คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หนึ่ง
1.
แกร๊บบบ!!!
กร็อบบบ!!!
“มันไปทางไหนวะ!!!”
“แยกกันตามหา มึงไปทางนั้น...เดี๋ยวกูไปทางนี้ ส่วนมึงเฝ้ารถเอาไว้!!!”
เสียงเหยียบใบไม้แห้ง เสียงหอบหายใจและเสียงทุ้มหนักของชายสองคนกำลังดังก้องไปทั่วป่าในยามค่ำคืนเพราะหลังจากขับรถมาได้สักระยะ สิ่งของที่ต้องนำมาส่งให้ถึงปลายทางก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นกลับหลบหนีออกมาระหว่างแวะพักเพื่อขับถ่ายของเสีย และที่รถบรรทุกขนาดย่อมต้องยอมปลดล็อคที่แน่นหนาก็เนื่องมาจากสิ่งของที่ว่า...เกิดตายระหว่างทาง แล้วของที่เหลือต่างก็พากันส่งเสียงร้องจนต้องยอมปลดล็อคเพื่อเช็คสินค้า
และสินค้าชั้นดี...ก็คือ “ชีวิต” ของทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย คนรวยมีเงินล้นฟ้าแต่ยังไม่อยากตายก็คงต้องยื้อชีวิตไว้ด้วยตับปอดหรือการปลูกถ่ายอวัยวะจากวัยที่กำลังเจริญพันธุ์ ส่วนพวกเขาก็แค่ต้องทำงานเพื่อแลกเงิน แม้เงินเหล่านั้นจะมาจากการทำงานแบบผิดกฎหมาย แถมยังผิดกฎหมายที่ร้ายแรง แต่ชีวิตมันก็อยู่ได้ด้วยเงินไม่ใช่หรือ? บาปกรรมหรือการลงทัณฑ์ลงโทษจากพระเจ้าคงต้องรอไว้หลังความตายถึงจะรู้ และตอนนี้...พวกเขาก็ต้องหาเด็กนั้นให้เจอ!!!??
ไม่ใช่เพียงอวัยวะภายในของเด็กเท่านั้นที่สำคัญ...เพราะคนรวย คนจนหรือจะเป็นคนทั่วไปและไม่ว่าจะเป็นในสายอาชีพใดก็ต้องการเรื่องทางเพศทั้งนั้น แล้วเด็กที่ไม่ได้ถูกขายเพื่อเอาอวัยวะก็ต้องถูกส่งต่อให้ผู้ซื้อที่คล้ายว่าจะมีรสนิยมทางเพศแบบเฉพาะเจาะจง นายทหารบางคนชอบเด็กผู้หญิง นักธุรกิจบางรายก็ชอบเด็กผู้ชายและนายตำรวจใหญ่ส่วนมากก็ชอบเด็กสาวที่อายุไม่เกินยี่สิบ ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องส่งสินค้าให้คนใหญ่คนโตตามออร์เดอร์
“แม่งเอ้ยยย...อย่าให้กูจับได้นะมึง!!”
ชายร่างท้วม...เริ่มสบถอย่างหัวเสียเพราะเด็กผู้ชายตัวผอมและผิวขาวดั่งหิมะกลับวิ่งหนีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งๆที่เขารู้สึกเหนื่อยจนแทบขาดใจ สองมือต้องใช้ยันหัวเข่าทั้งสองข้างเอาไว้ก่อนค้อมตัวลงเล็กน้อย ลมที่พยายามปล่อยออกมาทั้งทางปากและจมูกก็เหมือนจะยังไม่เพียงพอ แถมความมืดก็เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น
“มันไปทางซ้ายแล้ว...ตามให้ทัน!!!”
“เอออออ!!”
เสียงของชายอีกคน...ที่ตะโกนดังจนก้องป่าก็พาให้สองขาของเด็กที่มีวัยเพียง 18 ปี ต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ใช่ว่าไม่เหนื่อย ใช่ว่าไม่ท้อ ใช่ว่าอยากเอาชีวิตมาเสียงเช่นนี้ แต่ถ้าไม่ทำ ไม่วิ่งหรือไม่หนีอย่างที่ทำอยู่...เขาก็คงต้องกลับไปอยู่ในที่ที่พูดได้เลยว่า “นรกบนดิน”
เกิดมาพ่อแม่ตายหมดก็ถือว่าแย่แล้ว...และการอาศัยอยู่กับญาติที่ไม่ยินดียินร้ายกับชีวิตของหลานก็ถือว่าแย่ซ้ำสอง แต่ที่แย่ที่สุดก็คือการถูกจับมาขังไว้ในห้องใต้ดินตั้งแต่อายุสิบห้าจนตอนนี้อายุมันพอจะขายทำกำไรให้พวกคนเลวได้ ในวัย 18 ปี...เขากลายเป็นเด็กที่นักธุรกิจคนหนึ่งอยากได้ตัวไว้สนองตัณหา เด็กผู้ชายที่บริสุทธิ์ ผิวขาว ใบหน้ามีกระเล็กน้อยเหมือนฝรั่ง ผมสีดำสนิท ทุกๆอย่างที่เป็นเขาคือสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ และการไม่มีปากมีเสียงก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าชอบมากที่สุดเพราะ...เขาพูดไม่ได้
แต่!!...ใช่ว่าพูดไม่ได้ตั้งแต่เกิด ที่ไม่ยอมพูดก็เพราะไม่อยากถูกขายตั้งแต่โดนจับตัวมาจากตลาดและการหลอกพวกคนเลวว่าตัวเองเป็นใบ้ มันก็ทำให้เด็กอายุสิบห้าอย่างเขาเหมือนถูกขังลืม ไม่มีลูกค้าคนไหนอยากได้ของที่คล้ายว่าจะมีตำหนิ ถ้าเขาเป็นใบ้ พูดไม่ได้ ไม่มีความรู้สึก...อวัยวะภายในก็คงเสี่ยงต่อการปลูกถ่ายให้กับคนอื่น แต่!!การแสร้งทำเป็นคนมีตำหนิกลับถูกใจลูกค้าโรคจิตเพราะลูกค้าคนนั้นไม่ชอบเด็กที่พูดมากหรือส่งเสียงร้องโวยวายเมื่อต้องหลับนอนด้วยกัน
พวกเราเป็นเหมือนสิ่งของมากกว่าคำว่า “มนุษย์” เพราะเด็กที่จะถูกขายอวัยวะต้องทำการตรวจเลือดหรือเจาะนั่นเจาะนี่ตามร่างกายเพื่อหาสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เลือดใครที่ใช้ได้หรือตับไตของใครพอที่จะยื้อชีวิตลูกค้ารายไหน...เด็กคนนั้นก็จะถูกพาออกมาจากนรกและส่งไปยังนรกอีกแห่ง ส่วนเด็กคนอื่นๆที่ลูกค้าอยากได้เอาไว้บำเรอความใคร่ก็จะถูกจับอาบน้ำแต่งตัวเพื่อให้พร้อมกับเรื่องอย่างว่า และเขา...ก็จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นเด็ดขาด
อดทนอยู่ในห้องใต้ดินมาได้ตั้งหลายปี...เมื่อมีจังหวะดีๆมันก็ต้องหนีและต้องหนีให้พ้นเท่านั้น!!!
(ปราสาท...?)
เป็นความเคยชินมาตลอดหลายปีที่ต้องแสร้งเป็นใบ้...เด็กผู้ชายตัวขาวจึงพูดถึงสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เห็นตรงหน้าในใจก่อนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและรีบมุดกายเข้าไปในรั้วแคบๆจนเสื้อขาด ความคมของรั้วเหล็กบาดผิวเนื้อจนรู้สึกได้ถึงความแสบ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นแผลลึกมากน้อยแค่ไหน หนีได้ต้องหนี วิ่งได้ต้องวิ่ง ซ่อนได้ต้องซ่อนและ...ปราสาทหลังนี้ก็ทำให้เขาหลุดพ้นจากนรกที่เรียกว่าห้องใต้ดินได้สักที
“มันไปทางไหนวะ!!?”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“เหี้ยยย!!...เหนื่อยฉิบหาย กูว่าพวกเรารีบกลับไปที่รถก่อนเหอะ มีของต้องส่งอีกหลายชิ้น เดี๋ยวไปไม่ทันเวลา”
“แล้วไอ้เด็กนั่นมึงจะเอายังไง?”
“เดี๋ยวให้ลูกพี่ไปเคลียร์ที่หลัง”
“กูจะเข้าไปหาในนั้น...มึงกลับไปที่รถก่อนเลย”
เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น...เพราะจากที่แอบฟังมานานก็คิดว่าตัวเองจะหนีพ้น แต่สุดท้ายมันก็ต้องเริ่มหนีอีกรอบ เด็กตัวขาวค่อยๆเดินไปรอบๆปราสาทหลังนี้อย่างช้าๆเพราะไม่อยากให้ชายร่างท้วมได้ยินเสียงใบไม้แห้งที่หล่นเกลื่อนอยู่บนพื้น และการวิ่งหนีคนเลวจนรอบป่าก็ยังไม่เหนื่อยเท่ากับการย่องหรือการต้องทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด กายบางจำเป็นต้องใช้วิธีมุดอีกครั้งเมื่อเห็นประตูบานใหญ่มีช่องเล็กๆให้แทรกตัวผ่าน แต่กว่าจะผ่านเข้ามาได้...ผิวเนื้อที่ผ่านการมุดรั้วเหล็กมาเมื่อครู่ก็รู้สึกถึงความเจ็บเพราะถูกขอบประตูเกี่ยวเอาไว้
แต่ถึงจะเจ็บแค่ไหน...ก็ส่งเสียงร้องออกไปไม่ได้ และความอดทน ความอยากมีชีวิตรอดหรือความอยากหลุดพ้นจากนรกแห่งนั้นก็ทำให้เด็กตัวขาวได้เข้ามาหลบอยู่ในปราสาทหลังใหญ่ เสียงเหยียบใบไม้แห้งของชายร่างท้วมทำให้กายผอมบางต้องรีบเข้าไปแอบอยู่ที่หลังผ้าม่าน แม้ประตูจะถูกล็อค...คนเลวจะอยู่ได้เพียงด้านนอก แต่คนที่อยู่ด้านในก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย จนกระทั่ง!!ทุกๆเสียงเริ่มเงียบลงพร้อมชายร่างท้วมที่ต้องถอดใจกับการตามหาสินค้าชั้นดีด้วยเกรงว่าเจ้าของบ้านจะตื่นมาพบ
Rrrr!!!
Rrrr!!!
(ว่าไง...เจอไหม?)
“ไม่เจอ...”
(งั้นกลับมาเลย...เดี๋ยวให้ลูกพี่ไปเคลียร์กับลูกค้าเอง)
“เออ ๆ ๆ...มึงก็สตาร์รถรอไว้ กูกำลังจะออกไปแล้ว”
เป็นบทสนทนา...ที่พาให้หัวใจของเด็กตัวขาวกลับมาเต้นเป็นจังหวะที่ปกติได้อีกครั้ง แต่ความเหนื่อยล้า ความเจ็บปวด ความที่ต้องอดทนอยู่ในนรกแห่งนั้นมานานหลายปีก็ทำให้เพลียจนหลับอยู่ที่หลังผ้าม่านและหวังว่าวันพรุ่งนี้เขาจะไม่ต้องหนีอีกครั้ง
แล้วฟ้าหลังฝน....มันมีจริงอย่างที่ใครๆเขาพูดไว้หรือเปล่านะ?
ปั้งงงง!!!
“..........!!!!!!!??”
เสียงลมพัด...ที่ทำเอาหน้าต่างสักบานในปราสาทกระแทกไปกับผนัง ทำให้คนที่หลับเพราะความเพลียสะดุ้งจนสุดตัว ดวงตาคู่สวยเบิกโพลง ร่างกายที่สั่นเทายังคงแอบอยู่ในผ้าม่าน แต่เมื่อได้สติ...หรือเสียงทุกอย่างเริ่มเงียบลงเช่นเดิม สองขาสองเข่าก็ค่อยๆคลานออกมาจากที่ซ่อน
แสงแรก...ของชีวิตในวัยสิบแปดปีกลายเป็นสิ่งอัศจรรย์จนต้องยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสกับแสง ความอุ่นพร้อมสายลมที่พัดผ่านพาให้หัวใจเหมือนถูกรดด้วยน้ำทิพย์จนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว การถูกจับมาขังไว้ในห้องใต้ดินนานถึงสามปี...ทำให้ผู้ที่ตัดสินใจวิ่งหนีออกมาจากรถบรรทุกเมื่อคืนถึงกับน้ำตาไหล เขาไม่ได้เศร้า ไม่ได้เสียใจ ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อน แต่มันเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อรู้ว่านี่คือ “อิสระ”
มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกจริงๆ...ความกล้า ความกลัว ความอยากหลุดพ้นมันผลักดันให้เขายอมเสี่ยงทำในสิ่งที่ใครๆอาจคิดว่าโง่เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สินค้าอย่างพวกเขาคิดจะหนี และทุกครั้งที่หนี...ก็มักจะถูกจับได้เสมอหรือไม่ก็ต้องกลับมาตายในที่ที่เราเรียกมันว่านรก เขาโชคดีแค่ไหนที่การหนีครั้งแรกมันได้ผล ขอบคุณปราสาทหลังโตท่ามกลางป่าผืนนี้ที่ให้ที่หลบที่ซ่อน แม้มันจะดูเก่าไปสักหน่อย แต่ความใหญ่โตของมันก็ทำให้เขาหลุดออกมาจากขุมนรกนั้นได้
ขาเรียว...ค่อยๆก้าวไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมอย่างระมัดระวัง สองมือก็กอบกุมบาดแผลที่เกิดจากการมุดเข้ามุดออกจากรั้วเพื่อหนีคนเลว และทั้งสายตาหรือประสาทสัมผัสอย่างการได้ยินก็ต้องเปิดรับทุกเสียงเอาไว้เพื่อระวังภัย ถึงแม้วันนี้จะหนีพ้น แต่วันหน้าใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กตัวขาวจึงขอเดินสำรวจปราสาทเอาไว้ก่อนเพราะจะได้หาทางหนีทีไล่***ถ้าถูกจับได้
แต่ก่อนจะเดินสำรวจ...ก็ขอหาพื้นที่เพื่อดูอาการบาดเจ็บและเพื่อดูว่าแผลมันลึกมากแค่ไหน มือบางค่อยๆถอดเสื้อที่ขาดออกจนเห็นเลือดที่แห้งไปหมดแล้ว สายตาก็กวาดมองหาก๊อกน้ำหรือสิ่งที่พอจะล้างคราบสีแดงออกจากหน้าท้องของตัวเองได้ และสองขาก็ต้องเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องที่อยู่ตรงหน้า พร้อมเปิดบานประตูเก่าๆออกอย่างมีความหวัง
ขอบคุณแสงแดดในยามเช้า...ที่ช่วยทำให้เขามองเห็นทุกอย่างได้ดีกว่าเมื่อคืน ห้องนี้ไม่มีที่นอน มีแต่โซฟาสีซีดๆที่ถูกผ้าขนาดใหญ่คลุมเอาไว้ ส่วนประตูอีกบานที่อยู่ฝั่งซ้ายก็หวังว่าจะมีสิ่งที่พอจะช่วยชำระล้างร่างกายได้บ้าง มือบางเปิดแผ่นไม้สีน้ำตาลออกอย่างมีความหวังอีกครั้งและอ่างล้างหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นก็ทำให้เขายิ้มได้ เด็กตัวขาวรีบเปิดก๊อกน้ำโดยไม่กลัวแมงมุมที่กำลังชักใยหรือเกรงว่าจะมีสัตว์ร้ายอยู่ด้านในเพราะสิ่งที่น่ากลัวกว่าสัตว์พวกนี้ก็คือคนเลวที่เคยจับเขามาขังเอาไว้
แสงแดดในยามเช้า การรอดพ้นจากคนใจร้ายหรือน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกตรงหน้าตอนนี้ ทุกๆอย่างของวันใหม่พาให้เด็กอย่างเขามีรอยยิ้มที่กว้างกว่าหลายปีที่ผ่านมา ดวงตาคู่สวยที่เคยเศร้า...กลับมามีประกายอีกครั้งเมื่อได้ส่องกระจก สายน้ำที่เย็นฉ่ำ...ถูกมือบางรองเอาไว้ก่อนสาดใส่หน้าใบหน้าอย่างหาความสดชื่น เด็กตัวขาวพยายามล้างคราบเลือด คราบดินและคราบของความสกปรกที่เผชิญมาตลอดทั้งคืน
ดีที่แผลบนหน้าท้องไม่ลึกมาก...ไม่อยากนั้นความเปียกชื้นก็คงทำให้เลือดไหลออกมาอีกครั้ง
และถึงแม้หน้าท้องจะเป็นรอยช้ำ ตามแขนตามขาก็มีแต่รอยกิ่งไม้ใบหญ้าบาดข่วนจากการวิ่งหนีหรือจะเป็นรอยของโซ่ตรวนที่ใช้จองจำตอนถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินเขาก็ไม่สน เพราะตอนนี้...อิสระคือสิ่งที่สำคัญกว่ารอยพวกนั้น ส่วนบาดแผลในใจก็ยังเป็นรอยลึกจนแก้ยาก แต่เขาเชื่อว่าสักวันมันต้องหายดี
แกร๊กกก!
มือบาง...ปิดประตูห้องเมื่อได้ชำระล้างบาดแผลหรือร่างกายจนพอใจ เสื้อผ้าที่ขาด กางเกงที่เปียกและเส้นผมที่ปรกใบหน้าไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเดินสำรวจปราสาทอย่างที่ตั้งใจ ชั้นแรกมีห้องหนึ่งห้อง ในห้องมีโซฟาเก่าๆกับห้องน้ำ ห้องทางซ้ายล็อคเข้าไม่ได้ บันไดทางขึ้นไปชั้นสองที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง เด็กตัวขาวยังคงเดินแต่ละก้าวด้วยความระมัดระวังเพราะไม่รู้ว่าปราสาทหลังใหญ่หลังนี้มีคนอาศัยอยู่หรือไม่ และ...เท่าที่เดินสำรวจมาสักพักก็ไม่เห็นว่าจะได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงนกร้อง
มันเงียบมาก..เงียบจนแอบคิดว่าปราสาทหลังนี้ร้างมานานเท่าไหร่ ขาเรียวเดินตรงไปยังห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องครัวเพราะมีหม้อ มีชั้นวางถ้วยชามและมีถุงขนมปังที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง เด็กตัวขาวรีบเดินไปที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ก่อนคว้าถุงขนมปังมาแกะทานด้วยความหิวโหย เจ้าตัวรีบเคี้ยวรีบกลืนเหมือนอดอยากมานาน สายตาก็คอยมองตรงนั้นตรงนี้เหมือนระวังภัย เสียงนกยังคงร้อง เสียงลมยังคงทำให้หน้าต่างสักบานกระแทกไปกับผนังและรสชาติของขนมปังที่แสนอร่อยก็เพิ่งทำให้คิดได้ว่าถ้ามีของกิน...ปราสาทหลังนี้ก็ต้องมีคนอาศัยอยู่แน่นอน
VROOMMMMMM!!!!!!
และมันก็เป็นอย่างที่คิด...เพราะเสียงรถที่ได้ยินอยู่นอกหน้าต่างมันเป็นตัวตอกย้ำว่าปราสาทหลังนี้มีคนอาศัยอยู่จริงๆ เด็กตัวขาวรีบวิ่งหาซ่อนอย่างไม่คิดชีวิต แต่ก็ไม่ลืมที่จะคว้าถุงขนมปังออกมาด้วย อยากมีชีวิตรอดอีกครั้งก็ต้องหาของกินใส่ท้องพร้อมกับหาที่ซ่อนให้ดี ห้องที่เคยใช้ล้างบาดแผลกลายเป็นที่ที่เขานึกออกเป็นสิ่งแรก ขาเรียวเร่งฝีเท้าลงมาที่ชั้นล่าง ประตูไม้เก่าๆถูกเปิดและปิดอย่างระมัดระวัง ผ้าที่เคยใช้คลุมโซฟาถูกดึงออกมาคลุมตัวเองโดยไม่กลัวฝุ่นที่ฟุ้งกระจายเพราะมันเป็นห้องที่อยู่ใกล้ประตูทางออกมากที่สุด...และน่าจะหนีทันถ้าถูกจับได้!!!
แกร๊กกกก!!!
(เออ...กูถึงแล้ว มึงไม่ต้องห่วง)
“จะเอาอะไรอีกไหม...เพื่อพรุ่งนี้กูเข้าไปหา”
(คิดไม่ออกว่ะ...แต่แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง ขอบใจมึงมาก)
เสียงพูดคุย...เสียงไขกุญแจ เสียงเปิดประตูหรือเสียงวางของอะไรสักอย่างลงบนพื้น ทำให้คนที่แอบอยู่ในห้องใจเต้นไม่เป็นจังหวะ กลัวถูกจับได้ กลัวถูกส่งตัวกลับไปที่เดิมและกลัวว่าจะถูกส่งไปให้นักธุรกิจโรคจิตคนนั้น เด็กตัวขาวกลัวไปหมดทุกอย่างเมื่อได้ยินเสียงทั้งหมด เขาไม่รู้ว่าเจ้าของปราสาทจะเป็นคนใจดีหรือใจร้ายอย่างที่เคยเจอ มันไว้วางใจใครไม่ได้จริงๆ ขนาดตำรวจที่เคยเข้ามาถึงห้องใต้ดินก็ยังเป็นพวกที่คอยเปิดทางให้คนเลวส่งเด็กอย่างเขาไปขาย
Rrrr!!!
Rrrr!!!
“สวัสดีครับ...”
(สวัสดีค่ะ...นี่ใช่เบอร์ช่างไคไหมคะ?)
“ใช่ครับ...ผมช่างไคครับ”
(คือฉันอยากติดต่อเรื่องงานช่างค่ะ...ต้องทำยังไงบ้างคะ?)
“จะให้ซ่อมอะไรครับ?”
(อยากให้ช่างมาซ่อมหน้าต่างค่ะ...กระจกข้างนอกมันแตกสองบาน)
“อีกครึ่งชั่วโมงผมโทรกลับนะครับ...พอดีติดธุระนิดหน่อย”
(ได้ค่ะๆ...จะรอนะคะ ขอบคุณค่ะ)
ช่างเหรอ....ไม่ใช่เจ้าของปราสาทหรอกเหรอ? สรุปแล้วคนที่เปิดประตูเข้ามาก็เป็นช่างที่ชื่อว่า “ไค” แต่ความสงสัยหรือสิ่งที่ได้ยินอยู่ด้านนอกก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเบาใจขึ้นเลยสักนิดเพราะไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น เด็กตัวขาวยังคงแอบซ่อนอยู่ในห้องห้องเดิม บนโซฟาตัวเดิมพร้อมผ้าขนาดใหญ่ที่ใช้คลุมร่างกาย ถุงขนมปังถูกแกะด้วยความเบามือ ปากก็งับความอร่อยก่อนเคี้ยวช้าๆด้วยเกรงว่าคนด้านนอกจะได้ยิน
“เชี่ยเอ้ยยย...ใหญ่ขนาดนี้กูต้องซ่อมกี่ปีกว่าจะเสร็จวะ?”
เจ้าของเสียงทุ้ม...ขอสบถให้กับมรดกของคุณปู่เนื่องจากลูกหลานคนอื่นๆได้ทรัพย์สินเป็นที่ดิน เงินสด เครื่องเพชรและของมีค่าต่างๆที่พอจะขายกินได้ ส่วนเขากลับได้ปราสาทที่เหมือนถูกผีสิง เก่าขนาดนี้ ใหญ่โตขนาด อยู่ในป่าลึกขนาดนี้...ทำไมคุณปู่ถึงได้ซื้อเอาไว้? แต่!!ก็รู้สึกขอบคุณอยู่ในใจเพราะในวันที่เขาไม่มีที่ซุกหัวนอน ปราสาทที่เป็นมรดกเพียงแค่ชิ้นเดียวหลังนี้ก็ทำให้เขาไม่ต้องไปเช่าห้องอยู่ให้เสียเงินเปล่า ถึงมันจะเก่าไปหน่อยหรือยังต้องซ่อมอีกหลายจุด แต่ช่างไคซะอย่าง...อะไรพังก็จะซ่อมให้หมด!!!
มือหนา...หยิบถุงของกินมากมายขึ้นมาถือไว้หลังจากที่ต้องวางเพื่อรับโทรศัพท์ ขายาวสมส่วนรีบก้าวไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมก่อนขึ้นไปบนชั้นสองของปราสาทเพราะห้องครัวมันอยู่ที่นั่น ไฟฟ้ายังไม่ได้ต่อ จานชามก็ยังไม่ได้จัดให้เข้าที่และหน้าต่างก็ต้องถูกเปิดเพิ่มเติมเพื่อรับแสงแดด ถุงกระดาษที่เต็มไปด้วยขนมปัง ผลไม้รวมถึงผักสดถูกวางลงบนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ หนุ่มผิวเข้มค่อยๆเปิดหน้าต่างออกทีละบาน ทีละบาน แต่กว่าจะเปิดได้..ความฝืดจากการถูกสนิมกัดกินก็พาให้ต้องใช้แรงที่มากขึ้น
“อะไรอีกวะเนี่ย?”
เปิดหน้าต่างเรียบร้อย...ก็เดินกลับมาที่โต๊ะไม้เก่าๆเพื่อจัดของให้เข้าที่ แต่!!เศษขนมปังที่หล่นอยู่บนพื้นก็พาให้ตกยกฝ่าเท้าขึ้นดูด้วยความสงสัย สองวันก่อนเขาเข้ามาที่ปราสาทหลังนี้แล้วครั้งหนึ่งเพื่อตรวจสอบสภาพภายในว่ามีสิ่งใดบ้างที่ต้องซ่อมหรือต้องแก้ไข แต่วันนั้นไม่มีเศษขนมปังหล่นเกลื่อนพื้นแบบนี้...และขนมปังที่ว่าก็น่าจะเป็นถุงเดียวกับที่เขาซื้อมาทานเมื่อสองวันก่อน
หรือว่าจะเป็นหนู....??!
100%
Cr. ภาพหน้าตอนที่ 1 : thenatureandthebeautyและselected_sh
Cr. ภาพหน้าบทนำ : evibuiding
Cr. ภาพไอคอน : flickr
***ทางหนีทีไล่ หมายถึง เส้นทางที่เตรียมไว้อย่างรอบคอบเพื่อบุกหรือถอยเมื่อจำเป็น
***รูปน้องตัวขาวนะคะ...อยากให้เห็นว่าใบหน้าตกกระเป็นแบบนี้ ( :
Talk.
สวัสดีค่ะ...เปิดฟิคเรื่องใหม่อีกแล้ว และหวังเช่นเดิมว่านักอ่านจะชอบนะคะ
ฟิคเรื่องนี้...บางตอนอาจมีความรุนแรง มีความโอเวอร์หรือดูเกินจริงไปบ้างก็ขอวอนให้นักอ่านเข้าใจเราด้วยนะคะ แต่สิ่งใดที่ควรเป็นความจริงเราก็จะหาข้อมูลมาอ้างอิงให้ดีที่สุด ส่วนตอนใดที่ดูเวอร์เกินไป...นั่นเกิดจากจินตนาการของเราเองค่ะ
ฝากติดตาม คอมเมนต์และให้กำลังใจกับฟิค #KHhide ด้วยนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกคนอีกครั้งค่ะ
รัก ♥
#KHhide
ความคิดเห็น