ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

    ลำดับตอนที่ #9 : A Drop of Tears Vol 9

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.99K
      9
      28 ม.ค. 53

    Vol 9




    คิม  คิบอมนั่งแก้แบบแพลนบ้านของลูกค้า ในห้องทำงานของบริษัทรับออกแบบและสร้างบ้านชื่อดัง ‘Royal Player Home’ เยซองยังไม่เข้าทำงาน คงจะแวะไปทำธุระที่ไหนสักแห่ง...กระดาษในมือถูกวางลงบนโต๊ะ หลังจากรู้ว่าตัวเองเริ่มไม่มีสมาธิในการทำงาน ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นคว้าเสื้อนอกที่พาดอยู่บนเก้าอี้ ก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอกร้าน ตรงไปยังร้านกาแฟเจ้าประจำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม บางทีกาแฟร้อนๆ สักแก้วคงจะช่วยดับอามรณ์ว้าวุ่นในสมองได้...



    ชายหนุ่มเปิดประตูไม้บานหนัก กลิ่นหอมของกาแฟคละคลุ้งไปทั่วร้าน  ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่บรรยากาศภายในถูกจัดตกแต่งให้เป็นเสมือนห้องนั่งเล่นของบ้าน...ดูเป็นกันเอง... เบเกอรี่  กาแฟ เครื่องดื่มหลากหลายแต่ราคาถูก และมีอาหารตามสั่งแบบง่ายๆ ไว้บริการ  ลูกค้าพอมีประปราย....หญิงสาวผมหมวยรวบสูงในชุดผ้ากันเปื้อนสีหวานยิ้มกว้างจนตาปิดให้เขา  กล่าวทักทายด้วยความสนิทสนม



    “วันนี้มาคนเดียวเหรอจ๊ะ คิบอม?”



    “ครับ ไม่รู้พี่เยซองไปไหน”



    “คงจะยังไม่ตื่นอยู่ล่ะมั้ง รายนั้น คาปูชิโนเหมือนเดิมใช่ไหมจ๊ะ?” เธอถาม คิบอมพยักหน้า หญิงสาวจึงหายเข้าไปหลังร้าน ร่างสูงเดินยาวไปจนถึงโต๊ะหลังสุดติดกระจกซึ่งเป็นที่ประจำของเขา 



    บนโต๊ะตัวนั้นถูกปูด้วยผ้าลายสก๊อตสีแดงสลับขาวแบบตารางหมากรุก แจกันเล็กๆ สีขาวก็มีช่อไลแลคสีม่วงเสียบไว้...กลิ่นหอมของมันทำให้เหตุการณ์เมื่อเช้าย้อนเข้ามาให้เขาได้ทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น 



    คิบอมถอนหายใจให้กับตัวเองอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้  ช่างเด็กและไร้เดียงสาเหลือเกิน....คงยังไม่เคยมีความรักมาก่อนสินะ  ถึงได้ไม่รู้จักแม้แต่อารมณ์พื้นฐานทางธรรมชาติแบบนี้....แล้วก็คิดถึงบุรุษร่างสูงที่ร่างบางที่เคยบอกกับเขาว่าเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ผู้ชายที่ชื่อ ชเว ซีวอนคนนั้นคงจะบูชาร่างบางไว้ดั่งเทพแห่งความรัก อี ทงเฮ ถึงได้ไม่ประสาเอาเสียเลยกับเรื่องแบบนี้....



    ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวเหยียด ก็เพราะอารมณ์ความปรารถนาทางธรรมชาติอีกเหมือนกัน  ก่อให้เกิดความพลั้งเผลอจนทำให้เขาหลวมตัวสัมผัสเด็กน้อยที่ยังไม่ประสาเรื่องแบบนั้น คิบอมเม้มริมฝีปาก ดวงตาสีรัตติกาลหรี่ลงอย่างขัดใจกับความรู้สึกบางอย่างที่แล่นผ่านเข้ามาในมโนภาพของสมอง  



    ความหอมหวานของริมฝีปากอิ่มเหมือนผลสตรอเบอร์รี่ลูกใหญ่ๆ  ที่ทั้งนุ่ม  ทั้งหวานจนยากจะห้ามใจไม่อยู่  ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากลูบเบาๆ เหมือนกำลังชั่งใจให้กับความรู้บางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ 



    เมื่อได้สติว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่  คิบอมก็พยายามที่จะสลัดความคิดและความรู้แปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองออก ภาพของฮยอกแจผุดขึ้นมาในสำนึก  ทำให้คิม  คิบอมรู้สึกผิดมากขึ้น  ถึงแม้ว่าเขาจะชอบอี  ฮยอกแจ... แต่ชายหนุ่มก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่เห็นใครเป็นตัวแทนของใคร เพื่อใช้ระบายความรู้สึกนั้น.....



    “ทำหน้านิ่วแบบนั้น ระวังแก่เร็วนะ?”



    เสียงที่เอ่ยทักดังข้างใบหูและนิ้วที่จิ้มลงบนแก้มป่องๆ จนบุ๋มเป็นรอยคล้ายลักยิ้ม  เป็นผลให้ความคิดทั้งหมดในหัวแตกกระเจิง  คิบอมหันขวับไปมอง  ก็พบคิม  จองอุน  หรือ รุ่นพี่เยซองมายืนอวดยิ้มตาเป็นขีดอยู่ข้างๆ



    “พี่เยซอง”



    “เป็นอะไร ทำหน้าทำตาเครียดเชียว คุณหนูทงเฮทำให้อะไรให้หงุดหงิดอีกล่ะ คราวนี้?”



    เยซองถามด้วยคำถามประจำที่เวลาเห็นใบหน้าคมนั้นบูดบึ้ง  คิ้วขมวดเป็นปม คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของอี  ทงเฮ  คุณหนูคนเล็กของตระกูลอีที่มักจะก่อเรื่องให้พี่เลี้ยงคิม  คิบอมปวดหัวและหงุดหงิดใจได้ทุกวัน  คิบอมสะอึกพูดไม่ออก..เหมือนถูกจี้ใจดำอย่างจัง...ร่างสูงมีสีหน้ากลัดกลุ้มและท่าทางอึกอักเสียจนเยซองต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ



    “เป็นอะไร วันนี้คุณหนูนั้นก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ ร้องไห้ กินข้าวไม่หมด งอแงไม่ยอมนอน ไข้ขึ้น?”



    “เปล่าครับ ไม่มีอะไร?” คิบอมบอกปฏิเสธ ยิ่งทำให้เยซองแปลกใจเป็นเท่าตัว



    “ไม่มีอะไร แปลก ปกตินายต้องมานั่งบ่นให้พี่ฟังแล้ว นายไม่สบายหรือเปล่านี้?”



    “ผมสบายดี ไม่มีอะไรหรอก พี่เยซอง”



    เขาพูดเพียงแค่นั้น  แล้วก็หันไปรับแก้วคาปูชิโน่ที่สั่งไว้จากหญิงสาวบริกร  การสนทนาจึงหยุดติลงโดยอัตโนมัติ  เยซองที่ทิ้งตัวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองรุ่นน้องหนุ่มที่ยกกาแฟขึ้นมาจิบ แล้วต้องส่ายหัวด้วยความรู้ดี  ต่อให้ง้างปากเค้นถามอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์  ถ้าเจ้าตัวไม่เปิดปากเล่าด้วยตัวเอง



    คิบอมวางแก้วคาปูชิโน่ลง  จับจ้องมองฟองนมสีขาวนวล  กาแฟรสโปรดที่เคยหวานอร่อยบัดนี้กลับรู้สึกจืดไปเสียสนิทเมื่อเทียบกับริมฝีปากสีระเรื่อของทงเฮที่ได้ลิ้มรสมา  รสชาติของมันหอมหวานเสียยิ่งกว่านี้อีก



    นึกขึ้นมาถึงตรงนี้ คิม  คิบอมก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้มันรู้แล้วรู้รอด  เขาคือบุคคลที่ช่วงชิงจูบแรกของร่างบางไปโดยไม่ได้ตั้งใจ  ชายหนุ่มไม่นึกดีใจเลยสักนิด...นี้ถ้า ชเว  ซีวอน รู้ว่าเขาจูบกับคนที่ตัวเองหลงรักคงจะคลั่ง  ถึงปากจะบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท  แต่แววตาที่ชายหนุ่มผู้นั้นมองทงเฮมันมากเกินกว่านั้น....



    คิบอมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนต่อโลกเหมือนอย่างทงเฮ เขาผ่านทั้งผู้หญิงและผู้ชายมานักต่อนัก ผ่านมาอย่างฉลาดเฉลียว  โดยไม่เพลี้ยพล้ำตกหลุมพรางของใครแม้แต่คนเดียว มีหรือจะดูไม่ออก...แววตาที่ดูไม่ต่างจากเวลาที่ฮยอกแจมองบุรุษหนุ่มที่ชื่อ ชเว  ซีวอนแม้แต่นิดเดียว



    ...ชายหนุ่มถอนหายใจซ้ำ  เพราะอย่างนี้หรือเปล่า?  ฮยอกแจจึงไม่ยอมเปิดใจให้เขาเสียที....



    ...................
    ...........................
    .......................................




    “อีกประมาณสิบห้านาที รถของทางบริษัทจะไปถึงจุดที่เกิดเหตุนะค่ะ”



    ฝาพับของเครื่องมือสื่อสารขนาดพกพาสีดำถูกพับปิดลง  หลังจากสิ้นเสียงของโอเปอร์เรเตอร์สาวของศูนย์ซ่อมรถที่อี  ฮยอกแจโทรไปแจ้งเมื่อครู่  ร่างบางถอนหายใจพลางเอนกายพิงรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูซี่รีย์สามสีดำคู่ใจ  ที่ดันมาทรยศเกิดเสียกะทันหันกลางทางในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยวเอาการ  



    ร่างบางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา แล้วก็ต้องถอนหายใจอีกรอบ  เพราะอีกหนึ่งชั่วโมงเขามีประชุมกับเหล่าหัวหน้าแต่ล่ะแผนก แต่ทั้งรถของศูนย์ซ่อมและรถของโรงแรมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะพากันมา...ฮยอกแจยกมือคลึงขมับ สงสัยต้องโทรไปบอกซองมินให้เลื่อนการประชุมออกไปอีกหน่อย  เพื่อว่าจะไปไม่ทัน...



    มือเรียวตวัดฝาพับให้ออก  สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาเรียวคู่งามคือสิ่งที่ทำให้ต้องรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต  บ่อยครั้งที่เขามักจะยินคำถามว่า ‘ทำไม’ ออกมาจากริมฝีปากของเพื่อนสนิท ยามที่เจ้าตัวขอดูมือถือเครื่องนี้ แต่เขาปฏิเสธที่จะให้....นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยหน้าจอโทรศัพท์ 



    จ้องมองภาพหน้าจอที่เขาตัดใจจะลบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้สักที...อยากโกรธตัวเองนักที่ไม่เคยที่จะลบเลือนภาพอดีตให้จางหาย ตรงข้าม นับวันมันก็ยิ่งรุนแรงและเด่นชัดมากยิ่งขึ้นในความรู้สึก ควบคู่ไปกับความเจ็บช้ำ ความปวดร้าวและคราบน้ำตาทุกทีไป...




    ...................
    .............................
    .......................................




    “นี้ๆ น้องสาวตรงนั้นนะ มายืนทำอะไรแถวนี้คนเดียวจ๊ะ”



    เสียงถามที่ดังขึ้นจากด้านหลัง เรียกให้ศีรษะสีดำขลับของฮยอกแจหันไปมองด้วยความสงสัย  และทันทีที่เห็นผู้เป็นเจ้าของเสียงทักชัดเจน  ร่างบางถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งจัด ออกแนวรำคาญ ไม่นึกกลัวชายหนุ่มวัยรุ่นตัวใหญ่ท่าทางนักเลง  และมีรอยแผลเป็นที่ใบหน้าเป็นทางยาวแม้แค่น้อย  นอกจากนี้ที่ด้านหลังยังมีชายวัยเดียวสองคนยืนอยู่ข้างๆ .....



    สายตาของทั้งสามคนมองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างจาบจ้วง กิริยาโลมเลียที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก 



    ร่างบางเบี่ยงกายจะเดินหนีคล้ายไม่อยากจะเสวนากับคนพวกนี้ แต่ก็ต้องชะงักงัน   เพราะชายหนุ่มหนึ่งในนั้นอยู่ๆ ก็กระโดดพรวดมาดักหน้าไว้  จะถอยหลังก็เจอกับอีกคนดักไว้  ล้อมหน้าล้อมหลัง



    “หลีก!!”



    ฮยอกแจบอกเสียงเย็นชาแลไม่เป็นมิตร  ทำท่าจะเดินหนีอีกหน  หากแต่เจ้าพวกนั้นไวกว่า ชายหนุ่มร่างผอมทรุดโทรมยึดข้อมือบางไว้ทัน  บอกเสียงล้อเลียน...



    “อย่าเย็นชานักสิล่ะจ๊ะ คนสวย อยู่คุยกับพวกพี่ก่อนสิ”




    ฮยอกแจชักสีหน้าแล้วสะบัดมือออกทันที




    “ฉันไม่มีเวลาว่างมานั่งสนทนากับพวกคนชั้นต่ำ!!!”



    “นี้!!! อย่าเล่นตัวนักเลย พวกเราอุตส่าห์หวังดีเดินเข้ามาทักทายเห็นยืนอยู่คนเดียว กลัวเหงา อยู่คุยกันสักหน่อยมันจะเป็นอะไร!!!” มันว่าพลางดึงมือฮยอกแจอีกครั้ง ร่างบางเริ่มหงุดหงิดกับความช่างตื้อน่ารำคาญของผู้ชายคนนี้ มือข้างที่ว่างกำเข้าหากันแน่น



    "ก็บอกว่าไม่ไงเล่า!!"  ฮยอกแจตะคอกดังลั่น ดึงมือออกพร้อม ๆ กับง้างหมัดต่อยเข้าให้เต็มแรง เล่นเอาเจ้าบ้ากามนั้นกระเด็นหงายหลังไปหาเพื่อนร่วมกลุ่ม  ร่างผอมบางฉวยจังหวะที่ยังไม่มีใครตั้งตัวติดวิ่งหนีสุดฝีเท้า ก่อนที่คอเสื้อจะถูกกระชากด้วยมือแกร่งของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่ตามมาทัน



    ร่างเพรียวถูกดึงเหวี่ยงจนถลาไปปะทะกำแพง  แต่ก่อนที่ฮยอกแจจะได้ตั้งตัว หมัดลุ่น ๆ อัดเข้าที่ลิ้นปี่เต็มแรง  ร่างระหงบอบบางจุกจนตัวงอ  เข่าอ่อนแทบจะทรุดฮวบลงกับพื้น  ข้อมือทั้งสองข้างถูกตรึงให้ติดกับกำแพงเหนือศีรษะ



    ลูกพี่ใหญ่เดินย่างสามขุมเข้ามาหาฮยอกแจ  มันแสยะยิ้มน่าสะอิดสะเอียน  เอื้อมมือหยาบกระด้างมาจับคางมนของร่างที่ตกเป็นเบี้ยล่างให้เชิดขึ้น  สายตาเรียวกลมฉาบความรังเกียจและแค้นเคืองเอาไว้เต็มเปี่ยม....ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ในลำคอ ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มใส แววตาหื่นกระหาย...



    “เมื่อกี้ทำพี่ได้เจ็บแสบมากเลยนะ คงต้องเอาคืนให้สาสม”


    มันพูดพลางเลียริมฝีปากหนาๆ หื่นกระหาย   มือหยาบสอดเข้าไปใต้เสื้อลูบไล้ผิวขาวภายในอย่างจาบจ้วง  ก่อนที่จะซุกหาความหอมที่ซอกคอ  ร่างบางเบี่ยงหลบสัมผัสนั้น...แม้จะเจ็บเสียดจนแทบจะไร้เรี่ยวแรง แต่ด้วยความรู้สึกที่ต่อต้านทำให้ฮยอกแจขัดขืนสุดกำลังเพื่อเอาตัวรอด...ทั้งๆ ที่ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ เหลืออยู่ก็ตาม นัยน์ตาลุกวาบไม่ต่างจากสัตว์ป่าบาดเจ็บที่คิดสู้จนตัวตาย   



    ร่างเพรียวดิ้นรนสุดแรงเกิดให้หลุดพ้นจากสัมผัสทุเรศๆ ที่สร้างความขยะแขยงเสียจนอยากจะอาเจียนที่ผิวเนื้อ ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนเท่าไร  มือที่ตรึงร่างของตนไว้ก็ไม่มีทางหลุดออกไปง่ายๆ มือหยาบกร้านของหัวหน้าเค้นคลึงไปทั่วเรือนร่างขาว เสียงหายใจฟึกฟัดที่ดังอยู่ข้างหู บ่งบอกถึงความพอใจในรสชาติของเหยื่อตัวน้อย



    ..........................................



    ทันใดนั้น  คอเสื้อของมันก็ถูกกระชากอย่างรุนแรงจากด้านหลัง  ยังไม่ทันที่คนโฉดจะได้อ้าปาก  มันก็ต้องกระอักน้ำลายตัวเองลงไปนอนหมดสภาพที่พื้นจากแรงเข่าที่ใส่เข้ามาที่ท้องน้อยเต็มแรงรัก  ชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่แววตาประกายวับเต็มไปด้วยแรงโทสะ  



    ฮยอกแจค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองพลเมืองดี  ถึงกับตาค้างพูดไม่ออกไปพักใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนในตอนนี้  ผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา...



    “ซี...ซีวอน”



    ร่างสูงของชเว  ซีวอนตวัดเท้าอัดเข้าที่ซี่โครงของคนที่พุ่งเข้ามาจนมันลอยกระเด็นไปติดกำแพง ก่อนที่จะตามไปกระชากคอเสื้อพร้อมประเคนทั้งหมัดและเท้าให้อีกเป็นของแถมแบบไม่ยั้ง    เสียงร้องสลดสยองประหนึ่งโดนเชือดดังขึ้นจากริมฝีปากนั้น  



    มันร้องขอชีวิตพลางยกมือขึ้นกุมหัว แต่ตอนนี้ซีวอนกำลังเลือดขึ้นหน้าไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งนั้น...วินาทีต่อมามันก็คะมำหน้าลงไปนอนคว่ำอยู่กับพื้นแน่นิ่งหมดฤทธิ์ไปในทันทีเพราะแรงฟาดที่ท้ายทอย...



    แสงวูบวาบสะท้อนเข้าที่ดวงตาเรียวกลมของฮยอกแจ  ร่างบางมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง....ชายหนุ่มที่เหลือคนสุดท้ายชักมีดพับจากกระเป๋ากางเกงออกมา ริมฝีปากหนาแสยะออกมาอย่างเจ้าเล่ห์  ก่อนที่มันจะพุ่งตรงมายังร่างสูงของซีวอนที่ยืนหันหลังให้  ฮยอกแจตะโกนออกไปอย่างลืมตัว....




    “ตายซะเถอะมึง!!!”





    “ซีวอน ระวัง!!!!...”






    ฉึ่กก!!





    ปลายมีดแหลมคมที่พุ่งเข้าใส่  เฉียดลำตัวของซีวอนที่เอี้ยวตัวหลบได้ทันในเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะปักหัวไหล่ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้เลือดซิบๆ ที่ต้นแขน  ชายหนุ่มคำรามลั่นเสียงเข้ม  ขนกรามแน่นจนเป็นสันนูน




    “ไอ้สัตว์เอ๋ย!!!”




    ขาเรียวยาวได้รูปสมส่วนยัดเข้าที่ท้องน้อยของคนร้ายที่กำลังยืนแบบเสียหลัก ซึ่งตัวมันเองก็คาดไม่ถึงชั่วขณะ  อุ้งมือซ้ายขยุ้มหมับเข้าที่ข้อมือที่ถือมีดของมัน  หมัดขวาก็ยิงโครมสุดแรงเกิดเข้าที่ปลายคางอันกว้างใหญ่แข็งแรงนั้น เสียงผัวะดังสนั่นพร้อมกับร่างใหญ่ที่หน้าเริดกระดอนลงไปนอนแผ่หลาสลบอยู่กับพื้น  ใบหน้าอาบไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม  



    ซีวอนยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามใบหน้าออกให้พ้น  เขาไม่ได้ออกแรงแบบนี้มานานมากแล้ว  จึงไม่แปลกนักที่จะเห็นชายหนุ่มยืนหายใจหอบๆ  เขาก้มลงมองดูบุคคลที่เพิ่งจะจัดการที่นอนสลบอยู่ตรงหน้า  และเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าของฮยอกแจที่ยืนดูห่างๆ ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อเห็นหยาดโลหิตสีแดงไหลออกมาจากต้นแขน....




    “นายเลือดออกนิ”




    ว่าพลางรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้  มือเรียวเล็กแตะเบาๆ ที่แขนข้างนั้น เห็นเลือดซึมออกมาเป็นทางจากบาดแผลที่ลึกพอสมควร ย้อมเสื้อแขนยาวบริเวณนั้นให้เป็นรอยแดง ฮยอกแจถึงกับหน้าเสีย  นี้แค่โดนถากๆ  ยังเยอะขนาดนี้  แล้วถ้าโดนทั้งด้าม  ร่างบางไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าจะมีสภาพเช่นไร....




    “เจ็บมากไหม?” กระแสเสียงอ่อนนุ่มที่ดังขึ้น ทำเอาชายหนุ่มต้องหรุบเปลือกตาลงต่ำมองคนพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อหู  ริมฝีปากบางหยักจุดยิ้มบางๆ มือบางกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าสีเข้มซับเลือดบนบาดแผลของเขา...ซีวอนมองร่างบางที่จัดการซับเลือดให้เงียบๆ   ในหัวกำลังคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้  ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขายังนั่งเคาะนิ้วพรมลงบนพวงมาลัยอยู่บนรถยนต์ส่วนตัว  เพื่อที่จะไปยังหาทงเฮที่คฤหาสน์ตระกูลอี  



    แต่ขณะที่กำลังขับรถอยู่นั้นก็พลันเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงอยู่ในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยว  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย  เขานึกคุ้นคนที่ถูกห้อมล้อมอยู่ตรงกลางนัก...ซีวอนจึงขับเข้าไปใกล้และแอบจอดมองอยู่ห่างๆ โดยไม่ให้คนพวกนั้นรู้ตัว...




    ฉับพลัน ชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเห็น  ในซอยนั้น  ร่างผอมบางของอี  ฮยอกแจในชุดสูทสีเข้มกำลังถูกชายร่างยักษ์ลวนลามอยู่...ตัวแบบบางนั้นสั่นสะท้าน




    เขาเบือนหน้าหนีหลับตาลงเหมือนจะไม่สนใจราวกับคนๆ ตรงนั้นไม่ใช่คนที่เขารู้จัก พลางบอกตัวเองในใจว่าจะต้องไปสนใจใยดีคนแบบนั้นทำไม  อี  ฮยอกแจ สามารถเอาตัวรอดได้เองอยู่แล้ว  ที่สำคัญ  เขาเกลียดร่างบอบบางนั้น...มือเรียวจัดการสตาร์เครื่อง.....




    แต่แล้ว....




    ทันใดนั้น  ประตูรถก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชเว  ซีวอนจะเดินตรงเข้ามาภายในซอย...วินาทีต่อมา มือของตนก็กระชากเข้าที่คอเสื้อของคนโฉดให้กระเด็นออกจากร่างของฮยอกแจ  และเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น  ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เขาเห็นในตอนนี้....




    ............................




    “ทำไมนายถึงมาช่วยฉัน?” คำถามถัดมาดังขึ้นแผ่วๆ แทบจะไม่ได้ยิน แววตาหม่นๆ คู่นั้นช้อนขึ้นสบตาร่างสูง เอ่ยต่อมาเสียงต่ำๆ ว่า 



    “ทำไม?”




    ซีวอนหยักไหล่




    “ฉันก็แค่ไม่อยากให้ทงเฮร้องไห้เสียใจที่พี่ชายที่เขารักมาถูกข่มขื่นเป็นข่าวหน้าหนึ่ง และที่สำคัญ นายจะได้ไม่มีหลักฐานบ้าๆ บอๆ มาเล่นงานฉันอีก”



    คำตอบของซีวอนทำเอาใจดวงน้อยของฮยอกแจแตกสลายไปพร้อมกับความหวังเล็กๆ ในใจ นึกคิดเข้าข้างตัวเองว่าซีวอนจะมาห่วงใยตนเหมือนอย่างเคย...หึ  ฮยอกแจหัวเราะเยาะให้กับตัวเองขมขื่น  เขาไม่น่าโง่เดาจุดประสงค์ที่แท้จริงซีวอนยอมสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเขาไม่ออกเลย  โง่เง่าจริงๆ อี  ฮยอกแจ คนอย่างชเว  ซีวอนมีหรือจะมาสนใจคนที่ตัวเองเกลียด เขามีเจตนาแอบแฝงทำเพื่อคนที่เขารักต่างหาก



    ...นี้ถ้าหากว่าเขาไม่ใช่พี่ชายฝาแฝดของทงเฮ ชายหนุ่มคนนี้ก็คงไม่มาสนใจใยดีว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไงหรอก...  



    ดวงตาคู่นั้นหม่นหมองลงอีกครั้ง  ไม่ว่าจะยังไง  ทงเฮก็คือคนที่ซีวอนแคร์และให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ... มือเรียวสวยยกขึ้นกุมอกเสื้อด้านซ้ายเพราะก้อนเนื้อขนาดเท่าฝ่ามือตรงนั้น  มันเกิดปวดหนึบด้วยแรงอิจฉาฝาแฝดคนน้องที่ไม่ว่าใครต่างก็พากันรุมรัก  แตกต่างจากเขาที่ไม่มีแม้แต่คนเดียว....



    “ว่าแต่นายเถอะ เป็นอะไรหรือเปล่า โดนพวกมันทำอะไรไหม?” 



    ฮยอกแจกดผ้าลงบนบาดแผลของซีวอนเต็มแรงเสียจนชายหนุ่มต้องหลุดปากร้องโอดโอย  ก่อนที่ผ้าเปื้อนเลือดผืนงามจะถูกปาใส่ใบหน้าหล่อเข้ม  ร่างบางทำสีหน้าบึ้งตึงเรียบเฉย  สีหน้าที่ทุกคนเห็นกันจนชินตา เสียงหวานๆ ตะโกนก้อง



    “ไม่เต็มใจห่วง ก็ไม่ต้องมาห่วง!! ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก!!!”



    จบคำพูด อี  ฮยอกแจ  ประธานบริหารโรงแรมห้าดาวก็ผละออกเดินบ่ายหน้าไปยังปากซอย...ก่อนที่จะชะงักกึกอย่างคิดได้ว่าเขายังไม่ได้กล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่ให้การช่วยเหลือ



    “ช่างเถอะ ซีวอนก็ไม่ได้เต็มใจมาช่วยเราอยู่แล้ว”



    ฮยอกแจผ่อนลมหายใจช้าๆ ปลอบใจตัวเองว่าเขาเป็นคนเข้มแข็ง ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่น เขาอยู่คนเดียวมานานแล้ว และจากนี้ต่อไปเขาจะอยู่คนเดียวได้  ถึงแม้จะไม่มี....




    ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเข้าไปหารถของโรงแรมและศูนย์ซ่อมที่มาถึง...




    .............
    ..........................
    .....................................



    สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะค่ะ คุณผู้อ่านทั้งหลาย  (ได้ข่าวว่าเลยวันปีใหม่ไปเยอะมาก) 

    แต่มันก็ยังอยู่ในช่วงปีใหม่อยู่เเหละเนอะ เหอๆๆ

    ช่วงนี่คนแต่งกำลงยุ่งๆ อยู่กับการเรียน  ก็อาจจะไม่มีเวลามาลง 

    ก็ขอให้คนอ่านรอกันหน่อยนะค่ะ  

    สำหรับตอนนี้ก็ขอเอาใจคนอ่านในฐานะที่ตัวเองมาลงช้า  100 เปอร์กันไปเลย

    สำหรับใครให้ไก่น้อยสมหวังมีความสุขเหมือนชาวบ้านซักที  ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า

    เมื่อไรคุณชายของเราจะฉลาดขึ้นมาซักที ....(แต่สงสัยงานนี้อีกนาน)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×