ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) SF ออกเรือ (Kaihun Ft.Chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #3 : ❧ 3

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 64




    ออกเรือวันที่ 3.

     


     

    06.12 น.

     

     

                “..........?”

     

                ใช่ว่าจะหลับสนิทได้ทั้งคืน...และเพิ่งได้นอนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเพราะต้องคอยผลัดเปลี่ยนกันขับเรือกับเพื่อนตัวใหญ่  แล้วการออกเรือสำหรับผู้ที่มีความชำนาญหรือรู้เส้นทางเป็นอย่างดีก็สามารถทำให้ระยะทางจากที่คำนวณไว้ว่าน่าจะเป็นสองวันก็เหลืองเพียงแค่วันครึ่งเท่านั้น  ขอบคุณที่กระแสน้ำไม่เชี่ยวจนเกินไปและฝนก็ไม่ตกจนต้องหยุดเดินเรือ  ฤดูกาลมีความสำคัญต่องานนี้มากๆเนื่องจากพืชน้ำสีม่วงจะไม่ปรากฏและเรืองแสงให้เห็นเมื่อเกิดฝน

     

    มันเป็นความยุ่งยากอีกหนึ่งข้อของพืชน้ำชนิดนี้  ซึ่งเขาไม่รู้ว่าลูกชายผู้มีพระคุณกับคุณหนูจอมป่วนจะทราบหรือไม่และตอนนี้พวกเราก็ควรตื่นกันได้แล้ว!

     

                มันใกล้จะถึงฝั่ง  มันใกล้จะเป็นจริงและมันก็ใกล้...เกินกว่าสายตาจะปรับโฟกัส??  ท่อนแขนขาวเนียนโอบรอบเอวสอบเอาไว้แน่น  ใบหน้าเรียวสวยดูไร้เดียงสาเมื่อยามหลับ  จมูกโด่งรั้นที่รับรู้ได้ถึงลมหายใจพร้อมริมฝีปากสีหวานที่อยากลองสัมผัสอีกสักครั้ง  ไหนบอกว่ารังเกียจ?  ไหนบอกว่าเหม็น??  ไหนบอกว่าร่างกายของเขามันสกปรก??  แล้วววว...มากอดคนเหม็นๆและดูสกปรกอย่างเขาทำไม???  

     

                “หึ...!!

     

                เมื่อคืนอุตส่าห์เหลือที่นอนตรงกลางเอาไว้มากพอจะเตะฟุตบอลได้  แต่สุดท้ายก็มานอนกอดคนเหม็นๆอย่างเขา...น่าขำชะมัด!!  เวลาหลับก็ดูน่ารักดีนี่หว่า?  แต่ทำไมตอนตื่นฤทธิ์เดชถึงได้เยอะนัก  เรื่องมากที่หนึ่ง  กินยากก็ที่หนึ่ง  พูดมากก็ที่หนึ่งและเถียงได้ทุกเวลา  แล้วกลิ่นแบบคุณหนูทำไมมันถึงได้หอมขนาดนี้วะ?  เครื่องสำอางก็ไม่ได้ใช้  น้ำหอมก็ไม่ให้ฉีด  อะไรที่มีกลิ่นแรงๆก็ไม่ให้เอาขึ้นมาบนเรือ  แต่...คนข้างกายก็ยังหอมเหมือนดอกไม้ที่ผลิบานในยามเช้า    

     

    ฟอดดดด!!!

     

                เจ้าของสายตาคม...สบจ้องใบหน้านวลเหมือนอยากเก็บรายละเอียด  ขนตายาวเรียงเส้นสวย คิ้วโก่งได้รูปเหมือนถูกแต่งแต้ม  แก้มนุ่มมีเลือดฝาดพร้อมรอยแผลเป็น  และใครมันจะไปอดใจกับความน่ารักได้ล่ะ?  หอมๆแบบนี้  ถูกกอดแบบนี้  แล้วก็นอนใกล้กันขนาดนี้  ฮ่าห์...ยิ่งได้กลิ่นยิ่งสดชื่น  แก้มนุ่มถูกฝังทุกความรู้สึกจนเนื้อนิ่มๆยุบไปตามแรงกด  และจากแก้มนุ่มก็ไล่เลื่อนความหอมไปตามใบหน้าเรียวสวยอย่างไม่อาจหักห้ามใจ  หน้าผากมน  ข้างขมับ  กกหู  จนกระทั่ง....

     

                “.......!!!?”

     

                “อื้มมม...”

     

                แรงสัมผัสและเสียงลมหายใจที่เป่ารดอยู่บนผิวเนื้อ...ทำให้เจ้าของความหอมต้องตื่นด้วยความจำยอม  แต่มันยังไม่ทันได้ประมวลผลว่าแรงสัมผัสนั้นมันเกิดจากสิ่งใด  ริมฝีปากก็ถูกครอบครอง  ความหวานถูกกอบโกย  และลิ้นอุ่นชื้นที่กำลังเกี่ยวพันอยู่ในอวัยวะเดียวกันก็พาลให้มือบางต้องจิกเกร็งลงไปบนบ่ากว้าง  ใครจะมีแรงไปต่อต้านเมื่อยามตื่น  ใครจะมีกำลังไปทัดทานต่อความดิบเถื่อน  และคงไม่มีใครกล้าทำกับเขาเช่นนี้ถ้าไม่ใช่...ไอ้คุณไค!!

     

                “โอ้ยย!?”

     

                “มอร์นิ่ง...ไอ้ตัวป่วน!

     

                มอร์นิ่งบ้าบออะไรล่ะ...แล้วใครตัวป่วน???  และนี่มันเรียกว่าจูบเหรอ...ไอ้บ้า?!!  เหมือนจะตายเสียให้ได้เพราะรสสัมผัสที่ไม่เว้นจังหวะให้หายใจมันเหมือนถูกสูบวิญญาณ  ถ้าคนตรงหน้ายังจูบต่ออีกเพียงเสี่ยววินาทีเขาคงได้ขาดใจตาย  เซฮุนพยายามปรับการหายใจให้เป็นปกติก่อนยกมือขึ้นมาจับที่ปากของตัวเองและ...ก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆเพราะการถูกกัดมันทำให้เลือดออกอย่างที่คาดการณ์ไว้    

     

                “กัดทำไมวะ!?”

     

                “จะได้พูดน้อยๆหน่อย”

     

                “แหวะ!!!...ไปห่างๆเลยนะ  ฟันก็ไม่แปรง...มีแต่เชื้อโรค  แล้วเป็นบ้าอะไรมากัดคนอื่น  ขอให้ชาติหน้าเกิดเป็นหมา!!!

     

                “สงสัยอยากโดนอีก?!!

     

                “คิดว่ากลัวเหรอวะ!!?”

     

    ตุบบ ๆ ๆ ๆ!!!!

     

                เมื่อสติกลับมา...และสามารถปรับลมหายใจได้เป็นปกติ  คนถูกรังแกแต่เช้าก็ต้องเริ่มปกป้องตัวเองบ้าง  ถ้าไม่ตายตอนนี้ก็คงต้องตายสักวัน  โดนทั้งกอด  โดนทั้งจูบ  แล้วแบบนี้ใครมันจะไปทนได้  พื้นที่เล็กๆภายในเต็นท์สีส้มเกิดสงครามขึ้นทันทีเมื่อเซฮุนต่อว่าต่อขานคนบ้านป่าเมืองเถื่อนพร้อมสาปแช่งให้กลายเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งด้วยโมโหแล้วคว้าผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมกายหนาเอาไว้ก่อนยกเท้าถีบเท่าที่จะมีกำลัง  สองขาวเรียวปีนป่ายขี่ก้อนผ้าสีเข้ม  สองมือระดมทุบด้วยหมัดโดยไม่สนว่าจะชกถูกส่วนใด  และใช่...มันไม่ได้ทำให้คนในผ้าห่มเจ็บเลยแม้แต่น้อย

     

    มือบาง...ที่กำแน่นทั้งสองข้างและต่อยแบบสะเปะสะปะมันเหมือนขาของลูกแมวตัวน้อยๆที่กำลังตะปบก้อนใหมมากกว่า

     

                “ฤทธิ์เยอะจริงๆ!!!

     

                “อ๊ะ!!...ปล่อยนะ...ไอ้บ้า  อื้มมม!!

     

                ตัวก็แค่นี้  แรงก็แค่นี้...คิดจะมาสู้กับคนอย่างไคเหรอ??  ฝันไปเถอะ!!!  กายหนาใช้กำลังเพียงเล็กน้อยก็ออกมาจากผ้าห่มได้และรวบตัวเจ้าของหมัดให้นอนราบไปกับผ้าผืนนั้นก่อนลงโทษด้วยรสสัมผัสที่มากกว่าเดิม  ว่าจะไม่รุนแรงก็คงไม่ได้แล้วเพราะคุณหนูตัวป่วนฤทธิ์มากเหลือเกิน  ไคยอมรับว่าตัวเองผิดที่อดใจไม่ไหวจนเผลอกัดปากคนใต้ร่างจนปริแตก  แต่...ความผิดของเขาก็ไม่ควรถูกสาปแช่งให้กลายเป็นสุนัข!!!

     

                “อยากถูกหมากัดอีกไหม?!!

     

                “ไอ้บ้า!!!  ไปตายเลยปะ..ไป  อื้มมม”

     

                ด่าอีก...ด่าเยอะๆ  ยิ่งด่ายิ่งมีแรงนะครับคุณหนู!!  ทำให้เหนื่อยแต่เช้าและทำให้ได้รับความหวานแต่เช้าเช่นกัน  เหนื่อยที่ต้องจัดการให้สิ้นฤทธิ์  หวานที่ได้จูบเซฮุนอีกครั้ง  อีกครั้งและอีกครั้ง  ลิ้นร้อนยังคงกวาดต้อนกอบโกยอย่างคนไม่รู้จักพอ  ไหล่กว้างถูกเล็บจากคนที่ใกล้หมดแรงข่วนจนเป็นรอย  และใบหน้าเรียวสวยที่ค่อยๆขยับเปลี่ยนองศาเพื่อให้ถนัดต่อรสสัมผัสที่ร้อนแรงก็ทำให้เราทั้งคู่ต้องหยุดความรู้สึกบางอย่างไว้เพียงแค่นี้  ขืนไม่หักห้ามใจตัวเอง...เรื่องมันอาจบานปลายจนเต็นท์ต้องลุกเป็นไฟ

     

                “ไงคุณหนูตัวป่วน...อยากถูกหมากัดอีกไหมครับ?”

     

                “ถะ...ถอยไปเลย!

     

                รีบผลักคนตรงหน้าให้พ้นทาง...และคลานออกมาจากเต็นท์ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงไปมากกว่านี้  ถ้าไม่เสียสติก็คงจะเป็นบ้าไปแล้ว  เพราะคุณหนูตัวป่วนที่ใครบางคนชอบเรียกกำลังเผลอไผลไปกับรสจูบที่แสนป่าเถื่อน  เซฮุนรีบวิ่งเข้ามาในห้องนอนทันทีและลืมไปเลยว่าในห้องห้องนี้เคยเกิดอะไรขึ้น??  แต่ไม่ว่าจะเป็นงูหรือสัตว์อะไรก็ตามที่ขึ้นมาบนเรือ  คนที่จะต้องปกป้องเขาก็คือ...เจ้าของมอร์นิ่งคิสที่พาให้ใจสั่นอยู่ตอนนี้

     

    บ้าจริง!!...ตั้งสติหน่อยสิโอเซฮุน  สติ  สติ  สติ!!!!!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    แกร็กก!!!

     

                สองคนทางด้านหน้า...อาจกำลังสับสนกับรสสัมผัสที่เกิดขึ้น  ส่วนคนด้านท้ายและเพิ่งทำการดับเครื่องยนต์ไปเมื่อครู่ก็กำลังรู้สึกสับสนในการกระทำของคนในอ้อมกอดตอนนี้เช่นกัน  ถามว่าเป็นห่วงไหม...ก็ตอบได้เลยว่าห่วงเพราะแทนที่ผู้ชายตัวเล็กจะนอนพักผ่อนหลังจากที่ถูกจับแยกกับเพื่อนเมื่อคืน  เจ้าตัวกลับชวนคุยไปตลอดทางและนั่งหลับคาเก้าอี้ไปตอนไหนก็ไม่รู้  มันเหมือนถูกน็อคกลางอากาศ  เหมือนตุ๊กตาถ่านหมดแถมยังไม่เรื่องมากเหมือนคุณหนูตัวป่วนของไอ้ไค  

     

     

                แบคฮยอน...ไม่จำเป็นต้องมานั่งคุยกับเขาเลยสักนิด  มีเงินจ้างมาออกเรือก็แทนที่จะใช้พวกเราให้มันคุ้มๆหน่อย  ไม่ใช่มาทำตัวน่ารักน่ากอดและนั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดทั้งคืน  แล้วคนที่คุ้มหรือจะเรียกว่าเป็นกำไรของชีวิตก็คงเป็นไอ้ชานคนนี้เพราะมันได้กอดความนุ่มนิ่มที่ต้องอุ้มมาหลับอยู่ในอ้อมแขนไปพร้อมๆกับการขับเรือ  ขอบใจนะโว้ยยยย...ไอ้ไค!!!  ส่วนแบ่งจากการออกเรือ70/30ก็ยอม  เฮ้ออ...มันชื่นหัวใจ!

     

    มือหนากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อดับเครื่องยนต์เรียบร้อย  ผิวเนื้อขาวๆที่แตะเพียงนิดก็เกิดริ้วถูกประคองไว้ด้วยความระมัดระวังก่อนพาไปนอนต่อในเต็นท์  แต่.....

     

                “อืมม...คุณชานนนน”

     

                “อ้าวว...ตื่นซะแล้ว”

     

                “คุณชานจะทำอะไร?”

     

                “จะพามานอนไง...เมื่อคืนมัวแต่โม้”

     

                “แล้วคุณชานได้นอนหรือยัง?”

     

                ห่วงตัวเองก่อนไอ้ตัวเล็ก...ขนาดตายังลืมไม่ขึ้นแล้วยังจะมาห่วงคนอื่นอีก?  ใช่ว่าเรือจะต้องเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา  น้ำมันต้องประหยัด  เครื่องยนต์ก็ต้องพักบ้าง  ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่ถึงที่หมายแน่ๆ  และอีกอย่าง...ไอ้ไคมันก็มาผลัดเวรไปบ้างแล้ว  เขาจึงไม่ค่อยง่วงสักเท่าไหร่?  การเกิดมาในที่แบบนี้ประเทศแบบนี้มันต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเพราะอันตรายมีอยู่รอบด้าน  ซึ่งจะบอกว่าเคยชินกับการต้องอดหลับอดนอนก็คงจะถูก  และถ้ามีเงินมากกว่านี้ก็คงจะย้ายไปอยู่ที่อื่น  แต่ในเมื่อมันมีไม่มาก...คนอย่างไอ้ชานก็ต้องทำใจ

     

                “ก็นิดหน่อย...”

     

                “งั้นคุณชานก็นอนไปเถอะ...เดี๋ยวเราจะกลับไปนอนที่ห้อง  คุณชานตัวใหญ่...ที่แค่นี้นอนไม่พอหรอก”

     

                “ถ้านอนกอดกันก็พอนะ...แบคตัวเล็กนิดเดียวเอง”

     

                “เห็นไหมล่ะ...ชื่อเราเรียกไม่ยากสักหน่อย”

     

                “นอนกอดกันก็ไม่ยากนะ!

     

                “มะ...มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ?  เรากลับไปนอนที่ห้องดีกว่า  คุณชานจะได้พักผะ...ผ่อน  อ๊ะ!!

     

                มัวแต่ดีใจ...ที่คนตรงหน้ายอมเรียกชื่อ  ไม่ใช่เอาแต่เรียกไอ้ตัวเล็กไอ้ตัวเล็กอยู่แบบนั้น  แบคฮยอนจึงไม่ทันได้คิดตามไปกับคำพูดที่ว่าต้องนอนกอดกัน?!  กายเล็กถูกดึงเข้าสู่อกกว้างก่อนถูกผ้าห่มคลุมทับอีกชั้นและการทำเช่นนี้ก็พาลแบคฮยอนให้ไม่กล้าขยับตัวไปไหนเพราะไม่อยากให้คุณชานคิดว่าถูกรังเกียจ  แต่...กอดแน่นขนาดนี้ใครจะไปหลับลง?  แล้วหัวใจก็ช่วยเต้นเบาๆหน่อยได้ไหม??  เดี๋ยวคนตัวใหญ่ก็ได้ยินหรอก???

     

                “ยังไม่นอนอีก...”

     

                “เอ่ออ...เราไม่ง่วงแล้ว  คุณชานปล่อยเราเถอะ”

     

                “หอมแก้มก่อนแล้วจะปล่อย”

     

                “อย่าแกล้งได้ไหม  แล้วคุณชานก็กอดแน่นเกินไป...เราหายใจไม่ออก”

     

                “แค่นี้ก็หายใจไม่ออกแล้วเหรอ?...ถ้าทำมากว่านี้จะทนได้ไง”

     

                “ไม่ให้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ...คุณชานปล่อยเราเดี๋ยวนี้  เราเจ็บ!

     

                “ไม่อยากเจ็บก็หอมแก้มก่อน”

     

    ฟอดดด!

     

                “คุณชาน....”

     

                ยังไม่ทันได้พูด  ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ...และยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น  แก้มเนียนก็ถูกประทับความเอาแต่ใจแบบไม่ได้ตั้งตัว  มือบางดันแผ่นอกเปลือยเปล่าด้วยความตกใจ  ตาเรียวคู่สวยขอทิ้งโฟกัสไว้ที่ผ้าห่มสีเข้มเพราะมันไม่กล้าสบจ้องเจ้าของดวงตากลมโตที่แสนเจ้าเล่ห์  ขนาดเขายังโดนเอาเปรียบขนาดนี้  แล้วเซฮุนจะเป็นอย่างไร?  ทำไมคนที่นี่ถึงได้ชอบรังแกคนอื่นนักนะ??  ชักอยากจะกลับบ้านอย่างที่เพื่อนชอบโวยวายแล้วสิ!!!

     

                “หอมก่อนเร็ววว!!  ไม่งั้นไม่พาไปหาของสำคัญนะ”

     

    ฟอดดดด!!

     

                แค่ได้ยินคำขู่...ใบหน้าจิ้มลิ้มก็รีบเงยขึ้นก่อนประทับรอยไว้บนแก้มคนตัวใหญ่ด้วยความรวดเร็ว  ขู่ว่าจะพาไปฆ่ายังไม่น่ากลัวเท่าเรื่องพืชน้ำสีม่วงเพราะสิ่งๆนี้มันสำคัญกับเขามากจริงๆ  และถ้าการทดลองมันเป็นไปตามที่คุณพ่อบันทึกเอาไว้  ยาตัวใหม่ก็จะสามารถช่วยผู้คนได้อีกนับล้าน  แบคฮยอนยอมทำทุกอย่างเพื่อสานต่อความตายของผู้ปกครองและเขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่าต่อให้ต้องตายไปอีกคนก็พร้อมที่จะยอมเสี่ยงชีวิต

     

                “เราหอมแล้ว...คุณชานต้องปล่อยเรา”

     

                “ถ้าหอมอีกก็จะออกเรือต่อ...”

     

                “คุณชานไม่น่ารักเลย  คุณไคด้วย...ทำไมชอบแกล้งพวกเรา”

     

                “คุณชานไม่น่ารัก  คุณไคก็ไม่น่ารัก...แต่คุณแบคน่ารักนะ”

     

                “เราไม่อยากพูดกับคุณชานแล้ว  ปล่อยเราเดี๋ยวนี้เลย!!

     

    ฟอดดดด!!!

     

                “ถ้าคุณแบคไม่หอม...คุณชานหอมเองก็ได้”

     

                  (><) 

     

                ร่างกาย...เหมือนถูกงูรัดแต่ไม่ยอมกิน  และยิ่งขยับหรือขืนร่างกายมากเท่าไร  แรงโอบกระชับก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น  ฮือออออ!!  อยากกลับบ้าน!!  ใครก็ได้ช่วยแบคฮยอนด้วย  คนที่นี่พูดไม่รู้เรื่องเลย!!! แล้วไอ้ก้อนเนื้อข้างซ้ายก็ช่วยเต้นช้าๆหน่อยได้ไหม...บ้าเอ้ยยยย!!!!!!  อยากแหกปากให้เพื่อนได้ยิน  แต่ก็กลัวสัตว์ในป่าจะแตกตื่นไปด้วย และการถูกกอดอยู่แบบนี้มันก็น่าอายเกินไป  แก้มก็มันช้ำไปหมด  ตามเนื้อตามตัวก็แดงเป็นมะเขือเทศสุก  แล้วคุณชาน...ก็นอนยิ้มอยู่นั้นแหละ!!!


     

    บ้ากันไปหมดแล้ว...คนที่นี่ก็บ้า  ประเทศนี้ก็บ้า  หรือเราเองก็บ้า?????

     

     

     

     

     

     

     

     




       


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    18.00 น.

     

    ปึ่กกก!!!

     

                “ไอ้ชาน...มึงหยุดเดินตามเค้าสักที!!  แล้วมาช่วยกูขนของ?”

     

                (คุณแบค...ยิ้มให้คุณชานหน่อยยย!)

     

                “ไอ้ชาน!!!!!

     

                สัมภาระ  กระเป๋าเป้และของใช้จำเป็นในการเดินป่าถูกโยนลงมาจากเรือเมื่อถึงฝั่ง  เจ้าของเสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกเพื่อนรีบทิ้งสมอเหล็กก่อนผูกเชือกขนาดใหญ่ไว้กับต้นไม้เพื่อกันไม่ให้เรือลอยไปกับกระแสน้ำ  ส่วนไอ้คุณชาน...ก็เอาแต่แกล้งคนตัวเล็กมาตั้งแต่เช้า  ไม่ว่าเขาจะเดินไปตรงไหนมันก็เสนอหน้าไปให้เห็น  ขนาดเขาหนีไปอยู่ในห้องนอนก็ยังตาม  หนีไปท้ายเรือก็ยังเสือกตามไปอีก  เมื่อคืนยังคุยกันไม่พอหรือไงวะ?

     

                “คุณไคไม่เคยบอกพวกเราเลยว่าต้องเดินป่า?”

     

                “ให้ใส่บูทมาขนาดนี้ก็น่าจะรู้  แล้วพวกคุณก็อย่าออกนอกเส้นทางเด็ดขาด  ผมเดินคุณเดิน  ผมหยุดคุณต้องหยุด  ห้ามทำนอกเหนือคำสั่งและห้ามส่งเสียงดัง!

     

                “แล้วต้องเดินป่ากี่วัน?”

     

                “สี่สิบนาที...”

     

                ถามมากก็ถูกว่า...และพอไม่ถามก็เลยไม่ทันได้เตรียมตัว  แบคฮยอนกับเซฮุนจึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับการเดินทางที่ไม่รู้ว่าจะถึงจุดหมายเมื่อไหร่??  แต่สองขามันก็ต้องกระโดดลงจากเรือด้วยความจำยอม  สองมือต้องกระชับเป้ที่แบกอยู่บนหลัง  และคนต่างถิ่นก็ต้องรีบเดินตามสองหนุ่มให้ทันก่อนที่พวกเขาจะหลงทาง  ดีที่การเดินป่าในครั้งนี้มันใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่เพราะถ้าต้องเดินเท้าไปอีกหลายวัน  ความอดทนคงเหลือไม่พอถึงตอนกลับแน่ๆ

     

                “ไอ้ตัวเล็ก...เอากระเป๋ามานี่?  เดี๋ยวถือให้!

     

                “ไม่ได้ชื่อไอ้ตัวเล็ก...”

     

                “คุณแบคโกรธคุณชานเหรอ?”

     

                (ไม่ต้องมาใกล้พวกเราเลย...ไปอยู่กับเพื่อนของคุณนู้นน!!  ชิ้วๆ!)

     

                ชีวิตช่วงนี้มันมีแต่ความหวาดระแวง...และการถูกแกล้งก็พาให้คนต่างถิ่นอย่างพวกเราไม่กล้าแยกจากกันอีกแล้ว  ทั้งแบคฮยอนทั้งเซฮุนยอมให้สัตว์เข้ามาจู่โจมดีกว่าจะยอมให้คนในประเทศแปลกๆมาเอาเปรียบ  เพื่อนตัวเล็กมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำอยู่ตามผิวเนื้อ  ส่วนเขาก็ปากแตกจนทานอะไรไม่ค่อยอร่อย  แปรงฟันก็แสบ  อาบน้ำก็แสบ  ขนาดจะหาวยังอ้าปากได้เพียงนิดเดียว...ไอ้หมาบ้าเอ้ยยยย!!!

     

                “คุณนั่นแหละ...ไปเดินกับไอ้ไคเลยไป ชิ้วว!!

     

                “ไม่!!!

     

                “ไอ้ไคโว้ยยยย...คุณคนนี้เค้าาาา!!!!!!

     

                “กูไปก่อนนะแบค!!

     

                น้ำเสียงที่ใหญ่เหมือนร่างกาย...และการตะโกนเรียกเพื่อนผิวเข้มพร้อมท่าทางที่จริงจังทำให้เซฮุนต้องรีบวิ่งหน้าตั้งไปหาเจ้าของชื่อทันที  ส่วนแบคฮยอนก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอก่อนปลดเป้ด้านหลังส่งให้คุณชานด้วยความหวั่นเกรง  ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าถูกแกล้งหรือเป็นเพราะในป่ามันอันตราย  คนต่างถิ่นอย่างพวกเขาถึงไม่กล้าแม้กระทั่งการต่อปากต่อคำ  แต่...มือบางที่ถูกจับเอาไว้แน่น  ร่างกายที่ไม่ต้องแบกสัมภาระหนักๆไว้บนหลัง  รวมถึงรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นของคนตัวใหญ่ก็ทำให้แบคฮยอนรู้สึกสบายใจมากขึ้น

     

                “คุณแบคไม่โกรธคุณชานได้ไหม?”

     

                “ก็ไม่ได้โกรธสักหน่อย...”

     

                “รำคาญเหรอ?”

     

                “ไม่อยากตอบแล้ว....”

     

                ไม่อยากตอบ...แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้คำตอบเพราะแก้มนุ่มๆที่แดงระเรื่อก่อนก้มหน้าจิ้มลิ้มจนคางแทบชิดอก  มันทำให้เจ้าของคำถามทราบได้ทันทีว่าคุณแบคกำลังรู้สึกเช่นไร  ตอนเขินน่ารักชะมัด  แต่ตอนกินข้าวก็น่ารักนะ  ยิ่งตอนโกรธก็ยิ่งน่ารักมากขึ้นไปอีก  ทุกๆอย่างที่เป็นไอ้ตัวเล็กมันช่างน่ารักไปหมดเลย...คุณชานชอบบบบบบ!!!

     

    เหมือนสองคนตรงนี้จะเริ่มปรับความเข้าใจกันได้...แล้วอีกสองคนตรงนู้นล่ะ????

     

                “นี่คุณ...คืนนี้เราต้องนอนในป่ากันจริงๆเหรอ?  แล้วต้องนอนกี่คืน?”

     

                “กลัว?”

     

                “เออ!!...ขนาดอยู่บนเรืองูยังเลื่อยเข้ามาได้  แล้วในป่าจะเหลือเหรอ!!?”

     

                “ถ้าไม่อยากเจองู...คืนนี้คุณก็ต้องนอนกับผม”

     

                “ไม่มีทาง...”

     

                “งั้นก็ช่วยไม่ได้?!

     

                “คุณก็คอยเฝ้ายามตอนที่พวกเราหลับสิ!

     

                “สบายไปมั้งคุณ...ผมกับไอ้ชานต้องช่วยกันขับเรือ  หาอาหาร ทำกับข้าว  ทำนั่นทำนี่ตั้งหลายอย่าง  พวกคุณจะไม่ให้ผมพักผ่อนเลยหรือไง?  คนมีเงินก็งี้...สั่ง ๆ ๆ ๆ ๆ สั่งเป็นอย่างเดียว”

     

                “ละ...แล้วต้องนอนด้วยกันกี่คืนล่ะ?”

     

                “จนกว่าจะกลับ”

     

                (เชี่ยยยย!!!)

     

                ฮืออออ...พระเจ้าโปรดช่วยเสกพืชน้ำสีม่วงมาให้เซฮุนด้วยเถิด!!  เซฮุนไม่อยากนอนกับผู้ชายคนนี้!!!  เซฮุนอยากกลับบ้าน!!!!  แล้วทำไมกูต้องเกิดมาเป็นนักวิจัยด้วยวะ!!!!!  เป็นอีกคนที่ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเจ้าถิ่นและได้แต่สบถคำหยาบอยู่ในใจเพราะในป่ามันน่ากลัวเกินกว่าจะเรื่องมากอีกแล้ว  อยากมีชีวิตรอดก็ต้องยอม  อยากช่วยชาวโลกก็ต้องทน  และถ้าอยากให้เพื่อนตัวเล็กได้สานต่อตามที่คุณพ่อได้บันทึกเอาไว้...ก็คงต้องพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

     

    เอาวะ...ปากแตกอีกสักรอบสองรอบคงไม่เป็นมั้ง?!

     

                “คุณ  คุณณณ!!!

     

                “อะไร?!!!

     

                “ขอพักแป๊บนึงได้ไหม?”

     

                “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

     

                “แต่เราเมื่อยขา  แล้วก็ปวดหลังด้วย”

     

                “เรื่องมากจริงๆ...”

     

                “โอ๊ยย!...เบาๆหน่อยสิ”

     

                “หยุดบ่นแล้วก็รีบขึ้นมา!!

     

                “เอาจริงเหรอคุณ?”

     

                “เร็วๆ!!!...มันจะมืดแล้วเนี่ย!

     

                มือหนา...กระชากเป้ออกจากไหล่ลาด  สองขาย่อลงเพื่อรอรับน้ำหนักคนหมดแรงและแผ่นหลังกว้างก็พร้อมให้ซบแนบความเมื่อยล้า  ไคเข้าใจดีว่าพวกคุณหนูที่ชีวิตไม่เคยลำบากคงรู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางเช่นนี้  มันไม่ใช่ทางที่ปูด้วยคอนกรีต  รถหรูยี่ห้อดังก็ไม่มีให้นั่งและอาหารดีๆก็ไม่มีให้กิน  ส่วนเซฮุนก็ไม่คิดว่าคนบ้านป่าเมืองเถื่อนจะมีน้ำใจขนาดนี้  ถึงแม้จะดุไปบ้าง  ขึ้นเสียงไปบ้าง  รุนแรงไปบ้าง  แต่การกระทำของคุณไคก็ทำให้ต้องรีบขยับกายขึ้นขี่หลังและใช้สองแขนโอบรอบลำคอหนุ่มผิวเข้มเอาไว้

     

                “ขอบคุณนะคุณไค”

     

                “อืม...”

     

                “ถ้าหนักก็บอกนะ...เดี๋ยวเราเดินต่อเอง”

     

                “หนักตูด...”

     

                “ไอ้บ้า!!!...อย่ามาจับนะเว้ย!!

     

     

    ความมีน้ำใจต้องขอขอบคุณ  แต่ไอ้เรื่องการพูดสัดส่วนในร่างกายของคนอื่นแบบนี้...มันต้องถูกด่า  ตูดใหญ่แล้วมันทำไมวะ?!  หนักมากแล้วให้ขี่หลังทำไม!!!!  แล้วมือน่ะ...อยู่เฉยๆได้ไหม???!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

    19.00 น.

    แกร๊กกก!!

     

                “ไอ้ไค...ถ้าไฟติดแล้วก็เอาปลามาย่างเลยนะ”

     

                “เออ...รู้น่ะ!

     

                กว่าจะเดินมาถึงที่หมาย  กว่าจะกางเต็นท์เรียบร้อยและกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร  หนุ่มผิวเข้มรีบก่อกองไฟก่อนที่สัตว์ร้ายจะเข้ามาสร้างความหวาดกลัว  แถมยังต้องเตรียมอาหารเย็นที่กลายมาเป็นอาหารค่ำ  มือหนาหักกิ่งไม้เป็นท่อนเล็กๆและโยนใส่เปลวไฟที่เริ่มติดขึ้นทีละน้อย  ปลาที่จับได้เมื่อเช้าถูกเสียบใส่แหลกแหลมแล้ววางลงบนความร้อนเพื่อทำให้สุก  ส่วนก้อนหินขนาดย่อมก็ถูกยกมาวางแทนเก้าอี้เพราะคนที่แสนจะเรื่องมากก็คงไม่อยากนั่งลงไปบนพื้นดิน

     

                “แล้วสองคนนั้นหายไปไหนวะ?”

     

                “ไปขี้...”

     

                “พูดให้มันเพราะๆหน่อยสิครับคุณไค”

     

                “ไอ้สัด!!

     

                โอเค...มึงไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด  กูพูดคนเดียวก็ได้วะ!!  และระหว่างรอคุณแบคกับคุณเซฮุนไปปลดทุกข์  คุณชานก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนเพราะการเดินทางมาทั้งวันมันพาลให้เหนี่ยวตัวไปหมด  ขายาวสมส่วนรีบก้าวไปที่เต็นท์เพื่อหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่  แต่....

     

                “ช่วยด้วยยยย...!!!

     

                “.......???!!  //  อะไรอีกวะ?!!!!

     

                “คุณไค!!!...คุณชานนนน!!!

     

                เสียงเรียกจากป่าทางด้านหลัง...ทำให้คนที่กำลังจะไปอาบน้ำและคนที่กำลังเตรียมมื้อเย็นต้องรีบละจากทุกสิ่งแล้ววิ่งตรงไปที่ต้นเสียงด้วยความเป็นห่วง  ความมืดแทบไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการย่างก้าวเพราะคืนนี้มีดวงจันทร์ช่วยทำหน้าที่ส่องแสงให้ในยามค่ำคืน

     

                “เซฮุน!!!...”

     

                “คุณไค...ช่วยด้วย”

     

                “เกิดอะไรขึ้น?”

     

                “คะ...คือ”

     

                “ตอบสิ!!!

     

                “คือพวกเรากินไอ้นี่เข้าไป  ละ...แล้วตัวมันก็ร้อน  ร้อนมากๆเลย”

     

                “บ้าเอ้ยย!!

     

                ผลไม้สีเหลืองทรงกลมพร้อมรสชาติหวานละมุนลิ้นคือสิ่งที่คนต่างถิ่นทานเข้าไปโดยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง  และด้วยความไม่รู้ก็ทำให้คนตัวเล็กถึงกับสลบไปเพราะทนฤทธิ์ของมันไม่ไหว  ส่วนเซฮุนก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

     

                “ไอ้ชาน...มึงเอาแบคไปนั่งที่กองไฟ  //  ส่วนคุณมานี่!!!

     

                “หยุดนะ!!  จะทำอะระ...ไร  อื้อออ...ปล่อยนะ!!!  อ๊อกกก!!!  แค่กๆ ๆ”

     

                คนตัวใหญ่รีบทำตามอย่างว่าง่ายเพราะทราบถึงทางแก้...ส่วนผู้ที่ยังทนต่อฤทธิ์ของผลไม้ประหลาดได้โดยที่ยังไม่สลบไปอีกคนก็ถูกมือหนาบีบปลายคางไว้แน่นก่อนใช้สองนิ้วล้วงเข้าไปปากเพื่อทำให้อาเจียน  เซฮุนโก่งคออ้วกด้วยความทรมาน  น้ำตามันไหลอย่างไม่อาจห้ามเอาไว้ได้และร่างกายก็เริ่มร้อนมากขึ้น  มากขึ้น  มากขึ้น

     

                “อ้วกออกมา...”

     

                “อ๊อกกก!!!  คุณไคช่วยด้วย...เราร้อนน!

     

                อุตส่าห์ปล่อยให้เข้าไปปลดทุกข์ในป่าเพราะอยากให้มีความเป็นส่วนตัว...แต่กลับพากันไปหาผลไม้มากินโดยไม่ถาม  แล้วแบบนี้จะไม่โมโหได้อย่างไร  ไคอดที่จะหัวเสียไม่ได้จริงๆเพราะคนตรงหน้าพูดอะไรก็เถียง  บอกอะไรก็ค้านและไม่ค่อยเชื่อฟังกันสักเท่าไหร่  เคยเตือนแล้วว่าอย่าออกนอกเส้นทาง  ห้ามส่งเสียงดัง  ห้ามขัดคำสั่ง  แต่สุดท้าย...ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้

     

                “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”

     

                “ไม่...”

     

                “อยากตายหรือไง!!!

     

                “เออ...จะทำอะไรก็ทำไปเลย!!!

     

                ไม่ใช่เวลาที่ต้องเขิน  ไม่ใช่เวลาที่ต้องเถียงและก็ขอโวยวายสักนิดเพราะการที่ต้องแก้ผ้าต่อหน้าหนุ่มผิวเข้มมันช่างน่าอับอายมากกว่าอะไรทั้งหมด  แต่เซฮุน...ก็จำเป็นต้องปล่อยให้เจ้าถิ่นจับตัวเองเปลื้องผ้าแล้วตอนนี้ก็คงต้องใช้คำว่า  “นุ่งลมห่มฟ้า”  เนื่องจากร้องเท้า  ถุงเท้า  เสื้อยืด  กางเกงยีนส์  กางเกงใน  ทุกๆอย่างมันก็ถูกถอดออกไปจนหมด

     

                “เซฮุนอย่าหลับ  เซฮุน!! เซฮุนนน...เชี่ย!!

     

                ไค...รีบอุ้มคนสิ้นฤทธิ์มานั่งหน้ากองไฟทันที  เนื่องจากพิษของผลไม้จะหมดไปก็ต่อเมื่อร่างกายถูกทำให้ร้อน  มันเหมือนหนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง***  ถ้าภายในมันร้อนคล้ายถูกไฟเผา  มันก็ต้องใช้ไฟเพื่อดับความร้อนในตัว  ซึ่งไอ้ชานก็ต้องทำแบบเดียวกัน  พวกเขาไม่ได้ฉวยโอกาสเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเรือนร่างที่สวยงามเพราะมันต้องแก้ด้วยวิธีนี้จริงๆ  ไม่อย่างนั้น...คนในอ้อมกอดของทั้งไคและชานก็ต้องตายไปพร้อมๆกับความหวานที่คนทั้งคู่ได้ลิ้มลอง

     

    ในป่าแห่งนี้...ไม่ได้มีแค่สัตว์ที่เป็นอันตราย  แต่มันยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่คนต่างถิ่นต้องระมัดระวัง??!!

     

                “เอาไงต่อวะไอ้ไค?”

     

                “มึงจะให้กูเอาอะไรล่ะ...”

     

                “แม่งงง...จะขาวอะไรขนาดนี้วะ!!?”

     

                “เออ...ขาวฉิบหาย!

     

                “ตัวก็นิ่ม”

     

                “หอมด้วย”

     

                “สัด!...เลิกพูดเหอะ  ของกูขึ้นละเนี่ย!!

     

                ใช่ว่าต้องอดทนต่อความรู้สึกเบื้องลึกเพียงอย่างเดียว  เพราะมันต้องอดทนกับความร้อนที่ร้อนจนแสบผิวไปทั่วทั้งร่างกาย  คนถูกพิษอาจรู้สึกดีขึ้นเมื่อถูกความร้อนจากกองไฟ  แต่สำหรับคนที่ร่างกายปกติมันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นเนื้อย่างที่กำลังสุกแบบมิเดี่ยมแรร์!!! (Medium Rare)  ทั้งชานทั้งไคไม่รู้ว่าเจ้าของความขาวและความหอมจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่  แล้ววว...มื้อค่ำก็ยังไม่ได้ทาน  น้ำก็ยังไม่ได้อาบ  ส่วนของสำคัญอย่างพืชน้ำสีม่วงก็ไม่รู้ว่าจะปรากฏให้เห็นหรือไม่?? 

     


    มันมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ...แต่ทุกอย่างก็ต้องมาหยุดชะงักเพราะความดื้อรั้นของคนอ้อมกอด    

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่ 3 : pixabay.com

    ***หนามยอกเอาหนามบ่ง  หมายถึง...ตอบโต้หรือแก้ด้วยวิธีการทำนองเดียวกัน

     

    Talk.

    อีกสองตอนก็จะจบแล้วน้าาาา  และขอย้ำอีกครั้งว่าฟิคเรื่องนี้คือความไร้สาระที่ผู้แต่งจินตนาการขึ้นทั้งหมด  ถ้าผิดพลาดประการใด...ก็ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง

    ขอบคุณนักอ่านทุกคน  ขอบคุณคอมเม้นท์และขอบคุณกำลังใจแสนดีที่มอบให้กันนะคะ

    รัก

    #ออกเรือKH

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×