ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นักเรียนใหม่
      ผ่านมาหนึ่งเทอมแล้วกับชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ยีวอนน่าเพิ่งจะผ่านพ้นจากประสบการณ์แปลกประหลาดที่บ้านหลังใหญ่ของคุณยายเพนนีในบลูรีเวอร์ ซึ่งในตอนนี้บ้านหลังนั้นได้ตกเป็นของครอบครัวเธออย่างเหลือเชื่อ ก็แน่ล่ะโชคชะตามักพลิกผันได้เสมอใครจะคิดว่าครอบครัวเล็กๆที่กำลังร่อแร่เพราะไม่มีเงินจะกลับกลายมาเป็นเศรษฐีได้ในเวลาเพียงหนึ่งคืน ตอนนี้ยีวอนน่าไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายอีกต่อไปแต่เธอกลับคิดว่าโชคร้ายได้หนีหายไปจากชีวิตเธอเรียบร้อยแล้ว ยีวอนน่าไม่ต้องไปทำงานพิเศษที่ร้านเบเกอร์รี่ของคุณรอนนี่อีกต่อไปเพราะพ่อกับแม่ของเธอส่งเงินมาให้ใช้ไม่เคยขาดมือ สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ยีวอนน่ามีความสุขมากขึ้นเพราะเธอเคยชินกับชีวิตลุยๆที่ผาดโผนแบบเดิมๆมากกว่าการเป็นคุณหนูลูกสาวเศรษฐี แต่อย่างน้อยๆมันก็เป็นชีวิตใหม่ที่สะดวกสบายและที่สำคัญเธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องค่าเทอมอีกต่อไป
      ตอนนี้พ่อกับแม่ของยีวอนน่าใช้ชีวิตอยู่ที่บลูรีเวอร์ พ่อเป็นเจ้าของแปลงแครอทที่ใหญ่ที่สุดในบลูรีเวอร์ส่วนแม่ก็กำลังสนุกกับการเปิดร้านเสริมสวย ยีวอนน่าต้องอยู่คนเดียวที่บ้านรับรองซึ่งพ่อกับแม่จัดไว้ให้เธอพักอาศัยในช่วงเปิดเทอม บ้านรับรองหลังนี้มีไว้สำหรับรับรองลูกค้า(พ่อบอกไว้ว่าอย่างนั้น)แต่ตอนนี้กลายเป็นบ้านของยีวอนน่าไปแล้ว มันเป็นบ้านสีขาวหลังเล็กแต่น่าอยู่ยีวอนน่าจัดแจงตกแต่งบ้านด้วยตัวเอง เธอตั้งตุ๊กตาหมาราบราดอร์สีส้มที่ทำจากปูนไว้ข้างๆประตูมันดูราวกับเป็นหมาที่มีชีวิตที่นั่งรอเจ้าของอยู่หน้าบ้านและจัดสวนหย่อมเล็กๆมีเก้าอี้ชิงช้าสำหรับคนสองคนจะนั่งได้ในสวน นุชชี่เพื่อนสนิทของยีวอนน่ามักจะมานอนค้างที่บ้านของเธอบ่อยๆเนื่องจากบ้านของยีวอนน่าอยู่ไม่ไกลจากละแวกบ้านของนุชชี่และทั้งสองก็ชอบใช้เวลาอยู่ร่วมกันตามประสาสาวๆ คุยกันสารพัดเรื่อง กินขนมและเที่ยว นุชชี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของยีวอนน่าที่ยังเหลืออยู่ รูปร่างใกล้เคียงกับยีวอนน่าแต่ไว้ผมสั้นกระฉับกระเฉง เธอจริงใจ น่ารัก ร่าเริงและปรารถนาดีกับยีวอนน่าเสมอมา
      เทอมที่สองของนักเรียนปีหนึ่งมาถึงแล้ว ยีวอนน่าและนุชชี่จะต้องเลือกสายของวิชาที่จะเรียนกันจริงๆจังๆเสียทีหลังจากต้องเรียนวิชาพื้นฐานมาหนึ่งเทอม ทั้งสองคนตกลงเลือกเรียนด้านมัณฑนศิลป์แต่ดูเหมือนว่ายีวอนน่าจะต้องหยุดเรียนไปฟรีๆหนึ่งอาทิตย์เต็มเนื่องจากเป็นไข้หวัด
      “ตายจริงลูกแม่! ทำไมไม่รักษาสุขภาพบ้างเลย นี่ก็เปิดเทอมแล้วนะ” แม่ของยีวอนน่าบ่นอุบอิบทางโทรศัพท์และบอกว่าจะเดินทางมาดูแลยีวอนน่าในเมืองหลวงแต่ยีวอนน่าบอกว่าเธอมีนุชชี่คอยดูแลอย่างดีอยู่แล้ว
      “ฉันได้ยินแม่ของเธอบ่นว่าเธอไม่สบาย ขอให้หายเร็วๆนะ มาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆด้วยล่ะ” วิลโล่เป็นตัวแทนของภูตกลางคืนเขียนจดหมายฉบับจิ๋วส่งมาให้ยีวอนน่าที่บ้าน
      นุชชี่แวะมาเยี่ยมยีวอนน่าหลังเลิกเรียนเพื่อช่วยทำซุปร้อนๆให้ยีวอนน่า วันนี้เธอมีเรื่องราวสนุกๆจากมหาวิทยาลัยมาเล่าให้ยีวอนน่าฟัง
      “ขอบใจนะ” ยีวอนน่ารับชามซุปจากนุชชี่
      “เดี๋ยวฉันก็จะกลับล่ะนะยังไม่ได้ให้ข้าวหมาที่บ้านเลย เออนี่วันนี้นะมีเรื่องเด็ดมาเล่าแหละ” นุชชี่ตาโตและมีทีท่าอยากจะเล่าเรื่องเสียเหลือเกิน
      “เรื่องอะไรเหรอ ดูเธอตื่นเต้นจัง” ยีวอนน่าขำและค่อยๆเป่าซุปที่ยังร้อนอยู่
      “ก็คณะของพวกเราน่ะมีนักเรียนใหม่เพิ่งย้ายมาจากมหาลัยอื่น แต่เรียนคนละสายกับกับพวกเรานะเห็นว่าจะเป็นพวกสถาปัตย์” นุชชี่เล่า
      “แค่เนี้ย??” ยีวอนน่าถามเพราะคิดว่านุชชี่น่าจะมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่านี้
      “มีอีก.....คือนักเรียนใหม่คนนี้อ่ะนะเห็นเขาว่ากันว่าหล่อมาก เท่ห์สุดๆ ฉันเห็นพวกสาวๆนะหรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลย แถมเขายังเป็นนักกีฬาด้วยนะ” นุชชี่เล่าพร้อมกับทำตาหยาดเยิ้ม
      “แค่เนี้ย?? ฉันว่าพวกเด็กที่เรียนด้านสถาปัตย์น่ะจะต้องผมยาวรุงรังแต่งตัวแปลกๆมากกว่านะ” ยีวอนน่าบอก
      “ฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่สนใจเขาหรอกเพราะฉันกำลังเดทกะหนุ่มคนใหม่อยู่น่ะ” นุชชี่บอกพลางยิ้มอย่างมีความสุข
      “นั่นแน่......ใช่หนุ่มที่เป็นนักบินหรือเปล่า? เขาน่ารักมากเลยนะ” ยีวอนน่าถามและสบตาเพื่อนสาว นุชชี่ยิ้มอย่างอายๆและพยักหน้าและทั้งสองคนก็หัวเราะชอบใจ
      ยีวอนน่าหายเป็นปกติและกลับไปเรียนได้แล้วโชคดีที่หนึ่งอาทิตย์แรกที่เธอหยุดไปยังไม่มีการบ้าน(เย้) แต่ทว่าพวกสาวๆเอาแต่เม้าท์ถึงเด็กใหม่คนนั้นกับแทบจะตลอดเวลาจนยีวอนน่ารู้สึกรำคาญ เธอพยายามหันไปทางนุชชี่แต่ดูเหมือนว่านุชชี่เองก็ไม่ต่างไปจากคนอื่นๆเธอเอาแต่นั่งดูรูปนักเรียนนักบินฝึกหัดที่เพิ่งคบกันพลางฝันหวานในห้องเรียน ยีวอนน่าถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายและเดินไปคุยกับเพื่อนผู้ชายที่อีกมุมหนึ่งของห้องเรียนพวกเขาชวนยีวอนน่าคุยเรื่องตลกหลายเรื่องจนเธอหัวเราะแทบไม่หยุด
      ยีวอนน่าและนุชชี่เดินไปโรงอาหารพร้อมกันในตอนพักกลางวัน ระหว่างทางทั้งสองคนเดินผ่านโรงยิมมีสาวๆกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงยิมพลางส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเป็นระยะ ยีวอนน่าพยายามชะเง้อมองเข้าไปในโรงยิมใครบางคนที่ยีวอนน่ารู้สึกคุ้นตากำลังเล่นบาสอยู่กับเพื่อนแต่เธอคิดว่าอาจจะเป็นคนที่ดูคล้ายกันมากกว่าและเดินเลยไป นุชชี่ยังคงหยุดชะเง้อดู
      “ยีวอนน่า...นั่นไงคนที่...” นุชชี่พยายามจะบอกยีวอนน่า
      “ไปเถอะนุชชี่ที่รัก เร็วเข้า หิวจะตาย” ยีวอนน่าพูดตัดขึ้นมาเสียก่อนและเดินมาจูงมือนุชชี่
      ยีวอนน่าและนุชชี่นั่งกินอาหารกลางวันด้วยกันอย่างสบายอารมณ์เพราะวันนี้พวกเธอไม่มีเรียนตอนบ่าย(โอ้ย สบายจัง ฮ่าๆๆๆ) นุชชี่กินเก่งมากกินเก่งกว่ายีวอนน่าหลายเท่าแต่ก็ไม่อ้วนเลยสักนิด พวกเธอยังคงนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะอาหารและวางแผนว่าจะออกไปซื้อชามข้าวใบใหม่ให้หมาของนุชชี่
      อีกด้านที่โรงยิมหลังจากการเล่นบาสเสร็จสิ้นลงสาวๆทยอยเดินออกจากโรงยิม ชายหนุ่มร่างสูงเก็บของลงเป้สะพายหลังและเดินออกจากโรงยิมพร้อมกลุ่มเพื่อน เขาเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดกีฬาเป็นเสื้อยึดกางเกงยีนส์และสวมแจ๊กเก็ตยีนส์สีเทา ผมยาวสลวยของเขายังคงเปียกอยู่
     
      ที่โรงอาหารยีวอนน่ากับนุชชี่ยังคงนั่งเล่นกันอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือของนุชชี่ดังขึ้นเธอค่อยๆหยิบมันออกมาจากกระเป๋าสะพายและรับสาย
      “นี่เมื่อกี้แฟนฉันโทรมาบอกว่าจะมารับน่ะ คงไปซื้อชามข้าวให้หมาวันนี้ไม่ได้แล้วล่ะ” นุชชี่บอกยีวอนน่าหลังจากวางหูโทรศัพท์มือถือ
      “ฉันไปซื้อให้ก็ได้นะ วันนี้ยังไงก็ว่าง” ยีวอนน่าบอกพลางยิ้ม
      “ไปกับฉันก็ได้นะ ยีน่า” เสียงชายหนุ่มพูดขึ้นที่ด้านหลังของยีวอนน่า เธอชะงักเพราะมีคนเพียงคนเดียวที่ชอบเรียกเธอว่า”ยีน่า” นุชชี่ทำตาโตด้วยความประหลาดใจยีวอนน่าหันหลังกลับไปมอง
      ไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตัวเอง ชายหนุ่มคนนั้นก็คือแวนเนสนั่นเอง ชายหนุ่มลูกเจ้าของร้านอาหารมิสเตอร์วี ทั้งเขาและยีวอนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนกันก็ว่าได้หลังจากครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองคนพบกันที่ชายหาดของบลูรีเวอร์ต่างก็แยกย้ายกันกลับไปเรียนและแวนเนสก็หายเงียบไปเป็นครั้งที่สองจนยีวอนน่าเบื่อที่จะคิดว่าทำไมเขาถึงหายเงียบไป แวนเนสยืนเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า เขาอยู่ในชุดที่เขาชอบใส่และยังคงสวมแจ๊กเก็ตยีนส์สีเทาตัวโปรดของเขา ยีวอนน่าชอบคิดเสมอว่าแวนเนสจะเคยซักเสื้อแจ๊กเก็ตตัวนี้บ้างหรือเปล่า ผมยาวของแวนเนสยังคงเปียกอยู่ดูเหมือนว่าเขาจะไปตัดผมมาสังเกตได้จากแต่ก่อนผมของเขายาวประบ่าแต่ตอนนี้มันสั้นขึ้นมาประมาณหนึ่งนิ้วเห็นจะได้ แวนเนสก้าวขายาวๆนั่งคร่อมลงที่เก้าอี้ยาวข้างๆยีวอนน่า
      “ยีวอนน่า คนนี้ไงนักเรียนใหม่ที่สาวๆกำลังชอบกันอยู่น่ะ คนที่เราเห็นในโรงยิมวันนี้ไงล่ะ” นุชชี่กระซิบบอกยีวอนน่า
      “ฉันไม่เห็นจะตื่นเต้นเลยซักนิด” ยีวอนน่าไม่สนใจทั้งนุชชี่และแวนเนสและก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป แวนเนสดึงหนังสือออกจากมือของยีวอนน่า
      “เธอนี่มันเรื่องมากจริงๆเลยนะ ฉันอุตสาห์มาหาแล้วไง ยังจะงอนอยู่อีก” แวนเนสพูดกับยีวอนน่า นุชชี่ยังคงจ้องมองแวนเนสด้วยความสงสัย ยีวอนน่าดึงเอาหนังสือกลับมา
      “ก็ใครใช้ให้เงียบหายไปล่ะ หลังจากวันนั้นที่ทะเล ฉันกลับมาเธอก็หายไปอีกครั้ง” ยีวอนน่าว่ากลับ แวนเนสเอามือปิดหูเพราะเสียงของยีวอนน่าแหลมจนแสบแก้วหูไปหมด
      “เอาน่า ฉันก็มาแล้วไงที่ฉันหายไปน่ะเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องการย้ายมหาวิทยาลัย ฉันย้ายมาเรียนกับเธอนี่ไงล่ะ จากนี้ไปเธอก็จะได้เห็นหน้าแวนเนสสุดหล่อจนเบื่อไปเลย เบื่อจนอยากจะหนีไปไกลๆเลยล่ะ” แวนเนสพูดอย่างร่าเริงพร้อมทั้งเก๊กท่าหล่อ เขายังสดใสอยู่เสมอ
      “ขอโทษนะเธอทั้งสอง  เออ...คือ...พวกเธอสองคนเป็น....” นุชชี่ถามขึ้น
      “เป็นเพื่อน” ยีวอนน่าบอก
      “เป็นแฟน” แวนเนสบอกบ้าง นุชชี่เริ่มเกาหัวด้วยความงง
      “ตกลงว่าเธอสองคนเป็น...”นุชชี่ย้อนถามอีกครั้ง ยีวอนน่ากำลังจะบอกว่าเป็นเพื่อนแต่แวนเนสเอามือมาปิดปากยีวอนน่าไว้ก่อน
      “เป็นแฟนครับ แน่นอนที่สุด”แวนเนสบอกกับนุชชี่ เขายิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี นุชชี่ยิ่งตื่นเต้นหนักกว่าเดิมเมื่อแวนเนสยืนยันว่าตนเป็นแฟนกับยีวอนน่า
      “ว้าว! ยีวอนน่าช่างน่าอิจฉาจริงๆ เธอเป็นแฟนกับนักเรียนใหม่สุดหล่อคนนี้นี่เอง  ยีวอนน่าฉันว่านะแฟนเธอคนนี้หน้าคล้ายกับนักร้องเลยนะ แต่จำชื่อวงไม่ได้แล้วล่ะ“ นุชชี่พูดด้วยความตื่นเต้น ยีวอนน่าบอกให้นุชชี่เลิกพูดยอแวนเนสเสียที เสียงโทรศัพท์มือถือของนุชชี่ดังขึ้นอีกครั้งแฟนหนุ่มของเธอเพิ่งจะโทรมาตามเธอจึงขอตัวกลับไปก่อนและปล่อยให้ยีวอนน่าอยู่กับแวนเนสตามลำพัง ยีวอนน่ามองดูนุชชี่วิ่งออกจากโรงอาหารไปแวนเนสแอบตักแพนเค้กสองชิ้นสุดท้ายในจานของยีวอนน่าไปกินจนหมด ยีวอนน่าหันกลับมาพบแต่จานว่างเปล่าเธอหันไปค้อนแวนเนสที่กำลังเคี้ยวแพนเค้กอยู่เต็มปากแถมทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ยีวอนน่าหัวเราะออกมาในที่สุด นี่เป็นอีกครั้งที่แวนเนสทำให้ยีวอนน่าหัวเราะได้ เป็นวิธีขอคืนดีของแวนเนสที่ไม่ต้องพูดมากเลยสักนิด
      ตอนนี้พ่อกับแม่ของยีวอนน่าใช้ชีวิตอยู่ที่บลูรีเวอร์ พ่อเป็นเจ้าของแปลงแครอทที่ใหญ่ที่สุดในบลูรีเวอร์ส่วนแม่ก็กำลังสนุกกับการเปิดร้านเสริมสวย ยีวอนน่าต้องอยู่คนเดียวที่บ้านรับรองซึ่งพ่อกับแม่จัดไว้ให้เธอพักอาศัยในช่วงเปิดเทอม บ้านรับรองหลังนี้มีไว้สำหรับรับรองลูกค้า(พ่อบอกไว้ว่าอย่างนั้น)แต่ตอนนี้กลายเป็นบ้านของยีวอนน่าไปแล้ว มันเป็นบ้านสีขาวหลังเล็กแต่น่าอยู่ยีวอนน่าจัดแจงตกแต่งบ้านด้วยตัวเอง เธอตั้งตุ๊กตาหมาราบราดอร์สีส้มที่ทำจากปูนไว้ข้างๆประตูมันดูราวกับเป็นหมาที่มีชีวิตที่นั่งรอเจ้าของอยู่หน้าบ้านและจัดสวนหย่อมเล็กๆมีเก้าอี้ชิงช้าสำหรับคนสองคนจะนั่งได้ในสวน นุชชี่เพื่อนสนิทของยีวอนน่ามักจะมานอนค้างที่บ้านของเธอบ่อยๆเนื่องจากบ้านของยีวอนน่าอยู่ไม่ไกลจากละแวกบ้านของนุชชี่และทั้งสองก็ชอบใช้เวลาอยู่ร่วมกันตามประสาสาวๆ คุยกันสารพัดเรื่อง กินขนมและเที่ยว นุชชี่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของยีวอนน่าที่ยังเหลืออยู่ รูปร่างใกล้เคียงกับยีวอนน่าแต่ไว้ผมสั้นกระฉับกระเฉง เธอจริงใจ น่ารัก ร่าเริงและปรารถนาดีกับยีวอนน่าเสมอมา
      เทอมที่สองของนักเรียนปีหนึ่งมาถึงแล้ว ยีวอนน่าและนุชชี่จะต้องเลือกสายของวิชาที่จะเรียนกันจริงๆจังๆเสียทีหลังจากต้องเรียนวิชาพื้นฐานมาหนึ่งเทอม ทั้งสองคนตกลงเลือกเรียนด้านมัณฑนศิลป์แต่ดูเหมือนว่ายีวอนน่าจะต้องหยุดเรียนไปฟรีๆหนึ่งอาทิตย์เต็มเนื่องจากเป็นไข้หวัด
      “ตายจริงลูกแม่! ทำไมไม่รักษาสุขภาพบ้างเลย นี่ก็เปิดเทอมแล้วนะ” แม่ของยีวอนน่าบ่นอุบอิบทางโทรศัพท์และบอกว่าจะเดินทางมาดูแลยีวอนน่าในเมืองหลวงแต่ยีวอนน่าบอกว่าเธอมีนุชชี่คอยดูแลอย่างดีอยู่แล้ว
      “ฉันได้ยินแม่ของเธอบ่นว่าเธอไม่สบาย ขอให้หายเร็วๆนะ มาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆด้วยล่ะ” วิลโล่เป็นตัวแทนของภูตกลางคืนเขียนจดหมายฉบับจิ๋วส่งมาให้ยีวอนน่าที่บ้าน
      นุชชี่แวะมาเยี่ยมยีวอนน่าหลังเลิกเรียนเพื่อช่วยทำซุปร้อนๆให้ยีวอนน่า วันนี้เธอมีเรื่องราวสนุกๆจากมหาวิทยาลัยมาเล่าให้ยีวอนน่าฟัง
      “ขอบใจนะ” ยีวอนน่ารับชามซุปจากนุชชี่
      “เดี๋ยวฉันก็จะกลับล่ะนะยังไม่ได้ให้ข้าวหมาที่บ้านเลย เออนี่วันนี้นะมีเรื่องเด็ดมาเล่าแหละ” นุชชี่ตาโตและมีทีท่าอยากจะเล่าเรื่องเสียเหลือเกิน
      “เรื่องอะไรเหรอ ดูเธอตื่นเต้นจัง” ยีวอนน่าขำและค่อยๆเป่าซุปที่ยังร้อนอยู่
      “ก็คณะของพวกเราน่ะมีนักเรียนใหม่เพิ่งย้ายมาจากมหาลัยอื่น แต่เรียนคนละสายกับกับพวกเรานะเห็นว่าจะเป็นพวกสถาปัตย์” นุชชี่เล่า
      “แค่เนี้ย??” ยีวอนน่าถามเพราะคิดว่านุชชี่น่าจะมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่านี้
      “มีอีก.....คือนักเรียนใหม่คนนี้อ่ะนะเห็นเขาว่ากันว่าหล่อมาก เท่ห์สุดๆ ฉันเห็นพวกสาวๆนะหรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลย แถมเขายังเป็นนักกีฬาด้วยนะ” นุชชี่เล่าพร้อมกับทำตาหยาดเยิ้ม
      “แค่เนี้ย?? ฉันว่าพวกเด็กที่เรียนด้านสถาปัตย์น่ะจะต้องผมยาวรุงรังแต่งตัวแปลกๆมากกว่านะ” ยีวอนน่าบอก
      “ฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่สนใจเขาหรอกเพราะฉันกำลังเดทกะหนุ่มคนใหม่อยู่น่ะ” นุชชี่บอกพลางยิ้มอย่างมีความสุข
      “นั่นแน่......ใช่หนุ่มที่เป็นนักบินหรือเปล่า? เขาน่ารักมากเลยนะ” ยีวอนน่าถามและสบตาเพื่อนสาว นุชชี่ยิ้มอย่างอายๆและพยักหน้าและทั้งสองคนก็หัวเราะชอบใจ
      ยีวอนน่าหายเป็นปกติและกลับไปเรียนได้แล้วโชคดีที่หนึ่งอาทิตย์แรกที่เธอหยุดไปยังไม่มีการบ้าน(เย้) แต่ทว่าพวกสาวๆเอาแต่เม้าท์ถึงเด็กใหม่คนนั้นกับแทบจะตลอดเวลาจนยีวอนน่ารู้สึกรำคาญ เธอพยายามหันไปทางนุชชี่แต่ดูเหมือนว่านุชชี่เองก็ไม่ต่างไปจากคนอื่นๆเธอเอาแต่นั่งดูรูปนักเรียนนักบินฝึกหัดที่เพิ่งคบกันพลางฝันหวานในห้องเรียน ยีวอนน่าถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายและเดินไปคุยกับเพื่อนผู้ชายที่อีกมุมหนึ่งของห้องเรียนพวกเขาชวนยีวอนน่าคุยเรื่องตลกหลายเรื่องจนเธอหัวเราะแทบไม่หยุด
      ยีวอนน่าและนุชชี่เดินไปโรงอาหารพร้อมกันในตอนพักกลางวัน ระหว่างทางทั้งสองคนเดินผ่านโรงยิมมีสาวๆกลุ่มหนึ่งยืนออกันอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงยิมพลางส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเป็นระยะ ยีวอนน่าพยายามชะเง้อมองเข้าไปในโรงยิมใครบางคนที่ยีวอนน่ารู้สึกคุ้นตากำลังเล่นบาสอยู่กับเพื่อนแต่เธอคิดว่าอาจจะเป็นคนที่ดูคล้ายกันมากกว่าและเดินเลยไป นุชชี่ยังคงหยุดชะเง้อดู
      “ยีวอนน่า...นั่นไงคนที่...” นุชชี่พยายามจะบอกยีวอนน่า
      “ไปเถอะนุชชี่ที่รัก เร็วเข้า หิวจะตาย” ยีวอนน่าพูดตัดขึ้นมาเสียก่อนและเดินมาจูงมือนุชชี่
      ยีวอนน่าและนุชชี่นั่งกินอาหารกลางวันด้วยกันอย่างสบายอารมณ์เพราะวันนี้พวกเธอไม่มีเรียนตอนบ่าย(โอ้ย สบายจัง ฮ่าๆๆๆ) นุชชี่กินเก่งมากกินเก่งกว่ายีวอนน่าหลายเท่าแต่ก็ไม่อ้วนเลยสักนิด พวกเธอยังคงนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะอาหารและวางแผนว่าจะออกไปซื้อชามข้าวใบใหม่ให้หมาของนุชชี่
      อีกด้านที่โรงยิมหลังจากการเล่นบาสเสร็จสิ้นลงสาวๆทยอยเดินออกจากโรงยิม ชายหนุ่มร่างสูงเก็บของลงเป้สะพายหลังและเดินออกจากโรงยิมพร้อมกลุ่มเพื่อน เขาเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดกีฬาเป็นเสื้อยึดกางเกงยีนส์และสวมแจ๊กเก็ตยีนส์สีเทา ผมยาวสลวยของเขายังคงเปียกอยู่
     
      ที่โรงอาหารยีวอนน่ากับนุชชี่ยังคงนั่งเล่นกันอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือของนุชชี่ดังขึ้นเธอค่อยๆหยิบมันออกมาจากกระเป๋าสะพายและรับสาย
      “นี่เมื่อกี้แฟนฉันโทรมาบอกว่าจะมารับน่ะ คงไปซื้อชามข้าวให้หมาวันนี้ไม่ได้แล้วล่ะ” นุชชี่บอกยีวอนน่าหลังจากวางหูโทรศัพท์มือถือ
      “ฉันไปซื้อให้ก็ได้นะ วันนี้ยังไงก็ว่าง” ยีวอนน่าบอกพลางยิ้ม
      “ไปกับฉันก็ได้นะ ยีน่า” เสียงชายหนุ่มพูดขึ้นที่ด้านหลังของยีวอนน่า เธอชะงักเพราะมีคนเพียงคนเดียวที่ชอบเรียกเธอว่า”ยีน่า” นุชชี่ทำตาโตด้วยความประหลาดใจยีวอนน่าหันหลังกลับไปมอง
      ไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตัวเอง ชายหนุ่มคนนั้นก็คือแวนเนสนั่นเอง ชายหนุ่มลูกเจ้าของร้านอาหารมิสเตอร์วี ทั้งเขาและยีวอนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนกันก็ว่าได้หลังจากครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองคนพบกันที่ชายหาดของบลูรีเวอร์ต่างก็แยกย้ายกันกลับไปเรียนและแวนเนสก็หายเงียบไปเป็นครั้งที่สองจนยีวอนน่าเบื่อที่จะคิดว่าทำไมเขาถึงหายเงียบไป แวนเนสยืนเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า เขาอยู่ในชุดที่เขาชอบใส่และยังคงสวมแจ๊กเก็ตยีนส์สีเทาตัวโปรดของเขา ยีวอนน่าชอบคิดเสมอว่าแวนเนสจะเคยซักเสื้อแจ๊กเก็ตตัวนี้บ้างหรือเปล่า ผมยาวของแวนเนสยังคงเปียกอยู่ดูเหมือนว่าเขาจะไปตัดผมมาสังเกตได้จากแต่ก่อนผมของเขายาวประบ่าแต่ตอนนี้มันสั้นขึ้นมาประมาณหนึ่งนิ้วเห็นจะได้ แวนเนสก้าวขายาวๆนั่งคร่อมลงที่เก้าอี้ยาวข้างๆยีวอนน่า
      “ยีวอนน่า คนนี้ไงนักเรียนใหม่ที่สาวๆกำลังชอบกันอยู่น่ะ คนที่เราเห็นในโรงยิมวันนี้ไงล่ะ” นุชชี่กระซิบบอกยีวอนน่า
      “ฉันไม่เห็นจะตื่นเต้นเลยซักนิด” ยีวอนน่าไม่สนใจทั้งนุชชี่และแวนเนสและก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป แวนเนสดึงหนังสือออกจากมือของยีวอนน่า
      “เธอนี่มันเรื่องมากจริงๆเลยนะ ฉันอุตสาห์มาหาแล้วไง ยังจะงอนอยู่อีก” แวนเนสพูดกับยีวอนน่า นุชชี่ยังคงจ้องมองแวนเนสด้วยความสงสัย ยีวอนน่าดึงเอาหนังสือกลับมา
      “ก็ใครใช้ให้เงียบหายไปล่ะ หลังจากวันนั้นที่ทะเล ฉันกลับมาเธอก็หายไปอีกครั้ง” ยีวอนน่าว่ากลับ แวนเนสเอามือปิดหูเพราะเสียงของยีวอนน่าแหลมจนแสบแก้วหูไปหมด
      “เอาน่า ฉันก็มาแล้วไงที่ฉันหายไปน่ะเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องการย้ายมหาวิทยาลัย ฉันย้ายมาเรียนกับเธอนี่ไงล่ะ จากนี้ไปเธอก็จะได้เห็นหน้าแวนเนสสุดหล่อจนเบื่อไปเลย เบื่อจนอยากจะหนีไปไกลๆเลยล่ะ” แวนเนสพูดอย่างร่าเริงพร้อมทั้งเก๊กท่าหล่อ เขายังสดใสอยู่เสมอ
      “ขอโทษนะเธอทั้งสอง  เออ...คือ...พวกเธอสองคนเป็น....” นุชชี่ถามขึ้น
      “เป็นเพื่อน” ยีวอนน่าบอก
      “เป็นแฟน” แวนเนสบอกบ้าง นุชชี่เริ่มเกาหัวด้วยความงง
      “ตกลงว่าเธอสองคนเป็น...”นุชชี่ย้อนถามอีกครั้ง ยีวอนน่ากำลังจะบอกว่าเป็นเพื่อนแต่แวนเนสเอามือมาปิดปากยีวอนน่าไว้ก่อน
      “เป็นแฟนครับ แน่นอนที่สุด”แวนเนสบอกกับนุชชี่ เขายิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี นุชชี่ยิ่งตื่นเต้นหนักกว่าเดิมเมื่อแวนเนสยืนยันว่าตนเป็นแฟนกับยีวอนน่า
      “ว้าว! ยีวอนน่าช่างน่าอิจฉาจริงๆ เธอเป็นแฟนกับนักเรียนใหม่สุดหล่อคนนี้นี่เอง  ยีวอนน่าฉันว่านะแฟนเธอคนนี้หน้าคล้ายกับนักร้องเลยนะ แต่จำชื่อวงไม่ได้แล้วล่ะ“ นุชชี่พูดด้วยความตื่นเต้น ยีวอนน่าบอกให้นุชชี่เลิกพูดยอแวนเนสเสียที เสียงโทรศัพท์มือถือของนุชชี่ดังขึ้นอีกครั้งแฟนหนุ่มของเธอเพิ่งจะโทรมาตามเธอจึงขอตัวกลับไปก่อนและปล่อยให้ยีวอนน่าอยู่กับแวนเนสตามลำพัง ยีวอนน่ามองดูนุชชี่วิ่งออกจากโรงอาหารไปแวนเนสแอบตักแพนเค้กสองชิ้นสุดท้ายในจานของยีวอนน่าไปกินจนหมด ยีวอนน่าหันกลับมาพบแต่จานว่างเปล่าเธอหันไปค้อนแวนเนสที่กำลังเคี้ยวแพนเค้กอยู่เต็มปากแถมทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ยีวอนน่าหัวเราะออกมาในที่สุด นี่เป็นอีกครั้งที่แวนเนสทำให้ยีวอนน่าหัวเราะได้ เป็นวิธีขอคืนดีของแวนเนสที่ไม่ต้องพูดมากเลยสักนิด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น