ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Story in Reverse (HP/DM)

    ลำดับตอนที่ #12 : Strong Ties (ตอนจบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.55K
      207
      10 ก.พ. 59

    ตอนที่ 10: Strong Ties

    Being deeply loved by someone gives you strength, while loving someone deeply gives you courage - Lao Tzu

     

                    เมื่อเดรโกลืมตาขึ้นมาอีกครั้งทั้งเขาและพอตเตอร์ก็มาหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์มัลฟอย ชายหนุ่มหันไปมองหน้าคนข้างๆตัวที่ถึงตอนนี้ก็ยังกุมมือเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

                    “นายรู้ไหมจากประตูนี้ ไปถึงตึกใหญ่น่ะยาวขนาดไหน” เดรโกบ่นอุบพร้อมกับผลักประตูรั้วให้เปิด

     

                    “ก็ฉันไม่รู้นี้ว่าคฤหาสน์มัลฟอยจะยอมให้ฉันเข้าไปรึเปล่า” พอตเตอร์รีบตอบกลับ แต่ก็สาวเท้าตามเขามาเร็วๆ

     

                    เดรโกพยักหน้ากัดริมฝีปากไม่ให้พูดต่อว่าจริงๆแล้วน่ะพอตเตอร์ตั้งใจจะถ่วงเวลาใช่ไหมล่ะ เขารู้ว่าอีกคนตื่นเต้นขนาดไหน มือที่เขากุมอยู่นั้นทั้งเย็นทั้งชื้น ให้ตายสิถ้าเขาอยู่ในสถานะของพอตเตอร์เขาคงรู้สึกไม่ต่างกัน

                    ...ลักพาตัวเจ้าบ่าว แล้วมาส่งกลับบ้าน พร้อมกับจะต้องเจอกับทั้งครอบครัวเขาแล้วก็แอสเทอเรีย

                    โจทก์น้อยเสียเมื่อไหร่

     

                    พวกเขาเดินเงียบๆ เข้ามาจนถึงสวนเล็กที่เป็นส่วนของพิธีแต่งงาน เก้าอี้ของแขกทั้งหมดว่างเปล่า ทุกคนคงกลับกันไปแล้ว เดรโกคิดในใจพร้อมกับเงยหน้ามองฟ้าที่ตอนนี้มืดสนิท มีเพียงพระจันทร์ทอแสงนำทางพวกเขา และเมื่อเดินอีกนิดเดียวพวกเขาก็ถึงตึกใหญ่ เดรโกหันไปมองหน้าคนข้างๆตัว ก่อนที่พอตเตอร์จะพยักหน้าแล้วผลักประตูไม้หนาเปิดเข้าไป

                    ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้าไปในโถงใหญ่ เสียงตะโกนดังลั่นของคนที่กำลังทะเลาะกันก็ประทะเข้ามาในโสตสัมผัส เดรโกรีบหันไปมองหน้ามือปราบมารหนุ่มอย่างตกใจ

                   

                    “เสียงปีเตอร์...” พอตเตอร์กระซิบตอบ ก่อนจะทำตาโต แล้วรีบดึงมือเขาให้วิ่งตามเสียงนั้นไปทันที

                   

                    “ดะ..เดี๋ยวพอตเตอร์ ไม่ใช่แค่เสียงปีเตอร์ แต่นั้นเป็นเสียงท่านเดมิทริสกับพ่อฉันด้วย” เดรโกพูดขณะที่ขายังคงวิ่งไม่หยุด ภาวนาให้พอตเตอร์เป็นมือปราบมารที่ดีพอที่จะใช้คาถาป้องกันได้ หากสองคนนั้นคิดจะหันไม้กายสิทธิ์มาใส่พอตเตอร์

                    มือของพอตเตอร์บีบมือเขาเบาๆเป็นการตอบรับ บ่งบอกว่าเจ้าตัวเข้าใจสิ่งที่เขาตั้งใจจะสื่อ

     

                    “ฉันจะระวังตัวนะ แต่ในนั้นมีมักเกิ้ลกับพ่อมดสองคนที่โกรธมาก แล้วพ่อนายก็ไม่ใช่พวกที่เห็นอกเห็นใจมักเกิ้ล...”

     

                    “ฉันเข้าใจพอตเตอร์” เดรโกพูดแทรกขึ้น เขารู้ว่าพ่อเขาเป็นยังไง

     

                    พวกเขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นอย่างหวั่นๆ พอตเตอร์กำไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น ส่วนมืออีกข้างก็ยังกุมมือเขาไว้ไม่ปล่อย และทันทีที่ทุกคนในห้องเห็นพวกเขาเสียงตะโกนก็หยุดลงชั่วขณะก่อนจะดังขึ้นอีกครั้ง

     

                “พอตเตอร์ปล่อยมือลูกฉันเดี๋ยวนี้--

                “แอสเทอเรียในเมื่อเจ้าบ่าวของลูกก็กลับมาแล้ว--

                “พ่อจะบ้าเหรอ น้องรักมักเกิ้ลขนาดไหน—“

                “เดฟนีถ้าลูกคิดจะ—“

                “เดรโก—“

     

                    “ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้” เสียงพอตเตอร์ตะโกนดังลั่น ทำให้ทุกคนที่กำลังตะโกนใส่หันหยุดนิ่งหันมามองมือปราบมารหนุ่ม

     

                    “ผมว่าเราควรเริ่มจากให้คนหน้าใหม่แนะนำตัวดีไหมครับ เพราะยังไงพวกเราเจ็ดคนก็รู้จักกันอยู่แล้ว” พอตเตอร์พูดต่อ และเจ็ดคนหมายถึงทุกคนในห้องนี้ ครอบครัวเขา ครอบครัวแอสเทอเรีย และพอตเตอร์ แต่ยกเว้นปีเตอร์

     

                    “ไม่ได้อยากจะรู้จักนายนักหรอกนะพอตเตอร์” พ่อเขารีบพูดแทรกด้วยน้ำเสียงแสนจะรังเกียจ ทำให้เดรโกปวดหัวตุบ ให้ตายสิ!

     

                    “ที่จริงผมก็ไม่ได้—“

     

                    “พอตเตอร์” เดรโกรีบส่งเสียงดุ หมอนั้นจะบ้ารึไง แค่นี้พ่อเขายังโกรธไม่พอรึไง พอตเตอร์กลอกตาแต่ก็ยอมปิดปาก

     

                    “และในฐานะผมเป็นคนเดียวในห้องนี้ที่จะสาปใครก็ได้โดยไม่โดนจับ...ผมขอเสนอให้ทุกคนเงียบ แล้วให้ปีเตอร์พูด”

     

                    ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลมองไปรอบๆห้องประหม่าเมื่อเห็นว่าทุกคนหยุดเงียบแล้วก็จ้องมองเขา เดรโกรู้สึกเห็นใจชายหนุ่มขึ้นมาครามครัน ถ้าสิ่งที่พอตเตอร์บอกเขาเป็นเรื่องจริง ปีเตอร์ ฟิงก์ เพิ่งได้รับความทรงจำกลับคืนมา แถมคงเพิ่งรู้ด้วยว่าแฟนสาวของเขาเป็นแม่มด เดรโกอดชื่นชมชายหนุ่มที่ยังทำหน้าปกติอยู่ได้ คนที่เขาเป็นห่วงกลับเป็นแอสเทอเรีย หญิงสาวดูหน้าซีด ที่จริงเขาไม่เห็นเธอพูดอะไรออกมาเลยตั้งแต่เขาเดินเข้ามานี้ เธอทำแค่ยืนข้างๆปีเตอร์ แล้วมองหน้าเขาเหมือนตัวเองกำลังฝันไป

     

                    “เอ่อ...สวัสดีครับ ผมปีเตอร์ ฟิงก์ ผมเป็นอาจารย์สาขาวรรณคดีอังกฤษครับ” ปีเตอร์เริ่มพูดออกมาแล้วมองทุกคนในห้อง

                    “ผมคิดว่า..เอ่อ...ผมคงเป็นแบบที่พวกคุณเรียกว่ามักเกิ้ลใช่ไหม” ปีเตอร์ถามอย่างไม่แน่ใจ แต่แล้วก็ยักไหล่ก่อนจะพูดต่อ

                    “จะเรียกผมว่ายังไงก็ได้ แต่สุดท้ายสิ่งเดียวที่สำคัญก็คือผมเป็นคนรักของแอสเทอเรีย”

     

                    “ใช่ค่ะพ่อ เขาไม่ใช่นักฆ่าหรือมาเฟียหรืออะไรทั้งนั้น” เดฟนีพูดเมื่อเห็นว่าเดมิทริสหรี่ตาอย่างไม่เชื่อ

                    “ที่พ่อเห็นเขาด้อมๆมองๆในป่า เพราะเขาตั้งใจมาพบกับน้อง”

     

                    คุณกรีนกราสทำหน้าตกใจ “ลูกรู้เรื่องตั้งแต่แรก

     

                    เดฟนียักไหล่ “ก็ใช่ค่ะ หนูกับน้องสนิทกันจะตายไป”

     

                    “แล้วลูกไม่คิดจะบอกพ่อสักนิดเลยรึไง” ชายสูงวัยขึ้นเสียง

     

                    “บอกแล้วพ่อจะทำอะไรล่ะคะ พ่อจะเอาน้องไปขังไว้ หรือจะบังคับให้แต่งงานกับเดรโกหรือไงคะ” เดฟนีกอดอกแล้วถามกลับ ตอนนี้เธอขึ้นมายืนอยู่หน้าปีเตอร์กับแอสเทอเรียเหมือนกำลังจะปกป้องทั้งสองคนเอาไว้

     

                    “นะ...หนูขอร้องพี่เขาเอาไว้ด้วยค่ะพ่อ” แอสเทอเรียพูดออกมา เสียงหวานของเธอสั่นน้อยๆ แต่ในแววตานั้นกลับเต็มไปด้วยความกล้าหาญ แวบหนึ่งที่เธอหันกลับไปมองชายที่ยืนอยู่ข้างตัวเดรโกก็เห็นว่าหญิงสาวยิ้มออกเป็นครั้งแรก รอยยิ้มจริงๆที่แสนงดงามของแอสเทอเรียที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกแล้ว

                    “หนูรักพ่อนะคะ หนูไม่เคยอยากทำให้พ่อเสียใจเลย” แอสเทอเรียพูดต่อเสียงเศร้า “แต่หนูก็รักปีเตอร์ด้วยเหมือนกัน เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลยสักนิด เขาแค่ไม่ใช่ผู้วิเศษเท่านั้นเอง”

     

                    “ซึ่งมันหมายความว่าลูกต้องเลือกว่าจะทำยังไง เขาต้องอยู่ในโลกผู้วิเศษ หรือไม่ลูกก็ต้องออกไป” คุณกรีนกราสขึ้นเสียง ก่อนจะถอนหายใจดัง

                    “พ่อจะทำใจได้ยังไงถ้าลูกไม่อยู่ใกล้ๆ”

     

                    “เอ่อ คือผมอยู่กับพวกคุณก็ได้ถ้าหมายความว่าคุณจะยอมให้แอสเทอเรียคบกับผม” ปีเตอร์พูดขึ้นมา

     

                    “นายจะไปรู้อะไรฮึ นายเพิ่งรู้ว่าแอสเทอเรียเป็นแม่มดไม่ถึงหกชั่วโมงเลย” เดมิทริส กรีนกราสชี้หน้าชายหนุ่มที่บังอาจแทรกเขา เดรโกอยากจะวิ่งเข้าไปห้ามก่อนที่อะไรจะลุกลามไปกว่านี้ แต่มือของคนข้างๆตัวเขากลับรั้งเขาเอาไว้แน่น พอตเตอร์ส่ายหน้าห้ามไม่ให้เขาไป

     

                    “แต่ผมรู้จักกับแอสเทอเรียมาเป็นปีๆ และผมรู้ว่าผมไม่อยากจะอยู่ที่ไหนก็ตามถ้าไม่มีเธอ” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพูดเสียงแข็ง

                    “แล้วโลกผู้วิเศษอะไรนี้มันอยู่ยากสักเท่าไหร่กันเชียว ก็แค่ทุกอย่างมีเวทมนตร์ไม่ใช่หรือครับ คุณแม่มดคนที่คืนความทรงจำให้ผมเขาช่วยอธิบายให้ผมฟังถึงกฎการรักษาความลับแล้ว ผมแค่ไม่ไปพล่ามกับใครถึงการมีตัวตนของพวกคุณ หรือทำให้ใครรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ แค่นั้นผมก็อยู่ในโลกนี้ได้แล้วไม่ใช่หรือ”

                    “ให้โอกาสผมกับแอสเทอเรียเถอะครับ”

     

                    “แล้วอีกอย่างนึงเขาเป็นพ่อของเด็กในท้องของแอสเทอเรียด้วย” เดฟนีทิ้งระเบิดลูกใหญ่ที่ทำให้ทุกคนหันมามองหญิงสาวเป็นตาเดียว “เอาล่ะ ในเมื่อรู้กันแล้ว คราวนี้พ่อจะยอมรับเขาได้รึยังคะ ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะค่ะว่าถ้าน้องคบกับเขาจะทำให้ตระกูลเรามีสายเลือดผสม เพราะตอนนี้เราก็มีหลานที่ว่าแล้ว คำถามก็คือพ่อรักสายเลือดของตัวเองมากกว่ารักลูกสาวหรือเปล่า”

     

                    เดรโกยกมือขึ้นมาปิดหน้า ให้ตายเถอะเดฟนี ถ้าบ้านเขารู้ว่าแอสเทอเรียท้องแล้ว คงไม่มีทางที่จะยอมให้เดรโกแต่งงานและยอมรับเป็นลูกสะใภ้

     

                    “เดรโกนี้ลูกรู้—“ ลูเซียสถามอย่างตกใจ ก็ไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะ การแต่งงานกับผู้หญิงที่รักคนอื่น กับการแต่งงานกับผู้หญิงที่กำลังท้องกับคนอื่นนี้มันต่างกันแบบฟ้ากับเหวเลยทีเดียว

     

                    “ผมรู้ครับ” เดรโกยอมรับ “แต่ผมรักแอสเทอเรียเหมือนกัน คือแบบน้องสาวน่ะ แล้วอีกอย่าง....” ชายหนุ่มชั่งใจ ในเมื่อความจริงจะเปิดเผยกันหมดวันนี้เขาเองก็เลือกเปิดความลับที่เก็บเอาไว้มาตลอดชีวิตเหมือนกัน

                    “น้องท้องมาก็ดีแล้ว เพราะในฐานะที่ผมชอบผู้ชาย การที่จะต้องทำอะไรกับผู้หญิงเพื่อให้บ้านเรามีคนสืบตระกูลมันค่อนข้างทำให้ผมลำบากใจมากๆเลยครับ”

     

                    ลูเซียส มัลฟอยยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกอ้าปากค้าง พร้อมมองตรงไปที่มือของเดรโกที่ยังคงจับมือของพอตเตอร์เอาไว้แน่น แล้วสูดหายใจลึกเหมือนเพิ่งเข้าใจว่าพอตเตอร์กับเขาเป็นอะไรกันขณะที่ทุกคนในห้องก็เงียบสนิท

                   

                    คนแรกที่ส่งเสียงขึ้นมาคือมารดาของเขา หญิงสาวส่งยิ้มให้กับทุกคนในห้อง “ดูเหมือนว่างานแต่งงานคงไม่มีแล้วนะคะ ทางเราคงไม่อยากรับลูกคนอื่นมาเป็นสายเลือด ส่วนทางคุณเดมิทริสก็คงไม่อยากมีลูกเขยเป็นเกย์นะคะ” เดรโกฟังแล้วต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ 

     

                    คุณกรีนกราสพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่มีงานแน่นอน แล้วแอสเทอเรีย เดฟนีกลับบ้าน!”

     

                    “ไม่ค่ะ หนูไม่กลับถ้าพ่อจะบังคับให้หนูทิ้งปีเตอร์หนูจะไม่กลับ พ่อก็รู้ว่าเขาเป็นพ่อของลูกหนู—“ แอสเทอเรียโวยวายเสียงดัง

     

                    “เออ เอาไอ้ปีเตอร์นั้นกลับไปด้วย คิดว่าฉันจะให้หลานไม่มีพ่อรึไง นี้กลับไปคุยว่านาย” ชายสูงวัยพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าของศาสตราจารย์หนุ่ม “จะดูแลลูกสาวกับหลานของฉันยังไง”

                   

                    ทันทีที่เดมิทริสพูดจบแอสเทอเรียก็โผกอดคนรัก ที่จนถึงตอนนี้ยังคงยืนนิ่งตั้งแต่รู้ว่าหญิงสาวท้อง เดรโกรู้ว่าทั้งคู่คงมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กันอีกมาก แต่เขาแน่ใจว่าทั้งคู่ต้องไม่เป็นไร เขาแน่ใจตั้งแต่เห็นวิธีที่ชายหนุ่มจับมือแอสเทอเรียเอาไว้ สายตาที่เขามองเธอ และตอนนี้ที่เขากอดเธอแน่นราวกับเธอเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นปีเตอร์จะไม่ทิ้งเธอไปไหนแน่นอน

                   

                    “อิจฉารึไง” เสียงกระซิบเบาๆทำให้เดรโกหันมามองคนข้างตัวบ้าง ตาสีเขียวนั้นเป็นประกาย พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้เขา ทำให้เดรโกรู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

                    “ไม่เห็นจะต้องอิจฉาเลย คิดว่าฉันจะไม่สู้ขนาดนั้นเพื่อนายเหรอเดรโก”

     

                    “สู้กับใครไม่ทราบพอตเตอร์” เสียงลูเซียสพูดขัด และเมื่อเดรโกหันไปมองรอบๆ ก็เห็นว่าทั้งห้องนี้เหลือแค่พวกเขากับพ่อแม่ ดูเหมือนบ้านกรีนกราสจะหายตัวออกไปกันหมดแล้ว

     

                    “เดรโก พ่อกับลูก มีเรื่องต้องคุยกันยาว ส่วนคนนอก” ลูเซียสพูดพร้อมมองตรงมาที่ชายหนุ่มข้างตัวเขา “ก็กลับไปซะ ถ้ายังไม่อยากโดนดี” พูดจบพ่อของเขาก็กระแทกไม้เท้าแรงๆลงกับพื้นเหมือนจะขู่

     

                    “คุณคะ นั้นแฮร์รี่ พอตเตอร์นะคะ” แม่ของเขาต้องรีบเข้ามาห้ามก่อนพ่อจะตัดสินใจว่าพอตเตอร์กลับไปไม่เร็วพอ และเสกคาถาใส่วีรบุรุษของโลกเวทมนตร์

     

                    “ก็เพราะมันเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์นั้นแหละ” ลูเซียสสะบัดตัวไม่ยอมให้นาร์ซิสซาร์เข้ามาปลอบ “ลูกชายฉันชอบผู้ชายนั้นไม่แย่เท่าไหร่ แต่ถ้าลูกฉันเข้าไปยุ่งกับพอตเตอร์ละก็ นั้นสุดยอดแห่งหายนะเลย”

     

                    “คุณก็เว่อร์ไป” นาร์ซิสซากลอกตา

     

                    “เดี๋ยว หมายความว่าพ่อโอเคเหรอที่ผมจะชอบผู้ชาย” เดรโกถามเสียงสูง

     

                    “เดรโก...” พ่อของเขาพูดเสียงอ่อนลง ตาสีเทาที่ปกติเย็นชากลับดูอบอุ่นเมื่อมองเขา พ่อเป็นอย่างนี้เสมอเวลาอยู่กับเขา

                    “ลูกก็คือลูกของพ่อเสมอ ไม่ว่าคนที่ลูกรักจะเป็นหญิงหรือชาย สำหรับพ่อมันไม่ได้สำคัญเลย”

     

                    “แล้วเรื่องทายาทของตระกูลล่ะครับ” เดรโกถามอย่างไม่แน่ใจ พ่อไม่ผิดหวังจริงๆหรือ แล้วถ้าอย่างนั้นที่เขาคิดมาตลอดนี้เขาเข้าใจผิดไปหรือ

     

                    พ่อมองเขาเหมือนกับเดรโกเพิ่งพูดอะไรที่ประหลาดสุดๆออกไป

                    “ก็ลูกไง แค่ลูกคนเดียวก็พอแล้ว”

     

                    คำตอบของพ่อทำให้เดรโกต้องก้มหน้าลงซ่อนน้ำตา เขาคิดว่าพ่อจะผิดหวัง แต่สิ่งที่พ่อบอกก็คือเขาต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาคือมัลฟอยคนเดียวที่พ่อต้องการ

     

                    “พ่อ...ไม่ได้ตั้งใจ...ถ้าที่ผ่านมาพ่อทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อกดดันให้ลูกมีหลาน พ่อแค่อยากให้ลูกมีความสุขเพราะวันที่พ่อมีความสุขที่สุดในโลกคือวันที่พ่อเห็นหน้าลูกเป็นครั้งแรก”

     

                    “ผม...ผมขอโทษครับที่ผมเข้าใจพ่อผิด” เดรโกพูดเสียงสั่นอย่างบังคับไม่ได้ เขากลัวมาตลอดถ้าวันไหนความลับนี้พ่อเขารู้ สายตาของลูเซียสที่มองเขาจะเปลี่ยนเป็นผิดหวัง แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย สายตาที่มองมาที่เขายังเต็มไปด้วยความอบอุ่นเหมือนทุกครั้งไม่มีผิด

     

                    “แล้วพ่อเชื่อว่าคนอย่างพอตเตอร์จะต้องทำให้ลูกไม่มีความสุข”

     

                    คำพูดนั้นทำให้คนข้างตัวเขารีบส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่พอใจ เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าพอตเตอร์อยู่ตรงนี้ด้วย แถมยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ดูท่าทางพ่อเขาจะไม่ยอมง่ายๆ เหมือนอย่างที่พ่อยอมรับตัวตนของเขา

                    “เฮ้ คุณหมายความว่ายังไง”

     

                    “นายรู้อะไรเกี่ยวกับลูกชายฉันบ้าง นายรู้ไหมว่าหนังสือที่เดรโกชอบอะไร นายรู้ไหมว่าเวลาว่างลูกชายฉันทำอะไรบ้าง แล้วนายจะเข้ากับเพื่อนของเดรโกได้รึไง”

     

                    เดรโกหันไปมองคนข้างตัวที่ตอนนี้หรี่ตามองพ่อเขา พอตเตอร์ดูไม่สะทกสะท้านเลย ที่จริงเขาสงสัยไม่แพ้พ่อ สำหรับพวกเขาแล้วมีเรื่องหลายเรื่องเหลือเกินที่ยังไม่ได้รู้จักกัน เขากับพอตเตอร์ไม่ใช่ปีเตอร์กับแอสเทอเรีย พวกเขาแค่กำลังเริ่มต้น เขายังไม่เคยได้เดทกันด้วยซ้ำ เขาควรจะลองเอาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อไปเสี่ยงกับความรู้สึกที่มีให้พอตเตอร์หรือ

                   

                    “ผมรู้สิ ตอนนี้หนังสือที่เขาชอบที่สุดคือกลเกมส์การเล่นแร่โดยโรเบิร์ต ฮาร์นควิซ ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเขามีเวลาว่าง แต่ทุกครั้งที่ว่างเขาจะชอบอยู่บ้านอ่านหนังสือหรือไม่ก็ดูเกมส์ควิซดิซของทีมฟาลคอนย้อนหลัง แล้วผมก็เคยเจอเพื่อนเขาแล้ว ผมอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนซี้กับทุกคนแต่ผมก็โตพอที่จะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ได้ และถ้าคุณคิดว่าผมคงอยู่ท่ามกลางเพื่อนเดรโกไม่ได้ก็ขอให้คุณไปถามคุณนายแครบว่าตอนงานวันเกิดแครบผมทำตัวแย่รึเปล่า” พอตเตอร์ตอบทุกคำถามก่อนจะหันกลับมามองหน้าเขา

                    “แล้วนาย ฉันเห็นนะว่ากำลังลังเล เดรโกห้ามเด็ดขาดนะ ถึงนายจะคิดว่าฉันไม่รู้จักนายเลยสักนิดหรือเรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย แต่ถ้าไม่มีโอกาสเราก็ไม่มีวันได้เป็นอะไรกันสิ นายเองก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอเดรโก”

     

                    เดรโกมองพอตเตอร์ก่อนจะเหลือบตามองพ่อของตัวเอง แล้วพยักหน้า

                    ...ก็ใช่...เขาก็ปฏิเสธได้ยังไง

                    “พ่อครับ...ให้ผมได้ลองกับเขานะครับ”

     

                    “แต่มันเป็นพอตเตอร์นะ มันเกลียดบ้านเราจะตาย แล้วลูกลืมแล้วรึไงว่าใครทำให้ลูกเกือบตายตอนที่ลูกอยู่ปีหก” พ่อของเขาขึ้นเสียง “พ่อจะให้ลูกไปคบกับคนที่เคยคิดจะฆ่าลูกได้ยังไง”

     

                    เดรโกอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าพ่อจะจำเรื่องนี้ได้ มือของพอตเตอร์ที่จับเขาอยู่เย็นขึ้น

                    “คิดว่าผมไม่เคยอยากให้เขาตายรึไง ตอนที่เขาทำให้พ่อต้องไปอยู่ในคุกผมโกรธเขาขนาดไหนพ่อก็รู้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเขามันเปลี่ยนไปแล้ว คนเราเปลี่ยนกันได้นะครับ มันไม่ยุติธรรมนะครับถ้าพ่อจะตัดสินเขาจากเรื่องที่เขาทำในอดีต”  

     

                     ลูเซียส มัลฟอยยืนนิ่ง ก่อนจะเดินมาหยุดหน้าพวกเขาสองคน

                    “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนายพอตเตอร์” พ่อพูดเสียงเขียว

     

                    “พ่อครับ ผมไม่ให้เขากับพ่ออยู่ด้วยกันลำพังหรอก ถ้าพ่อสาปเขาพ่อจะต้องเข้าคุกนะครับ” เดรโกรีบห้าม “นี้แฮร์รี่ พอตเตอร์นะครับ ถึงพ่อจะเกลียดเขาขนาดไหนพ่อก็ทำไม่ได้นะครับ”

     

                    “ใช่ค่ะคุณ อีกอย่างก่อนจะเข้าคุกคุณจะโดนพอตเตอร์จัดการก่อนน่ะสิคะ เขาเป็นมือปราบมารนะคะ” แม่ก็รีบมาห้ามพ่อด้วย

     

                    “โอ๊ย ฉันไม่ทำหรอกน่า คิดว่าฉันอยากกลับไปอยู่อัซคาบันขนาดนั้นเลยรึไง!” พ่อของเขาถอนหายใจแรงก่อนจะกลอกตา “ฉันแค่อยากคุยเฉยๆ”

     

                    “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่าเดรโก” พอตเตอร์หันมามองหน้าเขาที่ยังคงไม่ค่อยแน่ใจว่าการคุยกับพ่อเขาตามลำพังจะเป็นความคิดที่ดีสักเท่าไหร่ ถึงพ่อจะบอกว่าไม่ทำอะไรพอตเตอร์ก็เถอะ แต่พ่ออาจจะสั่งให้เอลฟ์ประจำบ้านทำอะไรบ้าๆก็ได้ อย่างใส่ยาพิษในชาของพอตเตอร์

                    “แล้วถ้านายเป็นห่วงว่าฉันจะเป็นอะไรจริงๆ” พอตเตอร์พูดพร้อมกับมองหน้าเขาอย่างมีนัย หมอนั้นกำลังคิดอะไรบ้าๆอยู่แน่ๆ

                    “ก็ต้องขอจูบลาแล้วล่ะ ใช่ไหมล่ะเดรโก” ชายหนุ่มผมดำพูดแล้วรั้งร่างเขาเข้ามาในอ้อมกอดโดยที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะประกบริมฝีปากกับเขา จูบครั้งนี้ไม่ได้เต็มไปด้วยความกลัวหรือความสิ้นหวังเหมือนจูบแรกของพวกเขา แต่มันคือสัญญาที่พอตเตอร์ส่งมาบอกเขาว่าหมอนั้นจะต้องกลับมาทำแบบนี้อีกครั้ง เพราะฉะนั้นครั้งนี้มันถึงสั้นและรวดเร็ว

                    ชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้เขา ก่อนจะเดิมตามพ่อของเขาที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะฆ่าพอตเตอร์ให้ได้จริงๆเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ ทิ้งให้เดรโกยืนมองตามอย่างเป็นห่วง และภาวนาว่าขอให้เรื่องทั้งหมดจบด้วยดีด้วยเถอะ

     

    ####

     

                    “นั่งลงสิพอตเตอร์” ลูเซียส มัลฟอยพูดเสียงเย็นเมื่อพวกเขาเข้ามาถึงในห้องอ่านหนังสือแล้ว ชายผมทองนั่งไขว่ห้างบนโซฟาหนังเก่าแก่กลางห้อง และผายมือไปที่โซฟาอีกตัวที่ประจันหน้ากัน แฮร์รี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตาม ถึงเขาจะแน่ใจว่าเขาเอาชนะลูเซียส มัลฟอยได้ง่ายๆหากเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ไม่อยากใช้กำลังกับพ่อของเดรโก เขารู้ว่าชายตรงหน้าสำคัญกับคนที่เขารักแค่ไหน

     

                    “ไม่คิดเลยเจอหน้านายอีกทีจะมาเป็นเรื่องนี้” ลูเซียสพูดยิ้มๆ แต่สายตานั้นเย็นเยียบ

     

                    “เหมือนกันเลยครับ คิดว่าเจออีกทีจะเป็นผมจับคุณเข้าคุกซะอีก” แฮร์รี่พูดออกมาก่อนจะยั้งตัวเองทัน แหมก็ระหว่างเขากับลูเซียสนี้มีเรื่องเยอะยิ่งกว่าระหว่างเขากับเดรโกเสียอีก

     

                    ชายผมทองหรี่ตามองเขา “งั้นเข้าเรื่องเลยละกัน ฉันอยากให้นายหยุดเรื่องระหว่างนายกับเดรโกซะ”

     

                    “น่าประหลาดใจนะครับที่คุณบอกว่าคุณอยากให้เดรโกมีความสุข แต่คุณกลับบอกให้ผมทำสิ่งที่ผมรู้ว่าจะทำให้เขาเสียใจซะอย่างนั้น”

     

                    “เสียใจตอนนี้ดีกว่าฉันต้องเห็นลูกชายฉันต้องเสียใจหลังจากที่คบกับนายนานกว่านี้ ตอนนี้ฉันรู้ว่าระหว่างพวกนายยังไม่ได้เป็นอะไรกันมาก ไม่อย่างนั้นคนอย่างนายไม่ยอมให้ยืดเยื้อจนถึงงานแต่งหรอก นายคงบุกมาที่นี่ตั้งแต่วันที่ประกาศ หรือไม่ก็คงให้เดรโกถอนหมั้นตั้งแต่แรก”

     

                    “คุณไม่ได้ยินที่เดรโกบอกคุณรึไง เขาชอบผมนะครับ แล้วผมก็ชอบเขา ผมไม่เข้าใจว่าคุณจะอยากให้ผมเดินออกไปทำไม ถ้ามันเป็นเพราะเรื่องที่ผมเคยทำร้ายเดรโก ใช่ผมรู้ว่าที่ผมทำน่ะมันผิด แต่ทุกคนทำผิดพลาดกันได้ คุณลองบอกสิว่าคุณไม่เคยทำให้เดรโกเสียใจ” แฮร์รี่ถามกลับ เขาไม่ยอมหรอกนะ

     

                    “แต่ฉันรักเขา และความรักที่ฉันให้เขามันก็เป็นแบบที่มัลฟอยมีให้กัน ซึ่งนายไม่สมควรได้ความรักนั้น เพราะนายไม่มีรักเขาได้แบบนั้น”

                    “นายรู้ไหมว่ามัลฟอยน่ะรักกันยังไง นายดูอย่างที่นาร์ซิสซาทำ เธอทรยศพ่อมดฝ่ายมืดที่มีพลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อคนที่เธอรัก หรืออย่างเดรโก ลูกชายฉันเลือกที่จะตกลงฆ่าดัมเบิลดอร์เพื่อคนที่เขารัก ความรักแบบมัลฟอยทำให้พวกเราเลือกที่จะทรยศ หักหลัง หรือทำอะไรเลวร้ายได้พอตเตอร์ และวันนึงนายจะเกลียดเดรโกเพราะเรื่องแบบนั้น ฉันไม่อยากเห็นเดรโกเจ็บ”

     

                    แฮร์รี่หยุดนิ่งและคิดตามที่ลูเซียสพูดก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

                    “แต่สำหรับผม ถ้าเขารักผม ผมจะไม่ปล่อยให้เขาต้องเลือกทำสิ่งที่เขาไม่ต้องการ” แฮร์รี่พูดอย่างหนักแน่น

                    “และผมจะทำทุกอย่างเพื่อเขา พวกคุณไม่ใช่แค่พวกเดียวที่ทำทุกอย่างเพื่อคนที่รักได้ ผมอาจจะไม่ได้รู้จักเดรโกนานเท่าคุณ ผมอาจจะไม่ได้รักเขาเท่าที่คุณรักเขา แต่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข ผมเดินทางไปครึ่งโลก ผมตามหาตัวผู้ชายที่ไม่จัก ผมมาอยู่ตรงนี้คุยกับคุณ คนที่ผมไม่ได้อยากเจอที่สุด เพื่อเขา”

                    “มันอาจจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เท่ากับการฆ่าใคร แต่มันคือหลักฐานว่าผมทำทุกอย่างที่ผมจะทำได้เพื่อเขา เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเลือก ...เพราะผมไม่อยากเห็นคนที่ผมรักต้องเจ็บปวด”

     

                    ลูเซียสนิ่งเงียบ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นหันหลังให้แฮร์รี่ “มีคนบอกว่านายเอาชนะโวลเดอร์มอร์ได้เพราะนายมีสิ่งที่เขาไม่มี นั้นคือนายรู้จักความรัก”

                    “เพราะฉะนั้นจงรักเดรโกให้เหมือนกับที่นายพูด และถ้าวันไหนนายทำให้ลูกของฉันเสียใจ นายจะได้รู้ว่าโวลเดอร์มอร์ไม่น่ากลัวเลยเมื่อเทียบกับฉัน”

     

                    แฮร์รี่มองหลังของลูเซียสแล้วยิ้มออกมา “คุณไม่คิดจะห้ามตั้งแต่แรกใช่ไหมล่ะ คุณแค่อยากทดสอบผม”

     

                    “และถึงตอนนี้นายก็ยังตกอยู่ โชคดีที่ฉันรักลูกมากกว่าที่ฉันเกลียดนาย”

     

                    ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ แล้วลุกขึ้น เอาเถอะเขารู้ว่าระหว่างเขากับลูเซียสไม่มีวันที่จะญาติดีกันง่ายๆอยู่แล้ว แต่แค่การที่ลูเซียสยอมให้เขาคบกับเดรโกโดยไม่ขัดข้องก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ที่จริงเขาคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องยุ่งกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนทั้งเขาและเดรโกประเมินความรักที่ลูเซียสมีให้ต่อลูกชายต่ำไปจริงๆ

    .

    .

    .

                    สามเดือนถัดมา

                    “ฉันตื่นเต้นจริงๆที่จะได้เห็นพิธีแต่งงานของผู้วิเศษแบบโบราณ ที่จริงฉันไปค้นคว้ามาด้วยนะ เวทมนตร์ที่ใช้ในการผูกพันคู่แต่งงานเข้าด้วยกันน่ะมีรากฐานมาจาก....” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อไปไม่หยุดแต่แฮร์รี่เลิกสนใจหญิงสาว และปล่อยให้รอนเป็นเหยื่อฟังเธอคุยคนเดียว ส่วนเขาชะเง้อมองหาร่างโปร่งที่ปกติไม่เคยมาสาย แต่กลับมาสายในวันสำคัญแบบนี้นะ

     

                    “มองหาเดรโกอยู่เหรอ เขาฝากฉันให้มาบอกว่าจะมาสายหน่อย ให้นายเข้าไปนั่งก่อนได้เลย” เดฟนีให้ชุดสีกุหลาบเดินมาพูดกับเขา ก่อนจะหันไปทักทายรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ ผมสีทองของเธอม้วนเป็นมวยหลวมๆ ใบหน้าสวยแต่งอ่อนๆ ข้อมือซ้ายของเธอประดับประดาด้วยดอกไม้บ่งบอกสถานะว่าเธอคือเพื่อนเจ้าสาว

     

                    “สายเหรอ วันนี้เนี้ยนะ” แฮร์รี่เสยผมอย่างประหม่า ตลอดเวลาที่คบกันเขาสิเป็นคนที่โดนเดรโกด่าทุกครั้งที่ไปเดทกันเพราะเขามักจะมาสายเป็นประจำ และหมอนั้นก็เป็นพวกตรงเวลาเป๊ะๆ แต่เวลาแบบนี้หมอนั้นกลับมาสายเนี้ยนะ ให้ตายสิอีกแป๊บเดียวพิธีจะเริ่มแล้วด้วย แล้วเขาจะทำยังไงล่ะ

     

                    “ใช่ สาย เอาล่ะขอฉันไปหาหนุ่มๆก่อนนะพอตเตอร์ เพราะหลังจากที่บ้านเรายกเลิกงานแต่งสองหนติดๆก็มีข่าวลือว่าบ้านกรีนกราสต้องสาป ไม่มีใครมาจีบฉันเลย” เดฟนีพูดจบก็กรีดกรายเข้างานไป ทิ้งให้แฮร์รี่ส่ายหน้า โธ่ ถ้าเธออยากหาแฟนเขาจะแนะนำมือปราบมารให้สักคน มีแต่คนอยากรู้จักลูกสาวคนสวยของเดมิทริส กรีนกราส

     

                    ทั้งสามคนยืนคุยกันจนกระทั่งเสียงเพลงที่บ่งบอกว่าพิธีกำลังจะเริ่มนั้นแหละพวกเขาถึงได้รีบเข้างานไป โดยมีเฮอร์ไมโอนี่เร่งยิกๆเพราะเธอไม่อยากจะพลาดพิธีแต่งงานนี้ เธอจะเปรียบเทียบสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เธออ่าน แฮร์รี่หวังว่าเธอคงศึกษาเผื่อเอาไปใช้กับงานของเธอบ้าง และดูเหมือนรอนเองก็หวังอย่างเดียวกัน

                    เขาปล่อยให้เพื่อนทั้งสองคนเดินเข้าไปนั่งส่วนเขายังคงรออยู่ข้างหลัง แต่เมื่อทุกคนนั่งลงแฮร์รี่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินขึ้นไปที่แท่นพิธีคนเดียว

                    เมื่อมาถึงเขาก็มองหน้าเดฟนีที่ยืนอยู่อีกฝั่งในด้านของเจ้าสาว เธอส่งยิ้มมาให้เขาอย่างเห็นใจก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนเจ้าสาวอีกคนต่อ แต่แล้วร่างโปร่งก็โผล่ออกมาจากซุ้มดอกไม้ ขายาวๆของเดรโกรีบพาเจ้าของร่างนั้นมาถึงแท่นพิธีก่อนจะถึงเวลาได้ทัน

     

                    “นายสายนะ” แฮร์รี่พูดเบาๆ ตามองชุดสูทสีเข้มของคนข้างตัว เขาน่าจะชินแล้วเวลาที่เห็นเดรโกแต่งตัวดีๆแบบนี้ แต่ทุกครั้งก็ทำให้เขาใจเต้นได้ตลอด ไม่ใช่สิอะไรทุกอย่างที่เดรโกใส่ก็ทำให้เขาใจเต้นได้ทั้งนั้น แฮร์รี่คิดถึงครั้งแรกที่เขาเห็นเดรโกใส่สกินนี่ยีนส์แล้วยิ้มออกมา หรือว่าเสื้อยืดธรรมดา หรือเวลาที่ไม่ใส่เสื้อผ้าเลย

                   

                    “แล้วนายก็กำลังคิดอะไรลามกอยู่ใช่ไหมพอตเตอร์” เดรโกกระซิบตอบกลับ ริมฝีปากข้างหนึ่งยกขึ้น ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้หน้าแฮร์รี่ร้อนขึ้นมากกว่าเดิม

     

                    “เมื่อไหร่จะเรียกฉันว่าแฮร์รี่สักที เราเดทกันมาหลายเดือนแล้วนะ” แฮร์รี่บ่นเบาๆ แล้วก็ต้องเงียบเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นจังหวะบ่งบอกว่าพิธีกำลังเริ่มจริงๆแล้ว ทันทีที่เพลงจบร่างสูงโปร่งของปีเตอร์ ฟิงก์ก็เดินเข้ามา ชายหนุ่มดูต่างจากครั้งแรกที่แฮร์รี่เห็นไม่น้อย แววตาดูมีความสุขไม่เหมือนคนเดิมเลย การมาใช้ชีวิตในโลกผู้วิเศษดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับชายหนุ่มเลย เขาปรับตัวได้ดีจากที่แฮร์รี่ได้ยินนะ

     

                    “ขอบคุณครับที่ตกลงมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว” ปีเตอร์พูดกับแฮร์รี่และเดรโกเบาๆเมื่อมาถึงแท่น ที่จริงชายหนุ่มขอบคุณเขาแล้วตั้งหลายรอบ เขารู้ดีว่าปีเตอร์คงเชิญเพื่อนในโลกมักเกิ้ลไม่ได้ เขาสองคนเลยเป็นตัวเลือกเดียวละมั้งที่ชายหนุ่มมี และแฮร์รี่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรกับการมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแบบนี้

     

                    เสียงดนตรีดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างของแอสเทอเรีย กรีนกราสที่ซุ้มดอกไม้ คุณกรีนกราสเป็นคนพาเธอมาส่งที่แท่นพิธี ท้องของเธอป่องออกมาอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนแทนที่จะปกปิดแอสเทอเรียกลับตั้งใจเลือกชุดที่โชว์ให้เห็นว่าเธอกำลังท้อง หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าปีเตอร์รอเธออยู่ที่แท่นพิธี

                    ...ในที่สุด...งานแต่งงานที่ควรจะเป็น ชายหนุ่มคิดในใจ งานแต่งงานที่ไม่ต้องมีใครกล้ำกลืนฝืนทน หรือเสียน้ำตา แต่เป็นงานที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความรัก

     

                    แฮร์รี่ยิ้มแล้วยื่นมือไปจับมือคนข้างตัวเอาไว้ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

                    ...เต็มไปด้วยความรักจริงๆด้วย...


    The End


    Note: จบแล้วจ้า กรี๊ด ขอโทษที่ดอง และขอบคุณทุกคนที่อ่านกันมาค่ะ ไม่อยากให้จบเลย เพราะฉะนั้นเราจะยังไม่ปิดเรื่อง ถ้าว่างเราอยากจะมาเขียนตอนพิเศษของเรื่องนี้

    เป็นเรื่องที่ตั้งใจเขียนสั้นๆแค่สิบตอบจบ แต่ก็กว่าจะจบได้ลากซะยาวเลย ><

    ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกคอมเมนต์ ทุกเฟเวอร์ริท และทุกคนที่อ่านจริงๆ คุยกันได้นะคะว่าชอบไม่ชอบอย่างไร เราอ่านทุกคอมเมนต์เน้อ

    เจอกันเรื่องใหม่นะคะ :))

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×