คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ❧ 1
ออกเรือวันที่ 1.
สนามบิน XXX
ครืดดดดด!!!!
เสียงลากกระเป๋าเดินทาง...เสียงของผู้คนที่เดินขวักไขว่หรือจะเป็นทุกๆเสียงของสนามบินแห่งนี้
มันกำลังทำให้เพื่อนรักสองคนรู้สึกหวาดหวั่น
มันเป็นที่ที่ไม่เคยมา
ไม่ใช่ประเทศที่คุ้นเคยและคิดว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็จะไม่มาที่นี่เด็ดขาด แต่...การเป็นนักวิจัยที่ต้องการพืชน้ำชนิดหนึ่งไปทำการทดลองมันทำให้คนทั้งคู่ต้องเดินทางมาที่ประเทศนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ถ้าพวกเขาได้เจอพืชน้ำที่สามารถสกัดมาทำยาเพื่อรักษาสารพัดโรคได้อย่างที่ใครคนหนึ่งเคยทำการทดลองเอาไว้ โลกใบนี้ก็คงมียาตัวใหม่เกิดขึ้นและทุกคนบนโลกจะได้ไม่ต้องทดทุกข์ต่อโรคภัยที่ไม่มีทางรักษา ถึงพวกเขาจะไม่ใช่แพทย์หรือคุณหมอที่สามารถผ่าตัดให้ผู้ป่วยได้ แต่การวิจัยของพวกเขาก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่พอจะลดภาระหรือแบ่งเบาหน้าที่ของคุณหมอได้บ้าง
“เซฮุน...ไปทางไหนอะ?”
“ทางนั้นมั้ง??”
มือหนึ่งลากกระเป๋า
อีกมือก็ถือแผนที่
ส่วนดวงตาคู่สวยก็คอยมองป้ายบอกทางเพื่อเราทั้งคู่จะได้ออกไปจากสนามบินแห่งนี้สักที โอ
เซฮุน...เจ้าของชื่อที่เพื่อนตัวเล็กเอ่ยถามเส้นทาง กำลังพยายามจำแผนที่ด้วยสมองของนักวิจัย ซึ่งงงง...มันน่าจะได้ผล การทดลองในห้องแล็บที่ว่ายากยังทำมาได้ตั้งหลายปี
แล้วตอนนี้กับแค่ประเทศแปลกๆที่ไม่เคยมามันก็คงไม่น่ายากที่จะเดินทางมาหาใครสักคน??
“เย้!!...เจอแท็กซี่แล้วเซฮุน”
“ไปเลยแบค ขึ้นไปเลย!!”
บยอน แบคฮยอน...คือเพื่อนตัวเล็กที่ร่วมเดินทางมาด้วย และต้นเหตุของการค้นหาพืชน้ำชนิดหนึ่งมันก็มาจากคุณพ่อของเพื่อนคนนี้ งานวิจัยถูกเขียนไว้ในสมุดบันทึก ห้องใต้ดินของบ้านเพื่อนคนนี้ได้กลายเป็นห้องแล็บส่วนตัวของพวกเขามาเกือบปีและเป็นการทดลองที่ต้องทำกันอย่างลับๆเนื่องจากงานวิจัยบางอย่างก็เป็นภัยต่อตัวเอง คุณพ่อของแบคฮยอนต้องมาจบชีวิตลงเพราะสิ่งที่ใครๆก็อยากมีส่วนร่วม
อยากมีส่วนแบ่งและอยากเป็นเจ้าของทั้งๆที่ไม่ได้ลงมือลงแรง
ถ้างานวิจัยมันสำเร็จ...เงินมากมายก็กลายเป็นสิ่งที่คนโลภมากต้องการ แถมสิ่งที่คนเป็นพ่อตั้งใจค้นคว้าเพื่อทุกคนบนโลกก็ต้องตกไปอยู่กับผู้ที่อยากครอบครองมันคนเดียว และด้วยเหตุผลข้อนี้...คนเป็นลูกชายพร้อมเพื่อนสนิทจึงต้องออกเดินทางมาตามหาพืชน้ำที่เขียนอยู่ในสมุดบันทึกอย่างลับๆ
มันเป็นพืชสีม่วงขนาดเล็กที่ชอบขึ้นอยู่ตามริมน้ำของประเทศนี้เท่านั้น มันไม่ปรากฏอยู่ในลุ่มแม่น้ำใดนอกจากลุ่มแม่น้ำXXXทางตอนใต้ และจะเรืองแสงให้เห็นเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น
พืชน้ำสีม่วง...อาจมีหลายชนิดจนไม่อาจแยกออก แต่ถ้าพืชน้ำสีม่วงชนิดใดที่สามารถเรืองแสงได้ในเวลาเที่ยงคืนจนถึงตีหนึ่ง นั้นคือสิ่งที่พวกเขาทั้งคู่กำลังตามหา ตัวดอกเรืองแสงสวยงามแต่พิษช่างร้ายแรงนักและส่วนที่จะเอามาสกัดหรือทำการทดลองเพื่อเป็นยาก็คือใบกับรากเท่านั้น ตัวดอกอาจหลอกล่อให้ผู้พบเห็นอยากเด็ดมาเชยชม แต่สำหรับนักวิจัยที่มีบันทึกของคุณพ่อมาเป็นคู่มือในการค้นหาก็จะไม่มีทางแตะต้องความสวยงามนั้นแน่นอน
“ไปท่าเรือ คิม
ครับ”
“โห!!!...ไกลขนาดนั้นลุงต้องคิดตังค์เพิ่ม?”
“เท่าไหร่ก็ไปเถอะลุง..แต่ขอแบบด่วนๆเลยนะ”
“งั้นไปไหนไปกัน”
“รีบๆไปเลยลุง”
“ว่าแต่...พวกหนูเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกสินะ แล้วจะไปท่าเรือคิมกันทำไมเพราะที่นั่นไม่ค่อยมีใครไปหรอกนะนอกจาก...”
“นอกจากอะไรลุง???”
“ลุงก็บอกไม่ถูก เดี๋ยวเห็นก็รู้เอง”
(เชี่ยยย!!! // ฉิบหาย!!)
คงต้องใช้คำว่า “อกสั่นขวัญเสีย” เพราะคำถามคำตอบของคนขับแท็กซี่มันพาลให้รู้สึกเช่นนั้น เซฮุนอยากให้ถึงท่าเรือเร็วๆเพราะต้องการหาพืชน้ำให้เจอก่อนเที่ยงคืน
ส่วนแบคฮยอนก็อยากเจอเจ้าของท่าเรือเช่นกันเนื่องจากการออกเรือในครั้งนี้มันต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ล่องน้ำละแวกนั้นต้องให้คนคุ้นเคยเป็นผู้นำทาง มันอันตราย
น้ำค่อนข้างเชี่ยวในบางจุดและสัตว์ต่างๆในป่าก็ค่อนข้างอันตราย มีเพียงแค่สมุดบันทึกเล่มเดียวที่บอกทุกอย่างเอาไว้
แต่หน้าตาเจ้าของกับสภาพท่าเรือจะเป็นเช่นไรก็ต้องไปลุ้นเอา
พวกกูจะตายก่อนไหมเนี่ย??
...
...
...
VROOMMMMM!!!!
“ลุง...ขับเข้าไปอีกไม่ได้เหรอ?”
“ลุงยังไม่อยากตาย พวกหนูเดินเข้าไปเองเถอะ”
(เชี่ยแบค...เราควรกลับไหมเนี่ย!!?)
ยังคงใช้ภาษาสากลในการสื่อสารกับคนขับรถ...แต่กับเพื่อนสนิทมันต้องใช้ภาษาบ้านเกิดเพราะมันหยาบคายเกินกว่าจะเอ่ยให้คนอื่นได้ยิน ใช้เวลาเกือบสองชั่งโมงกว่าจะเดินทางจากสนามบินมาถึงท่าเรือ
และพอมาถึง...คนขับแท็กซี่กลับจอดรถห่างจากท่าเรือออกไปตั้งหลายเมตร
เซฮุนเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเงินทุนในการวิจัยพืชน้ำชนิดนี้มันจะคุ้มต่อชีวิตของตัวเองหรือไม่
เพราะดูจากสีหน้าท่าทางรวมถึงคำพูดคำจาของคุณลุงคนขับรถแล้ว...ทุกอย่างมันดูเสี่ยงไปหมด
“ไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้วอะเซฮุน มันถอยไม่ได้แล้วนะ”
“เออ...เดินก็เดินวะ แต่แม่งงง...ไกลฉิบหายเลย!!”
แบกเป้ลากกระเป๋าออกมาจากรถด้วยความหงุดหงิด...เพราะการเดินทางในครั้งนี้มันช่างยาวนานและการเกิดมาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลโอมันก็พาลให้การเดินจากจุดนี้ไปยังท่าเรือคือเรื่องลำบาก คุณพ่อเป็นแหล่งเงินทุนในงานวิจัยครั้งนี้และเป็นแหล่งเงินทุนในอีกหลายๆงานวิจัยของประเทศ แต่...การหาพืชน้ำสีม่วงเพื่อมาทำการวิจัยของลูกชาย มันกลับกลายเป็นความลับระหว่างพ่อลูก
ถ้าคุณพ่อรู้ความจริงมีหวังต้องถูกโกรธมากแน่ๆ แล้วทริปนี้ก็ต้องโกหกท่านว่า...ไปเที่ยวกับเพื่อนรักที่ฮาวาย
“เอ่ออ...คุณลุงครับ ผมขอเบอร์ติดต่อไว้ได้ไหมครับ ตอนผมกลับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาแท็กซี่”
“ได้สิหนู...แต่รอแป๊บนึงนะ ลุงหากระดาษกับปากกาก่อน”
“นี่ปากกาครับ...คุณลุงเขียนในสมุดนี้ได้เลย”
“จะกลับเมื่อไหร่ก็โทรมานะ ลุงจะมารอตรงนี้...ที่เดิม”
“ขอบคุณครับคุณลุง”
สมุดบันทึกของคุณพ่อ...เริ่มมีลายมือของคนอื่นเขียนลงมาเพิ่มเติม และด้วยสิ่งที่ใกล้จะเป็นจริงเข้าไปทุกทีก็พาให้ใจของคนเป็นลูกรู้สึกมีหวัง แบคฮยอนอยากเป็นลูกที่ทำให้พ่อภูมิใจ อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งเหมือนคุณพ่อและอยากช่วยให้ทุกคนบนโลกมียารักษาเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย พ่อเคยอุทิศตนเพื่อคนอื่นเช่นไร แบคฮยอนก็จะทำเช่นนั้นแม้ต้องแลกด้วยชีวิต ถ้าต้องเสียเขาไปอีกคนเพื่อให้คนบนโลกได้อยู่ต่อ...เขาก็คงตายตาหลับ
“พร้อมมั้ยเซฮุน?”
“ถ้าบอกไม่พร้อมจะทันไหมวะ?”
“ไม่ทัน..”
“แล้วมึงจะถามเพื่อ?”
ความขี้บ่นของเซฮุนคือสิ่งที่เพื่อนตัวเล็กทราบดี ถึงแม้มันจะเกิดมารวย
ติดจะคุณหนูหน่อยๆหรือเรื่องมากในบางครั้ง แต่ก็ไม่ถึงกับเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ*** การมีพ่อเป็นนายทุนในการวิจัย ลูกชายจึงสามารถเสนองานวิจัยอะไรก็ได้ งบไม่อั้น...แต่ถ้างานวิจัยงานใดมันเป็นผลก็ขอเอาหน้าไว้เชิดชูตระกูลโอเป็นพอ เซฮุนเป็นนักวิจัยที่เก่งไม่แพ้ใคร เงินพ่อแม่มีเท่าไหร่ก็เอาไปหาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อนของเขาไม่ใช่คนรวยที่ใช้เงินพ่อแม่ไปวันวัน
“เซฮุน...มึงว่าพวกเราจะทำสำเร็จไหม?”
“ไหนไหนมาถึงที่นี่แล้วก็ต้องเอาให้สุด กูจะหาไอ้ดอกม่วงๆนั่นให้เจอ ไม่เจอไม่กลับ”
“ขอบใจนะเซฮุน กูพามึงมาลำบากอีกแล้ว”
“มึงเตรียมหาทริปเจ๋งๆไว้แก้ตัวได้เลย เสร็จงานนี้เมื่อไหร่กูจะไปเที่ยวทันที”
“โอเค...มึงอยากไปไหนบอกมาได้เลย ฟรีตลอดทริป”
“มึงหมดตัวแน่ๆแบค”
เรื่องลำบากก็เรื่องหนึ่ง
เรื่องงานวิจัยก็เรื่องหนึ่ง...แต่ทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ เซฮุนก็พร้อมที่ช่วยเสมอ แถมยังเป็นงานที่จะได้ช่วยเหลือใครอีกหลายคนบนโลก
และยังเป็นงานที่จะพิสูจน์ให้พวกปากหมามันเห็นว่าลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลโอก็มีความสามารถ เขาไม่ได้เก่งเพราะมีพ่อแม่คอยยัดเงิน
เขาไม่ได้เป็นนักวิจัยเพราะมีพ่อแม่ช่วยฝากฝัง
เซฮุนยอมรับว่าตัวเองมีต้นทุนดีกว่าคนอื่น...แต่การมีต้นทุนที่ดีแล้วไม่ต่อยอด ต่อความคิดหรือต่อความรู้ใส่หัวสมอง เขาก็คงไม่ได้เป็นนักวิจัยตั้งแต่อายุยังน้อยและเป็นที่ยอมรับ
งานแบบนี้มันต้องใช้ทั้งความรู้ ความสามารถและต้องรอบคอบกว่างานในด้านอื่นๆ วิจัยผิดพลาดเพียงนิด...ก็สามารถส่งผลต่อชีวิตของใครหลายๆคน
มันไม่ใช้งานที่จะทำแล้วทิ้งได้เหมือนทำอาหารเพราะเชฟคนใดทำอาหารไม่อร่อย
ผลที่ได้ก็คือไม่มีลูกค้าแต่ไม่ทำให้ถึงตายและสามารถปรับปรุงแก้ไขสูตรใหม่ได้เสมอ
แต่งานวิจัยของเขามันต้องทดลองอยู่หลายครั้ง ทดลองให้แน่ใจ
ทดลองเพื่อให้ผลที่ดีที่สุด...เพราะถ้าการทดลองเกิดความผิดพลาดแล้วไม่แก้ไข...ผลคือตายเท่านั้น
“เซฮุน...”
“ว่า?”
“เจ้าของท่าเรือเค้าจะเป็นยะ...ยัง!!!!
ปังงงงงงง!!!!
“แบค! // เซฮุนนนนน!!!”
เดินเท้ามาจนถึงหน้าประตูที่ทำจากสังกะสี...แต่ยังไม่ทันได้เปิดเข้าไปด้านใน เสียงปืนหนึ่งนัดก็พาลให้คนทั้งคู่ต่างร้องเรียกกันและกันด้วยความเป็นห่วง กระเป๋าเดินทางถูกทิ้งอย่างไม่นึกเสียดาย
สองมือสองแขนต่างโอบกันไว้เพราะตกใจเสียงที่ดังจนแสบแก้วหู เหมือนเข้ามาในบ้านป่าเมืองเถื่อน
ประเทศเล็กๆอย่างประเทศนี้มันมีแหล่งท่องเที่ยวอะไรบ้างก็ไม่รู้
แล้วววว...ไอ้ประตูสังกะสีขึ้นสนิมกับชายผิวเข้มพร้อมรอยสักเต็มตัวก็เถื่อนพอๆกัน
“มาหาใคร??!!!”
“เอ่อออ...”
พูดไม่ออก...เพราะทั้งสีหน้าท่าทาง น้ำเสียงทุ้มต่ำ ปืนลูกซองกระบอกโตและการสวมเพียงแค่กางเกงยีนส์มันพาลให้รู้สึกกลัวจนยากจะเอ่ยปาก
สายตาคมมองคนแปลกหน้าคู่นี้อย่างพินิจพิเคราะห์ อีกคนตัวสูง
ผอม ผิวขาว(ฉิบหาย) หน้าเรียวได้รูป ปากบางสีหวานเม้มแน่น ส่วนอีกคนก็ตัวนิดเดียว หางตาตก
มุมปากมีไฝจิ้มลิ้มใช่เล่น
ถ้าเพื่อนของเขามาเห็นคงถูกใจน่าดู
แล้วคนทั้งคู่มาทำอะไรที่นี่
ต้องไม่ใช่คนแถวนี้แน่ๆ???
“ถามว่ามาทำอะไร??”
“พะ...พูดอังกฤษได้ไหม? พวกเรามาหาเจ้าของท่าเรือคิม”
ภาษาถิ่นมันฟังไม่รู้เรื่อง...แล้วถ้าเป็นแบบนี้ไปจนกว่าจะหาพืชน้ำสีม่วงจนเจอก็คงปวดหัวน่าดู
เซฮุนทำใจกล้าก่อนดันเพื่อนตัวเล็กไปไว้ทางด้านหลังและพยายามสื่อสารด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร ใจหนึ่งก็กลัว
อีกใจก็หงุดหงิดเพราะไม่ชอบคนที่ดูไม่มีมารยาท
พวกเขาไม่ใช่ผู้บุกรุก...แค่จะมาหาใครบางคนเท่านั้น แล้วการใช้ปืนเช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
“แล้วใครอยากเจอ??”
“เอาปืนลงก่อนได้ไหม พวกเราแค่จะมาขอความช่วยเหลือ”
“ช่วยอะไร? หลงทาง???”
(แบค...เอาสมุดบันทึกมาให้กู)
ตัวสั่นยิ่งกว่าถูกผีเข้า...เพราะการสื่อสารหรือการพูดคุยกับตรงหน้ามันพาให้รู้สึกเช่นนั้น ทั้งรอยสัก
ทั้งปืน ทั้งสถานที่ ทุกอย่างมันดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด แล้วบุหรี่ที่คาบเอาไว้ในปากก็ส่งกลิ่นชวนให้ต้องย่นจมูก
เซฮุนคว้าสมุดบันทึกจากเพื่อนรักส่งให้หนุ่มผิวเข้ม
แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้หยิบไปอ่านได้ตามสบายเพราะข้อมูลบางอย่างในสมุดเล่มนี้มันเป็นความลับ ส่วนเรื่องของภาษาก็คงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
มือบางค่อยๆเปิดแผ่นกระดาษไปทีละหน้า ทีละหน้า แต่.....
“ไปเอาสมุดเล่มนี้มาจากไหน?!”
“นี่...คุณเอาไปไม่ได้นะ
เอาคืนมา!!”
พยายาม...ยื้อแย่งบันทึกเล่มสำคัญมาจากหนุ่มผิวเข้มโดยลืมไปเลยว่าเขามีอะไรอยู่ในมือ
และเซฮุนก็คงลืมเช่นกันว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง นิสัยขี้เหวี่ยงขี้วีนถูกนำมาใช้เมื่อถูกขัดใจ มือไม้ที่แสนบอบบางระดมทุบไปตามกายหนาด้วยความไม่สบอารมณ์ และ....
“อยากได้คืนก็มาหยิบเอา...”
“คิดว่าไม่กล้าเหรอะวะ!!!”
ตัวก็ดำ ใจก็ดำ
แถมยังทำอะไรน่ารังเกียจแบบนี้อีก
สมุดที่มีความลับมากมาย...ถูกยัดเข้าไปไว้ในที่ลับด้านหน้าของหนุ่มผิวเข้ม และการทำเช่นนั้นก็เหมือนเป็นเติมเชื้อไฟแห่งความโกรธให้พุ่งสูงขึ้น
เซฮุนรีบก้าวขาเข้าไปประชิดกายคนตรงหน้าก่อนล้วงมือเข้าไปในกางเกงยีนส์จนเกือบถึงเป้ากางเกง และ...
ฟอดดดด!!!
“หอมฉิบหาย!”
“ไอ้เหี้ยย!! ไอ้ดะ...ดำ
อื้มมมม!!!”
แค่เห็นหน้าก็อยากแกล้ง...ยิ่งคนเอวบางร่างสวยเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่
กลิ่นหอมอ่อนๆที่เหมือนดอกไม้บานในยามเช้าก็ยิ่งพาให้อยากดอมดมมากขึ้นเท่านั้น แต่แค่พิสูจน์กลิ่นจากแก้มนุ่มมันยังไม่พอเพราะปากบางสีหวานที่เอ่ยคำด่าจนใบหน้าเรียวแดงก่ำมันก็น่าพิสูจน์ ความตกใจ
เสียงว่ากล่าวที่พูดไม่จบไม่ประโยคและความโกรธที่ทวีคูณมากขึ้นก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ลิ้นร้อนสามารถกวาดต้อนรสสัมผัสได้อย่างง่ายดาย ส่วนคนที่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเพื่อนรัก...ก็ทำได้เพียงยืนนิ่งพร้อมเอามือปิดปากของตัวเองเอาไว้
คนถูกจูบ...แทบไม่ได้สติเลยว่าบุหรี่มันถูกทิ้งไปตอนไหน
ขนาดอีกมือยังถือปืนเอาไว้ก็ไม่ได้เป็นผลต่อการกระทำเช่นนี้
มือบางพยายามดันอกเปลือยเปล่าเพื่อให้หลุดพ้นต่อแรงสัมผัสที่กักขฬะ ยิ่งลิ้นร้อนกวาดต้อนกอบโกยอยู่ในโพรงปากนานเท่าไหร่ รสชาติของบุหรี่ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น เซฮุนขืนกายด้วยแรงทั้งหมดที่มี
แต่ความกำยำและท่อนแขนแข็งแรงของหนุ่มผิวเข้มก็เหมือนคีมเหล็กที่คอยบีบรัดทุกสัดส่วนของเขาเอาไว้
“ท่าเรือคิมขอต้อนรับ...”
กอบโกยจนพอใจ...ก็ถอนรอยจูบออกช้าๆและปล่อยร่างหอมๆให้เป็นอิสระ
“แหวะ!!...”
“มองทำไม...ติดใจ?”
“ก็แค่จูบห่วยๆ...ใครติดใจก็โง่เต็มที”
รีบเช็ดปากเช็ดคอด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะเอ่ย...ใครจะไปติดใจกับจูบที่ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น
เขามาที่นี่เพราะต้องการหาพืชน้ำสีม่วงไปวิจัย
แล้วการต้อนรับด้วยวิธีแบบนี้มันก็น่าโมโหที่สุด เซฮุนเหมือนจะอยากล้างคราบความสกปรกออกจากร่างกาย ลำพังแค่มือที่ปัดฝุ่น ปัดกลิ่นน้ำมันหรือแม้กระทั่งกลิ่นบุหรี่ออกจากตัวเองมันยังเพียงพอ
“คุณอย่ารังแกเพื่อนผมอีกเลย
พวกผมมาที่นี่เพราะต้องการตามหาสิ่งที่อยู่ในบันทึก แล้วในบันทึกมันบอกว่าต้องมาที่ท่าเรือคิม”
“ไม่มีของฟรีในโลกนี้หรอกนะคุณ อยากได้อะไรก็ต้องยอมแลก”
“คุณจะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามา พวกผมมีจ่าย...แต่ต้องไม่ใช่แบบนั้น”
รีบวิ่งมากอดเพื่อนรัก...และพยายามทำข้อตกลงกับชายผิวเข้มด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แบคฮยอนรู้สึกไม่พอใจกับคนที่คุณพ่อเขียนไว้ในบันทึก ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นคนมีอายุหรือไม่ก็เป็นชายวัยกลางคนที่ดูใจดี แต่ที่ไหนได้...คนตรงหน้ายังหนุ่มยังแน่น เผลอๆอายุอาจจะห่างกับพวกเขาเพียงไม่กี่ปี (พ่อไปรู้จักคนแบบนี้ได้ไง?)
“บางอย่างเงินก็ซื้อไม่ได้นะคุณ”
“ผมชื่อแบคฮยอน เพื่อนผมชื่อเซฮุน”
“ไค....”
“ผมต้องการสมุดเล่มนั้นคืน มันสำคัญกับผมมาก”
“พวกคุณเป็นอะไรกับเจ้าของสมุดเล่มนี้”
“ผมเป็นลูกชาย ลูกชายของคุณอูซอง”
ไค...รู้ทันทีว่าคนตัวเล็กไม่ได้โกหก
ไม่มีใครสามารถเอาบันทึกเล่มนี้มาได้ถ้าไม่ใช่ลูกชายของท่าน อูซองถือว่าเป็นผู้มีพระคุณเพราะท่าเรือขนาดเล็กแห่งนี้ก็ได้ท่านช่วยซื้อเอาไว้ก่อนที่มันจะถูกยึด
ตอนยังเป็นวัยรุ่น...คุณอูซองจ้างเด็กอย่างเขาให้ออกเรือเพื่อหาบางสิ่ง พืชน้ำสีม่วงที่สะท้อนแสงแวววาวในยามค่ำคืนมันสามารถช่วยคนอีกนับล้านได้ในอนาคต ซึ่งมันเป็นคำกล่าวของนักวิจัยที่เที่ยวตามหาของสิ่งนั้นอย่างไม่ย่อท้อ
แต่เมื่อค้นพบ...ผู้มีพระคุณก็หายไปและไม่ติดต่อกลับมาอีกเลยจนกระทั้งได้มาพบกับลูกชายของท่านในวันนี้
เขาไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับอูซอง...ท่านต้องเสียชีวิตไปแล้วแน่ๆเพราะงานวิจัยของท่านคือเป็นสิ่งที่คนโลภมากต้องการครอบครอง แล้วถ้าอูซองยังมีชีวิตอยู่...ท่านก็ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง
ไคเชิญลูกชายผู้มีพระคุณเข้ามาในท่าเรือและเป็นที่ส่วนตัวเกินกว่าจะให้ใครหน้าไหนเข้ามาย่างกราย มันเป็นที่ซุกหัวนอน ที่ทำมาหากินรวมถึงที่พักกายที่พักใจในยามเหนื่อยล้า
คนนอกอาจคิดว่าท่าเรือแห่งนี้เถื่อนเกินจะเข้ามาใช้บริการ
แต่คนแถบนี้มักรู้กันดีว่าถ้าใครอยากหาของป่าหรือสัตว์หายากก็ต้องเป็นท่าเรือคิมเท่านั้น มันอาจเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยสุจริตสักเท่าไหร่...แต่สำหรับคนในประเทศนี้ อะไรที่ทำเงินได้ก็เอาหมด เงินมาของไป
แต่...ต้องไม่ใช่กับพืชน้ำสีม่วง
ท่าเรือ XXX
แกร็กกก!!!
“ห้องมีแค่นี้...ถ้าอยากได้หรูๆก็ไปนอนโรงแรม”
“เลือกได้ก็ไม่อยู่หรอก!!”
ไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งที่เปิดออกเมื่อครู่ว่าประตูได้ไหม??...เพราะมันเป็นเศษไม้เก่าๆที่เอามาต่อกันแล้วตอกตะปูให้เป็นแผ่น มีช่องโหว่มีรูเต็มไปหมด ห้องนี้มองทะลุฝาผนังจนเห็นเรือที่จอดอยู่ริมแม่น้ำ แล้วแบบนี้ใครจะอยากเข้ามาพัก เตียง...ก็เรียกว่าเตียงได้ไม่เต็มปาก ผ้าห่ม...ก็ไม่รู้ว่าห่มไปแล้วผื่นจะขึ้นหรือไม่
แต่มันก็ไม่มีทางเลือก...โอเซฮุนอยากกลับบ้านนนนน!!!
“คุณจะคืนสมุดบันทึกให้ผมได้หรือยัง?”
“ถ้าอยากเจอสิ่งที่ต้องการก็ห้ามมีความลับ”
“แต่ผมต้องใช้เป็นแนวทาง”
“ออกเรือเมื่อไหร่จะคืนให้”
“แล้วคุณไคจะออกเรือกี่โมง? พวกผมจะได้เตรียมตัว”
“พรุ่งนี้แต่เช้ามืด...”
(ต้องเป็นวันนี้ พวกเรารอไม่ได้หรอกนะคุณ-ไค!!!)
ไปเองได้คงไปนานแล้ว...คนอย่างโอเซฮุนไม่อยากรออะไรทั้งนั้น ยิ่งต้องมารอ
ต้องมานอนหรือต้องมาเห็นหน้าเจ้าของรอยจูบแสนเถื่อนนานเท่าไหร่ก็ยิ่งพาให้ประสาทเสีย
เสียงหวานเอ่ยย้ำชื่อที่มาพร้อมกับคำว่าคุณอย่างที่เพื่อนตัวเล็กให้เกียรติ แต่น้ำเสียงแบบนั้นมันเป็นการประชด...ซึ่งหนุ่มผิวเข้มก็รู้ดี
“สงสัยไม่เข็ด...”
“จะทำอะไร!!? ออกไปเลยนะ...ไอ้บ้า!! ปล่อยย!”
ความรวดเร็วของไค...ทำให้คนที่ยังติดความเป็นคุณหนูรักสะอาดต้องเข้ามาอยู่อ้อมกอดอีกครั้ง ร่างกายที่มีแต่รอยสัก
คราบน้ำมันเครื่องจากเรือยนต์หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นคนคนนี้ มันทำให้เซฮุนอยากล้มเลิกงานวิจัย แบคฮยอนพยายามดึงตัวเพื่อนออกมาจากท่อนแขนแข็งแรงที่โอบรอบกายเซฮุนเอาไว้ แต่ยิ่งห้าม...แรงกอดรัดก็ยิ่งแน่นขึ้น
และ....
(พาใครมาวะไอ้ไค...เสียงแจ้วไปถึงนู้นนน??)
“โอ้ยยย...!”
(เหี้ยยย...พาเด็กมาไม่บอกกู น่ารักว่ะ)
“ปล่อยนะ..เราเจ็บ”
คราวนี้...ไม่มีใครช่วยใครได้แล้ว
เพราะคนที่กำลังจะดึงเพื่อนให้ออกมาจากอ้อมกอดเจ้าของท่าเรือก็ถูกคนตัวใหญ่อุ้มจนตัวลอย ทำไมคนที่นี่ถึงได้เป็นแบบนี้ คิดจะทำอะไรก็ทำโดยไม่ถาม
แบคฮยอนดิ้นจนสุดแรงด้วยเกรงว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย
แถมการถูกอุ้มด้วยท่านี้...ก็พาให้ใบหน้าของเราทั้งคู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
(จับนิดเดียว...ทำไมมันแดงขนาดนี้วะ?)
“มึงก็เบาๆหน่อยไอ้ชาน
แล้วนี้ก็ลูกค้า...ไม่ใช่เด็กที่มึงจะทำอะไรแบบนั้น”
(เหี้ย!!...แล้วไม่บอกตั้งแต่แรก งั้นที่มึงกอดอยู่ก็เด็ก......ใช่ปะ? เอามาให้กู
เดี๋ยวกูพาไปที่ท้ายเรือ)
“ตีนเหอะไอ้ชาน...นี่ก็ลูกค้าเหมือนกัน แต่กูกำลังข้อตกลง”
ข้อตกลงอะไร...ทำไมเซฮุนไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วไอ้ยักษ์หูกางก็ปล่อยเพื่อนกูได้แล้ว บ้านป่าเมืองเถื่อนที่แท้จริง จะยิงปืนก็ยิง
จะจูบก็จูบ จะกอดก็กอด บ้ากันไปหมด....เซฮุนรีบสะบัดกายออกจากความกำยำและดึงแบคฮยอนเข้ามากอดไว้ ผิวเนื้อขาวเนียนเป็นริ้วแดงด้วยแรงบีบรัด เหงื่อซึมตามไรผมเนื่องจากอากาศร้อน
แถมยังต้องมาอาศัยอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย...ทุกๆอย่างมาพาให้คนทั้งคู่เริ่มรู้สึกท้อแท้ต่องานวิจัย
“ลูกค้าจะให้พาไปไหนวะ?”
“ไปหาของสำคัญ...มึงไปเตรียมเรือเหอะ เดี๋ยวคืนนี้กูเล่าให้ฟัง แล้วเราต้องออกเรือแต่เช้ามืด”
“ขอถามเรื่องเงินได้ปะ เพื่อจะมีแรงไปเตรียมเรือ”
“ก็มากพอจะให้มึงซื้อเด็กมาแดกตลอดชีวิต”
“แต่งานนี้...เงินอาจไม่ใช่ประเด็นก็ได้นะเว้ย!”
“หึ!!...”
ดวงตากลมโต...ที่สบจ้องความจิ้มลิ้มอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมการยิ้มมุมปาก
มันทำให้แบคฮยอนรู้สึกร้อนๆหนาวๆและไม่กล้าเอ่ยขออะไรอีกแล้วนอกจากยืนนิ่งๆ จะออกเรือพรุ่งนี้ก็ได้ มะรืนก็ได้และค่าจ้างก็ยังคงเป็นตัวเงินเช่นเดิม...แต่ต้องไม่ใช่ตัวเขา คนอะไรก็ไม่รู้ ตัวก็ใหญ่
มือก็ใหญ่ ใหญ่ไปหมด จับทีกอดที...ร่างแทบแหลกเป็นชิ้นๆ น่ากลัวชะมัด!!!
“พวกคุณพักผ่อนกันตามสบายนะ ถึงเวลาออกเรือแล้วผมจะมาเรียก”
“ละ...แล้วห้องน้ำอยู่ที่ไหน พวกเราจะอาบน้ำกันยังไง?”
“อาบที่แม่น้ำนั้นแหละ แก้ผ้ากะโดดลงไปเลย”
“จะบ้าเหรอ!!!...ในน้ำมีไอ้เข้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“มี...แต่แม่น้ำฝั่งนี้ไม่มี”
ไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาเลยสักนิด...เตียงก็ไม่มี
ผ้าห่มก็ยังกับผ้าขี้ริ้วแถมยังต้องอาบน้ำในแถบที่อีกฝั่งมีจระเข้
ไม่ตายวันนี้ก็ไม่รู้จะอยู่รอดถึงวันออกเรือหรือเปล่า ยิ่งกว่าหายนะของชีวิตก็คือการมาประเทศที่แสนจะเถื่อนและได้เจอคนเถื่อนๆ แล้วก็....
ปังงงงง!!!!!
ปังงงงง!!!!!
“...........!!!!!!!!!!!!!!!!??”
“พยายามทำตัวให้ชิน...เพราะที่นี่เค้าหากินกันแบบนี้”
“แล้วยิงอะไร ช้างหรือไง...ถึงต้องยิงขนาดนั้น? บ้าจริง!!”
ไม่รู้ว่าต้องตกใจอีกสักกี่รอบ...แล้วเสียงปืนที่ดังอยู่หลายนัดก็ทำให้เซฮุนเริ่มประสาทเสีย แต่ปากบางๆที่กำลังบ่นไม่หยุดและรสชาติแสนหวานที่ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นก็ทำให้เจ้าของสถานที่อย่างไคอยากลิ้มรสอีกสักครั้ง บ่นทุกอย่าง
บ่นทุกสิ่ง บ่นอยู่นั่น...มันน่าจูบให้หายใจติดขัด!!!
“อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกแล้วกัน”
“อยากได้แอร์ อยากได้ห้องน้ำ อยากได้เตียงนุ่มๆ โว้ยยยยย!!!”
(เซฮุนนน....)
ใช่ว่าเป็นคนเรื่องมากขนาดนั้น...ไปเที่ยวแบบกางเต็นท์เข้าป่าก็เคยมาแล้ว
แต่ที่นี่มันทำให้รู้สึกว่าถ้าต้องลำบากกว่านี้ก็คงต้องหาหนอนกินตามท่อนไม้ชื้นๆ เซฮุนทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาขาดๆก่อนที่เพื่อนตัวเล็กจะเข้ามาปลอบอย่างนึกเห็นใจ แบคฮยอนยอมรับว่าท่าเรือแห่งนี้มันเก่ามากจริงๆ
เขาไม่รู้ว่าคนชื่อไคกับคนตัวใหญ่ๆอาศัยอยู่กันได้อย่างไร
แล้วเสียงปืนที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องชินภายในวันนี้พรุ่งนี้แน่นอน
“อยู่แค่คืนเดียวยังทนไม่ได้ แล้วพรุ่งนี้ออกเรือไปอีกตั้งไกลจะไหวกันเหรอ? ผมว่าพวกคุณกลับบ้านไปตอนนี้ก็ยังทันนะ”
“ที่ที่ผมจะไปมันไกลแค่ไหน?”
“ล่องไปตามแม่น้ำหนึ่งวัน แต่ถ้าน้ำเชี่ยวก็ต้องอ้อมไปอีกทาง...รวมเป็นสามวัน”
(กูอยากข้ามไปฝั่งนู้นแล้วกระโดดลงน้ำให้จระเข้มันแดกไปเลย...ตายๆไปซะ แม่งงงง!!!!!!)
การทำเพื่อมวลมนุษย์ทำไมมันถึงยากขนาดนี้...และถ้าไปถึงจุดหมายแล้วไม่พบสิ่งที่ต้องการจะทำอย่างไร???
ความท้อใจเริ่มทวีความรุนแรงจนทำให้เซฮุนพาลไปหมดเพราะถ้านักวิจัยทุกคนคิดที่จะช่วยชาวโลกเหมือนกับเขา
เซฮุนกับแบคฮยอนก็คงไม่ต้องมาที่นี่อย่างลับๆ ทีมค้นหาของคุณพ่อก็มี เรือดีๆก็มีให้ใช้ สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีเยอะแยะ แต่...ความโลภ
ความอยากได้ ความอยากมีอำนาจเหนือทุกสิ่งก็ทำให้พวกเขาทั้งคู่ไม่อาจบอกเรื่องนี้ให้ใครทราบ ขืนพูดไป...ทรัพยากรที่ควรเอาไปใช้ช่วยเหลือผู้อื่นก็จะกลายเป็นสินค้าที่เอาไว้ต่อรองชีวิต
“อย่าโดดเลยคุณ...ผมสงสารจระเข้ที่ต้องกินของแสลง”
“อย่าติดใจของแสลงก็แล้วกัน จะไปไหนก็ไปเลยไป...หงุดหงิด”
“ใครติดใจก็โง่แล้ว...แค่จูบห่วยๆ”
“ไอ้....”
แกร็กกก!!
ยังไม่ทันได้สาดอารมณ์...หนุ่มผิวเข้มก็เดินออกไปจากห้องพร้อมยิ้มร้ายที่น่าหมั่นไส้ อย่าหวังจะได้จูบกันอีกเลย ไม่ต้องมาเข้าใกล้ด้วย
คนอะไร...ตัวมีแต่กลิ่นน้ำมันกับกลิ่นบุหรี่ แหวะ!! เซฮุนได้แต่ยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดและหงุดหงิดกับทุกอย่างที่เป็นที่นี่ เจ้าของท่าเรือ ที่นอน
ห้องน้ำ ผ้าห่ม ห้องพัก...ทุกสิ่งคืออะไรก็ไม่รู้ที่เขาต้องมาพบเจอ!!!
...
...
...
19.00 น.
กร๊อบบ!!!
“แบค...มึงส่องไฟดิ๊!! กูเหยียบอะไรก็ไม่รู้?”
“เหี้ยยย...T^T ”
อยากร้องไห้...เพราะเมื่อยกเท้าขึ้นจากพื้นก็เห็นเศษซากของเปลือกหอยทากพร้อมของเหลวเหนียวหนืดติดตามรองเท้าแตะกุชชี่เหมือนกาวใส เป็นเวลาที่ต้องอาบน้ำหลังจากที่นอนพักผ่อนจนหายเพลีย
แต่การที่ต้องเอาข้าวของเครื่องใช้อย่างครีมอาบน้ำ
แปรงสีฟันยาสีฟันและเสื้อผ้าเดินแหวกพงหญ้าเข้ามาทำความสะอาดร่างกายกลับเป็นสิ่งสร้างความขนลุก ทางเดินที่ดีกว่านี้ก็ไม่มี มืดก็มืด
แมลงก็เยอะ แล้วที่บอกว่าฝั่งนี้ไม่จระเข้...มึงไม่ได้โกหกกูใช่ไหมคุณไค
“จะอาบยังไงวะแบค?”
“นั่นดิ...กูไม่กระโดดลงไปแน่ๆ”
“ล้างหน้าแปรงฟันก็พอมั้ง”
(ลงไปอาบน้ำเถอะคุณณณณ...มันไม่มีอะไรหรอก!!! เดี๋ยวผมดูทางให้)
“คุณชาน...!!!”
คนที่นี่เป็นนินจาหรือไง...เดินตามมาตอนไหน??
แบคฮยอน...หลุดชื่อเจ้าของเสียงทุ้มใหญ่ออกมาโดยที่ยังไม่เห็นตัว แต่เมื่อเงาดำๆสองเงาพร้อมเสียงแหวกหญ้าแห้งดังใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ
ความสบายใจก็เกิดขึ้นกับผู้มาเยือนได้ในทันที ทั้งเซฮุนและเพื่อนตัวเล็กต่างพากันรีบถอดเสื้อผ้าและเหลือเพียงบ็อกเซอร์เอาไว้ก่อนหย่อนตัวลงไปในน้ำอย่างช้าๆ ความเย็นของน้ำที่ไหลเอื่อยๆ ทำให้คนทั้งคู่รู้สึกสบายตัวมากขึ้น
ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศดีๆในยามค่ำคืน
“โคตรขาวเลยว่ะ”
“หอมด้วย”
“ไอ้ไค...คนตัวเล็กของกู”
“รู้น่ะ...”
ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องมานั่งเฝ้าใครอาบน้ำ...แต่ประเทศนี้มันค่อนข้างน่ากลัวสำหรับผู้มาเยือนเพราะเขตนี้มันไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหรือเป็นสถานที่ที่จะเข้ามาได้ง่ายๆ ทุกเขตทุกเมืองมีคนใหญ่คนโตคอยควบคุมและเขตบางเขตก็อาจเป็นอันตรายเกินกว่าสองคนที่อยู่ในน้ำตอนนี้จะเข้าใจ เดินออกนอกเส้นทางก็อาจถูกจับไปเป็นตัวประกัน เข้าไปในที่หวงห้ามก็อาจถูกจับไปขายให้พวกชาวประมง แล้ววว...ร่างสวยๆขาวๆเอวคอดแบบโอเซฮุน...ก็คงถูกใจพวกนั้นน่าดู
“........???”
“แบค...เซฮุน!!! ขึ้นมาก่อน
เร็วววว!!!”
เสียงเตือนพร้อมการยื่นมือลงมาในน้ำ...ทำให้คนถูกเรียกต้องรีบทำตามอย่างไม่อาจโต้เถียง
ยิ่งเป็นคนตัวเล็กก็ยิ่งถูกอุ้มเข้าสู้อ้อมอกได้อย่างง่ายดาย ส่วนคนที่เคยบ่นไปเสียทุกเรื่องก็ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากเพราะทั้งสีหน้าแววตาของหนุ่มผิวเข้มมันดูน่ากลัวเกินกว่าจะปฏิเสธเหมือนเช่นทุกครั้ง สิ่งที่ไคคิดมันกลายเป็นเรื่องจริง
เสียงฝีเท้าของคนประมาณห้าคนกำลังเดินมาตรงนี้ มือหนากระชับเอวคอดไว้แน่น อีกมือก็กระชับปืนคู่กายพร้อมสายตาคมที่กวาดมองไปรอบๆอย่างระวังตัว และ....
“โอ้โห!!...ไม่คิดว่าจะเจอของดี”
“แต่ไม่ใช่ของมึง...”
ความกลัวเริ่มแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ...สองแขนโอบรอบเอวสอบโดยอัตโนมัติ
กลิ่นน้ำมันเครื่องหรือกลิ่นบุหรี่ไม่ใช่สิ่งที่เซฮุนต้องกังวลอีกแล้วเพราะกลุ่มชายวัยรุ่นจำนวนห้าคนตรงหน้าคือสิ่งที่ต้องกังวลมากกว่า แบคฮยอนต้องซบหน้าลงไปบนอกกว้าง
ตัวมันสั่นเกินจะควบคุมและไม่รู้ว่ากำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น??
“พวกกูได้ยินเสียงน้ำ...ก็เลยนึกว่าจระเข้มันลงมาหาเหยื่อ”
“ก็เห็นแล้วนิว่าไม่ใช่จระเข้ พวกมึงกลับไปได้ละ”
“มีของดีไม่แบ่งกันเลยนี่หว่า”
ร่างสวยที่เปียกไปด้วยน้ำ ผิวขาวเนียนที่ต้องแสงจันทร์ในยามค่ำคืน
ใบหน้าเรียวสวยที่เกาะพราวไปด้วยความชุ่มชื้น ทุกอย่างที่ชายทั้งห้าเห็นอยู่ในอ้อมกอดของไค
มันพาให้ต้องจ้องมองและอยากลิ้มลองไปตามสันดาน
แล้วสายตาโลมเลียแบบนั้นก็ทำให้คนถูกมองต้องกอดเอวหนาไว้แน่นกว่าเดิม
“ทำไมกูต้องแบ่งพวกมึงด้วยวะ
ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ถูกยิง...แอบเข้ามาในเขตของกูแล้วยังเสือกปากดี”
“พวกกูมีห้า แต่มึงแค่สอง
จะลองดูกะ...ก็”
ปังงง!!!
“อึ่กกกก!!!...”
“มันอยู่ที่ความเร็ว...ไม่ใช่จำนวน!!”
“ไอ้ไค!!!!”
ปังงงง!!!
“อ๊ากกก!!!”
“อีกนัดจะเป็นที่กะโหลกของมึงถ้ายังไม่ออกไป!!”
(คุณไค!...)
เพิ่งเคยเห็นคนตายต่อหน้าเป็นครั้งแรก...เพราะปืนที่เล็งและยิงด้วยความแม่นยำมันทำให้หนึ่งในชายห้าคนนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นหญ้า
ส่วนอีกนัดก็ยิงถูกขาข้างซ้ายของผู้ที่พูดจาไม่เข้าหู เถื่อนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว จะยิงใครฆ่าใครทำไมมันง่ายถึงเพียงนี้
เขาแค่จับปลาสักตัวด้วยเบ็ดอันเล็กๆยังไม่กล้า เซฮุนเอ่ยชื่อเจ้าของพื้นที่ด้วยเสียงที่เบาจนเหมือนกระซิบ
ร่างกายสั่นไหวด้วยความเย็นของอากาศหรือความกลัวก็แยกแยะไม่ได้แล้วในตอนนี้
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง...”
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนอื่นจะเข้ามาในเขตนั้นเขตนี้โดยไม่ขออนุญาต...เพราะเขตบางเขตก็มีสัตว์ที่ทำเงินให้เป็นกอบเป็นกำและทำให้ยอมเสี่ยง ซึ่งกฎของเขตที่ไร้การเหลียวแลจากผู้มีอำนาจก็คือ...ถ้าเจ้าของพื้นที่พบเจอก็สามารถยิงต่อสู้กันได้เลย ใครตายก็ปล่อยทิ้งไว้ให้แร้งกามันกิน ใครบาดเจ็บก็แบกไปรักษาเท่าที่จะทำได้ ไม่มีใครสนใจเขตพื้นที่เล็กๆที่ไม่สามารถทำกำไรให้ประเทศได้
คนใหญ่คนโตมักให้ค่ากับพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวเยอะๆมากกว่า
“พวกมันไปแล้ว...คุณจะอาบน้ำต่อไหม?”
ทั้งแบคฮยอนและเซฮุน...ทำได้เพียงส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
และต้องทิ้งของใช้ต่างๆไว้ริมแม่น้ำเพราะตอนนี้แม้แต่จะก้าวขาก็ยังทำไม่ได้ คนตัวเล็กที่ถูกอุ้มไว้ตั้งแต่แรกก็ต้องถูกอุ้มไปจนกว่าจะถึงที่พัก
ส่วนเพื่อนรัก...ก็ถูกหนุ่มผิวเข้มแบกขึ้นหลังโดยไม่มีเสียงบ่นให้ได้ยินเลยสักคำ มือบางกอดคอเจ้าของท่าเรือไว้แน่น
ใบหน้าหวานที่ยังตื่นตระหนกซบแนบไปบนลำคอหนาอย่างหาที่พึ่งและในสมองก็เอาแต่ฉายภาพความเป็นความตายซ้ำๆจนต้องหลับตาเอาไว้
ประเทศนี้มันบ้าไปแล้ว...อยู่กันได้ยังไง?? ไปอยู่กับเขาที่XXX ไหม??? เพราะที่นี่มันไม่ปลอดภัยเลยสักนิด!!!!
100%
Cr.
ภาพหน้าบทความ :
Cr.
ภาพไอคอนของเรื่อง :
Cr.
ภาพในตอนที่ 1 : FAM Travel Solutions
***เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
หมายถึง ไม่เอาการเอางาน ทำอะไรไม่จริงจัง ไม่ทุ่มเท
Talk.
เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว ฮืออออ...บ้าบอมาก แต่อดไม่ได้จริงๆค่ะ ว่าจะพิมพ์เรื่อง #ฝากเลี้ยงKH ตอนใหม่ แต่ดันได้เรื่องใหม่มาแทน (กราบตักขออภัย)
ขออนุญาตย้ำอีกครั้ง....ว่าฟิคเรื่องนี้คือสิ่งที่ผู้แต่งจินตนาการขึ้นด้วยความไร้สาระและไม่มีความเป็นจริงในชีวิต ถ้าผู้อ่านรู้สึกขัดใจขัดหูขัดตาก็วอนขอให้เปลี่ยนไปอ่านเรื่องที่ชอบนะคะ ติได้เสมอเราไม่ว่าและน้อมรับไปปรับปรุง แต่ถ้ามันมากไปก็ขอความร่วมมือช่วยอดใจยับยั้งความคิดไว้ด้วยเพราะบางคอมเม้นท์มันไม่สร้างสรรค์ ไม่ก่อประโยชน์และยังสร้างบาดแผลในใจให้ผู้แต่งเกิดความท้อแท้
แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้มาจากดูหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งเรื่องราวหรือการออกเรือของตัวละครมันจะคล้ายคลึงกับหนัง...แต่เนื้อหาต่างๆไม่เหมือนกันแน่นอนค่ะ
และแรงบันดาลใจหลักๆคือ...รอยเพนท์บนตัวของพี่ไคในคอนฯ 5 ที่ผ่านมา (กร๊าวววว...ใจมากค่ะ)
เราได้แจ้งไว้ข้างต้นแล้วว่านี่คือ SF
มันจะมีแค่ห้าตอนหรืออาจน้อยกว่านั้นและแต่ละตอนจะค่อนข้างสั้นกว่าทุกๆเรื่องที่เคยแต่ง การดำเนินเรื่องจะรวดเร็วแต่ก็จะไม่เร็วจนรวบรัดเกินไป เราจะพยายามกระชับเนื้อหาให้ดีที่สุดนะคะ
ขอบคุณนักอ่านที่ยังให้โอกาสเราเสมอ
และถ้าฟิคเรื่องนี้มีข้อผิดพลาดประการใดเราต้องอภัยเป็นอย่างยิ่ง
รัก ♡
#ออกเรือKH
ความคิดเห็น