คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 9.2 Undeniable Truth
#####
เดฟนี
กรีนกราสไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาด ที่จริงมันตรงกันข้ามด้วยซ้ำ
เธอรู้ว่าส่วนดีไม่กี่อย่างของเธอคือหน้าตาและเงินทองของเธอ
ดังนั้นเมื่อต้องทำงานกับแม่มดที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดอย่างเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
เธอถึงรู้สึกเกร็งอย่างสุดๆ
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเธอต้องร่วมมือกับเกรนเจอร์เพื่อช่วยน้องสาวของเธอ
หญิงสาวมองดูนาฬิกาอีกครั้ง ให้ตายเถอะใกล้จะได้เวลาแล้ว
เธอหันไปสบตากับชายหนุ่มอีกคนที่ดูเครียดไม่แพ้เธอ แฮร์รี่ พอตเตอร์
เดินวนไปวนมาในห้องอย่างไม่เป็นสุข
ต้องขอบคุณเขาที่เป็นคนเริ่มต้นทุกอย่าง
ตอนที่เขามาหาเธอในวันนั้นต้องบอกว่าเธอเองก็อับจนหนทางแล้ว เธอไม่เห็นด้วยกับทางออกที่เดรโกเสนอเพราะเธอรู้ว่าเพื่อนรักของเธอมีโอกาสที่จะมีความสุขกับพอตเตอร์ได้
และน้องสาวเธอคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตหากรู้ความจริงว่าเดรโกเลือกเสียสละเพื่อเธอขนาดไหน
ที่จริงในตอนนั้นสิ่งเดียวที่เธอคิดว่าเธอจะทำก็คือบอกความจริงไปซะ
แต่มันก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ในเมื่อมันไม่มีทางออกให้ใครสักคน
โดยเฉพาะแอสเทอเรีย
ดังนั้นเมื่อพอตเตอร์ยืนยันว่าเขาจะต้องหาทางออกที่เดรโกยอมรับให้ได้เพราะเขาจะไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ
เดฟนีจึงยอมร่วมมือโดยทันที และแน่นอนว่าถ้าพอตเตอร์เข้ามาทำอะไร
เขาต้องดึงเพื่อนสนิททั้งสองเข้ามาด้วย
เมื่อได้เห็นทั้งสามคนอยู่ด้วยกันเดฟนีก็เข้าใจเป็นครั้งแรกว่าทำไมพวกเขาถึงถูกเรียกว่า
Golden Trio เพราะพวกเขาทำงานด้วยกันเป็นอย่างดี
พวกเขาสามารถแค่มองหน้ากันก็เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ และเมื่อพอตเตอร์ต้องการพวกเขา
ทั้งสองคนก็พร้อมจะลางานและมาช่วยพอตเตอร์ทันทีโดยไม่ต้องขอร้องซ้ำ
ทางออกของพวกเขาก็คือต้องหาตัวคนรักของแอสเทอเรียกลับมาให้ได้
ซึ่งเดฟนีรู้ว่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่เธอก็เห็นด้วยว่านั้นเป็นทางเดียวที่จะทำให้เดรโกยกเลิกงานแต่งงานได้
หญิงสาวพยายามให้ข้อมูลของปีเตอร์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ปัญหาคือเธอไม่รู้จักคนรักของน้องสาวเลยสักนิด
เธอเคยเห็นหน้าเขาแวบๆในตอนที่เธอช่วยแอสเทอเรียหลบพ่อไปเจอเขา แต่ก็แค่นั้น
เธอไม่เคยคุยกับเขา หรือแม้แต่จะถามชื่อเต็มๆของเขา
เธอคิดว่าน้องคงไม่มีทางจริงจังกับมักเกิ้ลแต่ตอนนี้เธออยากจะเตะตัวเองตอนนั้นเสียจริงๆที่ไม่คิดถามอะไรมากกว่านี้
เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอพอจะรู้เกี่ยวกับเขาคือเขาชื่อปีเตอร์ เขาทำงานในวงการวิชาการคล้ายๆกับแอสเทอเรีย
พวกเขารักหนังสือเหมือนกัน และตอนนี้เขาคงอยู่ที่ไหนสักแห่งในนิวยอร์ค
เกรนเจอร์เป็นคนออกความเห็นว่าควรหาศาสตราจารย์ที่ย้ายจากอังกฤษไปนิวยอร์คในช่วงที่ปีเตอร์ต้องย้ายไป
เธอคิดว่าดูจากสิ่งที่เดฟนีเล่าให้ฟังแล้วโอกาสที่ปีเตอร์ที่ว่าจะเป็นศาสตราจารย์มีสูงมาก
แต่งานที่ว่าไม่ได้ง่ายๆ
เกรนเจอร์เป็นคนสอนพวกเขาทุกคนให้ใช้เครื่องมือของมักเกิ้ลที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตในการหาข้อมูล
แน่นอนว่าพวกเลือดบริสุทธิ์อย่างเดฟนีกับรอนยกธงขาวตั้งแต่ยกแรก
ปล่อยให้เกรนเจอร์กับพอตเตอร์หาข้อมูลและใช้สิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์ติดต่อกับมหาวิทยาลัยเพื่อยืนยันข้อมูล
ในที่สุดพวกเขาก็เจอแจ็คพอตหลังจากทำงานกันเกือบสัปดาห์ ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในสาขาวรรณคดีอังกฤษ
ชื่อปีเตอร์ ฟิงก์ เดฟนีแทบจะกรี๊ดออกมาตอนที่เห็นรูปภาพของปีเตอร์ ฟิงก์ที่ว่า
เพราะแม้จะไม่ได้ใส่แว่นและไร้หนวดอย่างตอนที่เธอเห็นเขา
เธอก็แน่ใจว่านี้แหละคือปีเตอร์ของแอสเทอเรีย
แต่มันก็ไม่จบแค่นั้น
เพราะพอตเตอร์กับวีสลีย์ต้องเป็นคนไปตามตัวปีเตอร์กลับมาจากนิวยอร์ค
เดฟนีได้แต่เครียดอยู่ที่เวิร์ทวูด
เธอไม่รู้ว่าพวกเขาจะสำเร็จไหมกับการกล่อมให้ปีเตอร์
ฟิงก์ที่ว่ายอมกลับมาที่อังกฤษ
เกรนเจอร์อธิบายให้เธอฟังว่าโอกาสที่จะคืนความทรงจำจะสูงขึ้นมาก
หากผู้โดนลบความทรงจำไม่ต่อต้าน
และงานของเดฟนีในตอนนั้นก็คือสืบหาข้อมูลจากแอสเทอเรียว่าน้องใช้คาถาอะไรในการลบความทรงจำของปีเตอร์
แน่นอนว่าแอสเทอเรียไม่อยากจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เดฟนีก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เธอยืนยันว่าการเปิดปากคุยเรื่องที่เกิดขึ้นจะช่วยให้แอสเทอเรียลืมได้เร็วขึ้น
แม้น้องจะไม่ค่อยเชื่อเธอ แต่แอสเทอเรียก็ไม่เคยขัดใจเธออยู่แล้ว
แม้เดฟนีจะไม่ค่อยเข้าใจทั้งคาถาทั้งน้ำยาวิเศษที่แอสเทอเรียใช้
แต่เธอก็จดทุกอย่างไปให้เกรนเจอร์ดู
หญิงสาวดูโล่งใจมากเมื่อเห็นคาถาที่แอสเทอเรียใช้
เพราะมันเป็นหนึ่งในคาถาที่สามารถถอนได้ เพียงแต่แค่อาจจะซับซ้อนกว่าปกติเท่านั้น
แต่ก็ไม่เกินความสามารถเธอ
แต่ยิ่งใกล้วันงานมากเท่าไหร่เดฟนียิ่งร้อนใจมากเท่านั้น
โดยเฉพาะเมื่อทั้งพอตเตอร์และวีสลีย์ยังคงไม่ส่งข่าวกลับมาหา
โชคดีเป็นของเธอรึเปล่าที่ดูเหมือนทั้งเดรโกและแอสเทอเรียเองก็ไม่ได้สังเกตอะไรนอกจากเรื่องของพวกเขาเอง
ทำให้เดฟนียังไม่ถูกจับได้
หากเป็นเดรโกปกติที่สายตาคมเฉียบแล้วหญิงสาวแน่ใจว่าเรื่องต้องแตกตั้งแต่ไม่กี่วันแรก
เพื่อนของเธออาจจะแสดงละครไม่ได้เรื่อง แต่เขาก็จะรู้ทันทีว่าเมื่อไหร่ที่เดฟนีโกหก
ก็แน่หละในเมื่อพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานานซะขนาดนี้
จนกระทั่งคืนก่อนถึงวันงานนั้นแหละที่เกรนเจอร์รีบใช้เครือข่ายฟลูติดต่อกลับมาหาเดฟนี
เธอรีบบอกให้เดฟนีไปพบที่อพาร์ทเมนต์ของพอตเตอร์ทันที
เมื่อเดฟนีไปถึงเธอก็ต้องประหลาดใจกับภาพตรงหน้า ชายคนที่ชื่อว่าปีเตอร์
ฟิงก์สลบเหมือดบนเก้าอี้พร้อมถูกเชือกมัดไว้แน่น ส่วนพอตเตอร์ดูเหนื่อยเหมือนอดหลับอดนอนมานาน
แทนที่จะแต่งตัวแบบปกติเขากลับใส่เสื้อคลุมของมือปราบมาร
เช่นเดียวกับวีสลีย์ที่ตอนนี้หลับไม่ได้สติอยู่บนโซฟายาว
“เกิดอะไรขึ้น”
เดฟนีพูดพร้อมกับกระชับเสื้อคลุมเข้ากับตัว
ให้ตายสิถึงหล่อนจะไม่ได้มีไอคิวสูงลิ่วแต่จากภาพตรงหน้าหล่อนก็พอเข้าใจได้ว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
เกรนเจอร์ไม่ตอบ
แต่คิ้วเธอขมวดเข้าหากันขณะคนน้ำยาวิเศษในหม้อ
การจะฟื้นความทรงจำพวกเขาต้องใช้ทั้งน้ำยาวิเศษและคาถาร่วมกัน
“คนของพ่อคุณหาเขาเจอได้ยังไงก็ไม่รู้”
พอตเตอร์เป็นคนตอบ ตาสีเขียวมองมาที่เธอ เหมือนขอคำอธิบาย เดฟนีสบถเบาๆ
ให้ตายสิเธอนึกว่าพ่อจบเรื่องการหาตัวชายหนุ่มคนนั้นที่เจอในป่าไปแล้ว
เธอน่าจะรู้นิสัยของพ่อว่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆจนจับตัวคนร้ายได้นั้นแหละ
เธออธิบายให้พอตเตอร์ฟังแล้วว่าทำไมแอสเทอเรียถึงต้องซ่อนตัวปีเตอร์
แต่เธอไม่ได้เตือนเขาว่าพ่อเธออาจจะยังคงตามหาตัวชายหนุ่มอยู่ ก็เธอไม่รู้จริงๆนี้
หญิงสาวได้แต่พึมพำขอโทษเขาเบาๆที่ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้
“ผมกับรอนเลยต้องพาเขาหนี
เราต้องแกล้งทำเป็นว่าเรามาจากสำนักงานมือปราบมารแล้วกำลังจะพาเขากลับไป
พวกนั้นถึงได้ยอมรามือ” พอตเตอร์อธิบายต่อ เดฟนีพยักหน้าว่าเข้าใจ
นั้นคงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทั้งพอตเตอร์และวีสลีย์ถึงอยู่ในชุดคลุมของมือปราบมารทั้งที่ควรจะเป็นช่วงลาของทั้งคู่
“แต่เขาก็ไม่กลับมาง่ายๆ
เขาคิดว่าพวกเราทั้งคู่จะมาลักพาตัวเขา” ชายหนุ่มพูดต่อเหนื่อยๆ
“ผมต้องอธิบายให้เขาฟังอยู่นาน แต่สุดท้ายเขากลับคิดว่าผมกับรอนเป็นคนบ้า”
“นายกับรอนก็เลยใช้คาถาให้เขาหมดสติแล้วลักพาตัวเขามาซะเลยจริงๆ”
เกรนเจอร์พูดต่อด้วยเสียงดุๆ ปากของเธอเม้มแน่น ท่าทางที่เธอทำเสมอเวลาไม่พอใจ
“ก็ฉันไม่มีทางเลือกนี้เฮอร์ไมโอนี่
มันเกือบจะได้เวลางานแล้ว ถ้าไม่ทำอย่างนี้ชาตินี้หมอนี้ก็ไม่กลับมาง่ายๆหรอก”
พอตเตอร์หันไปโวยวายกลับใส่เพื่อนสนิท
“หยุดอย่าเพิ่งเถียงกัน ตกลงว่าไง
แผนเราจะเป็นยังไงต่อ” เดฟนีตะโกนแข่งขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนเงียบสนิท
“ฉันก็ต้องลองคืนความทรงจำของเขาดูโดยที่เขายังสลบแบบนี้
อย่างน้อยก็คงดีกว่าตอนที่เขาตื่นแล้วต่อต้าน แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าผลจะเป็นยังไง
มันยากพออยู่แล้วถ้าทำกับผู้ที่โดนลบความทรงจำและตั้งใจอยากได้คืน
แต่นี้เขาไม่รู้จะอยากได้คืนหรือเปล่า...” เกรนเจอร์อธิบายเสียงเครียด
เดฟนีสูดหายใจลึก “โอเค
แต่พวกนายมีเวลาแปดชั่วโมงก่อนที่งานจะเริ่ม” พูดจบหญิงสาวก็นั่งลงบนพื้น
แล้วเริ่มนับถอยหลัง
.
.
.
จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เกรนเจอร์ยังคงค่อยๆร่ายคาถาใส่ปีเตอร์
ทุกอย่างเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะทุกครั้งที่เสร็จแต่ละขั้น
เกรนเจอร์ต้องให้พอตเตอร์ปลุกปีเตอร์ขึ้นมาเพื่อสอบถามว่าความทรงจำของเขาเป็นอย่างไรบ้าง
แน่นอนว่าชายหนุ่มจะต้องกรีดร้องโวยวายทุกครั้งที่ตื่น
แม้ว่าตอนที่ความทรงจำจะค่อยๆกลับคืนมาก็ตาม
แอสเทอเรียไม่เคยเล่าให้ปีเตอร์ฟังว่าเธอเป็นแม่มด เพราะฉะนั้นเขาถึงต่อต้านนักหนา
“พอตเตอร์อีกสามสิบนาทีงานจะเริ่มแล้ว”
เดฟนีพูดทันทีที่เดินผ่านเครือข่ายฟลูเข้ามา เธออยู่ในชุดพิธีการสำหรับแต่งงานแล้ว
เธอต้องคอยไปๆกลับๆระหว่างที่นี่กับคฤหาสน์มัลฟอยเพื่อให้ทุกคนไม่สงสัย
ทันทีที่ได้ยินเธอประกาศพอตเตอร์ก็สบกรามแน่น เขาหันไปมองดูเกรนเจอร์
แต่หญิงสาวผมหยิกกลับส่ายหน้าแทนการตอบกลับ
“ฉันทำไม่ทันแฮร์รี่
ฉันต้องขอเวลาอีกอย่างน้อยสองสามชั่วโมง” หญิงสาวพูดอย่างเหนื่อยๆ
“เอาไงดี” วีสลีย์ถามพอตเตอร์
ขณะป้อนน้ำยาลงคอปีเตอร์ที่ยังคงไม่ได้สติ
พอตเตอร์ขมวดคิ้วอย่างคิดหนัก “ฉันจะหยุดงานแต่ง
ที่จริงนี้เป็นแผนสำรองของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ถ้าไม่ได้เรื่องยังไงฉันก็จะไปลากหมอนั้นมาจากแท่นพิธีเอง
แล้วจะผูกเอาไว้ไม่ยอมให้ไปไหนเลยจนกว่าจะเลิกดื้อด้าน” ชายหนุ่มพูดอย่างหงุดหงิด
ทำให้เดฟนีอดยิ้มไม่ได้ เธอรู้ว่าพอตเตอร์รู้สึกรุนแรงขนาดไหนกับเพื่อนของเธอ
ให้ตายสิ ถ้าเพียงเดรโกได้รู้นะ หมอนั้นชอบพูดเสมอว่าไม่มีใครจะรักเขาได้
แล้วถ้าเขาได้รู้ว่าพอตเตอร์ทำขนาดไหนเพื่อเขา หมอนั้นก็ไม่ใจอ่อนสักนิดเลยหรือ
เดฟนีสงสัยในใจ
“เธอต้องพาปีเตอร์ไปหาแอสเทอเรียหลังจากนี้นะเดฟนี” พอตเตอร์หันมาบอกเธอ
หญิงสาวพยักหน้า เธอยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้ยังไง แต่เธอก็ต้องหาทางจนได้
“แล้วนายจะทำยังไง วิ่งเข้าไปในงานแล้วบอกว่าหยุดอย่างนั้นหรือ”
เดฟนีถามอย่างสงสัยจริงๆ
เพราะเธอแน่ใจว่าพอตเตอร์ทำอย่างนั้นเขาต้องโดนทั้งลูเซียสและพ่อของเธอรุมเละแน่
บางทีอาจจะเป็นเดรโกด้วยก็ได้
“ใช่”
ชายหนุ่มพูดแล้วยกมุมปากขึ้น ก่อนจะหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเดฟนี
เธอไม่คิดว่าเขาจะทำอย่างนั้นจริงๆ
จนกระทั่งเธอรีบตามมาที่งานนั้นแหละ
หมอนั้นลากตัวเดรโกที่ยังคงอึ้งเข้ามากอดแล้วหายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
ทันทีที่เจ้าบ่าวหายไปในอากาศ
แขกทุกคนก็ลุกขึ้นมองหน้ากันพร้อมเสียงตะโกนของพ่อของเธอสั่งให้จัดการตามหาตัวพอตเตอร์ทันที
ก่อนจะหันไปด่าลูเซียสว่าลูกชายของเขาหลอกลวงแอสเทอเรีย
เดฟนีต้องรีบเข้าไปหยุดก่อนที่เรื่องจะลุกลามไปมากกว่านี้
พร้อมกับลากแอสเทอเรียไปพัก น้องจับแขนเธอแน่น
ตาสีน้ำตาลสวยคู่นั้นมองตรงมาที่เธออย่างคาดคั้น
“พี่รู้ใช่ไหมคะว่าพี่เดรโกรักกับคุณพอตเตอร์อยู่”
เดฟนีพยักหน้า
แอสเทอเรียยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ
“ถ้าหนูรู้ หนูจะ...”
ท่าทางเสียใจของน้องสาวทำให้เดฟนีต้องรวบตัวเธอเข้ามากอดปลอบใจ
แอสเทอเรียไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย พวกเขาทุกคนก็ตามน้ำกันไปทั้งนั้น
ใครจะคิดว่าระหว่างทางจะมีคนที่ต้องเสียใจจริงๆ
“หนูต้องบอกว่าจะยกเลิกงานแต่งงาน”
แอสเทอเรียพูดอย่างมุ่งมั่น
“อาจจะไม่ก็ได้นะจ้ะ”
เดฟนีพูดออกมา บางทีอาจจะไม่ใช่กับเดรโก มัลฟอย แต่เป็นคนอื่น
“โธ่พี่คะ
พี่จะให้พ่อไปลากคอพี่เดรโกกลับมาแต่งงานกับหนูอีกเหรอคะ หนูยอมไม่ได้หรอกค่ะ
ถึงจะต้องท้องไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงหนูก็รักลูกได้มากพอสำหรับสองคนอยู่แล้ว”
เดฟนีอยากจะบอกแอสเทอเรียใจจะขาด
แต่เธอกลัวว่าถ้าหากทุกอย่างไม่สำเร็จ
แอสเทอเรียจะมีความหวังลมๆแล้งๆน้องจะต้องเสียใจยิ่งไปอีก เธอจึงเลือกที่จะเงียบ
พร้อมกับภาวนาให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
#####
“เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้นายก้าวออกไปจากที่นี่จนกว่านายจะยอมรับว่านายเองก็รักฉันเดรโก มัลฟอย แล้วนายก็แต่งงานกับใครคนอื่นไม่ได้หากคนนั้นไม่ใช่ฉัน”
เดรโกรู้สึกว่าเขากำลังอ้าปากค้าง
พอตเตอร์มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่กล้าพูดแบบนั้นออกมา เขามองตาสีเขียวตรงหน้า
“นายไม่เชื่อฉันเหรอเดรโก”
พอตเตอร์ถามเขาอีกครั้งด้วยเสียงแบบนั้น แล้วยังเรียกเขาว่าเดรโกอีกด้วย
หมอนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า คิดบ้างไหมว่าเขาต้องใช้แรงใจขนาดไหนในการฝืนตัวเองไม่ให้พูดสิ่งที่พอตเตอร์อยากได้ยินเสียตั้งแต่ตอนนี้
เขาไม่ไว้ใจให้ตัวเองพูดออกมาด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงส่ายหน้าแทนคำตอบ
“อะไรล่ะที่นายจะไม่เชื่อ
ความรู้สึกที่ฉันมีให้นายเหรอ” พอตเตอร์ถามอีกครั้ง เดรโกหลบตาอีกคน
“หรือความรู้สึกที่นายมีให้ฉัน”
“เพราะฉันมั่นใจว่าสองอย่างนั้นคือสิ่งเดียวกัน”
“นายไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
เดรโกถามอย่างสงสัย แล้วเขาก็เลิกพยายามจะดิ้นรนหนีออกจากอ้อมกอดของพอตเตอร์แล้ว
เพราะดูเหมือนยิ่งพยายามเท่าไหร่ อีกคนก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นเท่านั้น
“ฉันรู้ว่าตัวฉันรู้สึกยังไง
แล้วฉันก็เชื่อว่าถ้านายให้โอกาสฉันนายเองก็รักฉันได้เหมือนกัน”
พอตเตอร์ตอบกลับมาตรงๆ แววตาสีเขียวเป็นประกายวูบไหวก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“เดรโก
เรื่องของพวกเราอาจจะไม่ได้เริ่มต้นเหมือนคนอื่น แทนที่จะเริ่มจากรู้จักกันแล้วค่อยๆตกหลุมรักเหมือนคนอื่นเขา
เรื่องของพวกเรากลับเริ่มต้นด้วยการที่ฉันตกหลุมรักนายในร่างแอสเทอเรีย
ระหว่างที่พยายามจะเอาชนะใจแอสเทอเรียฉันก็ได้รู้ตัวว่าคนที่ฉันขอความช่วยเหลืออย่างนายทำให้ฉันหวั่นไหวได้ขนาดไหน
และทุกอย่างมันก็กลับมาเข้าที่ตอนที่ฉันได้รู้ว่าทั้งสองคนที่ทำให้ใจฉันเต้นรัวก็คือนายทั้งคู่
มันอาจจะดูเหมือนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเร็ว
แต่เวลามันสำคัญเท่ากับความผูกพันที่พวกเรามีให้กันด้วยเหรอ”
“ฉันยอมรับว่าถ้านายไม่ได้ปลอมตัวเป็นแอสเทอเรียฉันอาจจะไม่มีวันได้รู้จักนาย
แต่นั้นเป็นเพราะพวกเราทั้งคู่ต่างมองอีกฝ่ายผ่านสายตาของตัวเราที่อายุสิบเอ็ดปี
เดรโกนายก็เปลี่ยนไป ฉันเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ให้โอกาสให้ฉันรักนายได้ไหม
ให้โอกาสที่จะทำให้เรื่องราวของพวกเราสมบูรณ์”
เดรโกพูดไม่ออก
สิ่งที่พอตเตอร์พูดนั้นทำให้ความกลัวในใจของเขาค่อยๆหายไป
ใช่เขายอมรับว่ากลัวที่จะตัดสินใจรักพอตเตอร์
เพราะถ้าหากคนที่พอตเตอร์ชอบจริงๆคือเขาในร่างผู้หญิงเล่า
เขาจะเป็นยังไงถ้าหากต้องเปิดใจออกมาแล้วถูกทิ้ง
เขาไม่เคยรู้เลยว่าพอตเตอร์รู้สึกหวั่นไหวกับเขาในตอนที่เขาเป็นเขาพอๆกับตอนที่เขาเป็นแอสเทอเรีย
...แต่ถึงยังไง... เขาก็มีหน้าที่
“ฉัน...”
“เดรโก”
พอตเตอร์พูดขัดขึ้นมาก่อนที่เขาจะตอบออกไปได้
“ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงแอสเทอเรีย
แต่นายเป็นห่วงฉันบ้างรึเปล่า ลูกของเธอมีโอกาสครั้งเดียวที่จะมีพ่อก็จริง
แต่ฉัน...ฉันก็มีโอกาสแค่ครั้งเดียวที่จะมีนายเหมือนกัน”
ไม่แฟร์เลยสักนิด ชายหนุ่มเถียงในใจ
พอตเตอร์เล่นเปรียบเทียบแบบที่ให้เขาต้องเลือกแบบนี้ หน้าอกเขาปวดหนึบไปหมด
ตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว ให้ตายสิเขาจะร้องไห้ต่อหน้าพอตเตอร์อีกครั้งเหรอ
ชายหนุ่มดุตัวเองแล้วบังคับให้น้ำตาไม่ไหล เขาหลับตาแน่นถ้าหากลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นตาสีเขียวคู่นั้นจ้องเขาอย่างออดอ้อน
เขาคงไม่อาจเก็บสิ่งที่อยู่ในใจเอาไว้ได้
“ฉันรักนายนะ
ตอบฉันทีว่านายจะให้โอกาสฉัน
ตอบมาจากใจนายโดยที่ไม่เกี่ยวกับครอบครัวเพื่อนฝูงหรือความเหมาะสมอะไรทั้งนั้น” เสียงกระซิบเบาๆข้างหู
เดรโกไม่ตอบแต่เขาดึงใบหน้าอีกคนเข้ามาประกบริมฝีปาก
ถ่ายทอดทุกความรู้สึกผ่านริมฝีปากโดยไม่พูด ทุกความสิ้นหวัง ความพยายาม
และความรู้สึกของเขา
มันไม่มีความหวังไม่ใช่หรือเพราะฉะนั้นเขาจะพูดออกไปทำไม
ไม่ว่าวันนี้พอตเตอร์จะทำให้งานแต่งงานล่มหรือไม่ เดรโกก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องเป็นพ่อของลูกของแอสเทอเรีย
...แต่แค่วินาทีนี้...ขอแค่ตอนนี้ให้เขาได้ทำตามใจตัวเอง
#########
แฮร์รี่ขยับริมฝีปากรับการจู่โจมของอีกคน
นี้อาจจะไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากได้รับ
แต่มันก็บอกทุกอย่างที่เขาอยากรู้ได้ไม่ต่างกัน เดรโกจูบเขาเหมือนชายหนุ่มกำลังจะจมน้ำและเขาเป็นแหล่งอากาศแหล่งสุดท้าย
เมื่อทุกอย่างหยุดลง
แฮร์รี่ก็ดันตัวอีกคนออกแล้วส่งยิ้มกว้างให้
เดรโกมองเขากลับด้วยสายตาเศร้าเสียเหลือเกิน
แน่นอนว่าแฮร์รี่ตั้งใจจะไม่พูดเรื่องแผนเกี่ยวกับปีเตอร์
เพราะเขาอยากบีบให้เดรโกต้องเลือก
อยากรู้ว่าถ้าสุดท้ายไม่มีทางออกเดรโกจะยังตอบรับความรู้สึกของเขารึเปล่า
...เขามันใจร้ายชะมัด...แฮร์รี่คิดในใจ
แต่เขาก็อยากแน่ใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามันเหมือนเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น
“ยังไงฉันก็ต้องรับเด็กคนนั้นเป็นลูก”
เดรโกพูดเสียงเบาๆ มือเรียวยังคงจับไหล่เขาเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าหากปล่อยเขาไปเขาจะหายไปต่อหน้า
เขารู้อยู่แล้วล่ะว่าคนดื้อตรงหน้าน่ะถ้าไม่ถึงที่สุดจะไม่ยอมทำตามใจตัวเองเด็ดขาด
และจะเลือกเสียสละเพื่อเพื่อนและครอบครัว บางครั้งเขาก็สงสัยว่าระหว่างสลิธีรินกับฮัฟเฟิลพัฟต่างกันตรงไหน
แต่จะไม่พูดออกไปให้เดรโกได้ยินเด็ดขาด เขายังไม่อยากชะตาขาดนะ
“ฉันมีแผนนะ”
ทันทีที่แฮร์รี่พูดจบ ตาสีเทาของคนตรงหน้าก็หรี่ลงมองเขาอย่างไม่แน่ใจทันที
ทำให้เขาต้องกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้
ให้ตายสินี้การที่เขามีแผนนี้มันแปลกขนาดนั้นเลยรึไง
เอาล่ะถึงแผนที่ว่าเกินครึ่งจะออกมาจากมันสมองของเฮอร์ไมโอนี่กับเดฟนีก็เถอะ
“คิดว่าสัปดาห์กว่าๆนี้ฉันหายไปไหนล่ะเดรโก”
ร่างโปร่งยักไหล่ “ไม่รู้สิ
นึกว่านายจะหลบหน้าไปเลียแผล
หรือไม่ก็หาเรื่องเสี่ยงตายโดยไปรับคดีแปลกๆอะไรแบบนั้นซะอีก”
แฮร์รี่หัวเราะเบาๆ
โอเคตอนแรกเขาก็อยากทำแบบนั้นอยู่หรอก
ถ้าไม่นึกได้ว่าเดรโกเองก็อาจจะรักเขากลับก็ได้ พวกเขาสองคนรู้จักตัวตนของกันและกันดีกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก
“ฉันไปตามหาคนรักของแอสเทอเรีย”
ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ “พูดจริงดิ
นายรู้เหรอว่าหมอนั้นเป็นใคร ฉันยังไม่รู้เลย” เดรโกถามอย่างสงสัย
“แน่นอนเพราะฉันมีวงใน
ซึ่งก็คือเดฟนี โชคดีนะที่เธอรู้เรื่องปีเตอร์เยอะพอที่จะทำให้เราสืบข้อมูลได้”
เดรโกยังคงขมวดคิ้ว
ให้ตายสิถ้าเขาคิดว่าเดรโกจะยิ้มออกทันทีที่ได้ยินล่ะก็คิดผิดถนัด “แต่เขาถูกลบความทรงจำ”
“แล้วคิดว่าฉันเป็นเพื่อนกับใครล่ะ
แม่มดที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดในศตวรรษนะ
เฮอร์ไมโอนี่จัดการเรื่องคืนความทรงจำให้เขาอยู่
และเพราะว่ามันใช้เวลานานกว่าที่คิด ฉันไม่มีทางเลือกเลยต้องจัดการลากนายออกมาก่อนที่นายจะได้ทำพิธีกับแอสเทอเรีย
คิดดูสิจะยุ่งยากขนาดไหนถ้าตัวจริงของเธอกลับมา แล้วเธอทำพิธีผูกสาบานกับนายไปแล้ว”
เดรโกเลิกคิ้ว “พอตเตอร์ตามที่ฉันได้ยินมาดูเหมือนว่าแผนของนายนี้คือการใช้งานเดฟนีกับเกรนเจอร์นะ
ตกลงนายได้ทำอะไรบ้างนอกจากการลากฉันออกจากงาน ซึ่งขอบอกว่าดูไร้แผนสุดๆ”
“เฮ้” แฮร์รี่ประท้วง “ฉันไปตามหมอนั้นมาจากนิวยอร์คนะ
คิดว่าง่ายรึไง” ชายหนุ่มบ่นอุบ
“แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเกรนเจอร์ทำสำเร็จรึเปล่า”
เดรโกถามนิ่งๆ
แฮร์รี่พยักหน้า ใช่ “แต่มันไม่สำคัญหรอก
ยังไงเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ถึงจะสำเร็จหรือไม่เราก็ไม่มีสิทธิ์ปิดบังว่าเขาเป็นพ่อของเด็กในท้องแอสเทอเรียนะ”
เดรโกยกมือขึ้นกอดอกอย่างครุ่นคิด
“นายคิดว่าคุณกรีนกราสจะยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับมักเกิ้ลที่ไม่รู้จักเหรอ”
“ใช่
ถ้าเขารู้ว่าลูกสาวเขารักมักเกิ้ลคนนั้น เดมิทริส
กรีนกราสที่ฉันรู้จักไม่ใช่พ่อที่ใจร้ายไส้ระกำ
และหลงหัวปักหัวปำกับความเชื่อของสายเลือดบริสุทธิ์โดยทำร้ายหัวใจลูกสาวได้หรอกนะ
ที่จริงนายก็น่าจะรู้นี้เพราะฉันเชื่อว่าทั้งเดมิทริสทั้งลูเซียสเป็นพ่อประเภทเดียวกัน”
ดุข้างนอก แต่อ่อนข้างใจ แฮร์รี่พูดต่อในใจ โอเคเขาค่อนข้างจะแน่ใจกับเดมิทริส
กรีนกราส แต่กับลูเซียสเนี้ยเขาชักไม่แน่ใจเท่าไหร่ เขาอาจจะไม่ใช่มักเกิ้ล
แต่ถ้าให้จัดอันดับแล้วแฮร์รี่เชื่อว่าตัวเขาคงอยู่ในอันดับท้ายๆหรือบางทีคงต่ำกว่ามักเกิ้ลเสียอีกในสายตาของลูเซียส
มัลฟอย
เดรโกยกนิ้วมานวดขมับทันทีที่ได้ยินชื่อลูเซียสเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าเขายังมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการ
แฮร์รี่รีบยื่นมือไปจับมืออีกคนทันที เขาอยากให้เดรโกรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาจะอยู่ด้วยกัน เขาจะไม่ทิ้งเดรโกไปไหนเด็ดขาด
“พ่อต้องฆ่าฉันแน่ๆ” เดรโกพูดเบาๆ
ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ใช่สิ พ่อต้องฆ่านายแน่ๆ แล้วบังคับให้ฉันหาคนรักใหม่ แอสเทอเรียแต่งงานกับปีเตอร์ดูกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลยเมื่อเทียบกับการที่พ่ออนุญาตให้ฉันกับนายคบกัน”
“แสดงว่านายคิดจะคบกับฉันเหรอ”
แฮร์รี่อดถามออกมาไม่ได้ เขายิ้มจนแก้มเจ็บไปหมดแล้ว
เดรโกถอนหายใจ “ถ้านายยังคงซื่อบื้อคำตอบกำลังจะเปลี่ยนเป็นไม่แล้วนะพอตเตอร์”
แฮร์รี่ยิ้มกว้าง
แสดงว่าตอนนี้คำตอบคือใช่
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปกันเถอะ
เรายังต้องช่วยเดฟนีกล่อมท่านเดมิทริสนะ”
เดรโกหลับตาก่อนจะพยักหน้า “พระเจ้า
พวกเราต้องการน้ำยาฟีลิกซ์ ฟีลิซิส หรือไม่ก็โชค โชคดีเยอะๆเลยด้วย”
#######
ความคิดเห็น