ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Hypnosis Mic ] Love Stories

    ลำดับตอนที่ #2 : Love Stories ( 1 ) ‣ กลิ่นฝน

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 64


     

    Love Stories ( 1 )

    กลิ่นฝน

     

     

    เสียงของหยดน้ำร่วงลงกระทบพื้นถนนและอาคารสิ่งก่อสร้างรอบกายเกิดเสียงดังเปาะแปะดังเคล้าคลออยู่ทั่วบริเวณ, อากาศเย็นชื้นจากฝนที่สาดเทลงมาโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกับเสื้อโค้ทที่สวมอยู่เปลี่ยนจากความรู้สึกอบอ้าวน้อย ๆ ในคราวแรกให้กลายเป็นความรู้สึกอุ่นสบายจนอยากจะหลับตาลงไปเสียตอนนี้ ซึ่งเธอก็คงทำหากตอนนี้อยู่ในห้องพัก.. เสียก็แค่ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ไม่ใช่ในห้องอพาร์ทเมนท์ที่เช่าไว้

     

    คิซารากิ ยูริ ถดตัวถอยเข้าไปใต้กันสาดของป้ายรถเมล์ลึกกว่าเก่าตอนรู้สึกได้ถึงเม็ดฝนที่หยดลงบนพื้นแล้วกระเด็นมาถูกขาที่โผล่พ้นออกมาจากรองเท้า ความรู้สึกเฉอะแฉะบริเวณท่อนขาช่วงล่างทำให้อดขมวดคิ้วหน่อย ๆ ไม่ได้ ขยับมือขึ้นมาเทียบบริเวณริมฝีปาก, นิ้วชี้และนิ้วกลางแยกออกจากกันเล็กน้อยก่อนจะใช้มันคีบมวนบุหรี่ที่อยู่ในปากเอาไว้แล้วดึงออกมา, กลุ่มควันชาวจากมวนยาสูบลอดออกมาจากปาก กลิ่นของบุหรี่บัดนี้ถูกกลิ่นฝนกลบให้จางไปจนแทบจะไม่ได้กลิ่น ดวงตาสีแดงกุหลาบช้อนขึ้นมองท้องฟ้ามืดครึ้มเหนือกันสาดอย่างเหม่อลอย

     

    … ต้องรออีกนานมั้ยนะ ?

     

    เมื่อเริ่มคิดแล้วหนึ่งอย่าง, ความคิดมากมายก็เริ่มโผล่ขึ้นมาในหัวของยูริราวกับว่าเป็นดอกเห็ด มีตั้งแต่การตั้งคำถามพูดคุยกับตัวเองเรื่องสภาพอากาศในตอนนี้ว่าเมื่อไหร่กันที่ฝนจะหยุดตก ลากไปจนถึงเรื่องสิ่งที่จะทำหลังออกจากตรงนี้ไปได้ ไหลไปเรื่อยจนเริ่มที่จะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรกที่โผล่มาในหัว ในตอนที่กำลังเหม่อลอยอยู่ก็ไม่วายขยับมือ นำมวนบุหรี่กลับเข้าปากอีกครั้งหนึ่ง คิดเรื่องนู่นนี่ไปเรื่อยก่อนจะเริ่มมุ่นคิ้วเข้าหากันช้า ๆ เมื่อระลึกอะไรซักอย่างขึ้นได้

     

    จะว่าไปแล้วนี่มันรอบที่เท่าไหร่ของเดือนกันนะที่มายืนติดฝนอยู่แบบนี้

    พอมาคิดดูแล้ววันนี้มีงานที่ต้องส่งด้วย แถมไฟล์ก็อยู่ในแล็ปท็อปทั้งหมด ..

     

    ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีแต่จะทำให้คิ้วขมวดเข้าหากันมากว่าเดิม ถ้าเกิดให้เธอนึกย้อนถึงเหตุการณ์ราว ๆ นี้ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน ยูริคิดว่าเธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่ามันเกิดขึ้นบ่อยนับครั้งไม่ถ้วน อันที่จริงเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้ก็เกิดขึ้นกับเธอบ่อยจนเธอค่อนข้างชิน, แต่ถึงชินกับมันก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่รู้สึกหงุดหงิด ความจริงต้องพูดให้ถูกว่าเพราะมันเกิดขึ้นบ่อยนี่แหละถึงได้ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดง่ายกว่าคนอื่นเวลาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้, โดยเฉพาะเวลาที่เธอมีเรื่องอะไรซักอย่างต้องทำ

     

    กะพริบตาเล็กน้อยเพื่อดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ความคิด เสียงของสายฝนที่สาดเทลงมาหนักมากกว่าเดิมทำให้ยูริที่กำลังพยายามปรับอารมณ์ให้ลงมาอยู่ในระดับปกติต้องทำหน้ายุ่งอีกครั้ง, เม็ดฝนกระหน่ำเทลงมาจากฟ้า หล่นลงกระทบพื้นทางเดินและตึกรามบ้านช่องจนเกิดเสียงดังเปาะแปะที่ชวนให้รู้สึกว่าเริ่มน่ารำคาญมากกว่าเป็นเสียงแผ่ว ๆ ผ่อนคลายแบบก่อนหน้านี้ หญิงสาวพ่นลมออกจมูก, เธอพยายามจะไม่หัวเสีย แต่มันก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี

    .. พระเจ้าต้องเกลียดเธอแหง ๆ ให้ตายเถอะ

     

    เสียงฝีเท้าเหยียบลงบนพื้นด้วยจังหวะเร่งรีบพร้อมกับเงาลาง ๆ ของร่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในระยะสายตาคือสิ่งที่ฉุดยูริให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริง ๆ ( แบบกลับมาจริง ๆ ไม่ใช่แค่ชั่วคราวแล้วเริ่มเหม่อต่อ ) หางตาของเธอตวัดมองไปยังทิศที่เห็นการเคลื่อนไหวในทันทีราวกับว่าเป็นกลไกลอัตโนมัติของร่างกาย, เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งไม่ทราบชื่อคนหนึ่งยืนอยู่ในป้ายรถเมล์ถัดออกจากเธอไปราว ๆ เมตรครึ่งเห็นจะได้ เขาถอดเสื้อแจ็คเก็ตสีแดงและน้ำเงินที่มีรอยเปียก ( คาดว่ามาจากการวิ่งฝ่าฝน ) ออกมาสะบัดเล็กน้อยแล้วผ่อนลมหายใจออกมาด้วยท่าทีเซ็ง ๆ

    ยูริคิดว่าเธอคงจะเผลอตัวมองเขาเพลินกว่านี้หากว่าเจ้าตัวไม่หันหน้ามาเสียก่อน เพียงเสี้ยววินาทีที่ดวงตาต่างสีคู่นั้นสบเข้ากับนัยน์ตาสีกุหลาบ เธอก็ตวัดเปลี่ยนทิศสายตาของตนไปมองทางอื่นในทันที, ถึงเมื่อซักครู่นี้เธอจะรีบเบี่ยงไปมองทางอื่นทันทีที่เขาหันมาแต่ก็ยังอดเลิ่กลั่กไม่ได้ว่าเจ้าตัวจะรู้รึเปล่า ถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจ ( เฮ้ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ ) แอบมองแบบนั้น, แต่มันก็ยังเป็นเรื่องเสียมารยาทอยู่ดีที่ไปจ้องคนอื่นแบบนี้ ก็ได้แต่ภาวนาว่าเขาจะไม่ทันสังเกตว่าเธอยืนจ้องเขาอยู่ซะนานสองนานนะ

     

    จะว่าไปแล้ว..

     

    ความกังวลเมื่อซักครู่นี้ถูกโยนทิ้งลงถังขยะไปด้วยความรวดเร็วตามประสาคนล่องลอยที่เดี๋ยวก็คิดเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ที ยูริหันหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คนแปลกหน้ายืนอยู่ นิ้วคีบบุหรี่ออกจากปากพร้อมกับพ่นควันออกมาดังฟู่ว ー ขยับมือนำบุหรี่ที่ยังไหม้ไม่หมดมวนกลับเข้าปากอีกครั้งแต่ยังคงใช้นิ้วมือประคองเอาไว้ หรี่ตาลงคล้ายว่ากำลังคิดบางอย่างอยู่, จะว่าไปแล้วจังหวะที่หันมาเมื่อกี้ เธอรู้สึกว่าดวงตาสองสีคู่นั้นดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน.. ถึงเธอจะมั่นใจว่าไม่มีคนรู้จักคนไหนที่มีตาสองสี แต่เธอคิดว่าเธอเคยเห็นจริง ๆ นะ

     

    เวลาหลายนาทีไหลผ่านไปท่ามกลางความเงียบ สิ่งที่ได้ยินมีเพียงแค่เสียงฝนที่กำลังสาดร่วงลงมาบนพื้น, ยูริที่กำลังทอดสายตามองภาพทิวทัศน์ด้วยสายตาเหม่อลอยค่อย ๆ ละสายตาออกจากภาพตรงหน้า ตอนนี้ฝนเริ่มซาลงนิดหน่อยแล้ว คิดว่าอีกซักพักก็น่าจะพอให้เธอวิ่งฝ่ากลับหอพักไปได้.. ขยับมือมากระชับโค้ทสีน้ำตาลที่ตนสวมอยู่, ถึงจะไม่อยากทำแบบนี้แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ คงต้องเสียสละโค้ทตัวโปรด ( เอามาใช้กันฝน ) ซะแล้วล่ะมั้ง

    มือล้วงลงไปในกระเป๋าที่สะพายอยู่บนไหล่ข้างขวา หยิบที่เขี่ยบุหรี่พกพาที่มีติดเอาไว้ออกมาขณะอีกมือก็คีบมวนบุหรี่ที่ไหม้จนหมดแล้วออกมาจากปาก, จัดการให้เรียบร้อยแล้วถึงค่อยเก็บมันลงกระเป๋าไปตามเดิม ดวงตาเริ่มกวาดมองเดี๋ยวซ้ายทีขวาทีเพื่อหาอะไรซักอย่างมาเบี่ยงความสนใจของตัวเอง ถ้าให้ยืนนิ่ง ๆ นาน ๆ เธอคิดว่าตัวเองคงอดใจไม่ไหว หยิบบุหรี่ออกมาสูบอีกมวนโดยอัตโนมัติ.. โทรศัพท์ก็ไม่ค่อยอยากหยิบขึ้นมาเท่าไหร่ เพราะถ้าหยิบขึ้นมาดูความคิดก็คงไหลไปเรื่อยจนไม่แคล้วมาลงเอยที่ฟุ้งซ่านกับเรื่องงาน

     

    “ คุณครับ ” หูฝาด, หูฝาดแหง

    “เอ่อ.. คุณครับ ” นอนน้อยแน่ ๆ

     

    “ ได้ยินผมรึเปล่า ? ”

    น้ำหนักเบา ๆ ที่กดลงมาทำให้ยูริที่พยาพยามหลอกตัวเองว่าไม่มีใครเรียกไหล่กระตุกเล็กน้อย คือเธอก็ไม่ได้คิดว่าจะถึงขั้นเดินมาสะกิดกันแบบนี้ไง, เธอยืนนิ่ง พยายามจะรวบรวมสติอยู่ซักพักนึง.. ถ้าเป็นปกติเธอก็ไม่เลิ่กลั่กขนาดนี้หรอก แต่พอดีว่ามีชนักติดหลัง ( จากการยืนมองหน้าเขาเมื่อกี้ ) อยู่นั่นแหละถึงได้ลนลานผิดปกติแบบนี้ สูดลมหายใจเข้าปอดนิ่ง ๆ กลิ่นฝนยังอบอวลอยู่ในอากาศ, หันไปสบตาเข้ากับดวงตาสีแดงและเขียวคู่นั้นอีกครั้ง ー เธอว่าเธอเคยเห็นเขาจากที่ไหนซักที่จริง ๆ นะ

     

    “ .. อะไรเหรอ ? ” ยังคงรักษาใบหน้าเรียบตึงของตัวเองไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง, ท่องไว้ว่าอย่าล่ก ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

     

    เด็กหนุ่มดึงมือของตนกลับไปไว้ข้างลำตัวอย่างเดิม เสื้อแจ็คเก็ตเปียกฝนตอนนี้ถกพาดไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง, พอถูกถามคำถามกลับเขาก็ดูอึกอักนิดหน่อย คล้ายว่าไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไรออกมาต่อดี มือไม้ที่เคยอยู่นิ่งขยับควานหาบางอย่างเล็กน้อยก่อนร่มพับขนาดเล็กที่เสียบอยู่ในกระเป๋ากางเกง ( อันนี้เธอก็พึ่งเห็น .. ) จะถูกหยิบออกมา เธอไม่พูดอะไร, แค่หรี่ตาลงเล็กน้อย รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

     

    “ ผมคิดว่าถ้ากว่าฝนจะหยุดมันน่าจะอีกพักใหญ่ ๆ เลย .. ” อ่าฮะ ใช่, อันนี้เธอเห็นด้วย

    “ ถ้าคุณไม่ได้รออะไรอยู่ ー ให้ผม เอ่อ, เดินไปส่งมั้ย ? ”

     

    สมองของยูริเรื่มแล่นคิดถึงนั่นเรื่องนี่ไปต่าง ๆ ชั่งน้ำหนักนึกตวงถึงความคุ้มค่าของการตอบรับและปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว, พูดตามตงเธอก็อยากรีบกลับอพาร์ทเมนท์ให้เร็วที่สุดจะได้จัดการเรื่องงานให้เสร็จ และเธอก็ไม่อยากเสียสละโค้ทตัวโปรดด้วยง. แต่เธอก็ไม่ได้รู้จักผู้ชายคนนี้, คนเราในสังคมสมัยนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไว้ใจได้ทุกคนด้วย … แต่คน ๆ นี้ก็ดูไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไรนะ ?

     

    .. ไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่างคนกก็เดินไปเดินมารอบ ๆ นี่ตั้งเยอะ

    ( แต่เอาเข้าจริงก็อย่าเสี่ยงกันเลยเถอะ อันนี้สมองเธอเหลวแล้ว )

     

    ยูริยกมือขึ้นลูบหลังคอ ถอนหายใจออกมานิดหน่อย

     

    “ .. ขอรบกวนหน่อยก็แล้วกัน ”

     

     

     

    นอกจากเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน, เธอก็ไม่เคยแชร์ร่มกับใครมาก่อน

     

    พื้นที่ใต้ร่มที่มีค่อนข้างน้อยทำให้เธอและเด็กหนุ่มเจ้าของร่มต้องเดินด้วยกันในระยะไหล่ชนไหล่ถ้าไม่อยากให้ไหล่อีกฝั่งนึงต้องเปียกฝน, ตลอดทางที่เดินมา หากไม่นับเสียงเธอที่คอยเอ่ยบอกเส้นทางเป็นระยะ ๆ ก็สามรถพูดได้เลยว่าเงียบสนิทไม่ต่างอะไรกับตอนที่ยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ยูริยกมือขึ้นถูจมูกเล็กน้อยระหว่างขยับขาก้าวด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ตอนนี้.. มีบางอย่างที่ทำให้ความคิดในหัวของเธอเริ่มฟุ้งมากกว่าเก่า

    กลิ่นโคโลญจน์ของผู้ชายที่แทรกเข้ามาในประสาทรับกลิ่นตอนนี้ไม่ใช่กลิ่นอะไรที่เธอคุ้นเท่าไหร่, การพยายามทำใจให้คุ้นชินกับคนแปลกหน้า สำหรับเธอแล้วมันต้องใช้้วลาซักหน่อยไม่งั้นก็จะตกอยู่ในสถานการณ์เกร็ง ๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ ถ้าเป็นอย่างตอนที่ป้ายรถเมล์ ー ตอนนั้นที่ทำเป็นไม่สนใจได้ก็เพราะกลิ่นของฝนที่ชัดจนกลบอย่างอื่นมิด แต่ตอนนี้มันต่างกัน..

     

    ก่อนที่ความคิดในหัวจะฟุ้งไปมากกว่านี้ จุดหมายปลายทางของเธอก็ปรากฎอยู่ในสายตา, อพาร์ทเมนท์สูงสองชั้นที่มีสภาพไม่เก่าจนเกินไป ยูริหยุดฝีเท้าของตัวเองลงเล็กน้อยส่งผลให้เด็กหนุ่มเจ้าของร่หยุดตามในทันที เขาไม่พูดอะไรออกมา แค่กะพริบตาเล็กน้อยแทนการตั้งคำถามว่ามีอะไรรึเปล่า ยูริไม่ตอบอะไร, ถอดเสื้อโค้ทที่สวมอยู่ออกเอามาคลุมไว้บนศีรษะ

     

    “ ขอบใจที่ให้รบกวน ”

    “ เดี๋ยวจากตรงนี้ฉันวิ่งไปเอง .. ”

     

    “ เอ๊ะ ? แต่ว่า ー ”

     

    ไม่รอฟังคำค้านใด ๆ เพิ่มเติม, ดึงเสื้อโค้ทมาคลุมหัวให้มิดก่อนยูริจะสับเท้ายาว ๆ วิ่งพรวดออกมาจากใต้ร่มทันที กลิ่นชื้นของอากาศในวันฝนตก เสียงของเท้าที่เหยียบย่ำลงบนพื้นชุ่มน้ำคือสิ่งที่รับรู้ได้ชัดเจนมากที่สุดในตอนนี้, หยดน้ำฝนเย็น ๆ หยดลงบนเสื้อโค้ทจนเปียกชุ่ม แต่อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็ช่วยดึงเธอออกมาจากห้วงความคิดฟุ้งซ่านเมื่อซักครู่

     

    .. สาบานเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกดีใจที่ฝนตก

     

    ーーーーーーーーーー

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×