ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) SF ออกเรือ (Kaihun Ft.Chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #2 : ❧ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 752
      62
      17 เม.ย. 64



    ออกเรือวันที่ 2.

     


     

    ท่าเรือ  XXX

     

    ปั้งงงงง!!!!

     

                “คุณ!!...ตื่นเร็ววว!  จะออกเรือแล้ว”

     

                ไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าการปลุกได้ไหม?...แล้วไอ้ประตูพุๆพังๆมันก็อาจจะถูกเปิดออกด้วยอวัยวะเบื้องล่างเพราะความแรงมันทำให้แผ่นไม้เก่าๆกระแทกไปกับฝาผนังที่ขึ้นสนิมจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งห้องพัก  แถมเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกพร้อมกลิ่นบุหรี่ที่โชยเข้ามาในจมูกก็พาให้เช้านี้ไม่สดใสเลยสักนิดเดียว  เซฮุนสะดุ้งตื่นด้วยสภาพเหมือนคนที่ไม่ได้นอน  ส่วนเพื่อนตัวเล็กก็มีสภาพไม่ต่างกัน  ใครจะหลับลง...เมื่อคืนมีคนตาย  ที่นอนก็แข็ง  ผ้าห่มก็เหม็นอับ!!!

     

                “ปลุกดีๆไม่ได้เหรอไง!  ตกใจหมด!!

     

                “ต้องมอร์นิ่งคิสไหมล่ะ?”

     

                “หยุดอยู่ตรงนั้น!!...ไม่ต้องเข้ามาเลยนะ!

     

                รีบยกเท้าขึ้นมาป้องกันความปลอดภัยของตัวเอง...และดีที่เจ้าของท่าเรือยอมถอย  ไคได้แต่ยกยิ้มก่อนยืนพิงกรอบประตูมองเรียวขาขาวๆที่ใส่กางเกงนอนขาสั้น  ยกอีก  ยกสูงๆ  อย่างนั้นนน...ซี้ดดดด!!!  คนถูกมองแทบไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองส่งผลให้เกิดสิ่งใดภายใต้กางเกงยีนส์ของหนุ่มผิวเข้ม  แต่...

     

                “คราวหลังอย่าใส่กางเกงในนะ...มันเห็นไม่ค่อยชัด”

     

                “อะ...ไอ้บ้า!!!  ไอ้โรคจิต!

     

                “ข๊าววว...ขาว!!

     

                “ไปเลย!!!  ออกไปเลย!

     

                คว้าผ้าห่มที่เคยบอกว่ามันเหมือนผ้าขี้ริ้วมาปกปิดเรียวขาของตัวเองเอาไว้...แล้วหยิบหมอนคว้างใส่เจ้าของสายตา  เจ้าของคำพูดและเจ้าของความเจ้าเล่ห์ที่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าให้หายหงุดหงิด  อยากมากก็ไปซื้อเด็กมาเอาสิวะ  ไม่ใช่มาจ้องคนอื่นเหมือนจะกลืนกินแบบนี้...น่าเกลียดที่สุด

     

                “รีบๆจัดการตัวเองให้เรียบร้อย  ผมให้เวลาห้านาที”

     

                “จะบ้าเหรอ  ห้านาทีใครจะอาบน้ำทัน  แค่ถอดเสื้อก็หมดเวลาแล้วมั้ง?!

     

                “งั้นไม่ต้องอาบ  แล้วก็ห้ามฉีดน้ำหอมหรืออะไรก็ตามที่มีกลิ่นแบบคุณ-หนู

     

                “ไม่ต้องมาประชด  ละ...แล้ว”

     

                (รีบทำตามที่เค้าบอกเถอะเซฮุน  ไปเร็วก็ได้กลับเร็วนะ)

     

                ขืนปล่อยให้เถียงกันนานกว่านี้...งานวิจัยคงล่าช้าออกไปอีกหลายวันเพราะกว่าจะเดินทาง  กว่าจะพบสิ่งที่ต้องการหรือกว่าจะได้มาถึงตรงนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสักนิด  แบคฮยอนเตือนเพื่อนขี้บ่นด้วยความหวังดีและก็เข้าใจว่าเจ้าของท่าเรือก็หวังดีเช่นกัน  กลิ่นน้ำหอมอาจทำให้สัตว์ในป่าหรืออะไรก็ตามเกิดความสับสน  พวกราจึงไม่ควรเถียงหรือมีข้อโต้แย้งกับคนในพื้นที่ถ้าไม่จำเป็น

     

                “หัดเข้าใจอะไรง่ายๆเหมือนเพื่อนคุณบ้างก็ดี  แล้วถ้ายังพูดมากอีกจะโดนแบบเมื่อวาน”

     

                “เออ!!! ไม่อาบก็ได้วะ  แม่งงงง!

     

                “แล้วก็เอาแต่ของที่จำเป็นไปเท่านั้น  อะไรที่ไม่สำคัญก็ไม่ต้องเอาไป”

     

                “ขยายความหน่อยดิ๊  ของอะไรบ้างที่ไม่สำคัญ?  คนเรามันไม่เหมือนกันหรอกนะคุณไค  ของแบบนี้อาจไม่สำคัญกับคนคนนั้น  แต่มันอาจสำคัญกับอีกคน!! เก็ทไหม?”

     

                “ในงานวิจัยต้องใช้อะไรบ้างก็เอาไป  ส่วนเสื้อผ้า  ชั้นใน  รองเท้าก็ไม่ต้องเอาไปเยอะมาก  แล้วพวกเครื่องสำอางที่มีกลิ่นแรงๆห้ามเอาไปเด็ดขาด  ยกเว้นนน...ลิปสติกกลิ่นพีชนะครับคุณโอเซฮุน  จูบแล้วมันหวานดี  หอมด้วย!

     

                “ไอ้....  //  แบคเห็นไหมล่ะ  มันกวนตีนกูเนี่ย!!

     

                “เหลือสองนาที...แล้วไปเจอกันที่เรือ”

     

                เพื่อนตัวเล็ก...ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเพลียใจเพราะหนุ่มผิวเข้มก็เป็นซะแบบนี้  แล้วเซฮุนก็ไม่ค่อยยอมคนสักเท่าไหร่  ไม่เข้าใจก็ถาม  ไม่เห็นด้วยก็เถียง  แต่พอเถียงไม่ออกก็ร้องหาพรรคพวกทุกที  แบคฮยอนไม่อยากมีปัญหากับคนแถวนี้  เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันยังฝังใจ  การทำตามที่คนในพื้นที่บอกกล่าวหรือกำชับเอาไว้คือสิ่งที่ไม่ควรโต้แย้ง

     

                “รีบเก็บของเถอะเซฮุน  เดี๋ยวไปล้างหน้าแปรงฟันบนเรือก็ได้”

     

                “กูอยากกลับบ้านนนนน!!  ประเทศบ้าประเทศบออะไรก็ไม่รู้  ฮืออออ!

     

                “อยากร้องไห้ก็ร้องให้มันจริงจังหน่อยสิ”

     

                “แบค...เพื่อนกำลังเสียใจนะเว้ย  มึงยังจะมาล้อเล่นอีก  แล้วไอ้คุณไคแม่งก็กวนตีน”

     

                “แล้วไม่ใช่คนกวนตีนเหรอที่ช่วยพวกเราไว้เมื่อคืนอะ?”

     

                “เชี่ยย...มึงจะพูดทำไมวะแบค!!  คิดแล้วยังกลัวไม่หาย  ยิงคนตายเลยนะเว้ย...แม่งทำเหมือนตบยุง”

     

                “ก็นั่นไง...พวกเรามาโดยไม่รู้อะไรเลย  มีแค่บันทึกของคุณพ่อเล่มเดียว  เพราะฉะนั้น...มึงเลิกบ่น  แล้วทำตามที่คุณไคเค้าบอก”

     

                “จ้า...สวัสดีจ้าคุณไค  พวกเราต้องทำอะไรบ้างจ้ะ  ดีจ้ะ  ขอบคุณจ้ะ”

     

                “ว่าแต่เค้ากวนตีน  มึงก็ชอบยั่วประสาท  เก็บของไปเลย...เดี๋ยวเค้ามาตามก็หงุดหงิดอีก”

     

                “จ้าแบค”

     

                “เซฮุนนนน....”

     

                เก็บกระเป๋าเหมือนอยากระบายอารมณ์เพราะทั้งเสื้อผ้า กางเกง  รองเท้าก็จับยัดๆ ๆ ๆ...โดยมาสนว่ามันจะยับหรือเกิดความเสียหาย  อยากเร่งดีนัก  เครื่องสำอางก็ไม่ให้เอาไป  น้ำหอมก็ไม่ให้ฉีด  น้ำก็ไม่ได้อาบ  มีอะไรที่โอเซฮุนทำได้บ้างไหมเนี่ยยยย?!!!  ใช่ว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนตักเตือน...แต่บางเรื่องมันก็ต้องถาม  จะให้ทำไปโดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ไม่ใช่นิสัยของนักวิจัยน่ะสิ?!!!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ปึ่กกก!!!

     

                “ใส่คู่นี้...”

     

                “......??”

     

                ยังไม่ทันได้ก้าวขาขึ้นเรือ...รองเท้าบูทก็ถูกโยนมาตรงหน้า  แล้วเรือที่ว่าก็ต่างกับสิ่งที่คิดเอาไว้มากมายเหลือเกิน  มันคือเรือใช่ไหม?  จะพาไปถึงที่หมายได้จริงๆหรือ??  ยังกับซากเหล็กรอการทำลาย???  เซฮุนมองใบหน้าคมเข้มด้วยความไม่สบอารมณ์เพราะการโยนร้องเท้าให้คนอื่นมันช่างเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย  แล้วการสวมร้องเท้าผ้าใบมันผิดตรงไหน  มันก็ดูกระชับและสามารถเดินบุกป่าฝ่าดงได้เหมือนกัน

     

                “ไอ้ตัวเล็ก...ใส่บูทดีกว่า  ป้องกันงูกัด”

     

                (มะ...มีงูด้วยเหรอคุณชาน)

     

                “แมงป่องก็มี  สัตว์มีพิษมันเยอะ  ใส่บูทไว้ปลอดภัยกว่า”

     

                “โอเค...”

     

                เป็นคำตอบที่น่าฟังมากกกกก...แม่น้ำฝั่งนู้นมีจระเข้  ในป่ายังเสือกมีงูกับแมงป่องอีก  แบคฮยอนรีบเปลี่ยนจากรองเท้าผ้าใบสีดำมาเป็นบูทหนังที่ยาวขึ้นมาถึงหน้าแข้งด้วยความรวดเร็ว  ส่วนเซฮุนก็รีบทำตามเช่นกันเพราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น  ความเรื่องมาก  ความขี่บ่นและความสงสัยก็หายวับไปกับตา  แต่...

     

    แอ่บบ!!!

     

                “เหี้ยย...อะไรวะ!!!

     

                บูทหนัง...ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วตกลงมาบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงเพราะเมื่อเท้าสัมผัสความนิ่มยืดหยุ่นจนเกิดเสียงร้อง  ความตกใจก็พาลให้ยกขาขึ้นพร้อมสะบัดร้องเท้าออกทันที  เซฮุนรีบวิ่งไปกอดเพื่อนทั้งๆที่เพิ่งใส่รองเท้าได้เพียงข้างเดียว  และเมื่อเจ้าของท่าเรือหยิบมันมาเคาะเบาๆสองถึงสามครั้งก็พบเจ้ากบตัวน้อยกระโดดออกมาจากบูทสีเข้ม  มันเป็นรองเท้าที่ไม่ได้ใช้มานานนับปี  ลูกค้าแทบนี้มักสวมมาพร้อมเมื่อต้องออกเรือหรือต้องเข้าป่า  แต่สองคนตรงหน้า...คือลูกค้าที่ต้องคอยบอกคอยสอนเกือบจะทุกเรื่อง

     

                “แค่กบ...จะแหกปากเสียงดังทำไม?!

     

                “แล้วถ้ามันไม่ใช่กบล่ะ  คราวหลังจะเอาอะไรมาให้ใส่ก็ตรวจดูด้วย  บ้าจริง!!

     

                “ขอโทษ...”

     

                “อะ...อื้มม”

     

                ไม่คิดว่าคนบ้านป่าเมืองเถื่อนจะกล่าวคำคำนี้...เซฮุนจึงกล่าวตอบแบบสั้นๆด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าทุกครั้งเพราะไม่อยากให้บรรยากาศในยามเช้ามันแย่ไปมากกว่าเดิม  ทราบว่าตัวเองเป็นคนเรื่องมาก  แต่บางเรื่องอย่างเช่นเรื่องนี้มันก็ต้องตรวจดูให้รอบคอบก่อนนำมาให้ใช้  ดีที่สิ่งที่อยู่ในรองเท้ามันคือสัตว์ไม่มีพิษ  ไม่อย่างนั้นศพที่สองต่อจากคนที่ถูกยิงเมื่อคืนก็คือโอเซฮุน

     

                “เอ่ออ...ก่อนออกเรือ  ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

     

                “ถามมาเลย...จะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคา  เพราะออกเรือครั้งนี้กว่าจะกลับก็อีกหลายวัน  แล้วพวกคุณเตรียมของมาครบแล้วใช่ไหม  ผมไม่วนเรือกลับมาเอาของให้พวกคุณหรอกนะ”

     

                “ของครบครับ  แต่เรือของคุณไคจะไหวใช่ไหม??”

     

                ไม่ใช่แค่เซฮุนที่คิด...เนื่องจากพาหนะลำนี้มันเก่าพอๆกับท่าเรือและสภาพเท่าที่เห็นก็เหมือนจะพังได้ทุกเมื่อ  แบคฮยอนจึงอดถามออกไปไม่ได้เพราะการเดินทางที่ต้องใช้เวลาเป็นวันวันมันก็น่าจะเป็นเรือที่มีสภาพดีกว่านี้  แต่นี่...มันเศษเหล็กลอยน้ำชัดๆ

     

                “ผมก็มีอยู่ลำเดียวนี่แหละคุณ...ออกเรือมาเป็นร้อยๆครั้งก็ไม่เคยมีปัญหา”

     

                (ยังมีหน้ามาเรียกว่าท่าเรืออีก  ท่าเรือบ้าอะไรมีเรืออยู่ลำเดียว)

     

                เป็นคำกระซิบ...ที่พูดให้แค่เพื่อนตัวเล็กได้ยินเท่านั้นเพราะขืนพูดดังกว่านี้ก็คงถูกถีบตกน้ำ  แต่สิ่งที่เซฮุนกล่าวมาทั้งหมดมันก็คือเรื่องที่แบคฮยอนเห็นด้วย  คำว่า  “ท่าเรือ”  ในความคิดของพวกเขาคือต้องมีเรือหลายลำจอดเทียบท่า  ลูกค้าต้องการเรือแบบไหนเพื่อออกไปล่าสัตว์  หาของป่าหรืออะไรก็ตามที่ต้องการมันก็น่าจะเป็นพาหนะที่ดีกว่านี้  ไม่ใช่เศษเหล็กที่ไม่รู้ว่าพังตอนไหนอย่างที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้า

     

                “เอาเรือดีๆออกไปมันเสี่ยงโดนปล้น  แม่น้ำแถบนั้นไม่ได้มีแค่พวกเรานะไอ้ตัวเล็ก”

     

                “ผมก็แค่กังวลว่าเรือลำนี้มันจะพาพวกเราไปได้ไหม  เพราะของที่ผมต้องการมันสำคัญมากนะคุณชาน”

     

                “ก็รู้ไงว่าสำคัญ...ถึงได้เอาลำนี้ไป  เกิดโดนปล้นกลางทางของสำคัญที่ว่าก็ไร้ค่านะคุ๊ณณ!!!

     

                “โอเคๆ...ผมไม่ถามอะไรแล้ว  ออกเรือกันเถอะ”

     

                หมดข้อสงสัย  ไร้คำถามและสัมภาระก็ถูกโยนใส่เรือพร้อมของใช้จำเป็น  ส่วนของสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยก็ต้องแบกขึ้นหลังก่อนนำไปวางไว้ที่ที่ปลอดภัย  ของบางอย่างอาจเกิดการแตกร้าว  แบคฮยอนจึงต้องระวังมากเป็นพิเศษ  แถมราคาของมันก็น่าแพงกว่าเรือลำนี้หลายเท่า  หมอกหนาสีขาว...เริ่มจางลงเมื่อเรือค่อยๆเคลื่อนออกไปจากท่า  บรรยากาศในยามเช้ามันช่างแสนสดชื่น  น้ำเบื้องหน้ามันใสจนเห็นปลาแหวกว่ายอยู่เป็นฝูง  แล้วการได้จิบกาแฟไปพร้อมๆกับการล่องเรือไปตามแม่น้ำ...มันก็ทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

     

                “คุณชาน...ทานกาแฟไหม?”

     

                “ไม่...เช้าๆแบบนี้มันต้องกรึ๊บบ!

     

                “เดี๋ยวก็เมา!

     

                “ไม่เมาหรอก...ตาสว่างดี  ตัวเล็กจะลองไหม?”

     

                “ผมชื่อแบคฮยอน  ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็ก”

     

                “ก็มึงตัวเล็กจริงๆนี่หว่า  แล้วชื่อก็เรียกยาก”

     

                “คุณชานนั้นแหละตัวใหญ่เกินไป”

     

                “อย่างอื่นก็ใหญ่นะ”

     

                “ (- -‘

     

                ไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกหรือว่าอยากรู้เลยสักนิด...แต่มันก็คงจะจริงอย่างที่เจ้าตัวพูดเพราะแค่ถูกอุ้มตอนเกิดเรื่องเมื่อคืน  ร่างกายของเขาก็เหมือนจะจมหายไปกับความใหญ่โตของคนที่ตอนนี้เอาแต่กระดกของมึนเมาเข้าปาก  ขนาดฟ้ายังไม่สว่างยังดื่มขนาดนี้  แล้วช่วงสายจะขับเรือไหวไหมเนี่ย?  อุตส่าห์หวังดีเอากาแฟมาให้ด้วยคิดว่าจะต้องเดินทางกันอีกไกล  แต่ที่ไหนได้...แอลกอฮอล์กลับดีกว่าคาเฟอีน

     

    เฮ้ออออ!!...ขอให้เดินทางปลอดภัยด้วยเถิ๊ดดดด!!!

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    12.00 น.

     

    ปั่กก ๆ ๆ ๆ!!!!

     

                “ไอ้ชาน...น้ำเดือดยังวะ?”

     

                “แป๊บนึง”

     

                เรื่องจับปลา...ยังพอทำความเข้าใจได้ว่ามันเป็นวิถีชีวิตของคนที่นี่  แต่การใช้มีดขนาดใหญ่สับหัวของมันทั้งๆที่ยังมีชีวิตคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกหดหู่  เสียงของมีคมที่ฟันหัวปลาซ้ำๆก่อนนำเกล็ดออกอย่างชำนาญคือสิ่งที่คนต่างถิ่นอย่างเซฮุนและแบคฮยอนต้องเมินหน้าหนี  มันช่างเป็นมื้อกลางวันที่สดใหม่...แถมความคาวที่มาพร้อมกับกลิ่นเลือดก็คละคลุ้งจนต้องใช้มือปิดจมูกเอาไว้  ส่วนมื้อเช้าหลังจากที่ทานกาแฟกันเรียบร้อยก็คือไก่เป็นๆที่ถูกปาดคอแล้วนำมาย่างกับไฟ

     

    วิธีทำอาหารมันน่าหดหู่ก็จริง...แต่ต้องก็ยอมรับว่ารสชาติอร่อยไม่ใช่เล่น (อาเมน!!)

     

                “แบค...บันทึกของพ่อได้บอกไว้หรือเปล่าว่าถ้าเจอไอ้ดอกม่วงๆแล้วต้องทำไง?”

     

                ระหว่างรอเจ้าของท่าเรือกับเพื่อนทำมื้อเที่ยง...เซฮุนขอพาแบคฮยอนเข้ามาทำความเข้าใจในเรื่องของพืชน้ำสะท้อนแสง  ในเรือมีห้องนอน  มีห้องน้ำและของใช้ทุกอย่างก็ดีกว่าที่ท่าเรือเสียอีก  ผ้าห่มใหม่  ที่นอนก็นุ่ม  ส่วนอากาศก็ไม่ร้อนเหมือนเมื่อคืน  ถึงเวลานี้พระอาทิตย์จะทำงานเต็มที่แต่ป่าโดยรอบหรือต้นไม้น้อยใหญ่ก็ช่วยบดบังแสงแดดได้ดี  แล้วก็...ขอบคุณคนตัวดำที่เริ่มใส่ใจคนต่างถิ่นอย่างพวกเขามากขึ้น

     

                “พ่อบอกว่าห้ามจับตัวดอกมันเด็ดขาด...แต่ก็ห้ามเด็ดดอกทิ้ง  เราต้องเก็บให้ครบ  ทั้งดอก  ใบ  ลำต้น  ราก  ทุกอย่างต้องสมบูรณ์ที่สุด  ถ้าดอกหลุดออกจากลำต้นมันก็จะใช้ไม่ได้เลย”

     

                “โห!!!...หายากแล้วยังเสือกเก็บยากอีก  ดอกมีพิษแต่ไม่ให้เด็ดดอกทิ้งเนี่ยนะ!!  เรียกพระเจ้ามาเก็บเหอะ”

     

                “ถ้าพระเจ้าช่วยได้  กูอยากให้ท่านช่วยคืนคุณพ่อมาให้กูมากกว่า”

     

                “ดึงไปเศร้าซะงั้น”

     

                “เฮ้อออ....”

     

                “ไม่เศร้าดิแบค...พ่อมึงตายเพื่อช่วยคนทั้งโลกเลยนะเว้ย  ฮีโร่ชัดๆ”

     

                “ขอบใจนะเซฮุน  กูก็แค่คิดถึงอะ...ไม่ได้เศร้าหรอก”

     

                “มา ๆ ๆ...ป๋าจะกอดปลอบน้องแบคเอง  อย่าคิดมากนะ...น้า!!!!!

     

                รีบลุกออกจากเตียง....และเดินไปโอบกายเพื่อนรักที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆหน้าต่าง  เซฮุนเข้าใจดีว่าแบคฮยอนกำลังรู้สึกเช่นไร  การสูญเสียคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่ทำใจได้ยาก  ยิ่งการสูญเสียโดยการถูกฆาตกรรมก็เป็นสิ่งที่นำความโศกเศร้ามาให้มากมายเหลือเกิน  แต่...!!!การทำหน้าที่เป็นป๋าก็ถูกตอบแทนด้วยน้ำหนักที่กดทับลงมาตรงช่วงหัวไหล่  และสองมือที่กำลังปลอบประโลมเพื่อนรักก็ต้องคลายออกก่อนหันไปมองที่ไหล่ด้านซ้ายของตัวเอง  แล้วววว.....ก็

     

                “เชี่ยยยย!!!  แบค...วิ่งงงงงงงง!!!!

     

                เจ้าของชื่อ...ไม่ทันได้วิ่งอย่างที่เพื่อนรักแหกปากร้องจนดังลั่นป่า  เนื่องจากถูกลากออกมาจากห้องทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น??  โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาดเมื่อคนสองคนที่ขอตัวไปคุยเรื่องงานวิจัยพากันวิ่งออกมาโดยไม่สนว่าจะชนเข้ากับอะไรบ้าง  ดีที่มื้อเที่ยงไม่คว่ำจนต้องทำใหม่...ไม่อยากนั้นหนุ่มผิวเข้มคงต้องนั่งตกปลาอีกเป็นชั่วโมง  ไคจำเป็นต้องจับตัวเซฮุนเอาไว้เพราะขืนปล่อยให้วิ่งต่อไปมีหวังได้ตกน้ำกันทั้งคู่  ส่วนแบคฮยอนก็ต้องปล่อยหน้าที่ให้เป็นของคนตัวใหญ่

     

                “หยุดเดี๋ยวนี้...เกิดอะไรขึ้น!!!  แหกปากร้องอะไรกัน?”

     

                “จะกลับบ้านแล้ว  ไม่อยู่แล้วววว...ปล่อยยยยย!!!

     

                “ร้องดังขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก  แล้วก็หยุดดิ้นสักที!!!

     

                “ให้มันตายไปเลย  ฮืออออ...ไม่อยากอยู่แล้ววว!!!

     

                สถานการณ์แบบนี้...มันคงต้องใช้คำว่าสติแตกเพราะน้ำหนักที่กดทับลงมาบนไหล่ตอนอยู่ห้องนอนก็คืองูหลาม  เซฮุนยังไม่ทันได้ประมวลภาพหรือลำดับเหตุการณ์ว่ามันมาเลื้อยเข้ามาตอนไหน  แค่เห็นมันทิ้งตัวจากขอบหน้าต่างก่อนหล่นลงมาบนไหล่ของเขาแค่นั้นก็แหกปากร้องพร้อมพาเพื่อนวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต  และตอนนี้...ไคก็พยายามควบคุมเซฮุนให้หยุดอาละวาด  ร่างบางในอ้อมกอดยังคงขืนกายไม่หยุด  ปากก็เอาแต่พูดว่าอยากกลับบ้าน  ใบหน้าเรียวสวยซีดเหมือนแผ่นกระดาษ  แถมน้ำตายังไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

                “ชู่ววววว!!! ไม่ร้องนะเซฮุน...ใจเย็นๆก่อน”

     

                มือหนา...ค่อยๆคลายอ้อมกอดแล้วลูบใบหน้าซีดเซียวด้วยความทะนุถนอม  น้ำตาบนแก้มนุ่มถูกปาดออกไปพร้อมสบจ้องคนขวัญเสียอย่างนึกเห็นใจ  เกิดมาก็ไม่เคยปลอบใคร...และไม่เคยมีใครมาปลอบทั้งนั้นเพราะการโตมาโดยไร้พ่อขาดแม่มันทำให้ชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด  แค่มีท่าเรือไว้ทำมาหากิน  ไว้ซุกหัวนอน  ไว้พักผ่อนในยามเหนื่อยล้าก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว  แต่ช่วงที่เจอคุณพ่อของคนตัวเล็กมันคือความอบอุ่นเดียวที่เขาสัมผัสได้  ท่านเป็นคนดี  เป็นคนเก่งและเป็นผู้มีพระคุณที่ไคจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด    

     

                “ฮืออออ...คุณไค!

     

                “โอเค...ไม่เป็นไรแล้ว  แต่ช่วยบอกผมหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

     

                “งะ...งู  มีงูอยู่ในห้องนั้น!

     

                เปิดหน้าต่างเพื่อหวังจะรับลมจากธรรมชาติ...แต่ธรรมชาติกลับมอบงูตัวใหญ่ให้เป็นรางวัล  เซฮุนเข้าใจว่าที่นี่คือป่า  ป่าที่มองไปทางไหนก็เขียวทึบและชุ่มชื้น  แล้วงูมันก็ควรไปหากินที่อื่น  ซึ่งไม่ใช่บนเรือลำนี้......WTF!!!  สองแขนโอบรอบลำคอแกร่งเหมือนหาที่พักทั้งทางกายและทางใจ  ใบหน้าที่ตื่นตระหนกซบลงบนไหล่กว้างพร้อมเอ่ยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

     

                “งูเหรอเซฮุน!!!?”

     

                คำตอบของเพื่อนรัก...ทำให้คนตัวเล็กที่แอบอยู่ทางด้านหลังของคุณชานต้องชะโงกหน้าออกมาถามด้วยความตกใจ  แบคฮยอนไม่ทราบจริงๆว่าในห้องนอนมีงูเพราะหลังจากได้ยินเสียงเซฮุนร้องโวยวาย  ตัวเขาก็ถูกลากออกมาจนหัวแทบทิ่มไปกับพื้นเรือ

     

                “เดี๋ยวกูไปจับเอง...ได้อาหารเย็นล่ะทีนี้”

     

                “คุณชาน...อย่าฆ่ามันนะ!  ผมขอล่ะ”

     

                “ขอไปเลี้ยง??”

     

                “ไม่ใช่สักหน่อย!!...”

     

                “ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า...พวกคุณนี่ตลกดีเนอะ  เออๆ..เดี๋ยวจับไปทิ้งให้”

     

                ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเจอสัตว์แบบนี้...และการที่พวกเขาเชือดไก่หรือฆ่าปลามาทำเป็นอาหาร  มันก็คงจะทำให้สัตว์นักล่าแบบงูได้กลิ่นของเนื้อสด  คนตัวใหญ่รีบเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนค้นทุกซอกทุกมุมจนแน่ใจและจับสิ่งไม่มีพิษขนาดเท่าแขนโยนลงน้ำจนเกิดเสียงที่พาให้ทั้งเซฮุนทั้งแบคฮยอนสะดุ้งจนสุดตัว

     

                “.......!!!!!!!

     

                “ไม่มีอะไรแล้ววว...”

     

                T^T

     

                “คราวหลังต้องตั้งสติหน่อย  ขืนพวกคุณยังแหกปากกันแบบนี้...ผมคงต้องยกเลิกการออกเรือ”

     

                “มันห้ามได้ที่ไหนล่ะ  ก็คนมันตกใจหนิ  งูนะคุณ...ไม่ใช่แมลงวันบินมาเกาะแล้วจะปัดออกได้”

     

                “แต่คุณน่ะ!!...เลิกเกาะผมได้แล้ว  กอดก็แน่น...หายใจไม่ออก”

     

                “ยะ...อยากกอดตายล่ะ!!

     

    เถียงได้แบบนี้...แสดงว่าหายกลัวแล้วสิ?!

     

                ไคยกยิ้ม...และแสร้งพูดให้คนตัวหอมโวยวายไปอย่างนั้นเพราะจะได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น  แล้วยิ่งเซฮุนพยามยามปัดความสกปรกออกจากร่างกายก็ยิ่งพาลให้หนุ่มผิวเข้มอยากกอดให้จมอก  ถ้าคิดว่าเขาสกปรกขนาดนั้นแล้วมากอดทำไม  แถมยังร้องไห้จนต้องปลอบใจอยู่พักใหญ่  แต่ผิวขาวเนียนนุ่มที่อยู่ในอ้อมอกเมื่อครู่ก็ทำให้ไคเพิ่งรู้ว่า...เซฮุนตัวหอมมากๆแม้จะยังไม่ได้อาบน้ำก็ตามที  (ฮ่าาาาห์...ชื่นใจ)

     

                “มากินข้าวกันได้แล้ว...มื้อนี้ยาวถึงมื้อเย็นเลยนะ”

     

                “ทำไมล่ะ?”

     

                “อยากให้งูมันมาอีกเหรอไง?”

     

                “ไม่... // ไม่!!!

     

                สองเสียงจากคนต่างถิ่น...เอ่ยตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย  แกงปลาอะไรก็ไม่รู้ถูกตักใส่ชามพร้อมข้าวที่หุงไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าก่อนวางไว้กลางโต๊ะ  ทั้งแบคฮยอนและเซฮุนต่างมองหน้ากันเพราะไม่มีใครกล้าตักมื้อเที่ยงเข้าปาก  กลิ่นที่ลอยเข้าจมูกมันก็หอมดีอยู่หรอก  แต่เกรงว่าเนื้อปลามันจะคาวจนอาจทำให้อาเจียน

     

                “ไม่กินล่ะ?...ที่นี่ไม่มีพิซซ่าให้กินหรอกนะ  ไม่กินก็อด”

     

                “ถ้าสั่งพิซซ่ามากินได้ก็ไม่ง้อหรอก!!

     

                “ใครอยากให้งอ...ไม่กินก็ไม่แคร์  ดีเหมือนกัน  ประหยัด!!

     

                “อยากกลับบ้านนนน!

     

                “โตป่านนี้แล้ว...งอแงเป็นเด็กไปได้  อย่าเรื่องมากได้ไหม  มีอะไรก็กินๆเข้าไปเถอะ  ขี้ออกมาก็เหม็นเหมือนกันนั้นแหละ”

     

                “แหวะ!!...ไม่มีมารยาท  ตอนกินข้าวใครเค้าพูดเรื่องแบบนี้กัน”

     

                “ไปมีมารยาทที่อื่น...นี่มันในป่า  ไม่มีใครเค้าสนเรื่องมารยาทหรอก”

     

                (อื้มมม...อร่อยนะเซฮุน  ชิมสิ!)

     

                เหมือนต้องเป็นหน่วยกล้าตาย...เพราะไม่อยากให้เพื่อนทะเลาะกับเจ้าของเรือมากไปกว่านี้  พวกเราต้องอาศัยเขานำทางอีกหลายวัน  ขืนทะเลาะกันบ่อยๆมีหวังคุณไคอาจโมโหจนต้องหันเรือกลับแน่ๆ  แบคฮยอนตักเนื้อปลาชิ้นใหญ่ใส่ไว้ในชามของเซฮุน  ก่อนตักความอร่อยเข้าปากอีกคำเพื่อย้ำว่ารสชาติของมันไม่ได้แย่เหมือนที่คิด  กลิ่นของใบไม้ใบหญ้าที่ไคเอามาผสมในอาหารมื้อนี้ทำให้ปลาไม่เหม็นคาว  แถมความเปรี้ยวจากดอกอะไรก็ไม่รู้สีแดงก็ยังช่วยเพิ่มความอร่อย

     

                “เออ...อร่อยจริงๆด้วยว่ะ”

     

                “ทีหลังก็หัดชิมก่อนแล้วค่อยบ่น”

     

                “ไม่ด่ากันสักเรื่องจะตายไหมคุณไค”

     

                “แล้วไม่บ่นสักเรื่องมันจะตายไหมคุณเซฮุน”

     

    น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง...แบคฮยอนจึงทำได้เพียงยกชามข้าวออกไปนั่งทานที่อื่นเพราะท่าทางสองคนนี้คงจะปะทะคารมกันอีกนาน  (- -‘

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    20.00 น.

     

    ตู้มมมม!!!

     

                “สบายจริงโว้ยยยย...”

     

                “อย่าเสียงดังสิเซฮุน”

     

                “ขอโทษ...กูลืม”

     

                น้ำใสไหลเย็นเห็นไปถึงความขาวเนียน...และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ไคและเพื่อนตัวใหญ่ต้องมานั่งเฝ้าคนอาบน้ำ  แล้วค่าเสียเวลาในการเดินเรือก็คือการได้เห็นความสวยงามแหวกว่ายอยู่ในสายตา  แต่ความสบายกายของหนึ่งในความขาวเนียนกลับทำให้เจ้าตัวแหกปากร้องด้วยความดีใจ  ไคอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าด้วยความเพลียเพราะเซฮุนเก่งแต่เรื่องโวยวาย  เถียงก็เก่ง  ปัญหาก็มากแถมยังไม่ค่อยเชื่อฟังกันสักเท่าไหร่

     

     

                ที่บ่นที่ว่า...ก็เพื่อความปลอดภัยทั้งนั้น  การออกเรือมันมีความเสี่ยงทั้งเรื่องของสัตว์ป่า  สัตว์มีพิษและรวมถึงพวกที่เห็นคนต่างถิ่นเป็นเพียงสินค้า  ไคจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนมากกว่าพวกสัตว์ในป่า  แล้วการเปลี่ยนเส้นทางในครั้งนี้ก็ยังไม่ได้แจ้งให้ลูกชายของผู้มีพระคุณทราบ  ยิ่งต้องแจ้งเรื่องนี้ให้กับคนขี้เหวี่ยงขี้วีนทราบอีกคนก็ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าหนักใจกว่าอะไรทั้งหมด  การเปลี่ยนเส้นทางอาจต้องใช้เวลาในการเดินเรือนานถึงสองวัน  ซึ่งดีที่น้ำไม่เชี่ยวและไม่ใช่ฤดูน้ำหลาก...ไม่อย่างนั้นการเดินทางจะนานถึงห้าวันเต็ม

     

                “คุณ...รีบอาบรีบขึ้นดีกว่ามั้ง  ดึกๆสัตว์มันออกหากิน”

     

                “โอเค....”

     

                ทำตามอย่างว่าง่าย...เพราะประสบการณ์ในเรื่องของงูหลามมันทำให้ไม่กล้าขัดคำสั่ง  แค่ได้เอาร่างกายไปแช่น้ำก็รู้สึกสบายตัวมากขึ้น  และถึงแม้จะไม่ให้ใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำอย่างที่ใจต้องการ  แต่มันก็ยังดีว่าการล้างหน้าแปรงฟันเป็นไหนไหน  เซฮุนรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่างกายเอาไว้เพราะสายตาคมที่จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวมันพาให้รู้สึกแปลกๆ  จะมองอะไรนักหนา...ควักลูกตาทิ้งซะดีมั้ง!!!  ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าไอ้ตัวเล็กก็รีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนเช่นกัน  สายตาคนที่นี่มันไม่น่าไว้ใจ  แล้วถ้าคุณชานจะมองขนาดนั้น...คราวหลังเขาคงไม่กล้าลงมาอาบน้ำอีกแล้ว

     

                “น่ากินว่ะ...คนอะไรวะโคตรขาวเลย”

     

                “อย่าแม้แต่จะคิด”

     

                “แหม...มึงไม่คิดเลยเนอะไอ้ไค!! กูเห็นมึงจ้องแต่ตูดคนที่ชื่อเซฮุน”

     

                “เออ...คนอะไรวะตูดใหญ่ฉิบหายแต่เอวเล็กแค่นี้”

     

                “จะรอดถึงวันกลับไหมเนี่ย...เห็นแล้วซี๊ดดดด!!!

     

                รู้สึกขอบคุณเสียงจิ้งหรีด...และสัตว์ที่ออกมาหากินในยามค่ำคืนเพราะมันทำให้บทสนทนาสองแง่สามง่ามถูกกลบด้วยเสียงสัตว์เหล่านั้น  ไคทำการดับไฟที่สุมอยู่ด้านนอกก่อนจุดตะเกียงเพื่อให้แสงสว่าง  หน้าเรือท้ายเรือก็ต้องนำตะเกียงไปวางไว้เนื่องจากสัตว์ส่วนมากไม่ชอบแสงไฟ  แต่...ยังไม่ทันจะได้เอาตะเกียงไปไว้ในห้องนอนเพิ่มอีกหนึ่งอันเพื่อลดความหวาดกลัว  คนที่เพิ่งสบายใจกับการได้อาบน้ำก็หอบหมอนโกยผ้าห่มเดินออกมาด้านนอก

     

                “เจออะไรอีกล่ะ?”

     

                “ป่าวเจอ...แต่ไม่กล้านอน”

     

                “กลัวงู???”

     

                “อือ...”

     

                “ถ้าอยากนอนข้างนอกก็ต้องแยกกันนอน  ผมดูแลสองคนไม่ไหวหรอกนะ” 

     

                “ทำไมจะนอนด้วยกันไม่ได้ล่ะ?”

     

                “ถ้าไม่แยกกันนอนก็กลับไปที่ห้อง...ไอ้ชานมันต้องขับเรือ  ผมต้องคอยเปลี่ยนเวร”

     

                (เอาไงดีวะแบค??)

     

                ใจหนึ่งก็ยังหวั่นกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น  แต่อีกใจก็ไม่อยากแยกกันนอนกับเพื่อนรัก  แล้วอีกใจก็รู้ดีว่าคนตรงหน้าต้องทำอะไรบ้าง  ส่วนไคก็รู้สึกปวดประสาทกับพวกคุณหนูทั้งสองคนเพราะขนาดเขาให้ไอ้ชานไปซื้อผ้าห่มมาใหม่  เตียงก็เปลี่ยนให้นุ่มกว่าที่นอนในท่าเรือ...แต่พวกคุณคุณก็ยังเรื่องมากกันเหมือนเดิม

     

                “จะเอาไง?”

     

                “คุณนั้นแหละจะเอาไง  แต่พวกเราไม่กลับไปนอนในห้องแน่ๆ”

     

                “เรื่องเยอะกันจริงๆ...”

     

                “จะเอาไงก็ว่ามาเลย...นี่ตามใจแล้วนะ”

     

                “งั้นเอางี้...แบคไปนอนที่ท้ายเรือกับไอ้ชาน  ส่วนคุณ...อยู่กับผม”

     

                ได้โอกาสก็ขอใช้ให้มันเป็นประโยชน์  ยิ่งไอ้ชานมันอยากกอดคนตัวเล็กจนแทบบ้า  แล้วจังหวะเหมาะแบบนี้ใครมันจะยอมทิ้งไปง่ายๆล่ะ...ว่าไหม?!!  แต่ในความฉวยโอกาสมันก็มีความเป็นจริงปะปนอยู่บ้างเพราะถ้าปล่อยให้สองคนนี้นอนข้างนอกโดยไร้ผู้ดูแลมันก็คงจะเสี่ยงมากเกินไปหน่อย  แล้วไหนไหนคืนนี้ไอ้ชานก็มีหน้าที่ขับเรือ  เขาจึงจำเป็นต้องฝากคนตัวเล็กเอาไว้สักคน  ส่วน...คุณหนูตัวป่วนของเรือก็ต้องเป็นเขาคนเดียวเท่านั้นถึงจะเอาอยู่

     

                “กูไปก่อนนะเซฮุน...พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”

     

                “มึงโอเคใช่ไหมแบค?”

     

                “กูโอเค...แล้วมึงล่ะ?”

     

                “อื้มมม...”

     

                “งั้นก็ฝันดีนะเซฮุน”

     

                “บาย...แล้วเจอกัน  ฝันดี”

     

                เพิ่งรู้...ว่าพวกคุณหนูกว่าจะนอนกันได้ก็ต้องบอกฝันดี  แล้วไอ้ดวงตาเศร้าสร้อยพร้อมการโบกมือลาอย่างอาลัยอาวรณ์มันก็น่าขำที่สุด  ขนาดจะนอนยังเรื่องมากขนาดนี้  ไคจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเซฮุนถึงได้เรื่องมากไปเกือบทุกเรื่อง  เจ้าของท่าเรือไม่เคยบอกฝันดีกับใครทั้งนั้น  ไอ้ชานจะไปนอนที่ไหนทำอะไรก็ไม่เคยถามสักคำ...แล้วใครจะฝันดีฝันร้ายก็ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมอง

     

    ฝันดีนะไอ้ชาน...พรุ่งนี้เจอกัน  บายยย!  แค่คิดก็อยากจะอ้วกกกก!!!

     

                “แล้วจะให้ผมนอนตรงไหน?”

     

                “ในเต็นท์...”

     

                “เต็นท์ของคุณเนี่ยนะ?”

     

                “นอนข้างนอกยุงกัดตายแน่”

     

                “ละ...แล้วคุณไม่นอนเหรอ?”

     

                “อยากให้นอนด้วย??”

     

                “ป่าวสักหน่อย...”

     

                “งั้นก็ไปนอนได้แล้ว  หมดเวลาเรื่องมาก”

     

                ไคกับชานมีเต็นท์นอนแยกกันคนละส่วนเพราะพวกเขาต้องช่วยกันขับเรือตลอดทั้งวัน  ใครง่วงก็บอก  ไม่ไหวก็เรียก...นอนเต็นท์ใครเต็นท์มัน  เจ้าของท่าเรือไม่ค่อยห่วงเรื่องที่หลับที่นอนสักเท่าไหร่  เขาทำงานแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก  ค่ำไหนก็นอนนั่น  มีอะไรกินก็กินโดยที่ไม่ได้สนเรื่องของรสชาติด้วยซ้ำ  ขอแค่ไม่อดตายเป็นพอ  ส่วนเซฮุนก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาเรื่องมากแล้วในตอนนี้  อะไรที่ให้ความปลอดภัยก็ขอเอาไว้เป็นอันดับแรก  สองขา...คลานเข่ามุดตัวเข้าไปในเต็นท์  ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกกางออกก่อนนอนทับไว้ครึ่งหนึ่งแล้วอีกครึ่งก็ใช้คลุมร่างกาย  และเมื่อหมอนพร้อม  ความง่วงพร้อม...ก็ถึงคราวต้องกล่าวราตรีสวัสดิ์

     

                “ขอบคุณนะคุณไค...ฝันดีนะ”

     

    และ....

     

                “เออ...ฝันดี”    

     

     

    ก็รู้สึกกระดากปากนิดหน่อย  แล้วก็......ใจเต้นหน่อยๆ!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพในตอนที่สอง : The Fan Carpet

     

    Talk.

    ขอบคุณทุกๆการติดตามนะคะ  แล้วก็ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ของทุกๆคนด้วยค่ะ  ^^)

    ส่วนฟิคเรื่อง  #ฝากเลี้ยงKH  ใครรออยู่...เราต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะที่ยังไม่อัพ  แต่ไม่ทิ้งกันแน่นอนค่ะ

    รัก

     #ออกเรือKH       

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×