ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SuJu] A Drop of Tears [WONHYUK / KIHAE ]

    ลำดับตอนที่ #12 : A Drop of Tears Vol 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.38K
      10
      4 เม.ย. 53

    Vol 12





    คิบอมเดินเปิดประตูห้องนอนของตนออกมา  ทอดสายตาไปยังห้องที่อยู่เยื้องกันถัดไปอีกสองห้อง  ห้องของ อี ฮยอกแจ....ร่างสูงก้าวเท้าเดินไปหยุดที่หน้าห้องนั้น  ประตูไม้บานหนักยังคงปิดสนิท 



    ชายหนุ่มยืนนิ่ง ชั่งใจสักพักใหญ่  ก่อนที่กำปั้นหลวมๆ จะยกขึ้นเคาะประตูไม้นั้นเบาๆ  สองสามครั้ง  ไร้เสียงตอบรับจากข้างใน  คิบอมลอบถอนหายใจลึก  หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น  ฮยอกแจไม่ได้กลับบ้านมาสี่วันแล้ว  แต่ดูเหมือนใครหลายคนจะไม่เดือดร้อนใจกับการหายไปนานๆ แบบนี้ของผู้เป็นนาย  เขาเคยถามสาวใช้นางหนึ่ง ก็ได้คำตอบว่า



    ‘คุณฮยอกแจเธอไม่ค่อยกลับบ้านบ่อยๆ อย่างนี้แหละค่ะ บางทีเป็นเดือนเลยก็มี คุณคิบอมไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะค่ะ’



    ทงเฮเองก็เอาแต่นั่งซึมโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น...บางครั้งกลางดึกเขาก็เห็นร่างบอบบางนั้นมานอนขดที่โซฟาหน้าบันไดซึ่งใช้เป็นห้องรับแขกในตัว...รอคอยการกลับบ้านของผู้เป็นพี่ชายจนตัวร้อนไข้ขึ้น...เดือดร้อนเขาต้องคอยมาดูแลไม่ให้เป็นหนักไปมากกว่านี้... 
     


    คิบอมล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง สัมผัสแผ่นกระดาษอาบมันสองแผ่นที่นอนสงบนิ่งอยู่ในนั่น  บัตรสวนสนุกที่ฮีซอล  พี่ชายของเขาให้มา  เนื่องจากตัวเองติดธุระต้องไปจีนกับ ฮันกยอง แฟนหนุ่มสายเลือดมังกรอย่างกะทันหัน  และนึกเสียดายจึงยกให้เขามา คิบอมถอนหายใจอีกครั้ง  เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้คิดถึงฮยอกแจเป็นคนแรก ชายหนุ่มตั้งใจจะมาชวนไปเที่ยวด้วยกัน  แต่จนแล้วจนรอดบัตรสวนสนุกก็ยังอยู่กับเขาครบทั้งสองใบ ในเมื่อคนที่ตั้งใจจะมาชวนกลับไม่อยู่เสียนี้...



    ทั้งๆ ที่มีโอกาสสามารถไปหาที่โรงแรมได้  แต่คิบอมกลับไม่กล้า  ความรู้สึกที่มีต่อฮยอกแจนั้นพิเศษกว่าใครหลายคนที่เขาเคยสัมผัส....



    คิบอมอดคิดถึงคนอื่นๆ ที่ผ่านมาไม่ได้  คนพวกนั้นที่พร้อมจะพลีกายทำทุกอย่างให้เขาได้ง่ายๆ อย่างหมดความอาย ตอยสนองความต้องการด้วยความสามารถที่มีเพียงเท่านั้น แต่เขาก็ไม่เคยก้าวพลาดหลงคารมหรือมายาของใครให้เสียชื่อ คิม  คิบอม ไม่อย่างนั้นหนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัยคงไม่เอาไปประโคมข่าวว่า



    ‘คาสโนว่า คิม  คิบอม  เดือนแห่งคณะสถาปัตย เป็นคนที่จับตัวไว้ได้ยากจริงๆ ‘



    ต่างกับฮยอกแจ...คิบอมบอกตัวเอง แล้วก็เผยรอยยิ้มกว้าง  คนที่ผ่านเข้ามาไม่มีใครทำให้เขาใจเต้นแรงหรือตรึงความสนใจเขาได้สักคน  ผิดกลับฮยอกแจ  ร่างบางทำให้เขาเกิดความรู้สึกปราณนา อยากโอบกอดเข้ามาไว้ในอ้อมแขน อยากสัมผัสให้ลึกซึ้ง  ....  ใบหน้าของฮยอกแจเก๋ชวนมอง สวยฉาบราวกับหญิงสาวทั้งๆ ที่เป็นบุรุษเพศ  โดยเฉพาะดวงตาเรียวกลม  ที่มีเสน่ห์ตรึงใจเขาตั้งแต่แรกพบ ฮยอกแจทำให้เขารู้สึกแปลกจากคนพวกนั้นจริงๆ คิบอมบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า เขารักฮยอกแจ...



    “เฮ้อ”



    ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาวเหยียด และถ้าหากฮยอกแจเป็นเหมือนคนพวกนั้น ป่านนี้เขาสองคนก็คงจะคบกันไปแล้ว  ไม่ต้องมารอคอยอย่างไร้ความหวังแบบนี้  คิบอมถอนหายใจอีกครั้ง  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนั้นจะกลายเป็นจริงขึ้นมาไม่  ก็ในเมื่อฮยอกแจไม่คิดที่จะเปิดใจรับ ‘เขา’เสียที...





    .............
    ......................
    ................................





    “อ้าว คุณคิบอม อรุณสวัสดิ์ค่ะ”



    ซียองที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าในห้องครัว  เงยหน้าจากหม้อข้าวต้มบนเตากล่าวทักทายยามเช้ากับสมาชิกคนใหม่ของคฤหาสน์  คิบอมโค้งตัวนิดๆ เป็นเชิงตอบรับการทักทายของหญิงสาวแม่บ้านคนเก่าคนแก่ประจำคฤหาสน์ตระกูลอี
     


    “เช่นกันครับ”



    คิบอมกล่าวทักทายตอบด้วยท่าทีสุภาพ  ก่อนที่จะเดินก้าวเท้าเข้าไป  หยิบแก้วเซรามิกที่วางเก็บไว้ในตู้เก็บออกมา พร้อมกับฉวยเหยือกที่มีกาแฟร้อนๆ บรรจุอยู่จากเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติเทลงไปช้าๆ เขาหันเสี้ยวหน้ามองแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของที่นี้  บนหน้าของเธอมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด  ชายหนุ่มครุ่นคิดแล้วมองใบหน้าของซียองอยู่แบบนั้นพักใหญ่  ก่อนที่จะหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ 



    ข้าวต้มกำลังเดือดได้ที่  ควันสีขาวอ้อยอิ่งโชยออกมาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ คิบอมเห็นว่าซียองกำลังวุ่นวายอยู่กับการปรุงรสชาติ...ก็พอจะรู้ว่าจะถามอะไรจากเธอได้  ซึ่งเขาเองก็มีเจตนาอยู่แล้ว...



    “ป้าซียองอยู่กับคุณหนูมานานเท่าไรแล้วครับ”



    เขาเริ่มล้วงถาม โดยอีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว



    “ก็ เกือบสิบปีแล้วค่ะ คุณคิบอม ตั้งแต่คุณฮยอกแจกับคุณหนูทงเฮตัวเท่านี้” ซียองพูดขึ้น พลางทำมือทำไม้ประกอบ ก่อนที่จะพูดต่อ “คุณผู้หญิงเสียชีวิตตั้งแต่คุณหนูทั้งสองอายุได้ห้าขวบ ดิฉันก็เลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแหละค่ะ” 



    เธอว่า  ในขณะที่มีดก็ซอยต้นหอม  ใบหน้าที่มีริ้วของความสูงวัยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาน้อยๆ



    “เมื่อก่อนคุณฮยอกแจไม่ได้เป็นอย่างนี้หรอกค่ะ เธอรักคุณหนูทงเฮมาก เป็นพี่ชายที่คอยปกป้องและดูแลน้องชายเสมอๆ แล้วคุณหนูทงเฮก็ติดคุณฮยอกแจมากด้วยค่ะ มีครั้งหนึ่งตอนประถม คุณหนูทงเฮถูกเพื่อนร่วมห้องแกล้งจนได้รับบาดเจ็บ คุณฮยอกแจถึงกับไปอาละวาดชกต่อย เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจนเกือบจะถูกไล่ออกนะค่ะ...”



    ซียองพูดไปยิ้มไปอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงภาพในอดีตครั้งนั้นที่เธอเองยังจำได้ติดตา  ฮยอกแจในวัยประถมสามกำลังนั่งปลอบทงเฮที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด  เพียงเพราะเห็นรอยช้ำและพลาสเตอร์บนลำตัวและใบหน้าของพี่ชาย...



    “แถมเวลาที่คุณหนูทงเฮเข้าโรงพยาบาล คุณฮยอกแจก็ตามไปเฝ้าไม่เคยขาด จนบ้างครั้งงอแงไม่ยอมไปโรงเรียนก็มี...”



    คิบอมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ  นั่งฟังเรื่องราวที่ออกจากปากของซียองเกี่ยวกับสองฝาแฝดผู้เป็นนาย เธอเล่าทุกเรื่อง ทุกอิริยาบถอย่างละเอียดลออราวกับเขากำลังนั่งดูภาพจากม้วนวีดีโอย้อนหลัง  ก็ออกจะเป็นพี่น้องที่รักกันดี  ไม่สิ  รักกันมากเสียด้วยซ้ำ แต่แล้วทำไม  พี่ชายที่รักน้องชายมาก  ถึงได้เกลียดชัง ลงมือทำร้ายน้องชายที่ตนรักได้ถึงเลือดเย็นถึงเพียงนี้...



    “แล้วป้ารู้ไหมครับว่า ทำไมคุณฮยอกแจถึงได้เกลียดคุณหนูทงเฮของป้านัก”



    เขาถามขึ้นด้วยความสงสัยที่ติดใจ  ว่าทำไมพี่ชายที่รักน้องชายมาก ถึงได้เปลี่ยนไป.... ภาพที่ฮยอกแจทำร้ายทงเฮยังติดตามาจนถึงปัจจุบัน  ซียองสั่นศีรษะ  ตอบเสียงราบเรียบ



    “ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเมื่อไร หรือว่าเพราะอะไรถึงทำให้คุณฮยอกแจเกลียดคุณหนูทงเฮขนาดนี้”



    จบคำพูด  ซียองก็ยกหม้อข้ามต้มที่สุกได้ทีหมุนตัวเดินออกไปยังห้องอาหารลับกายหายไป  ปล่อยให้คิบอมนั่งอยู่ในห้องครัวเพียงลำพัง  ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วคลึงขอบแก้วกาแฟไปมา  อยากรู้เหลือเกินถึงสาเหตุที่ทำให้ฮยอกแจเกลียดผู้เป็นน้องชาย  ทำไมหนอ  ร่างบางถึงได้จงเกลียดจงชังปานอีกฝ่ายเป็นศัตรูคู่อาฆาตได้ถึงเพียงนั้น  ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนออกจะรักกันดีแท้ๆ  คิบอมขมวดคิ้ว  ตั้งคำถามในใจ  ว่าแต่  ทำไมใบหน้าของชเว  ซีวอนถึงได้ลอยแวบเข้ามาในความคิดล่ะเนี่ย  คิบอมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน.....



    ............
    .....................
    ...............................




    ซองมินก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องนอนเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในห้องของประธานโรงแรมเอเชียแกรนด์   เจ้านายของเขาใช้ห้องนี้เป็นที่พักอาศัยมาได้สี่วันแล้ว  งานยุ่ง...สายตากลมเหลือบไปมองที่ห้องน้ำ  เสียงน้ำไหลบ่งบอกให้รู้ฮยอกแจกำลังอาบน้ำอยู่   โดยไม่ต้องบอกงาน  อี  ซองมินเดินไปที่ตู้เสื้อริมเตียง  เสื้อผ้าในตู้แบบฝังผนังมีแต่เสื้อสีเข้มเขาจัดชุดให้เข้ากันแล้ววางไว้บนเตียงกับถุงเท้าหนึ่งคู่  พร้อมกับฮยอกแจที่เดินออกจากห้องน้ำในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม 



    ร่างบางมองใบหน้าของเลขาคนสนิทเพียงแว่บเดียว  ผละเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ลงมือจัดการตัวเอง....ซองมินหยิบมือถือที่เป็นทั้งเครื่องมือสื่อสาร และออกาไนเซอร์ในตัวออกมา 



    “ตอนสิบโมงมีประชุมกับหัวหน้าแต่ล่ะแผนกเรื่องสรุปแผนการทำงานประจำเดือน....ส่วนเวลาบ่ายโมง มีนัดต่อสัญญากับคุณอิชิ เรียวเฮ ตอนค่ำงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของลูกสาวคุณซอนมี”



    ฮยอกแจทำเสียงอืมๆ ในลำคอเป็นเชิงรับรู้ถึงตารางงานที่ต้องทำให้วันนี้  ชายหนุ่มยกเสื้อเชิ้ตแขนยาวขึ้นสวม



    “สินค้าที่เราสั่งไป ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม” ฮยอกแจหมายถึงวัตถุดิบอาหารสดที่ใช้สำหรับห้องอาหาร ในขณะที่มือก็กลัดกระดุมให้เรียบร้อย



    “ครับ”



    ซองมินขานตอบ  เหลือบมองแผ่นหลังของผู้เป็นนายแล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างนึกสงสาร สภาพของฮยอกแจนี้อิดโรย สีหน้าซีดเซียว อ่อนล้า ผ่ายผอมเพราะงานหนักและอดหลับอดนอน แม้ว่าเขาจะพยายามเตือนและพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้วก็ตาม....



    ซองมินไม่มีวันลืมภาพที่ฮยอกแจกอดเขาร้องไห้ในวันนั้น ...ใบหน้าที่เคลือบไปด้วยหยดน้ำตา  นัยน์ตาที่สั่นพร่าที่ได้เห็น...ความอ่อนแอที่ฮยอกแจแสดงให้เห็นเป็นครั้งแรก...ร่างอวบลอบถอนหายใจยาว  ถึงแม้สภาพร่างกายจะดูไม่สู้ดีนัก  แต่ถึงกระนั้น  ฮยอกแจก็ไม่เคยทิ้งงานแม้ว่าความเหนื่อยล้าจะเข้ามาเยี่ยมกราย  เขาไม่เคยปล่อยให้เรื่องเหล่านั้นมากระทบ  โรงแรมจึงไม่ล้มครืนในภาวะเศรษฐกิจโลกที่วิกฤต...ในขณะที่ตัวประธานนั้นกลับมีเพียงเปลือกบางๆ ของผิวหนังที่หุ้มโครงไว้เท่านั้น...แทบปลิวตามลม



    “ผมว่าคุณฮยอกแจซูบไปนะครับ”



    “งั้นเหรอ” ตอบง่ายๆ ไม่สนใจ ทำงานหนักจนชิน ไม่รู้สึกรู้สาอะไรมานานแล้ว ร่างบางหยิบเสื้อสูทสีดำขึ้นมาสวมใส่ สีดำทำให้ดูน่าเกรงขามและเอาจริงเอาจัง “ลงไปกันได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”



    ฮยอกแจตัดบท สวมรองเท้าเป็นอย่างสุดท้าย  ก่อนที่จะก้าวเดินออกจากห้องลงไปตรวจดูความเรียบร้อยของห้องประชุม  ที่จะถูกใช้เป็นที่สัมมานาของข้าราชการระดับสูง  ไม่สนใจถาดอาหารเช้าที่ซองมินยกมาวางไว้บนโต๊ะทำงานแม้แต่น้อย...
     




    .............
    .....................
    ................................





    ลูกบิดสีขาวของบานประตูไม้ถูกฝ่ามือเรียวบิดให้เปิดออก  โดยปราศจากคำขออนุญาต  ร่างสูงโปร่งของคิม  คิบอมก้าวเข้ามาในห้องนอนของคุณหนูคนเล็กของคฤหาสน์ตระกูลอี...อี  ทงเฮ.... แสงแดดอ่อนๆ ของยามสายสาดรอดผ่านร่องผ้าม่านสีอ่อน  ส่องกระทบเรือนร่างบอบบางที่ขดตัวหลับอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อดี  ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วห้องที่เงียบเชียบ  ถือวิสาสะสำรวจห้อง....บนชั้นหนังสือไม้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยหนังสือหลากหลายประเภท  โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับการบริหารจัดการ....คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน แปลกใจ...  เขาไม่คิดว่าร่างเล็กๆ นี้จะสนใจอะไรแบบนี้.



    มือแกร่งหยิบกรอบรูปสีน้ำตาลที่วางบนชั้นขึ้นมา พลางจ้องมองไปยังรูปถ่ายในกรอบรูปนั้น มีผู้ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเข้มหล่อคมคาย  ในอ้อมแขนของผู้ชายคนนั้น มีร่างเล็กๆ ที่คิบอมเดาว่าคงจะเป็นทงเฮกำลังยิ้มหวาน สีหน้าเปี่ยมสุข...ส่วนฮยอกแจคงเป็นเด็กชายที่อยู่ในวงแขนของหญิงสาวผิวขาว ผมยาวเป็นลอนสวย....คงเป็นรูปครอบครัวที่บัดนี้บุพการีทั้งสองได้เสียชีวิตลงแล้ว...



    ถัดไปเป็นกรอบรูปถ่ายของฮยอกแจและทงเฮในชุดนักเรียนมัธยมต้น  ในภาพนั้น  ร่างบอบบางของสองพี่สองพากันส่งยิ้มหวานให้กล้องยกใหญ่  ฮยอกแจไว้ผมยาวประบ่า  ยิ้มบางๆ ดูเขินๆ ให้กล้อง  มือข้างหนึ่งกุมมือของทงเฮที่ยิ้มกว้างพลางชูสองนิ้ว....คิบอมเผลอยิ้มออกมากับภาพที่ได้เห็น  ฮยอกแจในภาพดูสดใส  สวยหวานไม่ต่างจากดรุณีแรกรุ่น....คิบอมถอนหายใจ  เขาเองก็ปราณนาอยากให้ฮยอกแจยิ้มให้กันอย่างนี้บ้าง  ไม่ใช่ปั้นหน้าบึ้งตึงใส่ดั่งเช่นทุกวันที่พบเจอ...



    ชายหนุ่มวางกรอบรูปนั้นลง  พลางเหลือบมองของที่กองอยู่บนโต๊ะ ผ้าพันคอสีขาวที่บัดนี้ถักได้มาเกือบครึ่งแล้ววางอยู่ข้างๆ นิตยสาร Immagini ที่ออกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่คิบอมเองก็มีอยู่เล่มหนึ่งเหมือนกัน ปกติชายหนุ่มไม่เคยสนใจหรือซื้ออ่าน เขามักจะยืม คิม เรียวอุค หนุ่มน้อยเซเลบ แฟนเยซองมาอ่านเสียมากกว่า เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องของวงการแฟชั่น วงการไฮโซทั้งหลาย ซึ่งตัวเขาไม่ค่อยชอบหรือสนใจนัก แต่ที่ซื้อเล่มนี้มาเก็บไว้ ก็คงเป็นเพราะมีบทสัมภาษณ์ของฮยอกแจอยู่ในนั้น....



    คิบอมหยิบมันขึ้นมา  พิจารณาแล้วก็ต้องนึกชมทงเฮในใจเงียบๆ กับฝีมือในการถักที่ดูจะเก่งไม่น้อย 



    “ทำไมนายรีบถักผ้าพันคอจังฮะ นี้เพิ่งจะฤดูใบไม้ผลิเอง อีกตั้งนานกว่าจะได้ใช้”



    คิบอมเอ่ยสงสัยถาม  นั่งท้าวคางมองคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตาใช้ไหมพรมถักผ้าพันคออยู่  ทงเฮผละจากงานที่ทำเงยหน้ามองเขา ดวงตากลมสวยคู่นั้นเศร้าหมอง แสดงสีหน้าสิ้นหวังขณะพูดประโยคนั้น



    “สำหรับคนอื่น เวลามันอาจจะยาวนาน แต่คนที่จะตายได้ทุกเมื่ออย่างทงเฮ ทุกๆ วินาทีมีค่าเสมอแหละ”



    ชายหนุ่มมองเสี้ยวใบหน้าหวานที่หลับพริ้มอยู่ในโลกของความฝัน  นิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมที่ตกปรกแก้มใสขึ้นทัดหู  แล้วถอนหายใจเฮือกให้กับความคิดของตนที่แวบเข้ามาในสมองเมื่อกี้.....ทั้งๆ ที่อายุก็เท่ากัน แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กตรงหน้าเขาจะรู้จักความสิ้นหวังในชีวิตเสียแล้ว...



    “ทั้งๆ ที่เป็นฝาแฝดกัน ทำไมพวกนายถึงได้แตกต่างกันนักนะ”



    เปรยขึ้นมาคล้ายจะถามตัวเอง  จ้องมองใบหน้าหวานที่หลับพริ้ม  อดประหลาดใจในความแตกต่างสุดขั้วราวฟ้ากับเหวของสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้  คนพี่ช่างแข็งแกร่งประหนึ่งหินผา  แต่คนน้องกลับอ่อนแอเปราะบางเหมือนแก้วที่พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ....พิศดูวงหน้าของร่างบาง  ชั่ววูบหนึ่ง  ใบหน้าของฮยอกแจก็แทรกแซงเป็นเงาอยู่ในดวงหน้าของทงเฮ  และเหมือนจะเด่นชัดขึ้นในความรู้สึกของเขา  มือเรียวเผลอยกขึ้นลูบศีรษะสีดำขลับนั้นเหมือนลืมตัว  ริมฝีปากบางยกยิ้ม



    “ถ้าคนที่ฉันต้องดูแลเป็นนาย ก็คงดีสินะ”





    .................
    ............................
    .......................................





    ทงเฮตักข้าวต้มเข้าปากอย่างไม่รู้รสใดๆ รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้กลืนกินเม็ดทรายเข้าไป  ตอนนี้  ฮยอกแจคงกำลังทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาทานข้าวหรือพักผ่อน  เพื่อที่รักษากิจการโรงแรมอันเป็นสมบัติของตระกูลให้สามารถอยู่ได้ในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่คนเป็นน้องอย่างเขา  กลับมานั่งกินข้าวเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อ  ทงเฮโกรธและเกลียดตัวเองมาก ที่นอกจากจะไม่เคยทำอะไรให้ใครได้แล้ว  ตัวเขายังกลายมาเป็นภาระให้ใครต่อใครต้องวุ่นวายอีก....



    ถึงแม้ว่าจะฝืนกินเข้าไปแล้วก็ตาม แต่ข้าวต้มก็ยังเหลือเกินกว่าครึ่ง ทงเฮรวบช้อน  และนั้นทำให้คิบอมรู้สึกตัว  เขาเงยหน้าจากชามข้าวต้มของตน  มองใบหน้าของอีกฝ่าย  ก่อนที่จะเอ่ยถามเสียงห้วน



    “เป็นอะไร ไม่สบายหรือไง?”



    ทงเฮสั่นศีรษะไปมาเบาๆ



    “เปล่า ทงเฮไม่ได้เป็นอะไร”



    เสียงหวานตอบอู้อี้ไม่เต็มเสียง  ก้มลงมองฝ่ามือของตนที่วางอยู่บนโต๊ะแทนการสบสายตาคมดุของอีกฝ่าย  ที่เดี๋ยวก็คงจะอารมณ์เสียต่อว่าเขาอีกเป็นแน่  คิบอมถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ในเช้านี้   ขี้เกียจต่อว่าดึงดันบังคับให้ร่างบางน้ำตาร่วงเป็นสายธารอีก...มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง  สัมผัสแผ่นกระดาษอาบมันสองใบนั้น  เขาตั้งใจจะยกมันให้เพื่อนร่วมงานครั้งแรกแล้วตั้งแต่รู้ว่าฮยอกแจไม่อยู่  เพราะไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม อาจจะเป็นเพราะคำพูดของฮีซอล  ผู้เป็นพี่ชายยังก้องอยู่ในหู....



    ‘ถ้าไม่มีใครไปด้วย ก็ชวนทงเฮไปสิ เด็กคนนั้นอุดอู้อยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยได้ไปไหนหรอก ถ้าเราใจดี ก็พาเขาไปหน่อยแล้วกัน ทงเฮยังไม่เคยไปเที่ยวสวนสนุก ‘



    คิบอมเม้มปากแน่น กำบัตรสวนสนุกในกระเป๋าจนมันยับย่น 



    “ทงเฮ”



    ร่างบางเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก  แววตาและสีหน้าฉาบความประหลาดใจ  คิบอมไม่เคยเรียกชื่อเขาแบบนี้มาก่อน  ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง  ก่อนที่จะยื่นกระดาษอาบมันที่ยับย่นให้  ทงเฮมองมันสลับกับคนให้ แล้วจึงตัดสินใจยื่นมือรับ



    สายตากลมโตกวาดมองข้อความบนกระดาษยับๆ นั้น  แล้วก็ต้องตาค้าง  ร่างบางรีบเงยขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงทันที



    “บัตรสวนสนุก คิบอม”



    “จะออกจากบ้านสิบโมงเช้า อย่าช้าล่ะ”



    คิบอมพูดสั้นๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินหายไปจากห้องอาหาร  ทงเฮยังคงมองบัตรในมือตาเป็นประกายเจิดจ้า  ร่างบางยกมันขึ้นทาบริมฝีปาก  เผยรอยยิ้มแสดงความดีใจเป็นล้นพ้น...





    ................
    .............................
    ......................................


    กว่าจะเข็นมาลงได้  นานโขทีเดียว (ปาดเหงื่อ)


    ไรเตอร์อาจจะหายไปนานก็อย่าได้ตกใจ


    คิดว่าไรเตอร์จะเลิกอัพนะค่ะ ช่วงนี้งานงอก  คงจะช้าบ้างอะไรบ้าง  แต่จะไม่ทิ้งเรื่องนี้ (อาจดองจนขึ้นรา) 


    อย่าว่ากันนะค่ะ เหมียว....


    ปล  หรือตูจะเลิกอัพมันดี....

    ปล (อีกครั้ง) ถ้าตัวอักษรมันเล็ก ช่วยบอกด้วยนะค่ะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×