คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Enlightened Heart
ตอนที่ 7: Enlightened Heart
You know you're in love when you
can't fall asleep because reality is finally better than your dreams - Dr.
Seuss
แฮร์รี่สบตากับร่างโปร่งที่ยังคงยืนนิ่งหลังจากได้ยินข้อเสนอของเขา
ในห้องมืดๆแบบนี้เขาแทบจะอ่านสีหน้าของมัลฟอยไม่อก
เขาเห็นเพียงริมฝีปากที่เม้มแน่น และท่าทางที่บอกว่าหมอนั้นตกใจแค่ไหนกับคำพูดของเขา
และเขาหวังว่าเขาจะอ่านมัลฟอยไม่ผิดในสามข้อนั้นมีข้อเดียวที่มัลฟอยควรจะเลือก
"ไม่เอาน่ามัลฟอย
เราทั้งคู่ก็รู้ว่าจริงๆมันมีเพียงข้อเสนอเดียว
อย่าทำให้มันยากกว่านี้ได้ไหม" ทันทีที่แฮร์รี่พูดจบร่างโปร่งก็ถอยหลังไปอีกก้าว
เขาเผลอขยับจะเดินตามแต่ลืมว่าขาของเขายังคงเจ็บอยู่
ให้ตายสิเสียดายที่เขาไม่เก่งพอที่จะใช้คาถารักษาได้
แฮร์รี่สูดหายใจลึกพยายามข่มความเจ็บที่วิ่งแล่นขึ้นมา
แต่เขาก็อดส่งเสียงสบถออกไปไม่ได้
ตาสีเทามองที่ขาของเขา
และโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้นมัลฟอยก็หันหลังกลับแล้วเดินออกจากกรดท่อมไป
ทิ้งให้แฮร์รี่ตะลึงอยู่ในความมืดคนเดียว
"บ้าเอ๊ย"
ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง เขาเดินกะเพลกไปที่ประตูแล้วเปิดออก
หวังว่าจะเห็นหลังอีกคนไวๆแล้วตะโกนเรียกได้ทัน
"มัลฟอย"
แฮร์รี่ตะโกนเรียก แต่เบื้องหน้าเขามีแต่หิมะและต้นไม้แห้งตาย ไม่มีร่างสูงโปร่งอยู่กลางนั้นเลยสักนิดเดียว
ชายหนุ่มมองขึ้นบนฟ้าอย่างเป็นห่วง กำลังจะมืดแล้ว
ให้ตายเถอะหวังว่ามัลฟอยคงไม่คิดจะทำอะไรโง่ๆอย่างพยายามเดินหาฟืนแห้งๆหรอกนะ
เพราะเขาเชื่อว่าเดินไกลแค่ไหนก็ไม่มีทางพบในป่าที่คลุมด้วยหิมะขนาดนี้
ชายหนุ่มล่าถอยกลับมาในกระท่อม
ใจเต้นรัวอย่างเป็นห่วง ให้ตายสิทำไมหมอนั้นถึงเลือกอะไรแบบนี้นะ
เขาได้แต่มองที่ประตูกระท่อมรอให้มัลฟอยเปิดกลับมา
และเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูและเห็นร่างโปร่งเดินก้าวกลับเข้ามา
"นายจะบ้าเหรอ!"
แฮร์รี่ตะโกนใส่อีกคน เขาหงุดหงิดกับทั้งมัลฟอยที่คิดบ้าๆที่จะออกไปข้างนอกตอนนี้
และเขาหงุดหงิดกับตัวเองด้วยที่เสนอทางเลือกนั้นให้มัลฟอย
และไม่คิดว่าคนอย่างมัลฟอยจะยอมเลือกทำอย่างนั้น
มัลฟอยไม่ตอบอะไร
ชายหนุ่มแค่ก้าวเข้ามาใกล้เขา ก่อนจะก้มลงคุกเข่าข้างหน้าเขา ในมือชายหนุ่มมีไม้ยาวๆสองอัน
...ไม่ใช่ฟืน...แฮร์รี่คิดเงียบๆ
ไม่เข้าใจว่าอีกคนกำลังจะทำอะไร
แต่แล้วเมื่อเห็นมัลฟอยใช้ไม้สองอันมาประกบที่ข้อเท้าเขาพร้อมกับฉีกเสื้อเป็นแถบกว้างๆเขาก็รู้ทันที
มัลฟอยเดินออกไปหาไม้มาพยาบาลเขา เขารู้สึกผิดยิ่งขึ้นไปอีก เขาตั้งใจกดดันมัลฟอย
แต่ดูสิหมอนั้นกลับยังคิดจะช่วยเขา
เขาปล่อยให้มัลฟอยจัดการกับข้อเท้าของเขาเงียบๆ
ร่างโปร่งก้มหน้าทำให้เขาอ่านไม่ออกว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้
"น่าจะพอไหวจนกว่าจะถึงมือผู้บำบัดนะ"
มัลฟอยพูดออกมาในที่สุดหลังจากพันข้อเท้าเขากับไม้เสร็จ และแทนที่จะวางมือบนตัวเขานานเกินกว่าที่จำเป็นร่างโปร่งก็รีบถอนมือออกแล้วเดินออกห่างจากเขา
เขาเสียอีกที่เป็นคนที่ต้องเดินไปหามัลฟอยเอง
"เอ่อ ขอบใจนะ"
เขาพูดอย่างจริงใจ
"ช่างเถอะพอตเตอร์
ยังไงฉันก็เป็นคนทำให้นายเจ็บ ฉันก็ควรจะช่วยนาย" ชายหนุ่มตอบกลับเรียบๆ
ตาสีเทามีแววสงสัยเหมือนอยากจะถามอะไรเขา
แต่แล้วมัลฟอยก็ตัดสินใจหันหลังกลับไปอีกครั้ง
"แล้วฉันก็ขอเลือกข้อหนึ่ง"
มัลฟอยพูดโดยไม่มองหน้าเขา ก่อนจะเดินไปนั่งห่างเขา
"ทำไม"
แฮร์รี่ถามออกมาอย่างหยุดไม่ได้
"เพราะฉันรู้ว่านายจะถามอะไร
แล้วฉันก็แน่ใจว่าฉันคงจะตอบคำถามของนายไม่ได้โดยไม่ทำลายชีวิตคนอื่น"
มัลฟอยพูดเบาๆ แล้วก็เงียบไป ทิ้งให้เขาจมกับความคิดของตัวเอง
เขามองตามร่างในความมืดนั้นอย่างไม่เข้าใจ
ทุกคำพูด ทุกการกระทำของมัลฟอยโผล่ขึ้นมาในความคิดเขา
มันมีแต่เรื่องขัดแย้งทั้งนั้น
..หรืออาจจะไม่... เสียงในหัวแฮร์รี่แย้งขึ้นมา
ถ้าเพียงแต่ถ้านายยอมรับว่าหมอนั้นเปลี่ยนไปแล้ว
และแม้แต่คนอย่างมัลฟอยก็โตขึ้นได้
ในหัวเขามัลฟอยเป็นเพียงแค่เด็กเกเรที่ชอบรังแกคนอื่น เห็นแก่ตัว และขี้ขลาด
แต่เวลาก็ผ่านไปไม่ใช่น้อยๆ เขาเองก็ต้องยอมรับว่าเขาก็ไม่ใช่คนเดียวกับแฮร์รี่
พอตเตอร์ที่เขาเคยเป็นสมัยอยู่ในฮอกวอตส์อีกแล้ว โลกของเขาไม่ได้มีแต่ขาวหรือดำ
แต่มันยังมีเฉดสีเทาๆที่เขาต้องยอมรับให้ได้ด้วย
เขาไม่แน่ใจว่าเขานั่งมองตามหลังร่างโปร่งนั้นนานขนาดไหน
แต่ตอนนี้ถ้าเขามองให้ดีเขาก็จะเห็นไหล่ของมัลฟอยสั่นน้อยๆ
ชายหนุ่มแตะมือกับพื้นเบาๆ เย็นเฉียบ
แน่นอนว่าเขาไม่รู้สึกเพราะคาถาที่เขาร่ายใส่ตัว
แฮร์รี่ลุกขึ้นโดยไม่ต้องคิด
เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไรชายหนุ่มเดินไปหยุดที่หลังของคนที่นอนอยู่บนพื้นก่อนจะนอนลงข้างๆแล้วดึงร่างโปร่งเข้ามากอด
######
เดรโกรู้สึกถึงความร้อนที่ผ่านไปทั้งตัวเขา
แต่เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะร่างของคนที่เข้ามากอดเขาหรือเป็นเพราะหัวใจของเขาที่มันเต้นรัวแบบนี้
เขาพยายามจะหันหน้ากลับไปมองอีกคนแต่อ้อมแขนที่กอดเขาแน่นไม่อนุญาตให้เขาขยับตัว
"พะ...พอตเตอร์"
เขาเรียกชื่ออีกคนเบาๆ
"ฉันไม่ตอบคำถามนายหรอกนะ"
ทันทีที่เขาพูดจบพอตเตอร์ก็กอดเขาแน่นขึ้น
ลมหายใจร้อนๆของอีกคนแตะที่ต้นคอเขา "ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องแล้วหล่ะ"
เขาไม่เข้าใจพอตเตอร์เลยสักนิด
ตั้งแต่แรกเลยด้วย สิ่งที่หมอนั้นทำมีแต่เรื่องที่ตรงข้ามกันไปหมด
...ทำเป็นเมินเขาแต่กลับทำสีหน้าหงุดหงิดเวลาโดนเขาเมินกลับ
...เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนที่ปากบอกว่าเกลียด
...บอกให้เขาออกไปข้างนอก
แต่เมื่อเขาทำจริงกลับโกรธเขาเสียจนเขากลัว
...หรืออย่างตอนนี้...ทั้งๆที่ใจร้ายกับเขามาตลอด
แต่กลับอยู่ดีๆก็มาใจดีกับเขาแบบนี้
"ทำไมล่ะ"
พอตเตอร์ไม่ตอบ
แต่กอดเขาเอาไว้เงียบๆแทน ความอบอุ่นค่อยๆแทนที่ความหนาวเย็นที่คลุมไปทั่วร่างในตอนแรก
และมันทำให้เขารู้สึกสบายเสียจนเขาเกือบจะปิดตาหลับไปแล้ว
"ฉันไม่รู้เหมือนกัน"
เสียงทุ้มๆนั้นทำให้เดรโกเปิดตาขึ้นมาอีกครั้ง
"บางครั้งฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันมัลฟอย"
เดรโกหัวเราะเบาๆ
โธ่ถ้าเจ้าตัวยังไม่เข้าใจแล้วคนอย่างเขาจะมีหวังหรือ
"แต่คนที่ฉันไม่เข้าใจที่สุดก็คือนาย"
พอตเตอร์พูดต่อ เหมือนกับว่าพอเริ่มแล้วเขาหยุดไม่ได้อีกแล้ว
"ฉันคิดว่าฉันรู้จักนาย
แต่ยิ่งฉันอยู่ใกล้นายเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเข้าใจนายถูกหรือเปล่า
ฉันไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งฉันจะคิดว่านายเป็นเพื่อนได้
หรือว่าจะคิดถึงนายเวลาที่นายหลบหน้าฉัน หรือว่าต้องเจ็บใจที่นายโกหก"
"ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงกับนายทั้งหมด"
เดรโกยอมรับผิดง่ายๆ แต่เขาก็ยังไม่สามารถพูดความจริงทั้งหมดออกไปได้อยู่ดี
เพราะมันไม่ใช่แค่เขาแต่เป็นชีวิตของแอสเทอเรียด้วย
เสียงถอนหายใจอย่างหงุดหงิดดังมาจากคนที่อยู่ข้างหลังเขา
"หรือว่าแบบนี้ด้วย
คิดว่าตลอดเวลาเจ็ดปีที่ฮอกวอตส์ฉันเคยได้ยินนายขอโทษกี่ครั้งกัน บอกเลยว่าศูนย์
แต่ตอนนี้นายกลับพูดมันออกมาได้ง่ายๆแบบนี้"
"แล้วนายอยากจะให้ฉันทำอะไรล่ะ
อยากให้ฉันขอโทษทุกอย่างที่ฉันเคยทำมาเหรอ
ฉันเสียใจพอตเตอร์ที่ฉันทำกับนายแย่ๆตอนเราเป็นเด็ก นายคิดว่าฉันไม่เสียใจเหรอ
นายคิดว่าฉันไม่ต้องชดใช้ให้ความผิดที่ฉันเคยทำเหรอ
ถ้ามันทำให้นายรู้สึกดีขึ้นฉันขอโทษทุกเรื่องเลย" เดรโกตอบกลับ
ให้ตายสิเขาอยากให้เรื่องนี้ผ่านไปสักที และถ้ามันจะจบที่เขาขอโทษ ก็ได้
เขาเรียนรู้แล้วว่าการเอ่ยปากขอโทษไม่ใช่สิ่งที่เสียศักดิ์ศรีเลยสักนิด
และคนอย่างมัลฟอยก็ทำผิดได้เช่นกัน
พอตเตอร์นิ่งไปนานเสียจนเดรโกหวั่นใจ
"นายรู้ไหมมันน่าหงุดหงิดแค่ไหนที่ต้องไม่รู้อะไรเลย
ฉันไม่รู้ว่าที่นายมาทำดีกับฉันเพราะอะไรกันแน่ เดรโก
มัลฟอยคนไหนกันที่เป็นตัวจริง นายที่ฉันรู้จักมาตลอดเจ็ดปีหรือนายตอนนี้
นายรู้ตัวไหมว่านายทำให้ฉันหัวปั่นขนาดไหน วันหนึ่งนายก็ทำเหมือนเป็นเพื่อนฉัน
อีกวันนายก็ทำร้ายฉันได้ง่ายๆ" พอตเตอร์ไม่ได้ตอบคำถามของเขาออกมาตรงๆ
แต่เดรโกก็เข้าใจเหตุผลที่ทำไมอีกคนถึงได้โกรธเขามากขนาดนี้
เขาอยากจะบอกพอตเตอร์เหลือเกินว่าไม่ใช่แค่พอตเตอร์คนเดียวหรอกที่กำลังสับสน
เขาเองก็ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
แล้วการกระทำของพอตเตอร์ก็ไม่ได้เข้าใจง่ายไปกว่าการกระทำของเขาเลย
"ฉันขอโทษ"
เดรโกพูดซ้ำอีกครั้ง ราวกับว่ามันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
"เลิกขอโทษซะทีในเมื่อมันไม่ได้ช่วยอธิบายอะไรเลย
รู้ไหมปัญหาของพวกเราคืออะไร เพราะพวกเราไม่เคยไว้ใจกัน
ฉันไม่เคยกล้าพูดสิ่งที่คิดในใจกับนาย แล้วนายก็มีแต่ความลับเต็มไปหมด"
พอตเตอร์พูดด้วยเสียงหงุดหงิดไม่น้อย พร้อมกับอ้อมกอดที่แน่นขึ้น
"งั้นนายก็เริ่มสิ
เริ่มจากบอกฉันหน่อยว่านายเสี่ยงตายช่วยฉันทำไม" เดรโกถามสิ่งที่อยากรู้ออกมา
เขาอยากจะถามพอตเตอร์ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว แต่มันก็ไม่มีโอกาสเหมาะเสียที
พอตเตอร์ครางอย่างหงุดหงิด
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ร่างกายฉันมันวิ่งไปเอง”
“...ฉันปล่อยให้นายตายไม่ได้หรอกมัลฟอย...”
เดรโกพูดไม่ออก
ก็เพราะพอตเตอร์เป็นคนดีอย่างนี้แหละเขาถึงมีปัญหาจนถึงตอนนี้
ถ้าหมอนั้นนิสัยแย่กว่านี้สักนิดชีวิตเขาก็คงง่ายกว่านี้อีกโข
“มีอะไรอีกไหมที่นายอยากรู้”
พอตเตอร์ถามเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป ชายหนุ่มกลับเป็นคนถามออกมาก่อนเอง
“ถ้าไม่มีแล้ว ช่วยบอกฉันได้ไหมว่าความลับของนายคืออะไร
นายจะเชื่อใจฉันได้รึเปล่า”
เดรโกหลับตาลง
ความลับอะไรล่ะ เรื่องที่เขาปลอมตัวเป็นแอสเทอเรีย
เหตุผลจริงๆที่เขาต้องแต่งงานกับแอสเทอเรีย หรือว่าความรู้สึกที่เขามีให้พอตเตอร์
...ไม่มีสักเรื่องเลยที่เขาคิดว่าจะพูดออกไปได้...
##########
มัลฟอยไม่ตอบคำถามเขา
แฮร์รี่มองผมสีทองเบื้องหน้า
อยากจะบังคับให้อีกคนหันกลับมามองหน้าเขาเหลือเกินความลับที่นายปิดไว้คืออะไร
อะไรกันที่บอกเขาไม่ได้ เหตุผลของการกระทำของมัลฟอย
...แต่เขาเองก็มีความลับอยู่เช่นกัน...เสียงในหัวเขาดังขึ้น
สิ่งที่เขาเองก็ไม่กล้าพูดออกไปดังๆ ว่าเขาสับสนระหว่างแอสเทอเรียกับมัลฟอย
หลายๆครั้งที่มัลฟอยทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เขานึกถึงแอสเทอเรีย
และมันทำให้เขาใจเต้นรัวแบบแปลกๆ เขาพยายามจะบอกตัวเองว่านั้นเป็นเพราะเขาคิดถึงแอสเทอเรีย
...แต่มันจริงหรือ...
หลังจากเห็นว่าร่างกายของมัลฟอยกลับมาเป็นอุณหภูมิปกติแล้วแฮร์รี่ก็ขยับตัวออก
แต่ไม่ได้เดินออกห่างไปเหมือนเดิม
เขานั่งข้างๆมัลฟอยทั้งคืนขาของเขาแตะอยู่กับหลังของร่างโปร่งนั้น
ส่งผ่านความอบอุ่นไปให้ ในหัวยังคงถามตัวเองเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขามีให้มัลฟอย
แน่นอนมัลฟอยยังคงมีนิสัยหลายๆอย่างที่น่ารำคาญ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆอย่างของหมอนั้นเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ
แต่สุดท้ายเขาก็บอกให้ตัวเองหยุดคิดได้แล้ว
ในเมื่อหลังจากนี้เขากับมัลฟอยคงไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จบจากทริปนี้เขาจะหยุดคิดถึงแอสเทอเรีย
จะหยุดสงสัยว่าทำไมหญิงที่เขารักถึงได้เหมือนกับเดรโก มัลฟอย
และหยุดหมกมุ่นเรื่องของสองคนนี้เสียที เขาจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ทันทีที่ฟ้าสว่างพอ
ความช่วยเหลือก็มาถึง ซึ่งแฮร์รี่คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่มีเสี่ยงออกมาในช่วงเวลากลางคืน
เพราะทางลงมาคงไม่ได้ง่ายนัก ป่าสูงทึบแบบนี้ต้องเดินเข้ามาเท่านั้นด้วย
เขากับมัลฟอยถูกพาส่งโรงพยาบาลทันที
โชคดีที่ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรมาก
ต้องบอกว่ามัลฟอยไม่เป็นอะไรเลยต่างหากนอกจากฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อย
ส่วนเขานั้นถูกสั่งให้พักผ่อนที่โรงพยาบาลเพราะเขาเล่นใช้เวทมนตร์เพื่อสร้างความร้อนทั้งคืน
ตอนนี้ร่างกายของเขาก็เลยอยู่ในอาการอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก
สำนักงานมือปราบมารรู้เรื่องหลังจากแฮร์รี่หายไปเพียงแป๊บเดียว
คุณกรีนกราสติดต่อสำนักงานเพื่อหาที่อยู่ของแฮร์รี่เหมือนอย่างที่เขาหวัง
พวกเขาเองก็ส่งคนลงไปหารอบๆ เผื่อว่าเดรโกจะไม่อยู่กับเขา
ตอนที่ทีมค้นหาเห็นว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันนั้นทุกคนดูโล่งใจเป็นอย่างมาก
และเพราะสำนักงานรู้เรื่อง เพื่อนสนิทของเขาก็ต้องรู้ด้วย
รอนเดินทางมาที่นี่ทันทีที่ทราบข่าว และอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดเวลา
แถมยังอัพเดททุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟังเหมือนกับกลัวว่าเขาจะรู้สึกพลาดอะไรไปอย่างนั้นแหละ
“โรบาดส์ทำหน้าเหมือนเห็นผีตอนที่เดมิทริส
กรีนกราสบุกเข้ามาตอนกำลังจะเลิกงานแล้วบอกว่านายหายไป
ตอนที่ฉันออกมาขอบอกเลยว่านายกำลังโดนซุบซิบอยู่สุดๆเลยว่ะว่าคงเป็นหนุ่มคนใหม่ของคุณหนูเดฟนี
กรีนกราส”
แฮร์รี่กลอกตา
เขารู้ดีว่าที่กระทรวงน่ะชอบเรื่องซุบซิบอะไรแบบนี้แค่ไหน “ไม่ใช่เว้ย
เราสนิทกันตอนที่ฉันต้องไปดูพวกกรีนกราสช่วงคดีเรนฮาร์ทไง”
รอนพยักหน้าตอบรับ
“ฉันรู้น่ะว่าเดฟนีไม่ใช่สเป็คนาย แต่ไปบอกหนุ่มคนอื่นเหอะ
ตอนนี้ทุกคนอิจฉานายน่าดูที่ได้ควงสาวสวยแถมรวยสุดๆ
ส่วนสาวๆที่กระทรวงก็ร้องไห้กันใหญ่เลยว่ะเพื่อน
ข่าวลือล่าสุดก็คือนายติดอยู่ในกระท่อมกลางป่ากับเดฟนีสองต่อสองทั้งคืน”
“ให้ตายสิพวกนี้ คนละด-เด็กแล้วเว้ย
เดรโกไม่ใช่เดฟนี” แฮร์รี่แก้อย่างรำคาญ พลางคิดว่าเขาคงต้องเจอข่าวลือนี้ไปอีกสักพักแน่ๆ
คิดแล้วเซ็งชะมัด
“เอ่อ แล้วมัลฟอยเป็นยังไงบ้าง
ฉันอยู่กับหมอนั้นแค่ตอนตรวจ”
รอนขมวดคิ้ว “กลับไปแล้วน่ะสิ
ตอนแรกฉันเห็นหมอนั้นมามองๆหน้าห้องนาย
นึกว่าจะเข้ามาเยี่ยมนายแต่ก็ไม่เข้ามาซะงั้น ไอ้เฟอเร็ตนี้จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี
นายอุตส่าห์เสี่ยงไปช่วยเนอะ”
แฮร์รี่โบกมือให้เพื่อนหยุด
“เขาขอบคุณฉันไปแล้วล่ะ แล้วเขาเองก็เจอหนักเหมือนกัน ดีแล้วที่กลับไปพัก”
“พักอะไรของมัน
นู้นกลับลอนดอนไปทำงานแล้ว”
ทันทีที่รอนบอกชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบ
มัลฟอยกลับลอนดอนไปแล้วเหรอ คงไม่ได้คิดจะมาเยี่ยมเขาเลยสินะ
...โอ๊ย...แล้วทำไมเขาต้องน้อยใจด้วยนะ
ทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ชายหนุ่มด่าตัวเอง
“แล้วนี้นายไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอ
มาเฝ้าฉันอย่างนี้ได้เหรอวะ” แฮร์รี่หันไปถามเพื่อนข้างตัวบ้าง
รอนหยิบขนมที่พวกกรีนกราสเอามาฝากแฮร์รี่แล้วโยนเข้าปากก่อนจะตอบ
“ไม่อะ”
“เพิ่งจบคดีพอดี ก็เลยขอลาสักวัน
คดีนั้นอ้ะ ที่ฉันทำกับตำรวจมักเกิ้ลอ้ะ”
แฮร์รี่ส่ายหน้า
เขาไม่รู้เรื่องเลย
เกือบเดือนแล้วที่เขาถูกส่งมาทำคดีฉ้อฉลไม่ได้เห็นคดีของมือปราบมารคนอื่นที่ต้องไปบู๊หรอก
งานของเขาช่วงนี้มีแต่ล๊อคตัวอยู่ในห้องแล้วอ่านตัวเลขบัญชี
“เออลืมไปนายไปอยู่ทีมทำคดีโกงตังนี้หน่า”
เมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ทำหน้าดุใส่ รอนก็รีบแก้ “คดีฉ้อฉลก็ได้”
“แล้วคดีของฉันก็ไม่มีอะไร
พ่อมดใช้เวทมนตร์ปล้นบ้านมักเกิ้ล
ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าเขาเข้าไปในบ้านโดยไม่ทิ้งรอยนิ้วมือหรืออะไรได้ยังไง
ไม่มีใครเห็นด้วย
จนกระทั่งแจ๊คพอตที่หน่วยพิสูจน์หลักฐานเก็บน้ำลายของหมอนั้นได้แล้วตรวจพบว่ามีน้ำยาสรรพรสนั้นแหละ
หลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว ค่อยๆตามหาคนที่ซื้อเครื่องปรุงยาสำหรับน้ำยาสรรพรส”
“เออ
โชคดีนะที่ไม่มีคนปรุงเป็นเยอะกว่านี้ ไอ้น้ำยานี้โคตรจะตรวจยาก
รอยนิ้วมือก็เปลี่ยน หน้าก็เปลี่ยน จะมีก็แค่ DNA กับนิสัย—“ แฮร์รี่หยุดพูดกลางประโยค
มันเหมือนอยู่ดีๆก็มีใครเปิดสวิตช์ไฟในหัวของเขา แอสเทอเรียไม่ได้มีสองคน
แต่ต้องมีคนหนึ่งที่แปลงกายโดยใช้น้ำยาสรรพรสอีกคนคือตัวจริง ไม่ใช่แค่คาถาแปลงกายเพราะเขาถูกฝึกให้สังเกตุคาถาพวกนั้นและมองผ่านมันได้ง่ายๆ
แอสเทอเรียคนที่เขาเจอตอนแรกคือคนที่ใช้น้ำยาสรรพรส
แฮร์รี่แน่ใจ ตอนนี้ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด หญิงสาวต้องดื่มน้ำยาอะไรสักอย่างบ่อยๆ
เขาอยากจะชกหน้าตัวเองจริงๆที่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรก เขาเคยถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่งตอนมูดดี้
เขาน่าจะจำได้ เดฟนีต้องรู้เรื่องแน่นอน
แต่สองคนนั้นปิดเรื่องจากคุณกรีนกราสเพราะฉะนั้นเขาถึงถามแฮร์รี่ว่าแอสเทอเรียแปลกๆไปรึเปล่า
และเพราะอย่างนั้นเดฟนีถึงได้พูดอะไรแปลกๆอย่างแอสเทอเรียคนนั้น
และคนที่ปลอมเป็นแอสเทอเรีย...ถึงแฮร์รี่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นใคร
แต่เขาก็มีผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจแล้ว
##########
“สวัสดีมัลฟอย”
เดรโกแทบจะสำลักน้ำชาที่ดื่มอยู่ เขารีบหันไปมองคนที่เดินตามหลังเขามา
ทำไมหมอนั้นถึงมาอยู่แถวนี้ได้นะ ชายหนุ่มหรี่ตาดูคนตรงหน้า
หลังจากเกิดเรื่องที่ภูเขาเขาก็หลบหน้าพอตเตอร์ เขาตั้งใจกลับมาลอนดอนก่อนกำหนด
เตรียมงานแต่งและทำงานหวังว่าจะทำให้สมองของเขาโล่งบ้าง
ไม่ได้เต็มไปด้วยเรื่องของพอตเตอร์เหมือนตอนนั้น
...แต่ก็ไม่ค่อยเป็นผลสักเท่าไหร่
เพราะจนถึงตอนนี้ทุกคืนเขาก็ยังนอนลืมตาโพลงคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกคนอยู่เลย
“สวัสดีพอตเตอร์ ไม่รู้ว่านายอยู่แถวไนต์บริดจ์
(Knightsbridge) ด้วย”
เดรโกพูดแล้วปั้นหน้าให้ดูปกติ “ดูเหมือนขาของนายจะหายดีแล้วนี้”
พอตเตอร์ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาประชิดตัวเขา
“ใช่ ต้องขอบคุณนายนะที่ช่วยพยาบาล”
เดรโกถอยหลัง
เขาไม่แน่ใจว่าพอตเตอร์กำลังเล่นเกมส์อะไร
ครั้งล่าสุดที่พวกเขาคุยกันหมอนั้นยังทำหน้าปั้นยากอยู่เลย
หมอนั้นไม่พอใจที่ถูกทิ้งให้อยู่ในความมืด แล้วทำไมตอนนี้กลับทำหน้าแบบนั้นหล่ะ
“เอ่อ
ถือว่าหายกันที่นายช่วยฉันก็แล้วกัน โชคดีนะพอตเตอร์ฉันต้องไปทำงานแล้ว”
เดรโกรีบพูด
แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินพอตเตอร์ก็เดินเข้ามาประชิดตัวเขาและเขาแน่ใจว่าหมอนั้นตั้งใจที่จะทำให้กาแฟในแก้วกระฉอกมาใส่ตัวเขา
“พอตเตอร์!”
เดรโกตะโกนอย่างตกใจแล้วต้องสบถเมื่อรู้สึกนึกน้ำร้อนๆซึมผ่านเสื้อคลุมเขาเข้ามาถึงชุดสูทข้างใน
ชายหนุ่มรีบมองไปรอบๆ
ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาเสกไล่กาแฟและทำความสะอาดเสื้อโค้ท
ให้ตายสิเขาไม่ชอบใช้เวทมนตร์กับเสื้อผ้าเลย
มันมักทำลายเส้นใยแล้วทำให้เสื้อผ้าไม่เหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่มีทางเลือก
เดรโกเงยหน้าขึ้นแล้วกำลังจะเปิดปากด่าไอ้คนซุ่มซ่ามแต่สายตาของพอตเตอร์ทำให้เขาต้องหยุด
หมอนั้นจ้องมองไม้กายสิทธิ์ในมือเขานิ่ง
“นายเปลี่ยนไม้กายสิทธิ์เหรอ
ไม่ได้ใช้ไม้ฮาวธอร์นที่ฉันคืนให้เหรอ”
พอตเตอร์หมายถึงไม้กายสิทธิ์ที่หมอนั้นยึดไปจากเขาและคืนให้เขาหลังสงคราม
เดรโกทำหน้าเบ้ ไม้นั้นไม่ยอมรับเขาเป็นเจ้านายอีกแล้ว
เขาใช้มันไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเลือกไม้ใหม่
“ไม่ล่ะ
แล้วนายก็เคยเห็นไม้ฉันแล้วไม่ใช่รึไง” เดรโกหมายถึงคืนที่เขาเมาเละ เขาแน่ใจว่าพอตเตอร์ริบไม้เขาไปไม่ยอมให้เขาใช้เพื่อหายตัวกลับบ้าน
พอตเตอร์ทำหน้าคิดหนัก
ก่อนจะพยักหน้า “แต่มันมืด ฉันเพิ่งเคยเห็นมันชัดๆครั้งแรก ... ฉันถึงเพิ่งจำได้”
อารมณ์อยากด่าพอตเตอร์หายไปแล้ว
เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆแทน
อะไรของเขาที่มันได้สัมผัสกับพอตเตอร์ดูเหมือนมันก็จะกลายเป็นของพอตเตอร์ไปเสียหมด
ทั้งไม้กายสิทธิ์ของเขา ทั้งหัวใจของเขา
เดรโกส่ายหน้าแล้วถอยหลังจะเดินออกไป
แต่มือของพอตเตอร์ก็คว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวมัลฟอย...”
พอตเตอร์พูดออกมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะหยุดกัดริมฝีปากเหมือนคิดอะไรอยู่
“เอ่อ...ผมนายยุ่งน่ะ”
พอตเตอร์พูดแล้วยกมือขึ้นมาลูบผมเขา ไม่ใช่แค่ลูบๆแต่หมอนั้นลากมือผ่านผมเขา
แล้วก็ดึงด้วย
“เฮ้ย เจ็บ” เดรโกรีบสะบัดตัวออก
พอตเตอร์มันเป็นบ้าอะไรเนี้ย หมอนั้นไม่ได้ฟังเขาเลยแต่แค่มองมือของตัวเอง
แล้วรีบหันหลังกลับ
“โชคดีนะมัลฟอย”
พูดจบพอตเตอร์ก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้ด่าเลย
##########
ให้ตายสิถ้าโรบาดส์เห็นเรื่องเมื่อเช้าล่ะก็
เขาคงต้องถูกส่งไปฝึกการติดตามและเก็บข้อมูลใหม่แน่ๆ เขาแสดงละครไม่ได้เรื่องเลย
เขาตั้งใจไปดักรอเจอมัลฟอยเพื่อจะเห็นว่าไม้กายสิทธิ์ของหมอนั้นมันเหมือนกับของแอสเทอเรียตัวปลอมรึเปล่า
แล้วก็ต้องได้ผมหรือน้ำลายเพื่อมาตรวจหาว่าร่างโปร่งนั้นได้ใช้น้ำยาสรรพรสเร็วๆนี้หรือเปล่า
แล้วที่เขาทำก็คือเทกาแฟใส่มัลฟอย
แฮร์รี่คิดแล้วอยากจะตบหน้าตัวเอง เขาไม่ได้เรื่องขนาดไหนกันนี้
ห้าปีกับมือปราบมารแต่เขายังไม่สามารถหาทางดูไม้กายสิทธิ์โดยไม่เทกาแฟใส่อีกฝ่ายได้! ดีนะที่มัลฟอยไม่โกรธจนสาปเขา
แล้วที่แย่กว่าการเทกาแฟคือวิธีเก็บผมนี้แหละ
คิดแล้วแฮร์รี่ก็ก้มมองดูเส้นผมสีทองในถุงพลาสติกเก็บหลักฐาน เขาเล่นดึงผมมัลฟอยโต้งๆเลย
หมอนั้นเองก็ดูตกใจไม่น้อยเลย
โอ๊ยหวังว่ามัลฟอยจะไม่รู้นะว่าการเก็บเส้นผมมันใช้ทำเพื่อตรวจหลักฐานแบบนี้ได้
“มารีผมมีเรื่องขอร้องหน่อย”
แฮร์รี่เปิดประตูเข้าไปในห้องแลบตรวจหลักฐานแล้วเรียกหาหัวหน้าห้องแลบ
หญิงสาวผมยุ่งกับแว่นหนาๆเดินออกมา เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นเขา
“มีอะไรแฮร์รี่”
หญิงสาวพูดอย่างอารมณ์ดี
เขายื่นซองพลาสติกให้เธอ “ตรวจดูหลักฐานการใช้น้ำยาสรรพรสให้หน่อยครับ
เอ่อ นี้ไม่ใช่งานของสำนักงานนะครับ เป็นเรื่องส่วนตัวคุณช่วยได้ไหมครับ”
หญิงสาวเลิกคิ้วสูง แต่ก็รับซองจากมือเขาไป
“ขอเวลาฉันสองสามชั่วโมง เอางี้เธอกลับมาก่อนเที่ยงนะ”
พูดจบเธอก็กระพริบตาให้เขาหนึ่งข้างแล้วเดินจากไป
แฮร์รี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถ้ามารีไม่ช่วย เขาก็คงไม่มีทางเลือกยกเว้นไปกราบกรานเฮอร์ไมโอนี่
และเขาก็ยังไม่พร้อมเล่าให้เพื่อนสนิทฟังว่าผมนั้นเป็นของใคร
แต่เขาแน่ใจว่าอย่างเฮอร์ไมโอนี่คงรู้ได้ทันทีที่เห็น
มีไม่กี่คนหรอกที่จะมีผลสีอ่อนแบบนั้น
ตลอดทั้งเช้าแฮร์รี่ไม่มีสมาธิเลย
เขาแน่ใจแล้ว 80%
ว่าคนที่ปลอมเป็นแอสเทอเรียคือมัลฟอย
นิสัยทุกอย่างของเธอคืดมัลฟอยชัดๆ เขาไม่ได้บ้าไปเองตอนที่คิดว่าสองคนนี้เหมือนกัน
เพราะสองคนนั้นคือคนๆเดียวกัน! แล้วไม้กายสิทธิ์ที่เขาเห็นแอสเทอเรียถือมันก็คือไม้กายสิทธิ์อันเดียวกับที่เขาเห็นเช้านี้
ที่จริงเขาเคยเห็นมันด้วยซ้ำครั้งหนึ่ง
แต่เขาไม่เคยสังเกตว่ามันเหมือนกันของแอสเทอเรียมาก่อน
เพราะมันเป็นไม้ยาวสีดำซึ่งก็มีพ่อมดแม่มดตั้งหลายคนที่มีไม้กายสิทธิ์แบบนี้
ไม่ว่าผลจะออกมาว่าใช่หรือไม่ใช่มันก็น่ากลัวพอๆกัน
...ถ้าใช่...ก็หมายความว่าคนที่เขาตกหลุมรักคือเดรโก
มัลฟอย...แล้วนั้นก็ไม่ได้ดีกว่าการรักแอสเทอเรียสักเท่าไหร่ เพราะหมอนั้นก็ต้องแต่งงานเหมือนกัน
...ถ้าไม่ใช่...ก็หมายความว่าเขาต้องหาใหม่ว่าเป็นใคร...และมันก็ไม่ได้แก้ปัญหาที่ทำไมเขาถึงรู้สึกดึงดูดต่อมัลฟอยขนาดนี้
แฮร์รี่เดินกลับไปที่ห้องแลบด้วยใจที่เต้นรัว
เขาเรียกหามารีเหมือนตอนเช้า และคราวนี้ที่เธอกลับมา เธอมาพร้อมม้วนกระดาษด้วย
เธอยื่นผลการตรวจให้เขา ก่อนจะสรุปให้เขาฟังสั้นๆ
“มีหลักฐานการใช้น้ำยาสรรพรสติดกันเป็นระยะเวลานานเกินกว่าสัปดาห์”
แฮร์รี่ขอบคุณหญิงสาวแล้วเปิดม้วนกระดาษอ่าน
ผลตรวตรงกับระยะเวลาที่เขาคิด
เจ้าของเส้นผมมีการใช้น้ำยาสรรพรสติดกันเกินหนึ่งสัปดาห์
และเป็นการใช้เพียงครั้งเดียวตลอดอายุผม
การใช้นั้นเกิดขึ้นประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว
เขารู้สึกเหมือนขาอ่อน
ชายหนุ่มทรุดนั่งลงกับกำแพงที่ทางเดิน บังคับให้ตัวเองหายใจลึกๆ
...คนที่เขารักคือเดรโก มัลฟอย....
##########
ความคิดเห็น