คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
เดเรเท...ดินแดนของเหล่านักเวทผู้ใช้มนตรา
อิจินอส...ดินแดนของเหล่าอัศวินและพ่อมดผู้วิเศษณ์
และ เนราคอส...ดินแดนของเหล่าปีศาจและภูตรพราย
ทั้งสามแคว้น อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้ทั้งสามแคว้น ต้องแยกออกจากกันไปอยู่คนละภพ...
แผ่นดินที่มีนามว่า ‘เฮลฟีนคิงดอม’ จึงหายไป และกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ไร้ค่าในที่สุด...
++++++++++++++++++++++++++++++++
ก็อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงใสๆของเด็กชายวัย8ปีเพื่อส่งสัญญาณให้กับคนที่อยู่ข้างในได้รับรู้ เขามีผมสีเงินยาวประบ่ารุงรังเล็กน้อย นัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่สวยเป็นประกายจับจ้องไปที่ประตูบานตรงหน้า ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย หลังจากที่ยืนรออยู่นานก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูนั่นเลย
"นายท่าน นายหญิง อยู่ข้างในหรือเปล่าครับ ผมเวเซ่ เอามื้อดึกมาให้ครับ"เด็กชายทั้งตะโกนทั้งเคาะประตูแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีเสียงตอบกลับ เด็กชายเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะตัดสินใจ ตะโกนออกไปอีกครั้ง "ผมเปิดเข้าไปแล้วนะครับ"ว่าแล้ว มือก็เอื้อมไปหมุนลูกบิดประตู แล้วแง้มมันออกน้อยๆพลางกวาดสายตามองเข้าไปข้างในห้องนั้น
ห้องทั้งห้องว่างเปล่า ไม่มีแม้แสงไฟจากตะเกียงบนหัวเตียง ที่ควรจะถูกจุด และวางอยู่บนหัวเตียงแบบทุกครั้ง
...ไม่อยู่เหรอ?...
เด็กชายเจ้าของนาม เวเซ่ เอเรน เอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง
...แล้วไปอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย ปกติเวลาก่อนมื้อดึกจะอยู่ในห้องกันทั้งคู่นี่นา...
เด็กน้อยถามตัวเองอย่างงุนงงก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาหัวเล็กน้อย และแล้วร่างเล็กก็ต้องสะดุ้งโหยงอย่างตกใจแบบสุดขีด เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังก้องไปทั่งทั้งคฤหาสน์
เพล้งงงงงงงง!!
เสียงบางอย่างตกแตก ดังมาจากชั้นล่าง เด็กชายหมุนคอไปหาทิศทางของเสียงอย่างตกใจ ก่อนจะค่อยๆ วางถาดอาหารในมือลงบนพื้น แล้วสาวเท้าเดินตรงไปที่บันไดอย่างเชื่องช้า
"นายท่านครับ นายหญิง มีอะไรแตกหรือเปล่าครับ ให้ผมช่วยมั้ย"เด็กชายเอ่ยพลางเดินลงบันไดมาทีละขั้น และในขณะที่เท้าเก้าลงมาจากบันไดขั้นสุดท้าย เด็กชายก็เอื้อมมือไปหยิบเชิงเทียน แล้วค่อยๆ ใช้เวท จุดมัน ขึ้น พลันหัวใจก็แทบจะหล่นวูบ เมื่อครั้นที่เปลวไฟเริ่มส่องแสงบนแท่งเทียน
นัยน์ตาสีเขียวมรตคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้า ที่ทำท่าจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ของหญิงสาว ผมสีทอง ที่นอนจมกองเลือดอยู่เบื้องหน้าห่างออกไปประมาณสองสามเมตร
"นายหญิง!!!!!"เด็กชายอุทานอย่างตกใจ จนเผลอปล่อยเชิงเทียนในมือ จนมันตกลงกับพื้น แล้ววิ่งถลาเข้าไปหาสตรีตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
"เวเซ่ อย่าเข้ามา หนีไปลูก!!"สตรีนางนั้นตะโกนขึ้นเสียงดัง เพื่อห้ามปรามเด็กชายตรงหน้าไว้ แต่มันไม่เป็นผลเมื่อเด็กชายคนที่ตัวเองสั่งให้หนีกลับไม่ยอมหนี ซ้ำแล้วยังวิ่งมาหาเธอ ด้วยสีหน้าบอกความตกใจอย่าเห็นได้ชัด
"นายหญิง ใครทำกับนายหญิงแบบนี้ แล้วนายท่านล่ะ นายท่านล่ะครับ"เด็กชายเอ่ยเสียงสั่น ก่อนจะยกร่างของสตรีตรงหน้าขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขนเล็กๆ สตรีในอ้อมแขน ชี้มือไปทางด้านข้างอย่างยากลำบากเด็กชายมองตามทิศทางของมือนั้น พลันนัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่สวยของเด็กน้อยก็ต้องเบิกกว้างยิ่งกว่าเก่าเมื่อสบประสานเข้ากับร่างของชายวัยกลางคน ที่ถูกดาบปักอยู่กลางอกจนเลือดใหลทะลัก
"นายท่าน!!"เด็กชายอุทานพลางค่อยๆ วางร่างของสตรีในอ้อมแขนลง แล้ววิ่งเข้าไปหาบุรุษผู้นั้น
"นานยท่าน ทำใจดีๆไว้นะครับ นาย..."เสียงพูดของเด็กชายต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นมาขัด
"ไอ้พวกเศษสวะ!"เสียงของคนผู้นั้น เอ่ยเย้อหยั่น เด็กชายหันไปมองตามทิศทางของเสียง ก่อนจะขมวดคิ้วเข้ม เมื่อสบเข้ากับ ร่างของชายในชุดคลุมสีดำ ที่มีเข็มกลัดรูปตัวNสีทอง ติดอยู่ที่หน้าอกซ้าย เขาเอาบูทคลุมหัวเอาไว้มิดชิด ปิดหน้าปิดตาทำให้เวเซ่ไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของคนตรงหน้าได้ชัด แต่สิ่งเดียวที่เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเช่นที่สุด คือนัยน์สีทอง คล้ายดวงตาของแมว ที่ฉายรอยเยือกเย็น เหมือนเพชฌฆาต ที่พร้อมจะสังหารเหยื่อได้ทุกเมื่อ
ร่างในเสื้อคลุมค่อยๆ สาวเท้าเดินมาข้างหน้า ตัดหน้าเด็กหนุ่มไป ราวกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
"แก... แกเป็นใคร!!!"เด็กชายตวาดใส่เสียงดัง แต่ดูเหมือนคนถูกตวาด จะไม่ได้สนใจเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย คนตรงหน้า เหล่หางตามามองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม "ฉันถามว่าแกเป็นใคร!!!”มือเรียวเอื้อมไปกระชากชายเสื้อคลุมของคนตรงหน้า ก่อนจะถูกขาคู่นั้นสะบัดเสียจนกระเด็น
"แกเอง มันก็เศษขยะ"ชายในเสื้อคลุมเอ่ยเสียงแผ่วเบา "ช่างไร้ค่า เหมือนกับพวกที่นอนกองอยู่ตรงนั้นไม่มีผิด..." คนตรงหน้าเอ่ยพลางยิ้มเหยียด และนั่น ทำให้เส้นอารมณ์ของเด็กชาย เริ่มตึงขึ้น นัยน์ตาสีเขียวมรกต คู่สวย ฉายรอยอาฆาต คนในเสื้อคลุมดำเอียงคออย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นสายตาแบบนั้น ก่อนจะกลั้วหัวเราะในลำคอ ว่าแล้วก็ย่อตัวลงมา และเอามือช้อนคางของเด็กหนุ่มขึ้นแต่คนตัวเล็ก กลับเอาเรียวแขนเล็กๆนั้น ปัดมันออกอย่างไม่ใยดีคนในเสื้อคลุม กลั้วหัวเราะอีกครั้ง
"แววตาอย่างนั้น... ช่างเยือกเย็นดุจอสรพิษ ช่างสวยงามเหลือเกิน บางทีเจ้าอาจจะเป็นผู้มาล้างแค้นให้นายทั้งสองของเจ้า ข้าจะรอเจ้าแล้วกัน..."ชายตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มันเป็นน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกเหน็บหนาวใจอ่ย่างบอกไม่ถูก เจ้าของร่างในเสื้อคลุมสีดำยันตัวเองให้ลุกขึ้น “ถ้าหาก เจ้ารอดไปจากที่นี่ได้ละก็นะ...”น้ำเสียงอันแสนเยือกเย็นถูกกล่าวปิดท้าย และทันทีที่เอ่ยจบ...
ฉึก!
...อั่ก!...
ความเจ็บปวดพุ่งจี๊ดเข้าที่กลางหลัง เด็กชายกัดฟันกรอด ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงอะไรบางอย่างที่พุ่งมาปักเอาที่กลางแผ่นหลังของเขา เมื่อครู่นี้
...ละ ลูกดอก?...
...ตะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?...
คิดในใจอย่งงุนงง ก่อนจะเอามันขึ้นมาดูอย่างพินิจพิจารณา
...แต่...แค่ลูกดอกงั้นเหรอ?... เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ความสนใจตรงนั้นจะหายไปทั้งหมด เมื่อสุรเสียงที่ดังตามมา จะดังขึ้น
ปัง!!!
เสียงลั่นปืนดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศ เด็กชายหันกลับไปหาสตรีคนเก่าอีกครั้ง ก่อนจะพบกับความจริงอันโหดร้ายอย่างหนึ่งที่เขาไม่คาดคิด ไม่เคย...และไม่อยากแม้แต่จะคิด
"นายหญิง!!"เด็กชายอุทานลั่น เมื่อเหลือบไปเห็นร่างของคนที่ตัวเอง เคารพว่าเป็นแม่บุญธรรมถูกกระสุนเวทที่ถูกยิงออกมาด้วยปืนกลจากพลังมนตราโดยชายในเสื้อคลุมคนเดียวกับเมื่อครู่ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะร่าของเจ้าฆาตกรที่ค่อยๆ หันหลังเดินออกไปจากบ้านช้าๆ
“เจ้าหนูหน่อยนี่หน้าสนใจจริงๆ ทรมาณให้เต็มที่ละ...”
กุหลาบสีดำถูกโยนเข้ามาในบ้าน กระทบกับแก้มเรียวขาวของเด็กหนุ่ม ร่างนั้นเดินจากไปจบลับตาแล้ว มองเห็นเพียงสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา เด็กน้อยหยิบก้านกุหลาบตรงหน้าขึ้นมากำอย่างอาฆาตแค้น เลือดข้นสีแดงใหลออกมาจากมือเล็กๆ คู่นั้น แต่จิตใจของเจ้าตัวตอนนี้ด้านชาจนไม่เหลือความรู้สึกทางกายอีกแล้ว...
...ไอ้หมอนั่น!!! มันเป็นใครกัน...
คิดอย่างเจ็บใจ แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น รู้สึกเหมือนว่าตัวเอง ช่างอ่อนแอยิ่งนัก ที่ไม่สามารถปกป้องคนที่เขารักเอาไว้ได้ เพียงแค่นั้นหยาดน้ำตาใสๆ ก็ใหลลงอาบแก้มนวล จนเปียกชุ่มไปหมดเด็กชายคร่ำครวญอยู่ท่ามกลางความมืดรอบข้าง เพียงลำพัง... มันช่างมืดมนเหลือเกิน... มืดมนเสียจนรู้สึกเหมือนถูกทิ้งอยู่ตัวคนเดียว โดยที่ไม่มีแม้ใครที่หันมาแลมอง ความอ้างว้าง เสียใจ โกรธแค้น ทุกอย่างล่องลอยอยู่ในห้องสมองของเขา จนตอนนี้คิดได้คำเดียวคือคำว่า ‘อยากจะฆ่า’ เด็กหนุ่มร้องไห้ออกมาเสียงดัง แล้วกอดร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อบุญธรรมของเขา ก่อนที่มืออุ่นๆ ของร่างนั้นจะวางแหมะลงบนมือของเขา
"เว-เซ่"บุรุษผู้นั้นเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งจนหน้าใจหาย แต่นั่น เป็นสิ่งที่เรียกสติของเด็กชาย ให้กลับคืนมา เวเซ่มองหน้าผู้พ่อบุญธรรมอย่างโหยหา เด็กชายกุมมือผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่น ราวกับว่ากลัวว่าเขาจะหายไปไหน "สัญญากับพ่อข้อหนึ่งได้ไหม"
"นะ นายท่าน"เด็กชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาในขณะที่น้ำตาหยังใหลไม่หยุด
“เวเซ่... พ่อขอร้องอะไรลูกอย่างได้ไหม”บุรุษตรงหน้าเอ่ย เด็กหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ แล้วยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่อาบอยู่ข้างแก้ม "เรียกพ่อว่าพ่อสักครั้ง ได้ไหม"ชายตรงหน้าเอ่ยพลางเอามือมาจับที่แก้มเขา "พ่อรักลูกนะ เวเซ่ เรียกพ่อ....สักครั้ง ได้ไหม อึ๊ก... ก่อนพ่อจะตาย ขอฟังเสียงของลูกเรียกพ่อสักครั้งนะลูก..."มือเรียวลูบใบหน้าของลูกชายอย่างรักใคร่ เด็กน้อยยังคงสะอื้นไม่หยุด เขาพยายามจะเอ่ยปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจทุกอย่างออกมาแต่ตอนนี้เสียงของเขาหายไปไหนก็ไม่รู้ มันไม่ยอมออกมาตามคำสั่งของเขา แต่สิ่งที่ออกมาแทนเสียงกับเป็นหยาดน้ำใสๆ แห่งความเจ็บปวด ที่พรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวยที่บัดนี้บวมช้ำ
เปรี้ยงงงงง!!
เสียงฟ้าผ่า ดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศ เด็กยังคงกอดร่างของบิดาบุญธรรมอย่างอาลัยอาวรณ์ นัยน์ตาที่ใกล้จะปิดลง หันมามองลูกชาย ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พ่อรักลูกนะ...เวเซ่...”นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาจะได้ยิน มือเรียวที่เมื่อคู่สัมผัสอยู่ที่แก้มนวลของเด็กหนุ่มค่อยๆ ลดระดังลง และตกลงบนตักของเด็กน้อย มันเป็นเหมือนเสี้ยววินาทีที่ยาวนานนัก ราวกับว่าความสุขได้หายไปจากโลกนี้อย่างหมดสิ้น เมื่อเพียงหนึ่งอึดใจที่เห็นร่างตรงหน้าสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตา...
"ไม่...ไม่จริง"เด็กสายพึมพำกับตัวเองเบาๆ "ไม่จริงใช่ไหม"ว่าแล้ว ก็เอื้อมมือไปช้อนมือผู้เป็นบิดาขึ้นมากุมแล้วเขย่าแรกๆ "ค...คุณแค่ล้อเล่นใช่ไหมซูซาที คุณอยากฟังไม่ใช่เหรอ...ตื่นขึ้นมาฟังผมสิ ไม่อย่างนั้น...คุณจะให้ผมพูด...กับใคร..."น้ำเสียงของเด็กหนุ่มขาดเป็นช่วงๆ เพราะเสียงสะอื้น "คุณพ่ออออออออออออออออ!!!!!!!"เด็กชายตะโกนลั่น ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเต็มที่ ฉับพลัน... เสียงร่ำไห้นั้นก็หยุดชะงักเหมือนต้องมนต์
เด็กชายชะงักค้างอยู่อย่างนั้น นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้าง
...หะ หายใจไม่ออก...
เด็กชายเอ่ยในใจพลางเอามือขึ้นมากุมบริเวณคอ แล้วเริ่มลำดับเหตุการณ์เมื่อครู่ใหม่อีกครั้ง
...ลูกดอกนั่น...ลงอาคม...
เด็กชายล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างทรมาณ พร้อมๆกับที่พยายามหอยหายใจเอาอากาศจากภายนอกเข้าไปอย่างทุลักทุเล แต่ความพยายามนั้น ก็ไม่ได้เกิดผลเลยแม้แต่น้อย เมื่ออาคมที่โดนเข้าไปนั้น มันเริ่มรุกราน จนปอดของเขาหยุดทำงานเสียแล้ว...
...ปล่อยไว้แบบนี้ เรา...ตายแน่...
...แต่...ถ้าหากเรา...ตายไป...แล้วใคร...จะเป็นคนแก้แค้นให้นายท่านกับนายหญิงล่ะ...
...มีแต่สิ่งนั้นเท่านั้น สิ่งนั้น...
พิจารณาใตร่ตรองอยู่ในใจ พลางใช้ฟันกัดนิ้วของตัวเองจนเป็นแผล โลหิตสีแดงฉาน ใหลอาบลงมาเป็นสาย ใหลตามข้อมือ จนกระทั่งแขน เด็กชายใช้เลือดที่ใหลออกมานั้น วาดวงแหวนเวทประหลาดขึ้นบนหน้าผาก และข้างดวงตาทั้งสองข้าง
"ข้าแต่ทวยเทพแห่งพันธสัญญา ไกอาร์"เด็กชายตะโกนขึ้น พลัน แสงสว่างก็สว่างวาบขึ้นภายใต้ร่างของเขา "ข้าขอสาบาญ ต่อหน้าวงแหวนศักดิ์"แสงสว่างนั้น ค่อยๆ จับรูปกันเป็นอัขระ ก่อนจะทอแสงมาที่ตัวเด็กชาย "ข้าจะตามจองล้างจองผลาญผู้ที่สังหารบิดาและมารดาข้า เพื่อสนองแก่ความแค้นที่ท่านทั้งสองยังไม่ได้ชำระ ข้าขอสังเวยจิตวิญญาณแด่ท่าน ได้โปรดมอบชีวิตและพลังให้กับข้า ถึงตอนที่ข้า จะได้สังหารพวกมัน ด้วยมือของตัวข้าเอง จนกว่าจะถึงตอนนั้น ขอให้ข้า ได้มีชีวิตอยู่ ช่วยชุบชีวิตของข้า ขึ้นมาอีกครั้งด้วยเถอะ!"สิ้นเสียงของเด็กชาย แสงสว่างสีดำ ก็สว่างวาบมาจากตัวเขา และดับหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลง พร้อมๆที่ลมหายใจสุดท้าย ที่ดับสิ้นไป
ในตอนนั้นเอง ที่พันธสัญญาไกอาร์ได้ถูกผูกมัดติดตัวผม
ผม...ได้กลับเป็นขึ้นมาอีกครั้ง
ผมจะมีเพียงครึ่งชีวิต และต้องคำสาป...
เมื่อเงื่อนไงการทำพันธสัญญาหมดลง ผมก็จะไม่สามารถ...
มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีก...
และนั่น...ก็เป็นสิ่งที่ผมได้ตัดสินใจแล้ว
ความคิดเห็น