ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Story in Reverse (HP/DM)

    ลำดับตอนที่ #8 : Enlightened Heart

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 59


    ตอนที่ 7: Enlightened Heart

    You know you're in love when you can't fall asleep because reality is finally better than your dreams - Dr. Seuss

     

                    แฮร์รี่สบตากับร่างโปร่งที่ยังคงยืนนิ่งหลังจากได้ยินข้อเสนอของเขา ในห้องมืดๆแบบนี้เขาแทบจะอ่านสีหน้าของมัลฟอยไม่อก เขาเห็นเพียงริมฝีปากที่เม้มแน่น และท่าทางที่บอกว่าหมอนั้นตกใจแค่ไหนกับคำพูดของเขา

                    และเขาหวังว่าเขาจะอ่านมัลฟอยไม่ผิดในสามข้อนั้นมีข้อเดียวที่มัลฟอยควรจะเลือก

     

                    "ไม่เอาน่ามัลฟอย เราทั้งคู่ก็รู้ว่าจริงๆมันมีเพียงข้อเสนอเดียว อย่าทำให้มันยากกว่านี้ได้ไหม" ทันทีที่แฮร์รี่พูดจบร่างโปร่งก็ถอยหลังไปอีกก้าว เขาเผลอขยับจะเดินตามแต่ลืมว่าขาของเขายังคงเจ็บอยู่ ให้ตายสิเสียดายที่เขาไม่เก่งพอที่จะใช้คาถารักษาได้ แฮร์รี่สูดหายใจลึกพยายามข่มความเจ็บที่วิ่งแล่นขึ้นมา แต่เขาก็อดส่งเสียงสบถออกไปไม่ได้

     

                    ตาสีเทามองที่ขาของเขา และโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้นมัลฟอยก็หันหลังกลับแล้วเดินออกจากกรดท่อมไป ทิ้งให้แฮร์รี่ตะลึงอยู่ในความมืดคนเดียว

     

                    "บ้าเอ๊ย" ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง เขาเดินกะเพลกไปที่ประตูแล้วเปิดออก หวังว่าจะเห็นหลังอีกคนไวๆแล้วตะโกนเรียกได้ทัน

                    "มัลฟอย" แฮร์รี่ตะโกนเรียก แต่เบื้องหน้าเขามีแต่หิมะและต้นไม้แห้งตาย ไม่มีร่างสูงโปร่งอยู่กลางนั้นเลยสักนิดเดียว ชายหนุ่มมองขึ้นบนฟ้าอย่างเป็นห่วง กำลังจะมืดแล้ว ให้ตายเถอะหวังว่ามัลฟอยคงไม่คิดจะทำอะไรโง่ๆอย่างพยายามเดินหาฟืนแห้งๆหรอกนะ เพราะเขาเชื่อว่าเดินไกลแค่ไหนก็ไม่มีทางพบในป่าที่คลุมด้วยหิมะขนาดนี้

     

                    ชายหนุ่มล่าถอยกลับมาในกระท่อม ใจเต้นรัวอย่างเป็นห่วง ให้ตายสิทำไมหมอนั้นถึงเลือกอะไรแบบนี้นะ เขาได้แต่มองที่ประตูกระท่อมรอให้มัลฟอยเปิดกลับมา

                    และเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูและเห็นร่างโปร่งเดินก้าวกลับเข้ามา

                    "นายจะบ้าเหรอ!" แฮร์รี่ตะโกนใส่อีกคน เขาหงุดหงิดกับทั้งมัลฟอยที่คิดบ้าๆที่จะออกไปข้างนอกตอนนี้ และเขาหงุดหงิดกับตัวเองด้วยที่เสนอทางเลือกนั้นให้มัลฟอย และไม่คิดว่าคนอย่างมัลฟอยจะยอมเลือกทำอย่างนั้น  

                   

                    มัลฟอยไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มแค่ก้าวเข้ามาใกล้เขา ก่อนจะก้มลงคุกเข่าข้างหน้าเขา ในมือชายหนุ่มมีไม้ยาวๆสองอัน

                    ...ไม่ใช่ฟืน...แฮร์รี่คิดเงียบๆ ไม่เข้าใจว่าอีกคนกำลังจะทำอะไร แต่แล้วเมื่อเห็นมัลฟอยใช้ไม้สองอันมาประกบที่ข้อเท้าเขาพร้อมกับฉีกเสื้อเป็นแถบกว้างๆเขาก็รู้ทันที มัลฟอยเดินออกไปหาไม้มาพยาบาลเขา เขารู้สึกผิดยิ่งขึ้นไปอีก เขาตั้งใจกดดันมัลฟอย แต่ดูสิหมอนั้นกลับยังคิดจะช่วยเขา

                    เขาปล่อยให้มัลฟอยจัดการกับข้อเท้าของเขาเงียบๆ ร่างโปร่งก้มหน้าทำให้เขาอ่านไม่ออกว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้

                    "น่าจะพอไหวจนกว่าจะถึงมือผู้บำบัดนะ" มัลฟอยพูดออกมาในที่สุดหลังจากพันข้อเท้าเขากับไม้เสร็จ และแทนที่จะวางมือบนตัวเขานานเกินกว่าที่จำเป็นร่างโปร่งก็รีบถอนมือออกแล้วเดินออกห่างจากเขา เขาเสียอีกที่เป็นคนที่ต้องเดินไปหามัลฟอยเอง

     

                    "เอ่อ ขอบใจนะ" เขาพูดอย่างจริงใจ

     

                    "ช่างเถอะพอตเตอร์ ยังไงฉันก็เป็นคนทำให้นายเจ็บ ฉันก็ควรจะช่วยนาย" ชายหนุ่มตอบกลับเรียบๆ ตาสีเทามีแววสงสัยเหมือนอยากจะถามอะไรเขา แต่แล้วมัลฟอยก็ตัดสินใจหันหลังกลับไปอีกครั้ง

     

                    "แล้วฉันก็ขอเลือกข้อหนึ่ง" มัลฟอยพูดโดยไม่มองหน้าเขา ก่อนจะเดินไปนั่งห่างเขา

     

                    "ทำไม" แฮร์รี่ถามออกมาอย่างหยุดไม่ได้

     

                    "เพราะฉันรู้ว่านายจะถามอะไร แล้วฉันก็แน่ใจว่าฉันคงจะตอบคำถามของนายไม่ได้โดยไม่ทำลายชีวิตคนอื่น" มัลฟอยพูดเบาๆ แล้วก็เงียบไป ทิ้งให้เขาจมกับความคิดของตัวเอง

                   

                    เขามองตามร่างในความมืดนั้นอย่างไม่เข้าใจ ทุกคำพูด ทุกการกระทำของมัลฟอยโผล่ขึ้นมาในความคิดเขา มันมีแต่เรื่องขัดแย้งทั้งนั้น

                    ..หรืออาจจะไม่... เสียงในหัวแฮร์รี่แย้งขึ้นมา ถ้าเพียงแต่ถ้านายยอมรับว่าหมอนั้นเปลี่ยนไปแล้ว และแม้แต่คนอย่างมัลฟอยก็โตขึ้นได้ ในหัวเขามัลฟอยเป็นเพียงแค่เด็กเกเรที่ชอบรังแกคนอื่น เห็นแก่ตัว และขี้ขลาด แต่เวลาก็ผ่านไปไม่ใช่น้อยๆ เขาเองก็ต้องยอมรับว่าเขาก็ไม่ใช่คนเดียวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เขาเคยเป็นสมัยอยู่ในฮอกวอตส์อีกแล้ว โลกของเขาไม่ได้มีแต่ขาวหรือดำ แต่มันยังมีเฉดสีเทาๆที่เขาต้องยอมรับให้ได้ด้วย

                    เขาไม่แน่ใจว่าเขานั่งมองตามหลังร่างโปร่งนั้นนานขนาดไหน แต่ตอนนี้ถ้าเขามองให้ดีเขาก็จะเห็นไหล่ของมัลฟอยสั่นน้อยๆ ชายหนุ่มแตะมือกับพื้นเบาๆ เย็นเฉียบ แน่นอนว่าเขาไม่รู้สึกเพราะคาถาที่เขาร่ายใส่ตัว

                    แฮร์รี่ลุกขึ้นโดยไม่ต้องคิด เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไรชายหนุ่มเดินไปหยุดที่หลังของคนที่นอนอยู่บนพื้นก่อนจะนอนลงข้างๆแล้วดึงร่างโปร่งเข้ามากอด

     

    ######

     

                    เดรโกรู้สึกถึงความร้อนที่ผ่านไปทั้งตัวเขา แต่เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะร่างของคนที่เข้ามากอดเขาหรือเป็นเพราะหัวใจของเขาที่มันเต้นรัวแบบนี้

                    เขาพยายามจะหันหน้ากลับไปมองอีกคนแต่อ้อมแขนที่กอดเขาแน่นไม่อนุญาตให้เขาขยับตัว

                    "พะ...พอตเตอร์" เขาเรียกชื่ออีกคนเบาๆ

                    "ฉันไม่ตอบคำถามนายหรอกนะ"

     

                    ทันทีที่เขาพูดจบพอตเตอร์ก็กอดเขาแน่นขึ้น ลมหายใจร้อนๆของอีกคนแตะที่ต้นคอเขา "ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องแล้วหล่ะ"

     

                    เขาไม่เข้าใจพอตเตอร์เลยสักนิด ตั้งแต่แรกเลยด้วย สิ่งที่หมอนั้นทำมีแต่เรื่องที่ตรงข้ามกันไปหมด

                    ...ทำเป็นเมินเขาแต่กลับทำสีหน้าหงุดหงิดเวลาโดนเขาเมินกลับ

                    ...เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนที่ปากบอกว่าเกลียด

                    ...บอกให้เขาออกไปข้างนอก แต่เมื่อเขาทำจริงกลับโกรธเขาเสียจนเขากลัว

                    ...หรืออย่างตอนนี้...ทั้งๆที่ใจร้ายกับเขามาตลอด แต่กลับอยู่ดีๆก็มาใจดีกับเขาแบบนี้

                    "ทำไมล่ะ"

     

                    พอตเตอร์ไม่ตอบ แต่กอดเขาเอาไว้เงียบๆแทน ความอบอุ่นค่อยๆแทนที่ความหนาวเย็นที่คลุมไปทั่วร่างในตอนแรก และมันทำให้เขารู้สึกสบายเสียจนเขาเกือบจะปิดตาหลับไปแล้ว

                    "ฉันไม่รู้เหมือนกัน" เสียงทุ้มๆนั้นทำให้เดรโกเปิดตาขึ้นมาอีกครั้ง

                    "บางครั้งฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันมัลฟอย"

     

                    เดรโกหัวเราะเบาๆ โธ่ถ้าเจ้าตัวยังไม่เข้าใจแล้วคนอย่างเขาจะมีหวังหรือ

     

                    "แต่คนที่ฉันไม่เข้าใจที่สุดก็คือนาย" พอตเตอร์พูดต่อ เหมือนกับว่าพอเริ่มแล้วเขาหยุดไม่ได้อีกแล้ว

                    "ฉันคิดว่าฉันรู้จักนาย แต่ยิ่งฉันอยู่ใกล้นายเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเข้าใจนายถูกหรือเปล่า ฉันไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งฉันจะคิดว่านายเป็นเพื่อนได้ หรือว่าจะคิดถึงนายเวลาที่นายหลบหน้าฉัน หรือว่าต้องเจ็บใจที่นายโกหก"

     

                    "ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงกับนายทั้งหมด" เดรโกยอมรับผิดง่ายๆ แต่เขาก็ยังไม่สามารถพูดความจริงทั้งหมดออกไปได้อยู่ดี เพราะมันไม่ใช่แค่เขาแต่เป็นชีวิตของแอสเทอเรียด้วย

     

                    เสียงถอนหายใจอย่างหงุดหงิดดังมาจากคนที่อยู่ข้างหลังเขา "หรือว่าแบบนี้ด้วย คิดว่าตลอดเวลาเจ็ดปีที่ฮอกวอตส์ฉันเคยได้ยินนายขอโทษกี่ครั้งกัน บอกเลยว่าศูนย์ แต่ตอนนี้นายกลับพูดมันออกมาได้ง่ายๆแบบนี้"

     

                    "แล้วนายอยากจะให้ฉันทำอะไรล่ะ อยากให้ฉันขอโทษทุกอย่างที่ฉันเคยทำมาเหรอ ฉันเสียใจพอตเตอร์ที่ฉันทำกับนายแย่ๆตอนเราเป็นเด็ก นายคิดว่าฉันไม่เสียใจเหรอ นายคิดว่าฉันไม่ต้องชดใช้ให้ความผิดที่ฉันเคยทำเหรอ ถ้ามันทำให้นายรู้สึกดีขึ้นฉันขอโทษทุกเรื่องเลย" เดรโกตอบกลับ ให้ตายสิเขาอยากให้เรื่องนี้ผ่านไปสักที และถ้ามันจะจบที่เขาขอโทษ ก็ได้ เขาเรียนรู้แล้วว่าการเอ่ยปากขอโทษไม่ใช่สิ่งที่เสียศักดิ์ศรีเลยสักนิด และคนอย่างมัลฟอยก็ทำผิดได้เช่นกัน

                   

                    พอตเตอร์นิ่งไปนานเสียจนเดรโกหวั่นใจ

                    "นายรู้ไหมมันน่าหงุดหงิดแค่ไหนที่ต้องไม่รู้อะไรเลย ฉันไม่รู้ว่าที่นายมาทำดีกับฉันเพราะอะไรกันแน่ เดรโก มัลฟอยคนไหนกันที่เป็นตัวจริง นายที่ฉันรู้จักมาตลอดเจ็ดปีหรือนายตอนนี้ นายรู้ตัวไหมว่านายทำให้ฉันหัวปั่นขนาดไหน วันหนึ่งนายก็ทำเหมือนเป็นเพื่อนฉัน อีกวันนายก็ทำร้ายฉันได้ง่ายๆ" พอตเตอร์ไม่ได้ตอบคำถามของเขาออกมาตรงๆ แต่เดรโกก็เข้าใจเหตุผลที่ทำไมอีกคนถึงได้โกรธเขามากขนาดนี้ เขาอยากจะบอกพอตเตอร์เหลือเกินว่าไม่ใช่แค่พอตเตอร์คนเดียวหรอกที่กำลังสับสน เขาเองก็ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน แล้วการกระทำของพอตเตอร์ก็ไม่ได้เข้าใจง่ายไปกว่าการกระทำของเขาเลย

     

                    "ฉันขอโทษ" เดรโกพูดซ้ำอีกครั้ง ราวกับว่ามันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

     

                    "เลิกขอโทษซะทีในเมื่อมันไม่ได้ช่วยอธิบายอะไรเลย รู้ไหมปัญหาของพวกเราคืออะไร เพราะพวกเราไม่เคยไว้ใจกัน ฉันไม่เคยกล้าพูดสิ่งที่คิดในใจกับนาย แล้วนายก็มีแต่ความลับเต็มไปหมด" พอตเตอร์พูดด้วยเสียงหงุดหงิดไม่น้อย พร้อมกับอ้อมกอดที่แน่นขึ้น

     

                    "งั้นนายก็เริ่มสิ เริ่มจากบอกฉันหน่อยว่านายเสี่ยงตายช่วยฉันทำไม" เดรโกถามสิ่งที่อยากรู้ออกมา เขาอยากจะถามพอตเตอร์ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว แต่มันก็ไม่มีโอกาสเหมาะเสียที

     

                    พอตเตอร์ครางอย่างหงุดหงิด “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ร่างกายฉันมันวิ่งไปเอง”

                    “...ฉันปล่อยให้นายตายไม่ได้หรอกมัลฟอย...”

     

                    เดรโกพูดไม่ออก ก็เพราะพอตเตอร์เป็นคนดีอย่างนี้แหละเขาถึงมีปัญหาจนถึงตอนนี้ ถ้าหมอนั้นนิสัยแย่กว่านี้สักนิดชีวิตเขาก็คงง่ายกว่านี้อีกโข

     

                    “มีอะไรอีกไหมที่นายอยากรู้” พอตเตอร์ถามเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป ชายหนุ่มกลับเป็นคนถามออกมาก่อนเอง “ถ้าไม่มีแล้ว ช่วยบอกฉันได้ไหมว่าความลับของนายคืออะไร นายจะเชื่อใจฉันได้รึเปล่า”

     

                    เดรโกหลับตาลง ความลับอะไรล่ะ เรื่องที่เขาปลอมตัวเป็นแอสเทอเรีย เหตุผลจริงๆที่เขาต้องแต่งงานกับแอสเทอเรีย หรือว่าความรู้สึกที่เขามีให้พอตเตอร์

                    ...ไม่มีสักเรื่องเลยที่เขาคิดว่าจะพูดออกไปได้...

     

    ##########

     

                    มัลฟอยไม่ตอบคำถามเขา แฮร์รี่มองผมสีทองเบื้องหน้า อยากจะบังคับให้อีกคนหันกลับมามองหน้าเขาเหลือเกินความลับที่นายปิดไว้คืออะไร อะไรกันที่บอกเขาไม่ได้ เหตุผลของการกระทำของมัลฟอย

                    ...แต่เขาเองก็มีความลับอยู่เช่นกัน...เสียงในหัวเขาดังขึ้น สิ่งที่เขาเองก็ไม่กล้าพูดออกไปดังๆ ว่าเขาสับสนระหว่างแอสเทอเรียกับมัลฟอย หลายๆครั้งที่มัลฟอยทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เขานึกถึงแอสเทอเรีย และมันทำให้เขาใจเต้นรัวแบบแปลกๆ เขาพยายามจะบอกตัวเองว่านั้นเป็นเพราะเขาคิดถึงแอสเทอเรีย

                    ...แต่มันจริงหรือ...

     

                    หลังจากเห็นว่าร่างกายของมัลฟอยกลับมาเป็นอุณหภูมิปกติแล้วแฮร์รี่ก็ขยับตัวออก แต่ไม่ได้เดินออกห่างไปเหมือนเดิม เขานั่งข้างๆมัลฟอยทั้งคืนขาของเขาแตะอยู่กับหลังของร่างโปร่งนั้น ส่งผ่านความอบอุ่นไปให้ ในหัวยังคงถามตัวเองเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขามีให้มัลฟอย แน่นอนมัลฟอยยังคงมีนิสัยหลายๆอย่างที่น่ารำคาญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆอย่างของหมอนั้นเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ

                    แต่สุดท้ายเขาก็บอกให้ตัวเองหยุดคิดได้แล้ว ในเมื่อหลังจากนี้เขากับมัลฟอยคงไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จบจากทริปนี้เขาจะหยุดคิดถึงแอสเทอเรีย จะหยุดสงสัยว่าทำไมหญิงที่เขารักถึงได้เหมือนกับเดรโก มัลฟอย และหยุดหมกมุ่นเรื่องของสองคนนี้เสียที เขาจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม 

     

                    ทันทีที่ฟ้าสว่างพอ ความช่วยเหลือก็มาถึง ซึ่งแฮร์รี่คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงไม่มีเสี่ยงออกมาในช่วงเวลากลางคืน เพราะทางลงมาคงไม่ได้ง่ายนัก ป่าสูงทึบแบบนี้ต้องเดินเข้ามาเท่านั้นด้วย

                    เขากับมัลฟอยถูกพาส่งโรงพยาบาลทันที โชคดีที่ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรมาก ต้องบอกว่ามัลฟอยไม่เป็นอะไรเลยต่างหากนอกจากฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อย ส่วนเขานั้นถูกสั่งให้พักผ่อนที่โรงพยาบาลเพราะเขาเล่นใช้เวทมนตร์เพื่อสร้างความร้อนทั้งคืน ตอนนี้ร่างกายของเขาก็เลยอยู่ในอาการอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก

                   

                     สำนักงานมือปราบมารรู้เรื่องหลังจากแฮร์รี่หายไปเพียงแป๊บเดียว คุณกรีนกราสติดต่อสำนักงานเพื่อหาที่อยู่ของแฮร์รี่เหมือนอย่างที่เขาหวัง พวกเขาเองก็ส่งคนลงไปหารอบๆ เผื่อว่าเดรโกจะไม่อยู่กับเขา ตอนที่ทีมค้นหาเห็นว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันนั้นทุกคนดูโล่งใจเป็นอย่างมาก และเพราะสำนักงานรู้เรื่อง เพื่อนสนิทของเขาก็ต้องรู้ด้วย รอนเดินทางมาที่นี่ทันทีที่ทราบข่าว และอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดเวลา แถมยังอัพเดททุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟังเหมือนกับกลัวว่าเขาจะรู้สึกพลาดอะไรไปอย่างนั้นแหละ

     

                    “โรบาดส์ทำหน้าเหมือนเห็นผีตอนที่เดมิทริส กรีนกราสบุกเข้ามาตอนกำลังจะเลิกงานแล้วบอกว่านายหายไป ตอนที่ฉันออกมาขอบอกเลยว่านายกำลังโดนซุบซิบอยู่สุดๆเลยว่ะว่าคงเป็นหนุ่มคนใหม่ของคุณหนูเดฟนี กรีนกราส”

     

                    แฮร์รี่กลอกตา เขารู้ดีว่าที่กระทรวงน่ะชอบเรื่องซุบซิบอะไรแบบนี้แค่ไหน “ไม่ใช่เว้ย เราสนิทกันตอนที่ฉันต้องไปดูพวกกรีนกราสช่วงคดีเรนฮาร์ทไง”

     

                    รอนพยักหน้าตอบรับ “ฉันรู้น่ะว่าเดฟนีไม่ใช่สเป็คนาย แต่ไปบอกหนุ่มคนอื่นเหอะ ตอนนี้ทุกคนอิจฉานายน่าดูที่ได้ควงสาวสวยแถมรวยสุดๆ ส่วนสาวๆที่กระทรวงก็ร้องไห้กันใหญ่เลยว่ะเพื่อน ข่าวลือล่าสุดก็คือนายติดอยู่ในกระท่อมกลางป่ากับเดฟนีสองต่อสองทั้งคืน”

     

                    “ให้ตายสิพวกนี้ คนละด-เด็กแล้วเว้ย เดรโกไม่ใช่เดฟนี” แฮร์รี่แก้อย่างรำคาญ พลางคิดว่าเขาคงต้องเจอข่าวลือนี้ไปอีกสักพักแน่ๆ คิดแล้วเซ็งชะมัด

                    “เอ่อ แล้วมัลฟอยเป็นยังไงบ้าง ฉันอยู่กับหมอนั้นแค่ตอนตรวจ”

     

                    รอนขมวดคิ้ว “กลับไปแล้วน่ะสิ ตอนแรกฉันเห็นหมอนั้นมามองๆหน้าห้องนาย นึกว่าจะเข้ามาเยี่ยมนายแต่ก็ไม่เข้ามาซะงั้น ไอ้เฟอเร็ตนี้จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี นายอุตส่าห์เสี่ยงไปช่วยเนอะ”

     

                    แฮร์รี่โบกมือให้เพื่อนหยุด “เขาขอบคุณฉันไปแล้วล่ะ แล้วเขาเองก็เจอหนักเหมือนกัน ดีแล้วที่กลับไปพัก”

     

                    “พักอะไรของมัน นู้นกลับลอนดอนไปทำงานแล้ว”

     

                    ทันทีที่รอนบอกชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบ มัลฟอยกลับลอนดอนไปแล้วเหรอ คงไม่ได้คิดจะมาเยี่ยมเขาเลยสินะ

                    ...โอ๊ย...แล้วทำไมเขาต้องน้อยใจด้วยนะ ทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ชายหนุ่มด่าตัวเอง

                    “แล้วนี้นายไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอ มาเฝ้าฉันอย่างนี้ได้เหรอวะ” แฮร์รี่หันไปถามเพื่อนข้างตัวบ้าง

     

                    รอนหยิบขนมที่พวกกรีนกราสเอามาฝากแฮร์รี่แล้วโยนเข้าปากก่อนจะตอบ “ไม่อะ”

                    “เพิ่งจบคดีพอดี ก็เลยขอลาสักวัน คดีนั้นอ้ะ ที่ฉันทำกับตำรวจมักเกิ้ลอ้ะ”

     

                    แฮร์รี่ส่ายหน้า เขาไม่รู้เรื่องเลย เกือบเดือนแล้วที่เขาถูกส่งมาทำคดีฉ้อฉลไม่ได้เห็นคดีของมือปราบมารคนอื่นที่ต้องไปบู๊หรอก งานของเขาช่วงนี้มีแต่ล๊อคตัวอยู่ในห้องแล้วอ่านตัวเลขบัญชี

     

                    “เออลืมไปนายไปอยู่ทีมทำคดีโกงตังนี้หน่า” เมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ทำหน้าดุใส่ รอนก็รีบแก้ “คดีฉ้อฉลก็ได้”

                    “แล้วคดีของฉันก็ไม่มีอะไร พ่อมดใช้เวทมนตร์ปล้นบ้านมักเกิ้ล ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าเขาเข้าไปในบ้านโดยไม่ทิ้งรอยนิ้วมือหรืออะไรได้ยังไง ไม่มีใครเห็นด้วย จนกระทั่งแจ๊คพอตที่หน่วยพิสูจน์หลักฐานเก็บน้ำลายของหมอนั้นได้แล้วตรวจพบว่ามีน้ำยาสรรพรสนั้นแหละ หลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว ค่อยๆตามหาคนที่ซื้อเครื่องปรุงยาสำหรับน้ำยาสรรพรส”

     

                    “เออ โชคดีนะที่ไม่มีคนปรุงเป็นเยอะกว่านี้ ไอ้น้ำยานี้โคตรจะตรวจยาก รอยนิ้วมือก็เปลี่ยน หน้าก็เปลี่ยน จะมีก็แค่ DNA กับนิสัย—“ แฮร์รี่หยุดพูดกลางประโยค มันเหมือนอยู่ดีๆก็มีใครเปิดสวิตช์ไฟในหัวของเขา แอสเทอเรียไม่ได้มีสองคน แต่ต้องมีคนหนึ่งที่แปลงกายโดยใช้น้ำยาสรรพรสอีกคนคือตัวจริง ไม่ใช่แค่คาถาแปลงกายเพราะเขาถูกฝึกให้สังเกตุคาถาพวกนั้นและมองผ่านมันได้ง่ายๆ

                    แอสเทอเรียคนที่เขาเจอตอนแรกคือคนที่ใช้น้ำยาสรรพรส แฮร์รี่แน่ใจ ตอนนี้ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด หญิงสาวต้องดื่มน้ำยาอะไรสักอย่างบ่อยๆ เขาอยากจะชกหน้าตัวเองจริงๆที่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรก เขาเคยถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่งตอนมูดดี้ เขาน่าจะจำได้ เดฟนีต้องรู้เรื่องแน่นอน แต่สองคนนั้นปิดเรื่องจากคุณกรีนกราสเพราะฉะนั้นเขาถึงถามแฮร์รี่ว่าแอสเทอเรียแปลกๆไปรึเปล่า และเพราะอย่างนั้นเดฟนีถึงได้พูดอะไรแปลกๆอย่างแอสเทอเรียคนนั้น

                    และคนที่ปลอมเป็นแอสเทอเรีย...ถึงแฮร์รี่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นใคร แต่เขาก็มีผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจแล้ว

     

    ##########

     

                    “สวัสดีมัลฟอย” เดรโกแทบจะสำลักน้ำชาที่ดื่มอยู่ เขารีบหันไปมองคนที่เดินตามหลังเขามา ทำไมหมอนั้นถึงมาอยู่แถวนี้ได้นะ ชายหนุ่มหรี่ตาดูคนตรงหน้า หลังจากเกิดเรื่องที่ภูเขาเขาก็หลบหน้าพอตเตอร์ เขาตั้งใจกลับมาลอนดอนก่อนกำหนด เตรียมงานแต่งและทำงานหวังว่าจะทำให้สมองของเขาโล่งบ้าง ไม่ได้เต็มไปด้วยเรื่องของพอตเตอร์เหมือนตอนนั้น

    ...แต่ก็ไม่ค่อยเป็นผลสักเท่าไหร่ เพราะจนถึงตอนนี้ทุกคืนเขาก็ยังนอนลืมตาโพลงคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกคนอยู่เลย

     

                    “สวัสดีพอตเตอร์ ไม่รู้ว่านายอยู่แถวไนต์บริดจ์ (Knightsbridge) ด้วย” เดรโกพูดแล้วปั้นหน้าให้ดูปกติ “ดูเหมือนขาของนายจะหายดีแล้วนี้”

     

                    พอตเตอร์ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาประชิดตัวเขา “ใช่ ต้องขอบคุณนายนะที่ช่วยพยาบาล”

     

                    เดรโกถอยหลัง เขาไม่แน่ใจว่าพอตเตอร์กำลังเล่นเกมส์อะไร ครั้งล่าสุดที่พวกเขาคุยกันหมอนั้นยังทำหน้าปั้นยากอยู่เลย หมอนั้นไม่พอใจที่ถูกทิ้งให้อยู่ในความมืด แล้วทำไมตอนนี้กลับทำหน้าแบบนั้นหล่ะ

                    “เอ่อ ถือว่าหายกันที่นายช่วยฉันก็แล้วกัน โชคดีนะพอตเตอร์ฉันต้องไปทำงานแล้ว” เดรโกรีบพูด แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินพอตเตอร์ก็เดินเข้ามาประชิดตัวเขาและเขาแน่ใจว่าหมอนั้นตั้งใจที่จะทำให้กาแฟในแก้วกระฉอกมาใส่ตัวเขา

     

                    “พอตเตอร์!” เดรโกตะโกนอย่างตกใจแล้วต้องสบถเมื่อรู้สึกนึกน้ำร้อนๆซึมผ่านเสื้อคลุมเขาเข้ามาถึงชุดสูทข้างใน ชายหนุ่มรีบมองไปรอบๆ ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาเสกไล่กาแฟและทำความสะอาดเสื้อโค้ท ให้ตายสิเขาไม่ชอบใช้เวทมนตร์กับเสื้อผ้าเลย มันมักทำลายเส้นใยแล้วทำให้เสื้อผ้าไม่เหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่มีทางเลือก เดรโกเงยหน้าขึ้นแล้วกำลังจะเปิดปากด่าไอ้คนซุ่มซ่ามแต่สายตาของพอตเตอร์ทำให้เขาต้องหยุด หมอนั้นจ้องมองไม้กายสิทธิ์ในมือเขานิ่ง

     

                    “นายเปลี่ยนไม้กายสิทธิ์เหรอ ไม่ได้ใช้ไม้ฮาวธอร์นที่ฉันคืนให้เหรอ” พอตเตอร์หมายถึงไม้กายสิทธิ์ที่หมอนั้นยึดไปจากเขาและคืนให้เขาหลังสงคราม เดรโกทำหน้าเบ้ ไม้นั้นไม่ยอมรับเขาเป็นเจ้านายอีกแล้ว เขาใช้มันไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเลือกไม้ใหม่

     

                    “ไม่ล่ะ แล้วนายก็เคยเห็นไม้ฉันแล้วไม่ใช่รึไง” เดรโกหมายถึงคืนที่เขาเมาเละ เขาแน่ใจว่าพอตเตอร์ริบไม้เขาไปไม่ยอมให้เขาใช้เพื่อหายตัวกลับบ้าน

     

                    พอตเตอร์ทำหน้าคิดหนัก ก่อนจะพยักหน้า “แต่มันมืด ฉันเพิ่งเคยเห็นมันชัดๆครั้งแรก ... ฉันถึงเพิ่งจำได้”

     

                    อารมณ์อยากด่าพอตเตอร์หายไปแล้ว เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆแทน อะไรของเขาที่มันได้สัมผัสกับพอตเตอร์ดูเหมือนมันก็จะกลายเป็นของพอตเตอร์ไปเสียหมด ทั้งไม้กายสิทธิ์ของเขา ทั้งหัวใจของเขา

                    เดรโกส่ายหน้าแล้วถอยหลังจะเดินออกไป แต่มือของพอตเตอร์ก็คว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อน

     

                    “เดี๋ยวมัลฟอย...” พอตเตอร์พูดออกมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะหยุดกัดริมฝีปากเหมือนคิดอะไรอยู่

                    “เอ่อ...ผมนายยุ่งน่ะ” พอตเตอร์พูดแล้วยกมือขึ้นมาลูบผมเขา ไม่ใช่แค่ลูบๆแต่หมอนั้นลากมือผ่านผมเขา แล้วก็ดึงด้วย

     

                    “เฮ้ย เจ็บ” เดรโกรีบสะบัดตัวออก พอตเตอร์มันเป็นบ้าอะไรเนี้ย หมอนั้นไม่ได้ฟังเขาเลยแต่แค่มองมือของตัวเอง แล้วรีบหันหลังกลับ

     

                    “โชคดีนะมัลฟอย” พูดจบพอตเตอร์ก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้ด่าเลย

    ##########

     

                    ให้ตายสิถ้าโรบาดส์เห็นเรื่องเมื่อเช้าล่ะก็ เขาคงต้องถูกส่งไปฝึกการติดตามและเก็บข้อมูลใหม่แน่ๆ เขาแสดงละครไม่ได้เรื่องเลย เขาตั้งใจไปดักรอเจอมัลฟอยเพื่อจะเห็นว่าไม้กายสิทธิ์ของหมอนั้นมันเหมือนกับของแอสเทอเรียตัวปลอมรึเปล่า แล้วก็ต้องได้ผมหรือน้ำลายเพื่อมาตรวจหาว่าร่างโปร่งนั้นได้ใช้น้ำยาสรรพรสเร็วๆนี้หรือเปล่า

                    แล้วที่เขาทำก็คือเทกาแฟใส่มัลฟอย แฮร์รี่คิดแล้วอยากจะตบหน้าตัวเอง เขาไม่ได้เรื่องขนาดไหนกันนี้ ห้าปีกับมือปราบมารแต่เขายังไม่สามารถหาทางดูไม้กายสิทธิ์โดยไม่เทกาแฟใส่อีกฝ่ายได้! ดีนะที่มัลฟอยไม่โกรธจนสาปเขา แล้วที่แย่กว่าการเทกาแฟคือวิธีเก็บผมนี้แหละ คิดแล้วแฮร์รี่ก็ก้มมองดูเส้นผมสีทองในถุงพลาสติกเก็บหลักฐาน เขาเล่นดึงผมมัลฟอยโต้งๆเลย หมอนั้นเองก็ดูตกใจไม่น้อยเลย โอ๊ยหวังว่ามัลฟอยจะไม่รู้นะว่าการเก็บเส้นผมมันใช้ทำเพื่อตรวจหลักฐานแบบนี้ได้

     

                    “มารีผมมีเรื่องขอร้องหน่อย” แฮร์รี่เปิดประตูเข้าไปในห้องแลบตรวจหลักฐานแล้วเรียกหาหัวหน้าห้องแลบ หญิงสาวผมยุ่งกับแว่นหนาๆเดินออกมา เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นเขา

                   

                    “มีอะไรแฮร์รี่” หญิงสาวพูดอย่างอารมณ์ดี

     

                    เขายื่นซองพลาสติกให้เธอ “ตรวจดูหลักฐานการใช้น้ำยาสรรพรสให้หน่อยครับ เอ่อ นี้ไม่ใช่งานของสำนักงานนะครับ เป็นเรื่องส่วนตัวคุณช่วยได้ไหมครับ”

     

                    หญิงสาวเลิกคิ้วสูง แต่ก็รับซองจากมือเขาไป “ขอเวลาฉันสองสามชั่วโมง เอางี้เธอกลับมาก่อนเที่ยงนะ” พูดจบเธอก็กระพริบตาให้เขาหนึ่งข้างแล้วเดินจากไป

     

                    แฮร์รี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ถ้ามารีไม่ช่วย เขาก็คงไม่มีทางเลือกยกเว้นไปกราบกรานเฮอร์ไมโอนี่ และเขาก็ยังไม่พร้อมเล่าให้เพื่อนสนิทฟังว่าผมนั้นเป็นของใคร แต่เขาแน่ใจว่าอย่างเฮอร์ไมโอนี่คงรู้ได้ทันทีที่เห็น มีไม่กี่คนหรอกที่จะมีผลสีอ่อนแบบนั้น   

     

                    ตลอดทั้งเช้าแฮร์รี่ไม่มีสมาธิเลย เขาแน่ใจแล้ว 80% ว่าคนที่ปลอมเป็นแอสเทอเรียคือมัลฟอย นิสัยทุกอย่างของเธอคืดมัลฟอยชัดๆ เขาไม่ได้บ้าไปเองตอนที่คิดว่าสองคนนี้เหมือนกัน เพราะสองคนนั้นคือคนๆเดียวกัน! แล้วไม้กายสิทธิ์ที่เขาเห็นแอสเทอเรียถือมันก็คือไม้กายสิทธิ์อันเดียวกับที่เขาเห็นเช้านี้ ที่จริงเขาเคยเห็นมันด้วยซ้ำครั้งหนึ่ง แต่เขาไม่เคยสังเกตว่ามันเหมือนกันของแอสเทอเรียมาก่อน เพราะมันเป็นไม้ยาวสีดำซึ่งก็มีพ่อมดแม่มดตั้งหลายคนที่มีไม้กายสิทธิ์แบบนี้

                    ไม่ว่าผลจะออกมาว่าใช่หรือไม่ใช่มันก็น่ากลัวพอๆกัน

                    ...ถ้าใช่...ก็หมายความว่าคนที่เขาตกหลุมรักคือเดรโก มัลฟอย...แล้วนั้นก็ไม่ได้ดีกว่าการรักแอสเทอเรียสักเท่าไหร่ เพราะหมอนั้นก็ต้องแต่งงานเหมือนกัน

                    ...ถ้าไม่ใช่...ก็หมายความว่าเขาต้องหาใหม่ว่าเป็นใคร...และมันก็ไม่ได้แก้ปัญหาที่ทำไมเขาถึงรู้สึกดึงดูดต่อมัลฟอยขนาดนี้

                   

                    แฮร์รี่เดินกลับไปที่ห้องแลบด้วยใจที่เต้นรัว เขาเรียกหามารีเหมือนตอนเช้า และคราวนี้ที่เธอกลับมา เธอมาพร้อมม้วนกระดาษด้วย เธอยื่นผลการตรวจให้เขา ก่อนจะสรุปให้เขาฟังสั้นๆ

                    “มีหลักฐานการใช้น้ำยาสรรพรสติดกันเป็นระยะเวลานานเกินกว่าสัปดาห์”

     

                    แฮร์รี่ขอบคุณหญิงสาวแล้วเปิดม้วนกระดาษอ่าน ผลตรวตรงกับระยะเวลาที่เขาคิด เจ้าของเส้นผมมีการใช้น้ำยาสรรพรสติดกันเกินหนึ่งสัปดาห์ และเป็นการใช้เพียงครั้งเดียวตลอดอายุผม การใช้นั้นเกิดขึ้นประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว

                    เขารู้สึกเหมือนขาอ่อน ชายหนุ่มทรุดนั่งลงกับกำแพงที่ทางเดิน บังคับให้ตัวเองหายใจลึกๆ

                ...คนที่เขารักคือเดรโก มัลฟอย....

     

    ##########

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×