เจ้าหญิงฮิเมรากิ กับไข่มุกแห่งภูผา (Himeragi Pricess and The Pearl of Mountain) - นิยาย เจ้าหญิงฮิเมรากิ กับไข่มุกแห่งภูผา (Himeragi Pricess and The Pearl of Mountain) : Dek-D.com - Writer
×

    เจ้าหญิงฮิเมรากิ กับไข่มุกแห่งภูผา (Himeragi Pricess and The Pearl of Mountain)

    เมื่อน้องสาวของเธอถูกสาปให้กลายเป็นพญาจิ้งจอก 9 หาง เธอผู้เป็นพี่สาวจึงต้องเดินทางย้อนเวลามายังยุคสมัยเซ็นโกคุ เพื่อบูรณะดาบพระแสงฟ้าฟื้นที่จะใช้ในการทำลายคำสาปเพื่อช่วยน้องสาวของเธอ

    ผู้เข้าชมรวม

    974

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    974

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    26
    หมวด :  ผจญภัย
    จำนวนตอน :  185 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ค. 65 / 10:23 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ในสมัยโบราณกาล มีเทพอยู่สององค์ได้สร้างเกาะญี่ปุ่นขึ้น คือเทพอิซานางิและเทพีอิซานามิ ซึ่งเป็นทั้งสองพี่น้องและสามีภรรยาในเวลาเดียวกัน ทั้งสองได้ให้กำเนิดเหล่าบรรดาทวยเทพตั้งหลายองค์ จนกระทั่งเทพีอิซานามิก็ได้สิ้นใจลงจากการให้กำเนิดเทพแห่งอัคนี เทพอิซานางิรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อผู้เป็นน้องสาวและภรรยาของเขามาก จึงเดินทางไปเยี่ยมนางถึงแดนปรโลก เทพอิซานางิรู้สึกรังเกียจเมื่อได้เห็นโฉมหน้าของเทพีอิซานามิที่น่าเกลียดน่ากลัวราวกับปีศาจร้าย จึงรีบวิ่งหนีนางออกมาและยกก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นปิดปากทางเข้าออกของแดนปรโลกไว้จนทำให้เทพีอิซานามิไม่สามารถออกไปสู่โลกภายนอกได้ เทพีอิซานามิได้ตะโกนใส่ด้วยความเกรี้ยวโกรธว่าจะทำให้มนุษย์โลกตายวันละ 1000 ศพ พร้อมป่าวประกาศตัดขาดความเป็นพี่น้องและสามีภรรยา เทพอิซานางิจึงโต้กลับไปว่า หากเช่นนั้นเขาก็จะอธิษฐานให้มนุษย์โลกถือกำเนิดขึ้นวันละ 1500 คนเช่นกัน จากนั้นเขาก็เดินจากไป และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความเคียดแค้นของเทพีอิซานามิที่มีต่อเทพอิซานางินับแต่นั้นเป็นต้นมา

    หลายร้อยปีต่อมา เจ้าชายฮิโกโบชิ พระราชบุตรของราชินีจอมขมังเวทย์ฮิมิโกะแห่งอาณาจักรยามาไท ในยุคสมัยที่เวทย์มนต์เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ได้ตกหลุมรักกับเจ้าหญิงจื้อจีผู้มีพรสวรรค์ด้านการทอผ้า พระราชธิดาของเง็กเซียนฮ่องเต้ จักรพรรดิจีนองค์หนึ่งในปลายยุคราชวงศ์ฮั่น ที่เสด็จมายังอาณาจักรเพื่อนำผ้าที่นางทอเองกับมือมาถวายเป็นเครื่องราชบรร ณาการให้กับราชินีผู้ปกครองอาณาจักร ราชินีฮิมิโกะจึงส่งราชทูตมายังจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อเจรจาสู่ขอเจ้าหญิงจื้อจี เง็กเซียนฮ่องเต้ได้ยกเจ้าหญิงจื้อจีผู้เป็นพระราชธิดาให้กับเจ้าชายฮิโกโบชิด้วยความยินดี เพราะตัวพระองค์เองก็ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองอาณาจักร หลังจากที่เสด็จย้ายมาอาศัยที่พระราชวังในอาณาจักรยามาไท เจ้าหญิงจื้อจีได้ทำการเปลี่ยนพระนามเป็นเจ้าหญิงโอริฮิเมะ และทั้งสองก็ได้แต่งงานกันในวันที่ 7 เดือน 7 ซึ่งได้กลายเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบวันแต่งงานของเจ้าชายฮิโกโบชิกับเจ้าหญิงโอริฮิเมะนับแต่นั้นเป็นต้นมา

     

    บทนำ

    ในปี 1443 บนท้องฟ้าในยามค่ำคืน ก้อนเมฆสีครื้มปกปิดแสงจันทราจนแทบจะมืดมิด เบื้องล่างคือพระราชวังเกียวโตที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟราวกับทะเลเพลิง กลุ่มควันไฟที่ลอยขึ้นบนท้องฟ้านั้นมันทำให้รู้สึกอึดอัด หายใจแทบไม่ออกเมื่อสูดเข้าไปในจมูกและช่องปาก บรรยากาศภายในอันร้อนระอุมันชวนให้รู้สึกราวกับถูกย่างสดทั้งเป็นเพราะไอร้อนจากเพลิงไหม้ที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง เหล่าทหารในวังต่างก็เผชิญหน้ากับเหล่าโอนิโยไคที่บุกเข้ามาในวังอย่างสุดขีด แต่ส่วนมากก็ถูกพวกมันปลิดชีพจนสิ้นใจ บนพื้นนั้นเต็มไปด้วยซากศพของเหล่าทหารในวังที่นอนจมกองเลือดที่เห็นแล้วชวนหดหู่ กลิ่นคาวเลือดนั้นมันชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอี้ยนและรู้สึกอัดอัด

    “พระองค์ ทางนี้ขอรับ”

    องค์จักรพรรดิและเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เหลือรอดหนีไปตามทางที่ทหารในวังนายหนึ่งได้เปิดทางไว้ด้วยความรีบเร่ง พร้อมกับเหล่าทหารในวังที่คอยให้การคุ้มกันในระหว่างทาง มือหนาของพระองค์กำลังถือครองกำไลกระจกยาตะ หนึ่งในเครื่องไตรราชกกุธภัณฑ์ทั้งสามชิ้น พวกพระองค์ได้หนีการไล่ล่าของเหล่าโอนิโยไคจนมาถึงสะพานไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ภาย ในป่าทึบ พวกพระองค์รีบวิ่งข้ามสะพานนั่นไป

    “โฮก!!” เสียงร้องคำรามอันน่าเกรงขามของพญาจิ้งจอก 9 หางขนาดใหญ่ได้ดังกึกก้องออกมาที่ปลายสะพานที่อยู่เบื้องหน้า มันมีกายสีเหลืองทอง ดวงตาสีแดงฉาน มันได้พ่นลูกไฟออกมา แม้จะหลบมันได้ แต่ลูกไฟที่พ่นออกมานั้นก็ได้เกิดแรงระเบิดขึ้น จนทำให้ร่างของเด็กทารกแรกเกิดได้หลุดไปจากอ้อมแขนของพระมเหสีและตกลงไปในลำธารที่อยู่เบื้องล่าง พระมเหสีตะโกนเรียกนามของเด็กอย่างสุดเสียงพลางวิ่งไปที่ขอบสะพานราวกับจะกระโดดลงไปช่วย แต่องค์จักรพรรดิก็ได้ห้ามไว้

    “วูม!!” มีแสงดาบสีม่วงอมดำที่เกิดมาจากพลังเวทย์มนต์ดำได้ตวัดใส่พญาจิ้งจอก 9 หางที่กำลังจะพุ่งเข้าโจมตีใส่พวกพระองค์ แต่มันก็หลบได้อย่างฉิวเฉียว และมันก็ได้บินหนีไป

    “ขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยชีวิตพวกข้าไว้” องเมียวจิหญิงแห่งศาสตร์มืดปริศนาผู้นั้นได้ชักดาบออกแล้วตวัดเป็นรูปกากบาทเพื่อเปิดประตูมิติโดยที่ไม่สนใจคำกล่าวขอบคุณของพระองค์เลยแม้แต่น้อย เธอเหลียวตามองพวกพระองค์จากผ่านผ้าคลุมสีดำที่ปิดบังใบหน้าไว้ด้วยสายตาที่เยือกเย็น ก่อนที่จะเดินเข้าไปในนั้นและประตูมิติก็ได้เลือนหายไป และพวกพระ องค์ก็สามารถหนีรอดไปจากพวกโอนิโยไคไปได้

    “ฮือ ฮิเมรากิลูกแม่” พระองค์เดินเข้าไปปลอบพระมเหสีที่นั่งร้องไห้ฟูมฟายราวกับใจแทบสลายที่สูญเสียลูกสาวในวัยทารกแรกเกิดไปอย่างไม่มีวันกลับ

    โอนิโยไค = ปีศาจหน้ายักษ์โอนิทีอยู่ในชุดนักรบ ใช้อาวุธดาบ หอก ธนู ฯลฯ เช่นเดียวกับนักรบที่เป็นมนุษย์

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น