ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว(EXO) HIDE (Kaihun)

    ลำดับตอนที่ #5 : ห้า

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 64




    5.

     

     

    แป๊กกก!!

     

                เป็นค่ำคืน...ที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี  มือหนาเอื้อมตบสวิตช์โคมไฟเพื่อปิดเมื่อเริ่มมีแสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้อง  และที่ต้องเปิดไฟไว้ตลอดทั้งคืนทั้งๆที่เคยพูดไว้ว่าเราต้องประหยัดก็เพราะเกรงว่าเด็กใบ้จะกลัวความมืด  กายหนาค่อยๆขยับเคลื่อนก่อนสะบัดผ้าห่มไปอีกทาง  สองขาก้าวลงจากเตียงเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ  แต่........

     

                “อ้าววว...ตื่นแล้วเหรอ  ฉันทำให้ตื่นหรือเปล่า?”

     

                คิดว่าตัวเองทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง...ทั้งการปิดไฟ  การขยับร่างกายออกจากผ้าห่ม  การลุกออกจากที่นอน  แต่สุดท้ายก็พาให้เด็กใบ้ตื่นไปด้วย  เซฮุนลุกขึ้นนั่งในสภาพหัวฟู  แขนเสื้อข้างหนึ่งหลุดไหล่จนเผยให้เห็นผิวเนื้อเนียนขาวเพราะขนาดที่ไม่พอดีตัว  แล้วดวงตาคู่สวยก็ยังปรือปรอยเหมือนคนถูกปลุก  เด็กใบ้ส่ายศีรษะเป็นคำตอบเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นพร้อมประกบสองมือเป็นรูปดอกไม้ก่อนกางออกและชี้นิ้วไปยังดวงอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่าง 

     

     

                แล้วท่าทางแบบนั้น...ก็ทำให้หนุ่มผิวเข้มต้องทายว่า  เจ้าตัวตื่นเองเพราะมันเช้าแล้ว  ช่างไคไม่ได้รบกวนอะไร  ปากหยักยกยิ้มก่อนลูบกลุ่มผมที่ชี้ฟูไม่เป็นทรงให้เข้ารูปเข้ารอย  แขนเสื้อที่หลุดไหล่จนเผยให้เห็นผิวที่มันสว่างกว่าพระอาทิตย์ก็ถูกดึงให้เข้าทรง  ส่วนกางเกงที่เคยใช้เทปพันสายไฟรัดไว้ก็เริ่มคลายออกจากบางเอวบางเพราะมันไม่ใช่เทปแบบที่ใช้แพ็คกล่องลัง

     

                “ฉันจะไปอาบน้ำ...เดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน  ถ้าเธอง่วงก็นอนต่อได้”

     

                พยักหน้าหงึกๆ...ก่อนทิ้งตัวลงบนความนุ่มที่ไม่เคยนอนมาก่อน  มันทั้งนุ่ม  ทั้งกว้าง  ทั้งหอม  แล้วมันก็ทำให้หลับโดยไม่ตื่นมาสะดุ้งกลางดึกเหมือนอย่างที่เคย  เซฮุนจำได้ดีว่าที่นอนในห้องใต้ดินนั้นเป็นเช่นไร  มันมีแค่ผ้าสองผืนที่ใช้ห่มกับใช้ปูนอน  หมอนที่เขาหนุนอยู่ตอนนี้ก็ยังนุ่มกว่าก้อนผ้าที่ยัดเศษนุ่นเก่าๆ...แล้วที่นี่ก็ไม่มีเสียงของการไขกุญแจเพื่อนำเด็กห้องข้างๆหรือห้องอื่นๆไปขายให้กับคนที่ต้องการ

     

    ซึ่งเสียงของพวงกุญแจ...หรือเสียงของประตูที่ถูกเปิดปิดซ้ำๆก็เป็นสิ่งที่ทำให้เซฮุนกลัวมากที่สุดเพราะเขาไม่อยากถูกขาย

     

                แต่!!..วันนั้นก็มาถึง  พวงกุญแจที่มีมากมายหลายดอกถูกไขเข้ามาในห้องใต้ดินก่อนมาไขที่ห้องของเขา  การถูกลากไปตามทางเดิน  การถูกอุ้มเหมือนหมูโดนเชือด  การถูกจับอาบน้ำล้างคราบสกปรกก่อนแต่งตัวสวยๆเพื่อขายให้คนที่อยากได้และการพามาขึ้นรถเพื่อไปสถานที่ส่งของ  ทุกๆอย่างยังคงเป็นภาพ  เป็นการกระทำ  เป็นความเลวร้ายที่ทำให้เขาต้องหาทางหนี  จนกระทั่งวันนี้...เขาก็ได้มานอนอยู่กับช่างไคที่ปราสาทหลังใหญ่

     

     

                มันช่างคุ้มค่า....ต่อการที่ต้องอดทนมานานหลายปี  ต้องแสร้งใบ  แสร้งบ้า  แสร้งทำเป็นคนไม่สมประกอบและหาทางหนีเพื่อให้ตัวเองยังอยู่รอด  อย่าคิดว่าการแจ้งตำรวจจะช่วยอะไรได้เพราะพวกที่ถูกจับมาขายจะไม่มีวันรู้เลยว่าใครเป็นคนของใคร  ดาวตาคู่สวยหลับพริ้มแม้ในสมองยังคิดถึงแต่เรื่องเลวร้าย  ใช่ว่าอยากจำ  แต่ยังลืมไม่ได้และเขาก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว  ตอนนี้มันมีข้าวกิน  มีที่ให้อาบน้ำ  มีที่นอน  มีพัดลม  มีไฟส่องสว่างและที่สำคัญกว่าทุกอย่างก็คือ...มีช่างไคที่แสนใจดี

     

    แกร๊กกก!!!

     

                เสียงเปิดประตูห้องน้ำ...พร้อมคนที่เดินออกมาด้านนอกทำให้ความคิดในเรื่องของอดีตต้องหยุดเอาไว้ชั่วคราว  เซฮุนพลิกตัวเพื่อหันไปทางต้นเสียง  ดวงตาคู่สวยเปิดขึ้นเพื่อมองว่าช่างไคจะทำสิ่งใดต่อไป  แต่!!ร่างกายที่แสนกำยำ  หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นลูกคลื่น  สีผิวเข้มๆและน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามสัดส่วน  ทุกอย่างที่เป็นช่างไคในเช้านี้พาลให้คนมองนิ่งไปเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง

     

     

                ส่วนคนถูกมอง...ก็ไม่ได้สนใจว่าเด็กใบ้เป็นอะไร  ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่บนบ่ากว้างถูกดึงมาเช็ดผม  มืออีกข้างก็เปิดตู้เสื้อผ้าก่อนกวาดตามองหาชุดที่เหมาะแก่การทำงาน  มันเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้ว  ไคไม่เคยนำเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ  พออาบน้ำเสร็จ...ก็นุ่งผ้าขนหนูผืนเดิมที่ใช้มานานห่อหุ้มส่วนล่างเอาไว้แล้วก็ออกมาแต่งตัวข้างนอก  แต่!!เรื่องปกติของช่างไคกำลังทำให้ก้อนเนื้อด้านซ้ายของเด็กใบ้เต้นแรงผิดปกติ

     

     

                เซฮุน...ดึงคอเสื้อจนกว้างก่อนก้มศีรษะลงเพื่อมองพุงของตัวเองสลับกับพุงของไค  และมันก็ช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน  เป็นผู้ชายเหมือนกัน  แต่กลับไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง  เขาผิวขาว  ไม่มีกล้ามเนื้อ  ตัวผอมบาง  ใบหน้ามีกระ  ช่างไคผิวเข้ม  ไหล่ใหญ่  แผ่นหลังกว้าง  ลำคอหนา  กำยำไปทุกส่วนและดูแข็งแรงสมเป็นเพศชาย  ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องมองคนตรงหน้าทำกิจวัตรประจำวันพร้อมคิดถึงความแตกต่างของสภาพร่างกาย  จนกระทั่ง...เจ้าของปราสาทใส่เสื้อยืดสีดำ  สวมยีนส์พอดีทรงและหวีผมจนความหล่อทะลุกระจก

     

                “เซฮุน...เช้านี้เราต้องกินแค่ไข่ดาวกันไปก่อนนะ  เดี๋ยวฉันกลับมาจากทำงานเมื่อไหร่จะซื้อของสดมาเพิ่ม”

     

                ได้สติ...เมื่อช่างไคเดินมานั่งลงบนเตียงก่อนพูดถึงเรื่องไข่ดาวและการซื้อของสด  เซฮุนรีบพนักหน้าทันทีแล้วใช้นิ้วชี้มาที่ตัวเองตามด้วยทางไปห้องน้ำ  ไคเข้าใจว่าเด็กใบ้ต้องการสื่ออะไร  เขาจึงจำเป็นต้องลุกออกเตียงอีกครั้งเพื่อไปหยิบเสื้อผ้าให้เซฮุน  แต่!!เสื้อไม่ใช่เรื่องยาก  ที่ยากคือกางเกงเพราะไม่มีตัวไหนที่เด็กผอมบางขนาดนี้จะใส่ได้...และเทปพันสายไฟก็ต้องถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง

     

                “เซฮุนฟังนะ....อาบน้ำเสร็จ  ใส่เสื้อตัวนี้ออกมา  กางเกงก็ใส่...แต่จับไว้ให้แน่นแล้วเดินมาให้ฉันติดเทป  ถ้าเข้าใจให้พยักหน้า”

     

                เซฮุนเข้าใจ...และรีบคว้าเสื้อผ้ามาจากมือของช่างไคก่อนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวบนราวไม้และไปอาบน้ำ  เป็นเวลาที่หนุ่มผิวเข้มเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเพราะเขาไม่รู้ว่าการพยักหน้าของเด็กใบ้มันหมายถึงความเข้าใจที่ตรงหรือเปล่า  ไม่อยากให้เปลือยเหมือนเมื่อคืน  ไม่อยากเห็นความขาวเนียนบ่อยเกินไป  ไม่อยากหัวใจวายก่อนวัยอันควร...แล้วคำสั่งจะเป็นผลหรือไม่ก็ต้องมานั่งลุ้น

     

    Rrrr!!!

    Rrrr!!!

     

                (ครับ...ช่างไคครับ)

     

                ตั้งแต่ต้องมาอาศัยอยู่กับเด็กขี้กลัว...ช่างไคก็ต้องเปลี่ยนระบบในการใช้ชีวิตอีกหลายอย่าง  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการปิดเสียงโทรศัพท์และปรับมาเป็นระบบสั่น  เสียงครืดๆของเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่โต๊ะทำงานพาให้สองขาต้องเดินไปที่ต้นเสียงก่อนดึงสายชาร์ตออกและกดรับ

     

                “สวัสดีค่ะช่างไค...ช่างจะมาถึงกี่โมงคะ?”

     

                (ไม่เกินสิบโมงครับ...ผมอยู่ไม่ไกลมาก)

     

                “กลัวช่างจะลืมค่ะ...เลยโทรมายืนยันไว้ก่อน”

     

                (ไม่ลืมครับ...ใกล้ถึงเมื่อไหร่ผมจะโทรไปอีกครั้งนะครับ)

     

                “ค่ะๆ ๆ...ขอบคุณนะคะ”

     

                <เชี่ยยย!!>

               

                ดีที่วางสายไปแล้ว...แต่ที่ไม่ดีคือเด็กใบ้ไม่ยอมทำตามคำสั่ง  ที่ต้องสบถเพราะท่อนบนเปลือย  ท่อนล่างห่อผ้าขนหนูเอาไว้  ผมเปียกลู่ปิดหน้าผากมน  เดินยิ้มแฉ่งออกมาจากห้องน้ำ  มือหนากำเครื่องมือสื่อสารแน่นเหมือนอยากระบายความรู้สึก  ใช่ว่าโกรธ  แต่หัวใจมันจะวาย  ยอดอกสีหวาน  เอวบางคอดเล็ก  ขาวไปทุกสัดส่วน  เห็นแบบนี้แล้วใครจะไม่หัวใจวายบ้างล่ะ??

     

                “ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า..ฉันสั่งว่าอะไร  หึ!!?”

     

                และการที่เซฮุนชี้นิ้วมาที่หนุ่มผิวเข้ม...สลับกับชี้ตัวเองก่อนจะนำนิ้วชี้ของทั้งสองมือมาชิดกัน  ก็ทำให้ช่างไคเดาว่าเมื่อเช้าเขาก็ทำแบบนี้และเด็กใบ้ก็แค่ทำตาม  อาบน้ำเสร็จแล้วก็นุ่งผ้าขนหนูออกมาเหมือนกัน  สระผมเหมือนกันและกำลังใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน  ถึงมันจะไม่เท่เท่าช่างไคเพราะเขาไม่มีกล้ามแน่นๆกับหน้าท้องเป็นคลื่นๆก็คงไม่เป็นไร 

     

                “เดี๋ยวจะโดนตีนะ...”

     

                ที่ขู่เพราะต้องข่มใจตัวเอง...แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเด็กใบ้ที่แสดงออกว่าดีใจที่ได้ทำเหมือนกัน  ช่างไคก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้  แบบนี้ใช่ไหม...ที่เขามักจะเรียกกันว่าเห็นผู้ใหญ่เป็นแบบอย่าง  คิดว่าทำแล้วไม่ผิดก็เลยทำตาม  คิดว่าถูกก็เลยทำบ้าง  คิดว่าใช่ก็เลยไม่ยอมทำตามคำสั่ง  เด็กหนอเด็ก...คิดอะไรเป็นเด็กไปหมด

     

                “ยกเสื้อขึ้นแล้วจับกางเกงเอาไว้...ฉันจะติดเทป”

     

                ขู่ไปก็ไม่กลัว...แถมยังต้องมาใส่เสื้อผ้าให้เด็กใบ้  ปากก็ออกค่ำสั่ง  มือก็ดึงเทปสีดำและค่อยๆพันรอบเอวบาง  กลัวจะรัดแน่น  กลัวว่าจะหนักมือ  กลัวว่าจะอึดอัด  ไคจึงต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง  แล้วกลิ่นหอมๆที่ลอยออกมาจากตัวเด็กมันก็ช่างป่วนประสาทเขาเสียจริง  เช้านี้...ไม่ต้องแดกแล้วมั้งข้าวไข่ดาว!!!?

     

    (ช่างไคเป็นเคียดดดดดด!)

     

    ...

     

     

    ...

     

    ปึ่กกก!!

     

                “ของในตู้เย็นกินได้หมดเลยนะ...ไม่ต้องเก็บไว้เผื่อฉัน  แล้วมื้อกลางวันจะทำอะไรกินก็ระวังไฟไหม้ด้วย”

     

                ทานอาหารเช้าเรียบร้อย...ก็เดินมาสำรวจของในตู้เย็นว่ามีอะไรเหลือบ้าง  ไข่ไก่ยังมี  ผลไม้ยังมี  ผักหมดแล้ว  นมเหลือกล่องสุดท้าย  ส่วนขนมปังก็มีไม่พอให้เซฮุนกินในมื้อถัดไป  สายตาคมกวาดสำรวจของในตู้เย็นขนาดเล็กก่อนต้องออกไปงาน  จานชามช้อนส้อมถูกเด็กใบ้ยกไปล้างในอ่างพร้อมกับกระทะที่เพิ่งใช้ทอดไข่ดาวกินเป็นมื้อเช้า

     

                “ฉันไปก่อนนะ...แล้วก็อย่าซนเพราะเดี๋ยวจะได้แผลอีก  ถ้ามีเสียงแปลกๆอนุญาตให้แอบได้  แต่ฉันกลับมาห้ามแอบเด็ดขาด  ตกลงไหม?  เข้าใจพยักหน้า!?”

     

                พยักหน้าจนผมปลิว...และรีบเช็ดไม้เช็ดมือที่เปียกจากการล้างจานก่อนเดินไปคว้ากล่องเครื่องมือของช่างไคมาถือไว้  เซฮุนอยากไปส่ง  แต่ขอส่งแค่ประตูหน้าบ้านเพราะไม่กล้าออกไปข้างนอก  และการกระทำแบบนี้ก็พาให้หนุ่มผิวเข้มคิดไปเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ  มันเหมือนคนมีเมีย...แล้วเมียก็มาส่งผัวไปทำงาน  ถ้ามีจุ๊บกันก่อนออกไปจากบ้านนี่ใช่เลย!! 

     

    เหมือนในละครไม่มีผิด...?!

     

                “เซฮุนล็อคประตูเลยนะ...ส่วนฉันจะล็อคประตูรั้วใหญ่”

     

                เป็นคำสั่ง...ที่ทำให้เด็กใบ้ต้องรีบส่ายศีรษะก่อนส่งกล่องเหล็กให้ช่างไคถือไว้  เซฮุนทำท่าทำทางเพื่อบอกให้เจ้าของปราสาทล็อคประตูจากทางด้านนอกให้หมด  และเขาก็จะไม่ล็อคจากด้านในเพราะเผื่อว่าแอบอยู่ตรงไหนแล้วเรียกไม่ได้ยินช่างไคจะเข้าบ้านได้  เซฮุนยอมถูกขังอีกครั้งหรือจะเป็นตลอดชีวิตก็ได้ถ้าคนที่ขังเขาคือช่างไค  ปราสาทหลังใหญ่หลังนี้กลายเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขา  เขายอมถูกขังอยู่ที่นี่มากกว่าที่ที่เคยจากมา

     

                “งั้นฉันล็อคหมดเลยนะ...จะได้ไม่มีใครมาทำร้ายเซฮุน”

     

                เหลือเพียงรั้วที่พัง...กับประตูที่มีช่องโหว่เท่านั้นที่ยังไม่ได้ซ่อม  ช่างไคจึงภาวนาว่าอย่าให้ใครเข้ามาทำร้ายเซฮุนในวันนี้เลยและเขาก็จะรีบกลับมาซ่อมทุกอย่างให้เร็วที่สุด  จะไปทำงานก็อดเป็นห่วงไม่ได้  ไม่ไปทำงานก็ไม่ได้อีกเพราะลูกค้าโทรมาคอนเฟิร์มไว้ตั้งแต่เช้า

     

                “ฉันไปนะ  แล้วจะรีบกะ...กลับ!!!

     

                แรงกอดจากเด็กใบ้...ทำให้เสียงกล่าวลาขาดห้วง  สองมือน้อยๆโอบกายหนาก่อนซบหน้าอิงแอบบนไหล่กว้าง  มือที่เคยถือกล่องเหล็กจนพะรุงพะรังรีบกอดตอบโดยอัตโนมัติ  ส่วนอีกมือก็ลูบหลังเซฮุนด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะเอ่ย  เกิดมาก็ไม่เคยต้องเป็นห่วงใครมากขนาดนี้มาก่อน  เขาห่วงว่าคนในอ้อมกอดจะไม่ปลอดภัย  ห่วงว่าจะอยู่คนเดียวได้ไหมและห่วงที่ต้องทำเหมือนขังเอาไว้เช่นนี้

     

                “เดี๋ยวฉันไปทำงานสายน้าาา....”

     

                คลายอ้อมกอด...ลูบกลุ่มผมสีเข้มก่อนจำเป็นต้องหันหลังและรีบปิดประตูบ้านด้วยเกรงว่าใจของตัวเองจะอ่อนแอ  เสียงล็อคประตู  เสียงรถที่สตาร์ทเครื่องยนต์  รวมถึงทุกๆเสียงที่เซฮุนได้ยินอยู่ในตอนนี้ก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกใจหายเช่นกัน  เขาไม่ได้กลัวการอยู่คนเดียวเพราะมันชินแล้วตั้งแต่ถูกจับมาขังไว้  แต่ที่กลัวก็คือการสูญเสียสิ่งที่เคยมี  เซฮุนรู้ว่าช่างไคแค่ออกไปทำงาน  เขาไม่ได้จากไปไหน  แต่ถึงอย่างนั้น...ใจลึกๆมันก็อดที่จะกลัวไม่ได้ 

     

                (กลับมาเร็วๆนะ...)

     

                เป็นประโยคแรก...ที่เด็กแสร้งใบ้ยอมพูดออกมาเพราะชีวิตที่เคยอยู่ตัวคนเดียวมันไม่อยากเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว  เขาคิดถึงช่างไค  อยากอยู่กับช่างไค  อยากเห็นหน้าช่างไคและถ้าในใจมันหายหวาดกลัวเมื่อไหร่...เขาก็ขอไปกับช่างไคทุกที่ไม่ว่าที่นั้นจะลำบากมากแค่ไหนก็ตาม

     

    อยากมีความกล้ามากกว่านี้...แต่มันคงต้องใช้เวลาสักหน่อย?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    พรึ่บบบ!!

     

                เสียงสะบัดผ้า...ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม  ผ้าเช็ดตัว  ผ้าเช็ดเท้า  ทุกอย่างถูกสะบัดก่อนดึงให้ตึงและวางให้เป็นระเบียบ  เป็นเวลาบ่ายกว่าๆที่เขาต้องหากิจกรรมต่างๆทำเพื่อรอใครบางคนกลับบ้าน  ซักผ้าก็แล้ว  จัดเตียงก็แล้ว  กวาดห้องก็แล้ว  แต่เหมือนเวลาจะเดินช้าเกินไป 

     

     

                จากชั้นสาม...เดินลงมาที่ชั้นสองและมื้อกลางวันก็คงต้องเป็นไข่ทอดตามเดิม  ข้าวสวยถ้วยสุดท้ายถูกอุ่น  ไข่ไก่ถูกหยิบออกมาจากตู้เย็น  กระทะก็เป็นอย่างถัดไปที่ต้องเตรียม  บอกแล้วว่าเซฮุนเก่งเรื่องการจุดเตาโบราณแบบนี้  แค่มีฝืน  มีไฟ  มีลมพัดอีกเล็กน้อย...ความร้อนที่สามารถทำให้มื้อกลางวันจบได้ก็เป็นอันเสร็จ  มื้อเช้าไข่ดาว  มื้อนี้ไข่เจียว  ส่วนมื้อเย็นต้องรอช่างไคกลับมาก่อน

     

    คิดถึงอีกแล้ว.... T^T

     

                กินมื้อเที่ยงพร้อมน้ำตา...ต่อด้วยนมหนึ่งแก้วและขนมปังที่เหลืออยู่อีกสองแผ่น  มือบางถือความอร่อยไว้เมื่อทาแยมเรียบร้อย  ความเสียใจก็ถูกแทนที่ด้วยของโปรด  สองขาเดินไปตามทางที่ปูด้วยก้อนหินและขอใช้เวลาที่มีไปกับการสำรวจปราสาท  ก่อนหน้านั้นยังไม่ได้สำรวจเท่าไหร่เพราะมัวแต่ช่วยช่างไคซ่อมหน้าต่าง  ซ่อมไฟและอื่นๆอีกมากมาย  เซฮุนเดินไปจนสุดทางของชั้นที่สี่แล้วเลี้ยวไปตามทางเรื่อยๆจนเจอ.....

     

                “ (0_0 !!!!

     

                ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นห้องที่ถูกสร้างขึ้นด้วยกระจก  ขนมปังทาแยมในมือ...ถูกยัดเข้าปากจนหมด  ตรงหน้ามันเหมือนเป็นสวนอะไรสักอย่าง  ไม่สวนผักก็สวนดอกไม้เพราะมีเศษซากของมะเขือเทศที่แห้งเหี่ยวคาต้น  กิ่งไม้ที่ใกล้ตายตรงนั้นก็น่าจะฟื้นถ้าได้น้ำ  แสงแดดที่ส่องลงมาจากด้านบนเหมือนจะทำให้ร้อนแต่ก็ไม่ได้ร้อนถึงขนาดนั้น  เซฮุนรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับห้องใหม่  สายตาก็กวาดมองเพื่อหาน้ำมารดต้นไม้ที่หวังว่าจะไม่ตายถ้าได้คนดูแล 

     

     

                และอีกฝั่งของห้อง...ก็มีบ่อน้ำเล็กๆหรือมีสิ่งที่เขาต้องการ  มือบางรีบหมุนแกนไม้เพื่อให้กระป๋องตกลงไปยังก้นบ่อ  แสงแดดที่สะท้อนความเคลื่อนไหวด้านล่างทำให้เซฮุนรู้ว่ามันมีน้ำเพียงพอต่อสวนแห่งนี้  แกนไม้ถูกหมุนอีกครั้ง...แต่ครั้งนี้ต้องใช้แรงมากเป็นพิเศษเนื่องจากได้น้ำมาเต็มกระป๋อง  เป็นอีกครั้งที่ต้องใช้สายตากวาดมองเพื่อหาสิ่งที่สามารถจะพรวนดินได้

     

    และ...มันก็อยู่ในแปลงของมะเขือเทศนั่นแหละ!!

     

                ทั้งถังน้ำ...ทั้งการพรวนดินได้ถูกคนที่เคยทำสวนมาก่อนลงมือจัดการด้วยความชำนาญ  เซฮุนขอช่วยต้นอะไรก็ไม่รู้เป็นอย่างแรกเพราะใบยังเป็นสีเขียว  แต่แค่เหี่ยวเฉาเนื่องจากขาดน้ำ  คงต้องรอให้ฟื้นหรือรอให้รอดจนออกผล  เซฮุนถึงจะรู้ว่ามันเป็นต้นอะไร...แต่ก็ขอรับรองด้วยเกียรติของชาวสวนว่ามันต้องเป็นต้นไม้ที่ให้ผลทานได้แน่นอน  ส่วนซากแห้งๆของต้นมะเขือเทศและต้นไม้ต้นอื่นๆคงต้องตัดใจถอนทิ้งเพราะต่อให้รดน้ำจนหมดบ่อมันก็ไม่ฟื้น

     

    VROOMMMM!!!

     

                สองมือ...ที่กำลังถอนต้นไม้ที่ตายแล้วทิ้งต้องหยุดชะงักเพราะเสียงรถที่ได้ยินอยู่ทางด้านนอกมันน่าสนใจมากกว่า  ช่างไคกลับมาแล้ว  บอกว่าจะรีบกลับก็รีบกลับจริงๆด้วย  เซฮุนรีบปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากเสื้อผ้า  สองขาวิ่งกลับไปทิศทางเดิมโดยไม่หลง  นี่คือชั้นสี่  เดินออกสุดทาง  เลี้ยวซ้ายสุดทาง  เจอบันไดลงไปชั้นสาม  ชั้นสองและชั้นที่หนึ่ง  ยอมรับว่าเหนื่อยที่วิ่งมาเช่นนี้...แล้วก็ดีใจด้วยที่ช่างไคกลับมา

     

    แต่.....!!!!!!

     

                “นายเป็นใคร...แล้วเข้ามาได้ยังไง  เฮ้ยยยยยย!!อย่าหนีนะเว้ย!!!

     

                คนตรงหน้า...ไม่ใช่ผู้ที่อยากเจอ  แถมยังใส่ชุดตำรวจและตะโกนจนสุดเสียงเพื่อถามว่าเขาเป็นใครหรือจะอีกหลายๆประโยคที่พูดออกมาเสียงดังจนทำให้ตกใจ  ตอนนี้เซฮุนอยู่ไม่ได้แล้วเพราะเขาคิดผิด  เขาต้องวิ่ง  เขาต้องหาที่ซ่อน  แล้วสองขาก็วิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย  สมองเร่งประมวลผลว่าควรไปแอบที่ไหน  ชั้นแรกไม่ได้  ชั้นสองก็ไม่มีที่แอบ  ชั้นสามเป็นห้องนอนและมันก็คงต้องเป็นชั้นที่สี่  แต่!!...เด็กอายุเท่านี้  ตัวเท่านี้  แรงเท่านี้  จะไปสู้คนในเครื่องแบบได้อย่างไร

     

                “กูถามว่ามึงเป็นใคร!!!?”

     

                เด็กตัวขาว...ถูกนายตำรวจหนุ่มคว้าตัวไว้ก่อนจะขึ้นไปถึงชั้นสาม  มันรวดเร็ว  มันว่องไวและแรงดิ้นขัดขืนก็ใกล้จะหมดเต็มที  คนโดนจับตัวไม่อยากถูกส่งกลับไปอยู่ที่เดิมอีกแล้ว  ห้องแคบๆ  ห้องมืดๆแล้วก็มีแต่คนใจร้าย  มือบางตบตีไปตามร่างกายที่สูงใหญ่  ข่วนได้ข่วน  กัดได้กัด  ทำอะไรแล้วจะหลุดพ้นก็ขอสู้ให้สุดชีวิต 

     

                “โอ๊ยยย!!...”

     

                และการถูกกัดเข้าที่มือ...หรือถูกข่วนใบหน้าที่ใครใครก็ว่าหล่อเหลามันก็พาลให้รู้สึกแสบไปหมด  นายตำรวจใหญ่พยายามใช้กำลังที่มีเพื่อรวบตัวคนแปลกหน้าเอาไว้  สองแขนเร่งโอบรัดร่างกายที่เล็กกว่า  แต่ก็เหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่สิ้นฤทธิ์

     

                “ปล่อยนะ...ปล่อยผม  ผมเจ็บบบบ!!!

     

                จำเป็น...ต้องเอ่ยประโยคที่สองหลังจากที่แสร้งใบ้มานานเพราะขืนยังเงียบหรือไม่ทำอะไรสักอย่าง  ร่างกายของเขาก็คงต้องแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  และเมื่อพูดได้  การเป็นใบ้ก็ไร้ประโยชน์  แถมแรงก็เริ่มหมดลงไปทุกที  เซฮุนจึงต้องใช้ปากกัดข้อมือของผู้ที่มีอาชีพที่น่ากลัวจนสุดแรง

     

                “ซี้ดดด...อ๊ากกกก!!!

     

    แกร๊กกก!!

     

                “เซฮุนนน!!!!!

     

                “ช่างไคช่วยด้วยยยยย!!!

     

                และมัน...ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ช่างไคกลับมาพอดี  ประตูรั้วที่ถูกไขกุญแจ  พาหนะสีดำคันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านใน  เสียงร้องโวยวาย  เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด  ทุกๆอย่างที่เจ้าของปราสาทรู้สึกผิดสังเกตมาตั้งแต่แรกก็พาให้สองขาต้องรีบเข้ามาในบ้านก่อนวิ่งตามไปที่ต้นเสียง  และที่สำคัญ!!!...เสียงอ้อนวอนจากเด็กใบ้ก็ยิ่งทำให้ต้องเร่งฝีเท้า

     

                ชานยอล...ปล่อยเด็กกู!!!

     

                “ฮือออออ....”

     

                ก่อนออกไปทำงาน...เขาถูกกอดด้วยความอาลัย  แต่ตอนนี้...มันเหมือนถูกกอดเพื่อหาที่พึ่ง  เซฮุนวิ่งเข้ามากอดช่างไคทันทีเมื่อหลุดพ้นจากมือของนายตำรวจ  กายน้อยๆสั่นเป็นลูกนกตกน้ำ  ใบหน้าเรียวสวยเปียกปอนไปด้วยความเสียใจ  แววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว  เรื่องการเป็นใบ้หรือการถูกหลอกว่าเจ้าตัวพูดไม่ได้ยังไม่ใช่ประเด็นที่ต้องถามในตอนนี้เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า

     

                “มึงมาได้ไงวะ!?”

     

                “แล้วเด็กนี่มันเป็นใคร....มึงรู้จักด้วยเหรอ?”

     

                “มึงตอบกูมาก่อนนน!!

     

                ปาร์คชานยอล...หรือเพื่อนเพียงคนเดียวของไครู้สึกหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้น  แต่เมื่อได้ยินเจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังออกอาการหงุดหงิดเช่นกัน  ความหัวเสียจึงต้องพักเอาไว้และต้องรีบตอบคำถามก่อนที่เพื่อนผิวเข้มจะอาละวาดจนปราสาทพัง

     

                “พอดีมีคนเจอศพใกล้ๆบ้านมึง...กูเลยลงมาตรวจพื้นที่  กะจะแวะเข้ามาถามมึงว่าเห็นอะไรผิดสังเกตบ้างหรือเปล่า  แต่บ้านมึงล็อค...กูเลยไขกุญแจเข้ามา”

     

                “ไอ้เหี้ยยย!!...แล้วทำไมไม่โทรมาก่อนวะ  เด็กกูตกใจหมด”

     

                ใช่ว่าชานยอลจะเป็นเพื่อนอย่างเดียว...แต่พ่อของมันยังเป็นทนาย  เป็นผู้จัดการมรดกของตระกูลที่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ได้ใช้นามสกุล  แล้วปราสาทหลังนี้ก็มีเขากับชานยอลเท่านั้นที่มีกุญแจ  หนุ่มผิวเข้มยังคงโอบกอดเด็กแสร้งใบ้เอาไว้ในอ้อมอกเพราะทราบดีว่าอาชีพของเพื่อนสนิทคือสิ่งที่เซฮุนกลัวมากที่สุด

     

                “แล้วมึงกลับมายังไง...กูไม่ได้ยินเสียงรถเลย?”

     

                “รถเสีย...กูนั่งแท็กซี่กลับมาเนี่ย  เหนื่อยชิบหาย!!

     

                ยอมรับว่าเหนื่อย...เพราะซ่อมหน้าต่างให้ลูกค้าเสร็จก็รีบขับรถไปห้างสรรพสินค้า  แต่พอจะกลับรถกระบะเก่าๆของเขาก็สตาร์ทไม่ติด  รถเสีย  อารมณ์เสียและยังต้องมาหัวเสียกับเพื่อนที่มาโดยไม่บอกไม่กล่าวอีก  จากรั้วปราสาทจนเดินเข้ามาถึงหน้าประตูก็โคตรจะไกล  แล้วระหว่างทางก็มีตำรวจเยอะแยะไปหมด  ไคเห็นแล้วว่ามีเจ้าหน้าที่เดินอยู่ในถนนเส้นหลักจนเกือบเข้ามาในเขตพื้นที่ของเขา...และไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่นายหนึ่งก็คือชานยอล

     

                “ไปคุยต่อที่ห้อง //  เซฮุนมากับฉัน...ไม่ต้องกลัวนะ  คนนี้เป็นตำรวจดี  เค้าเป็นเพื่อนฉันเอง”

     

                “เด็กมึงกัดดู...เจ็บฉิบหายเลย”

     

                “สมน้ำหน้า”

     

                จำเป็นต้องอุ้ม...เพราะดูเหมือนเด็กตัวขาวจะหมดแรง  ขนาดบอกว่าใครเป็นใคร  แนะนำเป็นอย่างดีและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ  แต่เซฮุนก็ไม่ยอมสบตาและเอาแต่กอดเขาอยู่อย่างนั้น  ส่วนของมากมายที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตก็คงต้องทิ้งไว้ที่หน้าประตูก่อน

     

                “นั่งเลยไอ้ไค...กูขอสอบปากคำมึงหน่อย”

     

    ปึ่กกก!!!

     

                เจ้าของเสียงทุ้มต่ำ...ที่ออกคำสั่งกับช่างไคถูกหมอนใบโตคว้างใส่โดยฝีมือของเด็กตัวขาว  เซฮุนเกลียดตำรวจ  อย่ามาขึ้นเสียงกับเจ้าของปราสาท  มีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่ง  มือหนึ่งปาหมอน  อีกมือก็กอดไคไว้แน่นเพราะใจลึกๆมันก็ยังกลัวคนในเครื่องแบบ  เซฮุนถูกพามานั่งบนเตียง  สองขาสองแขนคล้องเกี่ยวทั้งเอวหนาและลำคอแกร่งเอาไว้

     

                “เซฮุนไม่ทำแบบนี้...ไม่น่ารัก  ชานยอลเป็นเพื่อนฉัน  เค้าเป็นคนดี...ไม่ต้องกลัว”

     

                “ไม่ดี...ตำรวจไม่มีดี”

     

                แต่มันดี...ที่ตอนนี้เด็กเคยใบ้ยอมเอ่ยปากพูด  ถึงแม้จะคอยแอบอยู่ข้างหลังก็ตามที  แต่เสียงหวานๆนั้นก็ทำให้คนฟังอย่างไคยิ้มได้  เซฮุนคงมีเหตุผลที่ต้องแกล้งเป็นใบ้  เขาจึงไม่อยากคาดคั้นเอาความจริงอะไรตอนนี้  ทุกคนล้วนมีเหตุผลส่วนตัว  มีเหตุจำเป็นและมีเหตุให้ต้องโกหก  สารภาพจากใจเลยว่าไม่โกรธ...แต่ก็ใช่ว่าไม่ค้างคาใจ

     

                “กูอยากจะตีเด็กมึงสักที!!

     

                “ช่างไคช่วยด้วย....”

     

                (พอเลยชานยอล...เด็กกูมันกลัวตำรวจ  มึงก็ชอบแกล้งจัง  จะสอบปากคำอะไรก็ว่ามา)

     

                คำพูดเหมือนจะเป็นทางการ...ทั้งๆที่การสอบปากคำก็คือนั่งกอดเด็กตัวขาวไปพร้อมๆกับการตอบคำถามของเพื่อนสนิท  รักคนในเครื่องแบบก็ตอนนี้เพราะมันทำให้เขาได้กอดใครบางคนนานขึ้นอีกหน่อย  ใบหน้าเรียวสวยที่อิงซบอยู่บนแผ่นหลัง  สองมือน้อยๆที่กอดเอวสอบเอาไว้แน่น  และลมหายใจที่เปารดจนรู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่าน  ทุกๆอย่างทำให้ช่างไคต้องยิ้มไปด้วยและตอบคำถามของชานยอลไปด้วย

     

    เกาะกันเป็นลูกลิงเลยนะเจ้าเด็กคนนี้!!

     

                “สองวันมานี่มึงเห็นใครแปลกๆผ่านมาแถวนี้บ้างไหม?”

     

                “แปลกสุดก็คนที่อยู่ข้างหลังกูนี่ไง...เห็นบอกว่ามีคนจะทำร้ายก็เลยวิ่งเข้าหลบในปราสาท”

     

                “แล้วมีใครอีกไหมนอกจากเด็กมึง?”

     

                “ไม่มีแล้วนะ...ทุกอย่างก็ปกติดี  แล้วสรุปมึงเจอศพใคร?”

     

                “เป็นผู้หญิง...อายุไม่เกิน  20  ผมยาวสีแดง  ใส่เดรสสีแดง  แต่ตายเพราะอะไรต้องรอผลชันสูตร”

     

                “..........??”

     

                มือบาง...ที่โอบรอบเอวของช่างไคถูกรัดแน่นขึ้น  นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนถูกกอดรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ  ไคพยายามพลิกกายเพื่อแกะมือของเซฮุนออก  แต่ยิ่งทำแบบนั้น  แรงกระชับที่เอวก็ยิ่งแน่นขึ้น  เรื่องแสร้งใบ้ยังไม่อยากคาดคั้น  แต่เรื่องคอคาดบาดตายเช่นนี้...เห็นทีจะปล่อยไว้ไม่ได้

     

                “เซฮุน...ไม่ต้องกลัวนะ  ไม่มีใครเอาตัวเซฮุนไปได้แน่นอนฉันสัญญา  แต่เซฮุนต้องบอกฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น  เพื่อนฉันจะได้จับคนเลวมาลงโทษไง  พวกนั้นจะได้ไม่กลับมาทำร้ายเซฮุนอีก”

     

                “เบอร์7...ฮึกก!!

     

                “คนตายเหรอเซฮุน...แล้วเค้ามีชื่อไหม?”

     

                “ไม่มี...คนตายเบอร์ 7  นี่เบอร์9...ฮึกก!  ถูกจับมาด้วยกัน  ฮึก!  กินยาตาย”

     

                ทางออกสำหรับบางคนไม่ใช่การวิ่งหนี...แต่ยอมตายเพื่อจบปัญหาที่อาจไม่มีทางแก้ไข  เซฮุนไม่รู้ว่าผู้หญิงเบอร์เจ็ดเอายาพิษมาจากไหน  รู้อีกทีก็นอนน้ำลายฟูมปากอยู่ในรถบรรทุก  แล้วคนอื่นๆที่มาด้วยกันก็ร้องโวยวายจนคนใจร้ายต้องมาเปิดท้ายรถเพื่อเช็คสินค้า  แล้วการตายของเบอร์เจ็ด...ก็ทำให้เบอร์เก้าอย่างเขาได้ชีวิตใหม่

     

    มันเป็นกฎ...ที่ห้ามนำศพใส่ท้ายรถไปพร้อมกับสินค้าชั้นดีและหญิงเบอร์ 7 ก็ต้องถูกทิ้งเอาไว้กลางทาง!! 

     

                “ละ...แล้ว”

     

                “พอก่อนชานยอล...แค่นี้เซฮุนก็ไม่ไหวแล้ว”

     

                คนในเครื่องแบบ...แทบจะไม่ได้สอบปากคำ  ทุกอย่างถูกเพื่อนผิวเข้มถามไปจนหมด  และพอเขาอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็กลับถูกห้ามด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจัง  ชานยอลมองการกระทำของเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะการโอบกอดที่แสนอ่อนโยน  การปลอบประโลมที่แสนจะทะนุถนอม  ทั้งการลูบผม  ลูบหลัง  เช็ดน้ำตาที่ไหลพรากอาบแก้มเนียน  ทุกการกระทำที่เห็นอยู่ตรงหน้า...มันพาลให้ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

     

                “ไม่เป็นไรเซฮุน...เก่งแล้ว  เก่งแล้ว  ไม่ต้องร้องนะ”

     

                (วันนี้พอก่อนก็ได้...แต่ยังไงกูก็ต้องการข้อมูลเพิ่มจากเด็กของมึง)

     

                “รู้แล้วน่ะ...มึงกลับไปก่อนไป!!

     

                เออดี...คนเป็นเจ้าหน้าที่ถูกไล่  แต่พยานปากเอกกลับถูกกอดเอาไว้เหมือนกลัวหาย  ชานยอลส่ายศีรษะด้วยความเพลียใจเพราะถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนสนิท  ป่านนี้คงถูกลากไปสอบปากคำต่อที่ สน. และเด็กตัวขาวนั้นก็คงถูกกันไว้เป็นพยานคนสำคัญ 

     

                “พรุ่งนี้กูจะมาใหม่...แล้วกูก็ต้องได้ข้อมูลด้วยเพราะมันเป็นคดีสะเทือนขวัญ”

     

                “จะมาก็โทรมาบอกก่อน...อย่าทำแบบนี้อีก  กูเป็นเจ้าของบ้าน  แล้วเด็กมันก็กลัว”

     

                “เออๆๆๆ...”

     

                ไคทราบดี...ว่าหน้าที่การงานของเพื่อนหรือคดีที่เกิดขึ้นใกล้ๆเขตของเขามันสำคัญแค่ไหน  แต่คนให้ปากคำก็สำคัญเช่นกัน  เซฮุนกลัวตำรวจมาก  เด็กคนนี้ไม่เคยไว้ใจเจ้าหน้าที่เลยสักคนเพราะบาดแผลบางแห่งบนร่างกายมันเกิดจากการถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่  ไคไม่ขอสนใจเพื่อนที่เดินออกไปจากห้อง  และเสียงสตาร์ทรถที่ได้ยินไกลออกไปเรื่อยๆก็ทำให้รู้ว่าชานยอลกลับไปแล้ว  การปลอบขวัญเด็กขี้กลัวอาจเนินนานจนไม่รู้เวลาที่สิ้นสุด  หลังจากนี้มันจะมีอะไรที่ทำให้เซฮุนต้องแอบต้องซ่อนอีกหรือไม่  และเขาจะเข้ามาปกป้องได้ทันอย่างวันนี้หรือเปล่า???

     

    คิดไม่ตก...คิดไม่ออกและไม่อยากคิดเลยว่าคนที่เคยถูกใส่นัมเบอร์เหมือนเป็นสินค้ามันน่าหดหู่มากเพียงไร U_U  

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่ห้า : aclotheshorse.co.uk

     

    Talk.

    คุณตำรวจอย่าตีน้องงงงงงงงงง!!!

    แล้วก็อย่าโกรธเด็กแกล้งใบ้เลยนะคะ...คุณแม่ขอร้อง T^T )

    ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆค่ะ...และฝากให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ( ^3^

    รัก

    #KHhide  

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×