ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Love and Revenge...ด้วยรักและอาฆาต บทที่ 2
10 SEPT 2011
ชี้แจงก่อนอ่าน
เนื่องจากเรื่องนี้กำลังจะตีพิมพ์เป็นรูปเล่มนะคะ จึงได้ลบ "ภาึคสอง: ด้วยอาฆาต" ซึ่งเป็นครึ่งหลัง ตั้งแต่บทที่ 11 เป็นต้นไปออกทั้งหมด เพื่อทำตามข้อตกลงของสนพ. ค่ะ ดังนั้นจะเหลือเพียง "ภาคหนึ่ง: ด้วยรัก" ให้อ่านเท่านั้นค่ะ
พิเศษ! ในแบบรูปเล่ม จะมีตอนพิเศษของพิเศษเป็นเซอร์ไพรส์ให้อ่านกันด้วยนะคะ
ยังไงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แล้วถ้าได้หน้าปก หรือรายละเอียดเรื่องมาแล้ว จะมาอัพเดตให้ได้ชมกันค่ะ
มิถุนา
Love and Revenge...ด้วยรักและอาฆาต บทที่ 2
ชี้แจงก่อนอ่าน
เนื่องจากเรื่องนี้กำลังจะตีพิมพ์เป็นรูปเล่มนะคะ จึงได้ลบ "ภาึคสอง: ด้วยอาฆาต" ซึ่งเป็นครึ่งหลัง ตั้งแต่บทที่ 11 เป็นต้นไปออกทั้งหมด เพื่อทำตามข้อตกลงของสนพ. ค่ะ ดังนั้นจะเหลือเพียง "ภาคหนึ่ง: ด้วยรัก" ให้อ่านเท่านั้นค่ะ
พิเศษ! ในแบบรูปเล่ม จะมีตอนพิเศษของพิเศษเป็นเซอร์ไพรส์ให้อ่านกันด้วยนะคะ
ยังไงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แล้วถ้าได้หน้าปก หรือรายละเอียดเรื่องมาแล้ว จะมาอัพเดตให้ได้ชมกันค่ะ
มิถุนา
Love and Revenge...ด้วยรักและอาฆาต บทที่ 2
เวลาหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว ผ่านพ้นงานศพของบิดามากว่าหนึ่งเดือนแล้ว และชนาธิปกำลังจะกลับบ้าน...บ้านที่แท้จริง
เขาลากกระเป๋าล้อเลื่อนเดินเข้าไปในบ้าน ตวงพรรออยู่ก่อนแล้ว เธอยังคงสวมชุดสีดำไว้ทุกข์ เขานิ่วหน้าไม่ชอบใจ สีดำทำให้แม่ดูหม่นหมอง เขาไม่อยากให้แม่เศร้าเสียใจนานเกินไป ชีวิตต้องดำเนินต่อไป แม่ควรจะเลิกสวมชุดดำได้แล้ว เขาจะต้องบอกแม่
“ยอดกลับมาแล้ว” เธอวิ่งมากอดเขาด้วยความคิดถึง เมื่อไม่มีสามี ชนาธิปจึงเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ เธอยังคงโศกเศร้าจากการตายของภูมิ แต่ก็ดีกว่าเดิมมาก นอกจากเวลาจะช่วยเยียวยา สองพ่อลูกบ้านสิริกุลก็ช่วยบรรเทาทุกข์โดยการอยู่เคียงข้างในยามที่เธอไม่มีใคร
“ครับแม่ ผมกลับมาแล้ว” เขายิ้มอ่อนโยนให้มารดา “กลับมาตลอดไป” แต่ยังมีบางอย่างที่เขาต้องสะสาง
หลังจากจัดการงานศพบิดาเรียบร้อย ชนาธิปก็บินกลับอเมริกาเพื่อจัดการงานที่เหลืออยู่ให้เสร็จสิ้น จะได้กลับเมืองไทยโดยเร็วที่สุด เขายังคงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจอย่างมิดเม้น สมองคิดหาทางล้วงเอาความจริงมาจากสาโรจน์ ผู้ซึ่งเขาเข้าใจว่าอยู่เบื้องหลังการตายของบิดา และเขาก็บังเกิดความคิดที่ดีสำหรับเขา แต่อาจจะร้ายกาจสำหรับคนอื่น
เขารู้ว่าสาโรจน์จะไม่ยอมพูดออกมาเอง และเขาก็ไม่มีหลักฐานมาบีบให้สาโรจน์พูด แต่เขาเชื่อว่าสาโรจน์จะต้องพูด ถ้าเขาดึงปรรณนภัสเข้ามาเกี่ยวข้อง
เขาวางแผนการเกี่ยวกับปรรณนภัส ตั้งใจจะใช้เธอเป็นเครื่องมือ อาจฟังดูโหดร้ายสำหรับปรรณนภัสเพราะเธอไม่เกี่ยวข้อง เว้นเสียแต่ว่าเกิดมาเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของสาโรจน์ แต่เขาไม่มีทางเลือก สาโรจน์รักลูกสาวมาก คงจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ เขาเพียงต้องใช้ปรรณนภัสเพื่อเข้าถึงสาโรจน์...ปรรณนภัสที่มักจะโอนอ่อนเข้าหาเขา...
สาโรจน์จะต้องยอมพูด และถ้าสาโรจน์ไม่เกี่ยวข้องกับการตายของพ่อ เขาก็จะปล่อยสาโรจน์ไป และยอมรับว่าพ่อเสียชีวิตเพราะโรคภัยจริงๆ รวมทั้งยอมรับว่าการโอนกรรมสิทธิในโรจนาภูมิเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย
ถ้าสาโรจน์คิดไม่ซื่อกับพ่อ คงจะแทบคลั่งเมื่อเห็นเขาเข้ามาทำความรู้จักสนิทสนมกับแม่นางฟ้าตัวน้อย...ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน ความผิดแผกของเขาจะต้องทำให้สาโรจน์สงสัย สาโรจน์จะต้องทนไม่ได้
ไม่นานหรอก อีกไม่นานเขาจะได้รู้ความจริง
“นี่ตายอด!” ตวงพรตีแขนลูกชายเบาๆ เมื่อถามเกี่ยวกับการงาน แต่เขากลับทำหน้าเครียดไม่พูดไม่ตอบ “ใจลอยไปถึงไหน ไม่ฟังแม่พูดเลย”
“เอ้อ!” ชนาธิปกะพริบตา “อะไรนะครับแม่”
ตวงพรส่ายหน้า แต่ไม่ซักถามถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดของลูกชาย “แม่ถามว่ายอดไม่ต้องกลับไปอเมริกาอีกแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
“ครับ ถ้าจะกลับไปอีก ก็คงเป็นไปเที่ยว ไม่ก็ไปทำธุรกิจล่ะครับ”
“เมื่อวานลังของส่วนตัวของยอดมาถึงบ้านแล้ว มีแค่สี่ลังเองเหรอจ๊ะ” ลูกชายเธอไปอยู่อเมริกาตั้งแปดปี น่าจะมีข้าวของสะสมมากกว่านี้
“ยังมีอีกนิดหน่อยครับ แต่คงจะมาถึงช้า เพราะสี่กล่องนั้นผมส่งกลับมาก่อน” เขาไม่ค่อยเอาอะไรกลับมาเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือแล้วก็เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์กับของชิ้นใหญ่ๆ เขาขายทิ้ง ไม่ก็ยกให้คนอื่น เขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องขนของทั้งหมดกลับให้เปลืองค่าขนส่ง
“แม่ก็นึกว่ามีแค่นั้น ยอดไปอยู่ที่นั่นตั้งหลายปี ข้าวของก็น่าจะมากกว่านี้”
“ของที่ยังมาไม่ถึงไม่เยอะหรอกครับ แค่สองกล่องเอง”
ตวงพรพยักหน้า ก่อนจะบอกว่า “อ้อ! แม่ให้เด็กยกกล่องทั้งหมดเข้าไปไว้ในห้องนอนของยอดแล้ว แต่ยังไม่ได้เอาของข้างในออกมาจัด”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมจัดการที่เหลือต่อเอง แต่ผมคงจะต้องซื้อตู้หนังสือเพิ่มอีกสักตู้ ตู้เก่าในห้องคงไม่พอเก็บหนังสือที่ผมขนมา” หนังสือดีๆ ที่ซื้ออ่านที่นั่น เขาขนกลับมาแทบทุกเล่ม เขาทิ้งไม่ลง เพราะนอกจากจะรักหนังสือแล้ว ยังรู้ดีว่าบางเล่มหาซื้อที่เมืองไทยไม่ได้
“อืม...จ้ะ ในห้องยอดยังมีที่ให้ขยับขยายอีกมาก วางตู้เพิ่มอีกตู้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร...ว่าแต่ยอดขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะจ้ะ จะได้สบายตัว เสร็จแล้วลงมาข้างล่างนะ แม่จะให้เด็กจัดขนมกับกาแฟให้”
“ครับแม่ ผมจะรีบลงมาเลย วันนี้มีขนมอะไรครับ”
ตวงพรยิ้ม “ไปอาบน้ำเถอะจ้ะ ยอดลงมาถึงก็รู้เองแหละ” เธอไม่ยอมบอก สองมือดันลูกชายไปทางบันได
เขาหัวเราะ แต่ก็ยอมทำตามที่แม่สั่ง เดินแกมวิ่งขึ้นไปข้างบน
ตวงพรมองตามร่างสูงของลูกชายพลางส่ายหน้ายิ้มๆ
แม้จะสายเกินไปที่ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก แต่เธอดีใจที่ชนาธิปกลับคืนรัง
========================================================
ปรรณนภัสดีใจที่จะได้เจอหน้าชนาธิป และยิ่งดีใจมากขึ้นเมื่อเขาจะกลับมาอยู่เมืองไทยตลอดไป ในฐานะเพื่อนบ้านข้างเคียง เธอคงมีโอกาสได้เจอหน้าเขาทุกวัน
หญิงสาวเดินคู่ไปกับบิดา กำลังจะไปกินข้าวเย็นตามคำเชิญของตวงพร เพื่อฉลองการกลับมาของชนาธิป สองมือเล็กถือกล่องใส่เค้กที่ลงมือทำเองอย่างสุดฝีมือ เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบกินช็อกโกแลตแต่ชอบกินสตรอว์เบอร์รี่ จึงเลือกทำสตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้กเพื่อเขา และหวังเหลือเกินว่าเขาจะชอบมัน
เธอเคยมาบ้านชนาธิปหลายครั้ง ส่วนใหญ่มาเยี่ยมภูมิกับตวงพรมากกว่า แต่ไม่ค่อยได้แจอชนาธิปสักเท่าไหร่ เพราะเขาไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ถึงจะอยู่บ้าน เขาก็ไม่ค่อยสนใจเธอนักหรอก เขามักหลีกเลี่ยงเธอเป็นประจำ
ตวงพรและชนาธิปยืนรออยู่ก่อนแล้ว ตวงพรยิ้มต้อนรับสองพ่อลูก ส่วนชนาธิปยกมือไหว้สาโรจน์และยิ้มนิดๆ ให้เธอ
ตวงพรเดินเข้ามาหาปรรณนภัส และนำไปที่ห้องรับประทานอาหาร
“หอบอะไรมาจ๊ะเฟย์ กล่องเบ้อเริ่มเชียว” เธอถาม สายตาเหลือบแลกล่องสีขาวที่ปรรณนภัสประคองไว้ มองเห็นเค้กครีมขาวประดับผลสตรอว์เบอร์รี่จากฝากล่องซึ่งกรุพลาสติกใส
“สตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้กค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
“แหม...ท่าทางน่าอร่อย” แล้วตวงพรก็หันไปทางลูกชาย “เฟย์ทำเค้กอร่อยมาก ยอดคงยังไม่เคยได้ชิมฝีมือน้องสินะ เฟย์ชอบทำขนม แล้วก็แบ่งมาให้แม่...กับพ่อ” เธอกลืนน้ำลายเล็กน้อย ตาแดงฉ่ำขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อกล่าวถึงสามีที่เสียชีวิตไป
ชนาธิปเอื้อมมือไปกุมมือมารดาและบีบเบาๆ อย่างปลอบประโลม ก่อนจะตอบว่า “ยังเลยครับ ไม่เคยมีโอกาสสักที”
“ยอดกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว คงได้มีโอกาสชิมเค้กของเฟย์บ่อยๆ แน่”
“ดีครับ เป็นลาภปากของผม” เขาหันไปมองกล่องเค้ก เห็นว่าเป็นเค้กประดับสตรอว์เบอร์รี่ลูกโต ดวงตาสีดำเคลื่อนไปจับจ้องใบหน้าคนทำเค้กซึ่งยิ้มกว้างตอบ
“เฟย์ตั้งใจทำ...ฉลองการกลับมาของพี่ยอด” เธอบอก
“ขอบใจมาก เฟย์รู้ด้วยเหรอว่าพี่ชอบสตรอว์เบอร์รี่” เขาทัก
“ค่ะ” ปรรณนภัสตอบเสียงเบาพลางหลุบตาลง สองข้างแก้มเปลี่ยนเป็นแดงด้วยความเขินอาย นั่นเป็นครั้งแรกที่ชนาธิปจับความรู้สึกของเธอได้ มันทำให้เขาสนใจ
“เดี๋ยวป้าให้เด็กเอาเค้กไปแช่ตู้เย็นก่อน” ตวงพรรับกล่องเค้กมาจากปรรณนภัส แล้วส่งให้เด็กรับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “กินของคาวเสร็จค่อยกินของหวาน วันนี้ป้าให้เด็กทำอาหารไว้เยอะแยะเลย ส่วนใหญ่ของชอบของยอดทั้งนั้นแหละ แต่ก็มีไข่เจียวกุ้งสับของเฟย์ กับแกงไก่ของคุณสาโรจน์ด้วย” เธอไม่ลืมแทรกของโปรดของแขกทั้งสองในเมนูอาหาร
“ขอบคุณคุณป้ามากค่ะ” ปรรณนภัสกล่าว
“ขอบคุณมากคุณตวง อุตส่าห์คิดถึงเราสองพ่อลูก”
“ตวงยินดีค่ะ คุณสาโรจน์กับเฟย์คอยช่วยเหลือตวงอยู่เรื่อย” เธอไม่ได้ระบุลึกลงไปว่าตั้งแต่ภูมิตาย พวกเขาก็เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอมากขึ้น “นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ตวงจะทำให้ได้”
ชนาธิปรู้สึกว่าแม่สนิทสนมกับสองพ่อลูกมากกว่าเดิม หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดแม่นาน จึงทำให้ไม่ทราบความสัมพันธ์เหล่านี้ นั่นจะต้องเฝ้าดูกันต่อไป
เมื่อพวกเขานั่งกันเรียบร้อย เด็กรับใช้ก็ยกโถข้าวมาตักเสิร์ฟ จากนั้นพวกเขาลงมือกิน อาหารอร่อยถูกปาก บทสนทนาเป็นไปอย่างเรียบง่าย ผู้ดำเนินการสนทนาส่วนใหญ่เป็นตวงพรผู้เป็นเจ้าบ้าน ซึ่งคอยชวนคนโน้นคนนี้พูดคุยไม่ให้เหงา คนอื่นๆ ก็ตอบรับเธอแต่โดยดี ครั้นรับประทานอาหารคาวหมด ตวงพรก็บอกให้เด็กรับใช้ยกเค้กทั้งก้อนมาพร้อมกับมีด จาน และส้อม
เค้กครีมสีขาวนวลประดับสตรอว์เบอร์รี่สีแดงผลใหญ่ ดูน่ากินและชวนน้ำลายสอ ตรงกลางมีขนมปังกรอบเขียนด้วยครีมสีชมพูเป็นประโยคว่า ‘Welcome Back Home’ ทำเอาชนาธิปยิ้มออกมาน้อยๆ ในความละเอียดอ่อนของผู้ทำขนม
ตวงพรตัดเค้กเป็นเสี้ยวอย่างแม่นยำ เค้กชิ้นแรกที่มีแผ่นป้ายขนมปังกรอบถูกยกให้เจ้าของงานเลี้ยง เค้กชิ้นต่อมาเป็นของสาโรจน์และปรรณนภัส ส่วนเธอตัดให้ตัวเองเป็นลำดับสุดท้าย
“อร่อย” ชนาธิปเอ่ยชมสั้นๆ แต่ทำเอาคนทำเค้กยิ้มแก้มแทบปริ
“ขอบคุณค่ะพี่ยอด” ปรรณนภัสกล่าว ดวงตาสีน้ำตาลมองชายหนุ่มตักเค้กเข้าปากอย่างกระตือรือร้น
“ยังมีขนมอีกหลายอย่างที่เฟย์ทำอร่อย” ตวงพรโฆษณา “ระหว่างยอดไม่อยู่บ้าน แม่ก็มีเฟย์เป็นลูกสาวอีกคนนี่แหละ คอยเทียวไปเทียวมา มาเยี่ยมคนแก่อย่างแม่กับพ่อ...น่าเสียดายที่ตอนนี้พ่อของยอดไม่อยู่แล้ว” เธออดไม่ได้ที่จะพูดถึงสามี
“ภูมิไปสบายแล้วล่ะครับคุณตวง” สาโรจน์ปลอบ “เหลือแต่คุณกับผมต้องเฝ้าดูเด็กๆ เติบโต” สายตารักใคร่ทอดมองลูกสาว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ เขาก็ยังมองเธอเป็นเด็กเล็กๆ เสมอ
“นั่นสินะคะ” ตวงพรหันไปมองลูกชายซึ่งบัดนี้เติบโตเป็นหนุ่มสูงใหญ่และมีเค้าหน้าของภูมิเกือบทั้งหมดยกเว้นดวงตาสีดำเข้มซึ่งได้จากเธอ มันดูอ่อนหวานเมื่ออยู่บนหน้าเธอ แต่กลับดูแกร่งกร้าวเมื่ออยู่บนหน้าเขา ชนาธิปทำให้เธอภาคภูมิใจ เช่นเดียวกับสามีของเธอ แต่จะมีประโยชน์อะไรกับการจมจ่อมอยู่ในความโศกเศร้า เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ
“ว่าแต่เฟย์ไม่คิดจะเปิดร้านขนมหรือจ๊ะ ไหนๆ ก็เรียนจบคหกรรม แถมยังทำขนมอร่อยแบบนี้”
“นั่นสิ พ่อก็ว่าดีออก ดีกว่าไปหางานข้างนอก ทำงานงกๆ ให้คนอื่นเขาโขกสับ พ่อว่าเป็นเจ้านายตัวเองดีกว่านะเฟย์” และที่สำคัญ เขาจะเป็นห่วงเธอน้อยกว่าด้วย
“เฟย์...เฟย์...” ปรรณนภัสพูดตะกุกตะกักอย่างไม่มั่นใจ เธอก็เคยคิดเรื่องการทำร้านขนมอยู่เหมือนกัน แต่เธอกลัวว่าจะรับผิดชอบงานใหญ่ยักษ์ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนไม่ไหว
“ฝีมือดีขนาดนี้ ลูกค้าเต็มร้านแน่ ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เฟย์ปรึกษาพี่ได้นะ อยู่อเมริกา พี่ทำงานด้านที่ปรึกษาการวางแผนงานในธุรกิจต่างๆ พี่ให้คำแนะนำเฟย์ได้” ชนาธิปอาสา น้ำเสียงจริงใจ
หากสาโรจน์กลับไม่วางใจ ปรกติชนาธิปไม่ค่อยสนใจใยดีลูกสาวของเขา ออกจะรำคาญเสียด้วยซ้ำ แล้วนี่ทำไมถึงได้ออกปากจะช่วย เขาไม่อยากมองโลกในแง่ร้ายว่าชนาธิปกำลังจะใช้ปรรณนภัสเป็นเครื่องมือในการบีบคั้นเขา เขาไม่มีหลักฐาน แต่เขาจะไม่ปล่อยวาง
“จริงเหรอคะ” ดวงตาสีน้ำตาลของปรรณนภัสเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น ถ้ามีชนาธิปช่วยเหลือ เธอคงจะดีใจเป็นที่สุด
“จริงสิ เมื่อกี้พี่ก็บอกแล้วนี่” ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ
“พ่อคิดว่ายังไงคะ” ปรรณนภัสหันไปถามบิดา
“ก็ดีเหมือนกันนะ ยอดทำงานเก่ง คงจะช่วยเฟย์ได้มาก” สาโรจน์ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เพราะเขาเพิ่งสนับสนุนเธอไปหยกๆ จะมาห้ามเอาตอนนี้ก็คงถูกมองแปลกๆ “ถ้าเฟย์สนใจทำร้านขนมจริงๆ พ่อก็พร้อมจะสนับสนุน”
“งั้น...งั้นเฟย์จะลองปรึกษากับพี่ยอด” ปรรณนภัสตัดสินใจแบบก้าวกระโดด เธอไม่เคยคิดเร็วขนาดนี้มาก่อน คงเพราะรู้ว่ามีชนาธิปรออยู่ข้างหน้า เธอเลยจะโจนเข้าใส่เต็มที่
“เอาเลยเฟย์ ได้ความยังไงมาบอกพ่อ พ่อจะเตรียมเป็นนายทุนใหญ่ให้”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
สาโรจน์ลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู และเมื่อเหลือบตาขึ้น ก็พบกับดวงตาสีดำแฝงประกายหมายมั่นของชนาธิป เขาชะงักไปเล็กน้อย เมล็ดพันธุ์แห่งความเคลือบแคลงแตกหน่อเป็นต้นเล็กๆ ในใจเขา
“อ้อ! ลุงสาโรจน์ครับ” ชายหนุ่มเรียก “ผมสนใจ...อยากจะทำงานกับโรจนาภูมิ คุณลุงพอจะช่วยเหลือผมได้ไหมครับ” เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ใกล้ชิดกับสาโรจน์...เพื่อสาวไปถึงความจริงที่เขาต้องการการพิสูจน์
สาโรจน์หรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติอย่างรวดเร็ว “ยอดอยากทำงานกับโรจนาภูมิจริงๆ หรือ” เขาทวนถาม
“ครับ ผมอยากทำงานในบริษัทของพ่อ แม้ตอนนี้บริษัทจะไม่ได้เป็นของพ่อแล้ว แต่ผมก็ยังได้รับเงินเดือนจากโรจนาภูมิทุกเดือน ดังนั้นผมจึงอยากทำงานให้โรจนาภูมิ อยากมีส่วนร่วมในสิ่งที่พ่อเคยทำครับ”
“ตอนนี้...เท่าที่ลุงดู ไม่มีตำแหน่งงานที่เหมาะกับยอดเลย” สาโรจน์ไม่คิดจะเอาคนงานเก่าที่ทำงานอยู่ตัวแล้วออก เพื่อเอาเด็กหน้าใหม่ที่เขาไม่ไว้ใจเข้ามาแทนที่แน่
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีทำหน้าที่อะไรก็ตามที่คุณลุงบรรจุให้ ถึงจะใช้วุฒิการศึกษาต่ำกว่าที่ผมเรียนจบมา ผมก็ยินดี” ชนาธิปยอมทำทุกอย่างเพื่อเข้าถึงตัวสาโรจน์
สาโรจน์ครุ่นคิดขณะมองหน้าสมาชิกรอบโต๊ะ ตวงพรและปรรณนภัสมองเขาด้วยความคาดหวัง หากชนาธิปมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ซึ่งเป็นสายตาที่เขาไม่ไว้ใจ
“คุณลุงเห็นว่ายังไงครับ” ชายหนุ่มกระตุ้นถาม
“ถ้า...ถ้ายอดตั้งใจขนาดนั้น ลุงก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เอาเป็นว่าลุงจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมกับยอดให้ก็แล้วกัน” สาโรจน์ยิ้มอ่อนๆ หากในใจขุ่นเคืองเป็นกำลัง เขาพยายามปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไร ดึงศัตรูไว้ข้างตัว จะได้รับรู้ความเคลื่อนไหวได้
“ขอบคุณคุณลุงมากครับ” ชนาธิปยิ้มกว้าง
แผนของเขากำลังคืบหน้า...ทีละนิด หวังว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
========================================================
ชนาธิปไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาดำเนินการตามแผน เข้าหาปรรณนภัสในวันรุ่งขึ้น ชวนเธอออกไปข้างนอก อ้างว่าจะไปหาไอเดียร้านขนมในฝันของเธอ ปรรณนภัสไม่ปฏิเสธ เมื่อไม่ได้ฝึกทำขนม หรือไม่มีสัมภาษณ์งาน เธอก็มีเวลาว่างทั้งวัน ยิ่งมีชนาธิปไปเป็นเพื่อน เธอยิ่งตอบตกลงโดยง่าย
เขาทำการบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืน เปิดอินเตอร์เนตดูว่ามีร้านขนมเบเกอรีไหนน่าสนใจและน่านั่ง จากนั้นจึงร่างรายชื่อออกมาเป็นไกด์ไลน์สำหรับทัวร์กินในวันนี้
“พี่ยอดอุตส่าห์หาข้อมูลร้านพวกนี้ให้เฟย์เหรอคะ”
ปรรณนภัสร้องออกมาอย่างทึ่งๆ เมื่อพลิกอ่านแผนการยาวเหยียดของเขา พอๆ กับตื่นเต้นที่ได้ออกไปเที่ยวกับเขาเป็นครั้งแรก แม้จะมีเรื่องงานเข้ามาปะปน แต่เธอก็ดีใจ วันนี้เธอบรรจงแต่งตัวเป็นพิเศษ สวมชุดกระโปรงแขนกุดคอบัวสีฟ้าสลับขาว ที่เพื่อนๆ เคยชมว่าสวมได้สวย เธอปล่อยผมสีดำยาวซึ่งหวีจนเป็นมันระยับ ปรกติเธอมักจะรวบผม เพราะไม่เกะกะรำคาญ แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ เธอจึงปล่อยผมซึ่งเธอคิดว่าเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในตัวเธอ นอกจากนี้ยังอุตส่าห์แต่งหน้าอ่อนๆ ด้วย ไม่รู้จะเรียกว่าแต่งหน้าได้หรือเปล่า ทำอย่างกับว่าเธอแต่งหน้าเป็น เธอก็แค่ทาแป้ง ปัดบลัชออน และทาลิปกลอสเท่านั้น แต่งหน้ากับทำครัวไม่ได้เป็นของคู่กัน เธอจึงไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่บางทีเธออาจคิดผิด ชนาธิปไม่ชอบผู้หญิงโทรม เธอจำได้ดี...ทั้งจากการพบเห็นด้วยตาตัวเองเมื่อครั้งยังเด็ก หรือจากรูปที่ตวงพรแบ่งปันให้ดู ผู้หญิงที่เขาคบควงเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ทั้งนั้น
“ใช่”
“ขอบคุณมากค่ะพี่ยอด เฟย์ดีใจจนพูดไม่ออกเลย” เธอมองอย่างซาบซึ้ง ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อยที่กำลังใช้เธอเป็นสะพานไปสู่บิดาของเธอ ไม่ได้ เขาจะใจอ่อนไม่ได้ ยังไงก็ต้องบีบให้สาโรจน์พูดออกมา และปรรณนภัสเป็นตัวล่อที่ดีที่สุด
“วันนี้เราจะเป็นผู้สังเกตการณ์ร่วมกัน จะเปิดร้านทั้งทีก็ต้องสำรวจก่อนว่าคู่แข่งเป็นยังไงบ้าง” เขาหยุดรถเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีส้ม และหันไปมองเธอยิ้มๆ
“เฟย์แต่งตัวแบบนี้...น่ารักดีนะ” เขาชม อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอแต่งตัวเพื่อเอาใจเขา แต่ก็มั่นใจแน่นอนไม่ได้ เขายังไม่รู้จักเธอดี แต่ละปี เขาพบเธอไม่กี่ครั้ง แถมส่วนใหญ่พบตอนเธออยู่บ้าน บางทีเวลาออกไปข้างนอกเธอก็อาจจะแต่งตัวแบบนี้อยู่แล้วก็ได้
เธอไม่ตอบเขา แต่หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก เพราะเขินอายเกินไป มันทำให้เขาทั้งเอ็นดูและรำคาญเนื่องจากไม่คุ้นเคย ผู้หญิงที่เขารู้จักไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ ส่วนใหญ่มักเป็นคนมั่นอกมั่นใจและพร้อมจะลุยนำหน้าผู้ชายเสียด้วยซ้ำ ปรรรนภัสดูจะตรงข้ามกับผู้หญิงเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง จนเขาชักเริ่มสงสัยว่าเธอจะบริหารร้านขนมเองได้หรือ ทำธุรกิจส่วนตัวต้องอาศัยแรงกายแรงใจกว่างานประจำอักโข เนื่องจากเป็นงานของตัวเอง ไม่ใช่ของคนอื่น จะมาทำเป็นเล่นๆ ไม่ได้
แต่เขาก็คิดว่าตัวเองอาจจะคิดผิดเมื่อเห็นความตั้งใจและความสนอกสนใจของปรรณนภัส เมื่อเขาถามว่าเธอคิดอย่างไรกับร้านขนมที่พวกเขากำลังนั่งกินกันอยู่
“ขนมร้านนี้อร่อย มีให้เลือกเยอะ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส บริการดี บรรยากาศร้านก็ดี ตกแต่งน่ารักหวานแหววมากๆ” ปรรณนภัสวางช้อนตักเค้กลงบนจานขนมซึ่งเหลือแต่เศษครีมสีขาวๆ เป็นอนุสรณ์ระลึกว่าก่อนหน้านั้นจานใบนี้ได้ใส่เค้กครีมอะไรสักอย่าง
“แต่พี่ยอดคะ ถ้าเกิดว่าพี่เป็นลูกค้าผู้ชาย มากับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย พี่จะกล้าเข้ามากินขนมหรืออาหารในร้านที่ตกแต่งแบบผู้ยิ้งผู้หญิงแบบนี้ไหมคะ” เธอกวาดตาไปรอบๆ ร้านที่ดูฟูฟ่องด้วยสีชมพูและขาวเหมือนก้อนเค้กนุ่มๆ
ชนาธิปกะพริบตา สะดุดใจกับคำถามของเธอเป็นอย่างมาก เขาเองไม่ได้คิดถึงมาก่อน มันเป็นคำถามที่ดี
“ถ้าเป็นพี่...ถ้าเพื่อนผู้หญิงไม่ได้ชวนมา และถ้าพี่มากับเพื่อนผู้ชาย คงไม่อยากเข้าร้านตกแต่งสไตล์นี้เท่าไหร่ มันดูผู้หญิงเกินไป ไม่เหมาะกับพี่ ต่อให้เค้กอร่อยขนาดไหนก็เถอะ”
“ใช่ไหมคะ เฟย์ก็ว่ามันหวานเลี่ยนเกินไป แม้เฟย์จะชอบคอนเซ็ปต์โดยรวมก็เถอะ แต่เฟย์อยากได้ลูกค้าหลายๆ กลุ่ม ทั้งลูกค้าคู่รัก ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน” เธออยากให้ร้านของเธอเป็นร้านที่ผู้คนทุกเพศทุกวัยเข้ามาใช้บริการได้อย่างไม่เก้อเขิน
“งั้นต้องลองดูสองร้านต่อไป ตกแต่งแนวเรียบๆ แต่เก๋” เขาล้วงเอากระดาษ A4 ที่พับเก็บไว้ที่กระเป๋าด้านหลังกางเกงออกมากาง นิ้วชี้กวาดไปยังร้านอาหารร้านที่สองและสาม
“เฟย์เคยไปที่ร้านนี้แล้ว” เธอจิ้มร้านที่สาม
“เคยไปแล้วไปอีกก็ได้ คราวนี้เราไปเพื่อศึกษาธุรกิจ”
“งานนี้คงได้กินเค้กแทนข้าวแหงเลย”
“นั่นสินะ” ชนาธิปยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขาทำให้หญิงสาวแทบลืมหายใจ
เธอคิดว่าเมื่อก่อนเธอตกหลุมรักเขาแล้ว แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้...ที่ได้สัมผัสตัวตนของเขาอย่างใกล้ชิด เธอกำลังจมหลุมรักที่ประเมินความลึกไม่ได้ ตระหนักดีว่าอาจเจ็บตัวเมื่อหาทางตะกายขึ้นมาจากหลุมรักนี้ หรือแย่ยิ่งกว่านั้น เธออาจจะปีนขึ้นมาจากหลุมรักนี้ไม่ได้ตลอดไป
จบ Love and Revenge...ด้วยรักและอาฆาต บทที่ 2
========================================================
หวัดดีค่า
มาแปะบทที่ 2 แล้วค่ะ พร้อมๆ กับ คู่ร้ายฯ เช่นเคย เพราะยังมีสต็อกอยู่นั่นเอง
บทที่ 2 ยอดเริ่มดำเนินการตามแผนแล้ว ส่วนเฟย์ก็ไม่รู้เรื่องเลย สาโรจน์จะยอมเพื่อลูกสาวไหม จะเป็นยังไงต่อไป รอติดตามต่อตอนหน้านะคะ ถ้าใจดี คราวหน้าอาจจะมาแปะให้ก่อนเรื่องคู่ร้ายนะคะ
มิถุนา
Busaba401แอตhotmail.com
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น