ผมเกิดเป็นนางเอกในนิยายรันทด - นิยาย ผมเกิดเป็นนางเอกในนิยายรันทด : Dek-D.com - Writer
×

    ผมเกิดเป็นนางเอกในนิยายรันทด

    เกิดทั้งทีขอเป็นตัวอื่นไม่ได้เหรอ

    ผู้เข้าชมรวม

    6,635

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    23

    ผู้เข้าชมรวม


    6.63K

    ความคิดเห็น


    34

    คนติดตาม


    161
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  45 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  23 ต.ค. 66 / 10:15 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    อันเดิมปลิวจ้าพี่น้อง


    บทนำเรื่อง

    หากว่าความผิดหวังดังฝนที่โปรยจากฟ้า

    ทุกครายามใจสลาย

    โลกของฉันคงพบแต่ฝนที่ไม่ขาดสาย

    น้ำตากลายเป็นแผ่นน้ำ

    ได้แต่เพียงไขว่คว้าความรักที่พลัดพรากไป

    หัวใจยังคงบอบช้ำ

    ในทะเลแห่งความกล่ำกลืนกลางคืนมืดดำ

    ว่ายวนในความห่วงหา

    กลับมาได้ไหม

    อย่าปล่อยฉันไว้จงกลับมา

    ฉันจมน้ำตา ฉันทุกข์ใจ

    กลับมาได้ไหม

    หยุดความเคลื่อนไหวจงกลับมา

    ฉันจมน้ำตา ฉันทุกข์ทม

    (รินน้ำตาท้วมท้น

    ความทุกข์ทนไม่หายไป

    จงรู้ตื่นจากเศร้าโศกเสียใจ

    มองให้ทันการจากลา)

    ตราบที่ยังคงตั้งคำถามถึงการจากลา

    น้ำตาคงรินเป็นสาย

    ไม่มีใครผลักให้ชีวิตพ้นวันสุดท้าย

    ทุกภัยคือทางแห่งกรรม

    คร่ำครวญเรียกร้อง

    ให้สิ่งที่รักคืนกลับมา

    (เนื้อเพลงจากพระปฎาจาราเถรี เรามีความพลัดพรากเป็นธรรมดา)

                   

                   "เร็วเข้า! แบกไปแห่รอบเมือง ตัวกาลกินีเป็นชู้กับชายรับใช้ สวมหมวกเขียวให้สามี จับแห่รอบเมืองแล้วเอาไปถ่วงน้ำ"

                   ในตะกร้อใหญ่ที่ใช้ใส่หมูสานจากไม้ไผ่ มีร่างในชุดขาวนอนขดอยู่ภายใน ใบหน้ามีน้ำตานอง เนื้อตัวมีแต่รอยซ้ำไม่รวมถึงเลือดเก่าใหม่ที่เกราะกรังจากที่โดนหินขว้างและกลิ่นกายที่เน่าเหม็นจากผักและไข่เน่าที่ชาวบ้านปาใส่สิ่งปฏิกูลที่ปล่อยเรี่ยราด  

                   ขณะที่กำลังจะแห่ไปรอบเมืองเพื่อเตือนสติสตรีและบุรุษที่ออกเรือนได้ตระหนักถึงบทสุดท้ายของการเป็น ดอกซิ่ง ยื่นออกนอกกำแพง

    บทลงโทษมีเพียงหนึ่งเดียว กฎบ้าน กฎเมือง นั้นคือการถ่วงน้ำทั้งเป็น

                   บ่าวรับใช้ของท่านเจ้าเมือง ถังรั่วซาน  แห่งเมืองถัง แคว้นฮก  มุ่งหน้ามาพร้อมกับขบวนเกี้ยวของ ฮูหยินใหญ่คนใหม่ที่เพิ่งจะมีพิธีวิวาห์ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากที่ฮูหยินคนเดิมถูกจับได้ว่าคบชู้  ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะดูจากภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ เห็นว่าเป็นบุตรชายของหมอเทวดามีชื่อ หน้าดี สกุลดี นิสัยก็ดี เป็นถึงลูกชายคนรองของฮูหยินเอกของตระกูลหรู ตระกูลพ่อค้าวาณิชหลวง แต่ไม่รักษาจารีตประเพณีอันดีงาม กลับทำผิดคบชู้สู่ชายให้เป็นที่อับอายต่อตระกูลของตน น่าสงสารบิดามารดาที่คลอดลูกที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเช่นนี้

                   "หยุดก่อนพวกท่าน ฮูหยินเซียนหยาง ของข้ารู้สึกสงสารอยากจะบอกข่าวให้กับอดีตฮูหยิน ผู้นี้สักหน่อย เพื่อเอาบุญ ขอพวกท่านรอสักครู่"

                   ร่างที่ขดอยู่ในกรงไม้ มิได้มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อยมีเพียงน้ำตาที่ไหลนองตลอดเวลากับเสียงพึมพำแผ่วเบา ร่างอรชนของบุรุษบอบบางดังแก้วเจียรนัย เดินลงมาจากเกี้ยวพร้อมกับสาวใช้ที่คอยประคองอยู่ไม่ห่าง เสื้อผ้าดูสูงค่ายิ่งนักยิ่งขับเน้นให้ดูสูงส่ง รองเท้าที่สวมทำจากผ้าปักเนื้อดีที่หามิได้ในเมืองนี้ แสดงถึงความใส่ใจของผู้ให้ ทุกย่างก้าวที่เดินได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งของเครื่องประดับสูงค่าบนศีรษะของเกอผู้นั้น เข้ามาใกล้อวนหมูที่กักขังบุรุษเกออีกคนเอาไว้บุคคลนั้นคืออดีตฮูหยินของท่านเจ้าเมืองถังรั่วซาน

                   "พวกท่านถอยไปก่อนเถอะ ขอให้ข้าได้คุยกับพี่ชายสักหน่อยเถิด ถึงแม้พี่ของข้าจะทำผิดต่อประเพณีอันดีงาม แต่ทว่าข้านั้นเป็นน้องที่มีสายเลือดเดียวกันย่อมตัดมิขาด ขอให้ข้าได้คุยกับพี่ชายสักครั้ง"  

                    เสียงที่เปล่งออกมากังวานใสดังแก้วเจียระไนชั้นดี  ผู้คนที่รุมล้อมอยู่กระจายออกตามคำขอ รู้สึกชื่นชมในความมีน้ำใจยิ่งที่ยังนับถือผู้ที่ทำให้วงค์ตระกูลขายขี้หน้ายังนับถือเจ้าตัวหน้าไม่อายเป็นพี่ชาย ผู้คนที่แห่แหนกล่าวชมด้วยความชื่นชม

                   จนกระทั้งทุกคนถอยออกไปจนหมดแล้วเหลือเพียง สามคนที่อยู่ตรงนั้นร่างของ      ฮูหยินเซียนหยางย่อตัวลงมองคนในคอกอย่างเวทนาในชะตาของพี่ชายยิ่งนัก

                   "น่าสงสารท่านพี่ เว่ยหยาง ยิ่งนัก จุ๊ จุ๊   ดูสิอยู่ในคอกหมูเช่นนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง จำได้หรือไม่ ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าให้หลีกทางให้ข้า แต่ท่านยังดึงดันเพราะแบบนี้ท่านถึงได้ต้องเจอจุดจบอนาถเหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง"

                   คนด้านในไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนหรือแม้แต่จะสนใจร่างงามตรงหน้าแม้แต่น้อยดวงตาเลื่อนลอย เซียนหยางหรือหรูเซียนหยางไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ร่างในคอกหมูสกปรกไม่สนใจการเยาะเย้ยถากถางของตนเองแม้แต่น้อย เอาแต่พึมพำโง่ๆ แต่ทว่าอยู่ต่อหน้าคนหมู่มากจะแสดงกิริยาไม่งามไม่ได้ต้องรักษาภาพลักษณ์ น้องที่แสนดีทั้งกายและใจ

                   "ชือซือ เอานั้นมาสิ"

                   "เจ้าค่ะ ฮูหยิน"

                   "เจ้าเห็นนี่หรือไม่  ยังจำสิ่งนี้ได้หรือไม่"

                   เว่ยหยาง แม้ไม่อยากสนใจแต่ว่าเสียงนี้มันเหมือนกับกระพรวนที่ใส่ให้กับบุตรที่เพิ่งจะคลอดได้เพียงสองเดือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง  ดวงตาที่เคยว่างเปล่าหันมามองอย่างเชื่องช้า ร่างที่อ่อนแรงรอเพียงความตายที่ใกล้เข้ามาไร้ซึ่งความหวังที่จะมีชีวิตรอด ยื่นมืออันสั่นเทาออกไปคว้าสิ่งนั้นที่อยู่ในมือของน้องชายหรือเรียกว่าอดีตน้องชาย แต่กลับคว้าเพียงความว่างเปล่า ในเมื่ออีกคนยกสิ่งที่ต้องการหนีห่างจากที่คุมขัง

                   "เอามาให้ข้า เอา!! ของลูกข้ามา"

                   เสียงที่เปล่งออกมานั้นแหบแห้งเหมือนชายแก่ พยายามไขว่คว้ากำไลข้อเท้าของบุตรชายที่ไม่ได้เห็นหน้าอีกเลยหลังจากถูกลงโทษในสิ่งที่ตนไม่ผิด  เซียนหยาง รู้สึกสะใจที่สามารถทำให้พี่ชายร้อนรนทรมานเสียยิ่งกว่าที่ตนเองกำลังจะตายในอีกไม่ช้า สิ่งใดที่พี่ชายรักข้าจะแย่งมาสิ่งใดที่ท่านหวงแหนข้าจะทำลายให้ย่อยยับ

                   "ของบุตรท่าน แต่ตอนนี้เป็นบุตรของข้า พี่ชายแต่อีกไม่นานข้าจะส่งเขาตามท่านไปเพราะข้านั้นตั้งท้องแล้วไงหละ   หากลูกข้าเป็นชายย่อมต้องเป็นผู้สืบทอดสกุลถังของท่านพี่ถังรั่วซาน ส่วนบุตรของท่านอีกไม่นาน  ...ข้าจะเป็นคนส่งไปให้ท่านเองพี่ชาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

                   "เซียนหยางเจ้ามันเป็นปีศาจ ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!!!!! อ๊าก!!!!! แม้เป็นผีข้าจะไม่ปล่อยเจ้า "

                   แต่ก่อนที่จะได้กระชากเสื้อของอีกคน มือที่ไขว้คว้าอยู่นอกอวนหมู ถูกสันดาบตีอย่างแรงจะได้ยินเสียงของกระดูกที่หัก พร้อมเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่หาได้เจ็บปวดเท่าหัวใจที่กำลังหลั่งเป็นสายเลือดอยู่ในขณะนี้ สายตาอ่อนล้าเหือดแห้งทอดมองจากปลายกะบี่ขึ้นไป  เมื่อคนที่ตีลงมานั้นคือสามีอันเป็นที่รักยิ่ง เป็นบิดาของบุตรชายเป็นดังชีวิตยามที่ออกมาจากตระกูลหรู

                   "หยุด!! เซียนเอ๋อร์เป็นอะไรหรือไม่ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่ให้มาก็ไม่เชื่อ "

                   "ท่านพี่ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแต่ข้าแค่สงสารพี่ชายเท่านั้นเอง อย่างน้อยข้าก็รู้สึกผิด การที่ท่านพี่กับข้าแต่งงานกัน คงทำให้ท่านพี่เศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ข้าก็แค่อยากจะมาบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายไม่คิดว่าพี่ชาย จะ จะ ฮืออออ  ด่าทอว่าข้า เป็นนังแพศยาแย่งท่านมาจากพี่ชาย ข้า ข้าไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้แต่ข้ารักท่าน รักมาตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรก "

                   "ชู่!! ไม่เป็นไรคนดี เจ้าไม่ได้ผิดอะไรในเมื่อพี่ชายเจ้าไม่รักดีเอง ข้ากับเขาหย่าขาดกันแล้ว ดังนั้นไม่ใช่เรื่องผิดที่ข้าจะแต่งกับเจ้าเซียนเอ๋อร์ กลับจวนเรากันเถอะน้ำค้างลงหนักนักจะไม่สบายเอา"

                   หนึ่งคือบุรุษที่หล่อเหลาเป็นถึงเจ้าเมืองอี้  หนึ่งคือบุรุษอรชนอ้อนแอ้นงดงามดังดอกบัวงามชุ่มชื่นใจ หรูเว่ยหยางเจ็บทั้งกายและใจเจ็บลึกถึงกระดูกดำ บุรุษมากรัก เป็นเพียงบุรุษมากรัก  ข้านั้นโง่งมเพียงใดถึงมองไม่ออก หลงไปกับเปลือกที่ห่อหุ้มร่างอันโสโครก น้ำตาที่ไหลออกมามากมายเสียสิ่งกว่าสายน้ำเบื้องหน้า  ความรัก ความแค้น การหักหลัง ความหวัง ความสิ้นหวัง ถาโถมไม่สิ้นสุด

                   "ซือซือ พานายของเจ้ากลับไปรอที่จวนเดี๋ยวข้าตามไป"

                   ร่างงามยอมไปแต่โดยดีโดยมีสายตารักใคร่ตามส่งจนลับตา

                   "ทะ ท่านพี่"

                   "หุบปาก!! อย่ามาเรียก พวกเจ้าจงนำชายผู้นี้แห่รอบเมืองป่าวประกาศความชั่วของมันแล้วจับถ่วงน้ำอย่าให้ดินเมืองอี้กลบหน้า"

                   คำสั่งนั้นเหมือนฟ้าที่ฝ่ากลางหัวใจที่ร้าวราวจนแหลกสลาย

                   ไม่มีใครต้องการข้า

                   ไม่มีใครต้องการข้า

                   ข้าไม่ได้ผิด แม้แต่บิดามารดาก็ไม่รัก ข้ามิมาช่วยเหลือข้า

                   พี่ชายยังหมางเมินไร้ความเมตตา  แม้แต่น้องชายที่ข้ารักยังหักหลังกันได้ลงคอ

                   ข้าไม่ได้คบชู้แต่ถูกคนที่รักยิ่งสองคนจัดฉาก

                   เสียงกรีดร้อง ที่ใครๆ มิอาจได้ยินดังก้องอยู่ในใจของเว่ยหยาง 

                   จนกระทั้งมาหยุดที่ข้างแม่น้ำเชี่ยวกราดในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นหูของ       หรูเว่ยหยาง ได้ยินเสียงคนผู้หนึ่ง เสียงที่สงบร่มเย็นราวกับน้ำฝนที่หล่นลงจากสวรรค์ ทำให้หัวใจที่รุ่มร้อนด้วยแรงแค้นความหวาดกลัวจากความตายที่อยู่ตรงหน้าสงบลงชั่วครู่

                   ห่วงหนึ่งพันผูกคอด้วยรักและห่วงบุตรหลาน

                   ห่วงสองพันผูกมือที่โอบกอดแนบชิดของสามีภรรยา

                   ห่วงสามพันรอบเท้าด้วยทรัพย์สินนอกกาย

                   ปลดบ่วงเหล่านั้นเสียเถิด พระพุทธองค์ทรงเมตตากรรมในชาตินี้หมดสิ้นแล้ว จงปล่อยวางความอาฆาตแค้น เดินตามแสงพระธรรมของพระพุทธองค์ แล้วเจ้าจะพบความสุขที่แท้จริง อมิตตาพุทธ

                   ปล่อยวางอย่างนั้นหรือทั้งที่ข้ามิได้เป็นผู้ก่อ เป็นพวกเค้าที่กระทำต่อข้า ท่านให้ข้าปล่อยวางหรือทั้งที่พวกเค้าเป็นผู้สั่งข้าฆ่า

                   "ตูม!! "

                   ทันทีที่ร่างถูกโยนลงไปก็จมดิ่งลงสู่เบื้องล่างอันหนาวเหน็บ สายน้ำเย็นโอบล้อมรอบกาย อากาศหายใจเป็นฟองขาวขึ้นสู่เบื้องบน

                   อึดอัด

                   หายใจไม่ออก

                   ช่วยด้วย

                   หะ หายใจไม่ออก

                   ทรมาน                  

                   ทรมานหรือเกิน

                   ทรมานใครก็ได้ช่วยข้าที 

                   ใต้ผืนน้ำอันเย็บเยียบและหนาวเหน็บ มองทางใดมีแต่ความดำมืดทั่วทุกหนแห่งไร้แสงสว่าง ร่างเล็กที่ถูกขังดิ้นรนครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดก็หยุดนิ่งที่ก้นแม่น้ำ

                   วาระสุดท้ายในขณะจิตตัดพ้อเบื้องบน...

                   .สวรรค์ช่างมืดบอดนัก..หากเป็นคนดีไม่ได้ข้าขอเป็นมารเสียดีกว่า...หากมีชาติหน้าข้าขอผู้มีพลังที่เหล่าผู้คนเกรงกลัว

    บทที่ 1 ผมคือติ่งนิยายรันทด

    "อึก  ฮือ... เว่ยเอ๋อร ของพี่แดน ไม่น่าเลยอีน้องชั่วแย่งผัวแล้วยังจะฆ่าลูกอีกสลัดดอก!

     

     แม่ง !! ผัวก็โง่ฉิบหายแค่นี้ก็ดูไม่ออก เป็นกูหน่อยไม่ได้จะศอกเข่าชกให้ลืมบรรพบุรุษสามชั่วโคตร ฮืออออ เว่ยเอ๋อร อึก อึก"

    "ตัดอกตัดใจซะเถอะมึง น้องเขาไปดีแล้วคนที่ยังอยู่ต้องเดินต่อไป โอ๋ๆไม่ร้องหน้ามึงยิ่งไม่หล่อพอร้องก็ดูไม่จืด"

    "เรื่องของหน้ากูไอ้พัด"  ไหนก็ไหนๆแล้วเช็คขี้มูกใส่เสื้อมันซะเลย

    "พรืด"!!!!!

    "เหี้ย!!ไอ้ซกมก ไอ้   ไอ้เชื้อโรค ไอ้โควิด19    อี้!! แม่งเสื้อกู"

    สมน้ำหน้าว่ากูหน้าดูไม่จืด กูออกจะหล่อน่าเอาขนาดนี้  อุ้ย!ออกตัวแรงไปหน่อยก็คนมันหล่อชิมิ อยู่ๆก็มีขาหน้าของไอ้แพร แขนข้างหนึ่งของมันพาดไหล่อย่างถือวิสาสะผมแหล่ตามองมัน ดันหยักคิ้วกวนตีนอีก

    " มึงคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทจะทำอะไรก็ได้หรือไงวะ ลูกเขามีพ่อมีแม่ ผิดผีโว้ย!! ผิดผี ให้แม่มาขอเลยเอาสินสอดมาด้วย จัดโต๊ะจีนร้อยโต๊ะ" 

    งานแต่งทั้งทีต้องยิ่งใหญ่ อลังการแบบงานเทกระจาด

    "ถุย!  ผิดผีบ้านมึงสิ มึงกับกูได้กันมากี่ครั้งแล้ว"

    "เชี่ย! กูลืมนับ ไส้สันขวาน ไอ้แพร แค่คิดก็ขนลุกแล้ว"

    อี้!! สกปรกผมกระโดดหนีน้ำลายเหนียวๆของมันไปนั่งอีกฝาก  มันเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันนี่หละ เรียนมาตั้งแต่อนุบาลยันเข้ามหาลัย หรือว่ามันแอบคิดอะไรกับผมหรือเปล่าถึงได้ตามมา อยากได้เค้าเป็นแฟนสิตัวเอง ต้องส่งใบสมัครก่อนนะเพราะคิวยาวมากกกก

    ในขณะที่ผมมโนลืมเรื่องน้องเว่ยหยางไปชั่วขนาด

    "มึงนี่น้า เมื่อไหร่จะเลิกอ่านสักทีวะ เสือกอ่านนิยายวายเป็นอาชีพหลัก หนังสือเรียนมึงขึ้นราแล้วไอ้เวร"

    ไอ้แพร ผู้ชายห่าอะไรชื่อแพร อันนี้คงต้องขยายความกันนานขอย่อเลยแล้วกัน  แม่มันอยากได้ลูกสาวหมอก็บอกว่าลูกสาว 100% พอคลอดออกมาดันมีมาเป็นยวงก็ใหญ่พอสมควรหละ เห็บบ่อย เห็นตั้งแต่ยังเป็นหนอนน้อย จนตอนนี้จะเป็นอนาคอนด้า  ชื่อก็ตั้งแล้ว อะไรอะไรก็เตรียมไว้แล้ว ครับก็อย่างที่บอก

    พี่แกขาว ตี๋ ตาตี่ สูงร้อยแปดสิบ หุ่นนายแบบน่าซบอยากจะลงไปเกลือกกลั้วความโอโม่ของมันจริงๆ เสียอย่างเดียวปากหมา บางที่ก็คิดว่าใครเอาหมาไปเลี้ยงในปากมัน แต่สาวๆไม่เคยขาดเวียนมาอ้อยมันทุกวัน เวลาจะไปจีบสาวเอามันไปเหมือนขี้เรียกแมลงวันยังไงยังงั้นเลย

    ข้อดีอีกอย่างของการเป็นเพื่อนมันคือการที่ผมได้แทะเล็มมันทุกวัน เนี่ยหละ ขอร้องอย่างมองแรงคนเค้าเลือกได้ ลำบากใจจังมีแต่ผู้หล่อมารุมล้อม

    "นี่แดน แล้วน้องเว่ยตายไหม ถ้าน้องตายพรุ่งนี้ไปทำบุญให้น้องเว่ยสิ เพื่อผลบุญจะทำให้น้องเกิดเป็นดาวลูกไก่"

    เสียงเหนื่อยๆเฉื่อยๆจะหลับเหล่ไม่หลับเหล่ก่อนที่มันจะฟุบหลับไม่อีกครั้ง ไอ้หมอนแม่ง! นอนตลอดไปอดหลับอดนอนจากไหนมาวะ หลับทั้งวันทั้งคืนในห้องเรียนก็หลับแต่เสือกได้เอทุกวิชา เพื่อนผู้แสนดี เข้าอกเข้าใจ ซึ้งน้ำตาแทบไหลพ่อพระของแดนสยามแต่มึงก็ควรลืมตามาคุย

    "กูอยากจะบ้าตาย มีใครปกติบ้างไหมวะเนี่ย"    พัด

    "มึงก็ไม่ปกติไอ้พัด ที่มาคบกับพวกกู"  แดนสยาม

    "เออวะ กูกินยาไม่เขย่าขวดแน่ๆ ถึงได้มาคบกับพวกมึง เนี่ย!"

    ผม ไอ้แพร และไอ้หมอน ที่ยังอุตส่าห์ฟื้นขึ้นมาพยักหน้าเห็นด้วย

    อืมมม ถ้าไม่ไหวมึงกลับไปนอนบ้านเถอะไอ้หมอน 

    ผมเลิกสนใจเพื่อนตอนที่ได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นจากทางด้านหลัง ท่ามกลางเหล่าชะนีน้อยคือกลุ่มของรุ่นพี่ปีสามกลุ่มที่รวมเอาเดือนมารวมกันยังหล่อไม่เท่าขี้เล็บตีนพวกพี่เค้า

    พี่นัทเทพ พี่คณะวิศวะ หล่อเถื่อน ผิวสีน้ำผึ้ง ผมตัดสั้นไถข้าง เจาะจิวที่หู สูง ยาว เข่าดีเครื่องใหญ่หรือเปล่าอันนี้ไว้วันหลังจะไปลอง แต่ดูจากเป้าตุงๆแล้ว

    ซี๊ดด พี่ครับขอได้ไหมอยากมีไว้ในครอบครอง อ๊ายยยย

    พี่หมอนัด พี่คณะแพทย์ ขาว ผมสีควันบุหรี่อีกต่างหากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของพี่มันอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนเทวดา พี่ครับพี่คือแสงสว่างในใจของผม เวลาที่พี่ยิ้มมันก็อบอุ่นในหัวใจชีวิตผมสดใสไปทั้งวัน ร่างกายต้องการความอบอุ่นอันร้อนแรงครับพี่

    พี่สีไม้ ผู้ชายขี้เล่น ที่แฟรรี่ได้กับทุกคน อยากจะนอนเป็นผ้าขาวให้พี่สีไม้ ขีดเขียนแต้มรอยรัก แค่คิดก็ เลือดจะพุ่ง แฮ่กกกก พี่ครับผมพร้อมให้พี่ละเลงด้วยสีไม้ของพี่แล้วครับ งื้อออ

    สุดท้ายพี่่ธันเดอร์กับพี่สตรอม สองแฝดครึ่งควบลูกดีกรีนักบาสตัวจริงของมอ แค่พี่ยิ้มผมก็ใจละลายแล้วววว ผมอย่างเป็นห่วงให้พี่แทงลูก(บาส)ลงหลายๆรอบ

    ตอนที่พวกเขาเดินผ่านกลุ่มพวกผม ขอเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าพวกพี่ส่งยิ้มให้ผม ยิ่งพี่นัทเทพแล้ว..อยากจะลากเข้าห้อง ตอนพี่แกยิ้มพร้อมกับลิ้นแดงๆที่เลียตามรูปปาก ยั่ว บอกได้คำเดียวใจบางมากพี่  ไม่รู้ว่าผมทำหน้ายังไง เห็นพวกพี่เค้าเดินยิ้มผ่านไปยกเว้นพี่สีไม้ที่แอบหัวเราะ พี่ใจผมมันบางอย่างล้อเล่นแบบนี้

    "ไอ้เชี่ย แดนสยามเลือดกำเดามึงไหล ไอ้สัส" 

    ไอ้แพรที่ได้สติก่อนหันมาเห็นเลือดที่ไหลออกจากจมูกผมมันร้องตะโกนด้วยความตกใจ ผมใช้หลังมือปาดของเหลวที่ไหนจากจมูก

    "หะ หา เลือดเหรอ"

    ก้มมองลงมาเห็นเสื้อนักศึกษาที่ใส่อยู่มีเลือดสีแดงเปื้อนเป็นดวงๆ ไอ้แพรรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาอุดจมูกให้ จนผ้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงชุ่มไปหมด จนต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อของไอ้แพรเอง  แต่เลือดยังคงไม่หยุดไหล เริ่มเวียนหัวเพราะเสียเลือดมาก หลังจากนั้นผมก็รู้สึก หนาวมาก ง่วงด้วย ได้ยินเสียงพวกมันแว่วๆ อย่าหลับเหรอ แต่กูง่วงมากเลย ขอสักงีบแล้วกัน ใช่ง่วงมากจริงๆ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น