ตอนที่ 32 : +ลวงรัก 09+ ไม่รู้สึก ที่ ‘แอบรู้สึก’ [1] อัปเพิ่มค่าาา
“ภัคกี้อยากกินอะไรก็เลือกได้เลยนะ” ฉันหันไปถามคนที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามหลังเรื่อยมาในขณะที่เราทั้งคู่เข้ามาอยู่ในห้างใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อืม ยังคิดไม่ออกเลยค่ะ แล้วน้องจีนอยากกินอะไรมั้ยคะ”
“ได้ไงล่ะ ภัคกี้เป็นคนหิวก็ต้องเลือกสิ จีนตามใจพี่ พี่อยากกินอะไรจีนก็กินตามพี่นั่นแหละ”
“จริง ๆ พอดื่มกาแฟพี่ก็ไม่ค่อยรู้สึกหิวแล้วล่ะคะ”
“เป็นงั้นไป...” ฉันขมวดคิ้วมองภัคกี้ด้วยความสับสน เป็นคนชวนมาเพราะหิวแท้ ๆ แต่กลับมาบอกว่าไม่หิวแล้วเนี่ยนะ
แต่ก็เข้าใจได้อยู่หรอก เวลากินกาแฟมันรู้สึกอิ่มจริง ๆ นั่นแหละ ช่วงไดเอทฉันยังเลือกกินกาแฟก่อนมื้ออาหารเลย ทำให้ความอยากอาหารน้อยลงไปทันตา
“งั้นเราเดินเล่นกันก่อนดีมั้ยคะ ไว้หิวก็ค่อยไปนั่งร้านอาหารกันก็ได้” ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา
ได้เดินเล่นสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน เผื่อดูนู่นนี่จะได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาสักหน่อย
ฉันเดินคู่กับภัคกี้ไปเรื่อย ๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นป้าย sale 50% ของเครื่องสำอางยี่ห้อโปรด เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าร้านกลับต้องชะงักนิ่งไว้ เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้มาเดินคนเดียว หรือเดินกับไอ้กายอย่างเคย แต่กลับมาเดินกับเพื่อนรุ่นพี่ที่เหมือนเราจะเริ่มสนิทกันแล้ว แม้จะรู้จักกันไม่นานอย่างภัคกี้
และการที่ผู้ชายอย่างเขาต้องมายืนรอฉันเลือกเครื่องสำอางนี่มันไม่ใช่เรื่องเลยนะ ถึงภัคกี้จะเป็นเกย์ แต่เกย์ก็ไม่ได้แต่งหน้าเหมือนผู้หญิงสักหน่อย เขาแค่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายเท่านั้นเอง
ตัดใจเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยแวะมาคนเดียวก็ได้วะ…
“ข้างหน้ามีเครื่องสำอางลดราคาด้วยค่ะ น้องจีนอยากไปดูมั้ยคะ” ฉันเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะสนใจอะไรแบบนี้ “เจอเรื่องชวนหงุดหงิดใจมา ได้มาแวะดูเครื่องสำอาง ผู้หญิงน่าจะอารมณ์ดีขึ้นใช่มั้ยล่ะคะ”
ฉันหรี่ตามองเขาอย่างจ้องจับผิด ทำไมดูรู้ดีเรื่องผู้หญิงดีจัง หรือว่า… “ภัคกี้ก็ชอบแต่งหน้าเหรอ”
“คะ?” ภัคกี้มองฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างจนตาหยี “เปล่าหรอกค่ะ พี่แค่มีเพื่อนผู้หญิงเยอะ”
“แต่จีนเลือกนานมากเลยนะ ภัคกี้จะรอไหวเหรอ” ฉันถามออกไป พร้อมมองหน้าเขาด้วยความเกรงใจ
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกค่ะ” ไม่พูดเปล่าภัคกี้ก็โอบไหลฉันเดินตรงเข้าไปในร้านทันที “อยากดูอะไรดูตามสบายเลยค่ะ ไม่ต้องรีบนะ”
“พี่จะไม่ออกไปรอข้างนอกเหรอ ข้างในคนเยอะมากนะ”
“ไม่ค่ะ พี่อยากช่วยน้องจีนเลือกมากกว่า” ได้ยินที่เขาพูดแบบนั้นฉันก็เบิกตาขึ้นด้วยความแปลกใจอีกครั้ง
ไม่คาดคิดเลยแหะ ว่าจะมาเจอผู้ชายที่ช่วยเลือกเครื่องสำอางเนี่ย แปลกคนจริง ๆ
ขนาดตอนคบกับโอ๊ตมันยังไม่เคยรอฉันเข้าร้านพวกนี้เลยสักครั้งนะ หรือตอนมากับกายมันก็ออกไปนั่งเล่นโทรศัพท์รอข้างนอกซะมากกว่า
แต่ภัคกี้กลับ...
“น้องจีนสนใจอะไรอยู่คะ” ภัคกี้ถามขึ้น ทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ของตัวเองแล้วรีบตอบคำถามเขาทันที
“จีนอยากได้ลิปใหม่อะ”
“นั่นไงคะโซนลิป” พูดจบภัคกี้ก็พาฉันเดินมายังโซนที่ว่าทันที ดีนะที่เขาตัวสูง ทำให้ระยะในการมองเห็นของเขามีเยอะกว่าคนสูงน้อยอย่างฉัน ที่ตอนนี้มีผู้คนมากมายในร้านกำลังบดบังทัศนีภาพของเครื่องสำอางชั้นเลิศอยู่
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าสนใจแบบไหนสอบถามได้นะคะ”
“ขอดูก่อนนะครับ” ภัคกี้ตอบพนักงานขายแทนฉันก่อนจะยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ตามปกติของเขา แต่คนที่ไม่ปกติน่าจะเป็นพนักงานของนี่แหละ เพราะอยู่ ๆ เธอก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ก่อนจะก้มหน้าหนีสายตาผู้ชายตรงหน้าทั้งยังแอบบิดไปมาด้วยความเขินอายอีก
เห็นภาพตรงหน้าฉันก็ได้แต่หัวเราะในลำคอกับความไม่รู้อะไรเลยของเธอคนนั้น ก่อนจะละความสนใจจากเธอแล้วเอื้อมมือไปหยิบลิปแมตต์คอลเลคชั่นใหม่ที่หมายตาเอาไว้
“น้องจีนชอบเนื้อแมตต์เหรอคะ” ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก้มลงมามองแท่งลิปในมือฉัน
“ไม่ได้ชอบหรอก แต่เห็นมันกำลังฮิต แถมสีนี้ก็หายากด้วยจีนเลยอยากซื้อเก็บไว้”
“วันนี้น้องจีนก็ทาแมตต์มา …ใช่มั้ยคะ?”
“อะ... อือ” ฉันถึงกับอึกอักขึ้นทันทีที่เงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าภัคกี้กำลังก้มลงมาสำรวจริมฝีปากของตัวเองในระยะที่ใกล้จนต้องเม้มปากอย่างทำตัวไม่ถูก
ใครใช้ให้จ้องกันขนาดนี้ล่ะ!
“พี่ว่าแบบนี้มันแห้งไปนะคะ อืม...” แนะนำฉันเสร็จคนตรงหน้าก็ยืดตัวเต็มความสูง ก่อนจะมองไปยังลิปคอลเลคชั่นเดียวกัน แตกต่างกันที่ลักษณะเนื้อของลิป แล้วหยิบลิปเนื้อซาตินสีชมพูพีชออกมา “ลองอันนี้ดูหน่อยมั้ยคะ พี่ว่าน่าจะเข้ากับน้องจีนนะ”
ฉันมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจครั้งแล้วครั้งเล่า จะมีอะไรให้คาดไม่ถึงอีกสักแค่ไหนกันนะคน ๆ นี้ แค่ชวนเข้าร้าน พร้อมมาเดินดูด้วยกันก็อึ้งมากพอแล้ว นี่ยังจะเลือกลิปให้อีกเหรอเนี่ย
เมื่อไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจ ฉันจึงเอื้อมมือไปหยิบลิปที่ภัคกี้ส่งให้ก่อนจะเปิดฝาแล้วลองสควอชเนื้อลิปดูที่หน้าแขนของตัวเอง “สีน่ารักดีนะ แต่จีนไม่เคยใช้สีแบบนี้เลยอะ จีนว่ามันไม่น่าจะเข้ากับจีนหรอก มันดูหวานมากเลย”
“ยังไม่ลองทาเลยจะรู้ได้ยังไงคะ” ภัคกี้หัวเราะเบา ๆ ที่เหมือนฉันจะยอมตัดใจอย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปขออะไรบางอย่างจากพนักงานขายข้าง ๆ และเมื่อเธอส่งแผ่นสำลีบาง ๆ ให้ด้วยความเขินอาย เขาก็เอ่ยขอบคุณแล้วหันกลับมาหาฉัน “น้องจีนพกลิปที่ทาวันนี้มาด้วยหรือเปล่าคะ”
“พกมา จีนมีลิปติดตัวเอาไว้เติมระหว่างวันตลอด”
“งั้นพี่ขอเสียมารยาทลบลิปที่ปากน้องจีนได้มั้ยเอ่ย จะได้ลองแท่งนี้ไง” ภัคกี้เหล่ตามองลิปที่เขาเลือกให้ในมือฉัน
“เอาลิปมาลองกับปากไม่ได้หรอกภัคกี้ มันเสียมารยาท” ฉันรีบปฏิเสธไปทันที ถึงแม้ตัวเทสเตอร์อันนี้พนักงานจะเพิ่งแกะออกมาใหม่ แต่การที่เราเอาตัวเทสเตอร์มาทาที่ริมฝีปากตัวเอง มันก็ดูไม่ดีเอามาก ๆ เลยนะ
แม้ฉันจะเคยเห็นบางช็อปที่พนักงานหยิบตัวเทสเตอร์มาประโคมหน้าตัวเองเลยก็เถอะ แต่อะไรไม่ดีก็ไม่เห็นต้องทำตามเลยนี่
“พี่มีวิธีค่ะ” ภัคกี้ยิ้มหวานพร้อมเชิดปลายคางฉันขึ้นทั้งยังกดน้ำหนักนิ้วลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ฉันหันหน้าหนี ก่อนจะบรรจงใช้แผ่นสำลีที่ชุบน้ำยาเช็ดเครื่องสำอางปาดลงบนริมฝีปากของฉันเบา ๆ
เพียงไม่นานเขาก็หยิบลิปเนื้อซาตินในมือฉันไปสควอชลงบนหลังมือของตัวเองอยู่หลายที ก่อนจะใช้นิ้วนางแตะ เนื้อลิปย้ำ ๆ แล้วเชิดปลายคางฉันอีกครั้ง พร้อมทั้งเกลี่ยเนื้อลิปที่ติดอยู่บนปลายนิ้วตัวเองลงบนริมฝีปากฉันอย่างเบามือ
ตึกตัก! ตึกตัก!
ฉันยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ที่อยู่ ๆ ผู้ชายตรงหน้าก็มาทำอะไรแบบนี้ให้กัน ก็พอเดาได้อยู่แหละว่าภัคกี้เป็นคนเอาใจใส่คนรอบตัวเก่ง แต่ก็นะฉันไม่คิดว่าเขาจะเอาใจใส่เก่งขนาดนี้ ฉันแทบจะเดาการกระทำของเขาไม่ได้เลยสักอย่าง
ทำแบบนี้... ใครจะไม่ใจสั่นบ้างล่ะ ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ที่โดนผู้ชายมาทำอะไรแบบนี้ให้แล้วจะยังทำใจนิ่งเฉยได้อีก
“เหมาะกว่าที่คิดไว้อีกนะคะ” ภัคกี้อมยิ้มกับผลงานของตัวเองก่อนจะจับไหล่ฉันให้หมุนไปทางกระจกเงาที่กำลังสะท้อนภาพสาวหมวย หน้าตาจิ้มลิ้ม ซึ่งในตอนนี้ริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธอได้ถูกแต่งแต้มด้วยลิปเนื้อซาตินสีชมพูพีชที่มีความแวววาว และเข้ากับใบหน้าของเธอคนนั้นอย่างไม่น่าเชื่อ
“ตาถึงมากเลย” ฉันถึงกับต้องเอ่ยชมคนเลือกให้เมื่อเห็นว่าสีลิปที่ว่านั้นมันเข้ากับตัวเองขนาดไหน “จีนไม่คิดว่าจะเข้ากับจีนเลยนะเนี่ย”
“พี่ถึงได้บอกไงคะ ว่าไม่ลองก็ไม่รู้” ภัคกี้กระตุกยิ้มเบา ๆ “ปากน้องจีนเล็ก ๆ น่ารักถ้าทาลิปที่มีความแวววาวแบบนี้มันน่าจะเสริมให้ปากน้องจีนน่ามองมากขึ้นนะคะ”
ฉันสบตาภัคกี้ที่กำลังยกยิ้มพร้อมมองสบตาฉันผ่านกระจกก่อนจะยักคิ้วให้ เห็นท่าทางแบบนั้นฉันรีบหลุบตาหนีดวงตาร้ายกาจอย่างคนต้านทานไม่ไหว
เป็นคนยังไงถึงเอาแต่จ้องริมฝีปากคนอื่นวะเนี่ย แต่ว่าก็ว่าเถอะ ฉันเองยังแอบมองปากปากสีเชอร์รี่ดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติของเขาอยู่บ่อย ๆ เลย
แล้วทำไมใจต้องเต้นแปลก ๆ กับภัคกี้ด้วยนะ เขาก็แค่พี่ชาย… เพื่อนชายที่สนิทไง จะคิดเกินเลยอะไรล่ะ ถึงคิดเกินเลยขึ้นมาจริง ๆ เขาก็ไม่มองผู้หญิงอย่างฉันอยู่แล้ว
หยุดความรู้สึกบ้า ๆ เลยนะไอ้จีน!
“พี่รู้เรื่องอะไรแบบนี้ดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันเฉไฉทั้งยังทำทีเป็นหรี่ตาถามเขาด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ก็รู้พอสมควรค่ะ” แต่คนตรงหน้ากลับยกยิ้มเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบลิปมันเคาน์เตอร์ข้าง ๆ พร้อมกับชวนฉันไปดูอย่างอื่นต่อ
“ที่แท้ก็เป็นผู้ชายเจ้าสำอางนี่เอง”
ถึงว่าล่ะ... เมื่อกี้ฉันแอบแปลกใจแทบตายที่ผู้ชายอย่างเขารู้แม่กระทั้งลักษณะของเนื้อลิปแต่ละแบบ ซึ่งมันหาได้ยากมากเลยนะ ถ้าไม่เป็นผู้ชายเจ้าสำอางจริง ๆ ก็คงจะเป็นผู้ชายที่ผ่านผู้หญิงมาไม่น้อยเลยล่ะ
ซึ่งอย่างหลังน่ะ ตัดทิ้งไปได้เลย!
ตอนกลางวันอัปไม่ถึงที่สปอยไว้ก็เลยมาอัปเพิ่ม >< อีบุ๊ครอก่อนนะคะ มินนิคยังปั่นมะเสร็จเลยอ่าา รอปกสวย ๆ ด้วยนะคะ
ส่วนเลิกแกงน้องเมื่อไร เดี๋ยวจะบอกมาเนิ่น ๆ นะคะ ตอนที่อิพี่ร้ายแบบเต็มรูปแบบ แงงงงงงงง
.
คนที่ไม่รู้อะไรคือนุ้งจีนนั่นแหละลูกกก มีเอะใจเนอะว่าทำไมอิพี่รู้เรื่องผู้หญิงดีจัง สุดท้ายก็... ปวดหัววว 5555555555
.
ป.ล. ใครเล่นทวิตไปคุยกันในแท็กได้นะคะ วันดีคืนดีมินนิคก็ไปสปอยในนั้นแหละ >,<
MINNIK
มีคำผิดบอกได้นะคะ เพราะแต่งสดลงสดงับ
อย่าลืมกด ♥ และคอมเมนต์เป็นกำลังใจดี ๆ ใจเรานะคะ
1 เมนต์ = สิบล้านกำลังใจ
ร๊ากกกรีดเดอร์สองล้านเท่า
“พี่มีวิธีค่ะ” ภัคกี้ยิ้มหวานพร้อมเชิดปลายคางฉันขึ้นทั้งยังกดน้ำหนักนิ้วลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ฉันหันหน้าหนี ก่อนจะบรรจงใช้แผ่นสำลีที่ชุบน้ำยาเช็ดเครื่องสำอางปาดลงบนริมฝีปากของฉันเบา ๆ
>>> เขาทำอะไรกันอ่ะ เมนท์รอได้โล่ยยยย<<<
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จองโรงบาลล่วงหน้า
ดูท่าโป๊ะเมื่อไหร่ได้หามส่งโรงบาล
แม่ใดๆคืออยากให้พี่มันหลงน้องจน กินไม่ได้นอนกะสาวนกเขาไม่ขัน แรดเกิ๊น
พี่ภัคร้ายน่าาาา
พายัยเลขามาบ่อยละสิ