื่อเลี้ยงคนในบ้านและลูกน้อง ใช่ว่าน้องชายต่างแม่จะทำอาหารไม่เป็น แต่หน้าที่ของจงอินคือการทำบ้านปลาอยู่ในโรงงานและดูแลความเรียบร้อยของงานทั้งหมด
“พี่จงอินทำงานเสร็จแล้วเหรอฮะ” นั่งยิ้มแป้นอยู่บนเก้าอี้พร้อมกำช้อนส้อมไว้ในมือเพื่อรอเมนูสุดพิเศษมาเสิร์ฟเป็นมื้อเที่ยง และ...กุ้งตัวโตๆที่ผัดกับซอสมะเขือเทศสูตรเด็ดก็ถูกวางลงบนโต๊ะเป็นจานแรก
“ยังไม่เสร็จเลยครับ พี่ยังเหลืองานอีกตั้งเยอะ แล้วตอนบ่ายก็ต้องรอพบลูกค้าอีก” สงสารทั้งตัวเองและเด็กตรงหน้าเพราะวันนี้งานมันเยอะมากกว่าที่คิดเอาไว้จนไม่สามารถดูแลน้องปลาได้เหมือนที่ให้สัญญากับคริส พรุ่งนี้ต้องไปติดตั้งตู้ปลาที่ต่างจังหวัด ส่วนวันนี้ช่วงบ่าย...ก็ต้องอยู่ต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาดูตู้ปลาตามที่ได้นัดกันไว้เมื่อสองวันที่แล้ว
“พี่จงอินเหนื่อยไหมฮะ งั้นหนูป้อนข้าวให้นะ พี่จงอินจะได้มีแรงทำงาน...อ้าปากสิฮะ อ้ำๆ ๆ” ตักข้าวใส่ช้อนพร้อมวางกุ้งตัวโตไว้ด้านบนแล้วป้อนใส่ปากจงอินทันทีและตามด้วยซุปสาหร่ายอีกหนึ่งคำ
“ขอบคุณนะครับ น้องปลาก็ต้องทานเยอะๆเหมือนกัน จะได้มีแรงช่วยพี่ทำงาน” น่ารักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว น่ารักพร่ำเพรื่อ น่ารักทุกวันและก็เหมือนจะมีแรงเพิ่มขึ้นจากกำลังใจแสนหวานมากกว่าอาหารมื้อเที่ยง ขี้อ้อนที่หนึ่ง ช่างเอาอกเอาใจก็ที่หนึ่งและมักจะทำให้คนรอบข้างยิ้มได้เสมอ
“หนะ...หนูไปช่วยพี่จงอินทำงานได้เหรอฮะ” รีบเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจเพราะครั้งก่อนน้องปลาแอบหนีเข้าไปเล่นในโรงงานคนเดียวจนเกือบถูกเครื่องตัดกระจกบาดมือขาด และดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ...ไม่อย่างนั้นจงอินคงโดนพี่เขยสุดหล่อของน้องปลาเตะจนตายคาโรงงาน
“ไปช่วยพี่แพ็คของได้ครับ แต่ห้ามไปเล่นที่โรงหลอม แล้วพรุ่งนี้ก็ไปติดตั้งตู้ปลาด้วยกัน ตกลงไหมครับ??” ใจจริงก็อยากให้น้องปลานั่งอยู่เฉยๆหรือไปเล่นอยู่ในห้องปลอดเชื้อมากกว่าเพราะเกรงว่าจะเหนื่อย แต่ที่ต้องให้น้องมาช่วยงานก็เนื่องจากไม่อาจปล่อยให้ห่างกายได้อีกแล้ว และในโรงงานก็ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นเหมือนบ่อปลาหลังบ้านของเด็กน้อย
ในโรงงานมีแต่ของอันตราย...แล้วน้องปลาก็มักจะวิ่งเข้าแผนกนั้นวิ่งออกแผนกนี้คอยเล่นกับพี่ๆไปทั่ว ลูกน้องในโรงงานแต่ละคนก็ใช่ว่าจะนั่งเฝ้าเด็กน้อยของเขาได้ตลอดเวลา เพราะทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและงานส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเร่งด่วน แล้วงานในบางแผนกก็ต้องใช้ความประณีตในการทำงานมากเป็นพิเศษ
ฟอดดดด!!!
“เย้ๆ ๆ พรุ่งนี้ไปทำบ้านปลาด้วยกัน เย้ๆ ๆ ๆ” กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจก่อนหอมแก้มจงอินดีฟอดใหญ่ เพราะเขาอยากเอาเพื่อนๆใส่ลงไปในตู้ปลาเหมือนคราวที่แล้ว ส่วนคนถูกหอมแก้มก็ยิ้มเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ แถมยังทำให้มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้นไปอีก
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อย...และแยกย้ายออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ยกเว้นคนหนึ่งที่ต้องอยู่เก็บล้างจานชามทุกใบ หม้อ ตะหลิ่ว กระทะ รวมถึงช้อนส้อม ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ชานยอลต้องเก็บล้างให้หมด คนเป็นสามีไม่อาจขัดคำสั่งของภรรยาที่เพียงส่งสายตาก็เป็นอันทราบว่าต้องทำอะไร ในเมื่อแบคฮยอนเป็นแม่ครัว...ผู้ช่วยก็คงจะหนีไม่พ้นคนเป็นสามี
ชานยอล...เคยคิดจะเผาชุดนอนตัวโปรดของภรรยาด้วยข้อหาที่เขามักจะถูกกดขี่ใช้งานอยู่เป็นประจำ แต่พอคิดไปคิดมาก็ต้องล้มเลิกแผนการเพราะถ้ามีชุดนอนตัวใดตัวหนึ่งถูกเผาและไม่ว่าจะเป็นตัวโปรดหรือไม่ คนที่จะถูกเผาต่อจากชุดนอนพวกนั้นก็คือตัวเขาเอง มือหนาขัดถูจานชามที่อยู่ในอ่างเหมือนอยากระบายความอัดอั้นมากกว่าล้างให้สะอาด
(คืนนี้...ไอ้อ้วนโดนฉีดยาสิบเข็มแน่ๆ!!!)
ส่วนจงอิน...ก็พาน้องปลากลับขึ้นมาบนห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะชุดที่น้องใส่มาจากบ้านมันดูไม่เหมาะกับการเข้าไปนั่งเล่นอยู่ในโรงงานเนื่องจากที่นั่นฝุ่นเยอะและก็มีแต่ของอันตรายเต็มไปหมด แล้วกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีชมพูมันก็ดูน่ารักจนไม่อยากให้ใครเห็นนอกจากเขา ยอมรับว่าหวง แต่เรื่องของความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ มือหนาหยิบชุดทำงานที่เพิ่งซื้อมาใหม่ออกมาจากตู้เสื้อผ้าและให้เด็กน้อยเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ จงอินไม่ได้ซื้อแต่ชุดช่างมาเพียงอย่างเดียว แต่ยังซื้อทั้งชุดนอนลายเป็ด ชุดลำลองและอีกสารพัดของใหม่ที่ซื้้อมาให้แฟนเด็ก
แกร๊กกก!!!!
“ไหนนน...พี่ขอดูหน่อยซิว่าใส่ได้หรือเปล่า แล้วน้องปลาอึดอัดไหมครับ?” เมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับเด็กน้อยที่อยู่ในชุดหมี***สีเขียวเข้ม จงอินจึงเอ่ยถามและจับกายบางหมุนไปรอบๆเพื่อตรวจดูว่าเสื้อผ้ามันพอดีกับน้องหรือไม่
“หนูสวยไหมฮะพี่จงอิน หนูใส่ชุดนี้แล้วพอจะเป็นช่างแบบพี่แทมินได้หรือเปล่าฮะ??” ยืนทำตาแป๋วและเอียงคอไปมาเอ่ยถามความเห็น น้องปลารู้สึกตื่นเต้นที่ตัวเองได้ใส่ชุดช่างเหมือนกับพวกพี่ๆในโรงงาน
จุ้บบ!!
“มีแฟนเป็นช่างก็พอแล้วครับน้องปลา” ก้มกายจูบปากสีเชอร์รี่ที่มักจะพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด เพราะรู้สึกมันเขี้ยวคำถามของน้องจนไม่อาจห้ามใจไว้ได้ สัมผัสเพียงแผ่วเบาโดยไม่ล้วงล้ำและรีบเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง ไม่อย่างนั้น...จงอินคงทำมากกว่าการจูบ
“พี่จงอิ๊นนนนนนนนนนนนนนน” ส่วนคนถูกจูบ...ก็รีบวิ่งไปล้มตัวลงบนเตียงด้วยความเขินอายพร้อมเรียกชื่อเจ้าของสัมผัสนุ่มใส่หมอนใบโต ใจเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมานอกอกและยังไม่ชินเสียทีเพราะทั้งสายตา ทั้งคำพูดมันพาให้หัวใจดวงน้อยๆหวั่นไหวไปหมด
***ชุดหมี
เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อย...จงอินก็เดินออกมาด้วยการนุ่งผ้าขนหนูไว้ที่เอวและมีผ้าอีกผืนวางไว้บนศีรษะ กายหนาสมส่วนเดินตรงมาตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดให้เหมาะสมกับการต้อนรับลูกค้าในช่วงบ่าย ปกติก็จะใส่ชุดช่างเหมือนแฟนเด็กเพราะไม่ต้องห่วงเรื่องรอยเปื้อนหรือการฉีกขาด แต่!!!ยังไม่ทันได้หยิบอะไรออกมาจากตู้...เสียงเอ่ยทักของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็ดังขึ้นพร้อมกับการถูกสัมผัส
“โอ้โห!!!!...แฟนของหนูมีซิกแพกเหมือนพี่คริสจ๋าด้วยยยย” รีบลุกออกมาจากที่นอนแล้ววางมือลงบนหน้าท้องสีแทนเปลือยเปล่า เพราะมันเหมือนกับของพี่เขยไม่มีผิด น้องปลาลากมือผ่านหน้าท้องเป็นลอนสมส่วนแล้วใช้ปลายนิ้วไล่นับรอยนูนบนหน้าท้องของจงอินว่ามันมีจำนวนเท่ากับของคริสหรือไม่
“.............!!" ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อเจ้าของซิกแพกถูกมือบางลูบไล้ไปมา แถมรอยยิ้มหวานๆของเด็กน้อยก็พาให้ลมหายใจติดขัดและฉลามเพชฌฆาตที่นอนสงบนิ่งอยู่ใต้ผ้าขนหนูสีขาวก็เหมือนจะตื่นในเวลาที่ไม่สมควร
“พี่จงอินดูพุงหนูสิฮะ...มันไม่เห็นมีซิกแพกเลย หนูอยากมีบ้าง” แค่ถูกปลายนิ้วลูบหน้าท้อง...ความอดทนก็แทบไม่เหลือ แล้วตอนนี้คนที่บ่นว่าตัวเองไม่มีซิกแพกก็ปลดซิปชุดหมีจนสุดปลายก่อนดึงเสื้อยืดที่สวมทับด้านในขึ้นโชว์ความขาวเนียนให้เห็นเต็มๆตา ใช่แล้ว...น้องปลาไม่มีซิกแพกและยอดอกสีหวานมันก็น่าสัมผัสมากกว่าอะไรทั้งหมด
“.......................” ไร้เสียงตอบรับใดใดอีกครั้ง...และต้องรีบหันกายเข้าตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วเอามือกุมเป้าของตัวเองเอาไว้ เพราะฉลามเพชฌฆาตมันพร้อมแล้วที่จะโจมตีเหยื่อ หน้าท้องแบบราบ ยอดอกสีหวาน เอวคอดเล็ก ทุกๆอย่างคือสัดส่วนที่น่ากิน
(โอ๊ยยยยย !!!.......กินหัวกินหาง กินกลางตลอดตัวววววววว!!!!!)
ก่อนที่ความฟุ้งซ่าน...จะพาให้พรากผู้เยาว์ จงอินก็รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมและเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางยีนส์ก็คือสิ่งที่เลือก นานๆทีจะได้ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ มันเลยดูแปลกตาเมื่อมายืนจัดทรงผมอยู่หน้ากระจก มือหนาหยิบสเปรย์มาฉีดเพื่อให้ผมมันเข้าทรงมากกว่านี้พร้อมตรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะพาน้องปลาออกมาจากห้อง ใช่ว่าเป็นความแปลกตาของเจ้าตัวเพียงคนเดียวเท่านั้นเพราะเด็กที่ถูกจูงมืออยู่ในตอนนี้ก็รู้สึกว่า...หนุ่มผิวเข้มดูหล่อจนไม่อยากให้ออกไปต้อนรับลูกค้า
โรงงาน บ้านปลา
14.30 น.
ระหว่างรอลูกค้าที่นัดกันไว้...เด็กน้อยก็เข้ามานั่งอยู่ในห้องแพ็คของและกำลังนำสิ่งต่างๆเรียงใส่ลังไม้ตามที่จงอินสอน มือเรียวสวยหยิบปะการังเทียมอย่างระมัดระวัง ตามด้วยก้อนหินและถุงทรายใส่ลงไปในกล่องจนครบตามจำนวนแล้วส่งต่อให้คนที่มีแรงเยอะกว่าใช้เครื่องยิงตะปูเพื่อปิดกล่องลัง เมื่อของทั้งหมดถูกแพ็คเรียบร้อย จงอินก็เดินไปด้านนอกแล้วขับรถโฟคลิฟเข้ามายกกล่องทุกใบไปวางไว้ในรถบรรทุก แต่!!...การขับรถเพื่อขนกล่องไม้ในวันนี้ดูจะเป็นเรื่องยากกว่าทุกๆวัน เพราะ....
ก้นนิ่มๆ...ที่นั่งอยู่บนตักของเขา มันทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิในการขับโฟคลิฟสักเท่าไหร่ การตามใจเด็กน้อยเป็นเหตุให้จงอินต้องขับรถขนของด้วยความยากลำบาก และก็ดูเหมือนจะลำบากใจมากกว่าเพราะความใกล้ชิดที่ชิดจนกายแนบกายมันพาให้อะไรๆตื่นตัวไปหมด น้องปลาอยากลองขับรถโฟคลิฟด้วยเอง ซึ่งคำเอ่ยขอแบบนั้นมันก็ได้รับการปฏิเสธ แต่...สีหน้าที่ดูเศร้าสร้อยพร้อมการโอบกอดของน้องอย่างออดอ้อนก็ทำให้จงอินต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง
น้องปลารู้สึกตื่นเต้น...เพราะเหมือนตัวเองได้ขับรถโฟคลิฟจริงๆทั้งที่นั่งอยู่บนตักกว้างของแฟนหนุ่ม ความสุขของน้องคือความสุขของพี่ ต่อให้จงอินต้องอดทนกับความนุ่มนิ่มบนตักนานแค่ไหนก็ยอม ไม่อยากขัดใจ แต่ก็ตามใจทุกเรื่องไม่ได้เพราะของบางอย่างที่กำลังขนย้ายขึ้นรถบรรทุกมันต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ จงอินไม่อยากให้มีความเสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากงานแต่ชิ้นต้องใช้เวลาในการทำค่อนข้างมากและความปลอดภัยของเด็กน้อยก็เป็นสิ่งที่ต้องระวังเช่นกัน
“ลูกพี่ ลูกพี่...โว้ยยยยยยยยยยยย!!!”
“อะไรวะ ได้ยินแล้วววววววววววววววว!!”
“ลูกค้าที่นัดไว้มาแล้วคร้าบบบบ...รออยู่ที่ห้องรับรอง”
“เออ.....อออ เดี๋ยวกูตามไป!!!”
ขนย้ายกล่องไม้เป็นรอบสุดท้าย...แล้วอุ้มเด็กน้อยลงจากตักก่อนนำรถโฟคลิฟไปจอดไว้ที่เดิม มือหนากอบกุมมือของแฟนเด็กเดินมาพร้อมกันเพราะไม่อยากทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว บอกว่าจะดูแลก็จะทำอย่างที่พูดให้ได้ และการพาลูกค้าไปดูบ้านปลาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากเท่าตอนทำสัญญา การพาลูกค้าเข้ามาดูตัวอย่างตู้ปลาในโรงงานถือเป็นข้อตกลงอย่างหนึ่งในการทำสัญญา เพราะเมื่อนำไปติดตั้งมันจะได้ไม่เกิดปัญหาในเรื่องของการเปลี่ยนแบบ สิ่งที่ลูกค้าอยากได้มักจะยากเกินความเป็นจริง แต่จงอินก็จะทำให้ใกล้เคียงและเหมือนมากที่สุด ส่วนเรื่องของเงินมัดจำหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับตัวเงินมันก็จะเป็นหน้าที่ของพี่ชายต่างแม่
และเมื่อคนทั้งคู่...เดินมาถึงหน้าห้องรับรอง พวกเขาก็เห็นชานยอลนั่งคุยกับลูกค้าอยู่ด้านใน
“สวัสดีครับคุณจีมิน บริษัทบ้านปลายินดีต้อนรับครับ”
“สวัสดีค่ะคุณจงอิน เราไปกันได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ครับ....เชิญคุณจีมินทางนี้เลยครับ”
ชานยอลอาสาเป็นคนนำทางเพื่อพาลูกค้าไปยังแผนกที่ทำตู้ปลาโดยเฉพาะ ส่วนจงอินและแฟนเด็กก็เดินตามหลังกันมาเรื่อยๆ ตู้ปลาของลูกค้าถูกหลอมจนเป็นรูปร่างอย่างที่ต้องการและลูกค้ารายนี้ก็ต้องการติดตั้งตู้ปลาเป็นจำนวนสองตู้ ตู้แรกตั้งไว้ในห้องนอน ส่วนอีกตู้ตั้งไว้ที่ห้องรับแขก ลูกค้าเดินวนดูรอบๆตู้ปลาที่วางอยู่ตรงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่ามันใช่แบบเดียวกันกับที่เคยสั่งไว้หรือไม่ แต่สายตา...มันแทบไม่ได้สนใจรูปทรงหรือขนาดของบ้านปลาเลยสักนิด นอกจากชายร่างสูงที่มาต้อนรับลูกค้าเป็นคนแรก
“น้องปลาครับ...ไปอยู่กับพี่ดีกว่า ปล่อยให้จงอินกับพี่ชานยอลคุยงานกับลูกค้าไปก่อนนะ” กลัวว่าน้องจะซนและเพราะอากาศในแผนกนี้ค่อนข้างร้อน แบคฮยอนจึงเดินเข้ามาตามเด็กน้อยไปนั่งเล่นในออฟฟิศ รวมถึง...เกรงใจลูกค้า
“พี่จงอิน...หนูไปหาบยอนนี่นะฮะ” กระซิบขออนุญาตคนข้างกายแล้วรีบวิ่งไปหาพี่ชายคนโปรดทันที และที่ไปก็เพราะรู้สึกไม่ชอบลูกค้าคนนี้ บรรยากาศมันเหมือนพวกลูกค้าของเขาที่มักจะมาซื้อปลาในร้านเพียงเพราะอยากเห็นหน้าของคริส น้องปลาเกลียดคนแบบนี้สุด...พวกที่เห็นธุรกิจของเขาเป็นเรื่องสนุก
แล้วลูกค้าคนนี้...อยากได้ตู้ปลาหรืออยากได้สามีของบยอนนี่กันแน่!!!
"คุณชานยอลคะ...เราไปดูปะการังตรงนั้นดีกว่าค่ะ แล้วอันไหนคือแบบที่จะเอาไปใส่ในตู้ปลาของจีมินเหรอคะ?"
ทุกคนในโรงงาน...ต่างก็รู้สึกอึดอัดเช่นกันเพราะลูกค้าเริ่มเดินสะเปะสะปะไปทั่วทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของ จากที่ยืนดูตู้ปลาของตัวเอง...ตอนนี้เอาแต่เดินเข้าแผนกนั้นเดินออกแผนกนี้โดยไม่สนใจว่าใครกำลังทำงานกันอยู่บ้าง ส่วนผู้ที่เป็นลูกน้องก็ไม่สามารถเอ่ยห้ามอะไรได้เพราะขนาดคนที่เป็นเจ้าของโรงงานตัวจริงอย่างคิมจงอินก็ยังนิ่งเฉย ทุกๆคนจึงไม่กล้ามีปากมีเสียงหรือโต้แย้งใดใดกับลูกค้าคนนี้
คนเป็นภรรยา...ก็ใช่ว่าไม่รู้ เพราะลูกค้าเอาแต่ควงแขนสามีเดินไปเดินมาจนทั่วโรงงานไปหมด อยากเข้าไปพูดตรงๆ แต่ก็ไม่อยากเสียรายได้ ถึงแม้ในใจมันจะร้อนเหมือนถูกไฟสุ่มก็ตามที แต่ก็คิดว่า...จบงานนี้เมื่อไหร่ก็คงหายหงุดหงิดไปเอง และการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แบคฮยอน...ปรายตามองผู้เป็นสามีเพียงเล็กน้อย แล้วรีบจูงมือน้องปลาเดินออกมาจากโรงงานก่อนที่จะหมดความอดทน แต่!!!!เสียงพูดคุยที่ดูเหมือนสนิทสนมกันมากจนเกินงามก็พาลให้ใครบางคนต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
"ดูบ้านปลาเสร็จแล้ว ก็กลับไปสิฮะ!!!!"
ได้แต่อ้าปากค้างเมื่อได้ยินแบบนั้น...แถมเด็กน้อยที่เขาจูงมืออยู่เมื่อครู่ยังเข้าไปกระชากแขนของชานยอลออกจากเกาะกุมของลูกค้าแล้วเอาร่างอันแสนบอบบางยืนบังกายใหญ่ๆเอาไว้ ไม่ใช่เพียงแบคฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป เพราะตอนนี้ลูกน้องทุกคนโรงงานต่างก็พากันชะงักกับเสียงเจื้อยแจ้วที่ดังก้องไปทั่วทั้งบริษัทและเดินออกมาดูที่ต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น
“อย่ามายุ่งกับพี่ยอลนะฮะ หนูรู้...ว่าป้ากำลังคิดอะไร เป็นคนหรือปลิงทะเลกันแน่ เกาะอยู่นั่นแหละ!!?”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก...ทำไมพูดจาก้าวร้าวแบบนี้ล่ะ ไม่ดีเลยนะคะ...ไม่น่ารักเลย”
“คนที่คิดจะแย่งแฟนของคนอื่นก็นิสัยไม่ดีเหมือนกันนั่นแหละ ถ้าที่นี่เป็นร้านของหนูละก็...ป่านนี้ป้าถูกโยนออกไปนอกร้านแล่ว แบร่!!!”
ยืนเถียงกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง...แถมยังแลบลิ้นปลิ้นตาทำทะเล้นด้วยความรู้สึกหมั่นไส้อย่างอดไม่ได้ น้องปลาเจอลูกค้าแบบนี้มาเยอะ ทำไมเขาจะรู้ไม่ทันว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดจะทำอะไร และถ้าที่นี่เป็นร้านของเขา...เจ้าตัวก็แทบจะไม่ต้องเอ่ยเถียงอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียวเพราะทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้ามาป่วนในร้านด้วยวิธีแบบนี้ก็มักจะเป็นพี่เขยหรืออี้ชิงที่เป็นคนจัดการกับลูกค้าเจ้าปัญหา
คริส...ไม่เคยไว้หน้าใครทั้งนั้นไม่ว่าลูกค้าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็กหรือผู้ใหญ่เพราะสินค้าที่ขายมันเป็นสิ่งมีชีวิต เขารักปลาในร้านทุกตัวและอยากขายให้กับคนที่ต้องการพวกมันจริงๆเท่านั้น คริสไม่ชอบให้ใครเห็นธุรกิจภายในครอบครัวของเขาเป็นเรื่องล้อเล่นหรือเห็นเป็นเรื่องสนุกส่วนตัว เขามักจะตัดลูกค้าประเภทนี้ทิ้งไปทันทีโดยที่ไม่สนใจเรื่องมารยาทใดใดทั้งนั้น และเรื่องที่ให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งก็คือ...เรื่องความรู้สึกของคนในครอบครัว
ส่วนเรื่องตัวเงินหรือเชื่อเสียงของร้าน...คริสให้ความสำคัญมาเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามสถานการณ์ที่มันควรจะเป็น ทุกนาทีในการทำงานของคริสมีค่าเสมอ ถ้าลูกค้าคนไหนมาทำให้รู้สึกว่าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาจะรีบตัดบทการขายหรือการให้บริการทันดีโดยไม่หันกลับไปสนใจลูกค้าคนนั้นอีกเลย และสิ่งที่พี่เขยทำให้น้องเมียเห็นอยู่ทุกวันทั้งๆที่ไม่ได้สอน...มันก็ทำให้น้องปลาซึมซับการกระทำแบบนั้นไปโดยอัตโนมัติ
“ไอ้เด็กปากเสีย!!! ไปให้พ้นเลยนะ...ไม่งั้นโดนดีแน่!!”
“ไปอยู่แล้ว...ไม่ต้องมาไล่หรอก อยู่ตรงนี้นานๆแล้ว เหม็นปลิงทะเลเน่า แหวะ!!!!!!!”
“กรี๊ดดดดด.....ดดดดดดดดดด!! ไอ้เด็กบ้า ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!!!!!”
“ใครกันแน่ที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน พี่ยอลแต่งงานแล้ว ป้าก็ยังมากอดอยู่ได้...หน้าไม่อาย แล้วก็หยุดกรี๊ดๆ ๆ สักทีเถอะฮะ คนอื่นเขาเสียสมาธิในการทำงาน อ่อ...แล้วอีกอย่างนะฮะ ถ้าใครเอาปลาจากร้านของหนูไปไว้ที่บ้านของป้าคนนี้ล่ะก็ อย่าหาว่าหนูใจร้ายก็แล้วกัน จำไว้!!!!!!!”
(ฮิ้วววววววววววววววววววว...วู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!!!!!!)
สิ้นเสียงเจื้อยแจ้วที่ตำหนิลูกค้า...ก็ต่อด้วยเสียงโห่ร้องของลูกน้องในโรงงานที่รู้สึกพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันอึดอัดอยู่นานจนกระทั้งมีเด็กน้อยคนโปรดเข้ามาช่วยให้ความรู้สึกต่างๆมันคลี่คลาย ใครจะชอบหรือไม่ชอบพวกเขาไม่สนเพราะมันทนไม่ไหว ส่วนแบคฮยอนก็รีบพาน้องปลาเดินออกมาจากโรงงานทันทีเพราะเกรงว่าลูกค้าจะลงไม้ลงมือกับเด็ก
ตอนแรกลูกค้าก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเรื่องมาก...จนเมื่อได้พบกับชานยอลตอนที่นัดคุยงานกันครั้งแรก แล้วหลังจากนั้นลูกค้าก็เริ่มโทรมาขอเปลี่ยนแบบอยู่บ่อยๆและนัดคุยงานถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่นัดคุยงานก็มักจะระบุชื่อของชานยอลมาก่อนเสมอ ส่วนเจ้าตัวก็รู้ดีว่าลูกค้าคนนี้เริ่มคิดอะไรมากกว่าการอยากได้ตู้ปลา เพราะทุกครั้งที่เจอกัน...ลูกค้าก็มักจะถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้เสมอ ชานยอลไม่อยากถือสาและคิดไม่ต่างจากจงอิน "ความพึงพอใจของลูดค้ามาก่อนเสมอ"
ต่อให้ลูกค้าแก้ผ้าโชว์ต่อหน้า...ชานยอลก็ไม่คิดจะสนเพราะถ้าลูกค้าอยากได้ตู้ปลา คุณก็จะได้แค่ตู้ปลาและเขาก็ไม่ใช่ของแถม
“น้องปลาหยุดเดินก่อนครับ...มาคุยกับพี่ให้รู้เรื่องก่อน // เจ๊...เข้าบ้านไปก่อนปะ ผมขอคุยกับน้องแป้บนึง”
“มีอะไรเหรอฮะพี่จงอิน”
“น้องปลาโมโหอะไรครับ บอกพี่หน่อยได้มั้ย?”
“หนูไม่ชอบป้าคนนั้น ป้าจะมาแย่งพี่ยอลไปจากบยอนนี่”
“แต่น้องปลาก็ไม่ควรพูดจาแบบนั้นนะครับ...มันไม่น่ารักเลยรู้ไหม”
“ไม่น่ารักสำหรับคนอื่นหนูไม่แคร์หรอก แล้วป้าคนนั้นน่ารักมากเหรอไง ชิ!!!”
“เฮ้ออ...น้องปลายังเด็กนะครับ น้องปลายังไม่เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่”
“หนูเป็นเด็ก...แต่หนูก็มีหัวใจ มีความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่นะฮะ หนูรู้ว่าบยอนนี่กำลังเสียใจ แล้วถ้าหนูถูกผู้ชายคนอื่นกอดบ้างล่ะ พี่จงอินจะทนได้ไหมฮะ??”
“...........!!!?????”
เหมือนคนหูอื้อและเป็นใบ้ไปชั่วขณะ...เพราะสิ่งที่น้องปลาพูดออกมาทั้งหมดมันทำให้คนฟังไม่อาจหาคำไหนมาเอ่ยแย้ง มันเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา เป็นความใสซื่อและเป็นการเข้าอกเข้าใจคนอื่นเหลือเกิน เจ้าของบริษัทอย่างเขา...ทำตู้ปลามาเป็นร้อยเป็นพันแห่งและผ่านลูกค้ามาสารพัดรูปแบบ ทั้งเรื่องมาก เบี้ยวเงิน ยกเลิกงานกะทันหัน จงอินเจอมาแทบทุกประเภทและก็สามารถจัดการกับปัญหาต่างๆได้ดีมาโดยตลอด แต่พอมาเจอกับปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่...เขากลับทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง
คำพูดของเด็กน้อย...ยังคงวิ่งวนอยู่ในหัวและรู้สึกติดค้างอยู่ในใจ เขาต้องเปลี่ยนระบบในการทำงานใช่ไหม?? หรือต้องเห็นความสำคัญของคนในครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง?? การเอาใจลูกค้ามันทำให้คนเป็นพี่ชายเสียใจมากขนาดนั้นเลยหรือ??? ทุกๆคำถามพาให้สับสนไปหมด ปกติจงอินจะรับงานโดยไม่เกี่ยงเลยว่าลูกค้าจะต้องการอะไรเพราะยากแค่ไหนก็จะทำเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพียงฝ่ายเดียว หลายครั้ง...ที่ลูกน้องต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อทำบ้านปลาและโรงงานแห่งนี้ก็แทบจะไม่มีวันหยุดเลยสักวัน
แล้วอีกเรื่องที่อาจต้องปรับเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่นั่นก็คือ...เรื่องของปลา จงอินไม่เคยคิดว่าพวกสัตว์น้ำที่เขาซื้อมาจากร้านของแฟนเด็กมันจะได้รับการดูแลที่ดีจากลูกค้าของเขาหรือไม่เพราะเมื่องานทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ถือว่าเป็นอันจบ ปลาเคยตายบ้างไหม?? เจริญเติบโตไปถึงไหน?? เรื่องแบบนี้ไม่เคยอยู่ในหัวสมอง แต่วันนี้...เจ้าของบริษัทอย่างเขาคงต้องคิดทุกเรื่องให้รอบคอบกว่าเดิม เพราะต่อให้ทำบ้านปลาเก่งสักแค่ไหนและของตกแต่งมากมายจะเหมือนจริงเท่าใดก็คงจะสู้สัตว์น้ำทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้ พวกมันช่วยทำให้งานของเขาสมบูรณ์แบบมากขึ้น ถ้าปลาตายแล้วเหลือแต่ตู้ที่ว่างเปล่า งานของเขาก็คงเป็นแค่ขยะชิ้นใหญ่
คิมจงอินเข้าใจแล้ว...และเริ่มเข้าใจความรู้สึกของแฟนเด็กมากขึ้น
“ถ้ามีผู้ชายคนอื่นมากอดน้องปลาจริงๆพี่จะไปต่อยมัน ต่อยๆ ๆ ๆ....ต่อยให้ตายไปเลย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...แล้วถ้าหนูไปกอดผู้ชายคนอื่นล่ะฮะ พี่จงอินจะต่อยหนูไหม?”
“ไม่ต่อยหรอกครับ...แต่น้องปลาจะโดนจูบๆ ๆ ๆ ๆ....จูบให้เหนื่อยไปเลย”
ไม่เคยคิดเลยว่า...เด็กแบบน้องปลาจะสามารถทำให้เขาเปลี่ยนความคิดอะไรได้ในหลายๆเรื่อง ความใสซื่อ ความน่ารัก ความแสบซนและเป็นคนตรงไปตรงมาต่อความรู้สึกที่มีโดยไม่เสแสร้ง ทุกๆอย่างที่เป็นเด็กคนนี้มันทำให้จงอินรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก มีความเป็นเด็กตามวัย แต่ในบางมุมก็มีความเป็นผู้ใหญ่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรุ่นพี่คนสนิทอย่างอู๋อี้ฟานถึงได้ยอมแต่งงานทั้งๆที่ได้ฉายาคาสโนว่าแห่งคณะวิศวะฯ ถ้าอี้ชิงสามารถเอาชนะหัวใจของคริสได้...น้องปลาก็ทำสำเร็จแล้วเช่นกัน
ยิ่งได้รู้จัก...ก็ยิ่งรัก ยิ่งได้อยู่ใกล้...ก็ยิ่งหวงแหน ทั้งตัวและหัวใจของผู้ชายที่ชื่อคิมจงอินจะเป็นของน้องปลาเพียงคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง
“แน่จริงก็จับให้ได้สิฮะ ถ้าพี่จงอินจับได้...หนูยอมให้พี่จงอินจูบร้อยทีเลย แบร่!!”
“โดนแน่ๆเจ้าตัวแสบ มานี่เลยมาให้พี่จูบซะดีๆ”
“แบร่ๆ ๆ ๆ....แน่จริงก็ตามมาสิฮะ แก่แล้ววิ่งไม่ทันเหรออออ”
ปึ่กกกก!!!
“โอ๊ยยยยยย!!!!?”
“ใครจูบใครเหรอครับน้องปลา!”
“พี่คริสจ๋า!!? // เฮียยยย!!!!!”
บริษัท บ้านปลา
18.05 น.
การมาที่นี่ของรุ่นพี่คนสนิทโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า...กำลังทำให้บรรยากาศภายในบ้านต้องตกอยู่ในความตึงเครียด และตอนนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ความตึงเครียดมันยิ่งเพิ่มระดับมากขึ้นไปอีก ความเสียใจของพี่ชายคนโปรดทำให้แบคฮยอนต้องเก็บกระเป๋าแล้วเตรียมตัวไปนอนค้างที่บ้านของน้องปลา ส่วนการมาของคริส...ก็เพื่อรับน้องเมียกลับบ้านตามคำสั่งของภรรยาเท่านั้น นึกว่าจะได้อยู่กับอี้ชิงแบบสองต่อสองในช่วงวันหยุด แต่สุดท้ายความรับผิดชอบในการดูแลน้องปลาก็ต้องเป็นเขาอยู่ดี ใช่ว่าอยากผลักไสหน้าที่...แต่บางทีน้องปลาก็ชอบเข้ามาขัดจังหวะในยามวิกาล
(อารมณ์ค้างงงง...มันไม่ใช่เรื่องตลก)
ส่วนเรื่องใครจูบใคร...ก็ตกเป็นประเด็นรองไปในทันทีเมื่อน้องปลาอยากให้พี่ชายคนโปรดไปนอนด้วยกัน และเพราะอยากทำให้ใครบางคนเห็นความสำคัญของคนในครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง เด็กน้อยโกรธมาก...ที่ชานยอลปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้หญิงกอดแบบนั้นโดยไม่คิดจะหลีกเลี่ยงทั้งๆที่แต่งงานแล้ว มันหงุดหงิดจนพาลให้คู่รักต่างไซส์ของบริษัทบ้านปลาต้องแยกกันอยู่เป็นเวลาหนึ่งคืนหรือจนกว่าจะหายโกรธ
ตอนนี้...คนที่ดูน่าสงสารมากกว่าใครก็เห็นจะเป็นชานยอลเพราะเจ้าตัวไม่คิดว่าภรรยาจะไปนอนที่บ้านน้องปลาจริงๆ กระเป๋าเดินทางขนาดย่อมวางอยู่ตรงหน้า ส่วนคนที่พร้อมจะไปก็ช่างใจร้ายเหลือเกิน แบคฮยอนทราบดีว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องงานและไม่ได้โกรธผู้เป็นสามีเลยสักนิด แต่!!บางครั้งมันก็รู้สึกน้อยใจ นิสัยที่เป็นมิตรกับทุกอย่างในโลกใบนี้ของชานยอลมันทำให้เขาน้อยใจอยู่บ่อยครั้ง รู้ดีว่ารักกันมากแค่ไหนเพราะเขาก็รักมากเช่นกัน แต่ครั้งนี้ขอเถอะ...เผื่อนิสัยบางอย่างมันอาจปรับเปลี่ยนไปบ้าง
เด็กน้อย...นั่งพิงเบาะรถอย่างสบายใจเมื่อถึงเวลาเดินทางกลับและคิดว่าพรุ่งเช้าเขาจะพาแบคฮยอนลงไปเล่นในบ่อปลาหลังบ้านด้วยกัน โปรแกรมความสนุกของน้องปลายังมีอีกเยอะและหวังว่าตัวเองจะหายโกรธเร็วๆ ไม่อย่างนั้น...พี่ชายคนโปรดอาจจะต้องอยู่กับเขานานกว่าที่ตกลงกันไว้
“ตัวเองงงง...จะไปกับน้องปลาจริงๆเหรอ”
“จริง!! เก็บกระเป๋าขึ้นรถมาแล้วเนี่ย แบคล้อเล่นมั้ง?!!”
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ แล้วคืนนี้เค้าจะนอนกอดใครล่ะ?”
“อีช็อคโก้ไง...คืนนี้นอนกอดมันไปก่อนแล้วกัน แต่ทนเหม็นหน่อยนะเพราะมันยังไม่ได้อาบน้ำ”
“โธ่!!!!....น้องแบคจ๋าาาาาา น้องแบคคนดีของพี่ชานยอลลลลลล”
VROOM !!!
VROOM !!!!
VROOM !!!!!
เมื่อพาหนะคันใหญ่...ขับออกไปจากรั้วของบริษัทบ้านปลา ทั้งชานยอลและจงอินต่างก็ได้แต่มองตามด้วยความเศร้าใจ คืนนี้ไม่ได้มีคนถูกทิ้งเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นเพราะคนที่คิดว่าพรุ่งนี้จะได้ไปติดตั้งตู้ปลากับแฟนเด็กที่ต่างจังหวัดก็เป็นอันต้องฝันสลาย อ้อมกอดในการจากลาก็ไม่มี อยากจูบให้หายคิดถึงก็ทำไม่ได้ กำลังใจในการทำงานก็หมด และคืนนี้คิมจงอินก็คงต้องนอนกอดหมอนข้างเหมือนอย่างที่เคย แถมแม่ครัวประจำบ้านอย่างแบคฮยอนก็ไม่อยู่ แล้วใคร...จะทำอาหารให้พวกลูกน้อง
(ชีวิตแค่โดนทำร้ายยยยยยยยยยย T_T)
100%
น้องปลากลับมาแล้วนะคะ...ขอโทษด้วยจริงๆที่หายไปนาน
ในตอนนี้...ประเด็นของการขับรถโฟคลิฟ เราคิดขึ้นมาเพื่อเพิ่มอรรถรสในความบ้ากามของตัวเองล้วนๆ
ส่วนความเป็นจริง...มันไม่สามารถนั่งตักแล้วขับรถได้นะจ๊ะ
ขอบคุณที่ยังคงคิดถึงพี่จงอินกับแฟนเด็กของเขา
ขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกๆคอมเม้นท์ของนักอ่านคนทุกนะคะ
แล้วจะเข้ามาตรวจคำผิดเรื่อยๆค่ะ
รักน้องปลากันเยอะๆน้าาาาาาาา
#ฟิคน้องปลา
ความคิดเห็น