รุ่งอรุณแห่งนครวิมายะ
เมื่อโชคชะตาพลิกผัน พาเธอย้อนเวลากลับสู่นครวิมายะ ดินแดนแห่งขอมโบราณ ที่ซ่อนเร้นความลับและมนตรา ชายผู้แฝงตัวเป็นพรานป่ากลับกลายเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ และวิชามนต์ดำโบราณที่เขาไขว่คว้าคือจุดเริ่มต้น
ผู้เข้าชมรวม
232
ผู้เข้าชมเดือนนี้
106
ผู้เข้าชมรวม
มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ, มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ
ย้อนอดีต ซึ้งกินใจ ดราม่านิดๆ คลั่งรัก คุณไสย กินดุ ความเชื่อ พระเอกเย็นชา พีเรียดไทย ไทยโบราณ โรแมนติก
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ปี๊นๆๆ เสียงแตรดังลั่นทางม้าลาย ในขณะที่
สัญญาณจราจร เปลี่ยนสีว่าให้ออกตัวได้แต่คนบนทางม้าลายยังคง ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงกลางทางม้าลาย
หญิงสาวที่มีรูปร่างอรชร ตัวเล็กอย่างกับนางในวรรณคดีคนนี้มีผมสีดำสนิทเรียบลื่นดุจแพรไหม คอเรียวยาวระหงได้รูป รูปลักษณ์ภายนอกก็ชวนให้ผู้คนตะลึงเหมือนโดนสะกดจิตดีอยู่หลอก ถ้าหากเจ้าหล่อนไม่หันหน้ามาทางรถเขาเพื่อที่จะพยักหน้าเป็นเชิงขอโทษขอโพย
อยู่ๆเจ้าของรถก็ขนลุกพรึ่บ ขึ้นมาทั้งตัว ยามที่เห็นใบหน้านั้นชัดๆ สวย สวยมาก เครื่องหน้าเหมาะเจาะรับกันไปหมดทุกส่วน เพียงแต่ว่าตอนที่สบตากับเจ้าของดวงตากลมโต สีน้ำตาลหวานซึ้งนั้น แววตาของเจ้าหล่อนเลื่อนลอยและว่างเปล่าอย่างกับแววตาปลาตาย !! ชวนขนหัวลุกพึลึก
เฮือก !! ‘’ศศิมณี‘’ กลับมารู้ตัวอีกครั้งก็รีบวิ่งข้ามไปอีกฝากถนน อีกแล้วเธอมีอาการแบบนี้อีก แล้ว !!! อาการเหม่อลอย ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ทุกสิ่งราวกับเป็นภาพ สโลโมชั่นที่ช้ามากๆในความรู้สึกของเธอและเหมือนเธอควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิด อย่างกับไม่ใช่ร่างของเธอ
อาการที่ว่านี้คงต้องย้อนไปเมื่อสี่ปีก่อน ตอนที่เธอเพิ่งจะอายุ 20 ตอนนั้นเธอมีปัญหากับที่บ้านเลยตั้งใจจะไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ให้สภาพจิตใจดีขึ้น หญิงสาวเลือกไปเที่ยวกัมพูชา เพราะมีเพื่อนที่สนิทสนมกันดีสมัยเรียนชั้นมัธยม ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่กับครอบครัว แล้วถ้าเธอไม่ดันไปทะลึ่ง เอ่ยปากเล่นๆกับเพื่อนว่า เธออยากจะรู้นัก เวรกรรมอะไรที่ทำให้เธอเกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพไม่ลำบากลำบนอะไร แต่ถ้าเธอรักและเมตตากับใคร ไม่ว่าจะเป็นคนสัตว์สิ่งของ ของสิ่งนั้นหรือคนนั้นๆ จะต้องโชคร้าย สูญหาย ใจสลาย หรือบาดเจ็บถึงตายได้เลย!
เพื่อนสนิทเธอจึงแนะนำว่า มีดอนจี (แม่ชี) คนนึง ครอบครัวของเพื่อนเธอนับถือเป็นหนักหนา ว่าท่านแม่ครูผู้นี้ ทรงฤทธิ์ทรงเดชเป็นอย่างมาก สามารถรู้เห็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต แม่นยำเป็นที่สุด
แล้วไม่รู้เพราะอะไร เธอจึงบ้าจี้รีบเร่งให้เพื่อนสนิทของเธอพาไปในทันที …. เพียงแค่คิดว่าถ้าหากเธอรู้ว่าเพราะอะไร และหากมีอะไรที่เธอแก้ไขให้ได้ เธอก็ยินดีทำให้ เพื่อให้เวรกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติเบาบางลงบ้างก็ยังดี
นึกถึงวันนั้นเมื่อ 4 ปีที่แล้วเธอก็ขนลุกไม่หาย จำความรู้สึกวันนั้นได้แม่น ราวกับเกิดขึ้นกับเธอมาเมื่อวานอย่างไรอย่างงั้น บรรยากาศวันนั้นตอนที่เธอเหยียบย่างเข้าไปในวัดที่ตั้งอยู่มาเป็นร้อยๆปี ต้นโพธิ์ยักษ์ ที่แผ่กิ่งก้านใบแทบจะปิดฟ้าปิดตะวัน ให้ความรู้สึกเข้มขลัง วังเวง บอกไม่ถูก
ตอนนั้นยามที่เธอเจอกับดอนจี หรือแม่ครูผู้นั้น เธอเพ่งพิศมองท่านด้วยความสงสัย ว่าเหตุใดคุณยายที่แก่หงำขนาดนี้จึง อาศัยอยู่ในวัดที่เงียบและวังเวงขนาดนี้ตัวคนเดียว ไม่มีใครคอยดูแลข้างกายท่านเลย ยามนั้นในหัวใจเธออดสงสารท่านไม่ได้ หวนคิดถึงคุณยายของเธอที่อายุจะเฉียดร้อย รายล้อมไปด้วยลูกหลาน เหลน โหลน เต็มบ้าน แต่ขณะที่เธอกำลังคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อย ท่านก็ลืมตาพรึบขึ้นมา สบตากับเธอที่กำลังมองท่านอยู่ ฉับพลันความคิดในใจของหญิงสาวก็กลับตาลปัตรไปหมด เพราะแววตาของแม่ครูนั้น สว่างไสวดังมีลูกแก้ววิบวับ เป็นประกายมีชีวิตชีวา อย่างกับจะมีแสงส่องให้ทะลุเข้าไปในจิตวิณญาณของคนที่ท่านสบตาด้วย แล้วมันก็ไม่เหมือนกับสายตาของคนที่อายุ ใกล้ร้อยสักนิด !!
เธอตะลึงงันไปทันที แม่ครูผู้ชรานั้นกลับเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เธอได้สติ
“ มาสักทีหนาเจ้า “ น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยตามอายุของท่าน เพียงแต่คำของแม่ครูชรายามที่ทักทายเธอนั้น ทำให้ศศิมณี งงงวยเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงท่านพูดไทยได้ยังไม่พอ ท่านยังเอ่ยอย่างกับว่าท่านรอเจอเธออยู่ หรือครอบครัวของเพื่อนจะนัดท่านไว้ล่วงหน้า แล้วท่านคอยอยู่ละมั้ง
เธอคลานเข้าไปกราบท่านอย่างชดช้อยแฝงไปด้วยความนอบน้อมเต็มเปี่ยม ทำให้แม่ครูชรายิ้มอย่างเอ็นดู รอยยิ้มของท่านดูแล้วเปี่ยมไปด้วยความเมตตาเหลือคณา
“ งามเหลือเกินนะเจ้า กาลเวลาเปลี่ยนผันไปฉันแล้วฉันเล่า ความงามเฉิดฉันเช่นนี้ เหตุใดจึงยังฝังตรึงอย่างกับออกมาจากแก่นกระดูกเยี่ยงนี้หนา ”
ท่านพูดพลางเคี้ยวหมาก แววตาก็ฉายแววครุ่นคิดไปไกลแสนไกล
ศศิมณีไม่เข้าใจว่าแม่ครูท่านจะสื่ออะไร เพียงเข้าใจเผินๆว่าท่านชมเธอว่างาม เฮ้อจะว่าไป เรื่องว่าเธอเป็นคนงาม คนสวยอะไรนี่ ตั้งแต่จำความได้เธอก็ได้ยินคำชมอยู่บ่อยๆ สมัยเรียนมหาลัยเธอยังเคยแคสงานโฆษณาแบรนด์ดังๆ ผ่านตั้งหลายตัวด้วยซ้ำ พอมีคนทาบทามงานละคร ทางบ้านเธอกลับขอให้เธอโฟกัสที่การเรียน เธอจึงหยุดรับงานมาถาวร
เอาหล่ะ เข้าเรื่องเสียที เธอจะได้รีบถาม ได้คำตอบจะได้รีบกลับ บรรยากาศชวนขนหัวลุกเหลือเกิน แถมตอนนี้เธอยังได้กลิ่นดอกจำปี ตลบอบอวล ดังนั้นศศิมณีจึงเอ่ยปาก
“ ท่านแม่ครูเจ้าขา ที่ดิฉันมาเป็นเพราะว่า….”
“ เหตุเพราะว่า ยามรักใคร่ห่วงหาสิ่งใด ความโชคร้าย อัปมงคลต่างๆนานา ก็จะพัดโหมใส่บุคคลเหล่านั้นให้เจ้าเห็น และรับรู้จนทุกข์ตรมใช่หรือไม่เล่า ”
คราวนี้ศศิมณีอ้าปากค้างอย่างไม่สำรวมจริงๆแล้ว อะไรนี่ท่านรู้ได้ยังไง เธอรีบหันไปมองเพื่อนที่มาด้วยกัน ถามผ่านสายตาเป็นเชิงว่า แกบอกท่านก่อนมาหรอ แต่เพื่อนเธอกลับส่ายหน้าไปมาราวกับกลองป๋องแป๋ง เธอกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอรู้สึกกลัวขึ้นมาตงิดๆ
ศศิมณีตกใจจนพูดไม่ออก แววตาที่มองท่านแฝงไปด้วยความกริ่งเกรงมากขึ้น
รีวิวจากนักอ่าน
นิยายเรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว
มาเป็นคนแรกที่เขียนรีวิวนิยายให้กับนิยายเรื่องนี้กันรีวิวถึงตอนที่ 0
รีวิวถึงตอนที่ 0
ผลงานอื่นๆ ของ Minimii ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Minimii
ความคิดเห็น