คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : อิตาโดริ ยูมะ
Chapter 1 : อิตาโดริ ยูมะ
"พี่ครับคุณปู่ว่ายังไงบ้างครับ" เด็กหนุ่มเรือนผมสีชมพูแซมดำเอ่ยถามคนเป็นพี่ชายฝาแฝดด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่ายูจิลองโทรไปหาปู่แล้วก่อนหน้านี้แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวอะไรกลับมาเลย
"ก็บ่นตามเคยนั่นแหละ แต่พรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมปู่กัน" คนเป็นพี่ชายหันมายิ้มกว้างเพื่อไม่ให้น้องชายเป็นห่วง
"แล้วพรุ่งนี้พี่ไม่มีชมรมหรอครับ"
"ก็มีแต่เดี๋ยวขอรุ่นพี่เลิกเร็วก็ได้เค้าไม่ว่าหรอก" มือหนายกขึ้นเกาหัวตัวเองเป็นการแสดงออกมาว่าไม่ค่อยซีเรียสอะไรเท่าไหร่
"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีเลยนะครับ แต่พี่ไม่ต้องไปตามผมที่ห้องสมุดนะพี่มากี่ครั้งก็ชอบส่งเสียงดังตลอดเลยนี่นา" อิตาโดริคนน้องดุพี่ชายตัวเองเล็กน้อย
อิตาโดริ ยูมะ น้องชายฝาแฝดของยูจินั้นมีลักษณะภายนอกไม่ต่างจากแฝดพี่เลยแม้แต่นิดเดียว จะต่างก็แค่นิสัยแล้วก็เครื่องประดับเท่านั้น ยูมะเป็นคนที่มีสายตาสั้นจึงต้องใส่แว่นทำให้เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนสามารถแยกพวกเขาออกได้ และถ้าสังเกตอีกนิดก็จะเห็นว่ามวลของยูมะจะน้อยกว่ายูจิอีกด้วย
"ได้เลย พี่ชายคนนี้จะไม่ไปส่งเสียงดังที่ห้องสมุดครับ" ยูจิยืดอกปฏิญาณด้วยท่าทางหมั่นไส้แต่มันก็อดทำให้ยูมะยิ้มไม่ได้
พอเห็นฝาแฝดตัวเองยิ้มยูจิก็ยิ้มตามก่อนจะหัวเราะออกมา ทุกอย่างยังดำเนินไปอย่างปกติและทั้งสองหวังว่าพรุ่งนี้จะยังคงสงบสุขแบบนี้ต่อไป
วันถัดไป
ในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายสึกิซาวะไดซังที่ฝาแฝดอิตาโดริอยู่นั้นค่อนข้างครึกครื้น หลังเลิกเรียนเด็กทุกคนกระตือรือร้นในการที่จะไปทำกิจกรรมหลังเลิกเรียน อิตาโดริคนพี่เองก็เช่นกัน
"พี่ดูตื่นเต้นจังเลยนะครับ มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?" ยูมะเอ่ยถามเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองดูตื่นเต้นกว่าปกติในขณะเก็บกระเป๋า
"วันนี้รุ่นพี่เค้าจะเล่นคกคุริซัง(ผีถ้วยแก้วญี่ปุ่น)น่ะ"
"อย่างนั้นหรอครับ งั้นขอให้สนุกนะแล้วก็ขออย่าให้มีเรื่องอะไรละกันนะครับ" ฝาแฝดคนน้องพูดด้วยความเป็นห่วง มันก็แน่อยู่แล้วสิเล่นอะไรแบบนี้มันก็มีสิทธิ์เสี่ยงที่จะเจออะไรแปลก ๆ อยู่แล้ว
"พี่ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า แล้วก็ยูมะอย่าลืมนะว่า5โมงเราจะไปเยี่ยมปู่กัน เจอกันที่ห้องชมรมลึกลับนะ!" ร่างของยูจิวิ่งหายไปพร้อมกระเป๋าของเขา ยูมะเองก็ต้องไปเข้าชมรมเหมือนกัน
"เฮ้อ~"
ที่ฝาแฝดถอนหายใจออกมาก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะการที่ยูจิเล่นอะไรแบบนี้มันมีสิทธิ์ที่จะมีอะไรแปลก ๆ ตามเขามาด้วย ยูมะที่มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจึงรู้สึกกลัวเป็นพิเศษอยู่แล้ว ขนาดตัวเขาที่อายุ15แล้วก็ยังไม่ชิน
ร่างสูงโปร่งของยูมะเดินตามทางเดินเพื่อไปยังห้องสมุด เด็กหนุ่มเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมห้องสมุดมีหน้าที่แค่จัดเรียงหนังสือตามโซนที่ตัวเองได้รับมอบหมายเท่านั้นจึงเป็นการเข้าชมรมที่แทบไม่ต้องเสียเหงื่อเลยสักนิด
ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างปกติอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาที่ชมรมเลิกแล้ว แต่วันนี้มีอะไรที่วุ่นวายกว่าเดิมนิดหน่อย
"ยูมะ!!!!!!!!!! รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะมืดเอา-อุ๊บ!?"
"พี่ยูจิผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเสียงดัง!" แฝดคนน้องรีบวิ่งมาปิดปาดแฝดพี่ตัวดีคนนี้ บอกกี่ครั้งก็ไม่เคยจำเลยว่าอย่ามาห้องสมุด! มากี่ทีเป็นอย่างนี้ตลอดจนโดนประธานตักเตือนไปทุกรอบถ้ายังเป็นแบบนี้อีกเขาได้โดนกินหัวแน่
ให้ตายเถอะ
"อ๊ะ ขอโทษทีนะ ฉันเลิกชมรมแล้วจะมาพาไปเยี่ยมปู่นายออกจากชมรมก่อนคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม" ยูจิยกมือขอโทษก่อนจะถามด้วยความสงสัย
"งานส่วนของผมเสร็จแล้ว แต่ผมต้องแจ้งประธานก่อนรอแป๊บนึงนะ" ยูมะเดินเข้าไปด้านในส่วนของที่ยืมหนังสือเพื่อแจ้งว่าวันนี้ขอกลับเร็ว ไม่นานนักฝาแฝดคนน้องก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าที่เหมือนกัน
"โอ๊ส งั้นรีบไปกันเถอะ" มือหนาของพี่ชายยื่นมาจับมือน้องชายเหมือนอย่างทุกที
หลายคนที่เดินผ่านไปมาก็อาจจะมองว่าแปลกที่ฝาแฝดคู่นี้เดินจับมือกันตลอดเวลา แต่เด็กนักเรียกหรือคนที่นี่เห็นจนชินซะแล้วเพราะทั้งสองคนจะจับมือกันแบบนี้ตลอดที่เดินไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ว่าจะเดินทางไป-กลับโรงเรียน ไปข้างนอกหรือไปเยี่ยมปู่ก็ตาม แม้จะเป็นภาพแปลกตาแต่บางคนก็มองว่ามันน่ารักดี
แต่ยูมะคิดว่ามันไม่ได้ดูน่ารักหรืออะไรแบบนั้น สาเหตุที่พวกเขาต้องจับมือกันเป็นเพราะฝาแฝดคู่นี้เคยเกือบประสบอุบัติเหตุในวัยเด็ก
วันนั้นเป็นวันที่เขากลับบ้านตามปกติกับฝาแฝดตัวเอง ตอนนั้นพวกเขายังเด็กอยู่เลยมั้งประมาณประถมต้น ระหว่างทางที่รอข้ามถนนอยู่นั้นจู่ ๆ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่กลางถนนที่มีรถวิ่งผ่านไป-มาทะลุร่างของมันไป มันมีลักษณะน่าเกลียดน่ากลัวดวงตาของมันมองไปรอบ ๆ หาจุดโฟกัสไม่ได้จนมันหยุดนิ่ง ร่างอันบิดเบี้ยวค่อย ๆ ขยับช้า ๆ ทุกส่วนขยับตามเหมือนหุ่นที่มีข้อต่อไปทั่วร่าง
ยูมะที่มองตั้งแต่เริ่มก็เริ่มรู้สึกกลัว ดวงตาไร้แววนั่นมันกำลังจ้องมาทางเขาดวงตาสบตากันก่อนที่ปากอันบิดเบี้ยวของมันจะแสยะยิ้มให้
มันรู้ว่าเขากำลังมองมันอยู่
มือเล็กรีบคว้ามือพี่ชายไว้มากำแน่น ใบหน้ากลมก้มหน้าก้มตาเพื่อหลบสายตานั่น ใบหน้าเริ่มมีเหงื่อสีใสไหลตกลงมาจนยูจิรู้สึกตัว
แฝดพี่ถามด้วยความเป็นห่วง ใกล้ ๆ กันมีสวนสาธารณะยูจิจึงพาแฝดตัวเองไปนั่งเพื่อให้อาการดีขึ้น ไฟเขียวบอกสัญญาณว่าสามารถข้ามถนนได้ แต่เด็กน้อยเลือกที่จะเดินกันมาห่างจากที่ฝูงชนเพื่อพาหนึ่งในแฝดไปนั่งพักก่อน
เดินออกมาไม่เท่าไหร่เสียงการปะทะก็ดังขึ้น เมื่อหันไปดูก็พบกับรถบรรทุกฝ่าไฟแดงพุ่งชนกวาดคนที่อยู่บนทางม้าลายไปเกือบหมด เสียงกรีดร้องดังขึ้นจนมันก้องอยู่ในหัว
ภาพตรงหน้ามีแต่สีแดง และบิดเบี้ยวไม่ต่างจากปีศาจตัวเมื่อนั้น มันยืนร่ายรำอยู่ตรงนั้นก่อนที่จะค่อย ๆ เลือนรางหายไปทิ้งไว้เพียงความโกลาหลที่เกิดขึ้น
ถ้าพวกเขาตัดสินใจเดินไปกับกลุ่มคนพวกนั้นล่ะก็.......
ถ้าเขาไม่มองไปทางที่มันอยู่เมื่อกี้คง.......
ยูมะเกิดอาการปวดหัวขึ้นมาร่างกายเล็กทรุดลงกับพื้นท่ามกลางความวุ่นวาย
ยูจิกอดยูมะเอาไว้ด้วยความตกใจพร้อมบอกย้ำน้องชายว่าไม่เป็นอะไร ตัวเองก็ออกแรงพาน้องชายไปทางอื่นในใจก็สั่นกลัวไม่ต่างกันแต่ตอนนี้น้องเขาต้องมาก่อน ฝาแฝดพากันไปนั่งที่อื่นให้ห่างจากจุดเกิดเหตุ และเหตุการณ์นี้มันคงฝังใจฝาแฝดไปอีกนาน
แต่เรื่องมันก็เกิดมานานแล้วทั้งยูมะและยูจิจึงเก็บมันเอาไว้เป็นหนึ่งในความทรงจำแย่ ๆ เรื่องหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต
หลังแวะซื้อดอกไม้เสร็จฝาแฝดก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก พอเปิดประตูเข้าไปก็มีเสียงของชายแก่ดังขึ้นราวกับรู้ว่าพวกเขาจะมาหา
"ฉันว่าไม่ต้องมาไง!!! ไอ้หลานหัวดื้อ!" เสียงแหบของคนสูงอายุตะโกนดังลั่นไม่เกรงใจว่าที่นี่คือโรงพยาบาลเลยสักนิด
"ปู่อย่าส่งเสียงดังสิครับ" ยูมะพูดเชิงตักเตือน พวกเขามักโดนคุณปู่ว่าอย่างนี้ทุกครั้งจนกลายเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว
ระหว่างที่เดินเข้าไปฝาแฝดคนน้องได้ปิดประตูห้องกันเอาไว้เผื่อคุณปู่เขาจะส่งเสียงดังอีก ส่วนฝาแฝดคนพี่นั้นได้ไปเตรียมดอกไม้เพื่อนำไปใส่ในแจกันเหมือนทุกครั้งที่มาเยี่ยม
"เหอะ! ฉันบอกแล้วไงว่าให้พวกแกไปร่วมชมรมอะไรนั่น ไม่ต้องมาเยี่ยมชั้น!" คุณปู่หัวดื้อไม่ต่างจากหลานตัวเองยังคงเอ่ยปากไล่หลานชายแต่แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้ผลทุกครั้ง
"หนวกหูน่าปู่ ชมรมผมเลิกตั้งแต่5โมงแล้ว"
"แล้วฉันก็บอกแล้วไงว่าอย่าเอาดอกไม้มาเยี่ยม เก็บเงินของพวกแกเอาไว้เถอะ" ชายแก่ถอนหายใจที่เห็นหลาน ๆ มาเยี่ยมแต่เขานั้นไม่ต้องการมันเลยสักนิด ยูจิที่กำลังแกะช่อดอกไม้ออกก็ตอบกลับด้วยความกวนประสาทตามนิสัยเขา
"ก็บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าผมไม่ได้ซื้อมาให้ปู่ซะหน่อย ผมซื้อมาให้นางพยาบาลต่างหาก" ยูมะที่ฟังอยู่ก็ถึงกับหลุดขำ สมกับเป็นพี่เขาจริง ๆ ที่ยังกวนประสาทปู่กลับได้แสบขนาดนี้
"เจ้าเด็กบ้า!"
"คิก เอาเถอะน่า….. ปู่อย่าโมโหเลยนะครับมันไม่ได้รบกวนผมเลยจริง ๆ พวกผมมาเยี่ยมก็ดีใจหน่อยสิครับ" เด็กหนุ่มสวมแว่นพูดอย่างยิ้ม ๆ ในขณะเอาแจกันไปล้างทำความสะอาด เติมน้ำก่อนจะนำมันไปวางไว้ตรงหน้าต่างที่มีแสงเข้า
"อย่างที่ยูมะพูดนั่นแหละ ถ้าพวกผมไม่ว่างจริง ๆ ก็ไม่มาหรอก" ยูจิแกะห่อกระดาษได้สำเร็จดอกไม้ช่อสวยถูกนำมาใส่ในแจกัน
"เจ้าพวกคนว่าง เหอะ…..ถ้างั้นก็มาฟังฉันหน่อย"
"ไม่อะ" ยูจิรีบพูดตัดบทเหมือนทุกครั้งที่เคยมาเยี่ยม ส่วนยูมะได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
"ฮึ่ม……. ฟังให้ดี ฉันมีเรื่องจะบอกแกเกี่ยวกับพ่อแม่ของพวกเจ้า-"
"ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่สน ขอร้องล่ะปู่ช่วยเลิกทำเป็นเก๊กก่อนตายได้ไหม" ร่างสูงหันตอบกลับร่างที่นอนอยู่
"ลูกผู้ชายต้องตายอย่างองอาจเข้าใจไหมเจ้าเด็กบ้า" คุณปู่กอดอกและก็เป็นทุกครั้งที่ยูมะจะต้องห้ามทั้งสองคนไม่ให้ตีกัน
"โถ่ทั้งสองคนล่ะก็ อย่าทะเลาะกันสิครับ พี่เองก็เลิกกวนประสาทปู่ได้แล้ว" ยูมะแอบถอนหายใจมาทุกครั้งต้องมีปากมีเสียงกันสักเรื่องจนเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ถ้าไม่ตีกันสงสัยคงจะนอนไม่หลับกันแน่ ๆ
"ก็ได้ ปู่เองก็เลิกโมโหได้แล้วน่า เป็นคนธรรมดาน่ะดีแล้ว" ยูจิจัดดอกไม้ในตำแหน่งที่เหมาะสม แม้จะบอกว่าซื้อมาให้นางพยาบาลแต่ความจริงตั้งใจซื้อมาให้ปู่ต่างหาก
"ชิ พวกแกนี่นะ……." ชายแก่พลิกตัวไปอีกด้านหันหลังให้หลานที่กำลังจัดดอกไม้ใส่แจกัน ยูมะปล่อยให้ยูจิจัดการส่วนนั้นไป ส่วนตัวเองก็ไปล้างมือที่อ่างล้างหน้าในห้อง
"ยูจิ…. ยูมะ…." ในขณะที่ห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่นั้นปู่ก็พูดเรียกชื่อของทั้งสองคนทำให้เกิดความสงสัยผุดขึ้นมา
"หืม?"
"พวกแกเป็นเด็กที่แข็งแรง เพราะฉะนั้นไปช่วยคนอื่นซะ ไม่ต้องช่วยทุกคนก็ได้ช่วยเท่าที่พวกเจ้าช่วยได้
บางทีพวกเจ้าอาจจะสับสนไปบ้างก็ไม่เป็นไรหรือไม่ได้รับคำชมก็ไม่ต้องสนใจ" สองแฝดหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันมาสนใจสิ่งที่ชายแก่พูด มันรู้สึกแปลก ๆ แล้วก็รู้สึกไม่ดีเอาซะเลยที่ปู่พูดแบบนี้
"ยูมะ… เจ้าเองก็ช่วยเป็นตาแล้วก็ช่วยระวังหลังให้พี่เจ้าด้วย พวกเจ้าจงตายโดยห้อมล้อมไปด้วยผู้คนติดตาม อย่าให้เหมือนกับฉัน…….."
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องสี่เหลี่ยม ฝาแฝดมองปู่ที่กำลังหลับก่อนที่จะเงยหน้ามามองกัน มันเงียบจนเกินไปยูมะจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ
"ปู่" ยูจิเรียกชายแก่ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
เพียงแค่มือของยูมะสัมผัสร่างกายที่นอนแน่นิ่งก็รู้ทันทีว่าร่างนั้นไม่หายใจแล้ว
"ปู่เค้า….ไม่หายใจแล้ว…" ดวงตาสีน้ำตาลทองสั่นระริกสบกับดวงตาที่สีเหมือนกับตัวเอง ก่อนที่น้ำตาสีใสจะไหลออกมา
ยูมะร้องไห้สะอื้นยูจิเองก็เช่นกัน ฝาแฝดคนพี่ที่มีสติมากกว่าก็เดินไปโทรศัพท์เพื่อแจ้งกับนางพยาบาล
["สวัสดีค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ"] เสียงนางพยาบาลขานรับ
"……..ฮึก.."
["อิตาโดริซัง ยังอยู่ในสายใช่ไหมคะ?"] เสียงอีกฝั่งขานอีกครั้งเมื่อปลายสายเงียบไป
"คุณปู่…….เสียแล้วครับ" ในที่สุดยูจิก็กลั้นใจพูดออกไป ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
โทรศัพท์ถูกวางสายลงการจากไปอย่างกระทันหันแบบนี้แม้จะเป็นหลานหรือคนที่ทะเลาะกันทุกครั้งก็ต้องมีใจหายกันบ้าง คุณปู่ก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ของพวกเขา เลี้ยงตั้งแต่ฝาแฝดยังจำความได้จนกระทั่งชายแก่เข้าโรงพยาบาล
ยูมะกุมมือที่เหี่ยวย่นด้วยความเศร้า ฝ่ามืออันอบอุ่นของยูจิวางบนไหล่ราวกับช่วยปลอบทั้งที่ตัวเองก็มีความรู้สึกเดียวไม่ต่างกันเลยตอนนี้ ไม่นานนักนางพยาบาลสองคนก็ช่วยกันเข็นร่างสิ้นลมของปู่ออกไป
ฝาแฝดมองร่างที่เริ่มลับสายตาไป ยูมะพยายามเช็ดน้ำตาของตัวเองแต่มันก็ไม่ยอมหยุดไหลเสียที คนเป็นพี่ที่เห็นดังนั้นจึงนำเอาศีรษะของน้องชายมาซุกไว้ตรงไหล่ของตัวเอง มือหนาช่วยลูบแผ่นหลังเป็นการปลอบฝาแฝดและเป็นการปลอบตัวเองด้วย
ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาเพียงแค่สองคนเท่านั้น….
เวลาผ่านไปสักพักนางพยาบาลก็นำเตียงใหม่มาแทนที่แล้วก็แจ้งว่าควรทำยังไงต่อ ยูจิที่กำลังปลอบน้องอยู่นั้นจึงเป็นคนรับฟังก่อนจะเริ่มเก็บของใช้ของปู่ลงในกระเป๋า พอจัดการอะไรเสร็จข้างนอกก็มืดเสียแล้ว
"โอเคขึ้นรึยังยูมะ" แฝดเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงระหว่างเดินทางไปที่จุดประชาสัมพันธ์เพื่อกรอกข้อมูลยืนยันการตาย แม้ขอบตาตัวเองจะแดงอยู่แต่ของยูมะแดงมากกว่าจนน่ากลัว
"อืม…..ผมไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ" คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมายิ้มเพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่มือก็ยังคงสั่นอยู่จนยูจิที่กุมอยู่นั้นรู้สึกได้
ทั้งสองเดินมาถึงก็แจ้งกับพยาบาลเพื่อกรอกข้อมูลที่จำเป็นลงไปในเอกสารที่โรงพยาบาลต้องการ ยูจิเป็นคนเขียนเอกสายส่วนยูมะยืนดูข้าง ๆ จนกรอกครบถ้วนหมดทุกอย่างจึงมอบให้กับพยาบาล
"ครบแล้วค่ะ เอกสารที่ต้องการมีเพียงเท่านี้" นางพยาบาลตรวจดูความเรียบร้อยของเอกสาร
"ขอบคุณที่ช่วยดูแลนะครับ" ยูจิพูดขอบคุณ
"แล้วทั้งสองคนไม่เป็นอะไรแน่นะคะ" เธอถามด้วยความเป็นห่วง
"อืม…. คงเพราะเกิดเรื่องแบบนี้ครั้งแรกของพวกเราเลยไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ ถ้าปู่รู้ว่าผมร้องไห้แบบนี้คงโกรธเอาแน่ ๆ" เด็กหนุ่มพูดอย่างยิ้ม ๆ
"ส่วนผมไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง" เมื่อพยาบาลหันมามองหน้าแฝดน้องยูมะเลยตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
"ผมคิดว่าผมจะยิ้มตอนเผาศพเค้า" ยูจิพูดติดตลกจนพยาบาลยิ้มออกมาแห้ง ๆ
"พูดอะไรออกมาน่ะคะ"
"อิตาโดริ ยูจิ" ระหว่างที่กำลังพูดคุยกับพยาบาลอยู่นั้นก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเรียกชื่อของฝาแฝดคนพี่
สายตาของคนทั้งสามหันไปทางต้นเสียงก็พบกับเด็กหนุ่มที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกันยืนอยู่ในมุมมืด แสงจากจุดประชาสัมพันธ์ทำให้รูปร่างของเขาได้ชัดเจน
เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งมีเรือนผมสีดำเช่นเดียวกับชุดที่ใส่อยู่ ทรงผมชี้ขึ้นเป็นเอกลักษณ์ทั้งนางพยาบาลและแฝดคนน้องมองไปยังพี่ชายว่าไปมีเรื่องอะไรรึเปล่า
"ฉันฟุชิงุโระ เมงุมิจากโรงเรียนไสยเวทและฉันก็มีเรื่องจะคุยกับนายเดี๋ยวนี้" อีกฝ่ายพูดเสียงเข้มและจริงจังซึ่งมันทำให้เชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ
"พี่แอบไปมีเรื่องกับใครอีกงั้นหรอครับ" ยูมะเอ่ยถามทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกแล้วว่าอย่าไปมีเรื่องอะไรกับใคร
"ฉันเปล่านะยูมะ เออนี่ ว่าแต่เรื่องสำคัญที่ว่าให้แฝดฉันฟังด้วยได้ไหม" ยูจิหันไปถามฟุชิงุโระเพื่อความมั่นใจ และจะได้บอกไปเลยว่าพี่ชายคนนี้ไม่ได้ไปหาเรื่องใครนะ!
ดวงตาสีเขียวมองฝาแฝดที่อยู่ด้านหลัง พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งกก่อนพยักหน้าถือเป็นอันว่าอนุญาต ทั้งสองจึงเดินตามไปคุยในที่ที่ไม่ได้ห่างจากตรงนั้นมากแต่มันก็เพียงพอต่อการคุยเรื่องสำคัญที่อีกฝ่ายกำลังจะพูด
"ขอโทษทีนะแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว" เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะเริ่มบทสนทนา
"วัตถุต้องสาปที่อยู่กับนายมันอัตรายมากช่วยส่งมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย"
"วัตถุต้องสาป?" สองฝาแฝดทำหน้าสงสัยฟุชิงุโระจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดรูปให้ดู
"นี่ไงล่ะ นายมีมันอยู่ใช่ไหม"
รูปนั้นเป็นรูปของกล่องที่มีวัตถุทรงกระบอกขนาดไม่ใหญ่มากที่พันไปด้วยกระดาษเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยอักขระแปลก ๆ
"โอ๊ะ ฉันเอามาเองแหละ" เมื่อยูจิพูดจบคนที่กำลังตามหามันถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ น้องชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเองก็เช่นกัน
"พี่ไปเอามาจากตู้วัดอุณหภูมิใช่ไหม" ยูมะเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
"ก็ใช่ แต่ฉันไม่ได้สนใจมันหรอกนะ แต่รุ่นพี่น่ะตื่นเต้นกันสุดๆ ว่าแต่มันอันตรายยังไงงั้นหรอ?"
มันอันตรายมากเลยต่างหากไอ้พี่บ้าเอ้ย!
ยูมะด่าพี่ตัวเองในใจ ไม่คิดว่าพี่ตัวเองจะไปเอาของอันตรายพรรค์นั้นมาด้วย ทุกครั้งเค้าจะไม่ไปเหยียบหรือไปแตะต้องอะไรตรงกล่องวัดอุณหภูมิเด็ดขาด แค่เข้าไปใกล้ ๆ ก็รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกแถมยังมีเหมือนออร่าแปลก ๆ ออกมาจนดูน่ากลัว แถมระยะนี้ยังมีพวกผีหรือปีศาจเข้ามาในโรงเรียนเยอะขึ้นอีกต่างหาก
ดูยังไงก็ของอัตรายชัด ๆ
"สิ่งที่นายเก็บได้คือวัตถุต้องสาปที่จัดอยู่ในระดับพิเศษ ตอนนี้ยังไม่เกิดเรื่องจนมีคนตาย รีบส่งมาเร็วเข้า" ระหว่างที่ยูมะคิดถึงสิ่งที่ฟุชิงุโระกำลังตามหาอยู่นั้นทำให้เขาพลาดอะไรไปบางอย่าง แต่พอทวงของจากยูจิฝาแฝดคนพี่ก็ยังไงทำตัวสบาย ๆ อยู่
"ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้สนใจมัน ไปตามที่รุ่นพี่เอาสิ" ยูจิโยนกล่องให้แต่โดยดี แต่พอเปิดดูด้านในกลับว่างเปล่าไร้ของที่ตามหา
"พี่…. ของด้านในมันหายไปไหนล่ะ" ยูมะอยากจะบ้าตายตรงนั้น เมื่อเห็นว่าของอันตรายได้หายออกไปจากที่ที่มันควรอยู่ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
"อยู่ที่รุ่นพี่น่ะ เห็นบอกว่าวันนี้จะเปิดดูที่โรงเรียน…. นายเป็นอะไรไป"
ยูจิบอกยูมะจบท่าทีของคนมาใหม่ก็เปลี่ยนไป อีกฝ่ายชะงักถอยหลังทำหน้าเครียด
"มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ?" ยูจิที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ถามด้วยความสงสัย
"ไม่ใช่แค่แย่…..
แต่พวกเขาตายแน่"
-Talk-
สวัสดีค่าทุกท่าน เรื่องนี้เป็นเรื่องของไรต์เตอร์สองคนมารวมสมองแต่งเรื่องนี้กันนะคะ บางท่านอาจจะคุ้นๆไปบ้างก็ไม่ต้องตกใจไปนะคะ
ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมกอดด้วยนะคะ
อย่าลืมกดหัวใจและคอมเมนต์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ
รักทุกคนนนนนนนนนนนนนนนนนนน~<3
ความคิดเห็น