ที่ๆมีแค่สองคน - ที่ๆมีแค่สองคน นิยาย ที่ๆมีแค่สองคน : Dek-D.com - Writer

    ที่ๆมีแค่สองคน

    โดย MelNel

    เรื่องราวเกี่ยวกับอาริลและวารัน ในการสู้รบที่ยืดเยื้อและยาวนาน พวกเขาต้องสู้เพื่ออาณาจักรหรือตัวพวกเขาเอง เนื่องจากนี่คือนิยายเรื่องแรก มีตรงไหนที่ไม่ถูกใจหรือขัดหูขัดตา ติชมได้เลยค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    47

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    47

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ม.ค. 60 / 22:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    คุณเคยสงสัยมั้ยว่าคุณเป็นใคร

    คุณเคยคิดมั้ยถ้าคุณตายไปจะมีใครสนใจ

    คุณเคยลืมอะไรบางอย่างไปมั้ย

    บางอย่างที่สำคัญกับคุณมาก

    แต่คุณกลับลืมมันไป

    ถ้าหากว่าคุณเกิดจำมันได้ล่ะ

    หรือ

    ถ้าหากคุณได้ถูกล่วงรู้ถึงความทรงจำนั้นเข้า

    คุณ…

    จะเลือกอะไร

    จะไปทางไหน

    ตัวของเราก็เช่นเดียวกัน

    เราเองก็ไม่อาจจะเลือกได้

    เรื่องราวต่อไปนี้คือเรื่องราวของเรา

    เรื่องราวที่เต็มไปด้วยสีสัน

    เรื่องราวที่เปี่ยมไปด้วย

    ความสุข

    ความทุกข์

    ความรัก

    ความหวัง

    .

    .

    .

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      กาลครั้งหนึ่งเคยมีเด็กชายกับเด็กหญิงอยู่สองคน 

      พวกเขาไปสู้รบต้องเสียพวกพ้องไปมากมาย 

      สุดท้ายพวกเขาก็ได้ตายลงไปในสงครามกับปีศาจ 

      ช่างหน้าเศร้าแต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ 

      พิเมลเดียได้ชัยชนะในสงครามนั้น

      แต่เหมือนจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

      ทุกคนเลยโทษเด็กสองคนนั้นว่าเป็นปีศาจที่นำความโชคร้ายมาสู่อาณาจักร

      เพียงเพราะคำพูดใส่ร้ายของพระราชาองค์ต่อมาที่ชื่อว่า ลามาส 

      แต่ต่อให้ทำอย่างไรพิเมลเดียก็ไม่เจริญขึ้น 

      สุดท้ายอาณาจักรแห่งนี้ก็ล่มจมและหายไปกับกาลเวลา 

      เหลือไว้แค่เพียงเรื่องเล่าเรื่องนี้ที่ถูดสืบทอดต่อกันมา

      *.~**.**.~**.***.~**.***.~**.***.**.~***.***.~**.***.**.~***.***.~*.*.**.*.~**.***.*.~**

      ย้าาาาาก” “เคร้ง!” เสียงดาบที่ปะทะกันทำให้เกิดประกายไฟ

      เด็กสาวร่างบางได้ใช้โอกาสนี้ในการร่ายเวทย์ฟื้นฟูเพื่อช่วยเด็กหนุ่มนักดาบผู้เป็นเจ้าของของตาสีแดงดุจทับทิมและผมสีน้ำตาล ในการฟื้นร่างกายจากความเหนื่อยล้าที่ต้องสู้กับนักดาบและทหารหลายคนมาเป็นเวลานาน จนตอนนี้เหลือแค่นักดาบคนเดียว หลังร่ายเวทฟื้นฟูเสร็จ เธอก็ร่ายเวทโจมตีต่อ “เฮ้ย! ไอ้ลูกไฟนี่มาจากไหน!” นักดาบกล่าวพลางหันไปมองหาทิศทางของผู้จู่โจม เด็กหนุ่มตาแดงจึงได้โอกาสนี้ จัดการแทงนักดาบที่หัวใจ “เล่นขี้โกงนี่หวา” นักดาบกล่าวก่อนจะสิ้นใจ เด็กหนุ่มมองนักดาบด้วยสายตาเย็นชาพลางพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ในสนามรบมันไม่มีคำว่า โกง หรอกนะ” 

      นายนี่มันโหดร้ายจังนะ วารัน” เด็กสาวร่างเล็กกล่าวพลางกระโดดลงมาจากต้นไม้ 

      ช่วยไม่ได้หนิ มันเป็นหน้าที่ เธอก็ด้วย อาริล แทบไม่ทำอะไรเลย โจมตีแค่ครั้งสองครั้ง” วารันเหน็บ

      อ๋า~ พูดอย่างนี้ไม่ได้นะ” อาริล กล่าวพลางสยายผมหยักศกสีขาวไล่ไปถึงฟ้าที่ยาวถึงเอวของเธอ “อีกอย่างนายควรจะขอบคุณชั้นมากกว่าที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายของนาย ไม่ให้เหนื่อยตายซะก่อน” เธอกล่าวต่อพร้อมรอยยิ้มและตาสีทองที่ดูมีเลศนัยของเธอ

      ไม่ต้องช่วยฉัน ฉันก็สู้ได้หน่า” วารันพูดพลางเสยผมสีนำ้ตาล

      จ้า พ่อตาแดง” อาริลล้อ

      รีบไปรายงานให้ท่านลามาสรู้ว่าภารกิจของเราเสร็จสิ้นแล้ว” วารันพูดตัดบท

      ทั้งคู่พูดจบแล้วเริ่มออกเดินทางกลับอาณาจักร


      ณ พระราชวังแห่งอาณาจักรพิเมลเดีย

      ท่านคร้าาบ ท่านคร้าาบ ท่านลามาสคร้าาบ” เสียงตะโกนของทหารหน้าใหม่นายหนึ่งที่มีท่าทางรีบร้อน

      มีอะไรรึ ถึงได้ดูรีบเร่งเช่นนี้” ต้นเสียงมาจากชายร่างสง่า ผมสีเทาที่ถูกรวบเป็นหางม้า ท่าทางดูหน่ายๆ

      คือ...มีคนมาขอพบท่านครับ” ทหารนายนั้นกล่าว “มีเด็กหนุ่มกับเด็กสาวครับ ชื่อว่าวารันกับอาริล เหมือนจะเป็นนักดาบของอาณาจักรพิเมลเดี-

      พอแล้ว พอแล้ว นำสองคนนั้นมาพบฉันโดยไว” ลามาสตัดบท

      ผ่านไปสักพักทหารก็ได้นำตัววารันกับอาริลมา

      “ภารกิจที่ข้าให้ไปเป็นอย่างไรบ้าง” ลามาสไม่พูดพรำ่ทำเพลงแล้วถามอย่างจริงจัง

      เรียบร้อยดีค่ะ” อาริลพูดอย่างนอบน้อม

      ดีแล้ว พวกเธอทั้งสองทำได้ดีมาก พระองค์ต้องมีความสุขแน่นอน” ลามาสกล่าว อย่างชื่นชม “ตอนนี้พวกเธอไปพักก่อนเพราะภารกิจต่อไปอาจจะยากหน่อยสำหรับพวกเธอ

      ค่ะ/ครับ” ทั้งคู่กล่าวก่อนเดินออกไป

      เมื่อออกจากปราสาท อาริลและวารันพากันไปที่ตลาด ทั้งคู่มีความสุขกับการซื้อของ โดยไม่สนใจผู้คนที่มองพวกเขา เพราะเสื้อผ้าและรูปร่างที่แปลกประหลาดของพวกเขา เมื่อซื้อของเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับบ้านพักของตน 

      พอวารันเปิดประตูสิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือเพื่อนๆของเขาได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเขาและอาริล

      ยินดีต้อนรับกลับจ้า อาริล วารันก็ด้วย” เสียงต้อนรับที่ดูตื่นเต้นนี้มาจาก เวเนส สาวที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม

      แหม พี่เวเนสไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ แหะแหะ” อาริลพูดพลางหัวเราะแก้เขิน

      ใช่ครับ พวกเราไปทำภารกิจน่ะครับไม่ได้ไปโดนเชือด” วารันเสริม

      ก็ภารกิจที่พวกเธอไปทำแต่ล่ะครั้งมันนานมาก ไม่รู้พวกเธอเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง แถมตาลามาส ก็โห๊ดโหด พอได้ยินข่าวว่าพวกเธอกำลังกลับมา พวกชั้นนี่รีบจัดงานให้เลยน่ะ” เวเนสกล่าวพลางสยายผมสีน้ำตาลที่ยาวประบ่าของเธอ

      นั่นสิคะ แต่พวกเราก็ไม่ได้ไปบ่อยซะหน่อย” อาริลแก้ต่าง

      นี่แหนะ” เวเนสโขกหัวอาริลแล้วพูดต่อ “อายุน้อยกว่าแท้ๆ มาเถียงพี่เนี่ยนะ แต่ช่างมันเถอะ มาฉลองกัน

      เมื่องานเลี้ยงดำเนินไปได้ซักพัก วารันได้ถามวาเนสด้วยความสงสัย “พี่วาเนสครับ” 

      หือ อะไรเหรอ” วาเนสที่กำลังดื่มน้ำอยู่ได้ตอบกลับ

      คือ ผมอยากจะถามว่าคนอื่นๆไปไหนหมดเหรอครับ ที่ผมเห็นก็มีแต่พี่กับน้องๆอีกสามคน” วารันถามต่อ ประโยคนี้แทบจะทำให้ เวเนสพ่นน้ำที่ดื่มเข้าไปออกมา

      ถ้าพี่ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรครับ” วารันเห็นท่าไม่ดีเลยรีบหยุดบทสนทนานี้เอาไว้

      ไม่ได้ ไม่ได้ ถ้านายถามมาพี่ก็ต้องตอบ” เวเนสรวบรวมแรงแแล้วพูดด้วยเสียงขรึมว่า “ตอนที่พวกเธอไปทำภารกิจ พวกเราบางคนได้ถูกส่งตัวไปสู้รบกับอาณาจักรปีศาจ แค่ไปถึงประตูเมืองก็โดนโจมตี พี่พยายามดิ้นรนจนหนีออกมาได้ แต่คนอื่นๆ ไม่มีใครกลับมาอีกเลย” เวเนสพูดจบก็ร้องไห้ ทำให้ร่างที่บอบบางของเวเนสดูยิ่งน่าเวทนา

      ด้วยความสงสารเวเนสและโกรธแค้นอาณาจักรปีศาจที่ได้คร่าชีวิตพี่น้องของเขา วารันได้พูดออกไปว่า “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิต ข้า “วารัน” จะขอโค่นล้มอาณาจักรปีศาจให้จงได้

      ไม่ต้องทำเพื่อพวกเราขนาดนั้นก็ได้ อีกอย่างถ้าพวกเราแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ทางเบื้องบนคงจะต้องส่งพวกเธอไปแน่นอน” เวเนสสะอื้น ถึงแม้เวเนสจะแก่ที่สุดแต่เธอก็ไม่ใช่นักดาบที่แกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับวารัน

      โธ่~ ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้เรากำลังฉลองกันอยู่น่ะอย่าทำให้บรรยากาศหม่นหมองสิ” อาริลพยายามเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้มันเครียดมากไปกว่านี้ แต่คงจะไม่ทันอารมณ์ของวารัน เพราะวารันได้เดินเข้าห้องของเขาเรียบร้อยแล้ว เวเนสก็เหมือนกัน อาริลไม่อยากปล่อยให้วารันต้องเครียดคนเดียว จึงได้ออกเดินตามวารันไป

      เมื่ออาริลได้แอบเปิดประตูห้องของวารัน เธอก็ได้เห็นความพยายามของวารันในการโค่นล้มอาณาจักรปีศาจ ‘เฮ้อ~ วารันนะวารัน รู้ว่าแค้นแต่อย่างน้อยก็ช่วยทำให้พวกเรารู้สึกดีหน่อยสิ ทำบรรยากาศเสียแล้วมาซุกตัวอยู่ในห้องของตัวเอง ต่อให้นายเก่งแค่ไหนยังไงนายก็ไม่อาจจะทำตามที่พูดได้หรอก ราชาปีศาจไม่เหมือนกับนักดาบกิ๊กก๊อกพวกนั้นที่นายต้องออมมือให้หรอกนะ’ อาริลได้แต่คิดพลางถอนหายใจแล้วปิดประตูห้องของวารัน ระหว่างที่อาริลเดินกลับห้องเธอก็คิดถึงภารกิจต่อไปของเธอและวารัน พลางนึกย้อนไปถึงตอนเด็กๆ

      ในฤดูร้อนเมื่อหลายปีก่อน เด็กๆกลุ่มนึงกำลังเล่นวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนานในสวนของพระราชวัง แต่กลับมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนนิ่งๆแล้วมองทุกคนเล่นกัน เธอไม่มีท่าทีว่าอยากจะเล่นด้วย เมื่อเห็นพี่เลี้ยงเดินมาเพื่อที่จะดูพฤติกรรมของพวกเด็กๆ เธอจึงได้เดินไปถามนางว่า 

      พี่ค่ะ หนูอยากรู้ว่าคุณพ่อของพวกเราคือใครหรือค่ะ” หนูน้อยถามด้วยความสงสัย

      เสด็จพ่อของพวกหนูคือพระราชาของอาณาจักรพิเมลเดียแห่งนี้อย่างไรล่ะจ๊ะ” พี่เลี้ยงตอบคำถามของเด็กน้อย

      หลังจากที่ตอบคำถามของเด็กน้อยคนนั้น เด็กชายอีกคนก็วิ่งมาพาเด็กน้อยขี้สงสัยกลับไป

      ขอบคุณค่ะ” หนูน้อยกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อมแล้วเดินกลับไปเข้ากลุ่มกับเด็กชายคนนั้น

      เด็กน้อยคนนั้นก็คืออาริลในตอนนี้ ส่วนเด็กที่ดึงเธอกลับเข้ากลุ่มเธอกลับจำไม่ได้ว่าเป็นใคร

      หลังจากที่เธอเก็บของที่เธอซื้อมาเข้าที่เข้าทางแล้ว อาริลจึงแอบไปดูวารันอีกครั้งนึง เมื่อเห็นว่าวารันหลับไปแล้วเธอจึงไปมองแผนการสู้รบของวารัน ทุกครั้งที่สู้รบวารันไม่เคยบอกแผนการต่อสู้ของเขาให้ใคร แต่อาริลรู้ว่าเธอจำเป็นที่จะต้องจำแผนการของเขา เพื่อที่จะได้ทำงานร่วมกันโดยไร้จุดบกพร่อง เนื่องจากว่าวารันเป็นนักดาบที่เก่งกาจ อาริลแทบไม่ต้องทำอะไรในสนามรบ ยกเว้นเวลาที่วารันกำลังปล่อยให้การสู้รบมันยืดเยื้อเธอจึงต้องใช้พลังของเธอเพื่อจบภารกิจให้เร็วที่สุด แน่นอนว่าวารันชอบทำให้การต่อสู้มันยืดเยื้อด้วยการออมมือเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้มีเวลาตัดสินใจว่าควรจะหนีไป ซึ่งก็แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย

      อาริลนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง โดยเธอไม่ลืมที่จะสร้างเขตป้องกันไว้ เพื่อกันคนอื่นเข้ามารบกวนเวลานอนอันน้อยนิดของเธอ

      เช้าวันถัดมา เมื่อวารันเดินเข้าห้องอาหาร ที่ถูกเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อยโดยน้องๆที่เหลืออยู่สามคน เขาก็เห็นอาริลนั่งรออยู่พร้อมกับเวเนสและน้องๆ เมื่อเด็กทั้งสองเห็นวารันเข้ามา จึงวิ่งกรูเข้าไปถามไถ่ถึงภารกิจ

      “พี่วารันครับ/ค่ะ” เด็กๆกล่าวพร้อมกับวิ่งมาเกาะขาวารัน

      พี่ค่ะ พี่จะมีภารกิจใหม่อีกเมื่อไหร่จะพาพวกเราไปไหมค่ะ” เด็กหญิงผมยาวสีดำอายุสักประมาณสิบเอ็ดปีถามอย่างตื่นเต้น พร้อมมองเขาด้วยดวงตาสีฟ้าอย่างสนใจ

      คาริเธอจะบ้าเหรอ พี่เค้าไม่เอายัยเซ่ออย่างเธอหรอก เขาต้องเอานักดาบอย่างฉันต่างหากไม่ใช่นักเวทที่ใช้เวทไม่ได้อย่างเธอ” เด็กชายผมเหลืองที่มีอายุมากกว่าหนึ่งปีล้อ

      ไม่ได้ไปทั้งคู่นั่นแหละ” เด็กชายผมขาวสูงพอๆกับวารัน มองน้องๆด้วยตาสีเทาที่ดูเย็นชา “พี่เขาไปรบไม่ได้ไปเล่นเด็กๆอย่างพวกเธอไม่ว่าอย่างไรก็มีแต่จะทำให้พี่เค้าปวดหัว” เด็กชายคนที่สามกล่าวต่อ

      นายนั่นแหละที่พี่เค้าไม่ให้ไป พี่วารันอายุสิบหก พี่เวเนสอายุสิบเจ็ด พี่อาริลอายุสิบห้า ส่วนนายอายุสิบสาม จะไปเทียบอะไรได้” เด็กชายผมเหลืองดูถูก

      นายมันน่ารำคาญจำไว้ซะนะ คาล”เด็กชายผู้เย็นชากล่าวก่อนเดินจากไป

      แน่จริงก็อย่าหนีเซ่ ควาเดรนท์!” คาลตะโกนไล่หลังทำให้คาริตกใจจนร้องไห้ออกมา วารันไม่รู้ว่าจะกล่อมเด็กยังไงโดยเฉพาะ คาริน้องเล็กสุด ทำให้เขาเกิดความกระวนกระวายหยิบนู่นจับนี่ชุลมุนวุ่นวายไปหมดทำให้เวเนสที่คอยดูสถานการณ์ถึงกับหัวเราะออกมา อาริลไม่พูดอะไรแต่เธอก็แอบยิ้มให้กับสิ่งที่เห็น เมื่อคาริอารมณ์ดีขึ้นเธอก็กลับไปอยู่กับของเล่นของเธอ วารันเดินมาที่โต๊ะอาหารพร้อมกับทิ้งตัวลงบนเก้าอี้พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อหันไปเห็นอาริลกับเวเนส วารันก็ทักด้วยเสียงเหนื่อยๆว่า “ไง อาริลเมื่อคืนหลับสบายไหมพี่เวเนสก็ด้วยครับ

      สบายดีจ้า” พี่เวเนสตอบอย่างสดชื่น ส่วนอาริลยิ้มน้อยๆแทนคำตอบ 

      ตีกันแต่เช้าเลย พี่เวเนสดูแลเด็กๆพวกนี้ไหวได้ยังไงครับเนี่ย ขนาดคาริคนเดียวผมยังแทบจะแย่” วารันบ่น

      ไม่ใช่แค่พี่คนเดียวหรอก พวกเด็กๆก็ดูแลกันเองเหมือนกัน” พี่เวเนสตอบ “นี่ วารันรู้ไหมว่าอีกไม่นานจะมีภารกิจอีกแล้วน่ะ” พี่เวเนสพูดต่อ “คราวนี้พี่กลุ้มใจจริงๆเพราะถ้ามีแค่พวกเราที่ไปก็ไม่เท่าไหร่ แต่พวกเด็กๆก็จะถูกส่งไปกับพวกเรา ไม่เว้นแม้แต่คาริ น้องเล็กสุดของพวกเรา” พี่เวเนสพูดอย่างเศร้าๆ

      ไม่ต้องห่วงครับถ้าเด็กๆอยู่กับพวกเราก็อาจจะไม่ต้องทำอะไรมาก พี่ดูแลเด็กๆ ส่วนผมและอาริลก็สู้ในสนามรบ” วารันกล่าวอย่างมั่นใจ

      แต่วารัน ภารกิจคราวนี้คือเราจะต้องไปสู้กับอาณาจักรปีศาจนะ ทหารก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะพวกเขาส่งทหารไปกับเราแค่หนึ่งพันคน” พี่เวเนสพูดอย่างท้อแท้ “พวกเขาส่งเราไปตายชัดๆ ไม่รู้ท่านพ่อคิดอะไรอยู่

      ไม่ใช่ครับ ผมมั่นใจว่าเราจะต้องชนะ พวกเราต้องร่วมด้วยช่วยกันแล้วเราจะฝ่าผ่านอุปสรรคไปได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป” วารันพูดอย่างหนักแน่น

      เวเนสตอบอย่างไม่สบายใจ “ถ้านายพูดถึงขนาดนั้น-

      ท่านวารัน ท่านอาริล ท่านลามาสเรียกพวกท่านให้ไปพบพะยะค่ะ” ทหารนายหนึ่งวิ่งมารายงาน

      เข้าใจแล้ว พวกเราจะไปพบท่านลามาสเดี๋ยวนี้” อาริลบอกทหารนายนั้น

      พวกนายรีบไปหาตาลามาสนั่นไปเดี๋ยวพี่ไปเตรียมอุปกรณ์กับอาวุธ” พี่เวเนสพูดจบแล้วเดินจากไป

      วารันกับอาริลไม่รอช้ารีบไปหาลามาสในปราสาท เมื่อเข้าไปในห้องของลามาส ก็เห็นเขายืนรออยู่

      คงไม่รบกวนเวลาของพวกเธอเท่าไหร่ใช่มั้ย?” ลามาสถาม

      ไม่หรอกครับ” วารันตอบ

      พวกเธอต้องไปทำภารกิจพรุ่งนี้นะ” ลามาสบอก

      รู้แล้วครับ ว่าแต่เรียกพวกเรามาทำไมหรือครับ” วารันถาม

      ตอนที่พวกเธอไปทำภารกิจ พวกเธอไม่ต้องไปช่วยใครทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ภารกิจที่ฉันให้เธอก็คือโค่นล้มอาณาจักรปีศาจ” ลามาสพูดอย่างจริงจัง

      แต่ถ้าทำอย่างนี้ก็เท่ากับว่าพวกเราได้หักหลังพี่น้องของพวกเราสิครับ” วารันพยายามค้าน

      ไม่เห็นเป็นไรหนิ แค่พวกเธอสู้จนชนะก็พอแล้ว พระราชาจะมีลูกไว้ทำไมถ้าไม่ใช่เอาไว้ช่วยอาณาจักร” ลามาสตอบอย่างไม่ใยดี

      แต่ ท่านครับ-” วารันพยายามจะเถียง

      พอได้แล้ววารัน” อาริลตัดบท “พวกเราจะทำภารกิจที่ท่านให้ให้ดีที่สุดค่ะ” เธอกล่าวอย่างนอบน้อมก่อนจะพาตัววารันออกไป

      เมื่อออกไปนอกปราสาท

      อาริล ทำไมเธอไม่ปฏิเสธภารกิจนั้นไป” วารันถามด้วยความโมโห

      เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะปกป้องพวกเขาได้ ต่อให้นายไม่มีภารกิจนี้ก็ตาม” อาริลตอบวารันด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อว่า “จากที่ฉันฟังมา นักเวทที่เก่งๆอย่างพี่มายา ยังโดนฆ่าตายที่อาณาจักรปีศาจ พวกนั้นจะต้องเก่งไม่เบาไม่แปลกหรอกก็เป็นปีศาจกันทั้งเมือง ชั้นว่าพลังที่ใช้ต้องเพิ่มระดับความโหดร้ายซักหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเสียชื่อชั้นหมด” อาริลบ่นเป็นชุดทำให้วารันที่กำลังโกรธจัดรอเธอบ่นจนหายโกรธ

      พอเถอะอาริล ฉันเข้าใจแล้วเธอเองก็เลิกบ่นด้วย” วารันพูดอย่างเหนื่อยๆ เมื่อผ่านไปซักพัก

      จ้า เลิกก็ได้ ว่าแต่นายจะไม่ไปเตรียมของเหรอ ชั้นใช้เวทมนต์จัดให้เป็นระเบียบแล้วเหลือแต่นายที่ต้องเตรียมของที่จำเป็นในสนามรบ” อาริลถาม

      ขอบคุณมาก เธอเรียนเวทมาตั้งเยอะไม่นึกว่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ด้วย” วารันหยอก

      อยากลองสู้กับฉันมั้ยล่ะจ้ะ” อาริลถามด้วยน้ำเสียงอำมหิต ทำให้วารันถึงกับถอยไปก้าวหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร ฉันไม่ทำร้ายผู้หญิง” วารันพูดอย่างกลัวๆ 

      ไม่เป็นไร ชั้นสามารถใช้เวทเปลี่ยนให้นายเป็นผู้หญิงได้” อาริลที่กำลังอยากทดสอบพลังของตัวเอง พยายามที่จะใช้วารันเป็นหนูทดลองได้เริ่มร่ายเวทมนต์ทันทีโดยไม่สนใจว่าวารันจะรู้สึกอย่างไร

      อาริล ฉันขอโทษ… ฉันจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว… ได้โปรดอย่าใช้คาถานั้นเลย ไม่น่ะ ไม่น้าาาาาา” เสียงตะโกนของวารันที่ดังขึ้นในยามพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้นกทั้งหลายตกใจตื่นแล้วโผบินไปในท้องฟ้าสีชมพู

      เมื่ออาริลทดลองเวทมนต์ของตัวเองจนพอใจแล้ว เธอจึงถอนเวทย์ทั้งหมดของเธอออกจากตัววารัน เมื่อวารันกลับร่างเดิม สิ่งแรกที่เขาทำคือเขกหัวอาริลหนึ่งที แล้วบ่นเธอตลอดทางจนถึงบ้านพักของพวกเขา

      อ้าว วารัน อาริล กลับมาแล้วเหรอ” พี่เวเนสทักทาย พวกเขาทั้งสองคน แล้วเธอก็สังเกตเห็นความผิดปกติของวารัน เมื่อวารันเดินกลับห้อง เธอไม่ต้องถามก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

      แกล้งวารันอีกแล้วล่ะสิ เธอนี่ไม่เข็ดเลยนะ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งก่อนไปทำภารกิจเลยนะ” เวเนสพูดติดตลก

      โธ่ พี่เวเนสคะ ไม่ตลกนะคะ หนูแค่อยากทดสอบฝีมือก่อนสู้รบเท่านั้นเอง” อาริลพยายามแก้ตัว

      ให้พี่เดานะ เธอเริ่มจากการเปลี่ยนเพศวารันก่อน ใช้เวทมนต์ยั่วยุให้เขาโกรธ เมื่อเขาโจมตีก็ใช้บาเรียป้องกันตัวเอง เมื่อเขาเหนื่อยก็ใช้เวทย์ฟื้นฟูให้เขาแล้วค่อยเปลี่ยนเพศกลับเป็นเพศเดิมสินะ” พี่เวเนสพูดอย่างรู้เชิง

      ไม่จริงหน่า พี่ไม่น่าจะรู้หนิ” อาริลพูดอย่างมีเชิง

      เธอใช้วิธีนี้ตั้งแต่เด็กยันโตแล้วนะ พี่ไม่รู้นี่สิแปลก” พี่เวเนสพูดพลางยิ้มพลาง

      อือ… ก็เวทย์ที่ใช้ทั้งหมดนั่นเป็นเวทมนต์ระดับสูงๆทั้งนั้นเลยนะ หนูต้องฝึกไว้สิ” อาริลพูดอย่างมั่นใจ

      เอาตามที่สบายใจเลยละกัน พี่ต้องไปนอนแล้ว ไม่อย่างนั้นพี่ไม่มีแรงจะไปทำภารกิจและเลี้ยงจอมแสบพวกนั้นได้แน่นอน ไปล่ะ” พี่เวเนสพูดจบก็เดินเข้าห้องของเธอ

      อาริลเดินสำรวจรอบๆบ้านแล้วค่อยเข้านอน เธอไม่ได้กางบาเรียไว้เพื่อเก็บพลังของเธอไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะไปทำภารกิจ

      เช้าวัดถัดมา ทุกคนในบ้านรวมถึงเด็กๆทั้งสามคนกำลังเตรียมของของตัวเอง เมื่อทุกคนพร้อมก็ออกเดินทางไปทำภารกิจที่อาณาจักรปีศาจโดยนั่งคาราวานไปกับกลุ่มทหารหนึ่งพันคน ทำให้กองคาราวานกองนี้ดูยาวเหมือนงู ระหว่างทางเด็กๆก็หยอกกันเล่นกัน แต่ไม่ถึงกับตีกัน

      พี่อาริลอีกนานไหมกว่าเราจะไปถึงอาณาจักรปีศาจ” คาริมองอาริลด้วยดวงตาสีฟ้าอย่างฉงนใจ

      จริงๆ ก็ไม่นานหรอกนะ ถ้าพี่ใช้เวทเทเลพอร์ต แต่พี่ต้องเก็บแรงไว้ด้วย พรุ่งนี้พี่ค่อยเริ่มใช้” อาริลตอบคำถามของหนูน้อย

      พี่วารันคร้าาาบ ผมเบื่อแล้ว ถ้าพี่ไม่หยุดกองคาราวาน พวกผมต้องเบื่อตายแน่ พี่วาราาาน ขอพักหน่อยสิคร้าาบ” คาลบ่นด้วยเสียงที่เบื่อหน่ายเต็มทน

      ถ้าเราไปถึงหินก้อนใหญ่รูปมังกรเมื่อไหร่พี่จะให้กองคาราวานหยุดพัก รออีกหน่อยนะ” วารันตอบคำถามของคาลโดยไม่มองออกนอกหนังสือ

      แต่พี่คร้าาบ พวกผมกำลังจะเบื่อตายแล้วน้าาา” คาลผู้ไม่ย่อท้อพยายามที่จะหยุดกองคาราวานให้ได้

      พอเถอะคาล พี่เขาเบื่อนายเต็นทนแล้ว” ควาเดรนท์ที่ทนฟังคาลมาตั้งนานสวนกลับ แต่ถึงอย่างนั้น สายตาของเขาก็ยังดูเย็นชาและเหมือนไม่รู้สึกอะไร

      ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เมื่อครั้นอาณาจักรพิเมลเดียเริ่มรุ่งเรือง มีข่าวว่าพระราชาชินีได้ให้กำเนิดบุตรอีกคน แต่ด้วยความซุ่มซ่ามของคนรับใช้ของนางทำได้ผิดครั้งยิ่งใหญ่ นางใช้ผ้าวิเศษของปีศาจน้ำแข็งมาเช็ดเจ้าชาย ทำให้เจ้าชายถูกสาปด้วยคำสาปของปีศาจน้ำแข็ง พระราชารู้ว่าหากเจ้าชายโตขึ้นนิสัยของเขาก็จะเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง และอาจจะทำให้เขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะปกครองอาณาจักรได้ พระราชาคิดจะฆ่าทิ้งแต่พระราินีห้ามไว้ สุดท้ายทางพระราชวังจึงปล่อยข่าวออกไปว่า เจ้าชายได้สิ้นพระชนแล้ว เพราะความผิดอันใหญ่หลวงที่คนรับใช้ได้ก่อเอาไว้ทำให้นางต้องถูกประหารชีวิต ควาเดรนท์รู้ดีว่าเจ้าชายองค์นั้นคือใคร เป็นใครไม่ได้นอกจากตัวเขาเอง เขาถูกเลี้ยงดูอย่างหลบๆซ่อนๆและถูกฝึกให้กลายเป็นนักสู้ประจำอาณาจักร เขาจะไม่มีค่าอีกเลยหากเขาไม่อยู่เพื่อต่อสู้ 

      ควาเดรนท์คิดถึงเรื่องนี้อยู่นานมาก เมื่อเขารู้ตัวอีกที กองคาราวานก็มาถึงก้อนหินรูปมังกร ทุกคนค่อยๆเดินออกมายืดเส้นยืดสาย หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน บางคนไปทำอาหาร แน่นอนหน้าที่นี้คงต้องยกให้คาริกับพี่เวเนส ถึงจะไม่ถูกกันแต่คาลกับควาเดรนท์และทหารอีกกลุ่มก็ไปตัดไม้มาก่อไฟ ทหารคนอื่นๆก็ให้อาหารม้า ตรวจเช็คสภาพเกวียน แล้วไปพักผ่อน เมื่อผ่านไปได้ซักชั่วโมงกว่าๆพวกเขาก็เดินทางต่ออีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเจออะไร จู่ๆพื้นตรงหน้าพวกเขาก็เริ่มสั่นสะเทือน คาลกับคาริที่หลับอยู่ก็ถูกปลุกตื่นด้วยแรงสั่นสะเทือนนี้ ควาเดรนท์รีบคว้าดาบ รีบกระโดดลงจากเกวียน ภาพที่เค้าเห็นตรงหน้าคือ มังกรตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มันมีตาสีแดงก่ำดั่งเลือด เกล็ดดำยิ่งกว่าเวลากลางคืน ด้วยความตกใจควาเดรนท์รีบชักดาบออกมาจะฟันมังกรตัวนั้น ในวินาทีที่ควาเดรนท์ตวับดาบหมายจะฟันมังกรตัวนั้น วารันก็รีบวิ่งเข้าไปรับดาบของควาเดรนท์ด้วยดาบของเขา เสียงเหล็กกระทบกันดังเสียดหู ควาเดรนท์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่นึกว่าวารันจะปกป้องมังกรที่อาจจะทำร้ายกองคาราวานได้

      ควาเดรนท์! ทิ้งดาบลงเดี๋ยวนี้!” วารันตะโกน

      ควาเดรนท์ทำหน้างงๆ ก่อนวางดาบลง เมื่อควาเดรนท์วางดาบลง วารันก็เก็บดาบของเขา คาลกำลังจะตะโกนถามถูกอาริลปิดปากไว้ ควาเดรนท์และคนอื่นๆไม่พูดอะไรนอกจากยืนนิ่งเพื่อดูสถานการณ์

      ข้าคือ ‘วารัน’ พวกเราทุกคนในที่นี้อยากจะรู้ถึงอนาคตของพวกเรา ท่านจะบอกได้หรือไม่” วารันถามมังกรตัวนั้นอย่างนอบน้อม

      เมื่อพวกเจ้าไปถึงที่นั่นจะมีการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ขอจงเตรียมใจให้ดี เพราะสงครามนี้คงไม่มีผู้ชนะที่แน่นอน” มังกรตัวนั้นพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่น ก่อนที่จะสลายตัวเป็นควันสีดำก่อนจะหายไป

      เราได้คำทำนายมาแล้ว อาจจะฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เราก็ยังพอมีหวัง” วารันตะโกน

      ทุกคนเข้าใจความหมายนั้นดี ถึงจะกลัวแต่ถ้ากลับไปยังอาณาจักรพิเมลเดียคงต้องอับอายและถูกลงโทษอย่างหนัก จึงทำได้แค่เพียงเดินทางต่อไป

      วันต่อมา เมื่อคาราวานเดินทางมาถึงเขตแดนของอาณาจักร อาริลก็เริ่มร่ายเวทย์ เทเลพอร์ต เธอย้ายกองคาราวานมาครึ่งทางก่อนที่จะใช้เวททำให้เธอลอยขึ้นไปเช็คพื้นที่รอบๆก่อนจะเดินทางต่อ อาริลพักไปซักครึ่งวันก่อนจะเทเลพอร์ตทุกคนไปถึงเขตชายแดนของอาณาจักรปีศาจ

      ห้ะ มันเร็วอย่างนี้เลยหรอคะ” คาริถาม

      แน่นอนสิ เราไม่อยากเสียเวลาในการเดินทางเยอะมาก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะต้องเก็บแรงไว้เยอะๆนะ-” อาริลพูดไม่ทันจบประโยคก็เกิดเสียงระเบิดเกิดขึ้นที่ด้านหลังของคาราวาน จุดที่พี่เวเนสดูแล

      วารันรีบกระโดดออกจากคาราวานของเขา ก่อนจะวิ่งไปดูสถานการณ์ที่คาราวานของพี่เวเนส

      ไม่เป็นไร แค่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย ทหารนายหนึ่งทำผงไฟตกน่ะ พวกปีศาจจะเริ่มโจมตีตรงป่าใกล้ๆเขตกำแพงของพวกมัน ตรงนี้ยังปลอดภัย” เวเนสตะโกนมา วารันเลยเดินกลับไปที่คาราวานของตัวเอง

      ในคืนนั้น วารัน อาริล และพี่เวเนส ประชุมครั้งสุดท้ายเพื่อทบทวนแผนในการโค่นล้มอาณาจักรปีศาจ 

      แผนการคือ อาริลจะเทเลพอร์ตไปกลางปราสาทพร้อมทุกๆคน พวกเขาใช้ทหารส่วนมากไปต้านทหารของอาณาจักรปีศาจ แล้วให้พวกวารันกับอาริลไปสู้กับราชาของอาณาจักรปีศาจ เมื่อชนะจึงให้อาริลเทเลพอร์ตพวกเขาออกจากปราสาทแล้วค่อยกลับพิเมลเดีย เมื่อประชุมเสร็จทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน

      วันต่อมา ทุกคนตื่นช่วงเช้ามืด แล้วรีบเก็บของ อาริลลอยขึ้นไปเช็คพื้นที่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเทเลพอร์ตทุกคนไปที่ปราสาทของอาณาจักรปีศาจ 

      เรามาถึงแล้วนะ จะทำอะไรก็ระวังด้วย” อาริลบอกกับทุกๆคนผ่านกระแสจิต

      แน่นอน แต่ตอนนี้เราอยู่ใกล้ที่ที่พวกปีศาจจะลอบโจมตีพวกเรา ให้ระวังให้มากขึ้นอีก เพราะครั้งที่แล้ว ไม่มีใครจับการเคลื่อนไหวของพวกมันได้ซักคน” พี่เวเนสตอบกลับ

      เอาล่ะ ทุกคน ค่อยๆเดินไป เนื่องจากเรามีคนน้อย ดังนั้นเราจึงต้องใช้ข้อนี้ให้เป็นข้อได้เปรียบของเรา” วารันตอบผ่านกระแสจิต

      ทุกๆคนเดินไปอย่างเงียบๆ ทหารทั้งหนึ่งพันนายเดินอย่างเงียบเชียบ แต่เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูของอาณาจักรปีศาจ ที่ประตูกลับไม่มีใครเฝ้าเลยซักคน พวกเขาจึงเดินไปเรื่อยๆจนเข้ามาถึงสวนของพระราชวัง ในสวนนั้นมีแต่ซากปรักหักพัง หิน และ น้ำแร่ไฟ (สิ่งที่เอามาทำเป็นผงไฟ ลักษณะคล้ายลาวาแต่เหลวกว่า) ดูแล้วเหมือนสนามรบมากกว่าสวนเพราะไม่มีต้นไม้หรือสิ่งมีชีวิตอะไรเลย วารันกับอาริลเดินนำหน้าเพื่อเช็คเส้นทาง พี่เวเนสเดินตามหลังเพื่อที่จะคอยชี้เส้นทาง ส่วนคารินั้นก็ให้คาลกับควาเดรนท์ดูแลอยู่ด้านนอกปราสาท

      เอาล่ะ ตรงแถวๆนี้คือที่ๆพวกเราถูกดักโจมตี” พี่เวเนสกระซิบบอกอาริล

      เมื่อพี่เวเนสพูดจบ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง มันเป็นของคาริ

      ไม่นะ! คาริน่าจะอยู่นอกปราสาทไม่ใช่เหรอ” อาริลถามเวเนสผ่านกระแสจิต “ทำไมทหารถึงเจอเธอล่ะ เดี๋ยวก่อนอาริลนี่มันกลลวงของการลอบโจมตี เสียงนี่ต้องมาจากอุปกรณ์เวทมนต์แน่นอน เราต้องรีบบอกทุกคนไม่ให้หลงก-” “นั่นใครน่ะ!” พี่เวเนสกำลังจะห้ามทุกคนส่งเสียงแต่สายไปเมื่อ ทหารนายหนึ่งเผลอตะโกนเพื่อหาต้นตอของเสียง

      เพียงช่วงเวลาเดียว ปีศาจรูปร่างเหมือนสัตว์เกือบร้อยตัวก็กระโจนเข้าโจมตีกองทหารทันที ทุกคนพยายามจะสู้แต่ปีศาจมีทั้งพละกำลังที่แข็งแรงและสามารถใช้เวทมนต์ได้ จึงทำให้ทุกๆคนเสียเปรียบ เพียงแค่อึดใจเดียว ทหารเกือบครึ่งที่ไม่เก่งพอก็ตายไป วารันสามารถเอาชนะปีศาจได้อย่างง่ายดายแต่มันก็ทยอยมาเรื่อยๆ จนทุกๆคนเริ่มเหนื่อย แต่เมื่อวารันจะเข้าไปช่วยคนอื่นๆ เขาก็เริ่มสับสนว่าควรหรือไม่ จนทำให้เขามีช่องว่างเกือบจะถูกฟันจากข้างหลัง

      เมื่อวารันได้สติ เขาก็เห็น คาลกำลังสู้กับปีศาจ

      พี่อาริลทำอะไรอยู่! รีบๆพาพี่วารัน พี่เวเนส กับ ควาเดรนท์ไปซิ! เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง” คาลต้านปีศาจไปพลางตะโกนไป

      อาริลเมื่อสบโอกาสก็เคลื่อนย้ายคนที่น่าจะสามารถสู้ต่อได้ออกมา แต่เมื่อทุกคนเริ่มที่จะออกวิ่ง ควาเดรนท์ได้หายไป ทุกคนไม่มีเวลาจึงต้องวิ่งต่อไป

      ทางด้านของคาล ที่จริงแล้วเขาคงไม่สามารถต้านพวกปีศาจได้อีกแน่นอน เพราะทหารสิบนายที่ไปกับกลุ่มอาริลนั้นเป็นกองกำลังสำคัญ เขาเริ่มรู้สึกท้อแท้ แต่ก็สู้ต่อไปเพื่อถ่วงเวลา สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ปีศาจตัวใหญ่ที่ฆ่าทหารไปเกือบครึ่งก็พุ่งมาที่คาล มันตวัดดาบแนวขวาง คาลเอาดาบต้านแต่ดาบนั่นแข็งแรงไม่พอ มันแตกทำให้คาลได้รับแผลที่หน้าอกและกระเด็นออกไปเพราะแรงกระแทก ปีศาจยักษ์เดินเข้ามาหมายจะฆ่าคาลที่ไม่สามารถขยับตัวได้ แต่เขาก็เห็นใครซักคนที่ดูเหมือนหิมะวิ่งพุ่งเข้ามาแทงปีศาจยักษ์นั่น ก่อนจะใช้เวทย์น้ำแข็งง่ายๆแช่เท้าปีศาจยักษ์ไว้ก่อนจะฆ่ามัน เมื่อคนๆนั้นวิ่งเข้ามาใกล้ มันกลับเป็นคนที่คาลไม่คิดว่าจะมาช่วยเขา ซึ่งก็คือควาเดรนท์

      ไง นึกว่าจะตายซะแล้ว” ควาเดรนท์ทักด้วยเสียงที่ดูอ่อนโยน แต่เขาก็ไม่ได้ว่างซะทีเดียว ปีศาจตัวนั้นยังไม่ตายและมันเริ่มวิ่งเข้ามา

      เกือบ แต่ตอนนี้คงเป็นได้แค่ตัวถ่วง ควาเดรนท์ นายรีบไปเถอะ” คาลพูดเสียงค่อย เขาเสียเลือดมากเกินไป

      ฮะฮะ” ควาเดรนท์หัวเราะแห้งๆก่อนจะพูดต่อ “นายดูเองละกัน

      เมื่อควาเดรนท์พูดจบ คาริก็วิ่งเข้ามารักษาคาลด้วยเวทมนต์ของเธอ

      คาริ! เธอทำอะไรหน่ะ! จะบ้ารึไง! ชั้นบอกให้รออยู่ในที่ๆมันปลอดภัยไม่ใช่เหรอ!?” คาลพูดเสียงดัง

      หนูไม่สนหรอกว่าพี่จะพูดอะไร เพราะถ้าพี่บาดเจ็บหนูต้องรีบมาช่วยสิ ตอนนี้นอนนิ่งๆไปเถอะค่ะ เมื่อรักษาเสร็จค่อยว่ากัน” คาริพูดไปรักษาไป ทำให้คาลรู้สึกผิดที่เคยดูถูกเธอ

      ถ้ารักษาเสร็จแล้วก็มาช่วยทางนี้ด้วยนะ” ควาเดรนท์พูดเสียงเรียบแต่ก็ดังพอให้คาลได้ยิน

      อื้ม ใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” คาลตะโกนออกไป เขารู้สึกดีใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่สินะคือสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพ

      เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น คาลก็รีบคว้าดาบที่เพิ่งถูกซ่อมโดยคาริแล้วออกวิ่งไปหาควาเดรนท์ เมื่อเขาวิ่งไปถึงกลางสนามรบ ภาพตรงหน้าทำให้คาลตกใจถึงขีดสุด ทหารทุกคนตายหมด เช่นเดียวกับปีศาจ แต่ควาเดรนท์ยังมีชีวิตอยู่ เขายืนอยู่ท่ามกลางสนามรบนี้คนเดียวบนร่างของปีศาจยักษ์ตัวนั้น สภาพของเขาตอนนี้แย่มาก เขามีบาดแผลเต็มตัว เมื่อควาเดรนท์เห็นคาล เขาก็ยิ้มให้ก่อนจะล้มลงไปนอนบนพื้น คาลวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับคาริ คาริพยายามจะรักษาควาเดรนท์ แต่พลังของเธอยังไม่แกร่งพอ ทำให้การรักษาช้ามาก

      คาริ พี่ว่าปล่อยพี่ไปเถอะ เธอควรจะเก็บพลังนี้ไว้ใช้เวลาอื่นนะ” ควาเดรนท์พูดอย่างอ่อนโยนแต่เสียงของเขาดูอ่อนแรง

      ไม่ค่ะ ถึงหนูแทบจะช่วยอะไรไม่ได้ หนูก็ยังอยากทำให้ถึงที่สุด จะได้ไม่เสียใจในภายหลังค่ะ” คาริตอบพร้อมน้ำตา

      หึหึ” ควาเดรนท์หัวเราะในลำคอ “เธอนี่มีนิสัยคล้ายพี่อาริลกบพี่มายานะ ทั้งใจดีและมีความมุ่งมั่น โตไปเธอคงเก่งเหมือนพี่ๆสองคนนั้นแน่นอน” เขาเอามือลูบหัวคาริอย่างเอ็นดูก่อนจะพูดต่อ “ส่วนนายคาล นายคงไม่ค่อยชอบเราเท่าไหร่ แต่เราก็เป็นพี่น้องกัน เราจึงต้องบอกความจริงให้นายรู้

      ควาเดรนท์! นายอย่าพูดเหมือนตัวเองจะตายสิ! นายไม่เห็นหรอ คาริกำลังช่วยนายอยู่ไง เราจะผ่านมันไปด้วยกัน เราจะกลับไปที่บ้านของเรา! ไปใช้ชีวิตอยู่เหมือนเดิม!” คาลตะคอก เขากำลังร้องไห้แต่ก็พยายามฝืนยิ้ม

      นายไม่ต้องปกปิดความรู้สึกตัวเองหรอก ถ้าอยากจะร้องไห้ก็ร้อง เรารู้ตัวดีว่าไม่ไหวแล้ว ขอให้นายพาคาริหนีออกไป ตอนนี้พวกปีศาจคงส่งกำลังเสรืมที่แกร่งกว่านี้มาแน่นอน” ควาเดรนท์พูดก่อนจะกระอักเลือกออกมา

      นายอยากจะบอกอะไรฉันล่ะ” คาลพยายามถ่วงเวลาเพื่อให้คาริรักษาต่อ

      นายนี่มันน่ารำคาญจำไว้ซะนะ คาล” ควาเดรนท์พูดก่อนจะหัวเราะออกมา “ได้เราจะบอกก็ได้ จริงๆแล้วเราเป็นเจ้าชายที่ถูกสาปโดยน้ำแข็ง ทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้ แต่ตอนนี้คำสาปคงถูกลบล้างไปแล้ว ทำให้ความรู้สึกของเราเริ่มกลับมา น่าตลกเนอะ เพิ่งจะรู้สึกได้เมื่อสายไป ขอโทษด้วยนะ คาลที่หาเรื่องนายมาตลอด

      ไม่ มันไม่สายเกินไป พวกเราจะรอดไปด้วยกันไง” คาลร้องไห้หนักขึ้น

      พี่ควาเดรนท์คะ อดทนอีกนิดนะคะ หนูขอร้อง” คาริร้องไห้จนแทบจะไม่สามารถรักษาควาเดรนท์ต่อไปได้

      อืม” ควาเดรนท์ตอบตกลง เพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

      คาริ!!! คาล!!! ควาเดรนท์!!! อยู่ไหนหน่ะ!” เสียงของพี่เวเนสดังใกล้เข้ามา คาลจึงรีบลุกขึ้นไปเพื่อเรียกพี่เวเนสให้มาช่วยควาเดรนท์

      พี่เวเนสครับ! เราอยู่นี่!” คาลตะโกนเรียก

      อ้อ อยู่นี่นี่เอง ควาเดรนท์! ทำไมสภาพถึงแย่อย่างนี้ล่ะ” พี่เวเนสดูตกใจ

      ควาเดรนท์เขาฆ่าปีศาจไปหมดเลยครับ แต่มันก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ” คาลตอบ

      พี่ขอโทษ…ถ้าพี่รอบคอบกว่านี้พี่ก็คงจะบอกแผนการให้กับทุกคนไปก่อน อย่างนี้เราก็สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ พี่ขอโทษจริงๆ พวกเธอไม่น่ามาเจออะไรแบบนี้เลย” พี่เวเนสพูดโทษตัวเอง

      ไม่เป็นไรครับ/ค่ะ” เด็กทั้งสามตอบพร้อมกัน

      พี่พอจะช่วยเราได้มั้ยคะ” คาริถาม

      ได้สิ” พี่เวเนสตอบก่อนจะช่วยคาริอีกแรง

      เมื่อพี่เวเนสเริ่มช่วยคาริรักษาควาเดรนท์ ก็มีปีศาจตัวนึงเดินเข้ามาใกล้พวกเขา แต่ตัวนี้แตกต่างจากตัวก่อนหน้านั้น มันไม่ได้มีรูปร่างเหมือนสัตว์ แต่มันกลับมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีขนขึ้นทั่วตัวและเดินสี่ขา มันมีท่วงท่าที่ดูสง่างามแต่ก็มีรัสมีสีดำอยู่รอบๆ มันตัวไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก ดวงตาสีแดงก่ำมองไปที่ซากศพ มันกวาดตามองดูรอบๆก่อนจะเดินกลับไป คาลได้แต่มอง เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ นั่นทำให้เขารู้สึกเจ็บใจ

      ทางด้านของอาริลและวารัน

      เมื่อพวกเขาวิ่งออกจากสนามรบ ก็เห็นปราสาท ทุกคนวิ่งไปที่หน้าประตูใหญ่ มันถูกปิดแน่น อาริลจึงร่ายเวทย์ แต่น่าแปลกใจประตูกลับเปิดอย่างง่ายดาย ทุกๆคนเดินเข้าไปอย่างระวังและไม่ให้เกิดเสียงแม้แต่นิดเดียว เหลือแต่วารันที่ยืนนิ่งไม่ออกเดิน อาริลจึงเดินไปหาแต่วารันก็พูดออกมาก่อน

      นี่อาริล เธอคิดว่าเราทำถูกต้องเหรอ ที่ทิ้งทุกคนไปแล้วมาถึงนี่ได้น่ะ

      แน่นอนสิว่าคิด แต่เราทำอะไรได้ ถ้าเราปฏิเสธภารกิจนั่นไป ลามาสคงจะต้องหาทางทำให้เราต้องทำอย่างนี้อยู่ดี” อาริลตอบเสียงค่อย

      นั้นเธอช่วยฉันได้มั้ย ส่งเราทั้งคู่ไปหาพี่น้องของเรา ช่วยพวกเขาก่อนจะกลับมาที่ตรงนี้ แค่คนที่พอไหวอยู่ก็ได้” วารันต่อรอง

      ก็ได้ แต่ถ้าลามาสรู้ชั้นไม่เกี่ยวนะ” อาริลพูดติดตลก แต่นี่ก็ทำให้เธอคิดถึงเด็กผู้ชายคนนั้นที่เคยช่วยเธอตอนเด็กๆ เขาอาจจะตายก็ได้ถ้ามีใครรู้เข้า

      อาริลเทเลพอร์ตพวกเขาทั้งคู่ไปกลางสนามรบ วารันเดินไปหากลุ่มของพี่น้องตัวเอง เขาเห็นพี่เวเนสอยู่ไกลๆจึงวิ่งไปหา ตอนนี้ควาเดรนท์นอนหลับไปแล้ว ทุกๆคนก็รู้ดีว่าเขาจะไม่ตายแน่นอนเมื่อมีอาริล วารันจึงเริ่มเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ เมื่ออาริลรักษาควาเดรนท์เสร็จ เธอก็วิ่งไปหาวารันเพื่อจะเทเลพอร์ตเขากลับไปที่หน้าประตูอีกครั้ง แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังจะเทเลพอร์ตไปนั้น ก็มาปีศาจตัวเดิมที่มีรูปร่างประหลาดโผล่มา มันพุ่งเข้าไปหาพี่เวเนสทันที พี่เวเนสที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกมันฆ่าโดยทันที 

      พี่เวเนส!!! แก!!!”วารันรีบวิ่งไปจะสู้กับปีศาจตัวนั้นแต่อาริลดึงเขาไว้ วารันรีบหันไปหาอาริล “นี่เธอคิดอะไรอยู่! ปล่อยฉันไป! อาริล” วารันกำลังจะหันกลับไปว่าอาริล แต่กลับเห็นอาริลร้องไห้ เธอไม่ได้ฟูมฟาย เธอแค่ยืนแล้วมีน้ำตาไหลออกจากตา อาริลไม่พูดอะไรซักอย่าง เมื่อวารันหันกลับไปมอง คาลกับควาเดรนท์กำลังสู้กับมัน คาริได้แต่ยืนร้องไห้ สู้ไปได้ซักพัก ปีศาจตัวนั้นก็ยืนสองขา แล้วร่ายเวทมนต์ เวทย์ที่มันร่ายนั้น ปล่อยลูกไฟออกมา คาลกับควาเดรนท์เบี่ยงตัวหลบ แต่ลูกไฟกลับวนกลับมาโจมตีพวกเขาอีกครั้ง แรกๆทั้งคู่ก็หลบได้แต่ซักพักพวกเขาก็เริ่มเหนื่อย วารันทำได้แค่เฝ้ามองพวกเขาถูกทำร้ายจนตาย เขาเบือนหน้าหนีเมื่อปีศาจตัวนั้นเดินไปหาคาริ เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างของคาริก็ล้มลงไปนอนกับพื้น เธอได้ตายไปแล้ว วารันอยากจะพุ่งออกไปฆ่าไอปีศาจนั่น แต่เหมือนมันจะรู้ทันมันจึงวิ่งหนีไป อาริลเริ่มเทเลพอร์ตใหม่อีกครั้ง แต่เมื่อพวกเขากลับมาถึงห้องโถง ทหารทุกคนตายหมด วารันโกรธแค้นปีศาจพวกนี้มาก เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมพวกมันต้องฆ่าทุกคนด้วย ทำไมเราไม่สามารถฆ่าไอปีศาจตัวนั้นได้ ทำไม ทำไม ทำไม คำถามใหม่ๆผุดขึ้นมา เขาเอาคิดจนเขาไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้เขานั้นอยู่ห่างจากอาริลมากและมีปีศาจกลุ่มหนึ่งกำลังคลืบคลานมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันมีรูปร่างเกือบเหมือนมนุษย์ทุกอย่างแค่มีผิวสีดำสนิทและยังเหลือขนอยู่ตรงช่วงลำตัวเท่านั้น เมื่อมันเข้าใกล้มากพอ มันก็กระโจนเข้าหาอาริลทันที อาริลที่รู้มาแต่แรกแล้วก็เริ่มใช้เวทมนต์เข้าสู้ แต่ก็ไม่สามารถสู้พวกมันได้ เธอพยายามจะเรียกให้วารันช่วย แต่เขาไม่ได้ยินเธอเนื่องจากกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง อาริลพยายามจะสู้ด้วยทุกอย่างที่เธอมีแต่พวกมันมีมากเกินไป เมื่อเธอจะใช้เวทย์ที่แกร่งกว่านี้ก็กลัวว่าวารันอาจจะได้รับลูกหลงถ้าเกิดเขาวิ่งมาช่วย เธอจึงใช้อาวุธต้านพวกมันที่กำลังรุมเธอ 

           "มีเหตูผลอะไรที่ต้องทำแบบนี้! ทำไมต้องทำอย่างนี้ล่ะ!" อาริลพยายามถามพวกมันด้วยเวทมนต์

           "เราแค่ต้องการจะจับเธอ ไม่ได้มาฆ่า" ปีศาจตอบกลับ

           "ก็ได้ แต่ขอถามอีกอย่างสิ ทำไมพวกนายบางตัวมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ล่ะ?" อาริลพยายามใช้ข้อเสียเปรียบเป็นโอกาส 

           "ยิ่งเรามีสถานะ, ตำแหน่งและพลังที่สูงขึ้นเท่าไหร่ ร่างกายและการพูดคุยก็เหมือนมนุษย์มากขึ้น" ปีศาจตอบก่อนจะทำให้เธอสลบแล้วจึงเอาตัวเธอไป ทางด้านของวารัน เมื่อเขารู้สึกตัวเขาก็รู้ว่าอาริลหายไป เขาก็วิ่งตามหาเธอจนทั่ว เขาตะโกนแล้วตะโกนอีก จนเขาสลบไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ชั้นใต้ดินของปราสาท อาริลยืนเฝ้าเขาอยู่

      วารัน! นายเป็นยังไงบ้าง!” อาริลถามเมื่อเขาเริ่มลืมตา

      อืม…ไม่เป็นไร…ว่าแต่ทำไมเรามาอยู่ที่นี่ล่ะ แล้วทำไมเธอถึงมีกุญแจมือล่ะ แล้วทำไมฉันไม่มี เธอน่าจะใช้เวทย์แก้ได้หนิ” วารันเริ่มรัวคำถามใส่อาริลทันทีที่ลืมตา

      ชั้นไม่รู้หรอกว่าทำไมเราต้องมาอยู่ที่นี่เพราะเมื่อชั้นฟื้นขึ้นมาเราก็อยู่ด้วยกัน ส่วนเวทมนต์ชั้นลองใช้แล้วแต่ไม่ได้ผล เหมือนว่ากุญแจมืออันนี้จะทำให้ชั้นเวทมนต์ไม่ได้ มันลบล้างเวทมนต์ของฉันทั้งหมด” อาริลค่อยๆตอบอย่างใจเย็น

      ให้ตอบคำถามทั้งหมดนั่นให้มั้ยล่ะ?

      วารันกับอาริลหันไปที่เสียงปริศนานั้น พวกเขาก็ได้เห็น ผู้ชายคนหนึ่งผมสีม่วงเข้มของเขายาวถึงกลางหลัง ผิวของเขามีดำสีสนิท ตาสีแดงเลือด บนหัวของเขามีเขาปีศาจเล็กๆอยู่หนึ่งคู่ เขาสวมผ้าคลุมขนสัตว์สีขาวที่ยาวลากพื้น วารันจะหยิบอาวุธของเขาแต่มันหายไป

      ไม่ต้องหยิบมันหรอก ตอนนี้พวกเธอไม่มีอะไรที่สามารถทำร้ายใครได้” ปีศาจตัวนั้นพูดอย่างใจเย็น เสียงของมันทุ้มแต่ฟังแล้วทำให้รู้สึกถึงลางไม่ดี “ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ไม่มีใครทำร้ายเธอแน่

      แกเป็นใคร! จับเรามาทำไม…ถ้าเป็นปีศาจ ทำไมไม่มีใครเป็นแบบแกเลยซักคน” วารันตะโกนอย่างโกรธแค้นแต่ก็รู้สึกไม่ปลอดภัยแต่ก็ยังไม่หายสงสัย

      เรารึ? เราก็คือปีศาจไง ปีศาจทุกตัวก็คือเรา แต่ถ้ามองจากแง่มุมของพวกเธอเราก็คงเป็นราชาของปีศาจทุกตัว เพราะปีศาจทุกตัวคือลูกของเรา เราคือจุดศูนย์กลางของปีศาจ” ราชาแห่งปีศาจตอบช้าๆ

      แล้วทำไมไม่ฆ่าเราทิ้งแบบที่ทำกับคนอื่นๆล่ะ” อาริลถามต่อ

      ไม่แน่นอน เพราะหนึ่งในพวกเธอเป็นลูกของเราและอีกหนึ่งก็มีพลังโบราณที่หายสาบสูญ” ราชาปีศาจตอบเหมือนรู้ดีก่อนจะถามกลับ “แล้วพวกเธอไม่เคยสงสัยรึไง ใครเป็นพ่อของพวกเธอ เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอเคยได้เห็นหน้าของพระราชาแห่งพิเมลเดียมั้ยล่ะ

      เคยสิ บ่อยด้วยแต่ไม่เคยถามตรงๆตั้งแต่เด็กเลยล่ะ” อาริลตอบ

      แล้วนายล่ะ วารัน” ราชาปีศาจถามต่อ

      ตลอดชีวิต…ตอนเด็กเราก็พยายามไม่สนใจ…เพราะไม่เคยมีใครรอดเมื่อถามถึงเรื่องนี้ พวกเขาหายไปและไม่มีใครเห็นอีกเลย…แต่กลับมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกล้าถามเหล่าพี่เลี้ยงไปตรงๆ เรารีบวิ่งไปช่วยก่อนที่จะบานปลายมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เราคงช่วยเธอไม่ได้อีกแล้ว” วารันตอบอย่างหมดหวัง

      วารัน…อย่าบอกนะว่า…” อาริลพูดเสียงสั้นเครือ

      ใช่แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นคือเธอ อาริล ขอโทษที่ไม่เคยบอก” วารันยิ้มน้อยๆ

      เสียใจด้วยนะ…แต่วันนี้จะเป็นวันที่พวกเธอจะต้องจดจำ…เพราะวันนี้พวกเธอคงต้องแยกจากกันตลอดชีวิต แต่ไม่ต้องห่วงพวกนายจะมีชีวิตไปอีกนาน” ราชาปีศาจพูด “วารันนายจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ในขณะที่อาริลขึ้นไปทำงานให้กับพวกเรา

      ว่าแล้วราชาปีศาจก็ดึงอาริลเดินออกไป อาริลทำได้แค่ฟังคำสั่งเพราะเธอไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว วารันพยายามจะวิ่งตามแต่จู่ๆก็มีโซ่เวทมนต์มาล่ามแขนขาเขาไว้

      อาริล! อาริล! อย่าตามมันไป! มันจะหลอกใช้งานเธอ! ไม่!!!” วารันพยายามจะไปช่วยอาริล แต่ยิ่งเขาดึงโซ่ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นจนมันจิกเข้าไปในเนื้อของวารันแต่เขาก็ไม่สนใจ

      หึหึหึ วารัน เจ้าไม่รู้รึไงว่าคนในเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ไม่รู้ชื่อของตัวเองคงไม่สามารถใช้พลังอะไรได้หรอกเช่นเดียวกับอาริล แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวอีกไม่นานอาริลก็คงจะรู้ถ้าเธอใช้พลังเวทย์ได้เก่งกว่านี้ ดังนั้นจงสิ้นหวังไปเถอะ” ราชาปีศาจพูดอย่างใจเย็นเหมือนเคย แต่คราวนี้น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความชั่วร้าย เขาเดินช้าลงจนหยุดเพื่อที่จะคุยและรอดูวารันค่อยๆจมลงสู่สิ้นหวัง

      อาริล! ฉันอาจจะรู้ชื่อของเธอ! ชื่อของเธอก็คือ ออริอาน่า เฟอร์ย่า!…ใช่แล้ว! เธอคือออริอาน่า เฟอร์ย่า!

      เมื่ออาริลรู้ชื่อจริงเธอก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง ลูกตาดำเธอดูแหลมคมขึ้นจนกลายเป็นวงรี จากดวงตาที่มีแต่สีทองก็กลายเป็นสีดำไล่ไปทอง ผมของเธอยาวขึ้นอีกจนเกือบถึงเอว และพลังเวทย์ของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ไม่สามารถใช้มันได้เพราะกุญแจมือ เมื่อราชาปีศาจเริ่มผลักเธออีกครั้ง เธอจึงทำได้แค่ทางเลือกสุดท้าย

      วารัน ชั้นอยากจะตอบแทนนาย แต่ไม่รู้จะทำยังไง แต่ต้องขอบคุณราชาปีศาจที่ทำให้ชั้นนึกถึงพลังอันนึงที่เคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว ชั้นสามารถอ่านความทรงจำที่ถูกลืมของนายก็ได้! เพราะชั้นไม่จำเป็นต้องใช้อะไรเลยเนื่องจากเราอยู่ด้วยกันมาตลอด! ชื่อของนายคือ…ซากัน…ซากันทาร่า…ซากันทาร่า ดี ฟานิกซ์” อาริลพูดด้วยเสียงที่เรียบและสงบนิ่ง ในเวลานี้เธอดีใจที่สามารถตอบแทยผู้มีพระคุณของเธอได้

      พอได้แล้ว พวกเธอจะร่ำลากันอีกนานมะ-อั๊ย” ราชาปีศาจค่อยหยุดพูดเพราะภาพที่อยู่เบื้องหน้า ตาของวารันเปลี่ยนเป็นสีแดงสด มันสว่าง พร้อมกับสัญลักษณ์ที่ราชาปีศาจไม่เคยเห็นปรากฏอยู่บนตา อาริลรู้ดีว่าวารันคลั่งแน่ๆ เพราะเธอไม่เห็นอะไรในดวงตาของเขานอกจากสัญลักษณ์นั่น โซ่ที่แน่นหนาถูกทำลายทันทีเมื่อวารันมองมัน ราชาปีศาจทิ้งอาริลไปสู้กับวารัน แต่วารันแข็งแกร่งกว่าเขา แค่แตะตัวก็ทำให้ราชาปีศาจกระเด็นไปชนกำแพง เขาอยู่ในสภาพปางตาย

      นายนี่เก่งนะ วารัน ไม่สิ ซากันทาร่า รู้มั้ยจริงๆแล้วนายเป็นลูกเรากับมนุษย์คนหนึ่ง แต่ไอลามาสมาฆ่านางและลักพาตัวนายไป เพื่อที่จะใช้นาย แม้แต่เธออาริล เธอถูกขโมยมาเหมือนกัน ไม่มีใครเลยที่เป็นลูกของพระราชายกเว้นเด็กคนนึง แต่เขาตายไปแล้ว เราเห็นว่าตอนนี้พวกเธอคงพร้อมที่จะเป็นราชาองค์ใหม่แล้วซินะ ลูกๆของข้า” ราชาปีศาจพูดอย่างอ่อนเพลีย

      วารันเดินเข้าหาราชาปีศาจหมายจะเอาชีวิต แต่ อาริลมาขวางไว้

      วารัน…พอเถอะ…นี่มันพ่อนายนะ นายไม่ใช่ปีศาจ นายไม่เหมือนพวกมัน ถึงแม้นายจะไม่ใช่มนุษย์ แต่นายก็เป็นทั้งสองอย่าง ได้โปรดกลับมาเถอะ” อาริลพูดอย่างใจเย็นเพราะเธอเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องได้สติ

      วารันชะงัก เขาเริ่มได้สติอีกครั้งอย่างที่อาริลได้คิดไว้

      ซากันทาร่า! มาเป็นราชาแห่งปีศาจสิ ขอเถอะ เราจะสามารถชนะทุกสงคราม และนายก็จะเป็นลูกครึ่งคนแรกที่ได้รับหน้าที่นี้เลยนะ แค่ฆ่าพ่อทิ้งทุกคนก็จะยอมเคารพนาย แค่นิดเดียวเอง” ราชาปีศาจพยายามโน้มน้าววารัน

      วารันเรียกดาบของตัวเองและอาวุธของอาริล

      ฮ่าฮ่าฮ่า นายอยากจะเป็นราชาสินะ” ราชาหัวเราะอย่างมีชัย

      วารันกับอาริบค่อยๆเก็บอาวุธของตัวเอง เมื่อพวกเขาจัดของเสร็จ วารันก็มองราชาปีศาจด้วยความเวทนา ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาส่วนลูกตาดำก็เป็นสีดำรูปทรงเหมือนของ อาริล สัญลักษณ์ก็ได้หายไปแล้ว

      ไม่…จะไม่มีใครเป็นราชาทั้งนั้น ท่านไม่เบื่อเหรอ สงครามนี่น่ะ อาณาจักรนี้คงล่มจมถ้าขาดจุดศูนย์กลางของพลัง แต่ฉันคงไม่สามารถเป็นได้” วารันพูด

      ราชาปีศาจค่อยๆปิดตาลง เขาได้ตายไปแล้ว

      วารัน นายไม่เป็นไรใช่มั้ย” อาริลพูดตอนนี้เธอก็เริ่มปรับตัวกับร่างใหม่ได้แล้ว

      เราหนีไปกันเถอะ หนีไปจากสงครามบ้าๆนี่ หนีไปให้ไกล ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เปลี่ยนชื่อเพื่อไม่ให้ใครรู้จักเราได้อีกและเราก็จะได้ไม่ต้องนึกถึงสิ่งที่ทำร้ายเรา หนีไปที่ที่มีแค่เราสองคน” วารันพูดก่อนจะพาอาริลวิ่งหนีเข้าไปในป่า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นพวกเขาอีก พวกเขาไม่รู้ว่าสงครามจบลงอย่างไรและไม่สนใจ 

      *.~**.**.~**.***.~**.***.~**.***.**.~***.***.~**.***.**.~***.***.~*.*.**.*.~**.***.*.~**

      นี่คือจุดจบที่แท้จริงของเรื่องราวที่ถูกเล่าขานมานาน

      แต่เรื่องราวเรื่องก็คงยังไม่สิ้นสุด

      แล้วคุณล่ะ

      มีสิ่งใดที่คุณลืมมันไปมั้ย

      นิทานของคุณจะเป็นอย่างไร

      มันจะสามารถจบลงด้วยดีมั้ย

      *.~**.**.~**.***.~**.***.~**.***.**.~***.***.~**.***.**.~***.***.~*.*.**.*.~**.***.*.~**

      บทส่งท้าย

      เสียงหัวเราะดังขึ้นกลางป่า ทำให้นกฝูงหนึ่งบินออกไป บนผืนหญ้ากลางป่านั้นมีเด็กสาวคนหนึ่ง เธอใส่ชุดกระโปรงสีเนื้ออ่อนตัดกับผมสีขาวหยักศกไล่ไปฟ้าอ่อนที่ยาวถึงเอวของเธอ กับเด็กหนุ่มที่ใส่เสื้อยืดสีเดียวกับชุดของเด็กสาวกับกางเกงสามส่วนสีน้ำตาลที่เข้ากับผมของเขา เธอวิ่งอยู่บนอากาศกับเด็กหนุ่ม ก่อนที่ทั้งคู่จะกลิ้งลงไปบนผืนหญ้าที่มีดอกไม้เรียงราย

           "วาร์แรน…พลังของนายแกร่งขึ้นอีกแล้วนะ" เด็กสาวพูดก่อนจะหัวเราะออกมา เธอมองไปที่วาร์แรนด้วยดวงตาสีทองสดใสของเธอ

           "ทำไมล่ะ กลัวสู้ฉันไม่ได้รึไง เอริเซีย" วาร์แรนพูดหยอกก่อนจะหันไปทางเอริเซีย เขายิ้มให้ก่อนจะมองดวงตาของเธอด้วยตาสีแดงสดของเขา 

      เอริเซียส่ายหน้า ก่อนจะยิ้ม เธอมองเขาอีกที สีของดวงตาของทั้งคู่สะท้อนซึ่งกันและกัน

      ทั้งคู่มีความสุขในการมีชีวิตอยู่ไปวันๆในผืนป่าแห่งนี้ หิวก็หาอะไรกินง่ายๆด้วยเวทมนต์และวิชาการต่อสู้ของพวกเขา ว่างเมื่อไหร่ก็คุยกันเล่นกัน พวกเขาไม่ต้องไปต่อสู้ดิ้นรนอีกต่อไป ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย ที่ไม่นานก็คงต้องถูกลืม

      *.~**.**.~**.***.~**.***.~**.***.**.~***.***.~**.***.**.~***.***.~*.*.**.*.~**.***.*.~**


      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×