ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love and Revenge...ด้วยรักและอาฆาต (แสนแค้นแสนเสน่หา)

    ลำดับตอนที่ #4 : Love and Revenge...ด้วยรักและอาฆาต บทที่ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 554
      2
      10 ก.ย. 54

    10 SEPT 2011
    ชี้แจงก่อนอ่าน

    เนื่องจากเรื่องนี้กำลังจะตีพิมพ์เป็นรูปเล่มนะคะ จึงได้ลบ "ภาึคสอง: ด้วยอาฆาต" ซึ่งเป็นครึ่งหลัง ตั้งแต่บทที่ 11 เป็นต้นไปออกทั้งหมด เพื่อทำตามข้อตกลงของสนพ. ค่ะ ดังนั้นจะเหลือเพียง "ภาคหนึ่ง: ด้วยรัก" ให้อ่านเท่านั้นค่ะ

    พิเศษ! ในแบบรูปเล่ม จะมีตอนพิเศษของพิเศษเป็นเซอร์ไพรส์ให้อ่านกันด้วยนะคะ

    ยังไงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แล้วถ้าได้หน้าปก หรือรายละเอียดเรื่องมาแล้ว จะมาอัพเดตให้ได้ชมกันค่ะ

    มิถุนา



    Love and Revenge...ด้วยรักและอาฆาต บทที่ 3
     
    ผลสุดท้ายสาโรจน์ก็แต่งตั้งชนาธิปขึ้นมาเป็นผู้ช่วยของเขา ไม่ใช่เพราะไม่มีตำแหน่งใดว่าง โรจนาภูมิยังขาดตำแหน่งช่างชุบ คนคัดพลอย หรือพนักงานระดับล่าง ทว่าเขาอยากเก็บชนาธิปไว้ใกล้ตัวมากกว่า จะได้สะดวกในการควบคุม เขาจึงตั้งตำแหน่งใหม่และมอบหมายหน้าที่เฉพาะให้ชนาธิป ชนาธิปตอบรับอย่างยินดี แถมยังเร่งจะเข้ามาทำงานไวๆ ด้วย ซึ่งความกระตือรือร้นดังกล่าวทำให้คนที่มองโลกในแง่ร้ายอย่างเขาคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกต้องแล้ว
     
    “โต๊ะยอดอยู่ตรงนี้ ข้างๆ เลขาฯ ของลุง” สาโรจน์เดินนำพนักงานใหม่เอี่ยมถอดด้ามไปยังโต๊ะส่วนตัวที่เขาให้เลขานุการจัดไว้ให้
     
    “นี่คุณอัมพร เลขาฯ ของลุง” เขาแนะนำ แม้ชนาธิปจะเคยมาโรจนาภูมิหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็มาอยู่เพียงครู่เดียว และไม่ได้สุงสิงกับใครในบริษัท น่าเสียดายที่ชนาธิปละทิ้งโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกับโรจนาภูมิ ซึ่งตอนนี้หลุดลอยมาอยู่ในมือเขา...คิดจะมาสืบสานเอาตอนนี้คงจะสายไปหน่อยแล้ว และถึงจะเข้ามาเพื่อการอื่น ก็คงไม่มีหวังง่ายๆ เขาไม่ยอมแน่
     
    ชนาธิปยกมือไหว้ อัมพรเป็นหญิงวัยเดียวกับสาโรจน์ รูปร่างท้วม สวมแว่นสายตา หน้าตาเคร่งขรึม แต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดสูทผ้าไหมสามชิ้น สมกับเป็นเลขานุการผู้อำนวยการใหญ่

    “คุ้นๆ หน้าครับ แต่ไม่เคยรู้จักจริงๆ สักที” เขารู้จักคนในบริษัทเพียงไม่กี่คน ถ้าไม่นับพ่อกับสาโรจน์ ก็มีรจนา เลขาฯ ของพ่อ ซึ่งตอนนี้ถูกโอนไปช่วยงานฝ่ายส่งออกแทนตำแหน่งเก่าที่ถูกยุบไปอันเนื่องมาจากการเสียชีวิตกะทันหันของภูมิ
     
    “อ้อ! นี่น่ะหรือคะ พ่อหนุ่มที่จะมาแย่งงานอัม” อัมพรเอ่ยแซวยิ้มๆ “ลูกคุณภูมิโตเป็นหนุ่มเชียว อัมจำได้ว่าเคยเห็นแวบๆ ตอนยังเป็นวัยรุ่น ผอมๆ สูงๆ เดี๋ยวนี้สูงใหญ่บึกบึนเชียว”
     
    ชนาธิปได้แต่ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก สีหน้าของอัมพรดูขรึมลงเมื่อกล่าวว่า
     
    “ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณพ่อด้วยนะคะ” เหตุการณ์ความโศกเศร้ายังคงสดใหม่ เธออาจจะไม่ได้มีอารมณ์ร่วมมาก เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับภูมิโดยตรง แต่รู้สึกว่ามันรวดเร็วและไม่คาดฝัน
     
    “ขอบคุณครับ” ชนาธิปพยักหน้า
     
    “ตอนนี้ยอดอาจจะยังมีงานทำไม่มากนักนะ ไว้ให้อะไรเข้าที่เข้าทางก่อน คงจะดีขึ้นเอง” สาโรจน์แทรกขึ้นมา
     
    “ครับคุณลุง”
     
    “ผมคงต้องฝากหลานกับคุณอัมด้วย”
     
    “ยินดีค่ะคุณสาโรจน์ อัมดีใจที่ได้ทำงานร่วมกับลูกคุณภูมิ”
     
    หลังจากนั้นสาโรจน์ก็พาชนาธิปไปแนะนำตัวให้พนักงานในแผนกอื่นรู้จัก เขาลงทุนลงแรงแนะนำชนาธิปด้วยตัวเองเพราะชนาธิปเป็นลูกของภูมิ เขาต้องการให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าเขาเอ็นดูลูกของภูมิ ไม่ได้กีดกันหลังจากได้รับโรจนาภูมิมาถือครองเป็นของตัวเองทั้งหมด
     
    ชนาธิปนิ่งเฉยและสำรวมจนเขาอ่านไม่ออก เขาไม่รู้ว่าชนาธิปรู้สึกอย่างไรกับการทำงานที่โรจนภูมิ ร้ายไปกว่านั้น เขาเดาไม่ถูกว่าชนาธิปเข้าหาปรรณนภัสด้วยเหตุใด
     
    เมื่ออาทิตย์ก่อน ชนาธิปพาปรรณนภัสไปดูร้านขนมเพื่อศึกษาแนวทางในการดำเนินกิจการ จากนั้นก็แวะมาพูดคุยกับปรรรนภัสทุกวัน ส่วนใหญ่...ตามที่เขาเข้าใจจากลูกสาว...ชนาธิปคุยแต่เรื่องงาน หากเขาไม่วางใจ เขาสังหรณ์ใจแปลกๆ
     
    นี่เขาจะกีดกันชนาธิปออกจากลูกสาวได้อย่างไร แน่นอนว่าจะให้พูดกับชนาธิปตรงๆ ก็กลัวจะถูกสงสัยยิ่งกว่าเดิม จะทะเล่อทะล่าเข้าไปบอกปรรณนภัสตรงๆ ก็ไม่ได้ เธอจะต้องไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับที่เขาบอกความจริงเธอไม่ได้
     
    เขาไม่ต้องการให้ลูกมองเขาเป็นคนไม่ดี เขาต้องการเป็นพ่อที่ดี ลูกของเขาบริสุทธิ์เกินกว่าจะมารับรู้อะไรพรรค์นี้ ความผิดเป็นของเขา เขาขอยอมรับอย่างเต็มใจ...และแต่เพียงผู้เดียว ได้แต่หวังว่าเขาจะคิดกังวลเกินกว่าเหตุเท่านั้น
    ========================================================
     
    แต่จนแล้วจนรอด สาโรจน์ก็ทำใจให้มองชนาธิปในแง่ดีไม่ได้สักครา และนับวันชนาธิปก็ทวีความยิ่งสนิทสนมกับปรรณนภัส โดยมีร้านขนมเป็นตัวกลาง เขาเคยคิดว่าชนาธิปจะให้แค่คำปรึกษาเรื่องร้าน ทว่าชนาธิปยังคงพัวพันกับร้านขนม...และลูกสาวของเขาไม่เปลี่ยนแปลง อย่างเช่นวันนี้...
     
    “พ่อคะ เฟย์ไปก่อนนะคะ” ปรรณนภัสกอดและหอมแก้มเขาเหมือนปรกติที่เคยทำมาตั้งแต่ยังเด็ก ดวงตาสีน้ำตาลพลันช้อนขึ้นมอง สบตากับชนาธิปซึ่งยืนรออยู่เบื้องหน้าอย่างเขินๆ วันนี้เธอก็มีนัดไปเลือกเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งร้านกับชนาธิป แผนสร้างร้านกำลังดำเนินไปด้วยดี เธอคิดแล้วว่าจะทำร้านแบบไหน ทั้งเลือกสถานที่ ทำสัญญาเช่าพื้นที่ และตอนนี้กำลังเริ่มตกแต่งร้าน
     
    “เที่ยวให้สนุกนะลูก” สาโรจน์ลูบศีรษะลูกสาวอย่างเอ็นดู ชนาธิปเฝ้าสังเกตสองพ่อลูกเงียบๆ
     
    “เฟย์ไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อย ไปทำงานต่างหาก” เธอย่นจมูกใส่ บิดาหัวเราะ ไม่ได้ทักท้วงอะไร แม้ว่าปรรณนภัสจะอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ทว่าเธอก็ยังเป็นนางฟ้าน้อยๆ ของเขาเสมอ
     
    “เฟย์ไปก่อนนะคะ” เธอโบกมือลาก่อนจะเดินไปสมทบกับชนาธิป
     
    “พยายามอย่ากลับดึกนักล่ะ” สาโรจน์เตือน ตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่สองหนุ่มสาวจะไปกันเป็นตลาดที่เปิดช่วงเย็น เขารู้ว่ามันต้องใช้เวลาในการเลือกซื้อของ แต่เขาไม่อยากให้ปรรณนภัสกลับดึกเกินไป

    “จะพยายามค่ะ” หญิงสาวแบ่งรับแบ่งสู้
     
    ผู้เป็นพ่อพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปสบตาหนุ่มรุ่นลูกด้วยสายตาเคร่งขรึม ติดจะดุ และกล่าวย้ำว่า
     
    “ดูแลน้องด้วยนะยอด” เขามักพูดแบบนี้ทุกครั้งเมื่อปล่อยลูกออกไปกับชนาธิป แม้ชนาธิปจะไม่เคยทำอะไรผิดสังเกต...นอกจากเข้ามาทำความสนิทสนมใกล้ชิดปรรณนภัส แต่เขาก็ไม่ไว้ใจชนาธิป
     
    “ครับ” ชนาธิปตอบรับด้วยคำตอบเดิมๆ แล้วเขากับปรรณนภัสก็เดินออกไป
     
    ในใจของเขาอยากหัวเราะ สาโรจน์พูดอย่างกับว่า ถ้าเขารับปากแล้ว เขาจะไม่ทำอะไรปรรณนภัสอย่างงั้นแหละ...หึ! แต่ถึงจะอยาก เขาก็จะไม่ทำ เขาไม่ใช่คนชั่วร้าย เขาเพียงแค่อยากรู้ความจริง และทางเดียวที่จะรู้ได้ คือทำให้สาโรจน์ยอมพูดออกมาเอง!  
    ========================================================
     
    ชนาธิปพาปรรณนภัสไปเลือกดูเฟอร์นิเจอร์ที่ตลาดเปิดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์เก๋ไก๋ พวกเขาเดินวนอยู่ราวสองชั่วโมง ก็เลือกได้เฟอร์นิเจอร์แบบที่ต้องการ หลังจากสั่งซื้อของแล้ว จึงได้มานั่งพักขาที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งเด่นอยู่กลางพื้นที่ตลาดนัด
     
    “อูย...ค่อยยังชั่วหน่อย วันนี้เดินจนเมื่อยขามากๆ เลยค่ะ” ปรรณนภัสถอนหายใจอย่างเป็นสุขเมื่อได้หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ตัวนุ่ม หลังจากทรมานเท้าด้วยการเดินมานาน
     
    “เมื่อยแต่ก็คุ้มใช่ไหมล่ะ ได้โต๊ะกับเก้าอี้ครบแล้ว แถมยังได้ของตกแต่งอื่นอีกต่างหาก” ชนาธิปเอ่ยยิ้มๆ
     
    “ค่ะ” เธอพยักหน้า เธอสั่งโต๊ะสีน้ำตาลแบบเรียบๆ ด้านบนเป็นกระจกใสที่สามารถเอาอะไรใส่เข้าไปข้างในได้ กับเก้าอี้ไม้พนักโปร่งคละสี ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม น้ำตาลอ่อน ดำ ครีม เหลืองอ่อน และขาว เข้ากับสีน้ำตาล เหลือง และขาว ซึ่งเป็นโทนสีหลักของร้าน นอกจากนี้ยังมีโคมไฟแก้วทรงกระบอกสีขาวขุ่น ความยาวสั้นไม่เท่ากัน เรียงเป็นวนเป็นวงกลมดูเก๋ไก๋ กับกรอบรูปสีน้ำตาลแกะลายหลายโทนสีและหลากขนาดจำนวนหลายบาน มันเป็นกรอบรูปเปล่าๆ ที่เธอตั้งใจจะเอารูปขนมเค้กที่ทำเอง อัดเป็นรูปใหญ่ใส่กรอบรูป เพื่อใช้ตกแต่งกำแพงร้าน
     
    เธอตั้งชื่อร้านว่า ‘แองเจิลเค้ก’ หมายถึงเค้กของเธอ...ของเฟย์ เนื่องจากว่าชื่อเล่นของเธอแปลว่านางฟ้า พ่อมักบอกเสมอๆ ว่าเธอเป็นนางฟ้าของพ่อ เธอชอบมาก จึงเอาความหมายของชื่อเล่นตัวเองมาตั้งเป็นชื่อร้าน
     
    ร้านในฝันของเธอจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน แซมด้วยสีน้ำตาลเข้ม เหลืองมะนาว และขาว อาจจะดูไม่เข้าชื่อร้านเท่าไหร่ แต่เธอไม่อยากได้ร้านโทนสีหวานๆ อย่างฟ้า ชมพู หรือขาว เพราะตั้งใจจะสร้างให้เป็นร้านที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นใครก็ได้ จึงเลือกใช้โทนสีอบอุ่นเป็นธรรมชาติ เหมาะกับทุกๆ คนเป็นหลัก เธอคิดเมนูไว้บ้างแล้ว แน่นอนว่าขนมหลักๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเค้ก นอกจากนั้นก็มีอาหารง่ายๆ และเครื่องดื่มหลากหลาย แต่ตอนนี้ ร้านในฝันของเธอยังคงเป็นห้องหนึ่งคูหาโล่งๆ ทาสีขาว รอการตกแต่ง แม้จะมีงานหนักรออยู่ตรงหน้า แต่เธอกลับรู้สึกมีชีวิตชีวาเหลือเกิน
     
    “เดี๋ยวพี่ไปซื้อน้ำก่อนดีกว่า เฟย์จะเอาอะไร มอคค่าอย่างที่ชอบดีไหม” ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา ชนาธิปก็ใช้เวลากับปรรณนภัสมาก จนทราบว่าเธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไร...ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ของกิน
     
    “ก็ดีค่ะ”
     
    ไม่นาน ชนาธิปก็กลับมาพร้อมกับถาดใส่กาแฟสองแก้ว และเค้กหนึ่งชิ้น
     
    “ขอบคุณค่ะพี่ยอด” เธอรับแก้วกาแฟมาจากเขาและดูดน้ำสีเข้มข้นผ่านหลอดคำโต
     
    “คราวหน้าเฟย์จะพาพี่ยอดไปเลี้ยงกาแฟที่ร้านขนมร้านนึง” เธอไม่ได้ให้เงินค่ากาแฟกับเขา เนื่องจากเขาไม่ยอมรับ เขาไม่เคยยอมรับเงินจากเธอเลย เธอจึงตกลงกับเขาว่าถ้าเขาออกค่าอาหารแทนเธอ เขาจะต้องยอมให้เธอเลี้ยงอาหารเขาชดเชย ซึ่งเขาก็รับคำอย่างว่าง่าย
     
    “เอาสิ”
     
    “เฟย์เพิ่งอ่านเจอในนิตยสาร ร้านน่านั่ง เมนูก็น่ากินมาก ถ่ายรูปที่อยู่กับเบอร์โทรมาด้วย” เธอดึงโทรศัพท์มาเปิดโฟลเดอร์รูปถ่ายจากนิตยสารอวดเขา
     
    “พี่ซื้อพายบูลเบอร์รี่มาด้วย เฟย์เคยชิมของร้านนี้หรือยังล่ะ” เขาเลื่อนขนมไปตรงกลางโต๊ะพร้อมส่งส้อมให้
     
    “ยังเลยค่ะ ไม่เคยมาที่ร้านนี้เสียด้วยซ้ำ” เธอรับส้อมมา รอให้เขาตักคำแรกก่อน จึงตักพายต่อจากเขา
     
    “อร่อยเหมือนกันนะคะ แต่หวานไปหน่อย”
     
    “อืม...นั่นสิ” เขาเห็นด้วย ลอบมองหญิงสาวซึ่งกำลังตักขนมใส่ปากเพลิน หลังจากได้รู้จักเธออย่างใกล้ชิดในระยะเวลาสั้นๆ เขาก็พบว่าพวกเขามีรสนิยมหลายๆ อย่างคล้ายคลึงกัน อย่างเช่น ชอบกินอาหารญี่ปุ่นและของหวาน ชอบดูภาพยนตร์และอ่านหนังสือแนวสืบสวนและลึกลับ ชอบท่องเที่ยว โดยเฉพาะทะเล และไม่ชอบสถานที่ที่คนจอแจ
     
    ปรรณนภัสไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกมอง กว่าครู่จึงค่อยตระหนักว่าพายทั้งชิ้นกำลังจะหมดไป ด้วยฝีมือของเธอแต่เพียงผู้เดียว เธอวางส้อมลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น และเห็นดวงตาสีนิลอ่อนโยน เธอแก้มแดง ยิ้มเขินๆ ที่ตัวเองแสดงความตะกละต่อหน้าเขา
     
    “พี่ยอดไม่กินแล้วเหรอคะ”
     
    “กินสิ” เขาจ้วงส้อมลงไปหั่นขนมแล้วตักกิน เขากินไปพลางลอบมองปรรรณนภัสดูดกาแฟไปพลาง ภาพของสาโรจน์ซ้อนทับบนใบหน้าของเธอ เธอเหมือนบิดามาก เมื่อมองหน้าเธอ เขาก็จะคิดถึงสาโรจน์ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงปัญหาคาใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ เหตุใดพ่อจึงยกบริษัทครึ่งหนึ่งให้เพื่อนรัก ทั้งที่คอยเร่งให้เขากลับมาทำงานกับที่บ้านเสมอ
     
    เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่จะได้ผลไหม ทราบแต่ว่าสาโรจน์ไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่ จึงได้แต่หวังว่าสาโรจน์จะสงสัยในเจตนารมย์ของเขาที่มีต่อปรรณนภัส จนกระทั่งทนไม่ไหวและขอคุยกับเขา เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะถามสาโรจน์ว่าเรื่องของบิดาเป็นอย่างไร แต่ถ้าสาโรจน์ยังคงคำปฏิเสธเดิมๆ เขาจะใช้ปรรณนภัสบีบบังคับสาโรจน์ และถ้าสาโรจน์ไม่ยอมสารภาพ หรือทำให้เขาเชื่อไม่ได้ เขาจะ...ทำร้ายจิตใจของปรรณนภัส ซึ่งเขาคงไม่ได้ทำจริงๆ หรอก เขาจะทำร้ายเธอได้อย่างไร เขาไม่ใช่คนร้ายกาจแบบสาโรจน์ แต่ปักใจมากกว่าครึ่งว่าสาโรจน์มีส่วนในการตายของบิดา
     
    ชนาธิปสบตาหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม เธอยิ้มให้เขา ยิ้มของเธอจริงใจและเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อเขา
     
    เขาคิดว่าตัวเองตีความที่เธอแสดงออกทางสายตาไม่ผิด เขารู้ว่าเธอรักเขา และมันจะทำให้งานของเขาง่ายขึ้น  
     
    ใช่ เขาหวังว่ามันจะง่าย
    ========================================================
     
    ชนาธิปตั้งใจพาปรรณนภัสกลับบ้านช้ากว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั่งพักขาดื่มกาแฟทานขนมเสร็จ เขาก็ชวนเธอไปเดินช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าในตลาดเดียวกันต่อ เธอได้เสื้อผ้าหลายชุด เช่นเดียวกับเขาที่ยอมให้เธอเลือกเสื้อเชิ้ตสำหรับใส่ทำงานให้ แน่นอนว่าการตามใจเธอเป็นแผนการอย่างหนึ่ง แต่เขาก็ชอบใจด้วยเหมือนกัน นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้มีผู้หญิงมาคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้...ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยกระมัง ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้คบควงสนิทสนมผู้หญิงคนไหน หากเมื่อผ่านพ้นช่วงวัยรุ่น เขาไม่ชอบให้ใคร...โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิง มาจุกจิกในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับเขา
     
    เขาจอดรถเทียบหน้าบ้านและลงมาส่งเธอที่ประตู เธอหันไปไขล็อกประตูเล็ก เขามองผ่านรั้วโปร่งเข้าไปข้างใน ไฟชั้นล่างยังคงสว่างอยู่ แม้จะเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม เขาเห็นเงาคนแวบๆ แถวหน้าต่าง กะประมาณรูปร่างและความสูง เห็นจะหนีไม่พ้นสาโรจน์
     
    และก็ใช่อย่างที่เขาคาด ในที่สุดสาโรจน์ก็โผล่หน้าออกมาให้เขาเห็น ใบหน้าเคร่งขรึมบ่งบอกว่าไม่พอใจ ชนาธิปเหยียดปากออก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ไม่ใส่ใจกับอาการพ่อหวงลูกสาวของสาโรจน์ ตอนนี้ปรรณนภัสเป็นของเขา ช่างสาโรจน์!
     
    เมื่อเปิดประตูเสร็จ ปรรณนภัสก็หันกลับมา “ขอบคุณที่ไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เป็นเพื่อนเฟย์นะคะ” ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายด้วยความชื่นชม
     
    “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เรื่องเล็กน้อยน่ะ แต่พี่จะรอเก็บค่าช่วยเหลือในอนาคตเป็นเค้กของเฟย์”
     
    ปรรณนภัสหัวเราะ “ไม่ต้องรอถึงอนาคตก็ได้พี่ยอด ไว้เฟย์จะทำเค้กให้ทาน พี่อยากกินเค้กอะไร สั่งเฟย์ได้เลย”
     
    “พูดแล้วห้ามคืนคำล่ะ”
     
    “ไม่คืนคำหรอกค่ะ พี่ยอดสั่งตอนนี้เลยก็ได้ พรุ่งนี้เฟย์จะทำให้ อยากทานอะไรดีคะ มิลเฟยสตรอว์เบอร์รี่ดีไหม หรือสตรอว์เบอร์รี่มูสเค้กดีคะ”
     
    “แหม...รู้ว่าพี่ชอบสตรอว์เบอร์รี่เลยเอามาล่องั้นรึ” เขายิ้มก่อนจะเลือกเค้กอย่างไม่เกี่ยงงอน “งั้นพี่จะรอกินมิลเฟยสตรอว์เบอร์รี่ก็แล้วกัน ไม่ได้กินมิวเฟยนานแล้ว”
     
    “โอเคค่ะ” เธอขยิบตาพร้อมจีบนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เป็นวงกลมทำนองว่าโอเค
     
    ความเงียบเกิดขึ้นในเสี้ยวเวลาเล็กๆ ที่ทั้งสองพร้อมใจกันหยุดพูด สายลมแผ่วเบาพัดผ่านใบหน้า ปอยผมปอยหนึ่งร่วงลงมาปิดดวงตาสีน้ำตาลใสอ่อนหวาน ชนาธิปรู้สึกขัดใจ จึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับปอยผมเจ้าปัญหาของเธอและทัดไว้หลังใบหู
     
    ปรรณนภัสชะงักมือตัวเองที่ช้ากว่า นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอิ่มเผยอน้อยๆ ตกตะลึงกับการกระทำที่คาดไม่ถึงของเขา
     
    ความไร้เดียงสาของเธอทำให้หัวใจของชายหนุ่มสะดุด นิ้วม้วนปอยผมเหยียดตรงสีดำก่อนจะคลายออก แล้วเปลี่ยนมาเกลี่ยไล้คลอเคลียข้างพวงแก้มนุ่มสีแดงจัด

    “พี่ยอด...” เธอกระซิบ เสียงพร่าเบาเงียบหายไปเมื่อเขาโน้มหน้าลงมาจนริมฝีปากเขาจรดริมฝีปากเธอ
     
    ดวงตาของเธอขยายกว้างกว่าเดิม หัวใจเต้นกระหน่ำอยู่ในอก เธอตกใจ แต่ไม่ดิ้นหนี จะว่าไปเมื่อหายตกใจ เธอกลับเต็มใจเสียด้วยซ้ำ เธอไม่เคยถูกจูบมาก่อน เธอรู้ว่ามันจะดี แต่ไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้ ริมฝีปากเรียวของเขานุ่มนวลและอ่อนหวาน มีกลิ่นและรสของกาแฟคาปูชิโนที่เขาดื่มหลงเหลืออยู่ เธอเสพติดกาแฟ...เสพติดเขา
     
    ชนาธิปเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังเลยเถิดเกินความคาดหมาย เมื่อเธอจูบตอบเขาอย่างเงอะงะและไร้ประสบการณ์ เขาดันร่างเธอออกและกกกอดเธอไว้แนบอก
     
    “พี่จะไม่ขอโทษที่จูบเฟย์”
     
    ปรรณนภัสยังคงล่องลอยอยู่ในภวังค์ความฝัน ปล่อยให้โสตประสาทซึมซับคำพูดของเขา และฟังเสียงหัวใจเขาที่อยู่ชิดติดหูเธอ
     
    “เฟย์ไม่โกรธพี่ใช่ไหม” เขาเชยคางเธอขึ้น จ้องลึกลงไปในดวงตาเลื่อนลอย เวลานี้สาโรจน์ไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาสักนิด
     
    หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ เธอจะโกรธเขาได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเฝ้าฝันถึง
     
    ชนาธิปยิ้มให้เธออย่างจริงใจ “พี่ดีใจ” เขาบอกก่อนจะปล่อยเธอจากอ้อมแขนและดันเธอให้เดินเข้าไปในบ้าน เป็นโชคดีของปรรณนภัสที่สาโรจน์ไม่พุ่งออกมาจากบ้าน เพื่อต่อว่าต่อขานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องอับอายเป็นแน่ เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีเพราะจุมพิตนี้
     
    “ฝันดีนะเฟย์”
     
    “บ๊ายบายค่ะพี่ยอด” พูดจบปรรณนภัสก็วิ่งจู๊ดเข้าไปด้านในบ้าน ไม่โบกมือ ไม่ยิ้ม และไม่สบตา เนื่องจากยังขวยเขินกับจูบสายฟ้าแลบที่ได้รับจากเขา
     
    ชนาธิปไม่หยุดรอดูเธอ เขากลับขึ้นรถ และขับรถเข้าไปในบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หวังในใจว่าต้นแห่งความหวาดระแวงที่เขาเพาะให้สาโรจน์จะเติบโตในเร็ววัน
    ========================================================
     
    สาโรจน์กำหมัดแน่นเมื่อเห็นภาพบาดหัวใจของพ่อผู้มีลูกสาว เขาไม่ได้วิ่งไปกระชากชนาธิปออกจากนางฟ้าของเขาแต่อย่างใด หากกลับยืนขาแข็งก้าวขาไม่ออกด้วยความโกรธ
     
    ชนาธิปกำลังทำอะไร
     
    เขาเห็นดวงตาคมปลาบของชายหนุ่มที่มองเขาอย่างไม่เป็นมิตร ก่อนจะจูบปรรณนภัส...เพื่อเย้ยเขา คล้ายหัวขโมยที่กระทำการใต้จมูกตำรวจ เขาจะไม่ทั้งโกรธและกลัวถ้าชนาธิปจริงใจกับปรรณนภัสจริงๆ แต่นี่...เขาไม่กล้าไว้ใจชนาธิปเลย
     
    ชนาธิปจะไม่ยอมปล่อยความสงสัยเรื่องการตายของภูมิไปใช่ไหม
     
    เขากลัวว่าลูกจะถูกใช้เป็นเครื่องมือ เขารู้ว่าปรรณนภัสหลงรักชนาธิป และนั่นยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงเธอ
     
    ระหว่างที่เขากำลังโกรธจัด ปรรณนภัสก็เดินเข้ามาข้างในและทำหน้าตกใจเมื่อเห็นเขา
     
    “อุ๊ย!” เธออุทาน “พ่อยังไม่ขึ้นนอนอีกเหรอคะ”
     
    “พ่อรอเฟย์” เขาคิดปลงในใจที่ปรรณนภัสลืมสังเกตว่าไฟชั้นล่างยังเปิดอยู่ และเขาก็มักจะรอเธอกลับบ้านทุกครั้งที่เธอออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะไปกับใคร
     
    “พ่อไม่น่ารอเลย เฟย์ไปกับพี่ยอด ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เมื่อกล่าวถึงชนาธิป เธอก็อดหน้าแดงน้อยๆ ไม่ได้ จุมพิตเมื่อกี้ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
     
    “พ่อรู้ แต่พ่อชอบรอ” สาโรจน์ไม่อยากตอบว่าเพราะไปกับชนาธิปนี่แหละ เขาถึงได้เป็นห่วง
     
    “แล้วนี่เป็นยังไง ได้อะไรมาบ้าง” สายตามองเลยไปยังถุงพลาสติกหลายถุงในมือเธอ
     
    “ก็...ได้โต๊ะกับเก้าอี้ในร้านแล้วค่ะ แล้วก็ได้โคมไฟกับกรอบรูปไว้ตกแต่งภายในด้วย” จากนั้นเธอก็ชูถุงอวดบิดาพลางหัวเราะน้อยๆ “แล้วยังได้เสื้อกับเดรสมาด้วย พี่ยอดช่วยเฟย์เลือกค่ะ” เธอยิ้มเขิน “แต่เฟย์ก็ช่วยพี่ยอดเลือกเสื้อด้วยเหมือนกัน พ่อคะ เฟย์ขึ้นห้องก่อนนะคะ อยากอาบน้ำเต็มแก่แล้ว”
     
    “จ้ะ ตามสบายเถอะลูก”
     
    สาโรจน์ปล่อยลูกสาวไป ไม่มีอะไรจะสั่งสอนหรือซักถาม เขามองดูลูกสาววิ่งขึ้นข้างบนอย่างร่าเริง เมื่อเห็นลูกมีความสุข เขาก็พูดอะไรไม่ออก ความกลัดกลุ้มกังวลถาโถมเข้าใส่ประดุจคลื่นร้าย
     
    บางทีเขาอาจจะต้องพูดกับชนาธิปเอง
    ========================================================
     
    เมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว ปรรณนภัสก็ปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่ เธอคลี่ยิ้มฝันเฟื่อง ถุงเสื้อผ้าถูกทิ้งวางระเกะระกะ นิ้วมือที่ว่างเปล่าไล้ริมฝีปากบวมเป่งเบาๆ
     
    เมื่อกี้พี่ยอดจูบเธอ
     
    เธอหลับตาและถอนหายใจอย่างเป็นสุข
     
    เขาจูบเธอเพราะชอบเธอใช่ไหม
     
    เธอถามตัวเอง อยากจะคิดเช่นนั้น เพราะทั้งการกระทำและคำพูดของเขาแสดงให้เธอประจักษ์แจ้ง แต่ความไม่มั่นใจในตัวเองก็ทำให้เธอถามว่า...จริงหรือที่เขาชอบเธอ บางทีเขาอาจจะแค่...แค่เอ็นดูเธอ
     
    ปรรณนภัสสับสน ไม่รู้คำตอบ และไม่อยากรู้เท่าไหร่ เธอกลัวคำปฏิเสธ และเธอพอใจกับความคลุมเครือนี้
     
    โอ...แต่เธอเก็บความลับนี้ไว้กับตัวเองไม่ได้ มันกำลังโป่งพองและพร้อมจะระเบิด ราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดแก๊สไว้เต็มแน่น เธอจะต้องคุยกับใครสักคน
     
    ไฟน์!
     
    เธอคิคถึงลัลน์ลลิต แฝดน้องของเธอ
     
    หญิงสาวถลาไปที่คอมพิวเตอร์ เปิดเครื่องและต่ออินเตอร์เนต
     
    เธอกับลัลน์ลลิตถูกแยกกันตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ พ่อไปทาง แม่ไปทาง พ่อได้เธอไว้ ส่วนแม่ก็ได้ลัลน์ลลิตไป แบ่งกันเหมือนสมบัติชิ้นหนึ่ง แต่เธอไม่โกรธทั้งพ่อและแม่ เธอเข้าใจว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้ แต่ยังต้องการพวกเธอ พวกเขาครอบครองเธอทั้งคู่ไม่ได้ จำต้องเลือกเพียงหนึ่งเดียว ด้วยเหตุนี้เธอทั้งสองจึงถูกแยกจากกัน
     
    เธอรู้ว่ามีฝาแฝด แต่ไม่เคยมีโอกาสทำความรู้จักลัลน์ลลิตหรือนริสรา แม่ของเธอ เช่นเดียวกับที่พ่อไม่เปิดโอกาสให้ลัลน์ลลิตได้รู้จักเธอและพ่อ เธอทราบเพียงว่าหลังจากหย่า แม่ก็พาลัลน์ลลิตย้ายไปอยู่อเมริกากับญาติ เธอสงสัยมาตลอดว่าแม่ทำอะไรอยู่ ลัลน์ลลิตจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จะเหมือนเธอมากขนาดไหน
     
    เมื่อเติบโตพอจะรู้ความ เธอก็ถูกกระตุ้นเร้าด้วยความอยากรู้ เธอเริ่มค้นหาลัลน์ลลิตและแม่ในอินเตอร์เนต ที่ที่โลกทั้งใบถูกเชื่อมโยงด้วยสายใจอิเล็กทรอนิกส์ แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เธอไม่ได้ข่าวพวกเขาเลย จนกระทั่งเข้าปีที่สามของการค้นหา เมื่อเธออายุสิบห้า เธอพบรูปเด็กสาวที่มีใบหน้าเหมือนเธอในไดอารี่ออนไลน์แห่งหนึ่ง แม้ทรงผมและลักษณะท่าทางจะต่างกับเธอมาก หากเธอจำตัวเองได้ เธอรู้ว่าเธอพบลัลน์ลลิตแล้ว
     
    แฝดน้องของเธอเป็นสาวเปรี้ยวปรี๊ด ใบหน้าสะสวย จมูกโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่ม ดวงตาสีน้ำตาลแจ่มใส ผมสีดำหยิกคอดเหมือนผมตุ๊กตา แต่งตัวทันสมัย อาจจะดูแก่กว่าวัย แต่ลัลน์ลลิตสวยกว่าเธอมาก แม้จะมีเค้าโครงใบหน้าและรูปร่างที่เหมือนกัน
     
    เธอไม่รอช้า ติดต่อลัลน์ลลิตผ่านทางหน้าไดอารี่ในทันที ครั้งแรกที่โพสต์ข้อความลงไป เธอกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ เพราะพวกเขาไม่ได้รู้จักกันอย่างสิ้นเชิง ลัลน์ลลิตอาจจะเมินเฉยใส่เธอได้ หากเธอคิดมากเกินไป เพราะไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ลัลน์ลลิตก็ตอบข้อความของเธอ จากนั้นพวกเธอก็แลกเปลี่ยนอีเมล และคุยกันทางจดหมาย รวมถึงโปรแกรม MSN พวกเธอไม่ได้ใช้โทรศัพท์ เพราะเคยชินกับการลักลอบคุยกันด้วยโปรแกรมทางอิเล็กทรอนิกส์
     
    พวกเธอคุยกันเรื่อยมา คุยกันแทบทุกเรื่อง เรื่องล่าสุดที่คุยกันคือเรื่องเธอคิดจะเปิดร้านขนม โดยมีชนาธิปเป็นที่ปรึกษา ลัลน์ลลิตต่างจากเธอเหมือนสีขาวและสีดำ ลัลน์ลลิตกล้าแสดงออก สวยงาม แจ่มใส จนบางครั้งเธออดไม่ได้ที่จะอิจฉาฝาแฝด พวกเธอตัดสินใจไม่บอกการติดต่อนี้ให้บิดาหรือมารดารับรู้ ด้วยเกรงว่าจะถูกห้ามไม่ให้ติดต่อกัน มันเป็นความลับของพวกเธอสองคน
     
    ปรรณนภัสเข้าโปรแกรม MSN ทำหน้ามุ่ยเมื่อไม่เห็นลัลน์ลลิตออนไลน์ แต่ก็เขียนอีเมลเล่าเรื่องจูบที่เกิดขึ้น ตามที่เคยสัญญากันว่าจะเล่าเรื่อง ‘จูบแรก’ ให้แต่ละฝ่ายฟัง เธอไม่ได้บรรยายละเอียด แต่ในใจจดจำทุกขั้นตอนของการจูบได้ เธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก แม้จะกดส่งจดหมายออกไปแล้ว เธอก็ยังไม่หายหน้าแดง
     
    เธอเอนหลังพิงเก้าอี้ สายตาจ้องมองชื่ออีเมลที่ถูกส่งออกไป เป็นชื่ออีเมลที่เธอไม่เคยระบุว่าเป็นใคร เธอจดจำอีเมลของลัลน์ลลิตได้
     
    ไฟน์จะว่ายังไงบ้าง จะกรี๊ดกร๊าดเหมือนยามที่เล่าเรื่องจูบแรกของตัวเองให้เธอฟังไหม ตอนนั้นเธอยังร่วมกรี๊ดไปกับไฟน์เลย
     
    เธอแทบทนรออ่านอีเมลจากลัลน์ลลิตไม่ไหว เธอเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่ยังนอนเค้งอยู่ในกระเป๋าสะพาย เธอจำเบอร์ของน้องสาวได้ พวกเธอไม่เคยโทรฯ หากัน และพวกเธอดูจะยินดีที่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น
     
    ไม่เป็นไร เธอรออีเมลได้ แต่กระนั้นก็ยังหวังว่าสักวันเธอจะได้เจอกับฝาแฝดของเธอ
     
    จบ Love and Revenge...ด้วยรักและอาฆาต บทที่ 3
    ========================================================
     
    หวัดดีค่า
     
    นี่เป็นบทสุดท้ายของสต็อกแล้วนะคะ (บอกแล้วว่าทำสต็อกน้อย อิๆ) ต่อไปคงไม่ได้มาแปะพร้อมกัน และอาจจะมาแปะช้ากว่านี้ บทนี้มีเปิดเผยบทบาทของฝาแฝดนิดหน่อยค่ะ และแน่นอนว่าจะไม่ใช่บทสุดท้าย
     
    ช่วงนี้อากาศแย่มากเลย ว่าไหมคะ ร้อนอ้าวมากๆ ทำเอามิถุนามึนหัวไม่ก็ปวดหัวแทบทุกวันเลย วันแรกที่เริ่มร้อนนี้ ปวดหัวไปสองวันเลยค่ะ (เป็นพวกแพ้อากาศร้อนทำนองนี้ มันชวนให้ปวดหัวอยู่เรื่อย)
     
    แล้วเจอกันบทหน้าค่ะ
    มิถุนา
    Busaba401แอตhotmail.com
    http://mithuna.bloggang.com
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×