คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10
ณ เกาะชาบอนดี้ หลังจากการสูญเสียครั้งใหญ่ที่มารีนฟอร์ด เหล่าลูกเรือกลุ่มหมวกฟางได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัปตัน ไม่ใช่ 3 วันแต่เป็น 2 ปี ทุกคนกลับมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงและพลังใหม่ เปลี่ยนแปลงถึงขนาดที่ว่ามีเหตุจลาจลเพราะพวกลูฟี่ตัวปลอม เล่นเอาการเดินทางที่จะไปเกาะนางเงือกอย่างลับๆ ไม่เป็นความลับอีกต่อไป เพราะพวกลูฟี่เผชิญหน้ากับกองทัพเรือ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว
ก่อนหน้านั้น
เพโรน่าบินไปส่งโซโลที่เกาะชาบอนดี้ ขืนปล่อยให้มาคนเดียว ชาตินี้ก็มาไม่ทันที่เขานัดกันหรอก โซโลเคยเจอเพโรกรินมาก่อน ระหว่างอยู่เกาะคุไรกานะ ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับเพโรน่า เพโรน่าได้ข่าวว่าน้องชายคงถูกคุมะส่งไปที่ไหนสักที่ค่อยโล่งใจ ถึงไม่ได้เจอเขา แค่รู้ว่ายังอยู่ดีก็พอใจแล้ว ถึงจะเป็นฝาแฝดกันแต่เธอสองคนพี่น้องไม่ค่อยสนิทกันนักหรอก เพโรน่ามีความฝันคือการสร้างอาณาจักรที่เต็มไปด้วยตุ๊กตา ส่วนเพโรกรินอยากอยู่ในที่ๆ เต็มไปด้วยขนมหวาน ความฝันที่สวนทางกัน ถึงอย่างนั้นเพโรกรินก็คอยปกป้องเธอตลอดเวลาที่อยู่ข้างกายกัน เพโรน่ารู้ว่าน้องชายแสดงความรักไม่ค่อยเก่ง นอกจากเรื่องกิน เรื่องอื่นเจ้าตัวคงห่วงน้อยที่สุดแล้ว
“ไม่รู้ว่าเจ้านั่นจะมามั้ยน่ะ เธอไม่อยู่รอเจอน้องชายหรอ”
โซโลหันไปถามหญิงสาวผมชมพูที่ลอยอยู่ข้างๆ เธอกอดตุ๊กตาหมีแน่น
“ฉันเองก็เคยเป็นลูกน้องของโมเรียนะ ขืนมีพวกทหารเรือมาเห็นก็จบเห่กันพอดี ขอส่งเงียบๆ ดีกว่า”
“ก็นะ เจ้านั่นไม่ได้เป็นลูกเรือของลูฟี่ด้วย คงไม่รู้ว่าพวกเรานัดกันมาหรอก”
ก่อนจากไปเพโรน่าฝากตุ๊กตานุ่นเน่าๆ ที่รูปร่างเหมือนค้างคาวกับโซโลโดยหวังว่าเขาจะได้เจอกับเพโรกรินอีกและมอบมันให้กับน้องชายของเธอ โซโลทำหน้าแขยง
“นี่ใช้ตัวที่เธอนอนกอดรึเปล่าเนี่ย”
“จะทำไมละยะ!”
หลังจากลูกเรือหมวกฟางทุกคนขึ้นเรืออย่างปลอดภัย แม้จะต้องเจอกับทหารเรือไปบ้างแต่ก็มีผู้ช่วยมากมายมาคอยสนับสนุนการเดินทางของพวกเขา แฟรงกี้ที่กำลังจะเอาเรือดำน้ำก็ถูกเบรกด้วยกัปตัน
“เดี๋ยวสิ เพโรกรินยังไม่มาเลย”
“เจ้าหนูนั่นจะมาหรอ เขาไม่ได้รู้เรื่องที่เรานัดกันไว้นะ” ซันจิ
“ใช่ลูฟี่ อีกอย่างพวกเรามาอย่างอึกทึกคึกโครมขนาดนี้ ถ้าอยู่บนเกาะเขาก็คงมาหาเราแล้วแหละ” นามิ
“แต่ว่า…”
“รีบออกเดินทางกันดีกว่านะลูฟี่ พวกทหารเรือมันมาเพิ่มแว้ววว!” อุซป
“ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่และออกผจญภัยในท้องทะเล พวกเราจะได้เจอกันอีกแน่”
“โยะโฮะๆๆ ใช่แล้วครับลูฟี่ซัง”
ผมล่ะอยากเจอเพื่อนคนนั้นของคุณจังเลยนะครับ โยะโฮะๆๆ ลูฟี่ โซโล ซันจิ นามิ อุซป ช็อปเปอร์ โรบิน แฟรงกี้ สมาชิกใหม่ บรู๊ค เริ่มออกเดินทางสู่การผจญภัยครั้งใหม่
คืนวันที่ 23 ของการใช้ชีวิตบนแฟรี่วาซ
เพโรกรินฝึกวิชาสำเร็จหมดแล้วก็อยากรีบจะกลับบ้านเร็วๆ เอเนลูให้เขานอนพักผ่อนเอาแรงสำหรับการเตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้ แล้วบอกว่าจะพาไปดูของดี คืนนี้เอเนลูมาแปลกกว่าทุกครั้ง หลังจากส่งเพโรกรินถึงเตียงเอเนลูก็ตามมาห่มผ้าให้เด็กชายพร้อมตบอกปุๆ เพโรกรินมองเอเนลูตาปริบๆ ผีเข้ารึไง
“สุขสบายขนาดนี้ ไม่อยากอยู่ที่นี่บ้างรึ”
“ผมยังมีพี่สาวอยู่น่ะ อย่างน้อยถ้าจะจากกันไปนานก็ควรบอกเธอไว้หน่อย”
“แปลว่าเจ้าจะกลับมา?”
เอเนลูเลิกคิ้ว ทั้งที่ภายในใจราวกับมีคนมารัวกลอง
“ถ้าแฟรี่วาซของนายมีพุดดิ้งสีรุ้งอ่ะนะ”
เพโรกรินหัวเราะคิกคักพลางหลับตาลง
เอเนลูจ้องมองเด็กชายที่นอนหลับสนิท ตอนนี้ถ้านับอายุตามบนโลกคงจะกลายเป็นวัยรุ่นไปแล้ว แต่ด้วยความที่ดวงจันทร์เวลาช้ากว่า ร่างกายของเพโรกรินจึงดูเหมือนเด็กอายุ 15-16 ทั้งที่เจ้าตัวอายุ 18 แล้ว เขาเพิ่งฉลองวันเกิดกับเจ้าตัวไปเมื่อวานเอง เพโรกรินมารบเร้านักหนาว่าต้องจัดงานวันเกิดให้ได้ทุกปี เพราะเป็นวันที่เขาจะได้กินเค้ก ตรรกะอะไรละนั่น เอเนลูปัดผมหน้าม้าที่ปิดเปลือกตาของเพโรกริน เห็นทีก่อนไปส่งจะต้องจับตัดผมเสียแล้ว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวนวลนี่ เหมาะจะอยู่คู่กับเขาจริงๆ เอาเถอะ พลังตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว ปล่อยเด็กนี่ไปเล่นซนสักหน่อย เขาจะได้เฝ้ามองช่วงเวลาที่สนุกสนาน
เพโรกรินเดินตามหลังเอเนลูที่อ้างว่าจะพาเขามาดูของดี ตอนนี้พวกเขาเดินเข้ามาในถ้ำที่มีหินย้อย ทั่วพื้นที่เป็นสีฟ้าอ่อน เป็นถ้ำที่ประหลาดจริง ทั้งเขายังได้ยินเสียงหยดน้ำแต่สัมผัสไม่ได้ถึงความชื้น พอเข้ามาถึงใจกลางถ้ำก็ดูเหมือนจะสว่างกว่าข้างนอกมากโข เอเนลูเบี่ยงตัวหลบให้เพโรกรินได้เห็นเบื้องหน้า สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเพโรกรินคือหินที่มีลักษณะเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมยาวๆ สองอันวางเคียงข้างกัน ดูๆ แล้วมันเหมือนโลงที่ไม่มีฝาปิดมากกว่า ข้างในเกลี้ยงเกลาราวกับว่าทำไว้ให้ได้นอนจริงๆ
“อะไร”
เพโรกรินมองหน้าเอเนลูที่ยืนกอดอกพิงกำแพง
“แบ็คทูไลฟ์”
เอเนลูเริ่มเปิดปากเล่าเรื่องตำนานของดาวดวงนี้ให้ฟัง จากการที่เขาได้สำรวจภาพแกะสลักและข้อความบนกำแพงจนปะติดปะต่อได้ว่า ที่แฟรรี่วาซ มีแท่นบูชายัญศักดิ์สิทธิ์ โดยมิต้องเสียเลือดเนื้อ เพียงแต่แลกด้วยจิตใจอันแข็งแกร่ง นามว่า แบ็คทูไลฟ์ ว่ากันว่ามีเพียงผู้ที่ได้ยินเสียงของทุกสรรพสิ่งเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ หากมีปราถนาอย่างแรงกล้าต่อการฟื้นคืนชีพของคนผู้หนึ่ง เพียงนอนบนแท่นสีขาวคล้ายโลงศพสองโลงวางเคียงคู่กัน และผ่านห้วงฝันร้ายในมิติมายาออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง บุคคลอันเป็นที่รักที่ปรารถนาจะมาปรากฏกาย ณ อีกโลงหนึ่ง ย้อนคืนจากความตาย สู่ชีวิตปุถุชน ปัจจุบันสามารถใช้งานได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้นจากการบอกเล่าข้อความข้างแท่นบูชา ดูเหมือนมันจะเปลี่ยนตัวเลขไปตามจำนวนการใช้งาน
“ข้าไม่จำเป็นต้องใช้หรอกนะ ให้เจ้าเอาไปเล่นล่ะกัน”
เอเนลูตัดสินใจมอบมันให้เพโรกรินเนื่องจากเขามีความเป็นอมตะอยู่แล้ว ถือซะว่าเป็นของขวัญแก่ลูกศิษย์ตัวน้อย และเขาเชื่อว่าสักวันเพโรกรินจะสามารถได้ยินเสียงทุกสรรพสิ่ง อย่างที่เขาไม่มีวันได้ยิน เพโรกรินที่ไม่ได้สนใจของวิเศษจึงปล่อยมันไว้ที่แฟรี่วาซต่อไป หากวันใดเขาได้ยินเสียงทุกสรรพสิ่งจริง เขาคงจะมาเยือนมันอีกครั้ง แน่นอนว่าการเดินทางไปกลับแฟรี่วาซจะต้องมีเอเนลูคอยช่วย เอเนลูสามารถมองเห็นทุกสิ่งบนโลก ทุกความเคลื่อนไหว เฝ้ามองจากเบื้องบน ขอเพียงเพโรกรินเรียกหา เขาจะไปในทันที
“ไม่ต้องเตรียมของเยอะแล้ว ผมจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้”
เพโรกรินหันไปตวาดพวกลูกสมุนของเอเนลูที่เอาแต่จัดกระเป๋าให้เขา เขาเสียเวลารอพวกมัน มัวแต่ยัดของไม่มีประโยชน์ให้ทั้งนั้น ทั้งเนื้อตากแห้ง ผลไม้อบแห้ง กระติกใส่น้ำร้อน หนังสือคู่มือ ผ้ายาวสีขาว ซึ่งมักจะเป็นผ้าที่เพโรกรินต้องสลับเปลี่ยนใส่กับชุดตัวเอง ทุกวันที่เขาอยู่บนแฟรี่วาซน่ะ ต้องแต่งกายประหนึ่งสาวกผู้ทรงธรรมก็ไม่ปาน แน่นอนสิ เอเนลูไม่เคยใส่เสื้อ ก็มีแต่กางเกงผ้าหลากสีที่มาม้วนๆ ใส่นั่นแหละ และเขาก็ยืมชุดใครไม่ได้ พวกลูกสมุนก็ตัวเล็กกว่าเขาอีก และทองคำแท่งที่เพโรกรินเห็นมันหยิบใส่กระเป๋าคาตา จะเอามาทำไม มันหนักเว้ย! เพโรกรินหัวฟัดหัวเหวี่ยงโยนทองคำแท่งทิ้งไปไกล ลูกสมุนวิ่ตามไปเก็บ เอเนลูหัวเราะชอบใจ หลังจากได้อยู่ด้วยกันมา 20 กว่าวัน เอเนลูไม่หวงของตัวเองกับเพโรกรินสักนิด ไม่รู้ทำไม
เอเนลูเดินเข้ามาหาเด็กชาย ไม่เด็กสิ ตอนนี้วัยรุ่นแล้ว
“ยื่นมือมา”
เพโรกรินยื่นมือข้างที่ถนัดคือข้างขวาอย่างว่าง่าย เอเนลูสวมแหวนที่เขาสั่งพวกลูกสมุนทำเป็นพิเศษให้เพโรกรินที่นิ้วนาง เพโรกรินรู้สึกว่าเรี่ยวแรงเขาหายไปครึ่งหนึ่ง กำลังจะด่าเอเนลูว่าเอาของแปลกมาให้เขาก็เปิดปากพูดซะก่อน
“แหวนหินไคโร มีส่วนผสมของไคโรแค่ 5% เพราะปกติผู้มีพลังผลปีศาจโดนเจ้านี่นิดเดียวก็ขาอ่อนแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ามักมีปัญหากับการสัมผัสตัวผู้อื่นเสมอ ข้าสอนเจ้าคุมพลังไปแล้ว ถึงไม่สวมแหวนก็น่าจะแตะตัวผู้อื่นได้ แต่กันไว้ก่อนดีกว่า”
เพราะเจ้าเด็กนี่แค่โมโหหรือตกใจก็เผลอปล่อยพลังออกมาแล้ว
“เอาล่ะ ไปกัน”
เอเนลูหันไปหยิบกระเป๋าของเด็กชายพาดบ่า หันกลับมากำลังจะจับมือเพโรกริน แต่เพโรกรินถอดแหวนแล้วใส่ลงบนนิ้วกลางแทน
“แบบนี้ดูดีกว่าเยอะ”
ยังมีหน้ามาชูนิ้วกลางโชว์เขาอีก เอเนลูรวบเอวของเพโรกรินมากอด
“อยากจะไปที่เกาะไหนละ”
“แน่นอนว่าต้องกลับไปหาคิงดอมที่เกาะชาบอนดี้ก่อนสิ”
เพโรกรินยกแขนล็อกคอเอเนลู สองขาเกาะเกี่ยวเป็นลูกลิง
“แต่เจ้าโลมานั่นไม่อยู่ที่เกาะนั้นแล้วนะ”
“เอ๊ะ?”
“บนโลกผ่านไปตั้ง 2 ปีมันคงอยู่รอเจ้าหรอก”
ห๊าาา
“อธิบายมาเลยนะ!”
เพโรกรินเขย่าคอเอเนลูที่เขาจับอยู่อย่างรุนแรงจนหัวสั่นคลอน เอเนลูต้องยกมือปางห้ามญาติ สุดท้ายก็ต้องมานั่งอธิบายเรื่องความแตกต่างของเวลาบนแฟรี่วาซกับแกรนไลน์ เล่นเอาเพโรกรินวิ่งไล่เอเนลูจนทั่วแฟรี่วาซพร้อมสามง้ามทองคำในมือเคลือบฮาคิ งานนี้เทพเจ้าสายฟ้าก็กลัวเป็น สอนให้เด็กแต่เด็กมันเอามาใช้กับเขาเอง เล่นเอาเสียเวลาเดินทางไปอีกหนึ่งวัน
ถึงว่าล่ะ เขาไม่โตขึ้นสักที บนโลกผ่านไปตั้ง 2 ปีแล้ว เขามีแต่ส่วนสูงที่ขึ้นมาแค่ 1 มิล! นี่ลงทุนวัดมากบอกเลย
Talk
ชวนอยู่ด้วยกันก็แล้ว ของขวัญก็ให้ แหวนก็สวมให้กับมือ แต่เพโรกรินชูนิ้วกลางใส่ น่าสงสารเขานะคะ หุๆๆ น้องใช้ฮาคิเป็นแล้วแต่ยังไม่เก่งเท่าพวกลูฟี่ เพราะน้องฝึกด่วนแบบนรกพิเศษ ถ้าไม่ใช่ระดับหัวหน้าน้องก็สู้ได้!
วันนี้เลื่อนหานิยายอ่านแล้วก็บังเอิญไปเจอเรื่องนี้ งื้อออ ดีใจจังเลยค่ะ ติดท็อป 100 ขอบคุณผู้อ่านทุกคนและกำลังใจ เลยมาอัปเพิ่มให้อีกหนึ่งตอน
30/11/65
ความคิดเห็น