The mirror สงครามจอมบัลลังก์ - The mirror สงครามจอมบัลลังก์ นิยาย The mirror สงครามจอมบัลลังก์ : Dek-D.com - Writer

    The mirror สงครามจอมบัลลังก์

    อัศนีบาดฝาดลงมาอีกครั้งต่อหน้าสระศักดิ์สิทธิ์ สระที่มีความใสสะอาดและบริสุทธิ์ราวกับกระจกบานมหึมาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ หยาดเลือดที่หยดลงในสระ สายฟ้าฟาดที่ฟาดลงทำให้เกิดช่องว่างแห่งมิติ ซึ่งสระน้ำแห่งนี้ได้กลายเป็นสิ่งเชื่อมต่อมิติระหว

    ผู้เข้าชมรวม

    114

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    114

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 มิ.ย. 50 / 00:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      The mirror.                                                                                                             4

       

       

                                                                                      บทที่หนึ่ง 

      เร่งมือหน่อย เราต้องรีบแล้ว เช็ดให้ทั่วอย่าให้เหลือ นั่น! บนหลังตู้หญิงวัยกลางคนออกคำสั่ง นัยน์ตาที่แสดงถึงความหงุดหงิดถูกจดจ้องเพราะคำพูดของเจ้าหล่อนเอง

      มองอะไรยะ เร่งเข้าสิ มัวชักช้าไม่ได้เรื่องเอาซะเลย พวกเธอต้องทำความสะอาดให้เสร็จก่อนที่คุณนายทาส์วจะมาถึง หญิงผู้พูดเน้นเสียงคำว่าทาส์วอย่างชัดเจนจนผู้ฟังนับสิบอดหัวเราะไม่ได้ นางยังคงชี้นิ้วสั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนดั่งเคย

      แสดงว่าจะต้องมีใครได้ไปอยู่กับคุณนายทาส์วใช่ไหมคะ เด็กหญิงคนหนึ่งถาม ภายใต้นัยน์ตาสีม่วงอ่อนที่ไม่เหมือนใคร ยังคงมีความหวังที่จะเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเลือก

      ใช่!” ผู้มีอายุแก่กว่าตอบพลางเอาไม้กระบองสีฟ้าที่ถืออยู่ทุบลงกับพื้นหนึ่งครั้งเพื่อแสดงถึงความมั่นใจ แต่ทว่าด้วยความแรงของกำลังที่มีอยู่ทุบเข้าอย่างจังมันจึงยากเกินกว่าที่เก้าอี้เก่าๆซึ่งหล่อนได้ยืนอยู่จะรับไหว

      โครม!!!

      เสียงเก้าอี้หักลงมาอย่างสนั่นหวั่นไหว แน่นอนร่างซึ่งเคยยืนอยู่บนนั้นก็ได้ร่วงลงมาไม่เป็นท่าเช่นเดียวกัน สร้างเสียงหัวเราะในใจให้กับเด็กๆในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ผู้ที่ล้มนอนกองอยู่กับพื้นก็ยังคงรักษาฟอร์มเชิดหน้าและโบกมือให้กับเด็กๆที่หัวเราะเบาๆ นางประคองตัวเองลุกขึ้นช้าๆพร้อมกับกล่าวว่า

      เอาละหมดเวลาสนุก ขึ้นไปแต่งตัวได้แล้ว นางพูดจบก็เดินตัวเอนพลางเอามือปิดบั้นท้ายไว้เพราะความเจ็บปวด ในใจก็อดที่จะขำตัวเองไม่ได้เช่นกัน

       

      เสียงรถคันหรูจอดลงเบื้องหน้าตึกเล็กๆที่มีป้ายติดว่า บ้านมาดามไบเรท ประตูบานหลังถูกเปิดขึ้นอย่างช้าๆ หญิงชราก้าวเท้าออกมาข้างหนึ่งพร้อมใช้มือหนึ่งข้างดึงกระโปรงสีแดงที่ลากยาวส่วนมือที่เหลือได้กำกระเป๋าใบหรูไว้ ใช่!หญิงชราผู้นี้คือคุณนายทาส์วหญิงในคำล่ำลือของเด็กๆ ตอนนี้เด็กที่น่ารักยืนเข้าแถวเรียงต้อนรับผู้มาเยือน  มาดามไบเรทสวมกอดคุณนายทาส์วก่อนที่จะหันหลังไปทางเด็กๆ 

      เอาละเด็กๆ ผู้กล่าวๆขึ้นพร้อมปรบมือสองครั้งและพูดต่อว่า

      ตอนนี้คุณนายทาส์วได้มาถึงแล้ว ฉันว่าคุณนายคงอยากได้ยินพวกเธอแนะนำตัวนะ มาดามไบเรทพูดจบก็หันไปทางคุณนายทาส์วเป็นเชิงรู้กัน

       

       

      The mirror.                                                                                                             5

       

      จ๊ะ! ฉันอยากจะรู้ว่าหนูน้อยที่น่ารักชื่ออะไรกัน หญิงชรานามว่าคุณนายทาส์วเอ่ยขึ้นและส่งยิ้มอย่างโอบอ้อมอารี

       

                      การแนะนำตัวดูจะเป็นไปอย่างราบรื่นดี เมื่อเด็กหญิงคนสุดท้ายแนะนำตัวเสร็จผู้มาเยือนจึงปรบมือเสียงดังอย่างพอใจ แต่ยังคงมีผู้หญิงคงสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ นางผู้เป็นใหญ่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ายังคงจดจ้องสายตาไปทางเด็กๆ ปากขยับเล็กน้อยว่า หนึ่ง สอง สาม............. เมื่อบวกลบเสร็จแล้วนางจึงรู้ว่ามีเด็กหายไปหนึ่งคน ในขณะเดียวกันที่หญิงสาวหน้าตาน่ารักวิ่งออกมาด้วยความรีบเร่ง

                      กว่าจะเสด็จมาได้นะหล่อน

                      ขอโทษคะมาดามไบเรท พอดี.......

                      เอาละอย่ามากความ สายก็คือสาย คำพูดของผู้ถูกเรียกว่ามาดาม ทำให้เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงนัยน์ตาสีม่วงอ่อนถึงกับก้มหน้า

                      ค่ะ มาดามพูดถูกหนูผิดเอง

                      ดี! รู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำอย่างไง

                      ค่ะ

                      แต่เดี๋ยวคะ เด็กคนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดมากนี่คะ ยังจะพออ่อนข้อสักนิดได้ไหมคุณนายทาส์วพูดขึ้นด้วยความเวทนา

                      กฏย่อมคือกฏ เราจะตัดสิทธิ์การคัดเลือกในครั้งนี้ และกักบริเวณในห้องเก็บของหนึ่งวัน ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้มีหวังคุณได้ลูกที่ไม่ดีแน่

                  คุณสอนเด็กได้ดีเลยทีเดียว คุณนายทาส์วถึงกับกล่าวชม

                     

                      เด็กสาวได้แต่ก้มหน้าเดินตรงไปยังห้องเก็บของ แม้เธอจะไม่ได้ถูกคัดเลือกแต่เธอก็ดีใจกับเพื่อนที่จะได้มีครอบครัว เธอเดินขึ้นบันไดใต้หลังคาสูง และค่อยๆปิดบานประตูสนิมเครอะช้าๆจนไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาในประตูเลยแม้แต่นิดเดียว ลมที่ผ่านช่องใต้ประตูน้อยๆทำให้เธอรู้สึกเย็นขึ้น หน้าต่างเล็กๆข้างประตูทึบถูกเลื่อนขึ้นค้างไว้  ทว่าฝุ่นในห้องเก็บของนี้เยอะเกินไปจึงทำให้ผู้อยู่ในนั้นต้องจาม 

      กึ้งๆๆ เอี๊ยด

      เสียงประตูถูกเปิดออก ปรากฏร่างของเด็กสาวผู้หนึ่งยืนถือซุปอุ่นๆไว้ในมือ

       

      The mirror.                                                                                                             6

       

       

        ไอริส ฉันเอาซุปมาให้ ฉันคิดว่าเธอคงหิว

      ขอบใจนะ .......เจนี่

      จ๊ะ แต่อีกเดี๋ยวฉันก็จะต้องไปแล้ว คุณนายทส์วเลือกฉัน ขณะนี้ผู้ถือซุปค่อยๆวางถ้วยลงบนพื้นแล้วหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม

      เธอ.........ถูกเลือก เด็กสาวนามว่าไอรีสพูดอย่างดีใจ ในขณะที่เด็กสาวผู้ถูกเลือกพยักหน้าลงเป็นเชิงตอบรับ

      ทานซุปเถอะเดี๋ยวเย็นหมดไม่อร่อยนะ เด็กหญิงยิ้ม แววตาสีฟ้าเข้มประกายแสดงถึงความดีใจและคิดถึงเพื่อนที่จะต้องลาจาก

      ฉันทานไม่ลง คิดถึงเธอนะ จะให้ทานลงได้ไง

      ไม่เอาน่า........นะ ร่าเริงหน่อยสิ เจนี่หรือเจนีวีฟพูดทั้งคราบน้ำตา นัยน์ตาของเธอแฝงไปด้วยความเศร้า

      ฟึบ!!!

      ผ้าคลุมผืนใหญ่ตกลงมา ปรากฏสิ่งที่เคยอยู่เบื้องหลัง นั่นคือกระจกบานบานใหญ่ บานกระจกโบราณที่ทั้งใหญ่และสวยงาม จนผู้เห็นตกอยู่ในภวังค์ภายใต้มนตร์สะกดของมิติ  บัดนี้ประตูมิติได้เปิดออกอีกครั้ง ฝีเท้าที่ย่างก้าวเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งเดินใกล้รกระจกแห่งมิติเท่าไหร่ ประตูมิติก็เริ่มหดลง ร่างเด็กสาวซึ่งตกอยู่ในภวังค์ ได้ตื่นจากมนตร์สะกด แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในห้องเก็บของเสียแล้ว เด็กสาวผมยาวปะบ่าได้ยืนอยู่หน้าสระศักดิ์สิทธิ์ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มยังคงงุนงง สายลมอ่อนๆพัดโชยเอาผมสีดำสวยๆของเธอปลิวไปตามทิศทาง เสียงแมลงต่างๆก้องอยู่ทั่วสารทิศ ความวังเวงได้มาเยือนแล้ว......................

       

      ท่ามกลางฝูงคนมากมายและความสับสนปนกัน ช่างเป็นสิ่งที่น่าสงสัยยิ่ง เด็กหญิงลูบผมน้ำตาลแดงของตนเบาๆก่อนที่จะใช้นิ้วบิดบนแก้มของตนหนึ่งครั้งว่านี่ไม่ใช่ฝัน ใบหน้าผู้คนเหล่านั้นช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยบวกกับบรรยากาศที่แสนจะอึมครึมด้วยแล้ว ทำให้เธอแน่ใจว่าที่นี่ต้องไม่ใช่โลกมนุษย์แน่ เธอกำสร้อยสีทองขึ้น และภาวนาขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับเธอเลย

       

       

       

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×