RWBY: Queen of Wyvern and The Black Dragon of Destruction (ราชินีไวเวอร์นกับมังกรดำแห่งการทำลายล้าง) - นิยาย RWBY: Queen of Wyvern and The Black Dragon of Destruction (ราชินีไวเวอร์นกับมังกรดำแห่งการทำลายล้าง) : Dek-D.com - Writer
×

    RWBY: Queen of Wyvern and The Black Dragon of Destruction (ราชินีไวเวอร์นกับมังกรดำแห่งการทำลายล้าง)

    โดย HunterXX

    เมื่อสุดยอดนักล่า ผู้สังหารมังกรมาแล้วนับพันตน ถูกไหว้วานให้มาเป็นอาจารย์ของสถาบันนักล่าแห่งเมืองเวลล์ เพื่อจับตาดู ร่างสถิตย์ของมังกรดำจากกิลดิ์สาขาใหญ่ ให้มาเข้าศึกษาต่อที่สถาบันนักล่าแห่งนั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    1,391

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    1.39K

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    39
    จำนวนตอน :  5 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 ก.ค. 65 / 13:11 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                                           Remnant

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    โลกแห่งเวทมนตร์และเทคโนโลยี เมื่อก่อนมีอาณาจักรมหาอำนาจมากมาย แต่ในปัจจุบันนั้น เหลือเพียง4อาณาจักรใหญ่เท่านั้นที่เป็นมหาอำนาจ ประกอบไปด้วย เวลล์แห่งทวีปซานัส(ขวานสีเขียว),มิสทรอลแห่งทวีปอนิม่า(ดวงตราปีกนกสีฟ้า),แวคูโอ้แห่งทวีปเชด(ดาบสีส้ม) และ แอทลาสแห่งทวีปโซลิทัส (หอกสีขาว)

    ในโลกนี้มีจะประชากรกลุ่มหลักๆอยู่4กลุ่ม ได้แก่ มนุษย์,ฟาวนัส,ไวเวอเรี่ยน และ ลินเนี่ยนต์ 

    ฟาวนัส คือ มนุษย์ที่มีร่างกายบางส่วนเหมือนกับสัตว์ป่าหรือมอนสเตอร์ โดยมีอวัยวะพิเศษเพิ่มขึ้นมา เช่น หูของแมว,หางของสุนัข,เขาของแพะ เป็นต้น
    ไวเวอร์เรี่ยน มีลักษณะที่เหมือนมนุษย์ทุกประการ เพียงแต่มีหูที่ยาวแหลม,มีสี่นิ้ว และ อายุยืนยาวนานกว่าอีกสองเผ่าพันธ์ุที่เหลือ ทำให้มีวิชาความรู้จำนวนมาก 
    ลินเนี่ยนต์ ชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในป่า มีรูปเรื่องเหมือนแมวเช่นลินเนี่ยนต์ บางเผ่าก็รูปร่างเหมือนเอป เช่น ชากาลาก้า

    นอกจากทั้งสี่เผ่าพันธ์ุนั้น ก็มีสิ่งมีชีวิตอีกชีวิตหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมโลกอีกชนิดหนึ่ง คือเหล่ามังกรและสัตว์ประหลาด ที่บางชนิดมีพลังทำลายล้างมหาศาลชนิดที่ว่า เพียงแค่มันตัวเดียว ก็สามารถทำลายล้างหมู่บ้านได้ในพริบตา 

    จินโอก้า สมญานาม มังกรหมาป่าสายฟ้า สายพันธ์มังกรเขี้ยว มีคุณสมบัติพิเศษคือล่อแมลงสายฟ้า ให้เข้ามาอยู่ใกล้ตัวมันเพื่อให้มันสามารถใช้คุณสมบัติธาตุสายฟ้าได้ มีความดุร้ายและอันตรายอย่างมาก เพียงแค่มันตัวเดียวก็สามารถทำลายล้างหมู่บ้านเล็กๆได้อย่างง่ายดาย

    ทุกเผ่าพันธ์ุจะมีสิ่งที่เรียกว่าออร่า ซึ่งเปรียบเสมือนกับเกราะพลังงานที่ช่วยในการปกป้องร่างกายของเจ้าของร่างนั้นๆโดยที่ปริมาณออร่าของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันแต่สามารถเพิ่มมันได้ด้วยการฝึกฝน และบางครั้งก็สามารถนำออร่ามาพลิกแพลงในการโจมตีคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย

    ด้วยปัญหาด้านรูปร่างหน้าตาและวัฒนธรรม ทำให้มนุษย์และฟาวนัส นั้นมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ่อยๆจนกระทั่งค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสงครามในที่สุด 

     

    ส่วนชาวไวเวอร์เรี่ยนนั้นสนใจเรื่องการศึกษาศาสตร์ต่างๆมากกว่าการเข้าไปมีส่วนร่วมในปัญหาระหว่างพันธ์ุเนื่องจากอายุยืนกว่าเผ่าอื่นๆแต่ขณะเดียวกันก็หยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆเช่นกัน ในขณะที่พวกเฟลีนส์นั้นไม่สนใจสังคมของสามเผ่าพันธ์ุที่เหลือมากนัก เพราะส่วนใหญ่ก็ต้องรับมือกับผู้รุกรานต่างเผ่าพันธุ์ อย่างพวกมอนสเตอร์ที่บุกเข้ามาทำลายหมู่บ้านของชนเผ่าตนมากกว่า

    ชาวไวเวอร์เรี่ยนที่ศึกษาเกี่ยวกับชีวะวิทยาของเหล่ามังกรและสัตว์ประหลาด

     

    อูรุกิ เผ่าลินเนี่ยนต์ที่มีขนสีเหลืองทอง อาศัยอยู่ที่ทุ่งดอกไม้และใช้ดอกไม้เหล่านั้นในการขับไล่เหล่าศัตรูจากหมู่บ้านของพวกมัน ทำให้พวกมันมักจะเจอกับปัญหาการรุกรานจาก ฟีนิกซ์แห่งบุปผาอย่าง โฟโรคูรูรุ ที่กินน้ำหวานจากดอกไม้เป็นอาหาร 
    โฟโรคูรูรุ ฟีนิกซ์แห่งบุปผา หนึ่งในสายพันธ์ุมังกรนก พวกมันมักจะกินน้ำหวานจากดอกไม้เพื่อใช้เป็นอาหารและป้องกันตัวโดยใช้คุณสมบัติต่างๆที่น้ำหวานมีนั้นเป็นอาวุธ โดยปกติแล้วเป็นสัตว์ที่รักสงบ แต่การหาอาหารของมันนั้นสร้างความเสียหายให้กับพวกอูรุกิที่ปลูกดอกไม้เหล่านั้นไว้ป้องกันภัย

    แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสี่เผ่าพันธ์ุนั้นประสบปัญหาเดียวกันนั่นคือ การรุกรานของอสูรกายที่กำเนิดมาจากความมืดมิด นั่นคือ อสูรแห่งกริมส์ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า กริมส์

    กริมส์ อสูรกายที่ถือกำเนิดจากความมืด

    ทุกวันนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าอสูรกายเหล่านี้มีจุดกำเนิดมาจากที่ไหน รู้เพียงแค่ว่าพวกมันมีรูปร่างที่หลากหลายไปตามพื้นที่ที่พวกมันอยู่เหมือนกับเหล่ามังกรและสัตว์ประหลาด แต่พฤกติกรรมของพวกมันนั้นมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ การทำลายล้างและเข่นฆ่าเผ่าพันธ์ุอื่นๆที่ไม่ใช่พวกมัน พวกมันไม่จำเป็นต้องออกอาหาร หรือ พักผ่อนเลยแม้แต่นิดเดียว จากการค้นคว้าของชาวไวเวอเรี่ยนนิรนามคนหนึ่งพบว่า เหล่ากริมส์มักจะจู่โจมเหล่ามนุษย์,ฟาวนัส,ไวเวอเรี่ยน หรือสิ่งที่พวกเขาสร้างมากเป็นพิเศษ  โดยสิ่งที่ดึงดูดพวกมันเท่าที่มีการค้นพบในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือ อารมณ์ความรู้สึกด้านลบ ของมนุษย์,ฟาวนัส,ไวเวอเรี่ยนและ ชนเผ่าเฟลีนส์ และมอนสเตอร์บางชนิดที่มีนิสัยขี้ขลาด และ พวกมันไม่มีออร่าเลยแม้แต่นิดเดียว

    เมื่ออารมณ์ด้านลบยิ่งรุนแรงขึ้นเท่าไหร่ เหล่ากริมส์ก็ยิ่งถูกดึงดูดมากขึ้น
    พวกมันไม่จำเป็นต้องออกล่าเพื่อหาอาหารเลยแม้แต่น้อย
    “พวกมันเกิดมาเพื่อทำลายเพียงเท่านั้น”

    นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังพบอีกว่า พวกมันจะไม่มีวันแก่หรือหิวตาย วิธีการกำจัดพวกมันมีเพียงอย่างเดียวคือฆ่ามันทิ้งเท่านั้น เมื่อเราสามารถกำจัดกริมส์ได้แล้ว ร่างของพวกมันจะสูญสลายกลายเป็นไอในทันที ทำให้ไม่สามารถเก็บตัวอย่างของซากมาเพื่อทำการทดลองได้ จึงทำให้พวกมันยังคงเข่นฆ่าผู้คนไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีใครมากำจัดพวกมันได้
    มีเพียงมังกรและสัตว์ประหลาดบางชนิดเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับเหล่ากริมส์ได้ เพราะเจ้าพวกนี้นั้นอันตรายกว่าพวกกริมส์หลายร้อยเท่านัก

    เดวิลโจ สายพันธ์ุมังกรคลั่ง ขึ้นชื่อเรื่องการทำลายล้างเป็นที่สุด เคยมีรายงานว่า พบมันกำลังต่อสู้กับกริมส์ขนาดยักอย่าง โกไลแอท ได้อย่างไม่เกรงกลัวโดย ผู้ชนะในศึกครั้งนั้นตกเป็นของมัน 
    โกไลแอท กริมส์โบราณที่อาศัยอยู่บนโลกมานาน มีรูปร่างเหมือนช้างแอฟริกา ปกติเป็นกริมส์ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับมนุษย์ จึงทำให้มีศัตรูทางธรรมชาติที่น้อยเอามากๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเดวิลโจ
    ภาพจำลอง วินาทีที่กริมส์ถูกกำจัดลงได้

    มนุษย์,ฟาวนัส,ไวเวอเรี่ยนและเฟลีนส์ต่่างก็ทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารเหล่ากริมส์ให้หมดไปตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แต่ก็ไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้เสียที จนกระทั่งชาวไวเวอเรี่ยนคนหนึ่งได้ค้นพบแร่ปริศนาที่มีพลังงานธรรมชาติมหาศาล 

    เมื่อมีการค้นพบว่าแร่ชนิดพิเศษที่ค้นพบใหม่นี้ มีคุณสมบัติในการกำจัดกริมส์ได้ ทำให้ปัญหาที่มนุษยชาติและหลายเผ่าพันธ์ุเผชิญมาหลายทศวรรษสิ้นสุดลง ต่อมาชาวไวเวอเรี่ยนคนนั้นก็จดสิทธิบัตรแร่ชนิดพิเศษที่เขาค้นพบว่า ดัสก์
     

    ภาพตัวอย่างของแร่ดัสก์

     ในที่สุดปัญหาที่ทุกเผ่าพันธ์ุเผชิญหน้ามาตลอดก็ได้รับการแก้ไข เหล่ามนุษย์,ฟาวนัส และ ไวเวอเรี่ยน สามารถต่อกรกับพวกมันได้ และ ไม่หวาดกลัวต่อกริมส์อีกต่อไป แต่ทว่าปัญหากลับไม่ได้จบเพียงแค่นั้น………

    หลังจากมีการค้นพบดัสก์ได้ไม่นาน สงครามระหว่างมนุษย์กับฟาวนัสก็ปะทุขึ่นมาอีกครั้ง ส่วนชาวไวเวอเรี่วนนั้นที่เดิมทีก็มองว่าการทะเลาะกันของระหว่างมนุษย์กับฟาวนัสนั้นไร้สาระมาตั้งแต่แรกแล้วนั้น ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนที่จะตัดสินใจแยกย้ายกันไปอยู่ตามที่ต่างๆทั่วเรมแน้นท์เพื่อแสวงหาความรู้ต่อไป ส่วนพวกลินเนี่ยนต์ทั้งหลายก็กลับไปใช้ชีวิตตามแบบวิถีเดิมของพวกมัน

    เมื่อมีหลายอาณาจักรโบราณทั่วเรมแน้นท์ สร้างเครื่องมือที่สามารถควบคุมเหล่ามังกรและสัตว์ร้ายได้ราวกับลูกไก่ในกำมือเพื่อใช้เป็นปศุสัตว์และทำสงครามกับอาณาจักรข้างเคียง โดยเฉพาะสงครามกับเหล่าฟาวนัสของอาณาจักรไร้นามแห่งหนึ่งของโซลิทัส ที่ทำให้เหล่ามอนสเตอร์และผู้คนบริสุทธิ์หลายพันชีวิตได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง ฟางเส้นสุดท้ายก็ได้ขาดสะบั้นลงในที่สุด 

    วินาทีที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะเริ่มศึกครั้งสุดท้าย ท้องฟ้าก็ถูกอาบให้กลายเป็นสีดำสนิท ทันใดนั้น ร่างของมอนสเตอร์ตัวหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้น มังกรที่มีผิวกายสีดำสนิท ดวงตาสีอำพัน มีเขาขนาดใหญ่สองข้าง และปีกที่ทรงพลัง กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งสองฝ่ายและที่น่าตกใจกว่านั้นคือ…..มันสามารถสื่อสารกับทุกเผ่าพันธ์ุได้ 

    มันกวาดสายตาไปรอบๆสนามรบ ด้วยสีหน้าที่เศร้าโศก,โกรธแค้นและชิงชัง ก่อนจะพูดออกมาสั้นๆว่า 

     

    “คนอย่างพวกแกน่ะ….หายไปให้หมดซะเถอะ!!!!!”

    วินาทีที่มันได้ลั่นวาจาออกมา ภัยภิบัติทางธรรมชาติขั้นรุนแรงก็เกิดทั่วทั้งเรมแน้นท์ ทั้งสึนามิ,แผ่นดินไหว และ วาตภัย จนทำให้ทำให้ทุกชีวิตทั่วทั้งเรมแน้นท์ทั้งมนุษย์,นั้นดับสูญไปเกือบหมดสิ้น เหล่ามอนสเตอร์หลายชนิดนั้นโดนลูกหลงจนต้องสูญพันธ์ุไป แม้กระทั่งกริมส์ก็ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น สายพันธ์ุที่รอดไปได้นั้นก็ได้ถูกขนานขามว่ามังกรโบราณ ส่วนอาณาจักรไร้นามแห่งนั้นก็เกิดภัยภิบัติขึ้นทั่วอาณาจักร หัวเมืองเหนือเกิดไฟไหม้ไปทั่วเมือง หัวเมืองใต้เกิดพายุหิมะ หัวเมืองตะวันออกเกิดพายุหมุนลูกใหญ่ หัวเมืองทิศตะวันตกเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเมืองหลวงก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ชนิดที่ว่าพัดพาทุกสิ่งให้หายไปตลอดกาล เหลือไว้เพียงเศษซากของอารยธรรมโบราณที่เคยเจริญรุ่งเรืองเท่านั้น เรียกได้ว่าอารยธรรมโบราณ

    เศษซากของอารยธรรมโบราณที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน

    นอกจากที่โซลิทัสแล้ว อารยธรรมโบราณในเขตอนิม่า,ซานัสและเชดเองก็เจอเหตุการณ์อย่างเดียวกัน บางตำนานบ้างก็เล่าว่ามีมังกรสีดำทมิฬมาเผาบ้านเมืองจนวอดวาย แต่เป็นคนละตัวกับที่ปรากฎที่โซลิทัส บ้างก็เล่าเป็นมังกรสีชาดที่หายใจเข้าออกเป็นฝนอุกบาต แต่มีจุดเชื่อมโยงเหมือนกัน คือ ทุกครั้งที่พวกมันปรากฏตัวขึ้นมา ท้องฟ้าจะถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกสีดำทมิฬ ผู้คนจึงขนานนามมังกรพวกนั้นว่า “มังกรดำ”………..หลังจากที่พวกมันกวาดล้างอารยธรรมโบราณจนหมดแล้ว เหล่ามังกรดำก็หายตัวไปอย่างลึกลับ แล้วก็ไม่มีใครได้พบกับพวกมันอีกเลย จนบางคนก็คิดว่ามันเป็นนิทานหลอกเด็กเสียด้วยซ้ำ

    กาลเวลาผ่านไป ธรรมชาติเริ่มฟื้นฟู เหล่ากลุ่มคนผู้เหลือรอดจากทั้งสี่เผ่าพันธุ์ก็ได้ช่วยกันก่อร่างสร้างฐานขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าความบาดหมางระหว่างฟาวนัสกับมนุษย์จะยังคงไม่สามารถแก้ไขได้เนื่องจากฝังรากลึกมานานก็ตาม แต่พวกเขาก็สาบานว่า จะไม่ให้ความบาดหมางนั้นบานปลายเหมือนกับที่บรรพบุรุษของทั้งสองฝ่ายทำเด็ดขาด ส่วนลินเนี่ยนต์ที่มักทำตัวปลีกวิเวกมาตลอด ก็เริ่มเข้าหาทั้งสามเผ่าพันธุ์ที่เหลือมากขึ้น โดยที่เรามักจะเรียกกลุ่มที่เข้ามาทำงานในสังคมของทั้งสามเผ่าพันธ์ุว่า“พาลิโก้”

    เฟลีนส์ที่เข้ามาทำงานกับมนุษย์

    แต่ถึงแม้ว่าปัญหาเรื่องอารยธรรมโบราณจะจบลงไปแล้วก็ตาม แต่ปัญหาของกริมส์นั้นยังไม่จบลง หลายปีที่ผ่านมานั้นจำนวนกริมส์นั้นเพิ่มขึ้นเยอะมากเมื่อเทียบกับสมัยอารยธรรมโบราณอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เกิดอาชีพนักล่าฆ่าหัวอย่าง “ฮันซ์แมน” และ “ฮันเทรส” ขึ้น เป็นอาชีพที่รับมือกับกริมส์และอาชญาการตัวเป้งที่อาจจะก่อความไม่สงบในเมืองโดยเฉพาะ  โดยพวกเขาจะมีพลังพิเศษติดตัวกันคนละอย่าง ที่เรียกว่า เซมเบลนซ์(Semblence)เมืองโดยเฉพาะ ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็เกิดอาชีพที่คล้ายกันเช่นกันแต่หน้าที่ของพวกเขามีหน้าที่ควบคุมเหล่าประชากรของเหล่ามอนสเตอร์ในธรรมชาติไม่ให้มีจำนวนมากหรือน้อยจนเกินไป และจะถูกเรียกด้วยคนละชื่อ โดยเราจะเรียกพวกเขาว่า…..มอนสเตอร์ ฮันเตอร์ หรืออีกชื่อคือ บาลานซ์เซอร์ และมีการก่อตั้ง ฮันเตอร์กิลดิ์ขึ้นเพื่อควบคุมสมดุลของธรรมชาติและกวาดล้างกริมส์ให้หมดสิ้นไป

    ตราสัญลักษณ์ของฮันเตอร์กิลดิ์
    ฮันท์แมน,ฮันเทรส
    มอนสเตอร์ฮันเตอร์

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    [แนะนำตัวละคร]

    เรเชล นาเทร่า (Rachael-Natera)
    ชื่อเล่น:เร
    อายุ:30
    เพศ:หญิง
    เผ่าพันธุ์:ลูกเสี้ยวชาวไวเวอเรี่ยน
    บ้านเกิด:แอทลาส
    ส่วนสูง:174เซนติเมตร
    น้ำหนัก:61.25กิโลกรัม
    ประวัติ:
    ลูกสาวคนโตของตระกูลนาเทร่าจากตระกูลนาเทร่าอินดัสทรี บริษัทที่ผลิตเครื่องมือสนับสนุนฮันเตอร์อันดับต้นๆของโลก เป็นผู้หญิงที่เกลียดความสวมหน้ากากเข้าหากันของพวกไฮโซและการเหยียดเผ่าพันธุ์เป็นที่สุดโดยเฉพาะกับสิ่งที่เผ่าฟาวนัสโดน เลยออกไปผจญภัยนอกแอทลาสและเข้าร่วมกับฮันเตอร์กิลดิ์ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เป็นคนเลือดร้อนและทนกับความอยุติธรรมไม่ได้เป็นที่สุด เป็นคนที่ร่าเริงและมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนๆเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มีอดีตที่ไม่อยากจดจำอยู่……เธอได้มาเป็นอาจารย์ที่สถาบันนักล่าบีค่อนเนื่องจากถูกขอร้องมาจากสำนักงานใหญ่ของกิลดิ์ให้จับตาดูเด็กคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่บีค่อน เนื่องจากเด็กคนนั้นครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวเอาไว้
     เซมเบลนซ์:Crest of Nateran(ดวงตราแห่งนาเทรัน) เซมเบลนซ์เฉพาะของตระกูลนาเทร่า ทำให้สามารถอัญเชิญและสื่อสารกับมอนสเตอร์และออกคำสั่งมอนสเตอร์ได้เหล่านั้นได้ แลกกับการสูญเสียออร่าไปตามระดับความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ที่อัญเชิญออกมา โดยผู้ใช้ไม่สามารถสั่งการได้ว่าจะเรียกมอนสเตอร์ชนิดไหนหรือความแข็งแกร่งเนื่องจากเป็นพลังที่ไม่ค่อยเสถียรในการใช้งานเนื่องจากต้องใช้ออร่ามหาศาล 
     

    อาวุธ:
    Yggdrasil Gate(ประตูแห่งอิกดราซิล)
    :อุปกรณ์อัญเชิญมอนสเตอร์ในรูปแบบปืนโดยทำงานร่วมกันกับดวงตราแห่งนาเทรันของเรเชลและมอนสเตอร์การ์ด สร้างขึ้นโดย เน็กซัส โรเวล สามารถดึงพลังของมอนสเตอร์มาใช้ในการต่อสู้หรือประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ เช่น ถ้าใช้การ์ดมอนสเตอร์ประเภทมังกรเขี้ยวอย่าง จินโอก้า ก็จะสามารถยิงกระสุนธาตุไฟฟ้าออกมาได้ ส่วนรูปแบบกระสุนนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวมอนสเตอร์การ์ดอีกที โดยเน็กซัสได้ดัดแปลงตัวเครื่องมาจากหนังแปลงร่างที่เขาเคยดูสมัยที่เขากับเรเชลยังเป็นเด็ก

    Monster Card(มอนสเตอร์การ์ด)
    :การ์ดรูปแบบพิเศษที่บรรจุข้อมูลDNAของมอนสเตอร์เอาไว้ โดยตัวการ์ดจะทำหน้าที่ควบคุมความเสถียรพลังของดวงตราแห่งนาเทรันไม่ให้สูบออร่าของผู้ใช้ออกมามากจนเกินไปและอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาได้ตามความต้องการของผู้ใช้อย่างเรเชล โดยตัวการ์ดจะดึงออร่าของเรเชลออกไปใช้แล้วคัดลอกข้อมูลDNAของมอนสเตอร์ออกมาผสมกับออร่าแล้วสร้างประตูแห่งนาเทรันออกมาโดยที่มอนสเตอร์ที่อยู่ข้างหลังประตูนั้นจะเป็นมอนสเตอร์ที่อยู่ในข้อมูลของการ์ด

    Azure Straybloom(บุปผาสีคราม)
    :ขวานที่สามารถเปลี่ยนเป็นรูปแบบดาบได้ โดยการกักเก็บพลังงานโดยการใช้โหมดขวาน แล้วปลดปล่อยออกมาด้วยดาบอีกที  สร้างมาจากสายพันธุ์ย่อยของมังกรไฟ ราทาลอส และ ราเที่ยน


    รอยด์ ริปเปอร์(Roi Reaper)
    ชื่อเล่น:รอยด์
    อายุ:18
    เพศ:ชาย
    เผ่าพันธุ์:มนุษย์
    บ้านเกิด:หมู่บ้านเรอา
    ส่วนสูง:169เซนติเมตร
    น้ำหนัก:57.5กิโลกรัม
    ประวัติ:
    เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งบริเวรทิศตะวันตกของซานัส เป็นคนที่จิตใจดีและอ่อนโยนแต่ก็ครอบครองพลังบางอย่างที่น่ากลัวและบ้าคลั่งเอาไว้ จึงได้รับการฝึกฝนให้เป็นมอนสเตอร์ฮันเตอร์ตั้งแต่อายุ12โดยจากสำนักงานใหญ่ฮันเตอร์กิลดิ์โดยตรง เลยมีประสบการณ์การออกล่ามากกว่านักล่าฝึกหัดในรุ่นเดียวกัน ต่อมาได้เข้าศึกษาต่อที่บีค่อนตามคำสั่งของมาสเตอร์กิลดิ์เพื่อฝึกการควบคุมพลังในสถานที่ที่ปลอดภัย นอกจากนี้เขายังฝึกวิชาหมัดที่เขาได้คิดค้นขึ้นจากการเลียนแบบท่าทางของมอนสเตอร์ในธรรมชาติได้อีกด้วย สิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาเดินหน้าต่อไป คือการได้ไปพบกับคนสำคัญอีกครั้ง

    เซมเบลนซ์:AuraCreater(ออร่าครีเอเตอร์)
     เขาสามารถสร้างออร่าให้เป็นมอนสเตอร์หรือสิ่งของต่างๆได้ รวมไปถึงสร้างคุณสมบัติสสารและธาตุให้แก่สิ่งของหรือมอนสเตอร์ที่เขาสร้างขึ้นมาควบคู่กับวิชาหมัดที่เขาคิดค้นขึ้น เช่นสร้างเกราะออร่าให้แข็งเหมือนร่างกายของมังกรหิน กราวิออสเพื่อปกป้องร่างกายของตัวเอง หรือใส่คุณสมบัติธาตุน้ำแข็งให้ร่างกายของเขาเพื่อต่อสู้กับศัตรูด้วยน้ำแข็งได้หรือสร้าง ออร่ามอนสเตอร์ มอนสเตอร์ที่ถูกสร้างจากออร่าขึ้นมาจะมีออร่าเรืองแสงไปทั่วร่างของมัน โดยมอนสเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมารูปร่างเหมือนกับพวกมังกรและมอนสเตอร์ เพื่อประยุกต์ให้เข้ากับวิชาหมัดที่เขาคิดค้นขึ้น เช่น บาทาแกมมอธ ที่จะเป็นการสร้างออร่ามอนสเตอร์แกมมอธขึ้นมาในการเหยียบศัตรูให้แบนและเพิ่มพลังธาตุน้ำแข็งเข้าไปเพิ่ม โดยที่เมื่อโจมตีเสร็จแล้วหรือได้รับความเสียหายมากเกินไป ออร่ามอนสเตอร์ก็จะสลายไปเอง

    อาวุธ:
    Night-Wing(ปีกราตรี)
     ดาบคู่สีดำทมิฬราวกับท้องฟ้ายามราตรี ถูกตีขึ้นด้วยส่วนประกอบของมังกรว่องไวนากาคูกะโดยช่างตีเหล็กขึ้นชื่อจากสำนักงานใหญ่ของฮันเตอร์กิลดิ์ ตัวดาบนั้นคมมากอยู่แล้ว แต่ก็สามารถทำให้คมยิ่งขึ้นไปอีกโดยการอาบออร่าให้คมดาบ ทำให้สามารถตัดต้นไม้ล้มทั้งยืนต้นได้อย่างง่ายดายหากเจ้าตัวต้องการ


    ภาพซ้าย:ร่างต้น
    ภาพขวา:ร่างแปลง

    วาซาบิ
    ชื่อเล่น:วาซาบิ
    อายุ:18
    เพศ:ชาย
    เผ่าพันธุ์:ลินเนี่ยนต์(เผ่าเมลิงค์)
    บ้านเกิด:หมู่บ้านเรอา
    ส่วนสูง:91เซนติเมตร
    น้ำหนัก:34กิโลกรัม
    ประวัติ:
    พาลิโก้จอมแสบ คู่หูในการออกล่าของรอยด์ที่ออกผจญภัยผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามากมาย นับถือรอยด์เป็นลูกพี่ตั้งแต่แรกพบ จึงตัดสินใจออกเดินทางไปกับรอยด์ตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน
    เซมเบลนซ์:แปลงร่าง(Transform)
    :สามารถแปลงร่างเป็นคน,สัตว์ หรือว่าสิ่งของอะไรก็ได้ แต่ต้องเป็นสิ่งที่เจ้าตัวรู้จักเท่านั้น ไม่อย่างนั้นความสามารถจะไม่ทำงาน

    อาวุธ:
    Daito Wolf(หอกหมาคลั่ง)
    หอกที่ทำจากร่างกายของนกหมาป่าทมิฬ ยัง-การูก้า ถูกตีขึ้นโดยคนเดียวกันกับที่ตีดาบให้กับรอยด์ โดยที่ตัวอาวุธจะยืดหดตามขนาดร่างกายเวลาเขาแปลงร่าง
     


    เน็กซัส โรเวล
    ชื่อเล่น:เน็กซัส 
    อายุ:60
    เพศ:ชาย
    เผ่าพันธุ์:ไวเวอเรี่ยน
    บ้านเกิด:แอทลาส
    ส่วนสูง:165เซนติเมตร
    น้ำหนัก:59กิโลกรัม
    ประวัติ:
    เพื่อนสมัยเด็กของเรเชล เป็นอัจฉริยะด้านมอนสเตอร์ในบรรดาไวเวอเรี่ยนที่่อายุเท่ากัน และเป็นคนที่พาเรเชลไปสมัครเป็นมอนสเตอร์ฮันเตอร์และคิดค้นอุปกรณ์ควบคุมพลังให้กับเธอ เคยออกล่าร่วมกับเรเชลสมัยยังเป็นวัยรุ่น ปัจจุบันถอนตัวจากการล่าแล้วออกมาเปิดร้านขายกล้องถ่ายรูป
    เซมเบลนซ์:เลียนแบบสิ่งของ(Copy)
    สามารถสร้างของเลียนแบบของสิ่งของต่างๆผ่านการสัมผัสได้การใช้ออร่าสร้างของเหล่านั้นขึ้นมา และของที่สร้างยิ่งมีขนาดใหญ่ ก็จะยิ่งใช้ออร่าเยอะตามไปด้วย
    อาวุธ:
    Despot's Wildfire(ปืนกลหมาป่าสายฟ้า)
    ปืนกลที่สร้างจากมังกรหมาป่าสายฟ้า จินโอก้า เป็นปืนคู่ใจของเน็กซัส ด้วยเซมเบลนซ์ของเขา ทำให้สามารถเติมกระสุนได้ไม่จำกัด

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น