วงศ์ณภิส
เรื่องราวแปลกประหลาดในปี2431 ของครอบครัวตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยจากการค้าหนังสัตว์ในหมู่บ้านเล็กๆ วันหนึ่งคนในครอบครัวเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนกลายเป็นปริศสนาว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้
ผู้เข้าชมรวม
139
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
วงศ์ณภิส
ครั้นช่วงหนึ่งในปี2431 เรื่องราวของตระกูลชื่อดังที่ร่ำรวยมาจากธุรกิจค้าขายหนังสัตว์ในเมืองเล็กๆย่านชนบท จังหวัดกาฬสินธุ์ ครอบครัว“วงศ์ณภิส” ต๋อม,ตั้ม,มณี 3พี่น้องทายาทตระกูลวงศ์ณภิส แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปแต่เรื่องราวลี้ลับและอาถรรพ์จากบาปกรรมตั้งแต่ในอดีตจะยังคงอยู่คู่ตระกูลนี้ตลอดไป
9เมษายน พุทธศักราช 2431
“เจ๊น้อย เจ๊น้อย ซื้อหนังวัวหน่อยครับสี่โล” เสียงตะโกนร้องเรียกดังมาจากหน้าร้าน
“เออๆมาแล้ว ช่วงนี้พ่อเอ็งใช้ให้มาซื้อหนังน้อยลงนะไอ้ต๋อม” เจ๊น้อยกล่าวด้วยความสงสัย
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันสงสัยช่วงนี้ที่บ้านขายไม่ค่อยดี พ่อก็ให้มารับแต่ที่บ้านเจ๊นี่แหละที่อื่นราคาสูงสู้ไม่ไหวหรอก แต่ยังไงก็เถอะวันนี้ผมคงได้มาซื้อวันสุดท้ายแล้วแหละเจ๊ ” ต๋อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
เจ๊น้อยหยุดชะงักกับประโยคนี้ไปชั่วครู่
”…ทำไมล่ะไอ้ต๋อม เอ็งพูดเหมือนจะย้ายหนีไปไกลงั้นแหละ” เจ๊น้อยกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
ต๋อมไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มด้วยแววตาหมองเศร้าให้กับประโยคคำถามของเจ๊น้อยและขับรถกระบะเก่าๆ
ที่ด้านข้างมีชื่อป้ายติดชื่อร้านว่า “วงศ์ณภิสค้าหนัง”กลับบ้านไปพร้อมกับคนนั่งข้างๆคือ“ตั้ม” น้องชายคนกลาและะต๋อมก็ไม่ได้มีแม้แต่ท่าทีจะหันกลับมามองเจ๊น้อยเลย
หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ต๋อมที่เป็นลูกค้าประจำก็ไม่ปรากฏตัวมาให้เจ๊น้อยเห็นอีกนับตั้งแต่วันนั้น
เจ๊น้อยเกิดความสงสัยจึงไปถามกับคนในหมู่บ้านว่าทำไมช่วงนี้ครอบครัวของต๋อมหายหน้าหายตาไป
เนื่องจากวงศ์ตระกูลของบ้านต๋อมเป็นร้านค้าขายหนังสัตว์ที่โด่งดังและมีชื่อเสียงมากในระเเวกนั้น เป็นที่รู้จักว่าเสี่ยต่อกับเจ๊นวลเจ้าของธุรกิจคอยช่วยเหลือและใจดีกับชาวบ้านอยู่เสมอ จึงทำให้ธุรกิจเติบโตจนขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ช่วงหลังมานี้ครอบครัววงศ์ณภิสมักจะมีปัญหาทั้งเรื่องการเงิน หรือแม้แต่ปัญหาในครอบครัว กลายเป็นว่าพักหลังคนในบ้านเก็บตัวเงียบไม่ออกมาสุงสิงกับชาวบ้านเหมือนแต่ก่อน หากจะออกมาก็เพียงแค่ซื้อหนังสัตว์ไปขายหน้าร้าน แต่การซื้อในแต่ละครั้งนั้นก็มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ จากเดิมหลายสิบกิโลก็กลายมาเป็นสี่ถึงห้ากิโลบ้างพอประปราย และมณีน้องสาวคนเล็ก
ก็ออกมาซื้ออาหารที่ตลาดเป็นครั้งคราว แต่แปลกที่มณีมาซื้อกับข้าวทีหนึ่งก็เกือบห้าสิบถุง แม่ค้าในตลาดก็ได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะมณีมีสีหน้าท่าทางที่ผิดแปลกไปจากแต่ก่อนมาก เธอเคยเป็นเด็กสาวที่น่ารัก พูดจาเก่ง อัธยาศัยดีกับคนรอบข้าง ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่มาวันนี้รอยยิ้มของเธอกลับกลายเป็นสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดจากับใคร สายตาล่องลอย ราวกับว่าในหัวเธอไม่ได้คิดอะไรเลยและมีเพียงความว่างเปล่า
….
“บาปกรรม ของต่ำ รวมกันอยู่ในครอบครัวนี้หมดแล้ว“
เสียงยายแก่คนนึงอายุราวๆเจ็ดสิบปี ใช้ผ้าโพกหัวปิดหน้าปิดตาไว้ เดินมาพร้อมไม้เท้าเก่าๆอันหนึ่ง
เอ่ยแทรกขึ้นกลางวงสนทนของกลุ่มเจ๊น้อย
”อะไรนะยาย ของต่ำอะไรกัน“ เจ๊น้อยตกใจกับคำพูดของยาย
“ยายนี่ใช่คนที่อยู่หลังวัดข้างบ้านนางพรใช่ไหม ข้าคุ้นๆไม่ค่อยจะเห็นหน้าคร่าตา” คนในวงสนทนากล่าว
“พวกเอ็งจะไม่เชื่อยายก็ได้ แต่บาปกรรมมันกำลังจะสนองครอบครัวนี้แล้ว อีกไม่นานหรอกรอดูเถิด”
ยายพูดพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆและเดินจากไป โดยทิ้งความสงสัยไว้ให้กับเจ๊น้อยเป็นอย่างมาก
“โถ่… อย่าไปสนใจคำพูดคนแก่เลยเจ๊ ของไม่ดีอะไรกัน บ้านนี่น่ะมีบุญคุณกับพวกฉันมาก อย่างเจ๊นวลก็เคยพานังมณีตอนยังเล็กๆมาเดินตลาด มาช่วยอุดหนุนผักฉันจนหมดแผงให้ฉันพอได้มีเงินซื้อนมให้ลูก
ฉันล่ะซาบซึ้งจริงๆ” คำกล่าวของชาวบ้านทำให้รู้ว่าครอบครัวนี้เป็นที่รักของผู้คนรอบข้างมากเพียงใด
20 เมษายน พุทธศักราช 2531
ตะวันใกล้ตกดิน แสงอาทิตย์เริ่มดับลง…
“กริ๊ง” เสียออดที่หน้ารั้วของบ้านเจ๊น้อยดังขึ้น
“ลูกค้าซื้อหนังอีกแล้วล่ะสิ กลับไปก่อนเถอะเจ๊เก็บของเข้าโกดังไปหมดแล้ว ไว้พรุ่งนี้ตอนรุ่งสางเดี๋ยวค่อยมาซื้อ!” เจ๊น้อยตะโกนดังออกมาจากหน้าต่างบ้านและกลับเข้าไป
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง” เสียงออดดังขึ้นอีกหน แต่คราวนี้รวมกันเป็นสามครั้ง
“นี่เอ็งน่ะพูดไม่รู้เรื่องหรือยังไงวะ ฉันก็บอกให้มาซื้อพรุ่งนี้ รอไก่โห่สักกี่ยามจะเป็นอะไรไป หนังที่บ้านฉันน่ะมีเป็นร้อย” เจ๊น้อยกล่าวด้วยความรำคาญใจ
“เจ๊… นวลเอง” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนอายุราวๆประมาณสี่สิบดังขึ้น
หลังจากได้ยินว่าเป็นเสียงเดิมที่คุ้นเคย เจ๊น้อยตกใจ รีบวิ่งออกไปที่รั้วโดยไม่ได้คิดอะไร
”นวล! มาได้ยังไงกันแล้วนี่ไปทำอะไรมาทำไมสภาพทรุดโทรมขนาดนี้“ เจ๊น้อยกล่าวกับนวลที่มาหาด้วยสภาพผอมโซ ไม่มีแม้แต่แรงจะเดินเสียด้วยซ้ำ
…เจ๊น้อยพานวลเข้ามาพักในบ้านพร้อมหาอาหารและน้ำดื่มให้กิน นวลเห็นอาหารที่เจ๊น้อยเอามาให้จึงรีบกินอย่างกับคนไม่ได้กินอะไรมาเป็นเดือน แม้ว่าในจานจะเป็นเพียงไข่ต้มธรรมดา
“ใจเย็นๆ ค่อยๆกินเดี๋ยวก็สำลักเอา” เจ๊น้อยกล่าว
“นวลเอ้ย ให้เจ๊ถามสักที ครอบครัวเอ็งน่ะหายไปไหนกันหมด ไหนจะเสี่ยต่อ ไอ้ต๋อม ไอ้ตั้ม นางมณี
แล้วเอ็งคนเป็นแม่ก็โผล่มาในสภาพดูไม่ได้ เจ๊ต้องคิดยังไง“
จู่ๆน้ำตาของนวลก็ไหลออกมา พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นที่แม้แต่แรงจะร้องไห้ยังไม่มีด้วยซ้ำ
“ไม่เหลือแล้วเจ๊ ลูกๆนวลก็ไม่ใช่ลูกเหมือนแต่ก่อนแล้ว“ นวลกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่าง
“อะไรกันนวลพูดให้เจ๊เข้าใจไม่ได้รึ แล้วทำไมจะไม่ใช่ลูกเอ็ง ฉันก็เห็นมันมาตั้งแต่เล็ก มีอะไรกันแน่”
เจ๊น้อยสับสนคำพูดของนวลที่เกิดขึ้น
นวลจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ๊น้อยฟัง
หลังๆมานี้ที่บ้านวงศ์ณภิสเริ่มมีอะไรแปลกไป เมื่อสามเดือนที่แล้วหนังหน้าร้านก็ขายไม่ดี บางวันขายไม่ได้เลยก็มี ส่วนลูกๆก็แปลกไป อย่างตั้มลูกชายคนกลางบางวันก็บอกพ่อกับแม่ว่ามีคนมารำบวงสรวงหลังบ้านเต็มเลย ส่วนมณีก็ไม่พูดไม่จากับใครเอาแต่กินทั้งวันไม่มีหยุด ซื้อกับข้าวทีก็ซื้อมาเผื่อใครไม่รู้หลายสิบถุง ต่อกับนวลเองก็ไม่รู้จะไปพึ่งทางไหน เลยเรียกลุงเชิดหมอดูจากสกลนครมาดูที่บ้านเผื่อว่าอะไรจะดีขึ้น คำแรกที่หมอดูเอ่ยคือ
“อยูไม่ได้แล้ว ต้องออกไป ไปพักที่อื่นก่อนคืนนี้เลยยิ่งดี เดี๋ยวมันจะสายไปมากกว่านี้้”
นวลและต่อตกใจกับสิ่งที่ลุงเชิดพูด และถามว่าที่ลุงพูดหมายความว่ายังไง
“พวกเอ็งเคยรับของแปลกๆจากใครมาบ้างไหม“ ลุงเชิดถามกลับ
“ไม่ครับลุงเชิด ทั้งผมและนวลไม่เชื่อเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ ไม่มีทางหรอกลุง”
…
“พี่ต๋อม” เสียงของตั้มดังขึ้นมา
“ผมเคยเห็นพี่ต๋อมบอกว่าแม่บ้านคนก่อนเอาน้ำหมากมาให้ แล้วบอกให้พี่ต๋อมเอาไปรดที่ต้นกล้วยหลังบ้านทุกวันเพื่อเป็นศิริมงคลจะได้ค้าขายดี ผมก็เห็นพี่ต๋อมทำทุกคืนนะ แต่ตกมาเดือนนี้ก็ไม่ได้ทำแล้ว“
”ว่าไงนะตั้ม ทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยรู้เลย“
“ตั้มว่าแม่ก็รู้นะ วันนั้นแม่ยังยืนมองพี่ต๋อมทำอยู่เลย”
นวลช็อคกับสิ่งที่ออกมาจากปากของตั้ม เพราะที่ผ่านมานวลผู้เป็นแม่ไม่เคยรู้ถึงการกระทำนั้นของลูกเลยแล้วผู้หญิงที่ยืนมองต๋อมเป็นใคร
ลุงเชิดเงียบหลังจากได้ยินบทสนทนาของครอบครัวนี้และบอกให้นวลกับต่อเล่ามาให้หมดว่าที่ผ่านมาเคยเจออะไร หรือมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นในบ้านบ้าง
นวลก็เริ่มบอกว่า “หลายเดือนแล้วล่ะลุง เหมือนที่บ้านไม่ได้มีแค่พวกเรา”
มันเริ่มเมื่อสามเดือนที่แล้ว ในทุกๆเย็นตอนฉันกำลังทำอาหารให้ลูกรอบบ้านมักจะก็มีเสียงจิ้งจกหลายตัวร้องทัก ช่วงประมาณหกโมงเย็นเป็นต้นไปก็เริ่มแล้ว มีอยู่คืนหนึ่งฉันนอนกับมณีเพราะลูกป่วยกินอะไรไม่ได้ แถมยังบ่นปวดหลังปวดคอ ฉันต้องตื่นมาดูแลกลางดึก แต่วันนั้นเวลาประมาณตีสอง ฉันตื่นมา
เข้ห้องน้ำ แต่มองไปที่ลูกเห็นมณีมันนอนลืมตาอยู่และบอกฉันว่า “ทำไมแม่ถึงมานอนทับณีล่ะ ณีหายใจไม่ออก“ ฉันเองก็ตกใจเลยเขย่าตัวเรียกสติลูก แต่ผลที่ได้คือณีกลับนอนต่อเหมือนจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกวันตั้งแต่เวลาตีสอง ฉันเองก็ลำบากใจมากอยากให้มีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระจะได้ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด เลยคิดอยากจ้างแม่บ้านมาช่วยดูแลงานบ้านแต่ก็ไม่รู้จะจ้างใคร ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะหาคนน่าไว้ใจได้ง่ายๆ แต่แล้ววันต่อมามีลูกค้าผู้หญิงลักษณะค่อนข้างผอม ผมสั้นประบ่า ผิวคล้ำ ใส่เสื้อลูกไม้สีขาวและผ้าซิ่นสีดำ ดูเหมือนอายุประมาณห้าสิบต้นๆ มาซื้อหนังที่หน้าร้าน แต่แปลกที่มาซื้อแค่ผืนเดียว ฉันแค่เอะใจแต่ไม่ได้ถามอะไรเพราะคิดว่าคงจะว่างๆเลยมาซื้อไปตัดเย็บ
“ป้าชื่อพิศ เพิ่งกลับมาบ้านที่กาฬสินธุ์ ช่วงนี้อยากได้คนทำงานบ้านไหม“ ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยขึ้น
นวลที่กำลังหยิบเงินทอนจึงหยุดชะงัก และสงสัยว่าป้าคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังหาแม่บ้านอยู่
แต่ตอนนั้นกลับคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ป้าพิศเป็นแม่บ้านพอดี ป้าพิศเล่าว่าป้าเกิดที่กาฬสินธุ์แต่ไปทำงานอยู่สระแก้วตั้งแต่อายุยี่สิบ แรกๆก็เป็นพี่เลี้ยงเด็กให้พ่อแม่ที่ไม่มีเวลาเลี้ยงลูก แต่หลังๆพออายุเริ่มมากขึ้นก็เลี้ยงเด็กไม่ไหวเลยเปลี่ยนมาเป็นแม่บ้านตระเวนทำความสะอาดแทน ในตอนนั้นไม่รู้ว่ามีสิ่งอะไรดลใจให้นวลอยากได้ป้าพิศมาเป็นแม่บ้านด้วยความที่ลักษณะของป้าดูเป็นคนจิตใจดี ท่าทาง การพูดและน้ำเสียงก็อ่อนโยนไม่มีพิษไม่มีภัย นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้นวลตอบรับคำขอของป้าพิศให้มาเป็นแม่บ้าน แรกๆป้าก็ทำงานปกติ แต่มีเรื่องที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือป้าพิศมักจะรีบกลับบ้านก่อนเวลาห้าโมงเย็น
ของทุกวัน โดยให้เหตุผลว่าต้องกลับไปเลี้ยงดูหลานที่ป่วยติดเตียง ไม่มีใครดูแล แต่ไม่ใช่หลานจริงๆของป้าเพราะป้าพิศไม่มีสามีและไม่ได้แต่งงาน
“แล้วหลานใครคะป้า อยากให้นวลช่วยเรื่องเงินไหมจะเลี้ยงผู้ป่วยติดเตียงคงต้องใช้เงินเยอะ” นวลถาม
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ป้าขอตัวกลับก่อนนะพอดีป้ารีบ” ป้าพิศเลี่ยงตอคำถามเเละพูดพร้อมท่าทางลุกลี้ลุกลน ช่วงเดือนแรกไม่มีอะไรผิดปกติมากนัก ป้าพิศยังคงมาทำงานและกลับบ้านตามปกติ ทรัพย์สินมีค่าก็ไม่สูญหาย นวลจึงไว้ใจป้าเป็นอย่างมากให้สามารถเข้าหาเด็กๆใกล้ชิดได้ พักหลังมาต๋อมที่เป็นพี่ชายคนโตสนิทกับป้าพิศจนสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง แต่มีเพียงตั้มที่ไม่ค่อยชอบใจป้าพิศเท่าไหร่เวลาป้าพิศเข้าไปพูดคุยก็มักเบือนหน้าหนีไม่ตอบโต้ใดๆ ตั้มอายุเพียงสิบแปดปียังเป็นวัยรุ่นที่นิสัยชอบเก็บตัวจึงไม่เปิดใจคุยกับใครง่ายๆนอกจากคนในครอบครัว หลังจากป้าพิศมาทำงานที่นี่ เรื่องแปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้นทีละนิด อย่างเหตุการณ์เช้าวันหนึ่งที่นวลเคยเห็นป้าพิศนั่งอยู่ชิงช้าหลังบ้านคนเดียว มีสีหน้าท่าทางที่นิ่งแปลกๆ พอนวลตะโกนถามว่าป้าไปนั่งทำอะไรตรงนั้น ป้าพิศก็หันมามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่มีคำตอบใดๆกลับมา นวลจึงไมได้ใส่ใจเเละไปเดินขายของต่อที่หน้าร้าน เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาทีนวลกลับมาหวังจะชวนป้าพิศกินข้าว แต่สิ่งที่เห็นคือป้าพิศเพิ่งจะปั่นจักรยานมาทำงานและทักทายนวล จึงได้รู้ว่าคนที่เห็นอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ป้าอย่างแน่นอน เหตุการณ์นี้เป็นเพียงเหตุการณ์เล็กน้อยที่เกิดขึ้น พอเวลาผ่านไปลูกๆแต่ละคนก็เริ่มมีอาการไม่ปกติ เริ่มที่มณีน้องสาวคนเล็ก จากเด็กสาวน่ารัก สดใส
พูดจาอ่อนน้อมถ่อมตนกับพ่อแม่ กลายเป็นเด็กสาวลักษณะเย็นชา สายตาล่องลอย หวาดระแวงผู้คนตลอดเวลา จากอาการแปลกๆที่เป็นในตอนดึกก็กลับมาเป็นเเละทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทุกคืนมณีจะลุกขึ้นมานั่งข้างๆและจ้องหน้าแม่ จากนั้นก็จะมองขึ้นไปบนเพดานพร้อมกับชี้ขึ้นไปและปลุกแม่ขึ้นมาดูพร้อมกับหัวเราะกับสิ่งที่ตัวเองชี้อยู่ สังเกตได้ว่าลักษณะใบหน้ามณีเริ่มตอบลงจนเห็นได้ชัด มีรูปร่างผอมแห้ง ทั้งที่กินอาหารเยอะกว่าปกติหลายเท่า ราวกับว่าอาหารที่กินไปไม่ได้อยู่ในตัวเธอแต่ไปอยู่ที่อื่น ในตอนกลางวันมณีมักเก็บตัวและไม่ออกจากห้องนอน อาหารที่พ่อและแม่เอาไปไว้ให้ในห้องนอนก็ไม่มีท่าทีว่าจะกิน เธอกินเพียงอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ และในการกินแต่ละครั้งก็กินปริมาณเยอะจนเทียบเท่ากับการกินของคนทั้งครอบครัวรวมกัน นวลตกใจที่ลูกมีพฤติกรรมผิดแปลกไปแบบนี้ หัวอกคนเป็นแม่ได้แต่ร้องไห้หวังจะหาทางช่วยเหลือมณี ทั้งพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อนำยามากินแต่ก็ไม่ช่วยอะไร อาการของมณีทรุดหนักลงทุกวัน อาเจียนออกมาเป็นลิ่มเลือดสีดำ ผิวซีดขาวราวกับไม่มีเลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ผมหลุดร่วงเป็นกอง ผิวหนังเหี่ยวแห้งเเละหลุดลอกเป็นสะเก็ด ส่วนตั้มลูกชายคนกลางก็กลายเป็นว่ามีสภาพจิตใจไม่ปกติ เอาแต่เพ้อว่ามีกลุ่มคนมาจัดงานทำพิธีบวงสรวงที่บ้านในยามกลางคืนและถวายอาหารเต็มไปหมด เมื่อไหร่ที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้มจะมีลักษณะท่าทางเหมือนคนละเมอพยายามจะออกจากห้องนอนทุกครั้ง บ้างก็ปีนหน้าต่าง บางครั้งตั้มก็มีลักษณะเหมือนคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็นอะไร แต่กลับเป็นคนที่เห็นภาพหลอนเพียงคนเดียว ตระกูลวงศ์นภิสไม่มีญาติคนอื่นๆเหลือแล้วนอกจากคนในครอบครัว เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่เมื่อสิบปีก่อนทำให้คนในครอบครัวและญาติของนวลเสียชีวิตไปหมด จึงมีเพียงนวลและสามีที่สืบสานธุรกิจค้าหนังสัตว์ เมื่อนวลได้นึกย้อนกลับไปจึงเริ่มเอะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกๆของตนเอง ว่าเป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกับพี่น้องของตนเองเคยเป็นตอนยังมีชีวิตอยู่ แต่มีเพียงเหตุการณ์แปลกประหลาดเล็กน้อยคือพี่ชายของนวลมักจะอาเจียนอยู่ทุกวัน ลักษณะอาการคล้ายๆกับที่มณีเป็นอยู่ ในตอนนั้นแม่ของนวลที่ชื่อเพ็ง แต่ก่อนก็ทำธุรกิจขายหนังสัตว์รวมถึงปล่อยเงินกู้นอกระบบ ครอบครัวของยายเพลิงกับตาเบิ้มที่มีฐานะยากจนจึงมาขอกู้เงินกับเจ๊เพ็งราวๆหนึ่งแสนบาทเอาไว้ส่งเสียหลานเรียนหนังสือ
เจ๊บุญเพ็งก็เห็นใจที่ตายายไม่มีเงิน เลยปล่อยกู้ให้ในที่สุด แต่เจ๊เพ็งขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้แล้วดอกแพง มีลูกน้องเก็บหนี้โหดกับชาวบ้านเสมอ ทั้งสารพัดขู่เข็ญ ยายเพลิงก็มีอาชีพขายข้าวแกงที่ตลาด ส่วนตาเบิ้มก็เก็บของเก่าไปขายตามโกดังรับซื้อ ในทุกครั้งที่ลูกน้องเจ๊เพ็งมาเก็บหนี้สองตายายก็จะเลื่อนจ่ายโดยให้เหตุผลว่ายังไม่มีตังให้เพราะขายของไม่ได้ สุดท้ายก็ผลัดการจ่ายมาเรื่อยๆ ด้านเจ๊เพ็งทนไม่ไหวจึงมาที่บ้านของยายเพลิงด้วยตนเองและขู่ว่า
“รอบหน้าฉันจะไม่ให้โอกาสแล้ว นี่เห็นว่าเป็นสองตายายแก่ๆนะฉันถึงได้ใจดี ยังไงก็ต้องหามาจ่ายให้ได้ ไม่งั้นก็บอกให้หลานยายมันลาออกไป ไม่ต้องเรียนเเล้วล่ะ” เจ๊เพ็งพูดด้วยความโกรธ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา …
“ตา! ยาย!“
”ยายเพลิง!“ เสียงของลูกน้องเจ๊เพ็งมาร้องเรียกเก็บหนี้ที่หน้าบ้าน
… เงียบ…
แต่กลับมีเพียงความเงียบ ในบ้านก็ไมมวี่แวววคนอยู่ ไฟสักดวงยังไม่มีใครเปิด เจ๊เพ็งสั่งลูกน้องมาว่าถ้าไม่มีใครออกมาให้บุกเข้าไปเลยเพราะนี่คืองวดที่ต้องเก็บมาให้ได้ ลูกน้องทั้งสามคนไม่รอช้าปีนรั้วบ้านยายเพลิงและเข้าไปถึงหน้าประตูบ้าน ที่มีลักษณะเป็นประตูไม้ผุๆกลอนประตูก็ดูเหมือนจะไม่ได้ล็อก ในบ้านมีเพียงความเงียบ สภาพข้าวของยังคงเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย ลูกน้องยายเพ็งเข้าไปถึงหนน้าประตูห้องนอนแต่บานประตูนั้นกลับเปิดแง้มไว้เล็กน้อย และภาพที่ลูกน้องของเจ๊เพ็งเห็นคือ สองตายายผูกคอโดยใช้เชือกฟางมัดไว้กับไม้เก่าๆบนฝ้าเพดาน สภาพของตาเบิ้มเป็นภาพของศพที่เสียชีวิตมาค่อนวันแล้ว แต่ยายเพลิงยังคงเพิ่งดูเหมือนสลบไปได้ไม่นาน ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นการฆ่าตัวตายตามกัน แต่โชคยังดีที่สามารถช่วยชีวิตยายเพลิงและส่งตัวไปโรงพยาบาลในหมู่บ้านไว้ได้ทันเพราะขาดอากาศหายใจไปเพียงชั่วครู่ หลังทราบข่าวเจ๊เพ็งตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะไม่คิดว่าสองตายายจะฆ่าตัวตายเพราะหนีหนี้ของตน ในตอนนั้นเจ๊เพ็งยกหนี้ให้ยายเพลิงทั้งหมดและถือว่าไม่ติดค้างกันอีก แต่แล้วหลังเหตุการณ์นี้ยายเพลิงก็หายตัวไปจากหมู่บ้านพร้อมกับหลานสาว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่ายายเพลิงหายตัวไปไหนและไม่เคยกลับมาอีกเลย อาการของพี่ชายนวลก็ยังคงเป็นปริศนาที่มีอาการเหมือนกับมณีในตอนนี้ เรื่องแปลกประหลาดก็ยังเกิดขึ้นที่บ้านเจ๊นวลอยู่บ่อยๆ
ต๋อมลูกชายคนโต ในบางครั้งก็มีท่าทีลึกลับอย่างกับว่ากำลังปิดบังอะไรอยู่ ต๋อมนั้นชอบเดินไปที่สวนหลังบ้านในทุกๆเย็น นวลและต่อเองก็คิดว่าลูกคงไปรดน้ำต้นไม้ในสวนเพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมคงจะมีเวลาว่าง
“อันนี้ของดีจากพระอาจารย์ ทำบ่อยๆนะลูกจะได้เป็นสิริมงคล ป้าเองก็หวังดี” ป้าพิศกล่าว
“ครับป้า ขอบคุณนะครับ ต๋อมก็ทำตามที่ป้าบอกนี่แหละ ช่วงนี้ขายของไม่ค่อยดีจริงๆต๋อมก็อยากจะช่วยแม่นวลพ่อต่อให้ค้าขายดี“ สิ่งที่ต๋อมทำคือใช้น้ำหมากลักษณะสีแดงข้นที่ได้มาจากป้าพิศ รดไปที่โคนต้นกล้วยในสวนหลังบ้านทุกวัน และท่องบทสวดตามที่ป้าพิศเขียนไว้ให้ โดยป้าพิศบอกต๋อมว่าเป็นของดีที่ได้มาจากพระอาจารย์ ให้นำมารดต้นไม้ต้นนี้ทุกวันการค้าการขายของบ้านนี้จะค่อยๆดีขึ้น ด้วยความที่ต๋อมไว้ใจป้าพิศมากจึงยอมทำตามเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่นับวันอาการของมณียิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งเธอจำแม้กระทั่งพ่อและแม่ของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าในตัวมณีนั้นเป็นคนอื่นแต่มีสภาพที่ไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ แม้แต่กินข้าวหรือลุกเดินยังทำไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับคนป่วยติดเตียง แม่นวลต้องคอยเช็ดปัสสาวะอุจจาระ จึงไม่มีแม้แต่เวลาออกไปขายของหรือไปไหนเลย เสี่ยต่อก็มีหน้าที่ทำงานดูแลบ้านไม่ได้ออกไปไหน จากบ้านที่เจริญรุ่งเรืองครอบครัวดูมีมีสง่าราศี กลายมาเป็นช่วงชีวิตที่ตกต่ำของเจ๊น้อยและเสี่ยต่อ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจค้าหนังจึงไปต่อไม่ได้
“บาปกรรมอะไรทำให้ครอบครัวฉันเป็นอย่างนี้” เจ๊นวลพูดด้วยความเศร้าใจพร้อมกับร้องไห้แต่ตอนนี้แต่ในตอนนี้เจ๊นวลกับเสี่ยต่อก็ทำได้เพียงหวังว่าอะไรหลายๆอย่างจะดีขึ้นไม่แย่ลงไปมากกว่านี้
“ป้าขอพักงานไปสักสามเดือนนะเจ๊นวล” ป้าพิศกล่าว
“ทำไมล่ะป้า นวลไม่มีคนช่วยดูแลนางมณีกับไอ้ตั้มมัน ช่วงนี้อาการลูกฉันทรุดลงเรื่อยๆ ป้าอย่าเพิ่งไปเถอะรอให้ฉันผ่านช่วงนี้ไปก่อนได้ไหม” นวลอ้อนวอนขอให้ป้าพิศอยู่ทำงานที่บ้านต่อ
“ป้าเองก็อยากอยู่นะแต่มันมีสิ่งจำเป็น ป้าต้องไปก่อนจริงๆ”
นวลเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แค่เพียงปล่อยให้ป้าพิศพักงานเพื่อให้แกไปทำธุระส่วนตัว หลังจากที่ป้าพิศออกไปได้ไม่นาน นวลก็ดูแลลูกและงานบ้านที่เหลือตัวคนเดียว ในวันหนึ่งมีอะไรบางอย่างดลใจให้นวลเปิดไปที่ลิ้นชักใต้โต๊ะทำงานในห้องของมณี สิ่งที่เจอตรงหน้าคือ เศษซากอาหารจำนวนมากที่เหมือนมีคนกินเหลือไว้และคายทิ้งลงไป สภาพเต็มไปด้วยหนอนและกลิ่นเหม็นเน่าจนทนไม่ได้ รวมถึงมีน้ำหมากสีแดงไหลนองหยดลงมาตามขาโต๊ะจนไปถึงพื้น เจ๊นวลตกใจอย่างมากจึงเรียกเสี่ยต่อเข้ามาดู ผู้เป็นพ่อถึงกับช็อคในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่นั้นมาป้าพิศก็หายไปและไม่ได้กลับมาทำงานตามที่สัญญาไว้
…
“เรื่องราวที่ผ่านมามันก็ประมาณนี้จ่ะลุงเชิด“ นวลกล่าว
ลุงเชิดเงียบไปสักพัก พร้อมกับเอ่ยคำหนึ่งออกมา ”พวกเอ็งโดนเข้าแล้วล่ะ”
“โดนอะไรล่ะลุงผมไม่เข้าใจ แล้วที่บ้านผม ครอบครัวผม ลูกผมเป็นแบบนี้มันคืออะไรกันแน่” ต่อถามด้วยความกระวนกระวายใจ
“พาข้าไปดูต้นกล้วยที่ไอ้ตั้มมันบอก” ลุงเชิดกล่าว
“จ้ะลุงเชิด ตามนวลมาเลย” นวลนำทางลุงเชิดไปที่ต้นกล้วยหลังบ้าน ทางไปก็เต็มไปด้วยหญ้ารก มีกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งไปทั่วบริเวณ แสดงให้เห็นว่าเป็นสวนที่ไม่ได้รับการดูแลมานานนับปี
…
“ไม่ทันแล้วแหละนวล ต่อ”
“ไหนไอ้ตั้มเอ็งบอกลุงซิ ว่าต๋อมพี่ชายเอ็งมันเอาน้ำที่ว่ามารดที่นี่นานแค่ไหนแล้ว” ลุงเชิดถาม
“ประมาณสองสามเดือนได้แล้วครับลุง”
ลุงเชิดก้มลงไปตรงโคนต้นกล้วย ใช้นิ้วแตะไปที่พื้นดินเพียงชั่วครู่ก็รู้ถึงคำตอบ
“พวกเองฟังข้าดีๆนะ น้ำหมากที่ว่านี่ มันไม่ใช่น้ำหมากจริงๆหรอกข้าดูแล้วล่ะ แต่มันคือเลือด”
ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นตกใจกับคำพูดของลุงเชิด
“เลือดใครกันครับลุง แต่พี่ต๋อมบอกผมเองว่ามันคือน้ำหมากนะ“ ตั้มกล่าวด้วยความตกใจ
”เอ็งจะเชื่อลุงไหมก็แล้วแต่ ไม่เชื่อก็ลงดมกลิ่นดินดูสิ น้ำหมากอะไรคาวขนาดนี้กันล่ะไอ้ตั้ม ถ้าพวกเอ็งอยากรู้คำตอบก็ไปหายายพิศแล้วสิ่งที่พวกเอ็งอยากรู้มันจะปรากฏเอง“
เจ๊นวลและเสี่ยต่อไม่รอช้า รีบมุ่งหน้าไปที่บ้านป้าพิศทันที บ้านของป้าอยู่ท้ายซอยในหมู่บ้าน ทางเข้านั้นก็เล็กและแคบจนรถยนต์ขับเข้าไปไม่ได้ เจ๊นวลจึงบอกเสี่ยต่อว่าจอดรถไว้หน้าซอยแล้วเดินเข้าไปกันดีกว่า
ทั้งคู่เดินเข้าไปจนเกือบจะสุดซอย ลักษณะบ้านเรือนระเเวกนั้นไม่ค่อยน่าอยู่นัก ส่วนมากจะร้างและไม่มีคนอาศัยอยู่ หันไปทางไหนก็มืดไปหมด บางคนก็แอบแง้มหน้าต่างมาดูเจ๊นวลเเละเสี่ยเหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง ไม่มีคำทักทายและถามไถ่ใดๆจากชาวบ้านที่นี่ มีเพียงความเงียบและวังเวง
“เคยมาที่นี่ไหมนวล” ทุกอย่างผิดปกติจนเสี่ยต่อเอ่ยปากถามกับนวล
“ไม่เคยจ้ะพี่ นวลก็มาครั้งแรก ตอนป้าพิศมาทำงานแกก็บอกนวลว่าอยู่ในซอยนี้แหละ”
ทั้งคู่เดินทางมาถึงหน้าบ้านป้าพิศ สภาพบ้านเป็นบ้านไม้สักเก่าๆสองชั้น มีใต้ถุนไว้เลี้ยงสัตว์ สภาพบ้านผุพังเหมือนไม่มีคนอยู่มาหลายปี นวลจึงตัดสินใจเดินเข้าไป สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือในคอกสัตว์มีซากไก่ที่นอนตายเกลื่อนหลายตัว สภาพเหมือนขาดอาหารจนตาย ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณบ้าน ทั้งคู่เริ่มกังวลใจว่าเกิดอะไรขึ้น
นวลเดินตรงไปที่ประตูบ้าน
“ก๊อก ก๊อก”
“ป้า นี่นวลกับต่อเองนะ”
”ป้าพิศ ป้าพิศ อยู่บ้านไหมจ้ะ“
ไม่มีเสียงตอบรับจากป้าพิศ ทั้งนวลและต่อจึงคิดว่าป้าพิศไม่อยู่และขณะที่กำลังหันหลังเดินกลับไป
จู่ๆมีเสียงปริศนาโผล่มาเป็นเสียงผู้ชายที่พยายามร้องเรียก แต่เสียงนั้นเป็นเสียงที่เบามาก เสี่ยต่อนึกสงสัย ด้วยความที่ทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเปิดประตูบ้านที่ไม่ได้ล็อคเข้าไป จึงได้ผงะกับสิ่งที่เห็น มีผู้ป่วยติดเตียงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้เก่าๆมีปลวกจำนวนมากที่บริเวณขาเตียง ไม่มีผ้าปูที่นอนหรือหมอนใดๆ ลักษณะคือเป็นผู้ชายสองคนและเด็กสาวหนึ่งคนดูเป็นรุ่นราวคราวเดียวกันกับทั้งลูกสาวและลูกชายของเจ๊นวล ทุกคนนอนนิ่งได้แต่ลืมตาและไม่มีสติเท่าไหร่นัก ทำได้แค่เพียงออกเสียงเล็กน้อยและขยับได้แค่นิ้วมือราวกับเป็นอัมพาตทั้งตัว ผิวทุกคนนั้นซีดเผือก มีรอยเข็มจิ้มที่แขนของทุกคนหลายรอยและมีอาการบวมช้ำบริเวณนั้น รอบข้างเต็มไปด้วยผ้าที่เลอะอุจจาระ อาหารที่เน่าเสีย กระโถนฉี่ที่ยังไม่ได้เอาไปเททิ้ง เข็มฉีดยาที่ขึ้นสนิม บนโต๊ะก็มีป้ายประกาศตามหาคนหายกองไว้จำนวนมาก ภาพใบแรกเป็นเด็กสาวชื่ออุ่น อายุหกปี พร้อมนามสกุลที่มาจากตระกูลชื่อดังในสระแก้ว
และภาพใบประกาศตามหาเด็กหนุ่มชื่อกร อายุแปดปี และคนสุดท้ายมีชื่อว่า “อ๊อด” แต่ในใบประกาศไม่ได้ระบุอายุไว้ เท่าที่เห็นจากลักษณะภายนอกที่นอนอยู่ตอนนี้คงอายุราวๆยี่สิบปีเทียบเท่ากับต๋อมลูกชายคนโตของเจ๊นวล
“นี่มันอะไรกันพี่ต่อ!” นวลตกใจจนแทบจะเป็นลม
“มันไม่ปกติแล้วนวล พี่จะโทรแจ้งตำรวจ”ต่อโทรแจ้งตำรวจและเดินสำรวจภายในบ้านบนชั้นสองถึงแม้จะมืดแต่ก็พอมีแสงไฟเล็กน้อยทำให้พอมองเห็นว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร ต่อเจอกับแกลลอนที่บรรจุเลือดไว้จำนวนหลายลิตร เรียงกันไว้ในลังกระดาษสีน้ำตาลราวๆยี่สิบลัง ต่อได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นนี้เป็นกลิ่นเดียวกับในลิ้นชักห้องของมณีและบริเวณต้นกล้วยที่สวนหลังบ้าน จึงทำให้รู้ว่านี่คือเลือดของเด็กทั้งสามที่นอนอยู่และปฏิเสธไม่ได้ว่าป้าพิศใช้เข็มฉีดยาเพื่อนำเอาเลือดของเด็กๆไปทำพิธีไสยศาสตร์มนตร์ดำอย่างแน่นอน
“วี๊หว่อ วี๊หวอ วี๊หวอ” รถตำรวจได้มาถึงในเวลาอันรวดเร็ว
แสงไฟสีแดงจากสัญลักษณ์ไฟรถตำรวจสาดเข้ามาในช่องหน้าต่างบานไม้ที่ผุพัง ทำให้ต่อได้เห็นกับรูปครอบครัวที่ติดอยู่บนผนังบ้าน สิ่งที่เห็นคือภาพของตายายกับหลานสาวหนึ่งคนยืนพร้อมเพรียงกันสามคน ด้านหลังในภาพเป็นบ้านของป้าพิศหลังนี้แต่สภาพบ้านยังดูดีเหมือนกับสร้างใหม่
เวลาผ่านไป ตำรวจเข้ามาในบ้านป้าพิศและค้นหาร่องรอยต่างๆและทำการสืบสวนจึงได้รู้ว่า เด็กทั้งสามที่นอนติดเตียงอยู่นั้นไม่ใช่ลูกหลานของป้าพิศแต่เป็นเด็กที่หายตัวมานานหลายปีแล้ว ครอบครัวของพวกเขาติดป้ายประกาศตามหามาเรื่อยๆจนหยุดตามหาไปเมื่อปีที่แล้วเพราะคิดว่าเด็กๆคงเสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากระยะเวลาที่หายไปก็เป็นปีที่สิบเอ็ดแล้ว
ทำให้รู้ว่าป้าพิศลักพาตัวเด็กทั้งสามมาจากครอบครัวที่เคยไปทำงานบ้าน ในตอนนั้นพวกเขาทั้งหมดยังเด็กและอายุไม่ถึงสิบขวบ ตำรวจสันนิษฐานว่าป้าพิศได้หายตัวไปนานหลายวันแล้วก่อนที่นวลและต่อจะมาถึง เด็กๆทั้งสามที่นอนบนเตียงเริ่มมีอาการหายใจโรยรินเนื่องจากขาดอาหารและน้ำมาเป็นเวลานานจึงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล แต่แล้ว..ทุกอย่างก็สายไปสำหรับอุ่น หมอบอกว่าเธอได้เสียเลือดเป็นจำนวนมาก และปริมาณสารอาหารในร่างกายก็น้อยมาก บวกกับโรคหัวใจที่เธอเป็นตั้งแต่วัยเด็กทำให้ร่างกายทรุดหนักกว่าคนอื่นๆ อุ่นได้เสียชีวิตหลังไปถึงโรงพยาบาลได้เพียงสิบนาที ทางโรงพยาบาลจึงได้ติดต่อญาติเพื่อมารับศพของอุ่นไปณาปนกิจ พ่อแม่ของอุ่นใจสลายเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าลูกของตนได้จากไปแล้ว ส่วนกรและอ๊อดหลังจากที่ครอบครัวทราบเรื่องก็รีบเดินทางมาจากสระแก้วเพื่อมาหาลูกหลาน
ตำรวจได้เริ่มสืบสวนคดีนี้โดยสอบปากคำกับครอบครัวของเด็กๆทั้งหมด เกี่ยวกับที่มาที่ไปของป้าพิศ
แม่ของกรเล่าว่า ในช่วงนั้นเธอได้บรรจุเป็นครูในโรงเรียนที่นนทบุรีจึงจำเป็นต้องฝากลูกไว้กับพี่เลี้ยงที่สระแก้ว ป้าพิศเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ผู้คนบอกกันว่าเธอจิตใจดี พูดจาไพเราะ อ่อนน้อมถ่อมตน น่าไว้วางใจ เหมาะสมกับการมาเป็นพี่เลี้ยงที่จะมาคอยดูแลลูกของเธอ จึงตัดสินใจให้ป้าพิศมาเป็นพี่เลี้ยงของกร ระยะเวลาทีเธอไปทำงานเเธอก็ติดต่อกับป้าพิศถามสารทุกข์สุขดิบผ่านทางการโทร แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งปีเธอกลับมาที่บ้านก็พบว่าป้าพิศหายตัวไปพร้อมกับลูกของเธอ ในตอนนั้นเธอทำอะไรไม่ถูกจึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เธอจึงอดทนใช้ชีวิตต่อมาหลายปีเพื่อตามหาลูก นวลและต่อเองก็ได้เข้าสอบปากคำกับตำรวจเช่นกัน ต่อมีความสงสัยที่ติดค้างอยู่ในใจกับรูปภาพบนฝาผนังบ้านจึงขอตำรวจเข้าไปในพื้นที่บ้านอีกครั้ง
…
“ยายเพลิง” นวลชี้ไปที่ยายของหลานในภาพและพูดด้วยความตกใจ
“ใครเหรอนวล” ต่อถาม
นวลจึงเริ่มเล่าถึงประวัติของยายเพลิงที่เคยมีกับเจ๊บุญเพ็งให้ต่อฟัง ทุกคนจึงได้รู้ว่าป้าพิศเป็นหลานของยายเพลิง นวลเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ว่าการที่ป้าพิศกลับมาอาจจะเป็นเพราะเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวกับแม่ของตน นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ป้าพิศรอคอยมานานหลายปีเพื่อที่จะย่างก้าวเข้ามาในบ้านของนวล
“รู้ทุกอย่างแล้วสินะมึง” เสียงผู้หญิงคล้ายกับป้าพิศพูดมาจากด้านหลัง
นวลและต่อหันกลับไปพบกับป้าพิศ ประโยคแรกที่นวลถามคือ
“นี่ป้าทำอะไรลงไป ป้าเป็นใครกันแน่”
“มึงจำกูไม่ได้ล่ะสิอีนวล ทีผ่านมายายกูต้องใช้ชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็น ตากูต้องมาตายก็เพราะคนในครอบครัวมึง” สายตาของป้าพิศเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นที่มีต่อนวล
“ของที่กูทำใส่ครอบครัวมึงมาตลอดหลายปี …ใกล้แล้วแหละ มันค่อยๆกัดกินพวกมึงไปทีละคนแล้ว ก็ดูอย่างลูกมึงสิพวกมันเป็นยังไง” ป้าพิศพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความสะใจ
นวลร้องไห้จนเข่าทรุดลงกับพื้น ทั้งคู่ตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รู้เหตุผลว่าลูกของตนเป็นเช่นนี้ก็เพราะสิ่งที่ป้าพิศทำ
“กูทำพิธีต่ำๆใส่ครอบครัวมึงมาตลอดสิบปี ไม่เห็นเหรอ ไหนจะการค้าการขายของพวกมึงเจ๊งไม่เป็นท่า คนในครอบครัวเริ่มมีอาการแปลกๆเหมือนพวกผีเข้า อีแก่บุญเพ็งที่มันป่วยตายไปก็เพราะกูเอง ทีนี้ก็ตาพวกมึงแล้ว ลูกๆมึงจะค่อยๆล้มตายไปทีละคน ผัวมึงก็จะเป็นบ้าไปส่วนมึงก็จะพบจุดจบในชีวิตที่เลี่ยงไม่ได้ เลือดที่กูเอาจากเด็กสามคนนี้ไปก็เป็นตัวแทนของลูกมึงทุกคน อุ่นมันตายไปแล้วใช่ไหมล่ะ นางมณีก็คงเหลือเวลาไม่มากแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า กูล่ะสะใจจริงๆ“ ป้าพิศพูดพร้อมกับพ่นน้ำหมากสีแดงสดที่เคี้ยวอยู่ใส่หน้าของนวล ก่อนที่จะวิ่งหนีออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังก้องอยู่ในหัวของนวลและต่อ
…
หลังจากที่เจ๊น้อยได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด จึงรีบร้อนถามนวลด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
”ลูกๆเอ็งล่ะนวล แล้วผัวเองน่ะมันไปอยู่ที่ไหน“
”ตายแล้วเจ๊“ นวลพูดพร้อมกับร้องไห้แทบขาดใจ
”มณีกับต๋อม ตายไปเดือนที่แล้ว จู่ๆลูกฉันก็ไม่กินข้าวไม่กินอะไรเลย มันจากไปพร้อมกับสภาพศพที่เน่าเละ ผ่านไปไม่กี่นาทีหนอนก็ขึ้นเต็มแล้ว เลือดก็ไหลออกจากปากจนล้นไม่หยุดไม่รู้เป็นเลือดใครบ้าง
ตั้มกับต่อก็เป็นบ้าเป็นประสาทไปหมดแล้วอาละวาดทุกเย็นจนฉันต้องขังไว้และล็อคด้วยแม่กุญแจ ผัวกับลูกจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ โมโหทีก็เหมือนกับสัตว์ร้ายที่คอยจฆ่าฉันได้ตลอดเวลา..“
เจ๊น้อยฟังเรื่องราวทุกอย่างจบ จึงรีบไปหยิบกุญแจรถและบอกให้นวลรีบตามขึ้นรถ จะพาไปที่หนึ่ง
…
ทั้งคู่มาถึงบ้านร้างเก่าๆขนาดเล็กหลังวัด ข้างบ้านของพรพิน หน้าบ้านมีต้นประดู่่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าบ้าน
ที่มัดผ้าสีไว้และพวงมาลัยนับร้อยพวงกองทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก เจ๊น้อยยื่นตะเกียงให้และพานวลเข้าไปในบ้านร้างหลังนั้น เพราะเจ๊น้อยรู้แล้วว่ายายแก่ที่เห็นวันนั้นคือยายเพลิงที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน นวลเข้าไปไม่พบกับยายเพลิง แต่สิ่งที่เห็นคือเครื่องรางของขลัง คุณไสย มนตร์ดำ รวมอยู่ที่นี่ทั้งหมด สภาพบ้านทรุดโทรมมีแมลงวันตอมอาหารเน่าเปื่อยที่เอาไว้บูชา มีทั้งอาหาสดและผลไม้หลากหลายชนิด พื้นไม้ในตัวบ้านนั้นโดนปลวกกินจนแทบไม่เหลือที่ให้เดิน นวลใช้ตะเกียงและส่องไปทั่วบริเวณบ้านจึงได้พบเจอกับความจริงที่รออยู่ตรงหน้า บนแท่นบูชามีภาพขาวดำของทุกคนในตระกูและครอบครัวนวลทั้งหมดตั้งเรียงกับไว้อย่างเป็นระเบียบ ทุกภาพถูกป้ายด้วยเลือด รองด้วยผ้าหนังสัตว์หลายชนิดและมัดสายสิญจน์ไว้รอบๆราวกับทำพิธีกรรมอะไรสักอย่าง นวลจึงส่องตะเกียงเข้าไปดูใกล้ๆและได้เห็นกับสิ่งที่น่าตกใจคือ ในภาพได้เขียนวันชาตะและมรณะของมณีและต๋อมถูกไว้ราวกับภาพในงานศพ ซึ่งวันมรณะกลับเป็นวันที่ตรงกับมณีกับต๋อมได้ตายไปจริงๆ นวลล้มทั้งยืนกับสิ่งที่ได้เห็นจึงได้รีบนำภาพของตั้มและต่อออกมาเหมือนกับคนไร้สติ ปรากฏว่าวันมรณะของตั้มคือวันนี้ นวลไม่รอช้ารีบบอกให้เจ๊น้อยพากลับไปที่บ้าน แต่ก็สายไปเสียเเล้วร่างไร้วิญญาณของตั้มนอนเสียชีวิตในห้องพร้อมกับสภาพศพที่ฆ่าตัวตายโดยกัดลิ้นตัวเอง เลือดของลูกนวลไหลนองเต็มพื้นมาจนถึงเท้าของแม่ นวลได้แต่ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดว่าตนเองไม่สามารถหยุดโชคชะตาอันเลวร้ายนี้ได้และคงได้เเต่ยอมรับกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
จบบริบูรณ์
เนื้อเรื่อง
ค่าเริ่มต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
วศ์ภิส
รั้น่วหนึ่ในปี2431 เรื่อราวอระูลื่อัที่ร่ำรวยมาาธุริ้าายหนัสัว์ในเมือเล็ๆย่านนบท ัหวัาฬสินธุ์ รอบรัว“วศ์ภิส” ๋อม,ั้ม,มี 3พี่น้อทายาทระูลวศ์ภิส แม้าลเวลาะเปลี่ยนแปลไปแ่เรื่อราวลี้ลับและอาถรรพ์าบาปรรมั้แ่ในอีะยัอยูู่่ระูลนี้ลอไป
9เมษายน พุทธศัรา 2431
“เ๊น้อย เ๊น้อย ื้อหนัวัวหน่อยรับสี่โล” เสียะโนร้อเรียัมาาหน้าร้าน
“เออๆมาแล้ว ่วนี้พ่อเอ็ใ้ให้มาื้อหนัน้อยลนะไอ้๋อม” เ๊น้อยล่าว้วยวามสสัย
“ผม็ไม่รู้เหมือนันสสัย่วนี้ที่บ้านายไม่่อยี พ่อ็ให้มารับแ่ที่บ้านเ๊นี่แหละที่อื่นราาสูสู้ไม่ไหวหรอ แ่ยัไ็เถอะวันนี้ผมไ้มาื้อวันสุท้ายแล้วแหละเ๊ ” ๋อมล่าว้วยน้ำเสียเร่เรีย
เ๊น้อยหยุะัับประโยนี้ไปั่วรู่
”…ทำไมล่ะไอ้๋อม เอ็พูเหมือนะย้ายหนีไปไลั้นแหละ” เ๊น้อยล่าวพร้อมับหัวเราะ
๋อมไม่พูอะไร ไ้แ่ยิ้ม้วยแววาหมอเศร้าให้ับประโยำถามอเ๊น้อยและับรถระบะเ่าๆ
ที่้าน้ามีื่อป้ายิื่อร้านว่า “วศ์ภิส้าหนั”ลับบ้านไปพร้อมับนนั่้าๆือ“ั้ม” น้อายนลาและะ๋อม็ไม่ไ้มีแม้แ่ท่าทีะหันลับมามอเ๊น้อยเลย
หลัาผ่านไปหนึ่อาทิย์ ๋อมที่เป็นลู้าประำ็ไม่ปราัวมาให้เ๊น้อยเห็นอีนับั้แ่วันนั้น
เ๊น้อยเิวามสสัยึไปถามับนในหมู่บ้านว่าทำไม่วนี้รอบรัวอ๋อมหายหน้าหายาไป
เนื่อาวศ์ระูลอบ้าน๋อมเป็นร้าน้าายหนัสัว์ที่โ่ัและมีื่อเสียมาในระเเวนั้น เป็นที่รู้ัว่าเสี่ย่อับเ๊นวลเ้าอธุริอย่วยเหลือและใีับาวบ้านอยู่เสมอ ึทำให้ธุริเิบโนายิบายีเป็นเทน้ำเทท่า แ่่วหลัมานี้รอบรัววศ์ภิสมัะมีปัหาทั้เรื่อารเิน หรือแม้แ่ปัหาในรอบรัว ลายเป็นว่าพัหลันในบ้านเ็บัวเียบไม่ออมาสุสิับาวบ้านเหมือนแ่่อน หาะออมา็เพียแ่ื้อหนัสัว์ไปายหน้าร้าน แ่ารื้อในแ่ละรั้นั้น็มีำนวนลลเรื่อยๆ าเิมหลายสิบิโล็ลายมาเป็นสี่ถึห้าิโลบ้าพอประปราย และมีน้อสาวนเล็
็ออมาื้ออาหารที่ลาเป็นรั้ราว แ่แปลที่มีมาื้อับ้าวทีหนึ่็เือบห้าสิบถุ แม่้าในลา็ไ้แ่สสัยแ่็ไม่ไ้ถามอะไร เพราะมีมีสีหน้าท่าทาที่ผิแปลไปาแ่่อนมา เธอเยเป็นเ็สาวที่น่ารั พูาเ่ อัธยาศัยีับนรอบ้า ยิ้มแย้มแ่มใส แ่มาวันนี้รอยยิ้มอเธอลับลายเป็นสีหน้าเรียบเย ไม่พูาับใร สายาล่อลอย ราวับว่าในหัวเธอไม่ไ้ิอะไรเลยและมีเพียวามว่าเปล่า
….
“บาปรรม อ่ำ รวมันอยู่ในรอบรัวนี้หมแล้ว“
เสียยายแ่นนึอายุราวๆเ็สิบปี ใ้ผ้าโพหัวปิหน้าปิาไว้ เินมาพร้อมไม้เท้าเ่าๆอันหนึ่
เอ่ยแทรึ้นลาวสนทนอลุ่มเ๊น้อย
”อะไรนะยาย อ่ำอะไรัน“ เ๊น้อยใับำพูอยาย
“ยายนี่ใ่นที่อยู่หลัวั้าบ้านนาพรใ่ไหม ้าุ้นๆไม่่อยะเห็นหน้าร่าา” นในวสนทนาล่าว
“พวเอ็ะไม่เื่อยาย็ไ้ แ่บาปรรมมันำลัะสนอรอบรัวนี้แล้ว อีไม่นานหรอรอูเถิ”
ยายพูพร้อมับรอยยิ้มเล็ๆและเินาไป โยทิ้วามสสัยไว้ให้ับเ๊น้อยเป็นอย่ามา
“โถ่… อย่าไปสนใำพูนแ่เลยเ๊ อไม่ีอะไรัน บ้านนี่น่ะมีบุุับพวันมา อย่าเ๊นวล็เยพานัมีอนยัเล็ๆมาเินลา มา่วยอุหนุนผัันนหมแผให้ันพอไ้มีเินื้อนมให้ลู
ันล่ะาบึ้ริๆ” ำล่าวอาวบ้านทำให้รู้ว่ารอบรัวนี้เป็นที่รัอผู้นรอบ้ามาเพียใ
20 เมษายน พุทธศัรา 2531
ะวันใล้ิน แสอาทิย์เริ่มับล…
“ริ๊” เสียออที่หน้ารั้วอบ้านเ๊น้อยัึ้น
“ลู้าื้อหนัอีแล้วล่ะสิ ลับไป่อนเถอะเ๊เ็บอเ้าโัไปหมแล้ว ไว้พรุ่นี้อนรุ่สาเี๋ยว่อยมาื้อ!” เ๊น้อยะโนัออมาาหน้า่าบ้านและลับเ้าไป
“ริ๊ ริ๊ ริ๊” เสียออัึ้นอีหน แ่ราวนี้รวมันเป็นสามรั้
“นี่เอ็น่ะพูไม่รู้เรื่อหรือยัไวะ ัน็บอให้มาื้อพรุ่นี้ รอไ่โห่สัี่ยามะเป็นอะไรไป หนัที่บ้านันน่ะมีเป็นร้อย” เ๊น้อยล่าว้วยวามรำาใ
“เ๊… นวลเอ” เสียผู้หิวัยลานอายุราวๆประมาสี่สิบัึ้น
หลัาไ้ยินว่าเป็นเสียเิมทีุ่้นเย เ๊น้อยใ รีบวิ่ออไปที่รั้วโยไม่ไ้ิอะไร
”นวล! มาไ้ยัไันแล้วนี่ไปทำอะไรมาทำไมสภาพทรุโทรมนานี้“ เ๊น้อยล่าวับนวลที่มาหา้วยสภาพผอมโ ไม่มีแม้แ่แระเินเสีย้วย้ำ
…เ๊น้อยพานวลเ้ามาพัในบ้านพร้อมหาอาหารและน้ำื่มให้ิน นวลเห็นอาหารที่เ๊น้อยเอามาให้ึรีบินอย่าับนไม่ไ้ินอะไรมาเป็นเือน แม้ว่าในานะเป็นเพียไ่้มธรรมา
“ใเย็นๆ ่อยๆินเี๋ยว็สำลัเอา” เ๊น้อยล่าว
“นวลเอ้ย ให้เ๊ถามสัที รอบรัวเอ็น่ะหายไปไหนันหม ไหนะเสี่ย่อ ไอ้๋อม ไอ้ั้ม นามี
แล้วเอ็นเป็นแม่็โผล่มาในสภาพูไม่ไ้ เ๊้อิยัไ“
ู่ๆน้ำาอนวล็ไหลออมา พร้อมับร้อไห้สะอึสะอื้นที่แม้แ่แระร้อไห้ยัไม่มี้วย้ำ
“ไม่เหลือแล้วเ๊ ลูๆนวล็ไม่ใ่ลูเหมือนแ่่อนแล้ว“ นวลล่าว้วยน้ำเสียสั่นเรือราวับำลัหวาลัวอะไรสัอย่า
“อะไรันนวลพูให้เ๊เ้าใไม่ไ้รึ แล้วทำไมะไม่ใ่ลูเอ็ ัน็เห็นมันมาั้แ่เล็ มีอะไรันแน่”
เ๊น้อยสับสนำพูอนวลที่เิึ้น
นวลึเริ่มเล่าเหุาร์ที่เิึ้นให้เ๊น้อยฟั
หลัๆมานี้ที่บ้านวศ์ภิสเริ่มมีอะไรแปลไป เมื่อสามเือนที่แล้วหนัหน้าร้าน็ายไม่ี บาวันายไม่ไ้เลย็มี ส่วนลูๆ็แปลไป อย่าั้มลูายนลาบาวัน็บอพ่อับแม่ว่ามีนมารำบวสรวหลับ้านเ็มเลย ส่วนมี็ไม่พูไม่าับใรเอาแ่ินทั้วันไม่มีหยุ ื้อับ้าวที็ื้อมาเผื่อใรไม่รู้หลายสิบถุ ่อับนวลเอ็ไม่รู้ะไปพึ่ทาไหน เลยเรียลุเิหมอูาสลนรมาูที่บ้านเผื่อว่าอะไระีึ้น ำแรที่หมอูเอ่ยือ
“อยูไม่ไ้แล้ว ้อออไป ไปพัที่อื่น่อนืนนี้เลยยิ่ี เี๋ยวมันะสายไปมาว่านี้้”
นวลและ่อใับสิ่ที่ลุเิพู และถามว่าที่ลุพูหมายวามว่ายัไ
“พวเอ็เยรับอแปลๆาใรมาบ้าไหม“ ลุเิถามลับ
“ไม่รับลุเิ ทั้ผมและนวลไม่เื่อเรื่อพวนี้สัเท่าไหร่ ไม่มีทาหรอลุ”
…
“พี่๋อม” เสียอั้มัึ้นมา
“ผมเยเห็นพี่๋อมบอว่าแม่บ้านน่อนเอาน้ำหมามาให้ แล้วบอให้พี่๋อมเอาไปรที่้นล้วยหลับ้านทุวันเพื่อเป็นศิริมละไ้้าายี ผม็เห็นพี่๋อมทำทุืนนะ แ่มาเือนนี้็ไม่ไ้ทำแล้ว“
”ว่าไนะั้ม ทำไมพ่อับแม่ไม่เยรู้เลย“
“ั้มว่าแม่็รู้นะ วันนั้นแม่ยัยืนมอพี่๋อมทำอยู่เลย”
นวล็อับสิ่ที่ออมาาปาอั้ม เพราะที่ผ่านมานวลผู้เป็นแม่ไม่เยรู้ถึารระทำนั้นอลูเลยแล้วผู้หิที่ยืนมอ๋อมเป็นใร
ลุเิเียบหลัาไ้ยินบทสนทนาอรอบรัวนี้และบอให้นวลับ่อเล่ามาให้หมว่าที่ผ่านมาเยเออะไร หรือมีอะไรแปลๆเิึ้นในบ้านบ้า
นวล็เริ่มบอว่า “หลายเือนแล้วล่ะลุ เหมือนที่บ้านไม่ไ้มีแ่พวเรา”
มันเริ่มเมื่อสามเือนที่แล้ว ในทุๆเย็นอนันำลัทำอาหารให้ลูรอบบ้านมัะ็มีเสียิ้หลายัวร้อทั ่วประมาหโมเย็นเป็น้นไป็เริ่มแล้ว มีอยู่ืนหนึ่ันนอนับมีเพราะลูป่วยินอะไรไม่ไ้ แถมยับ่นปวหลัปวอ ัน้อื่นมาูแลลาึ แ่วันนั้นเวลาประมาีสอ ันื่นมา
เ้ห้อน้ำ แ่มอไปที่ลูเห็นมีมันนอนลืมาอยู่และบอันว่า “ทำไมแม่ถึมานอนทับีล่ะ ีหายใไม่ออ“ ันเอ็ใเลยเย่าัวเรียสิลู แ่ผลที่ไ้ือีลับนอน่อเหมือนำสิ่ที่เิึ้นไม่ไ้เป็นอย่านี้ทุวันั้แ่เวลาีสอ ันเอ็ลำบาใมาอยาให้มีนมา่วยแบ่เบาภาระะไู้แลลูอย่าใล้ิ เลยิอยา้าแม่บ้านมา่วยูแลานบ้านแ่็ไม่รู้ะ้าใร ทุวันนี้็ใ่ว่าะหานน่าไว้ใไ้่ายๆ แ่แล้ววัน่อมามีลู้าผู้หิลัษะ่อน้าผอม ผมสั้นประบ่า ผิวล้ำ ใส่เสื้อลูไม้สีาวและผ้าิ่นสีำ ูเหมือนอายุประมาห้าสิบ้นๆ มาื้อหนัที่หน้าร้าน แ่แปลที่มาื้อแ่ผืนเียว ันแ่เอะใแ่ไม่ไ้ถามอะไรเพราะิว่าะว่าๆเลยมาื้อไปัเย็บ
“ป้าื่อพิศ เพิ่ลับมาบ้านที่าฬสินธุ์ ่วนี้อยาไ้นทำานบ้านไหม“ ผู้หินนั้นเอ่ยึ้น
นวลที่ำลัหยิบเินทอนึหยุะั และสสัยว่าป้านนี้รู้ไ้อย่าไรว่าเธอำลัหาแม่บ้านอยู่
แ่อนนั้นลับิว่าเป็นเรื่อบัเอิที่ป้าพิศเป็นแม่บ้านพอี ป้าพิศเล่าว่าป้าเิที่าฬสินธุ์แ่ไปทำานอยู่สระแ้วั้แ่อายุยี่สิบ แรๆ็เป็นพี่เลี้ยเ็ให้พ่อแม่ที่ไม่มีเวลาเลี้ยลู แ่หลัๆพออายุเริ่มมาึ้น็เลี้ยเ็ไม่ไหวเลยเปลี่ยนมาเป็นแม่บ้านระเวนทำวามสะอาแทน ในอนนั้นไม่รู้ว่ามีสิ่อะไรลใให้นวลอยาไ้ป้าพิศมาเป็นแม่บ้าน้วยวามที่ลัษะอป้าูเป็นนิใี ท่าทา ารพูและน้ำเสีย็อ่อนโยนไม่มีพิษไม่มีภัย นั่นึเป็นสิ่ที่ทำให้นวลอบรับำออป้าพิศให้มาเป็นแม่บ้าน แรๆป้า็ทำานปิ แ่มีเรื่อที่น่าแปลอยู่อย่าหนึ่็ือป้าพิศมัะรีบลับบ้าน่อนเวลาห้าโมเย็น
อทุวัน โยให้เหุผลว่า้อลับไปเลี้ยูหลานที่ป่วยิเีย ไม่มีใรูแล แ่ไม่ใ่หลานริๆอป้าเพราะป้าพิศไม่มีสามีและไม่ไ้แ่าน
“แล้วหลานใระป้า อยาให้นวล่วยเรื่อเินไหมะเลี้ยผู้ป่วยิเีย้อใ้เินเยอะ” นวลถาม
“ไม่เป็นไรหรอ๊ะ ป้าอัวลับ่อนนะพอีป้ารีบ” ป้าพิศเลี่ยอำถามเเละพูพร้อมท่าทาลุลี้ลุลน ่วเือนแรไม่มีอะไรผิปิมานั ป้าพิศยัมาทำานและลับบ้านามปิ ทรัพย์สินมี่า็ไม่สูหาย นวลึไว้ใป้าเป็นอย่ามาให้สามารถเ้าหาเ็ๆใล้ิไ้ พัหลัมา๋อมที่เป็นพี่ายนโสนิทับป้าพิศนสามารถพูุยไ้ทุเรื่อ แ่มีเพียั้มที่ไม่่อยอบใป้าพิศเท่าไหร่เวลาป้าพิศเ้าไปพูุย็มัเบือนหน้าหนีไม่อบโ้ใๆ ั้มอายุเพียสิบแปปียัเป็นวัยรุ่นที่นิสัยอบเ็บัวึไม่เปิใุยับใร่ายๆนอานในรอบรัว หลัาป้าพิศมาทำานที่นี่ เรื่อแปลๆ็เริ่มเิึ้นทีละนิ อย่าเหุาร์เ้าวันหนึ่ที่นวลเยเห็นป้าพิศนั่อยู่ิ้าหลับ้านนเียว มีสีหน้าท่าทาที่นิ่แปลๆ พอนวละโนถามว่าป้าไปนั่ทำอะไรรนั้น ป้าพิศ็หันมามอ้วยสีหน้าเรียบเยไม่มีำอบใๆลับมา นวลึไมไ้ใส่ใเเละไปเินายอ่อที่หน้าร้าน เวลาผ่านไปไม่ถึห้านาทีนวลลับมาหวัะวนป้าพิศิน้าว แ่สิ่ที่เห็นือป้าพิศเพิ่ะปั่นัรยานมาทำานและทัทายนวล ึไ้รู้ว่านที่เห็นอยู่รนั้นไม่ใ่ป้าอย่าแน่นอน เหุาร์นี้เป็นเพียเหุาร์เล็น้อยที่เิึ้น พอเวลาผ่านไปลูๆแ่ละน็เริ่มมีอาารไม่ปิ เริ่มที่มีน้อสาวนเล็ าเ็สาวน่ารั สใส
พูาอ่อนน้อมถ่อมนับพ่อแม่ ลายเป็นเ็สาวลัษะเย็นา สายาล่อลอย หวาระแวผู้นลอเวลา าอาารแปลๆที่เป็นในอนึ็ลับมาเป็นเเละทวีวามรุนแรมายิ่ึ้น ทุืนมีะลุึ้นมานั่้าๆและ้อหน้าแม่ านั้น็ะมอึ้นไปบนเพานพร้อมับี้ึ้นไปและปลุแม่ึ้นมาูพร้อมับหัวเราะับสิ่ที่ัวเอี้อยู่ สัเไ้ว่าลัษะใบหน้ามีเริ่มอบลนเห็นไ้ั มีรูปร่าผอมแห้ ทั้ที่ินอาหารเยอะว่าปิหลายเท่า ราวับว่าอาหารที่ินไปไม่ไ้อยู่ในัวเธอแ่ไปอยู่ที่อื่น ในอนลาวันมีมัเ็บัวและไม่ออาห้อนอน อาหารที่พ่อและแม่เอาไปไว้ให้ในห้อนอน็ไม่มีท่าทีว่าะิน เธอินเพียอาหารที่ไม่มีเนื้อสัว์ และในารินแ่ละรั้็ินปริมาเยอะนเทียบเท่าับารินอนทั้รอบรัวรวมัน นวลใที่ลูมีพฤิรรมผิแปลไปแบบนี้ หัวอนเป็นแม่ไ้แ่ร้อไห้หวัะหาทา่วยเหลือมี ทั้พาไปพบแพทย์ที่โรพยาบาลเพื่อนำยามาินแ่็ไม่่วยอะไร อาารอมีทรุหนัลทุวัน อาเียนออมาเป็นลิ่มเลือสีำ ผิวีาวราวับไม่มีเลือไหลเวียนอยู่ในร่าาย ผมหลุร่วเป็นอ ผิวหนัเหี่ยวแห้เเละหลุลอเป็นสะเ็ ส่วนั้มลูายนลา็ลายเป็นว่ามีสภาพิใไม่ปิ เอาแ่เพ้อว่ามีลุ่มนมาัานทำพิธีบวสรวที่บ้านในยามลาืนและถวายอาหารเ็มไปหม เมื่อไหร่ที่เหุาร์นี้เิึ้นั้มะมีลัษะท่าทาเหมือนนละเมอพยายามะออาห้อนอนทุรั้ บ้า็ปีนหน้า่า บารั้ั้ม็มีลัษะเหมือนนปิทั่วไปที่ไม่ไ้เป็นอะไร แ่ลับเป็นนที่เห็นภาพหลอนเพียนเียว ระูลวศ์นภิสไม่มีาินอื่นๆเหลือแล้วนอานในรอบรัว เนื่อาอุบัิเหุทารถยน์รั้ให่เมื่อสิบปี่อนทำให้นในรอบรัวและาิอนวลเสียีวิไปหม ึมีเพียนวลและสามีที่สืบสานธุริ้าหนัสัว์ เมื่อนวลไ้นึย้อนลับไปึเริ่มเอะใับสิ่ที่เิึ้นับลูๆอนเอ ว่าเป็นเหุาร์ที่ล้ายับพี่น้ออนเอเยเป็นอนยัมีีวิอยู่ แ่มีเพียเหุาร์แปลประหลาเล็น้อยือพี่ายอนวลมัะอาเียนอยู่ทุวัน ลัษะอาารล้ายๆับที่มีเป็นอยู่ ในอนนั้นแม่อนวลที่ื่อเพ็ แ่่อน็ทำธุริายหนัสัว์รวมถึปล่อยเินู้นอระบบ รอบรัวอยายเพลิับาเบิ้มที่มีานะยานึมาอู้เินับเ๊เพ็ราวๆหนึ่แสนบาทเอาไว้ส่เสียหลานเรียนหนัสือ
เ๊บุเพ็็เห็นใที่ายายไม่มีเิน เลยปล่อยู้ให้ในที่สุ แ่เ๊เพ็ึ้นื่อว่าเป็นเ้าหนี้ที่ปล่อยู้แล้วอแพ มีลูน้อเ็บหนี้โหับาวบ้านเสมอ ทั้สารพัู่เ็ ยายเพลิ็มีอาีพาย้าวแที่ลา ส่วนาเบิ้ม็เ็บอเ่าไปายามโัรับื้อ ในทุรั้ที่ลูน้อเ๊เพ็มาเ็บหนี้สอายาย็ะเลื่อน่ายโยให้เหุผลว่ายัไม่มีัให้เพราะายอไม่ไ้ สุท้าย็ผลัาร่ายมาเรื่อยๆ ้านเ๊เพ็ทนไม่ไหวึมาที่บ้านอยายเพลิ้วยนเอและู่ว่า
“รอบหน้าันะไม่ให้โอาสแล้ว นี่เห็นว่าเป็นสอายายแ่ๆนะันถึไ้ใี ยัไ็้อหามา่ายให้ไ้ ไม่ั้น็บอให้หลานยายมันลาออไป ไม่้อเรียนเเล้วล่ะ” เ๊เพ็พู้วยวามโรธ
หนึ่อาทิย์่อมา …
“า! ยาย!“
”ยายเพลิ!“ เสียอลูน้อเ๊เพ็มาร้อเรียเ็บหนี้ที่หน้าบ้าน
… เียบ…
แ่ลับมีเพียวามเียบ ในบ้าน็ไมมวี่แวววนอยู่ ไฟสัวยัไม่มีใรเปิ เ๊เพ็สั่ลูน้อมาว่าถ้าไม่มีใรออมาให้บุเ้าไปเลยเพราะนี่ือวที่้อเ็บมาให้ไ้ ลูน้อทั้สามนไม่รอ้าปีนรั้วบ้านยายเพลิและเ้าไปถึหน้าประูบ้าน ที่มีลัษะเป็นประูไม้ผุๆลอนประู็ูเหมือนะไม่ไ้ล็อ ในบ้านมีเพียวามเียบ สภาพ้าวอยัเ็บเป็นระเบียบเรียบร้อย ลูน้อยายเพ็เ้าไปถึหนน้าประูห้อนอนแ่บานประูนั้นลับเปิแ้มไว้เล็น้อย และภาพที่ลูน้ออเ๊เพ็เห็นือ สอายายผูอโยใ้เือฟามัไว้ับไม้เ่าๆบนฝ้าเพาน สภาพอาเบิ้มเป็นภาพอศพที่เสียีวิมา่อนวันแล้ว แ่ยายเพลิยัเพิู่เหมือนสลบไปไ้ไม่นาน ูาลัษะแล้วเป็นาร่าัวายามัน แ่โยัีที่สามารถ่วยีวิยายเพลิและส่ัวไปโรพยาบาลในหมู่บ้านไว้ไ้ทันเพราะาอาาศหายใไปเพียั่วรู่ หลัทราบ่าวเ๊เพ็ใับสิ่ที่เิึ้นเพราะไม่ิว่าสอายายะ่าัวายเพราะหนีหนี้อน ในอนนั้นเ๊เพ็ยหนี้ให้ยายเพลิทั้หมและถือว่าไม่ิ้าันอี แ่แล้วหลัเหุาร์นี้ยายเพลิ็หายัวไปาหมู่บ้านพร้อมับหลานสาว นถึอนนี้็ยัไม่มีใรรู้ว่ายายเพลิหายัวไปไหนและไม่เยลับมาอีเลย อาารอพี่ายนวล็ยัเป็นปริศนาที่มีอาารเหมือนับมีในอนนี้ เรื่อแปลประหลา็ยัเิึ้นที่บ้านเ๊นวลอยู่บ่อยๆ
๋อมลูายนโ ในบารั้็มีท่าทีลึลับอย่าับว่าำลัปิบัอะไรอยู่ ๋อมนั้นอบเินไปที่สวนหลับ้านในทุๆเย็น นวลและ่อเอ็ิว่าลูไปรน้ำ้นไม้ในสวนเพราะ่วนี้เป็น่วปิเทอมะมีเวลาว่า
“อันนี้อีาพระอาารย์ ทำบ่อยๆนะลูะไ้เป็นสิริมล ป้าเอ็หวัี” ป้าพิศล่าว
“รับป้า อบุนะรับ ๋อม็ทำามที่ป้าบอนี่แหละ ่วนี้ายอไม่่อยีริๆ๋อม็อยาะ่วยแม่นวลพ่อ่อให้้าายี“ สิ่ที่๋อมทำือใ้น้ำหมาลัษะสีแ้นที่ไ้มาาป้าพิศ รไปที่โน้นล้วยในสวนหลับ้านทุวัน และท่อบทสวามที่ป้าพิศเียนไว้ให้ โยป้าพิศบอ๋อมว่าเป็นอีที่ไ้มาาพระอาารย์ ให้นำมาร้นไม้้นนี้ทุวันาร้าารายอบ้านนี้ะ่อยๆีึ้น ้วยวามที่๋อมไว้ใป้าพิศมาึยอมทำามเพราะิว่าไม่มีอะไร แ่นับวันอาารอมียิ่หนัึ้นเรื่อยๆ บารั้เธอำแม้ระทั่พ่อและแม่อัวเอไม่ไ้้วย้ำ เหมือนับว่าในัวมีนั้นเป็นนอื่นแ่มีสภาพที่ไม่สามารถอบสนออะไรไ้ แม้แ่ิน้าวหรือลุเินยัทำไม่ไ้ ไม่่าอะไรับนป่วยิเีย แม่นวล้ออยเ็ปัสสาวะอุาระ ึไม่มีแม้แ่เวลาออไปายอหรือไปไหนเลย เสี่ย่อ็มีหน้าที่ทำานูแลบ้านไม่ไ้ออไปไหน าบ้านที่เริรุ่เรือรอบรัวูมีมีส่าราศี ลายมาเป็น่วีวิที่่ำอเ๊น้อยและเสี่ย่อ ้วยเหุนี้ธุริ้าหนัึไป่อไม่ไ้
“บาปรรมอะไรทำให้รอบรัวันเป็นอย่านี้” เ๊นวลพู้วยวามเศร้าใพร้อมับร้อไห้แ่อนนี้แ่ในอนนี้เ๊นวลับเสี่ย่อ็ทำไ้เพียหวัว่าอะไรหลายๆอย่าะีึ้นไม่แย่ลไปมาว่านี้
“ป้าอพัานไปสัสามเือนนะเ๊นวล” ป้าพิศล่าว
“ทำไมล่ะป้า นวลไม่มีน่วยูแลนามีับไอ้ั้มมัน ่วนี้อาารลูันทรุลเรื่อยๆ ป้าอย่าเพิ่ไปเถอะรอให้ันผ่าน่วนี้ไป่อนไ้ไหม” นวลอ้อนวอนอให้ป้าพิศอยู่ทำานที่บ้าน่อ
“ป้าเอ็อยาอยู่นะแ่มันมีสิ่ำเป็น ป้า้อไป่อนริๆ”
นวลเอ็ทำอะไรไม่ไ้ ไ้แ่เพียปล่อยให้ป้าพิศพัานเพื่อให้แไปทำธุระส่วนัว หลัาที่ป้าพิศออไปไ้ไม่นาน นวล็ูแลลูและานบ้านที่เหลือัวนเียว ในวันหนึ่มีอะไรบาอย่าลใให้นวลเปิไปที่ลิ้นัใ้โ๊ะทำานในห้ออมี สิ่ที่เอรหน้าือ เศษาอาหารำนวนมาที่เหมือนมีนินเหลือไว้และายทิ้ลไป สภาพเ็มไป้วยหนอนและลิ่นเหม็นเน่านทนไม่ไ้ รวมถึมีน้ำหมาสีแไหลนอหยลมาามาโ๊ะนไปถึพื้น เ๊นวลใอย่ามาึเรียเสี่ย่อเ้ามาู ผู้เป็นพ่อถึับ็อในเหุาร์ที่เิึ้น นับั้แ่นั้นมาป้าพิศ็หายไปและไม่ไ้ลับมาทำานามที่สัาไว้
…
“เรื่อราวที่ผ่านมามัน็ประมานี้่ะลุเิ“ นวลล่าว
ลุเิเียบไปสัพั พร้อมับเอ่ยำหนึ่ออมา ”พวเอ็โนเ้าแล้วล่ะ”
“โนอะไรล่ะลุผมไม่เ้าใ แล้วที่บ้านผม รอบรัวผม ลูผมเป็นแบบนี้มันืออะไรันแน่” ่อถาม้วยวามระวนระวายใ
“พา้าไปู้นล้วยที่ไอ้ั้มมันบอ” ลุเิล่าว
“้ะลุเิ ามนวลมาเลย” นวลนำทาลุเิไปที่้นล้วยหลับ้าน ทาไป็เ็มไป้วยห้าร มีลิ่นเหม็นาวลุ้ไปทั่วบริเว แสให้เห็นว่าเป็นสวนที่ไม่ไ้รับารูแลมานานนับปี
…
“ไม่ทันแล้วแหละนวล ่อ”
“ไหนไอ้ั้มเอ็บอลุิ ว่า๋อมพี่ายเอ็มันเอาน้ำที่ว่ามารที่นี่นานแ่ไหนแล้ว” ลุเิถาม
“ประมาสอสามเือนไ้แล้วรับลุ”
ลุเิ้มลไปรโน้นล้วย ใ้นิ้วแะไปที่พื้นินเพียั่วรู่็รู้ถึำอบ
“พวเอฟั้าีๆนะ น้ำหมาที่ว่านี่ มันไม่ใ่น้ำหมาริๆหรอ้าูแล้วล่ะ แ่มันือเลือ”
ทุนที่ยืนอยู่รนั้นใับำพูอลุเิ
“เลือใรันรับลุ แ่พี่๋อมบอผมเอว่ามันือน้ำหมานะ“ ั้มล่าว้วยวามใ
”เอ็ะเื่อลุไหม็แล้วแ่ ไม่เื่อ็ลมลิ่นินูสิ น้ำหมาอะไราวนานี้ันล่ะไอ้ั้ม ถ้าพวเอ็อยารู้ำอบ็ไปหายายพิศแล้วสิ่ที่พวเอ็อยารู้มันะปราเอ“
เ๊นวลและเสี่ย่อไม่รอ้า รีบมุ่หน้าไปที่บ้านป้าพิศทันที บ้านอป้าอยู่ท้ายอยในหมู่บ้าน ทาเ้านั้น็เล็และแบนรถยน์ับเ้าไปไม่ไ้ เ๊นวลึบอเสี่ย่อว่าอรถไว้หน้าอยแล้วเินเ้าไปันีว่า
ทัู้่เินเ้าไปนเือบะสุอย ลัษะบ้านเรือนระเเวนั้นไม่่อยน่าอยู่นั ส่วนมาะร้าและไม่มีนอาศัยอยู่ หันไปทาไหน็มืไปหม บาน็แอบแ้มหน้า่ามาูเ๊นวลเเละเสี่ยเหมือนหวาลัวอะไรสัอย่า ไม่มีำทัทายและถามไถ่ใๆาาวบ้านที่นี่ มีเพียวามเียบและวัเว
“เยมาที่นี่ไหมนวล” ทุอย่าผิปินเสี่ย่อเอ่ยปาถามับนวล
“ไม่เย้ะพี่ นวล็มารั้แร อนป้าพิศมาทำานแ็บอนวลว่าอยู่ในอยนี้แหละ”
ทัู้่เินทามาถึหน้าบ้านป้าพิศ สภาพบ้านเป็นบ้านไม้สัเ่าๆสอั้น มีใ้ถุนไว้เลี้ยสัว์ สภาพบ้านผุพัเหมือนไม่มีนอยู่มาหลายปี นวลึัสินใเินเ้าไป สิ่ที่เห็นรหน้าือในอสัว์มีาไ่ที่นอนายเลื่อนหลายัว สภาพเหมือนาอาหารนาย ส่ลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวบ้าน ทัู้่เริ่มัวลใว่าเิอะไรึ้น
นวลเินรไปที่ประูบ้าน
“๊อ ๊อ”
“ป้า นี่นวลับ่อเอนะ”
”ป้าพิศ ป้าพิศ อยู่บ้านไหม้ะ“
ไม่มีเสียอบรับาป้าพิศ ทั้นวลและ่อึิว่าป้าพิศไม่อยู่และะที่ำลัหันหลัเินลับไป
ู่ๆมีเสียปริศนาโผล่มาเป็นเสียผู้ายที่พยายามร้อเรีย แ่เสียนั้นเป็นเสียที่เบามา เสี่ย่อนึสสัย ้วยวามที่ทนไม่ไหวึัสินใเปิประูบ้านที่ไม่ไ้ล็อเ้าไป ึไ้ผะับสิ่ที่เห็น มีผู้ป่วยิเียนอนนิ่อยู่บนเียไม้เ่าๆมีปลวำนวนมาที่บริเวาเีย ไม่มีผ้าปูที่นอนหรือหมอนใๆ ลัษะือเป็นผู้ายสอนและเ็สาวหนึ่นูเป็นรุ่นราวราวเียวันับทั้ลูสาวและลูายอเ๊นวล ทุนนอนนิ่ไ้แ่ลืมาและไม่มีสิเท่าไหร่นั ทำไ้แ่เพียออเสียเล็น้อยและยับไ้แ่นิ้วมือราวับเป็นอัมพาทั้ัว ผิวทุนนั้นีเผือ มีรอยเ็มิ้มที่แนอทุนหลายรอยและมีอาารบวม้ำบริเวนั้น รอบ้าเ็มไป้วยผ้าที่เลอะอุาระ อาหารที่เน่าเสีย ระโถนี่ที่ยัไม่ไ้เอาไปเททิ้ เ็มียาที่ึ้นสนิม บนโ๊ะ็มีป้ายประาศามหานหายอไว้ำนวนมา ภาพใบแรเป็นเ็สาวื่ออุ่น อายุหปี พร้อมนามสุลที่มาาระูลื่อัในสระแ้ว
และภาพใบประาศามหาเ็หนุ่มื่อร อายุแปปี และนสุท้ายมีื่อว่า “อ๊อ” แ่ในใบประาศไม่ไ้ระบุอายุไว้ เท่าที่เห็นาลัษะภายนอที่นอนอยู่อนนี้อายุราวๆยี่สิบปีเทียบเท่าับ๋อมลูายนโอเ๊นวล
“นี่มันอะไรันพี่่อ!” นวลในแทบะเป็นลม
“มันไม่ปิแล้วนวล พี่ะโทรแ้ำรว”่อโทรแ้ำรวและเินสำรวภายในบ้านบนั้นสอถึแม้ะมืแ่็พอมีแสไฟเล็น้อยทำให้พอมอเห็นว่าสิ่ที่อยู่รหน้าืออะไร ่อเอับแลลอนที่บรรุเลือไว้ำนวนหลายลิร เรียันไว้ในลัระาษสีน้ำาลราวๆยี่สิบลั ่อไ้ลิ่นทีุ่้นเย ลิ่นนี้เป็นลิ่นเียวับในลิ้นัห้ออมีและบริเว้นล้วยที่สวนหลับ้าน ึทำให้รู้ว่านี่ือเลืออเ็ทั้สามที่นอนอยู่และปิเสธไม่ไ้ว่าป้าพิศใ้เ็มียาเพื่อนำเอาเลืออเ็ๆไปทำพิธีไสยศาสร์มนร์ำอย่าแน่นอน
“วี๊หว่อ วี๊หวอ วี๊หวอ” รถำรวไ้มาถึในเวลาอันรวเร็ว
แสไฟสีแาสัลัษ์ไฟรถำรวสาเ้ามาใน่อหน้า่าบานไม้ที่ผุพั ทำให้่อไ้เห็นับรูปรอบรัวที่ิอยู่บนผนับ้าน สิ่ที่เห็นือภาพอายายับหลานสาวหนึ่นยืนพร้อมเพรียันสามน ้านหลัในภาพเป็นบ้านอป้าพิศหลันี้แ่สภาพบ้านยัูีเหมือนับสร้าใหม่
เวลาผ่านไป ำรวเ้ามาในบ้านป้าพิศและ้นหาร่อรอย่าๆและทำารสืบสวนึไ้รู้ว่า เ็ทั้สามที่นอนิเียอยู่นั้นไม่ใ่ลูหลานอป้าพิศแ่เป็นเ็ที่หายัวมานานหลายปีแล้ว รอบรัวอพวเาิป้ายประาศามหามาเรื่อยๆนหยุามหาไปเมื่อปีที่แล้วเพราะิว่าเ็ๆเสียีวิไปแล้วเนื่อาระยะเวลาที่หายไป็เป็นปีที่สิบเอ็แล้ว
ทำให้รู้ว่าป้าพิศลัพาัวเ็ทั้สามมาารอบรัวที่เยไปทำานบ้าน ในอนนั้นพวเาทั้หมยัเ็และอายุไม่ถึสิบวบ ำรวสันนิษานว่าป้าพิศไ้หายัวไปนานหลายวันแล้ว่อนที่นวลและ่อะมาถึ เ็ๆทั้สามที่นอนบนเียเริ่มมีอาารหายใโรยรินเนื่อาาอาหารและน้ำมาเป็นเวลานานึถูส่ัวไปที่โรพยาบาล แ่แล้ว..ทุอย่า็สายไปสำหรับอุ่น หมอบอว่าเธอไ้เสียเลือเป็นำนวนมา และปริมาสารอาหารในร่าาย็น้อยมา บวับโรหัวใที่เธอเป็นั้แ่วัยเ็ทำให้ร่าายทรุหนัว่านอื่นๆ อุ่นไ้เสียีวิหลัไปถึโรพยาบาลไ้เพียสิบนาที ทาโรพยาบาลึไ้ิ่อาิเพื่อมารับศพออุ่นไปาปนิ พ่อแม่ออุ่นใสลายเป็นอย่ามาเมื่อรู้ว่าลูอนไ้าไปแล้ว ส่วนรและอ๊อหลัาที่รอบรัวทราบเรื่อ็รีบเินทามาาสระแ้วเพื่อมาหาลูหลาน
ำรวไ้เริ่มสืบสวนีนี้โยสอบปาำับรอบรัวอเ็ๆทั้หม เี่ยวับที่มาที่ไปอป้าพิศ
แม่อรเล่าว่า ใน่วนั้นเธอไ้บรรุเป็นรูในโรเรียนที่นนทบุรีึำเป็น้อฝาลูไว้ับพี่เลี้ยที่สระแ้ว ป้าพิศเป็นพี่เลี้ยเ็ที่ผู้นบอันว่าเธอิใี พูาไพเราะ อ่อนน้อมถ่อมน น่าไว้วาใ เหมาะสมับารมาเป็นพี่เลี้ยที่ะมาอยูแลลูอเธอ ึัสินใให้ป้าพิศมาเป็นพี่เลี้ยอร ระยะเวลาทีเธอไปทำานเเธอ็ิ่อับป้าพิศถามสารทุ์สุิบผ่านทาารโทร แ่หลัาผ่านไปหนึ่ปีเธอลับมาที่บ้าน็พบว่าป้าพิศหายัวไปพร้อมับลูอเธอ ในอนนั้นเธอทำอะไรไม่ถูึไ้ไปแ้วามับำรวแ่็ไม่มีวามืบหน้าใๆ เธอึอทนใ้ีวิ่อมาหลายปีเพื่อามหาลู นวลและ่อเอ็ไ้เ้าสอบปาำับำรวเ่นัน ่อมีวามสสัยที่ิ้าอยู่ในใับรูปภาพบนฝาผนับ้านึอำรวเ้าไปในพื้นที่บ้านอีรั้
…
“ยายเพลิ” นวลี้ไปที่ยายอหลานในภาพและพู้วยวามใ
“ใรเหรอนวล” ่อถาม
นวลึเริ่มเล่าถึประวัิอยายเพลิที่เยมีับเ๊บุเพ็ให้่อฟั ทุนึไ้รู้ว่าป้าพิศเป็นหลานอยายเพลิ นวลเริ่มปะิปะ่อเรื่อราวทั้หมไ้ว่าารที่ป้าพิศลับมาอาะเป็นเพราะเรื่อราวในอีที่เี่ยวับแม่อน นี่อาะเป็นสิ่ที่ป้าพิศรออยมานานหลายปีเพื่อที่ะย่า้าวเ้ามาในบ้านอนวล
“รู้ทุอย่าแล้วสินะมึ” เสียผู้หิล้ายับป้าพิศพูมาา้านหลั
นวลและ่อหันลับไปพบับป้าพิศ ประโยแรที่นวลถามือ
“นี่ป้าทำอะไรลไป ป้าเป็นใรันแน่”
“มึำูไม่ไ้ล่ะสิอีนวล ทีผ่านมายายู้อใ้ีวิเหมือนนรทั้เป็น าู้อมาาย็เพราะนในรอบรัวมึ” สายาอป้าพิศเ็มไป้วยวามอาาแ้นที่มี่อนวล
“อทีู่ทำใส่รอบรัวมึมาลอหลายปี …ใล้แล้วแหละ มัน่อยๆัินพวมึไปทีละนแล้ว ็ูอย่าลูมึสิพวมันเป็นยัไ” ป้าพิศพูพร้อมับหัวเราะ้วยวามสะใ
นวลร้อไห้นเ่าทรุลับพื้น ทัู้่ใเป็นอย่ามาเมื่อไ้รู้เหุผลว่าลูอนเป็นเ่นนี้็เพราะสิ่ที่ป้าพิศทำ
“ูทำพิธี่ำๆใส่รอบรัวมึมาลอสิบปี ไม่เห็นเหรอ ไหนะาร้าารายอพวมึเ๊ไม่เป็นท่า นในรอบรัวเริ่มมีอาารแปลๆเหมือนพวผีเ้า อีแ่บุเพ็ที่มันป่วยายไป็เพราะูเอ ทีนี้็าพวมึแล้ว ลูๆมึะ่อยๆล้มายไปทีละน ผัวมึ็ะเป็นบ้าไปส่วนมึ็ะพบุบในีวิที่เลี่ยไม่ไ้ เลือทีู่เอาาเ็สามนนี้ไป็เป็นัวแทนอลูมึทุน อุ่นมันายไปแล้วใ่ไหมล่ะ นามี็เหลือเวลาไม่มาแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ูล่ะสะใริๆ“ ป้าพิศพูพร้อมับพ่นน้ำหมาสีแสที่เี้ยวอยู่ใส่หน้าอนวล ่อนที่ะวิ่หนีออไปพร้อมับเสียหัวเราะที่ั้ออยู่ในหัวอนวลและ่อ
…
หลัาที่เ๊น้อยไ้ฟัเรื่อราวทั้หม ึรีบร้อนถามนวล้วยน้ำเสียสั่นเรือว่า
”ลูๆเอ็ล่ะนวล แล้วผัวเอน่ะมันไปอยู่ที่ไหน“
”ายแล้วเ๊“ นวลพูพร้อมับร้อไห้แทบาใ
”มีับ๋อม ายไปเือนที่แล้ว ู่ๆลูัน็ไม่ิน้าวไม่ินอะไรเลย มันาไปพร้อมับสภาพศพที่เน่าเละ ผ่านไปไม่ี่นาทีหนอน็ึ้นเ็มแล้ว เลือ็ไหลออาปานล้นไม่หยุไม่รู้เป็นเลือใรบ้า
ั้มับ่อ็เป็นบ้าเป็นประสาทไปหมแล้วอาละวาทุเย็นนัน้อัไว้และล็อ้วยแมุ่แ ผัวับลูำันไม่ไ้้วย้ำ โมโหที็เหมือนับสัว์ร้ายที่อย่าันไ้ลอเวลา..“
เ๊น้อยฟัเรื่อราวทุอย่าบ ึรีบไปหยิบุแรถและบอให้นวลรีบามึ้นรถ ะพาไปที่หนึ่
…
ทัู้่มาถึบ้านร้าเ่าๆนาเล็หลัวั ้าบ้านอพรพิน หน้าบ้านมี้นประู่้นให่ั้อยู่หน้าบ้าน
ที่มัผ้าสีไว้และพวมาลัยนับร้อยพวอทิ้ไว้เป็นำนวนมา เ๊น้อยยื่นะเียให้และพานวลเ้าไปในบ้านร้าหลันั้น เพราะเ๊น้อยรู้แล้วว่ายายแ่ที่เห็นวันนั้นือยายเพลิที่ยัมีีวิอยู่อย่าแน่นอน นวลเ้าไปไม่พบับยายเพลิ แ่สิ่ที่เห็นือเรื่อราอลั ุไสย มนร์ำ รวมอยู่ที่นี่ทั้หม สภาพบ้านทรุโทรมมีแมลวันอมอาหารเน่าเปื่อยที่เอาไว้บูา มีทั้อาหาสและผลไม้หลาหลายนิ พื้นไม้ในัวบ้านนั้นโนปลวินนแทบไม่เหลือที่ให้เิน นวลใ้ะเียและส่อไปทั่วบริเวบ้านึไ้พบเอับวามริที่รออยู่รหน้า บนแท่นบูามีภาพาวำอทุนในระูและรอบรัวนวลทั้หมั้เรียับไว้อย่าเป็นระเบียบ ทุภาพถูป้าย้วยเลือ รอ้วยผ้าหนัสัว์หลายนิและมัสายสิน์ไว้รอบๆราวับทำพิธีรรมอะไรสัอย่า นวลึส่อะเียเ้าไปูใล้ๆและไ้เห็นับสิ่ที่น่าใือ ในภาพไ้เียนวันาะและมระอมีและ๋อมถูไว้ราวับภาพในานศพ ึ่วันมระลับเป็นวันที่รับมีับ๋อมไ้ายไปริๆ นวลล้มทั้ยืนับสิ่ที่ไ้เห็นึไ้รีบนำภาพอั้มและ่อออมาเหมือนับนไร้สิ ปราว่าวันมระอั้มือวันนี้ นวลไม่รอ้ารีบบอให้เ๊น้อยพาลับไปที่บ้าน แ่็สายไปเสียเเล้วร่าไร้วิาอั้มนอนเสียีวิในห้อพร้อมับสภาพศพที่่าัวายโยัลิ้นัวเอ เลืออลูนวลไหลนอเ็มพื้นมานถึเท้าอแม่ นวลไ้แ่ร้อไห้น้ำาเป็นสายเลือว่านเอไม่สามารถหยุโะาอันเลวร้ายนี้ไ้และไ้เเ่ยอมรับับทุสิ่ที่เิึ้น
บบริบูร์.
รีวิวจากนักอ่าน
นิยายเรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว
มาเป็นคนแรกที่เขียนรีวิวนิยายให้กับนิยายเรื่องนี้กันรีวิวถึงตอนที่ 0
รีวิวถึงตอนที่ 0
ผลงานอื่นๆ ของ Render ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Render
ความคิดเห็น