คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Spectacular Fall
ตอนที่ 3: Spectacular Fall
I fell in love the way you fall
asleep: slowly and then all at once. - John Green, The Fault in Our Stars
เดรโกพลิกตัวกลับไปกลับมาบนเตียงนุ่มในคฤหาสน์มัลฟอย
เขาพยายามจะข่มตาให้หลับ แต่สมองกลับไม่ยอมหยุดคิดถึงใครบางคน
เขารู้อยู่แล้วหล่ะว่าพอตเตอร์มันเป็นคนดี
ให้ตายสิหมอนั้นยอมตายเพื่อจะหยุดจอมมารเชียวนะ
แต่การเป็นคนดีก็ไม่ได้หมายความว่าพอตเตอร์จะต้องทำดีกับเขา
ที่จริงมันมักตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ตลอดระยะเวลาสิบสองปีที่เขารู้จักกับพอตเตอร์มาหมอนั้นทำดีกับเขานับครั้งได้
แถมมันอยู่ในเหตุการณ์ระหว่างความเป็นกับความตายอีกด้วย
แต่เมื่อเจอหน้ากันปกติพอตเตอร์กลับไม่สนใจที่จะทักทายเขาด้วยซ้ำไป
ไม่มีวันเด็ดขาดที่แฮร์รี่ พอตเตอร์จะมากอดปลอบใจเขาแบบนี้ทำในบ่ายวันนี้
การที่เขาอยู่ในร่างของแอสเทอเรียมันทำให้ทุกอย่างต่างออกไปขนาดนั้นจริงหรือ
ทั้งๆที่ข้างในเขาก็ไม่ได้ต่างออกไปเลย
เวลาอยู่กับพอตเตอร์เขาแทบไม่ได้พยายามที่จะเป็นแอสเทอเรียเลย
เพราะเขาแน่ใจว่าหมอนั้นไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาว
สู้เก็บแรงเอาไว้แกล้งทำเวลาอยู่ต่อหน้าคุณกรีนกราสดีกว่า
คิดแล้วก็รู้สึกน้อยใจแปลกๆ
ไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าจะน้อยใจไปทำไม
กะอีแค่การที่พอตเตอร์ทำดีกับร่างของแอสเทอเรีย
เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ของตัวเองเลย
ให้ตายสิเขาไม่เคยต้องสับสนความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อพอตเตอร์เลยสักนิด
ตลอดมาหมอนั้นเป็นแค่ตัวน่ารำคาญสำหรับเขาเท่านั้น
แล้วทำไมพอตอนนี้เขากลับเริ่มไม่คิดอย่างนั้นเสียแล้วล่ะ
เดรโกพลิกตัวอีกครั้ง
ตาสีเทามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วภาวนาให้แอสเทอเรียรีบกลับมาเร็วๆ
ถ้าเธอไม่กลับมาสลับตัวกลับแทนที่เขาเร็วๆนี้ เดรโกรู้ว่าเขาจะต้องมีปัญหาแน่ๆ
ปัญหาใหญ่ที่สูงเกือบหกฟุต ใส่แว่น และมีแผลเป็นรูปฟ้าผ่าบนหน้าผากเสียด้วย
##########
ณ อีกด้านหนึ่งของประเทศ
ก็มีอีกคนหนึ่งที่นอนไม่หลับอยู่เช่นกัน แฮร์รี่ผุดลุกผุดนั่งอยู่บนเตียง
เขาเอาหนังสือประวัติศาสตร์เล่มโตที่แอสเทอเรียส่งมาให้อ่านออกมาอ่านจนจบไปหลายรอบแล้ว
แต่ประหลาดแท้ที่กลับไม่ง่วงเลยสักนิด
ทั้งๆที่ปกติทันทีที่แตะหนังสือประวัติศาสตร์ร่างกายเขาก็เหมือนจะหลับลงไปเองง่ายๆ
คืนนี้มันกลับตรงกันข้าม ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งคิดถึงคนที่สั่งแกมบังคับให้เขาอ่าน
นึกถึงรอยยิ้มมุมปากของเธอที่ดูสนุกเหลือเกินที่ได้แกล้งเขา
และถ้าแอสเทอเรียเป็นแค่คุณหนูที่แค่ชอบกลั่นแกล้งเขา
มันก็คงดีกว่านี้ แต่เป็นเธอกลับเป็นมนุษย์ที่แสนจะมีชีวิตชีวา
เขารู้สึกว่าเธอทำทุกอย่างในชีวิตด้วยความตั้งใจจริง
ไม่ว่าจะตั้งแต่ความพยายามที่จะสอนให้เขาเข้าใจโลกของผู้วิเศษ
ความผูกพันที่เธอมีต่อสายเลือดและตระกูล ความเป็นห่วงที่เธอมีให้เพื่อนทุกคนของเธอ
ให้ตายสิขนาดคนที่เธอไม่เคยรู้จักอย่างเขาเธอยังอยากให้เขาได้ดีเลย
และเขาไม่เคยเจอใครที่เปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเท่ากับแอสเทอเรีย
กรีนกราสอีกแล้ว เธอไม่แคร์ที่เขาจะโกรธกับสิ่งที่เธอพูด
สีหน้าของเธอเป็นเหมือนหน้าต่างบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอย่างไร
และเธอเป็นเหมือนส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างโลกเก่ากับโลกใหม่
เธอเข้าใจความสำคัญของตระกูลพ่อมดแม่มด
แต่เธอก็มีเหตุผลมากพอที่จะเข้าใจว่าสิ่งสำคัญหาใช่สายเลือดไม่
และยิ่งคิดเขาก็รู้ว่าตัวเองมีปัญหาซะแล้ว
เพราะเขาดันรู้สึกถึงแรงดึงดูดกับผู้หญิงที่มีคู่หมั้นคู่หมายเป็นตัวเป็นตน
และไม่ได้มีท่าทางสนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
...ไม่นะ ไม่ได้เด็ดขาด...แฮร์รี่บอกตัวเอง
มันต้องไม่มีทางเป็นอย่างนั้น มันต้องเป็นเพราะเขาไม่ได้เดทกับใครเป็นชาติแน่ๆ
และเมื่อเจอสาวสวยน่าสนใจเขาถึงใจเต้นกับเธอได้ง่ายๆ เขาไม่ได้ชอบเธอแบบนั้นเด็ดขาด!!!
โอ๊ยแล้วเมื่อไหร่คดีบ้าๆมันจะจบเนี้ยเขาจะได้กลับไปทำงานจริงๆเสียที
##########
เดรโกคนหม้อปรุงยาอย่างเซ็งๆ
พร้อมกับมองน้ำยาที่เป็นต้นเหตุของเรื่องยุ่งยากที่เกิดขึ้นกับเขา
บางทีความรู้สึกแปลกๆมันอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากน้ำยาสรรพรสก็ได้มั้ง
แม้ว่าจะไม่มีใครเคยพบเลยก็เถอะ
แต่ว่ามันอาจจะเป็นผลข้างเคียงพิเศษที่เกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น เป็นไปได้ไหมหนอ
“เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา
คงใช่หรอก ไม่มียาวิเศษขนาดไหนที่จะมีผลข้างเคียงที่ทำให้เขาน้อยใจคู่อริหรอก
ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง เดรโกก็เลยตัดปัญหาโดยการหยุดคิดมันซะเลย
เขาปล่อยให้น้ำยาตั้งไฟต่อไป แล้วหันไปดูอีกหม้อที่ได้ที่แล้ว
ชายหนุ่มตักน้ำยาใส่ขวดแก้วแล้วหยิบเส้นผมของแอสเทอเรียผสมใส่ลงไป
ก่อนจะถอนหายใจเป็นรอบที่สองของเช้านี้แล้วยกน้ำยากลืนเข้าปาก
ชายหนุ่มหลับตาปี๋ขณะรอให้น้ำยาสรรพรสออกฤทธิ์
พร้อมกับสาปส่งตัวเองที่พาตัวเองเข้ามาอยู่ในเรื่องยุ่งยากแบบนี้
งานที่บริษัทก็พอกเป็นหางหมู แล้วยังต้องมารู้สึกแปลกๆกับพอตเตอร์อีก
แอสเทอเรียน้องช่วยกลับมาเร็วๆซะทีเถอะ เดรโกภาวนาอีกครั้ง
.
.
.
“น้องเงียบไปเลยว่าไหม”
เดรโกกระซิบเบาๆกับเดฟนีหลังจากท่านเดมิทริสเดินออกไปจากห้องทานอาหารเช้าแล้ว โชคดีที่วันนี้พอตเตอร์ขอตัวแยกไปเดินตรวจตราปราสาทก่อน
ทำให้พวกเขามีเวลาคุยกับสองคน
เดฟนีพยักหน้า
ดวงตาฉายชัดถึงความเป็นห่วง “เกือบจะสองสัปดาห์แล้วยังไม่มีอะไรติดต่อกลับมาเลย
แต่คนของพ่อก็ไม่เจอปีเตอร์เหมือนกัน อย่างน้อยก็แสดงว่ายังคงปลอดภัยกันดีอยู่”
“แต่ทำไมถึงได้นานนักนะ
วันก่อนลูเซียสก็ถามแล้วว่าไม่เห็นฉันไปเยี่ยมโรงงานผลิตหนังมังกรเลยทั้งๆที่ใกล้ช่วงตรวจสอบประจำปีแล้ว
ฉันก็มีงานมีการทำนะเดฟนี!!”
เดรโกพูดอย่างร้อนใจ ถึงเหตุผลที่จริงๆเขาจะอยากเลิกปลอมตัวมันจะเป็นอย่างอื่นแต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องบอกเธอ
“ฉันรู้น่า
ฉันลองส่งข้อความไปหาแอสเทอเรียแล้วแต่น้องก็ยังเงียบ
แล้วนายก็คิดซะว่านี้เป็นช่วงพักร้อน ทำแต่งานตลอดห้าปีเคยหยุดบ้างไหมเนี้ย”
เดฟนีหันมาด่าเขาซะงั้น
“ฉันชอบทำงาน
แล้วนี้มันพักร้อนตรงไหน ฉันต้องนั่งตัวเกร็งในกระโปรงยาวทั้งวันแบบนี้
เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แถมวันๆยังต้องปั้นหน้ายิ้มเป็นแอสเทอเรียอีกด้วย”
แต่แทนที่จะเห็นอกเห็นใจเดฟนีกลับหัวเราะลั่นออกมา
“นายเนี้ยนะปั้นหน้าเป็นแอสเทอเรีย ยกเว้นแต่เวลาเจอพ่อซึ่งก็ประมาณวันละไม่เกินหนึ่งชั่วโมง
นายก็เป็นตัวเองตลอด” พูดแล้วหญิงสาวก็ชี้มาที่หน้าเขา “แบบนี้เลย
มีเหรอแอสเทอเรียจะเลิกคิ้วทำหน้าไม่เชื่อส่งมาให้ฉันแบบนี้
น้องสุภาพกว่านายตั้งเยอะ ฉันล่ะประหลาดใจจริงๆที่พอตเตอร์ยังคิดว่านายเป็นคุณหนูแอสเทอเรีย
กรีนกราส ทั้งๆที่นายทำตัวโคตรจะเป็นเดรโก มัลฟอย”
เดรโกถลึงตามองเพื่อน “พูดยังกับเธออยากให้โดนจับได้อย่างนั้นแหละ”
เป็นอีกครั้งที่เดฟนีหัวเราะ
“ฉันก็แค่ประหลาดใจเท่านั้นแหละ ใครจะอยากโดนจับได้ล่ะ
พูดถึงพอตเตอร์วันนี้นายไม่ต้องไปสอนอะไรเขาเหรอ”
“ไม่ใช่ฉันคนเดียวซะหน่อย
เธอก็ต้องมาด้วยนั้นแหละ รู้สึกไม่คุ้มกับการต้องปวดหัวเลย หรือว่าวันนี้จะเลิกดี
บอกว่าฉันปวดหัวแล้วหายตัวกลับบ้าน จะได้ไปทำงานด้วย”
เดรโกทำหน้าดีใจที่เหมือนเสนอทางออกให้ตัวเองได้
แต่เดฟนีรีบส่ายหน้า “อยากให้พ่อเรียกผู้บำบัดมาเหรอ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นเดรโกก็ต้องทำหน้ามุ่ย
นั้นก็จริง ถึงท่านเดมิทริสวันๆจะไม่ได้อยู่กับลูกสาวตลอดเวลา
แต่ถ้าหากได้ยินว่าเธอล้มป่วยเขาต้องเรียกผู้บำบัดมารักษาถึงที่นี่แน่นอน
และเรื่องคงแดงในเวลาไม่กี่นาที
“นี้เดรโก อย่าหงุดหงิดเลยนะ
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นน้องต้องติดต่อเรามาแล้ว อาจจะแค่กำลังหาทางกลบร่องรอยกันอยู่
นายก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนอย่างฉันไง
แล้วถึงพอตเตอร์จะไม่ใช่เพื่อนแต่เขาก็ทำดีกับนายไม่ใช่เหรอเดรโก”
ชายหนุ่มคิดแล้วพยักหน้าตาม
ก็จริงแอสเทอเรียคงต้องติดต่อพวกเขาแน่ๆหากเธอเดือดร้อนจริง แล้วการใช้เวลาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้แย่นักหรอก
เขาสามารถอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุได้มากเท่าที่ต้องการ
พวกกรีนกราสมีหนังสือเก่าๆน่าสนใจอยู่หลายเล่มเลยทีเดียว
และอีกอย่างเขาก็ไม่ได้รำคาญทั้งเดฟนีหรือพอตเตอร์
...แต่นั้นแหละปัญหาไม่ใช่รึไง...พอตเตอร์มาทำดีกับเขาแบบนี้
มันเหมือนมัดมือชกให้เขาต้องทำดีตอบเลย
และสำหรับเขาที่ไม่เคยญาติดีกับพอตเตอร์มาตลอดชีวิตมันก็ทำให้เขาสับสนกับตัวเองไปหมดแล้ว
พูดแล้วคนที่ว่าก็กำลังเดินลิ่วกลับเข้ามาในห้องอาหารเช้าแล้ว
เดรโกเหลือบตามองนาฬิกา สายขนาดนี้แล้วเหรอ
“สวัสดีครับคุณเดฟนี
คุณแอสเทอเรีย” พอตเตอร์ทักทายพวกเขาอย่างสุภาพเหมือนเดิม
ส่วนเดรโกต้องพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติขณะที่เดฟนีเหล่กระดุมเสื้อที่เปิดออกของพอตเตอร์จนตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว
พระเจ้าเขาต้องหาทางจับคู่ให้เพื่อนเขากับหนุ่มดีๆสักคนซะแล้ว
ก่อนที่เดฟนีจะหน้ามืดตามัวกับพอตเตอร์มากไปกว่านี้
“อะแฮ่ม”
เดรโกดันเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้นยืน “คุณกระดุมเสื้อหลุดน่ะค่ะคุณพอตเตอร์”
ชายหนุ่มชี้ไปที่เสื้อเชิ้ตของพอตเตอร์ส่วนที่เปิดออกให้เห็นแผงอกแข็งแกร่ง
พร้อมกับได้ยินเสียงเดฟนีพึมพำอะไรสักอย่างประมาณขัดลาภ
มือปราบมารหนุ่มก้มมองดูกระดุมเสื้อตัวเองแล้วกลัดอย่างลวกๆ
“อ้อ ผมปลดออกตอนที่วิ่งไปวิ่งมาที่สนามน่ะครับ มันร้อนน่ะครับ”
เดรโกหรี่ตาแล้วเชิดหน้าขึ้น
“ดูเหมือนวันนี้บทเรียนของเราน่าจะเกี่ยวกับการแต่งงานของพ่อมดนะคะ
ทบทวนกันอีกซักรอบโดยเฉพาะการแต่งกายในเวลากึ่งทางการ”
เสียงครางของพอตเตอร์ทำให้เดรโกอดยิ้มมุมปากไม่ได้
แน่นอนว่าถึงเขาจะรู้สึกกับพอตเตอร์แปลกไป
แต่เขาก็ตั้งใจจะปฏิบัติต่อชายหนุ่มเหมือนเดิม
อย่างน้อยก็เหมือนเดิมมากเท่าที่จะเป็นไปได้นะ
สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คืออยู่ดีๆมันเหมือนกับว่าสมองของเขาเปิดรับเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับพอตเตอร์
โดยเฉพาะข้อดีของหมอนั้นทุกอย่างเลย ไม่รู้ทำไมสมองเขามันสังเกตขึ้นมาเองอย่าง
...การที่พอตเตอร์หุ่นดีจนน่าอิจฉา...มันต้องเป็นเพราะการฝึกเป็นมือปราบมารแน่ๆที่ทำให้เด็กผู้ชายตัวเตี้ยผอมเกร็นจากฮอกวอตส์เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มรูปร่างดี
แขนขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แถมเขายังได้จับกับกล้ามเนื้อที่ว่าใกล้ๆอีกด้วยในบทเรียนการแต่งตัวทุกครั้ง
(เขาเคยลองให้เดฟนีเป็นคนแต่งตัวพอตเตอร์แล้ว
แต่ชายหนุ่มก็รีบวิ่งหนีออกมาแล้วทำหน้ากลัวเพื่อนเขาแบบสุดๆ!!)
...พอตเตอร์เองก็มีอารมณ์ขันกับเขาด้วย...เดรโกไม่เคยเห็นพอตเตอร์หัวเราะตรงหน้าเขาใกล้ๆมาก่อนเลย
ทุกครั้งที่เจอกันหมอนั้นต้องทำหน้าเหมือนกำลังจะไปอัดใคร
แต่คราวนี้เขากลับเห็นว่าพอตเตอร์สามารถคุยเรื่องสบายๆและหัวเราะได้เหมือนคนปกติทั่วไป
หมอนั้นยังหัวเราะเสียยกใหญ่ตอนที่เขากลอกตาเมื่อพูดถึงความพยายามจะปลดปล่อยเอลฟ์ประจำบ้านของเกรนเจอร์
...สิ่งดีๆทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับพอตเตอร์ไม่ใช่โชคแต่เป็นเพราะความพยายามและตั้งใจ...หมอนั้นตั้งใจกับทุกอย่างในชีวิต
เขาไม่ใช่คนที่ได้อะไรมาอย่างง่ายๆอย่างที่เดรโกคิด
ขนาดภารกิจคุ้มกันที่เป็นการลงโทษพอตเตอร์ยังไม่ได้ทำเล่นๆ
แต่กลับใส่ใจกับรายละเอียดจริงๆ เขาพูดถึงทุกคดีที่ทำได้ราวกับทุกรายละเอียดมันอยู่ในหัวเขาหมดแล้ว
ทำให้เดรโกสงสัยจริงๆว่าพอตเตอร์ต้องใช้เวลานานขนาดไหนกับการทำแต่ละคดี
แล้วเรื่องการเรียนมารยาทที่เขาคิดว่าพอตเตอร์คงถามเขาเล่นๆ
แต่ชายหนุ่มผมดำกลับจริงจังจนอาจารย์อย่างเขาต้องประหลาดใจ
และสุดท้ายพอตเตอร์เป็นคนที่เต็มไปด้วยความรัก
เคยมีคนบอกเขาว่าสิ่งที่ต่างกันระหว่างจอมมารกับพอตเตอร์ก็คือความรักนี้แหละ
พอตเตอร์เอาชนะได้ด้วยความรักที่เขามีให้ต่อเพื่อนมนุษย์คนอื่น
ความรักที่ทำให้เขากล้าจะสละตัวเอง
เดรโกไม่เคยเข้าใจสิ่งนั้นจนกระทั่งเขาได้มาสังเกตพอตเตอร์ใกล้ๆ
หมอนั้นพูดถึงคนอื่นด้วยความเป็นห่วงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพวกวีสลีย์ เกรนเจอร์
มือปราบมารคนอื่น หรือแม้กระทั่งเด็กสลิธีรินที่พอตเตอร์เพิ่งรู้จัก
เขาปฏิบัติกับเอลฟ์ประจำบ้านหรือสัตว์เวทมนตร์อื่นๆดั่งกับว่าพวกเขาเท่าเทียม แค่อยู่ใกล้ๆพอตเตอร์เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ
###########
แฮร์รี่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเบื่อๆ
วันที่อากาศดีอย่างนี้ทำไมเขาต้องมาอุดอู้อยู่ในห้องสมุดแบบนี้ด้วยนะ
“อยากบินจัง”
“อะไรนะคะ”
แอสเทอเรียเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือตรงหน้าแล้วมองเขา เธออ่านการเล่นแร่แปรธาตุอีกแล้วแฮร์รี่สังเกต
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับ
ผมแค่คิดว่าอากาศดีๆอย่างนี้น่าเอาไม้กวาดออกไปบินจัง”
ดวงตาสีเข้มมีประกายสนใจ
ก่อนเหลือบมองนอกหน้าต่างเช่นกัน วันนี้อากาศดีจริงๆ แดดอ่อนๆ ไม่มีลม และฟ้าโปร่ง
แบบนี้เหมาะที่สุดที่จะเล่นควิดดิชแต่ถึงเล่นไม่ได้
แค่ได้บินอยู่บนไม้กวาดเขาก็คงสุขโขแล้ว
เมื่อเธอหันกลับมา
ใบหน้านั้นก็ยิ้มกว้าง
ตาสีน้ำตาลเป็นประกายอย่างกับเด็กๆที่จะได้เล่นของเล่นชิ้นโปรด
เธอพยักหน้าให้เขารัวๆ “ออกไปบินกันเถอะค่ะ ฉันเองก็คิดถึงไม้กวาดจะแย่อยู่แล้ว”
เดฟนีรีบดึงแขนน้องสาวแล้วลากเธอลงมากระซิบประซาบอะไร
แต่แอสเทอเรียส่ายหน้าแล้วทำหน้าบึ้งอย่างเด็กเอาแต่ใจแบบที่เธอชอบทำเวลาเธอตัดสินใจที่จะทำอะไรแล้วไม่ยอมให้ใครมาขวาง
ในที่สุดเดฟนีก็ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นมาด้วยกัน
แต่เธอยืนยันว่าเธอขอเป็นผู้ชมมองจากข้างสนามแล้วปล่อยให้พวกเขาสองคนบินกันไปก็แล้วกัน
“แล้วเธอ ไปเปลี่ยนชุดด้วย
ห้ามใส่กระโปรงบินเด็ดขาด คุณพอตเตอร์ตามฉันมาค่ะฉันจะพาคุณไปที่เพิงเก็บไม้กวาด”
เดฟนีหันไปสั่งน้องสาวก่อนจะเรียกให้เขาเดินตามเธอไป
พูดจบแอสเทอเรียก็วิ่งปร๋อไปที่ห้องนอนทันที
ไม่มีท่าทีของหญิงสาวขี้โรคอย่างที่เธอบอกว่าตัวเองเป็นเลยสักนิด
และอีกสิบนาทีถัดมาหญิงสาวก็วิ่งออกมาสมทบพวกเขาในชุดกางเกงเตรียมพร้อม
และไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปหาไม้กวาดนิมบัสรุ่นล่าสุดและลูกสนิชทองคำมาจากไหน
“ใครจับได้ก่อนชนะนะคะ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับยักคิ้วให้เขา
“แน่ใจนะครับแอสเทอเรีย ผมเป็นซีกเกอร์ของกริฟฟินดอร์มาหกปีคุณแน่ใจเหรอครับจะท้าแข่งกับผม”
แฮร์รี่ถามอย่างประหลาดใจ
“ฉันก็เป็นซะ...”
หญิงสาวปิดปากลงก่อนจะพูดออกมา แล้วจ้องเขาเขม็ง
“ฉันก็เป็นคนที่บินเก่งกว่าคุณ
แถมยังไม่ต้องใช้ตั้งสี่ตาในการมองอีกด้วย”
แฮร์รี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
แต่เหมือนยิ่งเขาหัวเราะจะยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้น ตาสีเข้มเป็นประกายวับ
“เตรียมตัวแพ้ไว้ได้เลยพอตเตอร์”
เธอหรี่ตามองเขาแล้วปล่อยให้ลูกสนิชทองคำบินขึ้นไปบนฟ้า
โชคดีที่แฮร์รี่ร่ายคาถาคลุมสนามเอาไว้แล้ว
ป้องกันไม่ให้ลูกสนิชบินออกไปเกินขอบเขตสนามหญ้าของบ้านกรีนกราส
“เดฟนีเป็นกรรมการ
แล้วห้ามเข้าข้างพอตเตอร์เด็ดขาดนะ”
เดฟนีกลอกตาอย่างรำคาญเมื่อได้ยินคำสั่งของน้องสาว
แต่เธอก็ยอมลุกขึ้นจากโต๊ะข้างสนาม แล้วมายืนเพื่อให้สัญญาณเริ่ม
ทันทีที่เดฟนีนับถอยหลังถึงศูนย์พวกเขาทั้งคู่ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
ลมอุ่นๆพัดผ่านหน้าแฮร์รี่
ให้ตายสิเขาคิดถึงการได้อยู่บนไม้กวาดจริงๆ
เขาบังคับไม้กวาดให้บินขึ้นสูงขึ้นและสูงขึ้นก่อนจะบินวนเป็นวงกลมรอบสนาม
ชายหนุ่มเหล่มองคู่แข่งของเขา ต้องยอมรับว่าแอสเทอเรียบินได้ดีไม่แพ้เขาจริงๆ
ท่าทางเธอเหมือนคนที่ชินกับการใช้ไม้กวาด และเคยทำหน้าที่ซีกเกอร์ด้วยซ้ำ
เธอบินช้าๆในจุดที่เห็นทุกอย่างในสนามแต่ก็ไม่ได้ห่างเขาเกินไปเผื่อว่าเขาจะสังเกตเห็นลูกสนิชก่อนเธอ
เธอจะได้ดิ่งตามเขาได้ทัน ...ฉลาดมากสาวน้อย..แฮร์รี่ชมในใจ
“นี้แอสเทอเรีย”
แฮร์รี่บินไปขนาบข้างๆเธอ แต่หญิงสาวก็รีบบินหนีเขา มีหรือที่เขาจะยอมให้เธอหนีเขาง่ายๆ
แฮร์รี่โน้มตัวแล้วบังคับไม้กวาดไปข้างหน้า
และสักพักพวกเขาก็เปลี่ยนจากเกมส์ไล่ลูกสนิชเป็นแฮร์รี่ไล่แอสเทอเรียแทน
หญิงสาวเองก็ดูสนุกเหลือเกินที่เห็นเขายังจับเธอไม่ทัน
ฮึ่มไม่ใช่เพราะเขาห่วยกว่าเธอหรอกนะแต่แอสเทอเรียได้เปรียบที่เธอตัวเบากว่าเขา
เขาอาจจะมีกล้ามเนื้อเยอะขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่นั้นไม่ใช่สิ่งดีเลยสำหรับซีกเกอร์
ในที่สุดเขาก็จับเธอทันโดยใช้วิธีคว้าปลายไม้กวาดเธอไว้
เป็นทริคสกปรกที่เขาดันจำได้เพราะคนใช้กับเขาดันเป็นคู่หมั้นของเธอ
“นี้มันทริกของฉะ..”
แอสเทอเรียตะโกนลั่น “ฉันหมายความว่านายโกงนี้พอตเตอร์” เธอมองเขาอย่างพิจารณา
“ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เด็กดีของกริฟฟินดอร์โกงกับเขาด้วย”
แฮร์รี่กลอกตาแล้วบินไปข้างๆเธอ
ผมสีเข้มของเธอตีกับลมจนยุ่ง แก้มใสนั้นแดงจากทั้งลมทั้งความเหนื่อย
แต่ตาเธอกลับสดใสเหมือนเธอสนุกสุดๆ
“คุณชอบควิดดิชเหรอ” แฮร์รี่ถาม
เขาไม่ได้สนใจที่จะแข่งขนาดนั้นอยู่แล้ว
ในเมื่อหญิงสาวตรงหน้าน่าสนใจว่าลูกสนิชเป็นไหนๆ
“ถามแปลกๆ ก็แน่อยู่แล้วล่ะ
ฉันเป็นแฟนตัวยงของทีมฟอลคอนเลย”
“ไม่เคยรู้เลย
ผมจะมาบอกว่าคุณบินได้ดีจริงๆนะ ทำไมคุณถึงไม่เล่นให้ทีมเรเวนคลอล่ะครับ”
เขาคิดว่าฝีมือการบินของเธอกับโชถือว่าสูสีกันเลยทีเดียว
หญิงสาวทำท่าเหมือนจะอยากตอบแต่เธอก็เปลี่ยนใจแล้วแค่ถอนหายใจออกมา
“ช่างฉันเถอะน่า” เธอเหลือบมองเขาอีกครั้งแล้วพูดต่อเบาๆ “แล้วก็ขอบคุณนะที่ชม”
ชายหนุ่มมองคนข้างๆตัวอย่างไม่แน่ใจ
ทำไมเธอต้องทำเหมือนการที่เขาบอกว่าเธอบินได้ดีนี้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยนะ
เขาแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง
“แล้วอย่าคิดว่าฉันจะยอมให้นายชนะเชียวนะพอตเตอร์”
หญิงสาวพูดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง
...เหมือนจริงๆด้วย...แฮร์รี่คิดในใจ
เธอเหมือนเดรโก มัลฟอยยังกับแกะ เขาคิดตั้งแต่เห็นท่าทางการบินของเธอแล้ว
เขาอาจจะไม่เคยยอมรับออกมาตรงๆแต่คู่อริบ้านสลิธีรินของเขาก็คือหนึ่งในซีกเกอร์ที่ดีที่สุดที่เขาเห็นเลย
ท่าทางบนไม้กวาดที่สง่างามอย่างกับคนที่ฝึกมาตลอดชีวิต...เหมือนกับแอสเทอเรียตอนนี้
แล้วยังรอยยิ้มนั้นอีก เป็นใบหน้าแบบเดียวกับที่มัลฟอยชอบทำเวลาแข่งกับเขา
ต่างกันตรงที่แววตาของเธอไม่มีแววมุ่งร้ายเหมือนมัลฟอยในตอนนั้น
พวกเขาขี่ไม้กวาดวนไปรอบๆ
ครั้งหนึ่งเขาคิดว่าเขาเห็นลูกสนิชและเมื่อดิ่งตัวลงไปก็พบว่ามันเป็นเพียงแสงสะท้อนเท่านั้น
แต่ทุกครั้งที่เขาขยับตัวหญิงสาวก็จะไล่ตามเขาทันที
ถ้าเป็นเขาตอนที่อายุสิบห้าสิบหกเขาแน่ใจว่าเขาจะเร็วกว่าเธอ
แต่เขาในตอนนี้ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว หากแผนการของเธอคือเกาะติดเขาเอาไว้
แฮร์รี่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าหากแข่งกันดิ่งตามลูกสนิชเธอต้องชนะแน่นอน
และถึงจะไม่ใช่แมตช์ดุเดือดอะไร แต่เขาก็ไม่ได้อยากแพ้เธอ
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากพร้อมกับคิดในใจว่าควรจะทำยังไงดี
...แผนหลอก...
ถ้าเขาเล่นแผนหลอกบ่อยพอเธอคงจะไม่บ้าจี้ตามเขาไปทุกครั้งหรอก
แต่นั้นก็เท่ากับว่าเขาต้องทำงานหนักมากขึ้นด้วย
เขาต้องแกล้งทำเป็นเห็นลูกสนิชแล้วบินไปหาก่อนจะหักกลับ แต่นั้นก็น่าสนุกดีไม่ใช่หรอ
เอาสิแอสเทอเรียอยากรู้ว่าเธอจะทำยังไงถ้าเธอเจอฉันหลอกแบบนี้
คิดแล้วแฮร์รี่ก็บินขึ้นข้างบนอย่างเร็ว
ตามองตรงขึ้นฟ้าเหมือนกับว่าเขากำลังเห็นอะไร
จากหางตาเขาเห็นร่างของหญิงสาวจี้ตามมาติดๆ
เขาต้องพยายามไม่ยิ้มและเมื่อเธอกำลังจะบินขึ้นเหนือเขา
ชายหนุ่มก็หยุดกึกแล้วหักไปอีกทาง พร้อมกับหัวเราะร่า เสียงสบถของหญิงสาวดังลั่น
แฮร์รี่ทำแผนแบบเดิมซ้ำอีกสองสามครั้ง
ทุกครั้งหญิงสาวก็ตามเขาอย่างไม่ลดละ แต่ก็จบลงด้วยคำสบถที่รุนแรงขึ้นทุกที
จนเขาไม่แน่ใจว่าถ้ามีคนได้ยินคุณหนูบ้านกรีนกราสสบถขนาดนี้
เธอจะถูกสั่งให้ล้างปากด้วยสบู่หรือเปล่า
แต่แล้วเขาก็เห็น...ลูกสนิชสีทอง...มันบินช้าๆเหนือหญ้าตรงมุมขวาข้างสนาม
ชายหนุ่มไม่ลังเลเขารีบพุ่งดิ่งลงไปทันที
และแอสเทอเรียเหมือนจะไม่แน่ใจว่าจะตามมาดีหรือไม่
จนกระทั่งเธอเห็นแสงสะท้อนนั้นแหละ แต่แค่นั้นก็พอแล้วที่เขาจะชนะ
แฮร์รี่นำอยู่เหนือหญิงสาวหลายช่วงไม้กวาด ไม่มีทางที่เธอจะตามลงมาทัน
และเมื่อมือเขาเกือบจะคว้าถึงลูกสนิชเขาก็ได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นของหญิงสาว
เขาหักไม้กวาดกลับโดยไม่คิดเลยแม้แต่น้อย ร่างกายเขาขยับไปเอง
และเมื่อเห็นว่าทำไมเธอถึงร้องขึ้นชายหนุ่มก็เร่งไม้กวาดให้เร็วกว่าเดิม
หญิงสาวกำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เขาไม่รู้ว่าเธอหลุดจากไม้กวาดได้ยังไง
แต่นั้นไม่สำคัญเท่ากับที่เขาต้องไปให้ถึงตัวเธอก่อนที่เธอจะตกลงบนพื้น
หัวใจเขาเต้นรัว
ขณะมือข้างหนึ่งกำไม้กวาดเอาไว้ อีกข้างยื่นออกมารวบร่างบางเอาไว้
ก่อนที่ร่างนั้นจะกระแทกพื้นพอดี และเพราะแรงที่รับมันไม่สมดุลทั้งแฮร์รี่ทั้งแอสเทอเรียก็หลุดจากไม้กวาดด้ามที่แฮร์รี่ขี่อยู่
เขากอดร่างเธอไว้แนบอกตามสัญชาตญาณเพื่อไม่ให้เธอต้องมีอันตราย
##########
เดรโกกัดริมฝีปาก
ไอ้พอตเตอร์บ้าเอ้ย เขาคิดขณะเร่งไม้กวาดให้ดิ่งตามพอตเตอร์เร็วขึ้นไปอีก
เขาไม่น่าลังเลเลย แต่ในชั่ววินาทีเดียวที่เขาคิดว่าเขากำลังจะตามพอตเตอร์ได้ทัน
นกตัวใหญ่ก็บินเข้ามากระแทกตัวเขาเต็มๆ ด้วยความเร็วที่เขามาแม้จะเป็นเพียงนกแต่ก็พอทำให้เดรโกเสียการทรงตัวและพลัดตกจากไม้กวาดได้ทันที
เขาพยายามยกมือคว้าด้ามไม้กวาด
แต่ปลายนิ้วกลับสัมผัสเพียงอากาสเท่านั้น ชายหนุ่มหลับตาปี๋แล้วหวังว่าเดฟนีจะมีสติพอที่จะเสกคาถาหมอนรองรับการตกของเขา
...แต่เขาก็ไม่ตก...เมื่อเดรโกเปิดตาขึ้นอีกครั้งเขาก็อยู่ในอ้อมแขนของพอตเตอร์
หมอนั้นหักมารับตัวเขาไว้ทัน
และยังใช้ร่างตัวเองเป็นเหมือนเบาะรองโดยไม่กลัวที่จะเจ็บเลยสักนิด
ขณะที่เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีเขียวที่มองกลับมาหาเขาอย่างเป็นห่วง
เดรโกก็รู้สึกว่าหัวใจเขากำลังเต้นแรงขึ้น...และมันไม่ใช่เพราะความกลัวด้วย...ไม่ใช่สักนิดเดียว
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกมา
กำไลของเขาก็สั่นเบาๆเตือนว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงของเขากำลังจะหมดลงแล้ว
ชายหนุ่มเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วรีบยันตัวขึ้น เดฟนีกำลังวิ่งมาที่เขาทั้งสอง
พระเจ้าเขาดันทิ้งน้ำยาเอาไว้ในชุดกระโปรงที่ห้องนอน คิดแล้วเดรโกยิ่งลนลาน
“เดี๋ยวแอสเทอเรีย อย่าเพิ่งขยับ
ถ้าเผื่อคุณบาดเจ็บ—“
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันสบายดี”
เดรโกพยายามฝืนตัวขึ้นแต่อีกคนกลับยังกอดเขาเอาไว้แน่น
“รอเดฟนีก่อนเถอะ
ให้เธอเชคคุณให้แน่ใจ” แฮร์รี่พูดพร้อมกับมองเขาอย่างเป็นห่วง
เดรโกอยากจะตะโกนบอกว่าไม่มีเวลาแล้ว
เขารีบหันไปมองเดฟนีอย่างขอความช่วยเหลือ
ทันทีที่เธอเห็นหน้าเขาเธอก็ทำตาโตอย่างตกใจแล้วฉุดเขาให้ลุกขึ้นก่อนจะโยนเสื้อคลุมให้เขาใช้คลุมร่าง
“เดี๋ยวๆ แอสเทอเรียต้องตรวจ—“ พอตเตอร์รีบห้ามก่อนที่เดฟนีจะลากเขาไปไหนได้
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพอตเตอร์ ฉันจะตรวจน้องเป็นอย่างดีเลย
คุณเถอะค่ะรีบไปดูว่าเจ็บที่ไหนรึเปล่า”
พูดจบเดฟนีก็รีบรุนหลังให้เขาเดินออกไปโดยไม่สนใจพอตเตอร์
“รีบๆเดินเข้า
ผมนายเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีทองแล้ว” เดฟนีกระซิบเบาๆ
“เออๆ เขายังตามมาอีกรึเปล่า”
เดรโกถาม ให้ตายสิเสียงเขาก็เริ่มเปลี่ยนแล้วด้วย
หญิงสาวหันกลับไปมองแวบนึงก่อนจะพยักหน้า
“ตามมาสิ แต่ดูเหมือนเขาจะขาเจ็บนะ โชคดีของนาย”
พอตเตอร์เจ็บหรือ...เดรโกคิดอย่างเป็นห่วง
อยากจะหันกลับไปขอโทษแล้วดูว่ามือปราบมารหนุ่มไม่เป็นไรมาก
แต่นั้นต้องหลังจากที่เขาดื่มน้ำยาสรรพรสเสียก่อน
ชายหนุ่มรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น และเมื่อเขาดื่มน้ำยาแล้วเดินออกมาจากห้อง
พอตเตอร์ก็มาหยุดหน้าประตูห้องเขาพอดี
“เอ่อ คุณไม่เป็นไรนะครับ” พอตเตอร์จับไหล่เขาแล้วมองดูให้ทั่วตัว
ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์แล้วร่ายคาถาตรวจเช็คร่างกาย
ดูเหมือนว่ามือปราบมารจะต้องคุ้นเคยกับคาถารักษาตัวพอประมาณ
“ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่คุณน่ะสิ”
เดรโกปัดไม้กายสิทธิ์ของอีกคนที่ยังคงชี้มาที่เขาออก
“ขาคุณเจ็บแล้วยังตามมาจนถึงห้องฉันอีก”
พอตเตอร์กระพริบตาปริบๆ “ก็ผมเป็นห่วง
เดฟนีเล่นพาคุณมาโดยไม่เช็คอะไรเลย ผมก็ไม่รู้ว่าคุณจะเป็นอะไรรึเปล่า”
เดรโกยิ้ม เป็นห่วงเป็นใยเขาอีกแล้ว
นายจะทำให้หัวใจฉันมีปัญหาขนาดไหนกันนะพอตเตอร์
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ช่วยชีวิตฉันไว้”
ชายหนุ่มหน้าแดง “เอ่อ
มันก็หน้าที่ผมอยู่แล้ว”
“งั้นอย่างน้อยๆ
ให้ฉันช่วยพยุงคุณเข้าไปในห้องฉันนะคะ คุณจะได้รักษาขาได้สะดวกๆ”
เดรโกเสนอแล้วช่วยพยุงชายหนุ่มเข้าไปนั่งบนโซฟาใหญ่ริมหน้าต่าง
“ห้องคุณเรียบร้อยจัง”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ ส่วนเดรโกก็เกือบสะดุ้งโหยง
ก็ต้องเรียบร้อยสิเพราะไม่มีใครใช้มาเกือบสองสัปดาห์แล้วนี้
หวังว่าพอตเตอร์จะแค่คิดว่าเขาเป็นคนเรียบร้อยนะ
“ขอบคุณครับ”
พอตเตอร์เงยหน้าขึ้นมาขอบคุณเขาเมื่อเขาพาอีกคนมาจนถึงโซฟาที่ว่า
แล้วเดรโกก็นั่งลงดูพอตเตอร์ปฐมพยาบาลตัวเอง
ดูเหมือนว่าขาของพอตเตอร์ที่เจ็บนั้นแค่พลิกเท่านั้น กับมีรอยถลอกนิดหน่อย
ไม่มีตรงไหนแตกหัก โชคดีสุดๆสำหรับพวกเขาทั้งคู่ที่ตอนที่พอตเตอร์กลิ้งตัวไถลจากไม้กวาดชายหนุ่มผมดำอยู่ห่างจากพื้นเพียงไม่เท่าไหร่
ถ้าเขาเป็นเหตุให้พอตเตอร์ต้องเจ็บหนักเดรโกก็คงยิ่งรู้สึกโกรธตัวเองมากกว่านี้อีก
แค่นี้เขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะขอบคุณชายหนุ่มได้ยังไงดี
คำว่าขอบคุณสั้นๆแค่นั้นมันคงไม่เพียงพอหรอกมั้ง แต่เขาก็ไม่ได้รู้จักพอตเตอร์ดีพอที่จะหาอะไรมาตอบแทนชายหนุ่มได้
และดูเหมือนพอตเตอร์จะไม่ได้ติดใจอะไรด้วยซ้ำ
หลังจากจัดการกับบาดแผลหมอนั้นก็หัวเราะร่าแล้วชวนเขาคุยเรื่องควิดดิชจนเดรโกแทบจะลืมไปเลยว่าเขาเพิ่งเกือบตายไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
.
.
.
ภารกิจหาของขอบคุณพอตเตอร์พาเขามาจนถึงห้องใต้ถุนของคฤหาสน์มัลฟอยในกลางดึก
ชายหนุ่มจามเป็นรอบที่สิบจากฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมา
ข้าวของพวกนี้ถูกโยนเอาไว้อย่างลวกๆโดยไม่มีใครมาดูแล ให้ตายสิ
พรุ่งนี้นะเขาจะสั่งเอลฟ์ประจำบ้านทั้งขโยงให้ขึ้นมาทำความสะอาดให้หมด
แต่เขาต้องหาของที่ต้องการให้เจอก่อน
ของที่เขาแน่ใจว่าพอตเตอร์จะต้องอยากได้อย่างแน่นอน
ในที่สุดหลังจากค้นอยู่เป็นชั่วโมงเดรโกก็เห็นภาพเขียนที่เขาต้องการ
ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเอง เสกคาถาย่อส่วนแล้วเก็บมันลงในกระเป๋า
พรุ่งนี้เขาอยากจะเห็นหน้าของพอตเตอร์ตอนที่เขาเอาสิ่งนี้ให้จริงๆ
“คุณพอตเตอร์คะ”
เดรโกเคาะประตูห้องนอนของชายหนุ่ม เขารีบมาแต่เช้าเพื่อว่าจะได้ไม่ต้องเจอเดฟนี
เพื่อนเขาต้องถามแน่ๆหากเห็นของขวัญที่เขากำลังจะมอบให้พอตเตอร์
เสียงฝีเท้าเดินมาหยุดก่อนที่เจ้าของห้องจะเปิดประตูออกมา
พอตเตอร์ขยี้ตามองเขา ชายหนุ่มผมดำยังอยู่ในชุดนอน...หรือเป็นชุดที่เขาคิดว่านั้นคือชุดนอนล่ะนะ
มันไม่ใช่เสื้อคลุมนอนแบบพ่อมดทั่วไป แต่เป็นกางเกงที่ดูนิ่มๆกับเสื้อยืดเก่าๆ
ผมสีดำสนิทที่ปกติดูยุ่งอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งชี้ไปชี้มาไม่เป็นรูปเป็นร่างยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
...แสดงว่าอย่างน้อยๆหมอนั้นก็ต้องหวีผมมันถึงพอจะเรียบอย่างที่เห็นในตอนกลางวันได้บ้าง...
“ครับ” พอตเตอร์พูดพร้อมหาวออกมา
“คุณมีธุระอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ
ขอโทษนะคะที่มาเคาะห้องคุณแต่เช้า แต่ฉันมีของอยากให้คุณเพื่อขอบคุณที่ช่วยฉันเมื่อคืนน่ะค่ะ”
เดรโกรีบพูดแล้วล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุม
ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์แล้วร่ายคาถาคืนรูปให้กับของในมือ
มันกลายเป็นภาพเขียนขนาดกลางที่มีผ้าสีดำปิดอยู่
“คุณเคยบอกฉันว่าคุณชอบเวลาที่ฉันเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ให้คุณฟัง
เพราะไม่มีใครเคยเล่าให้คุณฟัง
แต่ฉันว่าอีกประเดี๋ยวคุณคงได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับตระกูลพอตเตอร์จนเบื่อเลยล่ะคะ”
พูดจบเดรโกก็ดึงผ้าดำออก ข้างใต้เป็นภาพเขียนของหญิงสูงวัยหน้าตาใจดีคนหนึ่ง
เธอใส่ชุดแบบแม่มดในสมัยกลางยุคศตวรรษที่ 19
“อลิซาเบ็ธ พอตเตอร์
เธอเป็นย่าทวดของคุณค่ะ” เดรโกไม่ได้เล่าต่อว่าเธอแต่งงานกับหนึ่งในคนตระกูลมัลฟอย
ก่อนจะหย่าเพราะทนความเจ้ายศเจ้าอย่างของพวกเขาไม่ได้
ทำให้รูปเขียนของเธอถูกปลดและระเห็จไปอยู่ในห้องใต้หลังคา
พอตเตอร์รับภาพเขียนไป
ใบหน้าของชายหนุ่มประหลาดใจเป็นอย่างมาก มือหนาแตะที่กรอบรูปภาพเบาๆ
“สวัสดีจ้ะ หนุ่มน้อย
เธอเป็นหลานของฉันเหรอเนี้ย”
พอตเตอร์พยักหน้า “คะ..ครับ” ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองตรงมาที่เดรโก
แล้วส่งยิ้มที่ทำให้หัวใจของเดรโกเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง
...เขาตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรักที่สุดเข้าแล้ว...เดรโกคิดกับตัวเองอย่างตกใจ
###
...เขาน่าจะเจอเธอเร็วกว่านี้...แฮร์รี่นึกในใจขณะมองหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้เขาจากอีกฝั่งของโต๊ะอาหาร
เขาน่าจะรู้จักกับแอสเทอเรียเร็วกว่านี้ ก่อนที่เธอจะตกลงแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น
ความคิดที่เธอเป็นของคนอย่างมัลฟอยนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บจี๊ดในหน้าอกจนอยากจะถามพระเจ้าว่าเขาทำอะไรผิดหรือ
ทำไมเขาต้องแพ้คนอย่างมัลฟอย
หมอนั้นไม่คู่ควรกับเธอเลยสักนิดเดียว
เขาไม่มีทางรักเธอได้มากพอเท่ากับที่เธอควรได้รับ สำหรับมัลฟอย
แอสเทอเรียคงเป็นแค่อู่ผลิตทายาทเท่านั้น
ทั้งๆที่เธอมีอะไรที่ดีกว่าเพียงแค่คำว่าตระกูลกรีนกราสตั้งเยอะ
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแฮร์รี่ก็เลิกปฎิเสธหัวใจตัวเองแล้วว่าเขาคิดยังไงกับหญิงสาว
ตอนที่เขาเห็นร่างเธอร่วงลงมาหัวใจเขาแทบหยุดเต้น
และเขาต้องใช้เวลาทั้งบ่ายคุยกับเธอเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือแอสเทอเรียที่ยังคงมีเลือดมีเนื้อ
เขารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้
เขาตั้งใจจะตัดใจจากเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ช่วยเลย เธอทั้งทำดีกับเขา ยิ้มให้เขาแบบนี้
แล้วยังของขวัญนั้นอีกเล่า เขาไม่รู้ว่าเธอไปหาภาพเขียนของย่าทวดเขามาจากไหน
แต่นั้นก็เป็นครั้งแรกที่แฮร์รี่ได้ฟังประวัติศาสตร์ของตระกูลพอตเตอร์ เขาไม่ใช่แค่คนแปลกดังที่ป้าและลุงพูดกรอกหูอีกแล้ว
เขามีประวัติศาสตร์ เขามีย่ามียายมีลุงมีป้า คำว่าพอตเตอร์สำหรับเขามันขยายเกินคำว่าเจมส์และลิลี่แล้ว
หากเธอไม่ได้รักมัลฟอย
เขาคงไม่ลำบากใจที่จะเสนอตัวเองเป็นทางเลือก
แต่เขาจำได้ว่าเธอยืนยันชัดเจนว่างานแต่งงานของเธอไม่ใช่แค่งานแต่งกลวงๆ
อย่างน้อยเธอก็รักเขา แฮร์รี่พยายามปลอบใจตัวเอง
อย่างน้อยแอสเทอเรียก็จะได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก...เธอก็คงมีความสุข...
...แต่สองสัปดาห์ที่ผ่านมา
เขายังไม่เคยเห็นแม้แต่เงาหัวของคู่หมั้นคนรักที่ว่าเลยสักนิด...เดรโก
มัลฟอยไม่คิดจะโผล่หน้ามาเยี่ยมเยียนคนรักสักหน่อยหรือ
เขารู้ดีว่าหมอนั้นยุ่งกับธุรกิจครอบครัว
แต่การที่ไม่แม้แต่จะแวะมาดื่มน้ำชากับเธอสักบ่าย ไต่ถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง
อย่างนี้ยังเรียกว่าคนรักกันได้อีกหรือ
“ผมไม่เห็นเดรโก
มัลฟอยมาเยี่ยมคุณเลย” แฮร์รี่ถามออกไปตามที่ใจคิด
ดูเหมือนคำถามของเขาจะทำให้คนทั้งโต๊ะชะงัก
แอสเทอเรียตาเบิกกว้างมองมาที่เขาก่อนจะเหลือบมองเดฟนี
ท่านเดมิทริสเองก็วางถ้วยชาลงเช่นกัน
“นั้นสิแอสเทอเรีย
พ่อก็จะถามเราพอดี ไม่เห็นเดรโกเสียตั้งพักใหญ่”
แอสเทอเรียรีบตอบด้วยท่าทีเหมือนปกป้องคนรักเต็มที่
จนทำให้แฮร์รี่อดกำมืออย่างหงุดหงิดไม่ได้ “เดรโกยุ่งมากๆเลยค่ะ
โรงงานผลิตหนังมังกรที่โรมาเนียมีปัญหาพอดี แถมช่วงนี้เป็นช่วงที่มียอดออเดอร์เข้ามาเยอะอีกด้วย
เขาก็เลยต้องไปคุมที่นั้นน่ะค่ะ เดี๋ยวเขาก็จะรีบกลับมาแล้วเนอะพี่เดฟนี”
“ใช่ค่ะ เดรโกยุ่งจริงๆนะคะ เพื่อนหนูไม่ได้หายหน้าไปไหนหรอกค่ะ”
เดฟนีรีบยืนยันอีกเสียงอย่างแข็งขัน
“แล้วเราติดต่อกันตลอดค่ะคุณพ่อ
เดรโกเขียนจดหมายหาหนูทุกวันๆ” แฮร์รี่หรี่ตา โกหกเห็นๆ
คาถาของเขาจะแจ้งเตือนเมื่อมีนกฮูกบินเข้าบินออกด้วย
และเขาแน่ใจว่าไม่ได้มีจดหมายส่งเข้าที่นี่ทุกวันอย่างที่แอสเทอเรียพูดแน่ๆ
เดรโก มัลฟอย
นายกำลังทำให้ผู้หญิงดีๆต้องโกหกเพื่อนายนะ แฮร์รี่คิดอย่างอารมณ์เสีย
ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าหญิงสาวเห็นอะไรในตัวคนอย่างมัลฟอย
...เขาต่างหากที่ดีกว่าเห็นๆ...
##########
“โอ๊ย” เดรโกร้องสะดุ้งอย่างตกใจแล้วรีบหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา
เหรียญข้อความที่เขาแลกกับเดฟนีและแอสเทอเรียร้อนขึ้น แสดงว่าแอสเทอเรียส่งข้อความมา
ชายหนุ่มรีบร่ายคาถาลูมอสแล้วอ่านข้อความสั้นๆที่ว่านั้น มันคือชื่อโรงแรมแห่งหนึ่ง...หมายความว่ายังไง
เขารีบยื่นหน้าเข้าไปในเตาผิงแล้วเรียกหาเดฟนี
ดูเหมือนทางนั้นก็ตื่นอยู่เหมือนกัน หญิงสาวรีบก้มลงมาคุยกับเขา ใบหน้าฉายแววเป็นห่วงอย่างชัดเจน
“แอสเทอเรียติดต่อมา
เธอก็ได้ใช่ไหม” เดรโกถามสั้นๆ
หญิงสาวพยักหน้า “ใช่ นี้เป็นโรงแรมที่แม่ชอบพาเราไปพักช่วงฤดูร้อนตอนเด็ก
โรงแรมของมักเกิ้ล”
“น้องต้องอยากให้พวกเราไปหาที่นั้นแน่ๆ”
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน
มาหาฉันที่นี่แล้วไปด้วยกัน... เธอรู้คาถาแก้คาถาป้องกันที่พอตเตอร์ใช้ใช่ไหม” เขาถามให้แน่ใจเพราะมันคงไม่ดีแน่
ถ้าเดฟนีใช้เครือข่ายฟลูแล้วทำให้พอตเตอร์รู้ตัว
หญิงสาวทำหน้าเบ้ “รู้สิยะ นายเล่นบังคับให้ฉันจำเอาไว้ให้ดี
แล้วคิดว่านี้ฉันยังไม่ได้ยกเลิกคาถาป้องกันของพอตเตอร์เหรอยะ”
“เออๆ งั้นก็ดี รีบมาเลย”
เดรโกพูดแล้วถอยออกมา อีกสักครู่เดฟนีก็ก้าวออกมาจากเตาผิงของเขา หญิงสาวคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอนเอาไว้
เขาเองก็คว้าเสื้อคลุมและไม้กายสิทธิ์แล้วเดินไปหาเธอ
“เธอต้องเป็นคนหายตัวไปนะ ฉันไม่รู้ว่าที่ไหน”
เดฟนีพยักหน้าจับแขนเดรโกไว้แล้วอีกชั่วอึดใจเดียวพวกเขาก็โผล่มาที่ตรอกมืดๆ
“จุดนี้แหละแล้วเดินไป” หญิงสาวชี้ไปที่ป้ายโรงแรมไม่ไกลออกไปเท่าไหร่
ชายหนุ่มเม้มปากแล้วจับมือเธอออกเดินด้วยกัน
พวกเขาต้องร่ายคาถาบังกายไม่ให้ใครเห็นจนกระทั่งเดินมาถึงห้องพักที่แอสเทอเรียให้เอาไว้
เดรโกยกมือเคาะประตูห้องเบาๆ
“แอสเทอเรียนี้พี่เอง”
ไม่มีเสียงตอบรับแต่ประตูห้องก็เปิดออกต้อนรับพวกเขา
ทั้งคู่รีบก้าวเข้าไปแล้วปิดประตูเสีย เมื่อหันตัวกลับมาหญิงสาวที่หายตัวไปเกือบสองสัปดาห์ก็อยู่ตรงหน้าพวกเขา
แอสเทอเรียนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง
ผมที่เคยเงางามของเธอยุ่งเหยิง ไหล่ของเธอสะท้อนเล็กน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอกำลังร้องไห้
เดฟนีรีบปราดเข้าไปกอดน้องสาว
ในที่สุดเมื่อแอสเทอเรียหยุดร้องไห้เธอก็เปิดปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
เธอพาตัวปีเตอร์หนีไปจนถึงอเมริกา เพราะเธอรู้ว่าไม่มีที่ไหนในยุโรปที่ปลอดภัยสำหรับเขา
เธอใช้เวลากว่าสัปดาห์ที่จะหาทางหลบหนีข้ามทวีปได้โดยไม่ถูกจับ
แต่สิ่งที่ยากที่สุดกลับไม่ใช่การพาเขาหนี แต่เป็นการลบความทรงจำของเขา
หญิงสาวต้องใช้เวลาทำใจอยู่นานก่อนจะร่ายคาถาลบและสร้างความทรงจำ
เวลาสองปีที่พวกเขาเคยรู้จักกันมันหายไปในชั่วพริบตาเดียว เขาจำได้ว่าเขามีงานที่ต้องทำในนิวยอร์คและไม่อยากกลับอังกฤษอีกเลยตลอดชีวิต
“อย่างน้อยหนูก็รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่
แล้วชีวิตเขาก็คงดีกว่าที่ไม่มีหนู” แอสเทอเรียพูดทั้งน้ำตา
“โธ่ แอสเทอเรีย”
เดฟนีจูบกระหม่อมน้องสาวอีกครั้ง “กลับบ้านกันเถอะนะ”
“ค่ะ”
####
Note: จบพาร์ทสลับตัวแล้วนะคะ
ความคิดเห็น