คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : A Drop of Tears Vol 11
Vol 11
ทงเฮนั่งแกว่งขารอที่หน้าล๊อบบี้ ซีวอนขอตัวไปห้องน้ำ ส่วนคิบอมออกไปยืนคุยโทรศัพท์อีกมุมหนึ่ง...นึกถึงช่อดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อนั้นที่เขาดันทุรังเอามันไปประดับโต๊ะประชุม โดยไม่สนใจเสียขัดค้านของพนักงานสาวที่แทบจะลงไปกราบให้เขามันออกไป พอเขาถามถึงเหตุผล พวกเธอก็อึกอักกับยกใหญ่ ไม่มีใครให้คำตอบได้ ดังนั้น ทงเฮจึงเอาแต่ใจวางมันไว้อย่างนั้น...ร่างบางยิ้ม ฮยอกแจจะว่าอย่างไรนะกับช่อดอกกุหลาบฝีมือการจัดของเขาช่อนั้น...
“ทงเฮ!!!!”
เสียงมีอำนาจดังขึ้นจากด้านข้าง ทงเฮหันไปมอง ริมฝีปากวาดรอยยิ้มพราย...
“พี่ฮยอกแจ”
เพี๊ยะ!!!
ไม่ทันได้กระพริบตา ฝ่ามือเรียวเล็กนั้นก็ฝาดเข้าที่แก้มอย่างจัง ร่างบางหน้าหัน ไปอีกทางอย่างรวดเร็ว ซีกหน้าด้านซ้ายเจ็บแปลบและชาวาบ ซองมินที่วิ่งตามมายกมือขึ้นปิดปากตื่นตระหนก ห้ามทัพไม่ทันเสียแล้ว...
“พี่ฮยอกแจ” ทงเฮพูดเสียงสั่น ยกมือขึ้นกุมแก้มพลางจ้องมองพี่ชายฝาแฝดอย่างงุนงงและไม่เข้าใจ แล้วก็ใจเต้นระทึก...ดวงตาเรียวคู่นั้นแดงกร่ำราวกับมีไฟลุกโชติช่วง น่ากลัวจนทงเฮต้องกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ หวาดกลัวขึ้นมาจับขั้วหัวใจ ในวินาทีนี้ ทงเฮรู้แล้วว่าความกลัวจนขนหัวลุกมันเป็นยังไง?...
ทุกคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่อยู่โดยรอบต่างวิ่งมามุงดูเหตุการณ์ด้วยความสนใจ โชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีแขก...ไม่เช่นนั้นเรื่องตรงหน้าคงกลายเป็นเรื่องกล่าวขานของลูกค้ากันสนุกปาก พาลจะทำให้ชื่อเสียงโด่งดังของโรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งยืนยาวมากว่าสิบปีมีอันจบ..
ฮยอกแจขยุ้มไหล่ของน้องชายฝาแฝดเข้ามาใกล้....
“ใครใช้ให้นายมาแส่เรื่องงานของฉันฮะ!!!” ฮยอกแจตวาดเสียงดังลั่น ทงเฮสะอึก น้ำตาคลอเบ้าโดยไม่รู้ตัว..เงยหน้ามองฮยอกแจอย่างสะเทือนใจตอบเสียงสั่น
“ทงเฮก็แค่อยากช่วยพี่ฮยอกแจ...”
“ช่วยงั้นเหรอ!!! หึ ใครขอร้องนายไม่ทราบ นายรู้ไหม เพราะความยุ่งไม่เข้าเรื่องของนาย ทุกอย่างเลยป่นปี้หมดแบบนี้!!!!....”
“ทงเฮ...ขอ...โทษ”
“หึ ขอโทษ ขอโทษแล้วมันหายหรือไงฮะ นายทำทุกอย่างของฉันพัง!!! แล้วกล่าวคำขอโทษแค่นี้!!!!!”
ตะคอกใส่ด้วยแรงอารมณ์ จับหัวไหล่บางเขย่าไปมาจนร่างบางตัวโยน ทงเฮนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด คาดว่าต้นแขนเขาคงมีรอยช้ำปรากฏขึ้นมา
“อึก... พี่ฮยอกแจ...ทงเฮเจ็บ”
“เห็นหน้านายแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า ทำไมฉันต้องมาเป็นพี่เป็นน้องกับคนอ่อนแออย่างนายด้วยฮะ!!!!”
พูดจบ ร่างอ่อนปวกเปียกของทงเฮก็ถูกผลักล้มลงไปกองที่พื้น ทงเฮน้ำตาร่วงเผาะอย่างสุดจะกลั้น คำพูดที่มีอนุภาพร้ายกาจทำร้ายจิตใจอ่อนแอให้ชอกช้ำ เหมือนมีดที่คมกริบปักกลางรอยแผลเก่าให้เปิดกว้าง....เคยถามตัวเองว่าเพราะความอ่อนแอหรือเปล่า จึงทำให้พี่ชายจงเกลียดจงชังได้ขนาดนี้....เจ็บที่ต้นแขนจากแรงบีบที่ไม่ปราณีปราศรัยนั้นแต่มันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของความเจ็บที่จิตใจแม้แต่น้อย...
ดวงตาเรียวเล็กปรายมองร่างขาวบางบอบช้ำของน้องชายที่นั่งน้ำตารินด้วยแรงอารมณ์ของตน แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขัดใจ จนอยากจะจับคนตรงหน้ามาระบายให้สาสมใจ แต่ถ้าเช่นนั้น ทงเฮได้ตายคามือเขาเป็นแน่...ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ฮยอกแจจึงหันไปพาลกับสิ่งของแทน..
“เอาดอกกุหลาบเน่าๆ ของนายคืนไปด้วย!!!!”
ดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนที่ตกอยู่กับพื้นถูกหยิบขึ้นมาไว้ในมือ ก่อนที่มันจะถูกโยนใส่ใบหน้าของทงเฮเต็มแรง ร่างบางของผู้เป็นน้องหลับตาแน่น เจ็บปวดทั้งกายและใจจนไม่มีแรงจะปัดป้องตัวเอง...เรี่ยวแรงมันหดหายตั้งแต่ฮยอกแจกล่าวคำพูดประโยคนั้นแล้ว
กุหลาบในมือถูกขว้างใส่ทงเฮอีกครั้ง แต่ก็ค้างชะงักเหนือศีรษะ เพราะมีใครคนหนึ่งยึดข้อมือของตนไว้ ซองมินยังมีสติ เขาจึงใช้โอกาสนี้วิ่งเข้ามาหาทงเฮที่นั่งตัวสั่นเสียขวัญ แล้วทรุดลงประคองร่างบอบบางนั้นไว้แนบอก ลูบศีรษะปลอบประโลม...
ฮยอกแจตวัดหางตามองบุคคลที่เข้ามาแทรกด้วยความไม่พึงพอใจ...ใครคนนั้นก็คือ คิม คิบอม ชายหน้าตีสีหน้าขรึม สั่งเสียงเข้ม...
“พอได้แล้ว ฮยอกแจ”
ฮยอกแจปัดมือนั้นโดยแรง ตวัดเสียงขุ่นๆ
“อย่ามายุ่ง นี้มันเรื่องส่วนตัวของฉัน!!!!!”
“แต่สิ่งที่นายทำมันเกินไป อยากตกเป็นขี้ปากของคนพวกนั้นหรือไง?!!!!” คิบอมหมายถึงเหล่าพนักงานกำลังยืนห้อมล้อมอยู่ด้วยสายตาใคร่รู้....ฮยอกแจกวาดสายตามองไปรอบๆ พนักงานหลายคนหลบตาวูบ บางคนถึงกับแอบตัวสั่นงันงกกับแววตาดุดันเหี้ยวเกรี้ยมนั้น มันบอกเป็นนัยๆ ว่า ‘ถ้าไม่อยากถูกไล่ออก ก็รีบไสหัวกันออกไปซะ’
หลายคนรีบร่นถอยเพราะหวาดกลัวว่าตัวจะซวยถูกลูกหลงโดนไล่ออก ด้วยความที่ทำงานร่วมกันมา....พวกเขาจึงรู้นิสัยของนายจ้างคนนี้ว่า ‘พูดจริงทำจริง ไม่มีคำว่าล้อเล่นหรือปราณี’
เพียงไม่กี่นาทีต่อมา ผู้คนจำนวนมากก็หายวับไปกับตาราวกับเล่นกล..บริเวณนี้จึงเหลือเพียง คิบอม ฮยอกแจ ทงเฮและซองมินเท่านั้น..
ร่างบางตวัดสายตาเกรี้ยวโกรธคู่นั้นหันมาจ้องใบหน้าของคิบอมเขม็ง...ไม่ทันจะพูดอะไร คอเสื้อของคิบอมก็ถูกฮยอกแจขยุ้ม ร่างเพรียวกระชากร่างสูงนั้นเข้าหาตัว ตาต่อตาพบกันในระยะประชิด...เสียงหวานกล่าวอย่างหนักแน่น
“เก็บคำพูดของนายไว้ปลอบคนที่นายต้องดูแลเถอะ คิม คิบอม”
“ฮยอก..”
“ทงเฮ”
ประโยคนั้นไม่ทันเสร็จสิ้น ทั้งคิบอมและฮยอกแจก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อทงเฮดังก้อง ก่อนที่เจ้าของเสียงจะกระโจนพรวดถลันเข้ามาหาทงเฮ ซึ่งขณะนี้อยู่ในอ้อมกอดของซองมิน ตัวบางๆ นั้นสั่นงันงก ตาสีดำเต็มไปด้วยหยดน้ำใสที่คลอรื้น..ฝ่ามืออบอุ่นแตะลงบนไหล่บาง
“ซีวอน...อึก”
เสียงหวานนั้นสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด ยื่นมือเข้าไปหาชายหนุ่มเจ้าของชื่อ ซีวอนจับมือบางเย็นเฉียบนั้นไว้ ดึงเข้ามาโอบกอดพลางลูบแผ่นหลังปลอบเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของเด็กกำลังเสียงขวัญ รอยแดงเป็นปื้ดที่ข้างแก้มทำให้ซีวอนตกใจ
เขากวาดสายตาไปรอบตัวก็เห็นกลีบดอกกุหลาบที่กระจายเต็มพื้น ก็พอจะเข้าใจอะไรได้เป็นนัยๆ ถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น...ตัวต้นเหตุที่ทำให้ทงเฮเป็นแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้น อี ฮยอกแจเป็นแน่แท้.... ซีวอนเหลือบมองฮยอกแจ ร่างบางลดมือลงจากคอเสื้อของคิบอม แล้วหันหลังกลับ ท่าทางนิ่งเฉยแบบนั้นชวนใจให้นึกโมโห...ชายหนุ่มกำหมัดแน่น
ไมพูดพร่ำทำเพลง ชเว ซีวอนก็รีบลุกขึ้นเดินอาดๆ ไปตามทางเดินที่ฮยอกแจเดินไป หมายจะเอาเรื่อง...แต่ก็ต้องชะงัก เพราะถูกทงเฮห้ามไว้ด้วยการรั้งแขนแกร่งนั้น ร่างบางส่ายหน้าอ้อนวอนทั้งน้ำตาหนอง แล้วมองซีวอนอยู่เช่นนั้น ไม่สามารถจะกล่าวคำใดออกมาได้ นอกจากส่งภาษากายเป็นการขอร้อง น่าเสียดาย ซีวอนกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า มือเรียวใหญ่แกะมือบางออกจากต้นแขนอย่างช้าๆ หันหลังเดินเร่งฝีเท้าจากไป โดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของทงเฮที่ตะโกนไล่หลัง...
“ซีวอน ไม่นะ ซีวอน...”
ทงเฮตะโกนเรียกชื่อของเพื่อนสนิทเสียงก้อง พลางวิ่งตามก่อนที่จะทรุดลงกองกับพื้น อาการหอบกำเริบขึ้นอีกคราว
“อี ทงเฮ!!!!”
คิบอมถลันเข้ามาประคองร่างที่ส่งเสียงหอบหายใจปานจะขาดใจตาย ร่างบางพลิกตัวเข้ามาหาเขา มือเรียวยึดเสื้อยืดไว้แน่น ช้อนใบหน้าขาวซีดขึ้นสบ กล่าวเสียงกระท่อนกระแท่น..
“คิ...บอม..แฮ่ก...ช่วย...ไป...ห้าม...อึก..ห้าม...ซี...วอน..ให้..”
“พอเลย ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
เขาดุเป็นเชิงห้าม เพราะกลัวคนพูดจะขาดใจตายไปเสียก่อนที่จะพูดจบ รีบจัดการป้อนยาที่ช่วยต่อลมหายใจให้ร่างเล็กอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแก้มที่ขาวซีดเริ่มกลับมามีสีระบายของเลือดอีกครั้ง คิบอมจึงโล่งใจ หลังมือลูบไล้ใบหน้าที่ชื่นเหงื่อพราว แล้วถอนหายใจเฮือก ร่างน้อยๆ ของคนไข้ในปกครองของเขาหลับลงไปเพราะอาการหมดสติ คราบน้ำตายังเปรอะตามเนื้อแก้มใส คงจะร้องไห้เสียหมดแรงจึงได้หลับไปเช่นนี้...
“นี้มันเกิดอะไรขึ้น คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม?”
ชายหนุ่มร่างสูงถาม แล้วหันไปจ้องมองซองมินเค้นหาคำตอบ เขาเองก็ตกใจไม่น้อย เพราะไม่เคยเห็นฮยอกแจฟิวส์ขาดได้ถึงขนาดนี้ ....ใบหน้านวลนั้นแดงกร่ำ แววตาดุดันราวกับไฮยีน่ากระหายหิว..
ซองมินนิ่งอึ้ง กัดริมฝีปากเบาๆ อึกอักอยู่ในลำคอคล้ายลำบากใจ แต่พอได้สบสายตาแกมขอร้องนั้น ร่างอวบถอนหายใจเฮือก ก่อนที่จะเปิดปากเล่าโดยละเอียด...
..................
........................
...................................
”ฮยอกแจ!!!”
ซีวอนที่ตามมาติดๆ แทบตะโกน อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านราวกับน้ำเดือด แต่ฮยอกแจยังคงนิ่งเฉยไม่อาทรร้อนใจ ร่างบางเดินเข้าไปในตัวลิฟต์สำหรับผู้บริหารและแขกวีไอพี แต่กลับถูกมือที่ไวกว่าของร่างสูงกระชากแขนไว้จนแทบล้มคะมำ ฮยอกแจเซถลาจนไปปะทะกับแผ่นอกของร่างสูง
“ปล่อย” เสียงหวานห้าวห้วน “อวดดีอะไรอีกล่ะ”
“นายทำร้ายทงเฮทำไมฮะ ฮยอกแจ?!!!!!” ซีวอนตะคอกถาม มือกำรอบแขนของร่างบางแน่น ดวงตาคู่นั้นลุกโชติไปด้วยแรงโทสะ ฮยอกแจหัวเราะเสียงเย็น
“ก็ลองไปถามองค์หญิงของนายดูสิ ว่าทำวีรกรรมเจ็บแสบอะไรไว้ให้ฉัน”
“อย่ามาเล่นลิ้นนะ ฮยอกแจ ฉันไม่ชอบ!!!” ออกแรงบีบต้นแขนนั้น ฮยอกแจนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด แรงนั้นมหาศาลราวกับจะหักแขนของเขาให้แตกเป็นสองท่อน คาดว่าต้นแขนเขาคงมีรอยช้ำปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่ริมฝีปากบางอิ่มก็เม้มไม่ปริร้องให้อีกฝ่ายแสดงความเห็นใจ จะมีประโยชน์อะไรเหล่า...กับคนที่กำลังถูกแรงโกรธครอบงำแบบนี้...ดวงตาเรียวเล็กพร่างพราวไปด้วยหยดน้ำตา...แต่ซีวอนคงไม่ได้สังเกตเห็นหรือใส่ใจ...
“รู้ไหม ตอนนี้ ฉันอยากจะฆ่านายให้ตายเสียตรงนี้ด้วยซ้ำ” แววตาลุกวาบเป็นประกายไม่ต่างจากคำพูด ราวกับสิงโตร้ายที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อให้ตายคากรงเล็บของมัน ฮยอกแจช้อนสายตามองประสานกับดวงตาแดงกร่ำคู่นั้น กระตุกยิ้มมุมปากคล้ายจะยิ้ม..
“จะฆ่ากันให้ตายเลยเหรอ ก็เอาซิ ถ้าอยากให้ทงเฮเกลียดนักก็เอาเลย” ซีวอนถึงกับชะงันกับคำพูดของฮยอกแจ ที่ไปสะกิดความทรงจำเก่าๆ เมื่อครั้งที่ทงเฮโกรธเขาจนตัวสั่นให้ผุดขึ้นมาในหัว อึดใจ มือใหญ่ก็ปล่อยออกจากแขนเพรียวบางที่เขายึดไว้ สีหน้าและอาการของเขาส่อชัดว่าพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกร้อนในอก...
ฮยอกแจมองภายใต้สีหน้าอาการสงบ นัยน์ตามีแววยิ้ม แต่ทว่า ลึกๆ ในจิตใจมันสั่นสะเทือนไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด จริงซิ...ร่างบางบอกกับตัวเองในใจ ชเว ซีวอนกลัวทงเฮเกลียดชังยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด...
“ถ้าหมดธุระแล้ว ฉันขอตัว” ร่างบางกล่าวหน้าตาเฉย หันหลังจะเดินออกห่าง แต่ทว่าอะไรบางอย่างก็ฉุดรั้งแขนเพรียวของเขาไว้ ฮยอกแจตวัดหางตามอง และก็พบว่านั้นคือมือเรียวใหญ่ของ ชเว ซีวอน ....และวินาทีถัดมา ร่างเพรียวบางของเขาก็ถูกเหวี่ยงให้ไปชนกับผนังข้างๆ ลิฟต์ ร่างบางหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ ศีรษะสีดำกระแทกกับผิวปูนจนได้รอยช้ำที่หนังหัวเพิ่มมาอีกรอย...
และก็กระตุกสั่นไหวเมื่อมือหนากระแทกเข้าที่กำแพงข้างลำตัว แขนแกร่งยกขึ้นกั้นคล้ายจะกักขังให้เหยื่อไม่สามารถหลุดหนีออกไปได้...ดวงตาเรียวเล็กวูบไหว ตกใจทำอะไรไม่ถูก...ซีวอนกำลังจะลงโทษเขาด้วยวิธีนั้นอีกแล้วใช่ไหม?
ไม่ทันได้กระพริบตา ริมฝีปากร้อนผ่าวแต่หยาบกระด้างก็แนบสนิทลงมาที่กลีบปากนุ่มของฮยอกแจ มือเรียวบังคับโครงหน้าหวานของร่างเพรียวให้หันมาตอบรับจูบที่ดุดันเมื่ออีกคนเบือนหน้าหนี บดขยี้มันอย่างรุนแรงเหมือนอย่างที่เขาอยากจะขยี้ร่างเล็กนี้ให้แหลกคามือ จ้องจะทำร้ายมากกว่าร่วมอารมณ์
“อื้อ...” ร่างบางพยายามต่อต้านประท้วงโดยการทุบลงที่อกกว้างแรงๆ แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากอ้อมแขนของปีศาจและกระทำอันแสนป่าเถื่อนนี้ได้ มือใหญ่ที่วางทาบกับผนังไว้ในตอนแรกจึงกำรวบข้อมือทั้งสองข้างนั้นตรึงไว้เหนือศีรษะ สอดปลายลิ้นเข้าในโพรงปาก ชิมรสชาติที่ซ่อนอยู่ภายในที่เคยได้ลิ้มลองมาแล้วหวนกลับเข้ามาในความทรงจำ ซีวอนไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่ารสชาติ อี ฮยอกแจหอมหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งชั้นดีเสียอีก...
“โอ๊ย!!!”
ชายหนุ่มหลุดเสียร้องพลางผละออกจากกายบาง เพราะถูกริมฝีปากบางนั้นฉกกัดเข้าที่เนื้ออ่อนของกลีบปากล่างจนได้รสชาติเค็มปร่าของหยาดโลหิตที่ผุดซึมออกมา ฮยอกแจออกแรงดันหน้าอกกว้างให้ถอยห่าง ฝ่ามือเรียวฟาดเข้าที่แก้มข้างซ้ายอย่างจังเสียงดังสนั่นในเสี้ยววินาทีต่อมา...
เพี๊ยะ!!!
สิ้นเสียง ความเงียบก็เข้ามาปกคลุมบริเวณโดยรอบ ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงตบ รอยฝ่ามือสีแดงค่อยๆ ปรากฏชัดบนผิวแก้มขาว เขาชะงักงัน เมื่อหันกลับมาแล้วพบใบหน้านวลนั้นแดงกร่ำนั้น กลีบปากอมชมพูแดงช้ำถูกเม้มสนิทจนแทบจะห้อเลือดและสั่นระริก แววตาเรียวเล็กมองเขาด้วยความตัดพ้อและเจ็บปวด และสิ่งที่ทำให้ซีวอนตกใจเป็นอย่างมากก็คงจะเป็นหยดน้ำใสที่ไหลลงมาตามร่องแก้มนั้น...
อี ฮยอกแจที่เข้มแข็งกำลังร้องไห้ต่อหน้าเขา..ความผิดเข้าถลาโถมเกาะกินจิตใจที่แข็งกระด้างให้อ่อนยวบอย่างรวดเร็ว..นัยน์ตาเกรี้ยวกราดอ่อนแสงลง.
“ฮยอก...”
“ถ้าไม่ได้รัก ก็อย่ามาจูบ!!”
ฮยอกแจกรีดเสียงร้องใส่ใบหน้าคมนั้น แล้วหุนหันวิ่งออกจากหน้าลิฟต์วีไอพีนี้ไป.... ทิ้งให้ซีวอนยืนเพียงลำพัง ในหัวสับสนและมีคำถามวนเวียนเต็มไปหมด ใบหน้าที่อาบไปด้วยหยดน้ำตานั้น ถ้อยคำตัดพ้อต่อมาราวกับน้อยใจ มันทำให้ใจเขาปวดแปลบขึ้นมาแบบกะทันหันราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดเข้ามาช๊อต...นี้เขากำลังเป็นอะไรไปล่ะนี้?...ชายหนุ่มถามตัวเอง ทำไมเขาต้องรู้สึกแบบนี้ ทั้งๆ ที่น้ำตาของคนที่ทำให้เขาเจ็บได้คือทงเฮเพียงคนเดียวเท่านั้น...แล้วทำไม?
“คุณซีวอน”
เสียงหวานใสที่เรียกมาจากด้านข้างทำให้ชายหนุ่มสะดุ้ง หันศีรษะไปตามเสียงเรียก ร่างขาวอวบของเลขานุการ อี ซองมินคือเจ้าของเสียงนั้น...ซองมินเดินเข้ามาใกล้ ยื่นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนให้แก่เขา..
“เช็ดเลือดเถอะครับ” เขาว่า ชายหนุ่มจึงรับมันมาซับเลือดที่มุมปาก...”ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณพอจะรู้ไหมว่าทำไมฮยอกแจถึงได้...”
“ทำร้ายคุณหนูทงเฮขนาดนี้?” ซองมินพูดแทรกอย่างเดาใจออกว่าชายหนุ่มร่างสูงหมายถึงเรื่องอะไร ซีวอนพยักหน้า ร่างอวบถอนหายใจ...ก่อนที่จะเปิดปากเล่า...
“คุณรู้ไหมว่าทำไมคุณฮยอกแจถึงสั่งทิ้งดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนทั้งหมด” ซองมินเอ่ยถามเกริ่น ซีวอนสั่นศีรษะ นึกถึงช่อดอกกุหลาบที่เขาและทงเฮช่วยกันจัดในห้องประชุม..แล้วไม่เข้าใจว่าแค่ดอกกุหลาบเพียงไม่กี่ดอก ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ ได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
“นั่นก็เพราะหนึ่งในหุ้นส่วนที่จะมาประชุมในวันนี้เขาแพ้เกสรดอกกุหลาบนะสิครับ”
ชายหนุ่มเบิกตาโพลง หน้าตื่น
“แพ้เกสรดอกกุหลาบ”
“ครับ เรื่องนี้ทางเราก็กำชับผู้รับผิดชอบแล้ว แต่เกิดความผิดพลาด ดอกกุหลาบพวกนี้จึงถูกสั่งมา คุณฮยอกแจเธอโมโหมาก สั่งให้เอาไปทิ้ง แต่ผมไม่คิดว่าคุณหนูทงเฮจะเอามันมาจัดลงแจกันแบบนี้”
ซีวอนเม้มริมฝีปากน้อยๆ หรี่ตาลงหลังฟังจบ ในใจว้าวุ่นด้วยความรู้สึกอันกล่าวไม่ถูก...
“คุณซีวอนครับ”
เสียงเรียกของซองมินทำให้ชายหนุ่มได้สติ เขาขานรับในลำคอโดยอัตโนมัติ ดวงตากลมโตราวกับกระต่ายตัวน้อยจ้องมองใบหน้าหล่อเข้ม แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเรียบว่า..
“ต้นไม้ที่แข็งแกร่งยังมีวันล้มได้ คนเข้มแข็ง ก็มีวันอ่อนแอได้เหมือนกันนะครับ”
จบคำพูด ซองมินก็หมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม ปล่อยให้ซีวอนตีคำปริศนาของซองมินอยู่เพียงลำพัง
.............
.........................
.................................
แสงแดดที่ค่อนข้างแรงยามบ่ายสาดส่องผ่านกระจกใสเข้ามายังห้องประธานโรงแรมเอเชียแกรนด์ที่อยู่ชั้นบนสุด กระทบใบหน้าของอี ฮยอกแจที่นั่งนิ่งๆ อยู่บนโซฟากลางห้อง ใบหน้าขาวใสบัดนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากกระบอกตาร้อนผ่าว หากใครได้ผ่านมาเห็น คงจะตกใจและแปลกใจไม่น้อยที่เห็นประธานโรงแรมเอเชียแกรนด์ คนที่ได้ถูกใครหลายคนว่ากันว่าเขาคือศัตรูตัวฉกาจกับความอ่อนแอ จะมานั่งน้ำตารินอยู่แบบนี้
มือเรียวขาวถูกยกขึ้นมาแตะริมฝีปาก ก่อนที่ร่างบางจะใช้หลังมือออกแรงถูกริมฝีปากจนเจ็บระบม มันแดงช้ำยิ่งกว่าเดิม เมื่อนึกถึงรสสัมผัสที่ได้รับมาจากอีกคน เขายอมถูกซีวอนต่อยเสียดีกว่า เพราะอย่างน้อยมันก็เจ็บแค่กาย ไม่นานก็หาย แต่จูบที่รุนแรงของซีวอนได้สร้างบาดแผลในใจเขาให้ลึกและฝังแน่น ไม่เคยเลือนหาย เจ็บยิ่งกว่าถูกยิงให้ตายด้วยกระสุนปืนเสียอีก ฮยอกแจยังได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นอีกว่า การถูกทำร้ายด้วยจุมพิตที่ปราศจากความรักมันทำให้เขาทรมานได้รุนแรงกว่าถูกทำร้ายร่างกายนัก....
ก๊อกๆ
“คุณฮยอกแจครับ”
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของเลขา อี ซองมินเรียกชื่อเขาแผ่วๆ จากข้างนอก เรียกให้มือเรียวของฮยอกแจต้องรีบยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตะโกนอนุญาตให้เข้ามา
อี ซองมินค่อยๆ เปิดประตูห้องเข้ามาช้าๆ สายตากลมโตมองแผ่นหลังของผู้เป็นนายที่กำลังนั่งหันหลังให้เขาอยู่ ร่างอวบเดินเข้าไปใกล้ เสียงหวานๆ กึ่งแหบพร่าก็ดังขึ้น
“ได้เวลาประชุมแล้วเหรอ นายไปก่อนแล้วกัน ขอฉันล้างหน้าหน่อย เมื่อกี้ฝุ่นเข้าตา”
ฮยอกแจพูดเร็วปรื๋อ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบสายตาของเลขาหนุ่มที่บัดนี้มายืนอยู่ข้างกายแล้ว ร่างบางยกมือแอบขึ้นปาดน้ำตาที่ยังไหลอยู่ที่หางตาอย่างเงียบๆ โดยไม่ยอมให้ซองมินเห็น
“ซองมิน ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรือไง” ร่างบางว่าเสียงเขียว เมื่อรู้สึกว่าร่างอวบของเลขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ซองมินถอนหายใจเฮือกหนึ่งเบาๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดขึ้นว่า
“ถ้าอยากร้อง ก็ร้องออกมาเถอะครับ คุณฮยอกแจ...”
ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นอย่างแช่มช้ามองดูใบหน้าของเลขาคนสนิท ริมฝีปากสั่นระริก ความอดกลั้นทั้งหลายถูกทำลายลงในพริบตา พร้อมกัน น้ำตาที่สะกดกลั้นไว้เป็นเวลานาน ก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่....ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว...
ซองมินครางออกมาเบาๆ ในลำคอ ทรุดกายลงนั่งฮวบข้างๆ มือเรียวอวบยกขึ้นโอบรั้งแผ่นหลังที่สั่นเทาของผู้เป็นนาย ลูบไล้มันเบาๆ ปลอบประโลม ไร้คำพูดใดๆ ปล่อยให้ศีรษะของฮยอกแจซบลงบนบ่า ซองมินรับรู้ถึงความเปียกชื้นที่หัวไหล่ของเขาไม่หยุด ฮยอกแจร้องไห้จนตัวโยน ไร้เสียงสะอื้น ร้องไห้มาแบบนี้ตั้งแต่กลายมาเป็นเสาหลักของบ้าน ฐานะที่ไม่อนุญาตให้ระบายความรู้สึกออกมาได้ตามใจชอบ...
ซองมินมองไหล่บอบบางที่กำลังสั่นระริกคู่นั้นอย่างนึกสงสารจับใจ ใบหน้าและท่าทีที่แสนเย็นชาราวกับน้ำแข็งในสายตาของใครหลายคนมันก็คือหน้ากากที่ถูกสวมไว้ แท้จริงแล้วอี ฮยอกแจ อ่อนแอและอ่อนไหวเป็นอย่างมาก แต่เพราะฐานะทางสังคม ทำให้ฮยอกแจต้องซ่อนสิ่งเหล่านั้นไว้ภายใต้ใบหน้าที่เย่อหยิ่งและเย็นชา เพื่อไม่ให้ใครมาต่อกรได้ เขาไม่รู้เลยว่าเจ้านายคนนี้ทนเก็บกดความรู้สึกที่แสนจะเจ็บปวดเอาไว้มานานแค่ไหนแล้ว
ผู้ชายคนนั้น...ซองมินนึกถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้ฮยอกแจเป็นแบบนี้....จะรู้ไหมว่า หินผาที่เขาคิดว่าแข็งแกร่ง แท้จริงมันก็คือแก้วใสเปราะบางที่พร้อมจะแตกสลายได้ทุกวินาที
สำหรับใครหลายคน อี ทงเฮ คือคนที่น่าสงสารที่สุด แต่สำหรับซองมิน คนที่น่าสงสารที่สุดคือ อี ฮยอกแจต่างหาก...
...............
.......................
...................................
ความคิดเห็น