ณ บ้านไม้สองชั้นเล็กๆริมคลอง ขนาบข้างไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ ที่ยังคงให้ร่มเงา ทั่วทั้งอาณาบริเวณ สายลมอ่อนๆพัดพากลิ่นของดอกมะลิวัลย์ กลิ่มหอมของมันอบอวลทั่วทั้งบ้าน สายลมยังคงไหลเอื่อย กระทบกับโมบายใบไม้เหล็ก เสียงกังวาลไพเราะ น่าฟัง
มือขาวสะอาดพิมพ์ข้อความอย่างว่องไว ดวงตาภายใต้แว่นหนาเลนน์ฟ้ายังคงจดจ้องไปที่จอคอมพิวเตอร์ด้วยความหวัง บางครั้งการที่จะทำอะไรมันก็ต้องเสี่ยงกับการลงทุน
“ไม่ไหวแล้ว ตื่นเต้นชะมัด ไม่หวังๆ ถึงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
“กรี้ดดดดดด ฉันสอบชิงทุนได้เเล้ว ฮือออออ”
“น้าปราง หนูได้ทุนเรียนต่อเกาหลีแล้วอะป้า ”^o^ฉันวิ่งไปนั่งโซฟาข้างน้าสาวฉันที่กำลังนั่งปลอกเปลือกมะม่วงอยู่พร้อมกับกอดโน้ตบุ๊กไว้เเน่นเพราะกลัวว่าฉันจะตาฝาดไป
“จริงหรือจ๊ะ ไหนล่ะหลักฐาน”น้าของฉันผละมือจากการปลอกมะม่วงลูกที่ห้า เเล้วมองฉันด้วยสีหน้ายินดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น ท่านคงจะดีใจที่หลานสาวได้ไปเรียนต่อที่มหาลัยในเกาหลี
“อันนี้ค่า”ฉันส่งโน้ตบุ๊กที่มีข้อความจากเว็บทุนให้น้าอย่างตื่นเต้น
กว่าจะได้ทุนมา มันไม่ได้มาง่ายๆนะ ฉันต้องกลับบ้านมาทบทวนบทเรียนจนเที่ยงคืนเกือบทุกวัน เเถมต้องช่วยน้าไปขายขนมที่ร้านเบเกอรี่ของน้าทุกวัน โชคดีที่น้าฉันใจดีให้เงินทุกครั้งที่ฉันไปช่วย
“หลานสาวฉันได้ทุน ชาวบ้านเเถวนี้รู้คงอิจฉากันตาเป็นมันล่ะมั้ง ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ น้าก็ไม่ต้องคุยโวขนาดนั้นก็ได้”
“หลานได้ทุนซักทีเราต้องยินดีอยู่เเล้วจ๊ะ”
ฉันยิ้มแหยๆให้น้าพร้อมกับหยิบเเก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นดื่ม
“แค่ก แค่ก แค่ก”นี่มันน้ำไรฟะ ขมปี๋เลย จบแล๋ว
“น้ำใบบัวบกจ๊ะ กินเยอะๆก็ได้นะจ๊ะดีต่อสุขภาพ^^”
ตึก ตึก
เสียงใครบางคนวิ่งตึงตังลงจากบันไดชั้นสองมาชั้นหนึ่ง พร้อมกับพุ่งลงมาที่ฉันกับน้า
“เฮ้ย อะไรนะพี่มีโซได้ทุนหรอ”จันทร์เจ้า ลูกสาวน้าปรางตะโกนถาม พร้อมกับวิ่งมานั่งตรงหน้า นัยน์ตาอยากรู้เรื่องฉันเหลือเกิน
“เเหม ยัยจันทร์ไม่ต้องทำหน้าอยากรู้ขนาดนั้นก็ได้จ้ะลูก ”น้าปรางปรามยัยจันทร์ทันที
“โถ่แม่ พี่เขาได้ทุน ก็พอจะช่วยเจือจุนบ้านเราได้บ้างสิแม่ ตอนนี้แม่ก็ติดค่าเช่าร้านอยู่ไม่ใช่หรอ เห็นป้าก้อยเเกคอยมา
ทวงเงินกับหนูเวลาเดินผ่านร้านแกไปโรงเรียนมาหลายวันแล้ว ”
“จริงหรอ น้าปราง?”ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย น้าปรางไม่เห็นเคยบอกฉัน ถ้าบอกฉันก็จะได้ช่วยเเบ่งเบาภาระได้บ้าง ท่านคงจะลำบากเเต่ไม่กล้าบอกฉัน
“เอ่อ..จ้ะ น้าไม่ได้จ่ายค่าเช่าห้องเพราะต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมยัยจันทร์ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าก็เอาไปจ่ายเเล้ว เลยไม่ได้บอกเด็กๆ”
“แม่หนูขอโทษ”จันทร์เจ้าบอกด้วยสีหน้าสำนึกผิด
ฉันล้วงกระเป๋าเเล้วหยิบถุงซิปซึ่งมีเงินที่ฉันเก็บบางส่วนมาจากพวกขายของออนไลน์งานพาทไทม์ตลอดหลายปียื่นให้น้า เมื่อวานฉันไปถอนเงินจากธนาคารมาเพื่อจะให้น้าปรางโดยเฉพาะนั่นแหละ
“น้าปราง เก็บไว้ใช้นะคะ”ฉันดึงมือน้า เเล้วยัดถุงผ้าใส่มือของเธอ
“ไม่เป็นไรจ๊ะ หนูเอาไว้ใช้ที่เกาหลีเถอะ เผื่อน้าส่งไปไม่พอ”
“อ้าว พี่มีโซได้ทุนเรียนต่อหรอคะ จันทร์นึกว่าได้ทุนเป็นเงินซะอีก”
“ยัยจันทร์ มีมารยาทหน่อยลูก”น้าปรางปรามลูกสาวเมื่อพูดเเทรกเธอ
“ที่จริง น้าไม่ต้องส่งเงินมาให้หนูใช้หรอกค่ะ ทางเจ้าของทุนเขาให้กินฟรีอยู่ฟรีที่นู่นเลย ส่วนเงินที่ใช้ส่วนตัวเขาจะให้เป็นรายเดือน เเล้วเงินที่ให้น้าเพราะหนูอาจจะไม่ได้มาที่บ้านหลายเดือน”
“เเล้วก็ หนูอยากตอบเเทนน้า ที่คอยดูเเลหนูตั้งเเต่เด็กเพราะพ่อเเม่หนู…ตายไป น้าคอยดูเเลหนูจนถึงตอนนี้ เงินที่ให้ไปยังน้อยกว่าที่น้าปรางเคยให้ตั้งหลายเท่าเลยค่ะ”:-)
“ขอบใจนะจ๊ะ เเล้วทางกองทุนได้บอกว่าขึ้นเครื่องวันไหนมั้ยจ๊ะ”
Suvarnabhumi airport สนามบินสุวรรณภูมิ
ผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติ ต่างเร่งรีบเพื่อไปทำธุระของตน เจ้าหน้าที่ต่างรีบร้อนทำงานกันจ้าละหวั่น เหมือนวันนี้จะเป็นวันที่ดูเเปลกประหลาดทั้งดีใจเเละเศร้าใจเพราะอะไรนะ ฉันคิดในใจ
“โชคดีนะพี่หมี่โซะ”ยัยจันทร์วิ่งมากอดฉัน
“หมี่โซะบ้าไรล่ะ ฮ่าๆ เธอก็เหมือนกันโชคดีนะ เเล้วช่วยงานน้าบ้างอย่าให้น้าทำงานคนเดียว”ฉันกอดยัยจันทร์ตอบ พร้อมกับดุนิดหน่อยตามประสาพี่สาว
“ค่าพี่ หนูช่วยอยู่เเล้ว”
ฉันหันไปหาน้าเเล้วกอดเเน่น น้าเปรียบเสมือนแม่ของฉัน คอยดูเเลเอาใจใส่อยู่ไม่ห่าง พอเวลาที่ต้องจากน้าไปนานๆมันก็คงจะครึ้มอกครึ้มใจ คิดถึงกันบ้างล่ะนะ
“ขอให้โชคดี พบเจอเเต่สิ่งดีๆ มีความสุขมากๆนะจ้ะ ”
ความคิดเห็น