คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ห้า
5.
แป๊กกก!!
เป็นค่ำคืน...ที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี มือหนาเอื้อมตบสวิตช์โคมไฟเพื่อปิดเมื่อเริ่มมีแสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้อง และที่ต้องเปิดไฟไว้ตลอดทั้งคืนทั้งๆที่เคยพูดไว้ว่าเราต้องประหยัดก็เพราะเกรงว่าเด็กใบ้จะกลัวความมืด
กายหนาค่อยๆขยับเคลื่อนก่อนสะบัดผ้าห่มไปอีกทาง สองขาก้าวลงจากเตียงเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ แต่........
“อ้าววว...ตื่นแล้วเหรอ ฉันทำให้ตื่นหรือเปล่า?”
คิดว่าตัวเองทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง...ทั้งการปิดไฟ การขยับร่างกายออกจากผ้าห่ม การลุกออกจากที่นอน แต่สุดท้ายก็พาให้เด็กใบ้ตื่นไปด้วย เซฮุนลุกขึ้นนั่งในสภาพหัวฟู
แขนเสื้อข้างหนึ่งหลุดไหล่จนเผยให้เห็นผิวเนื้อเนียนขาวเพราะขนาดที่ไม่พอดีตัว
แล้วดวงตาคู่สวยก็ยังปรือปรอยเหมือนคนถูกปลุก เด็กใบ้ส่ายศีรษะเป็นคำตอบเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นพร้อมประกบสองมือเป็นรูปดอกไม้ก่อนกางออกและชี้นิ้วไปยังดวงอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่าง
แล้วท่าทางแบบนั้น...ก็ทำให้หนุ่มผิวเข้มต้องทายว่า เจ้าตัวตื่นเองเพราะมันเช้าแล้ว ช่างไคไม่ได้รบกวนอะไร
ปากหยักยกยิ้มก่อนลูบกลุ่มผมที่ชี้ฟูไม่เป็นทรงให้เข้ารูปเข้ารอย แขนเสื้อที่หลุดไหล่จนเผยให้เห็นผิวที่มันสว่างกว่าพระอาทิตย์ก็ถูกดึงให้เข้าทรง
ส่วนกางเกงที่เคยใช้เทปพันสายไฟรัดไว้ก็เริ่มคลายออกจากบางเอวบางเพราะมันไม่ใช่เทปแบบที่ใช้แพ็คกล่องลัง
“ฉันจะไปอาบน้ำ...เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน ถ้าเธอง่วงก็นอนต่อได้”
พยักหน้าหงึกๆ...ก่อนทิ้งตัวลงบนความนุ่มที่ไม่เคยนอนมาก่อน มันทั้งนุ่ม
ทั้งกว้าง ทั้งหอม แล้วมันก็ทำให้หลับโดยไม่ตื่นมาสะดุ้งกลางดึกเหมือนอย่างที่เคย เซฮุนจำได้ดีว่าที่นอนในห้องใต้ดินนั้นเป็นเช่นไร มันมีแค่ผ้าสองผืนที่ใช้ห่มกับใช้ปูนอน
หมอนที่เขาหนุนอยู่ตอนนี้ก็ยังนุ่มกว่าก้อนผ้าที่ยัดเศษนุ่นเก่าๆ...แล้วที่นี่ก็ไม่มีเสียงของการไขกุญแจเพื่อนำเด็กห้องข้างๆหรือห้องอื่นๆไปขายให้กับคนที่ต้องการ
ซึ่งเสียงของพวงกุญแจ...หรือเสียงของประตูที่ถูกเปิดปิดซ้ำๆก็เป็นสิ่งที่ทำให้เซฮุนกลัวมากที่สุดเพราะเขาไม่อยากถูกขาย
แต่!!..วันนั้นก็มาถึง
พวงกุญแจที่มีมากมายหลายดอกถูกไขเข้ามาในห้องใต้ดินก่อนมาไขที่ห้องของเขา การถูกลากไปตามทางเดิน การถูกอุ้มเหมือนหมูโดนเชือด การถูกจับอาบน้ำล้างคราบสกปรกก่อนแต่งตัวสวยๆเพื่อขายให้คนที่อยากได้และการพามาขึ้นรถเพื่อไปสถานที่ส่งของ ทุกๆอย่างยังคงเป็นภาพ เป็นการกระทำ
เป็นความเลวร้ายที่ทำให้เขาต้องหาทางหนี
จนกระทั่งวันนี้...เขาก็ได้มานอนอยู่กับช่างไคที่ปราสาทหลังใหญ่
มันช่างคุ้มค่า....ต่อการที่ต้องอดทนมานานหลายปี ต้องแสร้งใบ
แสร้งบ้า แสร้งทำเป็นคนไม่สมประกอบและหาทางหนีเพื่อให้ตัวเองยังอยู่รอด
อย่าคิดว่าการแจ้งตำรวจจะช่วยอะไรได้เพราะพวกที่ถูกจับมาขายจะไม่มีวันรู้เลยว่าใครเป็นคนของใคร ดาวตาคู่สวยหลับพริ้มแม้ในสมองยังคิดถึงแต่เรื่องเลวร้าย ใช่ว่าอยากจำ
แต่ยังลืมไม่ได้และเขาก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว ตอนนี้มันมีข้าวกิน มีที่ให้อาบน้ำ มีที่นอน
มีพัดลม มีไฟส่องสว่างและที่สำคัญกว่าทุกอย่างก็คือ...มีช่างไคที่แสนใจดี
แกร๊กกก!!!
เสียงเปิดประตูห้องน้ำ...พร้อมคนที่เดินออกมาด้านนอกทำให้ความคิดในเรื่องของอดีตต้องหยุดเอาไว้ชั่วคราว เซฮุนพลิกตัวเพื่อหันไปทางต้นเสียง
ดวงตาคู่สวยเปิดขึ้นเพื่อมองว่าช่างไคจะทำสิ่งใดต่อไป แต่!!ร่างกายที่แสนกำยำ หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นลูกคลื่น สีผิวเข้มๆและน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามสัดส่วน
ทุกอย่างที่เป็นช่างไคในเช้านี้พาลให้คนมองนิ่งไปเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง
ส่วนคนถูกมอง...ก็ไม่ได้สนใจว่าเด็กใบ้เป็นอะไร
ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่บนบ่ากว้างถูกดึงมาเช็ดผม
มืออีกข้างก็เปิดตู้เสื้อผ้าก่อนกวาดตามองหาชุดที่เหมาะแก่การทำงาน มันเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้ว ไคไม่เคยนำเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
พออาบน้ำเสร็จ...ก็นุ่งผ้าขนหนูผืนเดิมที่ใช้มานานห่อหุ้มส่วนล่างเอาไว้แล้วก็ออกมาแต่งตัวข้างนอก แต่!!เรื่องปกติของช่างไคกำลังทำให้ก้อนเนื้อด้านซ้ายของเด็กใบ้เต้นแรงผิดปกติ
เซฮุน...ดึงคอเสื้อจนกว้างก่อนก้มศีรษะลงเพื่อมองพุงของตัวเองสลับกับพุงของไค และมันก็ช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่กลับไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง เขาผิวขาว
ไม่มีกล้ามเนื้อ ตัวผอมบาง ใบหน้ามีกระ
ช่างไคผิวเข้ม ไหล่ใหญ่ แผ่นหลังกว้าง
ลำคอหนา
กำยำไปทุกส่วนและดูแข็งแรงสมเป็นเพศชาย
ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องมองคนตรงหน้าทำกิจวัตรประจำวันพร้อมคิดถึงความแตกต่างของสภาพร่างกาย จนกระทั่ง...เจ้าของปราสาทใส่เสื้อยืดสีดำ สวมยีนส์พอดีทรงและหวีผมจนความหล่อทะลุกระจก
“เซฮุน...เช้านี้เราต้องกินแค่ไข่ดาวกันไปก่อนนะ
เดี๋ยวฉันกลับมาจากทำงานเมื่อไหร่จะซื้อของสดมาเพิ่ม”
ได้สติ...เมื่อช่างไคเดินมานั่งลงบนเตียงก่อนพูดถึงเรื่องไข่ดาวและการซื้อของสด เซฮุนรีบพนักหน้าทันทีแล้วใช้นิ้วชี้มาที่ตัวเองตามด้วยทางไปห้องน้ำ ไคเข้าใจว่าเด็กใบ้ต้องการสื่ออะไร
เขาจึงจำเป็นต้องลุกออกเตียงอีกครั้งเพื่อไปหยิบเสื้อผ้าให้เซฮุน แต่!!เสื้อไม่ใช่เรื่องยาก
ที่ยากคือกางเกงเพราะไม่มีตัวไหนที่เด็กผอมบางขนาดนี้จะใส่ได้...และเทปพันสายไฟก็ต้องถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง
“เซฮุนฟังนะ....อาบน้ำเสร็จ ใส่เสื้อตัวนี้ออกมา
กางเกงก็ใส่...แต่จับไว้ให้แน่นแล้วเดินมาให้ฉันติดเทป ถ้าเข้าใจให้พยักหน้า”
เซฮุนเข้าใจ...และรีบคว้าเสื้อผ้ามาจากมือของช่างไคก่อนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวบนราวไม้และไปอาบน้ำ เป็นเวลาที่หนุ่มผิวเข้มเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเพราะเขาไม่รู้ว่าการพยักหน้าของเด็กใบ้มันหมายถึงความเข้าใจที่ตรงหรือเปล่า ไม่อยากให้เปลือยเหมือนเมื่อคืน ไม่อยากเห็นความขาวเนียนบ่อยเกินไป ไม่อยากหัวใจวายก่อนวัยอันควร...แล้วคำสั่งจะเป็นผลหรือไม่ก็ต้องมานั่งลุ้น
Rrrr!!!
Rrrr!!!
(ครับ...ช่างไคครับ)
ตั้งแต่ต้องมาอาศัยอยู่กับเด็กขี้กลัว...ช่างไคก็ต้องเปลี่ยนระบบในการใช้ชีวิตอีกหลายอย่าง
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการปิดเสียงโทรศัพท์และปรับมาเป็นระบบสั่น
เสียงครืดๆของเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่โต๊ะทำงานพาให้สองขาต้องเดินไปที่ต้นเสียงก่อนดึงสายชาร์ตออกและกดรับ
“สวัสดีค่ะช่างไค...ช่างจะมาถึงกี่โมงคะ?”
(ไม่เกินสิบโมงครับ...ผมอยู่ไม่ไกลมาก)
“กลัวช่างจะลืมค่ะ...เลยโทรมายืนยันไว้ก่อน”
(ไม่ลืมครับ...ใกล้ถึงเมื่อไหร่ผมจะโทรไปอีกครั้งนะครับ)
“ค่ะๆ
ๆ...ขอบคุณนะคะ”
<เชี่ยยย!!>
ดีที่วางสายไปแล้ว...แต่ที่ไม่ดีคือเด็กใบ้ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ที่ต้องสบถเพราะท่อนบนเปลือย ท่อนล่างห่อผ้าขนหนูเอาไว้ ผมเปียกลู่ปิดหน้าผากมน เดินยิ้มแฉ่งออกมาจากห้องน้ำ มือหนากำเครื่องมือสื่อสารแน่นเหมือนอยากระบายความรู้สึก ใช่ว่าโกรธ
แต่หัวใจมันจะวาย ยอดอกสีหวาน เอวบางคอดเล็ก
ขาวไปทุกสัดส่วน
เห็นแบบนี้แล้วใครจะไม่หัวใจวายบ้างล่ะ??
“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า..ฉันสั่งว่าอะไร หึ!!?”
และการที่เซฮุนชี้นิ้วมาที่หนุ่มผิวเข้ม...สลับกับชี้ตัวเองก่อนจะนำนิ้วชี้ของทั้งสองมือมาชิดกัน
ก็ทำให้ช่างไคเดาว่าเมื่อเช้าเขาก็ทำแบบนี้และเด็กใบ้ก็แค่ทำตาม
อาบน้ำเสร็จแล้วก็นุ่งผ้าขนหนูออกมาเหมือนกัน
สระผมเหมือนกันและกำลังใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ถึงมันจะไม่เท่เท่าช่างไคเพราะเขาไม่มีกล้ามแน่นๆกับหน้าท้องเป็นคลื่นๆก็คงไม่เป็นไร
“เดี๋ยวจะโดนตีนะ...”
ที่ขู่เพราะต้องข่มใจตัวเอง...แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเด็กใบ้ที่แสดงออกว่าดีใจที่ได้ทำเหมือนกัน ช่างไคก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ แบบนี้ใช่ไหม...ที่เขามักจะเรียกกันว่าเห็นผู้ใหญ่เป็นแบบอย่าง คิดว่าทำแล้วไม่ผิดก็เลยทำตาม คิดว่าถูกก็เลยทำบ้าง คิดว่าใช่ก็เลยไม่ยอมทำตามคำสั่ง เด็กหนอเด็ก...คิดอะไรเป็นเด็กไปหมด
“ยกเสื้อขึ้นแล้วจับกางเกงเอาไว้...ฉันจะติดเทป”
ขู่ไปก็ไม่กลัว...แถมยังต้องมาใส่เสื้อผ้าให้เด็กใบ้ ปากก็ออกค่ำสั่ง มือก็ดึงเทปสีดำและค่อยๆพันรอบเอวบาง กลัวจะรัดแน่น
กลัวว่าจะหนักมือ
กลัวว่าจะอึดอัด
ไคจึงต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
แล้วกลิ่นหอมๆที่ลอยออกมาจากตัวเด็กมันก็ช่างป่วนประสาทเขาเสียจริง เช้านี้...ไม่ต้องแดกแล้วมั้งข้าวไข่ดาว!!!?
(ช่างไคเป็นเคียดดดดดด!)
...
...
ปึ่กกก!!
“ของในตู้เย็นกินได้หมดเลยนะ...ไม่ต้องเก็บไว้เผื่อฉัน แล้วมื้อกลางวันจะทำอะไรกินก็ระวังไฟไหม้ด้วย”
ทานอาหารเช้าเรียบร้อย...ก็เดินมาสำรวจของในตู้เย็นว่ามีอะไรเหลือบ้าง ไข่ไก่ยังมี
ผลไม้ยังมี ผักหมดแล้ว นมเหลือกล่องสุดท้าย ส่วนขนมปังก็มีไม่พอให้เซฮุนกินในมื้อถัดไป
สายตาคมกวาดสำรวจของในตู้เย็นขนาดเล็กก่อนต้องออกไปงาน จานชามช้อนส้อมถูกเด็กใบ้ยกไปล้างในอ่างพร้อมกับกระทะที่เพิ่งใช้ทอดไข่ดาวกินเป็นมื้อเช้า
“ฉันไปก่อนนะ...แล้วก็อย่าซนเพราะเดี๋ยวจะได้แผลอีก ถ้ามีเสียงแปลกๆอนุญาตให้แอบได้ แต่ฉันกลับมาห้ามแอบเด็ดขาด ตกลงไหม?
เข้าใจพยักหน้า!?”
พยักหน้าจนผมปลิว...และรีบเช็ดไม้เช็ดมือที่เปียกจากการล้างจานก่อนเดินไปคว้ากล่องเครื่องมือของช่างไคมาถือไว้ เซฮุนอยากไปส่ง
แต่ขอส่งแค่ประตูหน้าบ้านเพราะไม่กล้าออกไปข้างนอก
และการกระทำแบบนี้ก็พาให้หนุ่มผิวเข้มคิดไปเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ มันเหมือนคนมีเมีย...แล้วเมียก็มาส่งผัวไปทำงาน ถ้ามีจุ๊บกันก่อนออกไปจากบ้านนี่ใช่เลย!!
เหมือนในละครไม่มีผิด...?!
“เซฮุนล็อคประตูเลยนะ...ส่วนฉันจะล็อคประตูรั้วใหญ่”
เป็นคำสั่ง...ที่ทำให้เด็กใบ้ต้องรีบส่ายศีรษะก่อนส่งกล่องเหล็กให้ช่างไคถือไว้ เซฮุนทำท่าทำทางเพื่อบอกให้เจ้าของปราสาทล็อคประตูจากทางด้านนอกให้หมด
และเขาก็จะไม่ล็อคจากด้านในเพราะเผื่อว่าแอบอยู่ตรงไหนแล้วเรียกไม่ได้ยินช่างไคจะเข้าบ้านได้
เซฮุนยอมถูกขังอีกครั้งหรือจะเป็นตลอดชีวิตก็ได้ถ้าคนที่ขังเขาคือช่างไค ปราสาทหลังใหญ่หลังนี้กลายเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขา เขายอมถูกขังอยู่ที่นี่มากกว่าที่ที่เคยจากมา
“งั้นฉันล็อคหมดเลยนะ...จะได้ไม่มีใครมาทำร้ายเซฮุน”
เหลือเพียงรั้วที่พัง...กับประตูที่มีช่องโหว่เท่านั้นที่ยังไม่ได้ซ่อม
ช่างไคจึงภาวนาว่าอย่าให้ใครเข้ามาทำร้ายเซฮุนในวันนี้เลยและเขาก็จะรีบกลับมาซ่อมทุกอย่างให้เร็วที่สุด จะไปทำงานก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่ไปทำงานก็ไม่ได้อีกเพราะลูกค้าโทรมาคอนเฟิร์มไว้ตั้งแต่เช้า
“ฉันไปนะ แล้วจะรีบกะ...กลับ!!!”
แรงกอดจากเด็กใบ้...ทำให้เสียงกล่าวลาขาดห้วง
สองมือน้อยๆโอบกายหนาก่อนซบหน้าอิงแอบบนไหล่กว้าง มือที่เคยถือกล่องเหล็กจนพะรุงพะรังรีบกอดตอบโดยอัตโนมัติ
ส่วนอีกมือก็ลูบหลังเซฮุนด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะเอ่ย
เกิดมาก็ไม่เคยต้องเป็นห่วงใครมากขนาดนี้มาก่อน เขาห่วงว่าคนในอ้อมกอดจะไม่ปลอดภัย ห่วงว่าจะอยู่คนเดียวได้ไหมและห่วงที่ต้องทำเหมือนขังเอาไว้เช่นนี้
“เดี๋ยวฉันไปทำงานสายน้าาา....”
คลายอ้อมกอด...ลูบกลุ่มผมสีเข้มก่อนจำเป็นต้องหันหลังและรีบปิดประตูบ้านด้วยเกรงว่าใจของตัวเองจะอ่อนแอ เสียงล็อคประตู เสียงรถที่สตาร์ทเครื่องยนต์
รวมถึงทุกๆเสียงที่เซฮุนได้ยินอยู่ในตอนนี้ก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกใจหายเช่นกัน เขาไม่ได้กลัวการอยู่คนเดียวเพราะมันชินแล้วตั้งแต่ถูกจับมาขังไว้ แต่ที่กลัวก็คือการสูญเสียสิ่งที่เคยมี เซฮุนรู้ว่าช่างไคแค่ออกไปทำงาน เขาไม่ได้จากไปไหน แต่ถึงอย่างนั้น...ใจลึกๆมันก็อดที่จะกลัวไม่ได้
(กลับมาเร็วๆนะ...)
เป็นประโยคแรก...ที่เด็กแสร้งใบ้ยอมพูดออกมาเพราะชีวิตที่เคยอยู่ตัวคนเดียวมันไม่อยากเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เขาคิดถึงช่างไค อยากอยู่กับช่างไค อยากเห็นหน้าช่างไคและถ้าในใจมันหายหวาดกลัวเมื่อไหร่...เขาก็ขอไปกับช่างไคทุกที่ไม่ว่าที่นั้นจะลำบากมากแค่ไหนก็ตาม
อยากมีความกล้ามากกว่านี้...แต่มันคงต้องใช้เวลาสักหน่อย?
พรึ่บบบ!!
เสียงสะบัดผ้า...ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว
ผ้าเช็ดเท้า
ทุกอย่างถูกสะบัดก่อนดึงให้ตึงและวางให้เป็นระเบียบ
เป็นเวลาบ่ายกว่าๆที่เขาต้องหากิจกรรมต่างๆทำเพื่อรอใครบางคนกลับบ้าน ซักผ้าก็แล้ว
จัดเตียงก็แล้ว กวาดห้องก็แล้ว แต่เหมือนเวลาจะเดินช้าเกินไป
จากชั้นสาม...เดินลงมาที่ชั้นสองและมื้อกลางวันก็คงต้องเป็นไข่ทอดตามเดิม ข้าวสวยถ้วยสุดท้ายถูกอุ่น ไข่ไก่ถูกหยิบออกมาจากตู้เย็น กระทะก็เป็นอย่างถัดไปที่ต้องเตรียม
บอกแล้วว่าเซฮุนเก่งเรื่องการจุดเตาโบราณแบบนี้ แค่มีฝืน
มีไฟ มีลมพัดอีกเล็กน้อย...ความร้อนที่สามารถทำให้มื้อกลางวันจบได้ก็เป็นอันเสร็จ มื้อเช้าไข่ดาว มื้อนี้ไข่เจียว ส่วนมื้อเย็นต้องรอช่างไคกลับมาก่อน
คิดถึงอีกแล้ว.... T^T
กินมื้อเที่ยงพร้อมน้ำตา...ต่อด้วยนมหนึ่งแก้วและขนมปังที่เหลืออยู่อีกสองแผ่น มือบางถือความอร่อยไว้เมื่อทาแยมเรียบร้อย ความเสียใจก็ถูกแทนที่ด้วยของโปรด สองขาเดินไปตามทางที่ปูด้วยก้อนหินและขอใช้เวลาที่มีไปกับการสำรวจปราสาท
ก่อนหน้านั้นยังไม่ได้สำรวจเท่าไหร่เพราะมัวแต่ช่วยช่างไคซ่อมหน้าต่าง ซ่อมไฟและอื่นๆอีกมากมาย เซฮุนเดินไปจนสุดทางของชั้นที่สี่แล้วเลี้ยวไปตามทางเรื่อยๆจนเจอ.....
“ (0_0 !!!!”
ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นห้องที่ถูกสร้างขึ้นด้วยกระจก ขนมปังทาแยมในมือ...ถูกยัดเข้าปากจนหมด ตรงหน้ามันเหมือนเป็นสวนอะไรสักอย่าง
ไม่สวนผักก็สวนดอกไม้เพราะมีเศษซากของมะเขือเทศที่แห้งเหี่ยวคาต้น กิ่งไม้ที่ใกล้ตายตรงนั้นก็น่าจะฟื้นถ้าได้น้ำ แสงแดดที่ส่องลงมาจากด้านบนเหมือนจะทำให้ร้อนแต่ก็ไม่ได้ร้อนถึงขนาดนั้น เซฮุนรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับห้องใหม่
สายตาก็กวาดมองเพื่อหาน้ำมารดต้นไม้ที่หวังว่าจะไม่ตายถ้าได้คนดูแล
และอีกฝั่งของห้อง...ก็มีบ่อน้ำเล็กๆหรือมีสิ่งที่เขาต้องการ
มือบางรีบหมุนแกนไม้เพื่อให้กระป๋องตกลงไปยังก้นบ่อ
แสงแดดที่สะท้อนความเคลื่อนไหวด้านล่างทำให้เซฮุนรู้ว่ามันมีน้ำเพียงพอต่อสวนแห่งนี้ แกนไม้ถูกหมุนอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้ต้องใช้แรงมากเป็นพิเศษเนื่องจากได้น้ำมาเต็มกระป๋อง
เป็นอีกครั้งที่ต้องใช้สายตากวาดมองเพื่อหาสิ่งที่สามารถจะพรวนดินได้
และ...มันก็อยู่ในแปลงของมะเขือเทศนั่นแหละ!!
ทั้งถังน้ำ...ทั้งการพรวนดินได้ถูกคนที่เคยทำสวนมาก่อนลงมือจัดการด้วยความชำนาญ เซฮุนขอช่วยต้นอะไรก็ไม่รู้เป็นอย่างแรกเพราะใบยังเป็นสีเขียว แต่แค่เหี่ยวเฉาเนื่องจากขาดน้ำ คงต้องรอให้ฟื้นหรือรอให้รอดจนออกผล
เซฮุนถึงจะรู้ว่ามันเป็นต้นอะไร...แต่ก็ขอรับรองด้วยเกียรติของชาวสวนว่ามันต้องเป็นต้นไม้ที่ให้ผลทานได้แน่นอน
ส่วนซากแห้งๆของต้นมะเขือเทศและต้นไม้ต้นอื่นๆคงต้องตัดใจถอนทิ้งเพราะต่อให้รดน้ำจนหมดบ่อมันก็ไม่ฟื้น
VROOMMMM!!!
สองมือ...ที่กำลังถอนต้นไม้ที่ตายแล้วทิ้งต้องหยุดชะงักเพราะเสียงรถที่ได้ยินอยู่ทางด้านนอกมันน่าสนใจมากกว่า ช่างไคกลับมาแล้ว บอกว่าจะรีบกลับก็รีบกลับจริงๆด้วย เซฮุนรีบปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากเสื้อผ้า สองขาวิ่งกลับไปทิศทางเดิมโดยไม่หลง นี่คือชั้นสี่
เดินออกสุดทาง
เลี้ยวซ้ายสุดทาง
เจอบันไดลงไปชั้นสาม
ชั้นสองและชั้นที่หนึ่ง
ยอมรับว่าเหนื่อยที่วิ่งมาเช่นนี้...แล้วก็ดีใจด้วยที่ช่างไคกลับมา
แต่.....!!!!!!
“นายเป็นใคร...แล้วเข้ามาได้ยังไง เฮ้ยยยยยย!!อย่าหนีนะเว้ย!!!”
คนตรงหน้า...ไม่ใช่ผู้ที่อยากเจอ
แถมยังใส่ชุดตำรวจและตะโกนจนสุดเสียงเพื่อถามว่าเขาเป็นใครหรือจะอีกหลายๆประโยคที่พูดออกมาเสียงดังจนทำให้ตกใจ ตอนนี้เซฮุนอยู่ไม่ได้แล้วเพราะเขาคิดผิด เขาต้องวิ่ง
เขาต้องหาที่ซ่อน
แล้วสองขาก็วิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย
สมองเร่งประมวลผลว่าควรไปแอบที่ไหน
ชั้นแรกไม่ได้ ชั้นสองก็ไม่มีที่แอบ ชั้นสามเป็นห้องนอนและมันก็คงต้องเป็นชั้นที่สี่ แต่!!...เด็กอายุเท่านี้ ตัวเท่านี้
แรงเท่านี้
จะไปสู้คนในเครื่องแบบได้อย่างไร
“กูถามว่ามึงเป็นใคร!!!?”
เด็กตัวขาว...ถูกนายตำรวจหนุ่มคว้าตัวไว้ก่อนจะขึ้นไปถึงชั้นสาม มันรวดเร็ว
มันว่องไวและแรงดิ้นขัดขืนก็ใกล้จะหมดเต็มที คนโดนจับตัวไม่อยากถูกส่งกลับไปอยู่ที่เดิมอีกแล้ว ห้องแคบๆ
ห้องมืดๆแล้วก็มีแต่คนใจร้าย
มือบางตบตีไปตามร่างกายที่สูงใหญ่
ข่วนได้ข่วน กัดได้กัด ทำอะไรแล้วจะหลุดพ้นก็ขอสู้ให้สุดชีวิต
“โอ๊ยยย!!...”
และการถูกกัดเข้าที่มือ...หรือถูกข่วนใบหน้าที่ใครใครก็ว่าหล่อเหลามันก็พาลให้รู้สึกแสบไปหมด
นายตำรวจใหญ่พยายามใช้กำลังที่มีเพื่อรวบตัวคนแปลกหน้าเอาไว้ สองแขนเร่งโอบรัดร่างกายที่เล็กกว่า แต่ก็เหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่สิ้นฤทธิ์
“ปล่อยนะ...ปล่อยผม
ผมเจ็บบบบ!!!”
จำเป็น...ต้องเอ่ยประโยคที่สองหลังจากที่แสร้งใบ้มานานเพราะขืนยังเงียบหรือไม่ทำอะไรสักอย่าง
ร่างกายของเขาก็คงต้องแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และเมื่อพูดได้ การเป็นใบ้ก็ไร้ประโยชน์ แถมแรงก็เริ่มหมดลงไปทุกที
เซฮุนจึงต้องใช้ปากกัดข้อมือของผู้ที่มีอาชีพที่น่ากลัวจนสุดแรง
“ซี้ดดด...อ๊ากกกก!!!”
แกร๊กกก!!
“เซฮุนนน!!!!!”
“ช่างไคช่วยด้วยยยยย!!!”
และมัน...ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ช่างไคกลับมาพอดี ประตูรั้วที่ถูกไขกุญแจ พาหนะสีดำคันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านใน เสียงร้องโวยวาย เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
ทุกๆอย่างที่เจ้าของปราสาทรู้สึกผิดสังเกตมาตั้งแต่แรกก็พาให้สองขาต้องรีบเข้ามาในบ้านก่อนวิ่งตามไปที่ต้นเสียง และที่สำคัญ!!!...เสียงอ้อนวอนจากเด็กใบ้ก็ยิ่งทำให้ต้องเร่งฝีเท้า
“ชานยอล...ปล่อยเด็กกู!!!”
“ฮือออออ....”
ก่อนออกไปทำงาน...เขาถูกกอดด้วยความอาลัย
แต่ตอนนี้...มันเหมือนถูกกอดเพื่อหาที่พึ่ง
เซฮุนวิ่งเข้ามากอดช่างไคทันทีเมื่อหลุดพ้นจากมือของนายตำรวจ กายน้อยๆสั่นเป็นลูกนกตกน้ำ ใบหน้าเรียวสวยเปียกปอนไปด้วยความเสียใจ แววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เรื่องการเป็นใบ้หรือการถูกหลอกว่าเจ้าตัวพูดไม่ได้ยังไม่ใช่ประเด็นที่ต้องถามในตอนนี้เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า
“มึงมาได้ไงวะ!?”
“แล้วเด็กนี่มันเป็นใคร....มึงรู้จักด้วยเหรอ?”
“มึงตอบกูมาก่อนนน!!”
ปาร์คชานยอล...หรือเพื่อนเพียงคนเดียวของไครู้สึกหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่เมื่อได้ยินเจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังออกอาการหงุดหงิดเช่นกัน ความหัวเสียจึงต้องพักเอาไว้และต้องรีบตอบคำถามก่อนที่เพื่อนผิวเข้มจะอาละวาดจนปราสาทพัง
“พอดีมีคนเจอศพใกล้ๆบ้านมึง...กูเลยลงมาตรวจพื้นที่ กะจะแวะเข้ามาถามมึงว่าเห็นอะไรผิดสังเกตบ้างหรือเปล่า แต่บ้านมึงล็อค...กูเลยไขกุญแจเข้ามา”
“ไอ้เหี้ยยย!!...แล้วทำไมไม่โทรมาก่อนวะ เด็กกูตกใจหมด”
ใช่ว่าชานยอลจะเป็นเพื่อนอย่างเดียว...แต่พ่อของมันยังเป็นทนาย เป็นผู้จัดการมรดกของตระกูลที่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ได้ใช้นามสกุล
แล้วปราสาทหลังนี้ก็มีเขากับชานยอลเท่านั้นที่มีกุญแจ
หนุ่มผิวเข้มยังคงโอบกอดเด็กแสร้งใบ้เอาไว้ในอ้อมอกเพราะทราบดีว่าอาชีพของเพื่อนสนิทคือสิ่งที่เซฮุนกลัวมากที่สุด
“แล้วมึงกลับมายังไง...กูไม่ได้ยินเสียงรถเลย?”
“รถเสีย...กูนั่งแท็กซี่กลับมาเนี่ย เหนื่อยชิบหาย!!”
ยอมรับว่าเหนื่อย...เพราะซ่อมหน้าต่างให้ลูกค้าเสร็จก็รีบขับรถไปห้างสรรพสินค้า
แต่พอจะกลับรถกระบะเก่าๆของเขาก็สตาร์ทไม่ติด รถเสีย
อารมณ์เสียและยังต้องมาหัวเสียกับเพื่อนที่มาโดยไม่บอกไม่กล่าวอีก จากรั้วปราสาทจนเดินเข้ามาถึงหน้าประตูก็โคตรจะไกล แล้วระหว่างทางก็มีตำรวจเยอะแยะไปหมด
ไคเห็นแล้วว่ามีเจ้าหน้าที่เดินอยู่ในถนนเส้นหลักจนเกือบเข้ามาในเขตพื้นที่ของเขา...และไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่นายหนึ่งก็คือชานยอล
“ไปคุยต่อที่ห้อง
// เซฮุนมากับฉัน...ไม่ต้องกลัวนะ คนนี้เป็นตำรวจดี เค้าเป็นเพื่อนฉันเอง”
“เด็กมึงกัดดู...เจ็บฉิบหายเลย”
“สมน้ำหน้า”
จำเป็นต้องอุ้ม...เพราะดูเหมือนเด็กตัวขาวจะหมดแรง ขนาดบอกว่าใครเป็นใคร แนะนำเป็นอย่างดีและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ แต่เซฮุนก็ไม่ยอมสบตาและเอาแต่กอดเขาอยู่อย่างนั้น ส่วนของมากมายที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตก็คงต้องทิ้งไว้ที่หน้าประตูก่อน
“นั่งเลยไอ้ไค...กูขอสอบปากคำมึงหน่อย”
ปึ่กกก!!!
เจ้าของเสียงทุ้มต่ำ...ที่ออกคำสั่งกับช่างไคถูกหมอนใบโตคว้างใส่โดยฝีมือของเด็กตัวขาว เซฮุนเกลียดตำรวจ อย่ามาขึ้นเสียงกับเจ้าของปราสาท มีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่ง มือหนึ่งปาหมอน
อีกมือก็กอดไคไว้แน่นเพราะใจลึกๆมันก็ยังกลัวคนในเครื่องแบบ เซฮุนถูกพามานั่งบนเตียง
สองขาสองแขนคล้องเกี่ยวทั้งเอวหนาและลำคอแกร่งเอาไว้
“เซฮุนไม่ทำแบบนี้...ไม่น่ารัก ชานยอลเป็นเพื่อนฉัน เค้าเป็นคนดี...ไม่ต้องกลัว”
“ไม่ดี...ตำรวจไม่มีดี”
แต่มันดี...ที่ตอนนี้เด็กเคยใบ้ยอมเอ่ยปากพูด ถึงแม้จะคอยแอบอยู่ข้างหลังก็ตามที
แต่เสียงหวานๆนั้นก็ทำให้คนฟังอย่างไคยิ้มได้ เซฮุนคงมีเหตุผลที่ต้องแกล้งเป็นใบ้ เขาจึงไม่อยากคาดคั้นเอาความจริงอะไรตอนนี้ ทุกคนล้วนมีเหตุผลส่วนตัว มีเหตุจำเป็นและมีเหตุให้ต้องโกหก สารภาพจากใจเลยว่าไม่โกรธ...แต่ก็ใช่ว่าไม่ค้างคาใจ
“กูอยากจะตีเด็กมึงสักที!!”
“ช่างไคช่วยด้วย....”
(พอเลยชานยอล...เด็กกูมันกลัวตำรวจ มึงก็ชอบแกล้งจัง จะสอบปากคำอะไรก็ว่ามา)
คำพูดเหมือนจะเป็นทางการ...ทั้งๆที่การสอบปากคำก็คือนั่งกอดเด็กตัวขาวไปพร้อมๆกับการตอบคำถามของเพื่อนสนิท
รักคนในเครื่องแบบก็ตอนนี้เพราะมันทำให้เขาได้กอดใครบางคนนานขึ้นอีกหน่อย ใบหน้าเรียวสวยที่อิงซบอยู่บนแผ่นหลัง สองมือน้อยๆที่กอดเอวสอบเอาไว้แน่น
และลมหายใจที่เปารดจนรู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่าน ทุกๆอย่างทำให้ช่างไคต้องยิ้มไปด้วยและตอบคำถามของชานยอลไปด้วย
เกาะกันเป็นลูกลิงเลยนะเจ้าเด็กคนนี้!!
“สองวันมานี่มึงเห็นใครแปลกๆผ่านมาแถวนี้บ้างไหม?”
“แปลกสุดก็คนที่อยู่ข้างหลังกูนี่ไง...เห็นบอกว่ามีคนจะทำร้ายก็เลยวิ่งเข้าหลบในปราสาท”
“แล้วมีใครอีกไหมนอกจากเด็กมึง?”
“ไม่มีแล้วนะ...ทุกอย่างก็ปกติดี แล้วสรุปมึงเจอศพใคร?”
“เป็นผู้หญิง...อายุไม่เกิน 20 ผมยาวสีแดง
ใส่เดรสสีแดง
แต่ตายเพราะอะไรต้องรอผลชันสูตร”
“..........??”
มือบาง...ที่โอบรอบเอวของช่างไคถูกรัดแน่นขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนถูกกอดรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไคพยายามพลิกกายเพื่อแกะมือของเซฮุนออก แต่ยิ่งทำแบบนั้น แรงกระชับที่เอวก็ยิ่งแน่นขึ้น เรื่องแสร้งใบ้ยังไม่อยากคาดคั้น แต่เรื่องคอคาดบาดตายเช่นนี้...เห็นทีจะปล่อยไว้ไม่ได้
“เซฮุน...ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครเอาตัวเซฮุนไปได้แน่นอนฉันสัญญา แต่เซฮุนต้องบอกฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพื่อนฉันจะได้จับคนเลวมาลงโทษไง พวกนั้นจะได้ไม่กลับมาทำร้ายเซฮุนอีก”
“เบอร์7...ฮึกก!!”
“คนตายเหรอเซฮุน...แล้วเค้ามีชื่อไหม?”
“ไม่มี...คนตายเบอร์
7 นี่เบอร์9...ฮึกก! ถูกจับมาด้วยกัน ฮึก! กินยาตาย”
ทางออกสำหรับบางคนไม่ใช่การวิ่งหนี...แต่ยอมตายเพื่อจบปัญหาที่อาจไม่มีทางแก้ไข
เซฮุนไม่รู้ว่าผู้หญิงเบอร์เจ็ดเอายาพิษมาจากไหน รู้อีกทีก็นอนน้ำลายฟูมปากอยู่ในรถบรรทุก แล้วคนอื่นๆที่มาด้วยกันก็ร้องโวยวายจนคนใจร้ายต้องมาเปิดท้ายรถเพื่อเช็คสินค้า
แล้วการตายของเบอร์เจ็ด...ก็ทำให้เบอร์เก้าอย่างเขาได้ชีวิตใหม่
มันเป็นกฎ...ที่ห้ามนำศพใส่ท้ายรถไปพร้อมกับสินค้าชั้นดีและหญิงเบอร์ 7 ก็ต้องถูกทิ้งเอาไว้กลางทาง!!
“ละ...แล้ว”
“พอก่อนชานยอล...แค่นี้เซฮุนก็ไม่ไหวแล้ว”
คนในเครื่องแบบ...แทบจะไม่ได้สอบปากคำ
ทุกอย่างถูกเพื่อนผิวเข้มถามไปจนหมด และพอเขาอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็กลับถูกห้ามด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง ชานยอลมองการกระทำของเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะการโอบกอดที่แสนอ่อนโยน การปลอบประโลมที่แสนจะทะนุถนอม ทั้งการลูบผม
ลูบหลัง เช็ดน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้มเนียน ทุกการกระทำที่เห็นอยู่ตรงหน้า...มันพาลให้ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“ไม่เป็นไรเซฮุน...เก่งแล้ว เก่งแล้ว
ไม่ต้องร้องนะ”
(วันนี้พอก่อนก็ได้...แต่ยังไงกูก็ต้องการข้อมูลเพิ่มจากเด็กของมึง)
“รู้แล้วน่ะ...มึงกลับไปก่อนไป!!”
เออดี...คนเป็นเจ้าหน้าที่ถูกไล่
แต่พยานปากเอกกลับถูกกอดเอาไว้เหมือนกลัวหาย
ชานยอลส่ายศีรษะด้วยความเพลียใจเพราะถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนสนิท ป่านนี้คงถูกลากไปสอบปากคำต่อที่ สน.
และเด็กตัวขาวนั้นก็คงถูกกันไว้เป็นพยานคนสำคัญ
“พรุ่งนี้กูจะมาใหม่...แล้วกูก็ต้องได้ข้อมูลด้วยเพราะมันเป็นคดีสะเทือนขวัญ”
“จะมาก็โทรมาบอกก่อน...อย่าทำแบบนี้อีก กูเป็นเจ้าของบ้าน แล้วเด็กมันก็กลัว”
“เออๆๆๆ...”
ไคทราบดี...ว่าหน้าที่การงานของเพื่อนหรือคดีที่เกิดขึ้นใกล้ๆเขตของเขามันสำคัญแค่ไหน แต่คนให้ปากคำก็สำคัญเช่นกัน เซฮุนกลัวตำรวจมาก เด็กคนนี้ไม่เคยไว้ใจเจ้าหน้าที่เลยสักคนเพราะบาดแผลบางแห่งบนร่างกายมันเกิดจากการถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่ ไคไม่ขอสนใจเพื่อนที่เดินออกไปจากห้อง
และเสียงสตาร์ทรถที่ได้ยินไกลออกไปเรื่อยๆก็ทำให้รู้ว่าชานยอลกลับไปแล้ว การปลอบขวัญเด็กขี้กลัวอาจเนินนานจนไม่รู้เวลาที่สิ้นสุด หลังจากนี้มันจะมีอะไรที่ทำให้เซฮุนต้องแอบต้องซ่อนอีกหรือไม่ และเขาจะเข้ามาปกป้องได้ทันอย่างวันนี้หรือเปล่า???
คิดไม่ตก...คิดไม่ออกและไม่อยากคิดเลยว่าคนที่เคยถูกใส่นัมเบอร์เหมือนเป็นสินค้ามันน่าหดหู่มากเพียงไร
U_U
100%
Cr.
ภาพในตอนที่ห้า : aclotheshorse.co.uk
Talk.
คุณตำรวจอย่าตีน้องงงงงงงงงง!!!
แล้วก็อย่าโกรธเด็กแกล้งใบ้เลยนะคะ...คุณแม่ขอร้อง T^T )
ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆค่ะ...และฝากให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ( ^3^
รัก ♥
#KHhide
ความคิดเห็น