ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้ว (EXO) SF ออกเรือ (Kaihun Ft.Chanbaek)

    ลำดับตอนที่ #1 : ❧ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.29K
      68
      17 เม.ย. 64



    ออกเรือวันที่ 1.

     

     

    สนามบิน XXX


    ครืดดดดด!!!!

     

                เสียงลากกระเป๋าเดินทาง...เสียงของผู้คนที่เดินขวักไขว่หรือจะเป็นทุกๆเสียงของสนามบินแห่งนี้ มันกำลังทำให้เพื่อนรักสองคนรู้สึกหวาดหวั่น  มันเป็นที่ที่ไม่เคยมา  ไม่ใช่ประเทศที่คุ้นเคยและคิดว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็จะไม่มาที่นี่เด็ดขาด  แต่...การเป็นนักวิจัยที่ต้องการพืชน้ำชนิดหนึ่งไปทำการทดลองมันทำให้คนทั้งคู่ต้องเดินทางมาที่ประเทศนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

     

     

                ถ้าพวกเขาได้เจอพืชน้ำที่สามารถสกัดมาทำยาเพื่อรักษาสารพัดโรคได้อย่างที่ใครคนหนึ่งเคยทำการทดลองเอาไว้  โลกใบนี้ก็คงมียาตัวใหม่เกิดขึ้นและทุกคนบนโลกจะได้ไม่ต้องทดทุกข์ต่อโรคภัยที่ไม่มีทางรักษา  ถึงพวกเขาจะไม่ใช่แพทย์หรือคุณหมอที่สามารถผ่าตัดให้ผู้ป่วยได้  แต่การวิจัยของพวกเขาก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่พอจะลดภาระหรือแบ่งเบาหน้าที่ของคุณหมอได้บ้าง

     

                “เซฮุน...ไปทางไหนอะ?”

     

                “ทางนั้นมั้ง??”

     

                มือหนึ่งลากกระเป๋า  อีกมือก็ถือแผนที่  ส่วนดวงตาคู่สวยก็คอยมองป้ายบอกทางเพื่อเราทั้งคู่จะได้ออกไปจากสนามบินแห่งนี้สักที  โอ  เซฮุน...เจ้าของชื่อที่เพื่อนตัวเล็กเอ่ยถามเส้นทาง  กำลังพยายามจำแผนที่ด้วยสมองของนักวิจัย  ซึ่งงงง...มันน่าจะได้ผล  การทดลองในห้องแล็บที่ว่ายากยังทำมาได้ตั้งหลายปี  แล้วตอนนี้กับแค่ประเทศแปลกๆที่ไม่เคยมามันก็คงไม่น่ายากที่จะเดินทางมาหาใครสักคน??

     

                “เย้!!...เจอแท็กซี่แล้วเซฮุน”

     

                “ไปเลยแบค  ขึ้นไปเลย!!

     

                บยอน  แบคฮยอน...คือเพื่อนตัวเล็กที่ร่วมเดินทางมาด้วย  และต้นเหตุของการค้นหาพืชน้ำชนิดหนึ่งมันก็มาจากคุณพ่อของเพื่อนคนนี้  งานวิจัยถูกเขียนไว้ในสมุดบันทึก  ห้องใต้ดินของบ้านเพื่อนคนนี้ได้กลายเป็นห้องแล็บส่วนตัวของพวกเขามาเกือบปีและเป็นการทดลองที่ต้องทำกันอย่างลับๆเนื่องจากงานวิจัยบางอย่างก็เป็นภัยต่อตัวเอง  คุณพ่อของแบคฮยอนต้องมาจบชีวิตลงเพราะสิ่งที่ใครๆก็อยากมีส่วนร่วม  อยากมีส่วนแบ่งและอยากเป็นเจ้าของทั้งๆที่ไม่ได้ลงมือลงแรง

     

     

                ถ้างานวิจัยมันสำเร็จ...เงินมากมายก็กลายเป็นสิ่งที่คนโลภมากต้องการ  แถมสิ่งที่คนเป็นพ่อตั้งใจค้นคว้าเพื่อทุกคนบนโลกก็ต้องตกไปอยู่กับผู้ที่อยากครอบครองมันคนเดียว  และด้วยเหตุผลข้อนี้...คนเป็นลูกชายพร้อมเพื่อนสนิทจึงต้องออกเดินทางมาตามหาพืชน้ำที่เขียนอยู่ในสมุดบันทึกอย่างลับๆ  มันเป็นพืชสีม่วงขนาดเล็กที่ชอบขึ้นอยู่ตามริมน้ำของประเทศนี้เท่านั้น  มันไม่ปรากฏอยู่ในลุ่มแม่น้ำใดนอกจากลุ่มแม่น้ำXXXทางตอนใต้  และจะเรืองแสงให้เห็นเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น

     

     

                พืชน้ำสีม่วง...อาจมีหลายชนิดจนไม่อาจแยกออก  แต่ถ้าพืชน้ำสีม่วงชนิดใดที่สามารถเรืองแสงได้ในเวลาเที่ยงคืนจนถึงตีหนึ่ง  นั้นคือสิ่งที่พวกเขาทั้งคู่กำลังตามหา  ตัวดอกเรืองแสงสวยงามแต่พิษช่างร้ายแรงนักและส่วนที่จะเอามาสกัดหรือทำการทดลองเพื่อเป็นยาก็คือใบกับรากเท่านั้น  ตัวดอกอาจหลอกล่อให้ผู้พบเห็นอยากเด็ดมาเชยชม  แต่สำหรับนักวิจัยที่มีบันทึกของคุณพ่อมาเป็นคู่มือในการค้นหาก็จะไม่มีทางแตะต้องความสวยงามนั้นแน่นอน

     

                “ไปท่าเรือ คิม ครับ”

     

                “โห!!!...ไกลขนาดนั้นลุงต้องคิดตังค์เพิ่ม?”

     

                “เท่าไหร่ก็ไปเถอะลุง..แต่ขอแบบด่วนๆเลยนะ”

     

                “งั้นไปไหนไปกัน”

     

                “รีบๆไปเลยลุง”

     

                “ว่าแต่...พวกหนูเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกสินะ  แล้วจะไปท่าเรือคิมกันทำไมเพราะที่นั่นไม่ค่อยมีใครไปหรอกนะนอกจาก...”

     

                “นอกจากอะไรลุง???”

     

                “ลุงก็บอกไม่ถูก  เดี๋ยวเห็นก็รู้เอง”

     

                (เชี่ยยย!!!  //  ฉิบหาย!!)

     

                คงต้องใช้คำว่า  “อกสั่นขวัญเสีย”  เพราะคำถามคำตอบของคนขับแท็กซี่มันพาลให้รู้สึกเช่นนั้น  เซฮุนอยากให้ถึงท่าเรือเร็วๆเพราะต้องการหาพืชน้ำให้เจอก่อนเที่ยงคืน  ส่วนแบคฮยอนก็อยากเจอเจ้าของท่าเรือเช่นกันเนื่องจากการออกเรือในครั้งนี้มันต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ  ล่องน้ำละแวกนั้นต้องให้คนคุ้นเคยเป็นผู้นำทาง  มันอันตราย  น้ำค่อนข้างเชี่ยวในบางจุดและสัตว์ต่างๆในป่าก็ค่อนข้างอันตราย  มีเพียงแค่สมุดบันทึกเล่มเดียวที่บอกทุกอย่างเอาไว้  แต่หน้าตาเจ้าของกับสภาพท่าเรือจะเป็นเช่นไรก็ต้องไปลุ้นเอา

     

    พวกกูจะตายก่อนไหมเนี่ย??

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    VROOMMMMM!!!!

     

                “ลุง...ขับเข้าไปอีกไม่ได้เหรอ?”

     

                “ลุงยังไม่อยากตาย  พวกหนูเดินเข้าไปเองเถอะ”

     

                (เชี่ยแบค...เราควรกลับไหมเนี่ย!!?)

     

                ยังคงใช้ภาษาสากลในการสื่อสารกับคนขับรถ...แต่กับเพื่อนสนิทมันต้องใช้ภาษาบ้านเกิดเพราะมันหยาบคายเกินกว่าจะเอ่ยให้คนอื่นได้ยิน  ใช้เวลาเกือบสองชั่งโมงกว่าจะเดินทางจากสนามบินมาถึงท่าเรือ  และพอมาถึง...คนขับแท็กซี่กลับจอดรถห่างจากท่าเรือออกไปตั้งหลายเมตร  เซฮุนเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเงินทุนในการวิจัยพืชน้ำชนิดนี้มันจะคุ้มต่อชีวิตของตัวเองหรือไม่  เพราะดูจากสีหน้าท่าทางรวมถึงคำพูดคำจาของคุณลุงคนขับรถแล้ว...ทุกอย่างมันดูเสี่ยงไปหมด

     

                “ไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้วอะเซฮุน  มันถอยไม่ได้แล้วนะ”

     

                “เออ...เดินก็เดินวะ  แต่แม่งงง...ไกลฉิบหายเลย!!

     

                แบกเป้ลากกระเป๋าออกมาจากรถด้วยความหงุดหงิด...เพราะการเดินทางในครั้งนี้มันช่างยาวนานและการเกิดมาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลโอมันก็พาลให้การเดินจากจุดนี้ไปยังท่าเรือคือเรื่องลำบาก  คุณพ่อเป็นแหล่งเงินทุนในงานวิจัยครั้งนี้และเป็นแหล่งเงินทุนในอีกหลายๆงานวิจัยของประเทศ  แต่...การหาพืชน้ำสีม่วงเพื่อมาทำการวิจัยของลูกชาย  มันกลับกลายเป็นความลับระหว่างพ่อลูก  ถ้าคุณพ่อรู้ความจริงมีหวังต้องถูกโกรธมากแน่ๆ  แล้วทริปนี้ก็ต้องโกหกท่านว่า...ไปเที่ยวกับเพื่อนรักที่ฮาวาย

     

                “เอ่ออ...คุณลุงครับ  ผมขอเบอร์ติดต่อไว้ได้ไหมครับ  ตอนผมกลับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาแท็กซี่”

     

                “ได้สิหนู...แต่รอแป๊บนึงนะ  ลุงหากระดาษกับปากกาก่อน”

     

                “นี่ปากกาครับ...คุณลุงเขียนในสมุดนี้ได้เลย”

     

                “จะกลับเมื่อไหร่ก็โทรมานะ  ลุงจะมารอตรงนี้...ที่เดิม”

     

                “ขอบคุณครับคุณลุง”

     

                สมุดบันทึกของคุณพ่อ...เริ่มมีลายมือของคนอื่นเขียนลงมาเพิ่มเติม  และด้วยสิ่งที่ใกล้จะเป็นจริงเข้าไปทุกทีก็พาให้ใจของคนเป็นลูกรู้สึกมีหวัง  แบคฮยอนอยากเป็นลูกที่ทำให้พ่อภูมิใจ  อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งเหมือนคุณพ่อและอยากช่วยให้ทุกคนบนโลกมียารักษาเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย  พ่อเคยอุทิศตนเพื่อคนอื่นเช่นไร  แบคฮยอนก็จะทำเช่นนั้นแม้ต้องแลกด้วยชีวิต  ถ้าต้องเสียเขาไปอีกคนเพื่อให้คนบนโลกได้อยู่ต่อ...เขาก็คงตายตาหลับ

     

                “พร้อมมั้ยเซฮุน?”

     

                “ถ้าบอกไม่พร้อมจะทันไหมวะ?”

     

                “ไม่ทัน..”

     

                “แล้วมึงจะถามเพื่อ?”

     

                ความขี้บ่นของเซฮุนคือสิ่งที่เพื่อนตัวเล็กทราบดี  ถึงแม้มันจะเกิดมารวย  ติดจะคุณหนูหน่อยๆหรือเรื่องมากในบางครั้ง  แต่ก็ไม่ถึงกับเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ***  การมีพ่อเป็นนายทุนในการวิจัย  ลูกชายจึงสามารถเสนองานวิจัยอะไรก็ได้  งบไม่อั้น...แต่ถ้างานวิจัยงานใดมันเป็นผลก็ขอเอาหน้าไว้เชิดชูตระกูลโอเป็นพอ  เซฮุนเป็นนักวิจัยที่เก่งไม่แพ้ใคร  เงินพ่อแม่มีเท่าไหร่ก็เอาไปหาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา  เพื่อนของเขาไม่ใช่คนรวยที่ใช้เงินพ่อแม่ไปวันวัน

     

                “เซฮุน...มึงว่าพวกเราจะทำสำเร็จไหม?”

     

                “ไหนไหนมาถึงที่นี่แล้วก็ต้องเอาให้สุด  กูจะหาไอ้ดอกม่วงๆนั่นให้เจอ  ไม่เจอไม่กลับ”

     

                “ขอบใจนะเซฮุน  กูพามึงมาลำบากอีกแล้ว”

     

                “มึงเตรียมหาทริปเจ๋งๆไว้แก้ตัวได้เลย  เสร็จงานนี้เมื่อไหร่กูจะไปเที่ยวทันที”

     

                “โอเค...มึงอยากไปไหนบอกมาได้เลย  ฟรีตลอดทริป”

     

                “มึงหมดตัวแน่ๆแบค”

     

                เรื่องลำบากก็เรื่องหนึ่ง  เรื่องงานวิจัยก็เรื่องหนึ่ง...แต่ทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนคนนี้  เซฮุนก็พร้อมที่ช่วยเสมอ  แถมยังเป็นงานที่จะได้ช่วยเหลือใครอีกหลายคนบนโลก  และยังเป็นงานที่จะพิสูจน์ให้พวกปากหมามันเห็นว่าลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลโอก็มีความสามารถ  เขาไม่ได้เก่งเพราะมีพ่อแม่คอยยัดเงิน  เขาไม่ได้เป็นนักวิจัยเพราะมีพ่อแม่ช่วยฝากฝัง  เซฮุนยอมรับว่าตัวเองมีต้นทุนดีกว่าคนอื่น...แต่การมีต้นทุนที่ดีแล้วไม่ต่อยอด  ต่อความคิดหรือต่อความรู้ใส่หัวสมอง  เขาก็คงไม่ได้เป็นนักวิจัยตั้งแต่อายุยังน้อยและเป็นที่ยอมรับ

     

     

                งานแบบนี้มันต้องใช้ทั้งความรู้  ความสามารถและต้องรอบคอบกว่างานในด้านอื่นๆ  วิจัยผิดพลาดเพียงนิด...ก็สามารถส่งผลต่อชีวิตของใครหลายๆคน  มันไม่ใช้งานที่จะทำแล้วทิ้งได้เหมือนทำอาหารเพราะเชฟคนใดทำอาหารไม่อร่อย  ผลที่ได้ก็คือไม่มีลูกค้าแต่ไม่ทำให้ถึงตายและสามารถปรับปรุงแก้ไขสูตรใหม่ได้เสมอ  แต่งานวิจัยของเขามันต้องทดลองอยู่หลายครั้ง  ทดลองให้แน่ใจ  ทดลองเพื่อให้ผลที่ดีที่สุด...เพราะถ้าการทดลองเกิดความผิดพลาดแล้วไม่แก้ไข...ผลคือตายเท่านั้น

     

                “เซฮุน...”

     

                “ว่า?”

     

                “เจ้าของท่าเรือเค้าจะเป็นยะ...ยัง!!!!

     

    ปังงงงงงง!!!!

     

                “แบค! //  เซฮุนนนนน!!!

     

                เดินเท้ามาจนถึงหน้าประตูที่ทำจากสังกะสี...แต่ยังไม่ทันได้เปิดเข้าไปด้านใน  เสียงปืนหนึ่งนัดก็พาลให้คนทั้งคู่ต่างร้องเรียกกันและกันด้วยความเป็นห่วง  กระเป๋าเดินทางถูกทิ้งอย่างไม่นึกเสียดาย  สองมือสองแขนต่างโอบกันไว้เพราะตกใจเสียงที่ดังจนแสบแก้วหู  เหมือนเข้ามาในบ้านป่าเมืองเถื่อน  ประเทศเล็กๆอย่างประเทศนี้มันมีแหล่งท่องเที่ยวอะไรบ้างก็ไม่รู้  แล้วววว...ไอ้ประตูสังกะสีขึ้นสนิมกับชายผิวเข้มพร้อมรอยสักเต็มตัวก็เถื่อนพอๆกัน

     

                “มาหาใคร??!!!

     

                “เอ่อออ...”

     

                พูดไม่ออก...เพราะทั้งสีหน้าท่าทาง  น้ำเสียงทุ้มต่ำ  ปืนลูกซองกระบอกโตและการสวมเพียงแค่กางเกงยีนส์มันพาลให้รู้สึกกลัวจนยากจะเอ่ยปาก  สายตาคมมองคนแปลกหน้าคู่นี้อย่างพินิจพิเคราะห์  อีกคนตัวสูง  ผอม  ผิวขาว(ฉิบหาย)  หน้าเรียวได้รูป  ปากบางสีหวานเม้มแน่น  ส่วนอีกคนก็ตัวนิดเดียว  หางตาตก  มุมปากมีไฝจิ้มลิ้มใช่เล่น  ถ้าเพื่อนของเขามาเห็นคงถูกใจน่าดู  แล้วคนทั้งคู่มาทำอะไรที่นี่  ต้องไม่ใช่คนแถวนี้แน่ๆ???

     

                “ถามว่ามาทำอะไร??”

     

                “พะ...พูดอังกฤษได้ไหม?  พวกเรามาหาเจ้าของท่าเรือคิม”

     

                ภาษาถิ่นมันฟังไม่รู้เรื่อง...แล้วถ้าเป็นแบบนี้ไปจนกว่าจะหาพืชน้ำสีม่วงจนเจอก็คงปวดหัวน่าดู  เซฮุนทำใจกล้าก่อนดันเพื่อนตัวเล็กไปไว้ทางด้านหลังและพยายามสื่อสารด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร  ใจหนึ่งก็กลัว  อีกใจก็หงุดหงิดเพราะไม่ชอบคนที่ดูไม่มีมารยาท  พวกเขาไม่ใช่ผู้บุกรุก...แค่จะมาหาใครบางคนเท่านั้น  แล้วการใช้ปืนเช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

     

                “แล้วใครอยากเจอ??”

     

                “เอาปืนลงก่อนได้ไหม  พวกเราแค่จะมาขอความช่วยเหลือ”

     

                “ช่วยอะไร?  หลงทาง???”

     

                (แบค...เอาสมุดบันทึกมาให้กู)

     

                ตัวสั่นยิ่งกว่าถูกผีเข้า...เพราะการสื่อสารหรือการพูดคุยกับตรงหน้ามันพาให้รู้สึกเช่นนั้น  ทั้งรอยสัก  ทั้งปืน  ทั้งสถานที่  ทุกอย่างมันดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด  แล้วบุหรี่ที่คาบเอาไว้ในปากก็ส่งกลิ่นชวนให้ต้องย่นจมูก  เซฮุนคว้าสมุดบันทึกจากเพื่อนรักส่งให้หนุ่มผิวเข้ม  แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้หยิบไปอ่านได้ตามสบายเพราะข้อมูลบางอย่างในสมุดเล่มนี้มันเป็นความลับ  ส่วนเรื่องของภาษาก็คงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป 

     

    มือบางค่อยๆเปิดแผ่นกระดาษไปทีละหน้า ทีละหน้า  แต่..... 

     

                “ไปเอาสมุดเล่มนี้มาจากไหน?!

     

                “นี่...คุณเอาไปไม่ได้นะ  เอาคืนมา!!

     

                พยายาม...ยื้อแย่งบันทึกเล่มสำคัญมาจากหนุ่มผิวเข้มโดยลืมไปเลยว่าเขามีอะไรอยู่ในมือ  และเซฮุนก็คงลืมเช่นกันว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง  นิสัยขี้เหวี่ยงขี้วีนถูกนำมาใช้เมื่อถูกขัดใจ  มือไม้ที่แสนบอบบางระดมทุบไปตามกายหนาด้วยความไม่สบอารมณ์  และ....

     

                “อยากได้คืนก็มาหยิบเอา...”

     

                “คิดว่าไม่กล้าเหรอะวะ!!!

     

                ตัวก็ดำ  ใจก็ดำ  แถมยังทำอะไรน่ารังเกียจแบบนี้อีก  สมุดที่มีความลับมากมาย...ถูกยัดเข้าไปไว้ในที่ลับด้านหน้าของหนุ่มผิวเข้ม  และการทำเช่นนั้นก็เหมือนเป็นเติมเชื้อไฟแห่งความโกรธให้พุ่งสูงขึ้น  เซฮุนรีบก้าวขาเข้าไปประชิดกายคนตรงหน้าก่อนล้วงมือเข้าไปในกางเกงยีนส์จนเกือบถึงเป้ากางเกง  และ...

     

    ฟอดดดด!!!

     

                “หอมฉิบหาย!

     

                “ไอ้เหี้ยย!!  ไอ้ดะ...ดำ  อื้มมมม!!!

     

                แค่เห็นหน้าก็อยากแกล้ง...ยิ่งคนเอวบางร่างสวยเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่  กลิ่นหอมอ่อนๆที่เหมือนดอกไม้บานในยามเช้าก็ยิ่งพาให้อยากดอมดมมากขึ้นเท่านั้น  แต่แค่พิสูจน์กลิ่นจากแก้มนุ่มมันยังไม่พอเพราะปากบางสีหวานที่เอ่ยคำด่าจนใบหน้าเรียวแดงก่ำมันก็น่าพิสูจน์  ความตกใจ  เสียงว่ากล่าวที่พูดไม่จบไม่ประโยคและความโกรธที่ทวีคูณมากขึ้นก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ลิ้นร้อนสามารถกวาดต้อนรสสัมผัสได้อย่างง่ายดาย  ส่วนคนที่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเพื่อนรัก...ก็ทำได้เพียงยืนนิ่งพร้อมเอามือปิดปากของตัวเองเอาไว้

     

                คนถูกจูบ...แทบไม่ได้สติเลยว่าบุหรี่มันถูกทิ้งไปตอนไหน  ขนาดอีกมือยังถือปืนเอาไว้ก็ไม่ได้เป็นผลต่อการกระทำเช่นนี้  มือบางพยายามดันอกเปลือยเปล่าเพื่อให้หลุดพ้นต่อแรงสัมผัสที่กักขฬะ  ยิ่งลิ้นร้อนกวาดต้อนกอบโกยอยู่ในโพรงปากนานเท่าไหร่  รสชาติของบุหรี่ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น  เซฮุนขืนกายด้วยแรงทั้งหมดที่มี  แต่ความกำยำและท่อนแขนแข็งแรงของหนุ่มผิวเข้มก็เหมือนคีมเหล็กที่คอยบีบรัดทุกสัดส่วนของเขาเอาไว้

     

                “ท่าเรือคิมขอต้อนรับ...”

     

    กอบโกยจนพอใจ...ก็ถอนรอยจูบออกช้าๆและปล่อยร่างหอมๆให้เป็นอิสระ

     

                “แหวะ!!...”   

     

                “มองทำไม...ติดใจ?”

     

                “ก็แค่จูบห่วยๆ...ใครติดใจก็โง่เต็มที”

     

                รีบเช็ดปากเช็ดคอด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะเอ่ย...ใครจะไปติดใจกับจูบที่ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น  เขามาที่นี่เพราะต้องการหาพืชน้ำสีม่วงไปวิจัย  แล้วการต้อนรับด้วยวิธีแบบนี้มันก็น่าโมโหที่สุด  เซฮุนเหมือนจะอยากล้างคราบความสกปรกออกจากร่างกาย  ลำพังแค่มือที่ปัดฝุ่น  ปัดกลิ่นน้ำมันหรือแม้กระทั่งกลิ่นบุหรี่ออกจากตัวเองมันยังเพียงพอ

     

                “คุณอย่ารังแกเพื่อนผมอีกเลย  พวกผมมาที่นี่เพราะต้องการตามหาสิ่งที่อยู่ในบันทึก  แล้วในบันทึกมันบอกว่าต้องมาที่ท่าเรือคิม”

     

                “ไม่มีของฟรีในโลกนี้หรอกนะคุณ  อยากได้อะไรก็ต้องยอมแลก”

     

                “คุณจะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามา  พวกผมมีจ่าย...แต่ต้องไม่ใช่แบบนั้น”

     

                รีบวิ่งมากอดเพื่อนรัก...และพยายามทำข้อตกลงกับชายผิวเข้มด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  แบคฮยอนรู้สึกไม่พอใจกับคนที่คุณพ่อเขียนไว้ในบันทึก  ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นคนมีอายุหรือไม่ก็เป็นชายวัยกลางคนที่ดูใจดี  แต่ที่ไหนได้...คนตรงหน้ายังหนุ่มยังแน่น  เผลอๆอายุอาจจะห่างกับพวกเขาเพียงไม่กี่ปี  (พ่อไปรู้จักคนแบบนี้ได้ไง?)

     

                “บางอย่างเงินก็ซื้อไม่ได้นะคุณ”

     

                “ผมชื่อแบคฮยอน  เพื่อนผมชื่อเซฮุน”

     

                ไค....”

     

                “ผมต้องการสมุดเล่มนั้นคืน  มันสำคัญกับผมมาก”

     

                “พวกคุณเป็นอะไรกับเจ้าของสมุดเล่มนี้”

     

                “ผมเป็นลูกชาย  ลูกชายของคุณอูซอง

     

                ไค...รู้ทันทีว่าคนตัวเล็กไม่ได้โกหก  ไม่มีใครสามารถเอาบันทึกเล่มนี้มาได้ถ้าไม่ใช่ลูกชายของท่าน  อูซองถือว่าเป็นผู้มีพระคุณเพราะท่าเรือขนาดเล็กแห่งนี้ก็ได้ท่านช่วยซื้อเอาไว้ก่อนที่มันจะถูกยึด  ตอนยังเป็นวัยรุ่น...คุณอูซองจ้างเด็กอย่างเขาให้ออกเรือเพื่อหาบางสิ่ง  พืชน้ำสีม่วงที่สะท้อนแสงแวววาวในยามค่ำคืนมันสามารถช่วยคนอีกนับล้านได้ในอนาคต  ซึ่งมันเป็นคำกล่าวของนักวิจัยที่เที่ยวตามหาของสิ่งนั้นอย่างไม่ย่อท้อ  แต่เมื่อค้นพบ...ผู้มีพระคุณก็หายไปและไม่ติดต่อกลับมาอีกเลยจนกระทั้งได้มาพบกับลูกชายของท่านในวันนี้

     

     

                เขาไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับอูซอง...ท่านต้องเสียชีวิตไปแล้วแน่ๆเพราะงานวิจัยของท่านคือเป็นสิ่งที่คนโลภมากต้องการครอบครอง  แล้วถ้าอูซองยังมีชีวิตอยู่...ท่านก็ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง  ไคเชิญลูกชายผู้มีพระคุณเข้ามาในท่าเรือและเป็นที่ส่วนตัวเกินกว่าจะให้ใครหน้าไหนเข้ามาย่างกราย  มันเป็นที่ซุกหัวนอน  ที่ทำมาหากินรวมถึงที่พักกายที่พักใจในยามเหนื่อยล้า  คนนอกอาจคิดว่าท่าเรือแห่งนี้เถื่อนเกินจะเข้ามาใช้บริการ  แต่คนแถบนี้มักรู้กันดีว่าถ้าใครอยากหาของป่าหรือสัตว์หายากก็ต้องเป็นท่าเรือคิมเท่านั้น  มันอาจเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยสุจริตสักเท่าไหร่...แต่สำหรับคนในประเทศนี้  อะไรที่ทำเงินได้ก็เอาหมด  เงินมาของไป

     

    แต่...ต้องไม่ใช่กับพืชน้ำสีม่วง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ท่าเรือ  XXX

     

    แกร็กกก!!!

     

                “ห้องมีแค่นี้...ถ้าอยากได้หรูๆก็ไปนอนโรงแรม”

     

                “เลือกได้ก็ไม่อยู่หรอก!!

     

                ไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งที่เปิดออกเมื่อครู่ว่าประตูได้ไหม??...เพราะมันเป็นเศษไม้เก่าๆที่เอามาต่อกันแล้วตอกตะปูให้เป็นแผ่น  มีช่องโหว่มีรูเต็มไปหมด  ห้องนี้มองทะลุฝาผนังจนเห็นเรือที่จอดอยู่ริมแม่น้ำ  แล้วแบบนี้ใครจะอยากเข้ามาพัก  เตียง...ก็เรียกว่าเตียงได้ไม่เต็มปาก  ผ้าห่ม...ก็ไม่รู้ว่าห่มไปแล้วผื่นจะขึ้นหรือไม่  แต่มันก็ไม่มีทางเลือก...โอเซฮุนอยากกลับบ้านนนนน!!!

     

                “คุณจะคืนสมุดบันทึกให้ผมได้หรือยัง?”

     

                “ถ้าอยากเจอสิ่งที่ต้องการก็ห้ามมีความลับ”

     

                “แต่ผมต้องใช้เป็นแนวทาง”

     

                “ออกเรือเมื่อไหร่จะคืนให้”

     

                “แล้วคุณไคจะออกเรือกี่โมง?  พวกผมจะได้เตรียมตัว”

     

                “พรุ่งนี้แต่เช้ามืด...”

     

                (ต้องเป็นวันนี้  พวกเรารอไม่ได้หรอกนะคุณ-ไค!!!)

     

                ไปเองได้คงไปนานแล้ว...คนอย่างโอเซฮุนไม่อยากรออะไรทั้งนั้น  ยิ่งต้องมารอ  ต้องมานอนหรือต้องมาเห็นหน้าเจ้าของรอยจูบแสนเถื่อนนานเท่าไหร่ก็ยิ่งพาให้ประสาทเสีย  เสียงหวานเอ่ยย้ำชื่อที่มาพร้อมกับคำว่าคุณอย่างที่เพื่อนตัวเล็กให้เกียรติ  แต่น้ำเสียงแบบนั้นมันเป็นการประชด...ซึ่งหนุ่มผิวเข้มก็รู้ดี

     

                “สงสัยไม่เข็ด...”

     

                “จะทำอะไร!!?  ออกไปเลยนะ...ไอ้บ้า!!  ปล่อยย!

     

                ความรวดเร็วของไค...ทำให้คนที่ยังติดความเป็นคุณหนูรักสะอาดต้องเข้ามาอยู่อ้อมกอดอีกครั้ง  ร่างกายที่มีแต่รอยสัก  คราบน้ำมันเครื่องจากเรือยนต์หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นคนคนนี้  มันทำให้เซฮุนอยากล้มเลิกงานวิจัย  แบคฮยอนพยายามดึงตัวเพื่อนออกมาจากท่อนแขนแข็งแรงที่โอบรอบกายเซฮุนเอาไว้  แต่ยิ่งห้าม...แรงกอดรัดก็ยิ่งแน่นขึ้น

     

    และ....

     

                (พาใครมาวะไอ้ไค...เสียงแจ้วไปถึงนู้นนน??)

     

                “โอ้ยยย...!

     

                (เหี้ยยย...พาเด็กมาไม่บอกกู  น่ารักว่ะ)

     

                “ปล่อยนะ..เราเจ็บ”

     

                คราวนี้...ไม่มีใครช่วยใครได้แล้ว  เพราะคนที่กำลังจะดึงเพื่อนให้ออกมาจากอ้อมกอดเจ้าของท่าเรือก็ถูกคนตัวใหญ่อุ้มจนตัวลอย  ทำไมคนที่นี่ถึงได้เป็นแบบนี้  คิดจะทำอะไรก็ทำโดยไม่ถาม  แบคฮยอนดิ้นจนสุดแรงด้วยเกรงว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย  แถมการถูกอุ้มด้วยท่านี้...ก็พาให้ใบหน้าของเราทั้งคู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

     

                (จับนิดเดียว...ทำไมมันแดงขนาดนี้วะ?)

     

                “มึงก็เบาๆหน่อยไอ้ชาน  แล้วนี้ก็ลูกค้า...ไม่ใช่เด็กที่มึงจะทำอะไรแบบนั้น”

     

                (เหี้ย!!...แล้วไม่บอกตั้งแต่แรก  งั้นที่มึงกอดอยู่ก็เด็ก......ใช่ปะ?  เอามาให้กู  เดี๋ยวกูพาไปที่ท้ายเรือ)

     

                “ตีนเหอะไอ้ชาน...นี่ก็ลูกค้าเหมือนกัน  แต่กูกำลังข้อตกลง”

     

                ข้อตกลงอะไร...ทำไมเซฮุนไม่เห็นรู้เรื่อง  แล้วไอ้ยักษ์หูกางก็ปล่อยเพื่อนกูได้แล้ว  บ้านป่าเมืองเถื่อนที่แท้จริง  จะยิงปืนก็ยิง  จะจูบก็จูบ  จะกอดก็กอด  บ้ากันไปหมด....เซฮุนรีบสะบัดกายออกจากความกำยำและดึงแบคฮยอนเข้ามากอดไว้  ผิวเนื้อขาวเนียนเป็นริ้วแดงด้วยแรงบีบรัด  เหงื่อซึมตามไรผมเนื่องจากอากาศร้อน  แถมยังต้องมาอาศัยอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย...ทุกๆอย่างมาพาให้คนทั้งคู่เริ่มรู้สึกท้อแท้ต่องานวิจัย

     

                “ลูกค้าจะให้พาไปไหนวะ?”

     

                “ไปหาของสำคัญ...มึงไปเตรียมเรือเหอะ  เดี๋ยวคืนนี้กูเล่าให้ฟัง  แล้วเราต้องออกเรือแต่เช้ามืด”

     

                “ขอถามเรื่องเงินได้ปะ  เพื่อจะมีแรงไปเตรียมเรือ”

     

                “ก็มากพอจะให้มึงซื้อเด็กมาแดกตลอดชีวิต”

     

                “แต่งานนี้...เงินอาจไม่ใช่ประเด็นก็ได้นะเว้ย!

     

                “หึ!!...”

     

                ดวงตากลมโต...ที่สบจ้องความจิ้มลิ้มอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมการยิ้มมุมปาก  มันทำให้แบคฮยอนรู้สึกร้อนๆหนาวๆและไม่กล้าเอ่ยขออะไรอีกแล้วนอกจากยืนนิ่งๆ  จะออกเรือพรุ่งนี้ก็ได้  มะรืนก็ได้และค่าจ้างก็ยังคงเป็นตัวเงินเช่นเดิม...แต่ต้องไม่ใช่ตัวเขา  คนอะไรก็ไม่รู้  ตัวก็ใหญ่  มือก็ใหญ่  ใหญ่ไปหมด  จับทีกอดที...ร่างแทบแหลกเป็นชิ้นๆ  น่ากลัวชะมัด!!!

     

                “พวกคุณพักผ่อนกันตามสบายนะ  ถึงเวลาออกเรือแล้วผมจะมาเรียก”

     

                “ละ...แล้วห้องน้ำอยู่ที่ไหน  พวกเราจะอาบน้ำกันยังไง?”

     

                “อาบที่แม่น้ำนั้นแหละ  แก้ผ้ากะโดดลงไปเลย”

     

                “จะบ้าเหรอ!!!...ในน้ำมีไอ้เข้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

     

                “มี...แต่แม่น้ำฝั่งนี้ไม่มี”

     

                ไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาเลยสักนิด...เตียงก็ไม่มี  ผ้าห่มก็ยังกับผ้าขี้ริ้วแถมยังต้องอาบน้ำในแถบที่อีกฝั่งมีจระเข้  ไม่ตายวันนี้ก็ไม่รู้จะอยู่รอดถึงวันออกเรือหรือเปล่า  ยิ่งกว่าหายนะของชีวิตก็คือการมาประเทศที่แสนจะเถื่อนและได้เจอคนเถื่อนๆ  แล้วก็....

     

    ปังงงงง!!!!!

     

    ปังงงงง!!!!!

     

                “...........!!!!!!!!!!!!!!!!??”

     

                “พยายามทำตัวให้ชิน...เพราะที่นี่เค้าหากินกันแบบนี้”

     

                “แล้วยิงอะไร  ช้างหรือไง...ถึงต้องยิงขนาดนั้น?  บ้าจริง!!

     

                ไม่รู้ว่าต้องตกใจอีกสักกี่รอบ...แล้วเสียงปืนที่ดังอยู่หลายนัดก็ทำให้เซฮุนเริ่มประสาทเสีย  แต่ปากบางๆที่กำลังบ่นไม่หยุดและรสชาติแสนหวานที่ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นก็ทำให้เจ้าของสถานที่อย่างไคอยากลิ้มรสอีกสักครั้ง  บ่นทุกอย่าง  บ่นทุกสิ่ง  บ่นอยู่นั่น...มันน่าจูบให้หายใจติดขัด!!!

     

                “อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกแล้วกัน”

     

                “อยากได้แอร์  อยากได้ห้องน้ำ  อยากได้เตียงนุ่มๆ  โว้ยยยยย!!!

     

                (เซฮุนนน....)

     

                ใช่ว่าเป็นคนเรื่องมากขนาดนั้น...ไปเที่ยวแบบกางเต็นท์เข้าป่าก็เคยมาแล้ว  แต่ที่นี่มันทำให้รู้สึกว่าถ้าต้องลำบากกว่านี้ก็คงต้องหาหนอนกินตามท่อนไม้ชื้นๆ  เซฮุนทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาขาดๆก่อนที่เพื่อนตัวเล็กจะเข้ามาปลอบอย่างนึกเห็นใจ  แบคฮยอนยอมรับว่าท่าเรือแห่งนี้มันเก่ามากจริงๆ  เขาไม่รู้ว่าคนชื่อไคกับคนตัวใหญ่ๆอาศัยอยู่กันได้อย่างไร  แล้วเสียงปืนที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องชินภายในวันนี้พรุ่งนี้แน่นอน

     

                “อยู่แค่คืนเดียวยังทนไม่ได้  แล้วพรุ่งนี้ออกเรือไปอีกตั้งไกลจะไหวกันเหรอ?  ผมว่าพวกคุณกลับบ้านไปตอนนี้ก็ยังทันนะ”

     

                “ที่ที่ผมจะไปมันไกลแค่ไหน?”

     

                “ล่องไปตามแม่น้ำหนึ่งวัน  แต่ถ้าน้ำเชี่ยวก็ต้องอ้อมไปอีกทาง...รวมเป็นสามวัน”

     

                (กูอยากข้ามไปฝั่งนู้นแล้วกระโดดลงน้ำให้จระเข้มันแดกไปเลย...ตายๆไปซะ  แม่งงงง!!!!!!)

     

                การทำเพื่อมวลมนุษย์ทำไมมันถึงยากขนาดนี้...และถ้าไปถึงจุดหมายแล้วไม่พบสิ่งที่ต้องการจะทำอย่างไร???  ความท้อใจเริ่มทวีความรุนแรงจนทำให้เซฮุนพาลไปหมดเพราะถ้านักวิจัยทุกคนคิดที่จะช่วยชาวโลกเหมือนกับเขา  เซฮุนกับแบคฮยอนก็คงไม่ต้องมาที่นี่อย่างลับๆ  ทีมค้นหาของคุณพ่อก็มี  เรือดีๆก็มีให้ใช้  สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีเยอะแยะ  แต่...ความโลภ  ความอยากได้  ความอยากมีอำนาจเหนือทุกสิ่งก็ทำให้พวกเขาทั้งคู่ไม่อาจบอกเรื่องนี้ให้ใครทราบ  ขืนพูดไป...ทรัพยากรที่ควรเอาไปใช้ช่วยเหลือผู้อื่นก็จะกลายเป็นสินค้าที่เอาไว้ต่อรองชีวิต

     

                “อย่าโดดเลยคุณ...ผมสงสารจระเข้ที่ต้องกินของแสลง”

     

                “อย่าติดใจของแสลงก็แล้วกัน  จะไปไหนก็ไปเลยไป...หงุดหงิด”

     

                “ใครติดใจก็โง่แล้ว...แค่จูบห่วยๆ”

     

                “ไอ้....”

     

    แกร็กกก!!

     

                ยังไม่ทันได้สาดอารมณ์...หนุ่มผิวเข้มก็เดินออกไปจากห้องพร้อมยิ้มร้ายที่น่าหมั่นไส้  อย่าหวังจะได้จูบกันอีกเลย  ไม่ต้องมาเข้าใกล้ด้วย  คนอะไร...ตัวมีแต่กลิ่นน้ำมันกับกลิ่นบุหรี่  แหวะ!!  เซฮุนได้แต่ยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดและหงุดหงิดกับทุกอย่างที่เป็นที่นี่  เจ้าของท่าเรือ  ที่นอน  ห้องน้ำ  ผ้าห่ม  ห้องพัก...ทุกสิ่งคืออะไรก็ไม่รู้ที่เขาต้องมาพบเจอ!!!

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

    19.00 น.

     

    กร๊อบบ!!!

     

                “แบค...มึงส่องไฟดิ๊!!  กูเหยียบอะไรก็ไม่รู้?”

     

                “เหี้ยยย...T^T

     

                อยากร้องไห้...เพราะเมื่อยกเท้าขึ้นจากพื้นก็เห็นเศษซากของเปลือกหอยทากพร้อมของเหลวเหนียวหนืดติดตามรองเท้าแตะกุชชี่เหมือนกาวใส  เป็นเวลาที่ต้องอาบน้ำหลังจากที่นอนพักผ่อนจนหายเพลีย  แต่การที่ต้องเอาข้าวของเครื่องใช้อย่างครีมอาบน้ำ  แปรงสีฟันยาสีฟันและเสื้อผ้าเดินแหวกพงหญ้าเข้ามาทำความสะอาดร่างกายกลับเป็นสิ่งสร้างความขนลุก  ทางเดินที่ดีกว่านี้ก็ไม่มี  มืดก็มืด  แมลงก็เยอะ  แล้วที่บอกว่าฝั่งนี้ไม่จระเข้...มึงไม่ได้โกหกกูใช่ไหมคุณไค

     

                “จะอาบยังไงวะแบค?”

     

                “นั่นดิ...กูไม่กระโดดลงไปแน่ๆ”

     

                “ล้างหน้าแปรงฟันก็พอมั้ง”

     

                (ลงไปอาบน้ำเถอะคุณณณณ...มันไม่มีอะไรหรอก!!!  เดี๋ยวผมดูทางให้)

     

                “คุณชาน...!!!

     

    คนที่นี่เป็นนินจาหรือไง...เดินตามมาตอนไหน??

     

                แบคฮยอน...หลุดชื่อเจ้าของเสียงทุ้มใหญ่ออกมาโดยที่ยังไม่เห็นตัว  แต่เมื่อเงาดำๆสองเงาพร้อมเสียงแหวกหญ้าแห้งดังใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ  ความสบายใจก็เกิดขึ้นกับผู้มาเยือนได้ในทันที  ทั้งเซฮุนและเพื่อนตัวเล็กต่างพากันรีบถอดเสื้อผ้าและเหลือเพียงบ็อกเซอร์เอาไว้ก่อนหย่อนตัวลงไปในน้ำอย่างช้าๆ  ความเย็นของน้ำที่ไหลเอื่อยๆ  ทำให้คนทั้งคู่รู้สึกสบายตัวมากขึ้น  ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศดีๆในยามค่ำคืน

     

                “โคตรขาวเลยว่ะ”

     

                “หอมด้วย”

     

                “ไอ้ไค...คนตัวเล็กของกู”

     

                “รู้น่ะ...”

     

                ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องมานั่งเฝ้าใครอาบน้ำ...แต่ประเทศนี้มันค่อนข้างน่ากลัวสำหรับผู้มาเยือนเพราะเขตนี้มันไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหรือเป็นสถานที่ที่จะเข้ามาได้ง่ายๆ  ทุกเขตทุกเมืองมีคนใหญ่คนโตคอยควบคุมและเขตบางเขตก็อาจเป็นอันตรายเกินกว่าสองคนที่อยู่ในน้ำตอนนี้จะเข้าใจ  เดินออกนอกเส้นทางก็อาจถูกจับไปเป็นตัวประกัน  เข้าไปในที่หวงห้ามก็อาจถูกจับไปขายให้พวกชาวประมง  แล้ววว...ร่างสวยๆขาวๆเอวคอดแบบโอเซฮุน...ก็คงถูกใจพวกนั้นน่าดู

     

                “........???”

     

                “แบค...เซฮุน!!!  ขึ้นมาก่อน  เร็วววว!!!

     

                เสียงเตือนพร้อมการยื่นมือลงมาในน้ำ...ทำให้คนถูกเรียกต้องรีบทำตามอย่างไม่อาจโต้เถียง  ยิ่งเป็นคนตัวเล็กก็ยิ่งถูกอุ้มเข้าสู้อ้อมอกได้อย่างง่ายดาย  ส่วนคนที่เคยบ่นไปเสียทุกเรื่องก็ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากเพราะทั้งสีหน้าแววตาของหนุ่มผิวเข้มมันดูน่ากลัวเกินกว่าจะปฏิเสธเหมือนเช่นทุกครั้ง  สิ่งที่ไคคิดมันกลายเป็นเรื่องจริง  เสียงฝีเท้าของคนประมาณห้าคนกำลังเดินมาตรงนี้   มือหนากระชับเอวคอดไว้แน่น  อีกมือก็กระชับปืนคู่กายพร้อมสายตาคมที่กวาดมองไปรอบๆอย่างระวังตัว  และ....

     

                “โอ้โห!!...ไม่คิดว่าจะเจอของดี”

     

                “แต่ไม่ใช่ของมึง...”

     

                ความกลัวเริ่มแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ...สองแขนโอบรอบเอวสอบโดยอัตโนมัติ  กลิ่นน้ำมันเครื่องหรือกลิ่นบุหรี่ไม่ใช่สิ่งที่เซฮุนต้องกังวลอีกแล้วเพราะกลุ่มชายวัยรุ่นจำนวนห้าคนตรงหน้าคือสิ่งที่ต้องกังวลมากกว่า  แบคฮยอนต้องซบหน้าลงไปบนอกกว้าง  ตัวมันสั่นเกินจะควบคุมและไม่รู้ว่ากำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น??     

     

                “พวกกูได้ยินเสียงน้ำ...ก็เลยนึกว่าจระเข้มันลงมาหาเหยื่อ”

     

                “ก็เห็นแล้วนิว่าไม่ใช่จระเข้  พวกมึงกลับไปได้ละ”

     

                “มีของดีไม่แบ่งกันเลยนี่หว่า”

     

                ร่างสวยที่เปียกไปด้วยน้ำ  ผิวขาวเนียนที่ต้องแสงจันทร์ในยามค่ำคืน  ใบหน้าเรียวสวยที่เกาะพราวไปด้วยความชุ่มชื้น  ทุกอย่างที่ชายทั้งห้าเห็นอยู่ในอ้อมกอดของไค  มันพาให้ต้องจ้องมองและอยากลิ้มลองไปตามสันดาน  แล้วสายตาโลมเลียแบบนั้นก็ทำให้คนถูกมองต้องกอดเอวหนาไว้แน่นกว่าเดิม

     

                “ทำไมกูต้องแบ่งพวกมึงด้วยวะ  ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ถูกยิง...แอบเข้ามาในเขตของกูแล้วยังเสือกปากดี”

     

                “พวกกูมีห้า  แต่มึงแค่สอง  จะลองดูกะ...ก็”

     

    ปังงง!!!

     

                “อึ่กกกก!!!...”

     

                “มันอยู่ที่ความเร็ว...ไม่ใช่จำนวน!!

     

                “ไอ้ไค!!!!

     

    ปังงงง!!!

     

                “อ๊ากกก!!!

     

                “อีกนัดจะเป็นที่กะโหลกของมึงถ้ายังไม่ออกไป!!

     

                (คุณไค!...)

     

                เพิ่งเคยเห็นคนตายต่อหน้าเป็นครั้งแรก...เพราะปืนที่เล็งและยิงด้วยความแม่นยำมันทำให้หนึ่งในชายห้าคนนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นหญ้า  ส่วนอีกนัดก็ยิงถูกขาข้างซ้ายของผู้ที่พูดจาไม่เข้าหู  เถื่อนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  จะยิงใครฆ่าใครทำไมมันง่ายถึงเพียงนี้  เขาแค่จับปลาสักตัวด้วยเบ็ดอันเล็กๆยังไม่กล้า  เซฮุนเอ่ยชื่อเจ้าของพื้นที่ด้วยเสียงที่เบาจนเหมือนกระซิบ  ร่างกายสั่นไหวด้วยความเย็นของอากาศหรือความกลัวก็แยกแยะไม่ได้แล้วในตอนนี้

     

                “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง...”

     

                ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนอื่นจะเข้ามาในเขตนั้นเขตนี้โดยไม่ขออนุญาต...เพราะเขตบางเขตก็มีสัตว์ที่ทำเงินให้เป็นกอบเป็นกำและทำให้ยอมเสี่ยง  ซึ่งกฎของเขตที่ไร้การเหลียวแลจากผู้มีอำนาจก็คือ...ถ้าเจ้าของพื้นที่พบเจอก็สามารถยิงต่อสู้กันได้เลย  ใครตายก็ปล่อยทิ้งไว้ให้แร้งกามันกิน  ใครบาดเจ็บก็แบกไปรักษาเท่าที่จะทำได้  ไม่มีใครสนใจเขตพื้นที่เล็กๆที่ไม่สามารถทำกำไรให้ประเทศได้  คนใหญ่คนโตมักให้ค่ากับพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวเยอะๆมากกว่า

     

                “พวกมันไปแล้ว...คุณจะอาบน้ำต่อไหม?”

     

                ทั้งแบคฮยอนและเซฮุน...ทำได้เพียงส่ายศีรษะเป็นคำตอบ  และต้องทิ้งของใช้ต่างๆไว้ริมแม่น้ำเพราะตอนนี้แม้แต่จะก้าวขาก็ยังทำไม่ได้  คนตัวเล็กที่ถูกอุ้มไว้ตั้งแต่แรกก็ต้องถูกอุ้มไปจนกว่าจะถึงที่พัก  ส่วนเพื่อนรัก...ก็ถูกหนุ่มผิวเข้มแบกขึ้นหลังโดยไม่มีเสียงบ่นให้ได้ยินเลยสักคำ  มือบางกอดคอเจ้าของท่าเรือไว้แน่น  ใบหน้าหวานที่ยังตื่นตระหนกซบแนบไปบนลำคอหนาอย่างหาที่พึ่งและในสมองก็เอาแต่ฉายภาพความเป็นความตายซ้ำๆจนต้องหลับตาเอาไว้

     

    ประเทศนี้มันบ้าไปแล้ว...อยู่กันได้ยังไง??  ไปอยู่กับเขาที่XXX ไหม??? เพราะที่นี่มันไม่ปลอดภัยเลยสักนิด!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     


     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

    Cr. ภาพหน้าบทความAdventure Life

    Cr. ภาพไอคอนของเรื่อง pngtree

    Cr. ภาพในตอนที่ 1 : FAM Travel Solutions

    ***เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ  หมายถึง  ไม่เอาการเอางาน  ทำอะไรไม่จริงจัง  ไม่ทุ่มเท  

     

     

    Talk.

    เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว  ฮืออออ...บ้าบอมาก  แต่อดไม่ได้จริงๆค่ะ  ว่าจะพิมพ์เรื่อง #ฝากเลี้ยงKH  ตอนใหม่  แต่ดันได้เรื่องใหม่มาแทน  (กราบตักขออภัย)

    ขออนุญาตย้ำอีกครั้ง....ว่าฟิคเรื่องนี้คือสิ่งที่ผู้แต่งจินตนาการขึ้นด้วยความไร้สาระและไม่มีความเป็นจริงในชีวิต  ถ้าผู้อ่านรู้สึกขัดใจขัดหูขัดตาก็วอนขอให้เปลี่ยนไปอ่านเรื่องที่ชอบนะคะ  ติได้เสมอเราไม่ว่าและน้อมรับไปปรับปรุง  แต่ถ้ามันมากไปก็ขอความร่วมมือช่วยอดใจยับยั้งความคิดไว้ด้วยเพราะบางคอมเม้นท์มันไม่สร้างสรรค์  ไม่ก่อประโยชน์และยังสร้างบาดแผลในใจให้ผู้แต่งเกิดความท้อแท้

    แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้มาจากดูหนังเรื่องหนึ่ง  ซึ่งเรื่องราวหรือการออกเรือของตัวละครมันจะคล้ายคลึงกับหนัง...แต่เนื้อหาต่างๆไม่เหมือนกันแน่นอนค่ะ

    และแรงบันดาลใจหลักๆคือ...รอยเพนท์บนตัวของพี่ไคในคอนฯ 5 ที่ผ่านมา  (กร๊าวววว...ใจมากค่ะ)

     


     

    เราได้แจ้งไว้ข้างต้นแล้วว่านี่คือ SF มันจะมีแค่ห้าตอนหรืออาจน้อยกว่านั้นและแต่ละตอนจะค่อนข้างสั้นกว่าทุกๆเรื่องที่เคยแต่ง  การดำเนินเรื่องจะรวดเร็วแต่ก็จะไม่เร็วจนรวบรัดเกินไป  เราจะพยายามกระชับเนื้อหาให้ดีที่สุดนะคะ

    ขอบคุณนักอ่านที่ยังให้โอกาสเราเสมอ  และถ้าฟิคเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดประการใดเราต้องอภัยเป็นอย่างยิ่ง 

    รัก 

    #ออกเรือKH   

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×