ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic KNB || Best Part [ Kuroko × OC ] 《 END

    ลำดับตอนที่ #1 : Q1

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 63







    Q1






         เสียงประกาศของสนามบินดังออกมาตามประกาศเสียงตามสาย เด็กสาวเดินลากกระเป๋าเดินทางขนาดกลางของตัวเองลากมาหลังรับกระเป๋าจากสายพาน เธอหยุดฝีเท้าของตัวเอง ก่อนจะหยิบอุปกรณ์สื่อสารแบบมือถือพับสีขาวสะอาดตาขึ้นมาแนบใบหูของตัวเอง



         "ค่ะ แม่ หนูมาถึงญี่ปุ่นแล้วนะคะ"เสียงหวานบอกทางปลายสายหลังจากอีกฝ่ายรับมือถือ "แม่มาถึงสนามบินรึยังคะ?"



         "โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูตามไปที่รถเลยนะคะ"เธอตอบกลับอีกฝ่ายไป ก่อนจะวางสาย เด็กสาววัยรุ่นเก็บมือถือของตัวเองลงในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะออกแรงลากสัมภาระของตัวเองไปที่ตามนัดหมายกับผู้เป็นแม่



         'ฮิโรโตะ อายากะ' พึ่งกลับจากต่างประเทศหลังไปเรียนอยู่ที่อังกฤษกินเวลาเกือบสิบปี ตั้งแต่จบอนุบาลจากญี่ปุ่น จนจบม.ต้นที่อังกฤษ



         จะว่าไปนะ...ก็ไม่ได้กลับมาที่ญี่ปุ่นนานแล้ว



         เรียกได้ว่าไม่ได้กลับมาบ้านนานแล้วจริงๆ



         ทำให้แอบคิดถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เลยแหะ







         "ฮึกๆ ไม่เอา ไม่อยากไป ไม่อยากไปเลย เท็ตสึยะ อึก.. เท็ตสึยะคุง"



         เสียงร้องไห้สลับกับเสียงที่ออกมาจากริมฝีปากของตัวเองฟังดูไม่ค่อยได้ศัพท์เท่าใดนัก อายากะในวัยหกขวบที่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะต้องจากเพื่อนในห้อง และ คนตรงหน้าที่กำลังจ้องและฟังเธอร้องมาสักพักได้แล้ว



         เด็กหนุ่มตาสีฟ้าตรงหน้า หยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาขึ้นมา ก่อนจะใช้มือจับผ้าซับน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาสีทับทิมไม่หยุด ทั้งน้ำตาและน้ำมูกที่ไหลออกมาจากจมูกของเด็กหญิงอนุบาล



         "ไม่ร้องสิครับ…"



         เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ราบเรียบ ปลอบประโลมเหมือนน้ำเย็นๆ อายากะเงยมองหน้าของเจ้าของเสียงเนิบ "ก็..ฮึก ไม่อยากไป ไม่อยากห่างจากเท็ตสึยะ ไม่อ่ะ ฮือ"



         "พอเถอะครับ…"



         เขาพูดและเธอก็เห็นว่าน้ำตาของเด็กชายผู้เป็นเพื่อนก็ไหลออกมาไม่ต่างกัน "เท็ตสึยะ เท็ตสึยะร้องทำไม ไม่ร้องนะ ฮึก"



         "อายะจังก็หยุดร้องสิครับ…"เสียงของเขาขาดห้วงไปจังหวะนึง "ถ้ายังร้องแบบนี้...แบบนี้จะไม่ให้ร้องตามได้ยังไง"



         จากที่เขากำลังเช็ดน้ำตาให้อายากะ กลายเป็นว่า...เด็กสองคนต่างกอดกันเอาไว้ เด็กหญิงตัวเล็กซบลงในกอดของเด็กชายที่ขนาดตัวไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย เจ้าเด็กชายไม่ได้ร้องไห้ตัวสั่น...ซึ่งผิดกับเธอลิบลับเลย



         เพราะเด็กหญิงน่ะ ตัวสั่นไม่หยุดเลย



         "นี่ อายะจัง"เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบเหมือนเดิมเรียกชื่อของเธออย่างสนิทสนม "ยิ่งร้องแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกครับ"เจ้าของดวงตาสีฟ้าเอ่ยเตือนคนที่กำลังตัวสั่น "เดี๋ยวเราก็เจอกันนะครับ"



         "ก็...ฮึก ก็ถ้าเท็ตสึยะลืม ลืมเรา"



         "ผมไม่ลืมหรอก"



         อีกคนสัญญา น้ำตาของคุโรโกะ เท็ตสึยะหยุดลงไปแล้ว เธอเองก็หายตัวสั่นแล้วเช่นกัน เขาจับไหล่ของเด็กหญิงแล้วบีบมันเบาๆ "ผมจำได้อยู่แล้ว จำฮิโรโตะ อายากะคนนี้ได้อยู่แล้ว"



         "สัญญาเลย"



         และคำสัญญาทำให้เธอหยุดร้องไห้ เธอมองสบตาสีฟ้าของคุโรโกะ



         "เอางี้ไหม…"เด็กหญิงเสนอความคิดของตัวเองออกไปให้เพื่อนสนิทฟัง "ถ้า ถ้าเท็ตสึยะลืมเรา เราขอให้พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง เท็ตสึยะจะต้องตัวเล็กกว่าเรา"



         คราวนี้คนเป็นเพื่อนส่งรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ละมุนละไมที่เด็กหญิงไม่ทันได้สังเกตเห็น



         "เราจะต้องสูงกว่าเท็ตสึยะให้ได้เลยแหละ!"



         "ดีมากครับ"เขายิ้มอยู่แบบนั้น "เก่งมากเลย อายะจัง"








         อายากะเปิดประตูรถข้างคนขับ หลังจากส่ายหัวไล่ความคิดในสมัยเด็กออกไประหว่างที่เดินมา พอมาคิดดีๆแล้ว เธอก็...เพี้ยนพอสมควรเลยนะ บ้าบอจริงๆเลย ยัยอายากะ! ตอนนั้นเธอเป็นเด็กอนุบาลนะ



         แถมตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อเท็ตสึยะยังไงด้วย



         "เป็นไงบ้าง? หือ ลูกสาวคนเก่งของแม่"คนเป็นแม่ทักทายหลังเธอเข้าไปนั่งประจำที่เรียบร้อย ดวงตาสีทับทิมที่เหมือนกับตาของเธอมองสบมา ก่อนที่จมูกของคนเป็นแม่จะแตะกับแก้มขาวของเด็กสาววัยรุ่น "คิดถึงจัง ไม่ได้เจอกันเกือบสิบปีเลย ไปอยู่กับพ่อเป็นไงบ้างเอ่ย?"




         "โอเคดีค่ะ"อายากะยิ้มบอกแม่ของตัวเอง "พ่อเขาก็มีแฟนใหม่ แฟนใหม่เขาก็ดีกับหนูดีนะ แม่ ไม่ได้เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายแบบในเรื่องซินเดอเรลล่า"



         "โห เราก็เปรียบซะแม่เห็นภาพเลย"



         "แล้วแม่เป็นไงบ้างคะ? สบายดีรึเปล่า?"



         "สบายดีๆ แต่งานเยอะไปหน่อยแหละ ช่วงนี้"หญิงสาววัยกลางคนว่าก่อนจะมองมาที่คนเป็นลูกสาว "อายะ คาดเข็มขัดได้แล้ว แม่จะขับรถออกจากสนามบินละ"



         จบคำพูด อายากะรีบคาดเข็มขัดในทันที จนเกิดเสียงบ่งบอกว่าล็อคเรียบร้อย หญิงวัยกลางคนถอยรถออกจากจุดจอด ก่อนจะเริ่มเร่งความเร็วออกจากสนามบินลงสู่ถนนไปตามทาง



         อายากะเริ่มรู้สึกกลัว



         เธอใช้หางตามองไปที่หน้าปัดของรถที่บ่งบอกถึงความเร็วที่ทำให้เธอแอบสยองขึ้นมา



         ระ...ร้อยหกสิบ!!!



         แม่จะพาทัวร์นรกรึไง!!!



         "แม่คะ!! ขับแบบนี้จะโดนใบสั่งรึเปล่าคะ แม่!!"เธอส่งเสียงออกไปอย่างคนที่จิตตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลืม...ลืมไปได้ยังไงว่าแม่สุดที่รักเป็นคนขับรถได้มหาภัยสุดๆ



         "ไม่เป็นไรหรอก สบายๆ"



        สบายกะผีดิ!!!








         เวลาผ่านไปสัปดาห์หลังกลับมาที่ญี่ปุ่น เธอค่อยๆปรับตัวให้ตัวเองรับมือกับเวลาที่ต่างกันของสองประเทศได้ จนตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาเปิดเทอม เป็นการเริ่มต้นของชีวิตเด็กม.ปลายของอายากะ



         ต้นซากุระเต็มตามทางระหว่างที่กำลังเดินมาที่โรงเรียน…



         จริงๆแม่ของเธอจะมาส่งแหละ แต่เพื่อความปลอดภัย อายากะเลือกตื่นเช้าขึ้น เดินออกจากบ้านมาให้ไว ชมวิวแบบนี้ดีกว่าให้นั่งรถของแม่ตัวเอง



         ป้ายของโรงเรียนเซย์รินอยู่ตรงหน้า อายากะสูดลมหายใจลึกๆเข้าเต็มปอด แล้วรีบก้าวเท้าเข้ามาในรั้วของโรงเรียน เสียงประกาศจากแผนกเชิญชวนเข้าชมรมของแต่ละชมรมส่งเสียงโฆษณาออกมาไม่หยุด



         "ชมรมเบสบอลครับ!!!"



         "ชมรมวรรณกรรมครับ!!"



         เธอหันไปมองตามเสียง… อายากะตาเบิกกว้างขึ้นหลังเห็นแผ่นหลังในชุดยูนิฟอร์มของเจ้าของผมสีฟ้าที่กำลังถือหนังสืออ่านอยู่ในมือ เดินผ่านคนอื่นๆไปตามทาง



         ไม่หรอก...ถึงจะรู้สึกคุ้นเคย แต่ไม่น่าใช่...ไม่น่าใช่ เท็ตสึยะหรอก



         มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก ใช่ไหม?



         "ชมรมคหกรรมค่ะ! สนใจไหมคะ!?"รุ่นพี่ผู้หญิงคนนึงเดินมาใกล้เธอแล้วสอบถามเด็กใหม่อย่างอายากะ "ทำอาหารกันสนุกๆค่ะ ชมรมนี้ อยู่กันแบบพี่น้องนะคะ!!"รุ่นพี่แสดงความแอกทีฟของตัวเองออกมา



         จริงๆ เคยอ่านเจอว่า ถ้าใครบอกว่า อยู่กันแบบพี่น้องให้รีบหนีไป



         แต่ดูแอกทีฟขนาดนี้...ไม่น่าจะมีปัญหาหรอกมั้ง



         "เดี๋ยวน้องรับใบสมัครไปเลยนะคะ แล้วก็เขียนเสร็จก็เอามาให้พี่นะคะ คนสวย!"









         อายากะเหลือบมองไปที่โต๊ะแถวหน้าต่างของห้องเรียนซ้ำๆแล้วระหว่างวัน...ถ้านับๆดูก็น่าจะเกินสิบรอบได้ ความรู้สึกคุ้นเคยที่ส่งออกมาจากคนที่กำลังอ่านหนังสือปรัชญาอยู่ที่โต๊ะหลังสุดริมหน้าต่างคนนั้น



         คนที่เธอมองแผ่นหลังของเขา ตอนที่ฝ่าดงของพวกรุ่นพี่



         คุ้นเคย…



         ปฏิเสธเลยว่ามันคุ้น...และเธอมองที่เขาที่อยู่ตรงนั้นภาพของเด็กชายคนนั้นที่ลักษณะเหมือนกับเขาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน



         เท็ตสึยะ?



         เอางี้แล้วกัน!!!



         ไว้ก่อนไปเข้าชมรม เธอจะเดินเข้าไปทักถามเขาก่อนเองว่าเขาคือเท็ตสึยะรึเปล่า เธอจะถามเอง!







         "ไปไหนของเขากันเนี่ย…"อายากะส่งเสียงบ่นหลังเสียงกริ่งดังขึ้น เธอรีบหันมากะจะดักเขาไว้ก่อนแล้วแท้ๆ แต่หายไปไหนกันเนี่ย ให้ตายสิ สาวเจ้าเดินไปที่โต๊ะริมหน้าต่างตัวนั้นที่เขานั่งก่อนหน้านี้



         "คุณฮิโรโตะไม่ไปเข้าชมรมเหรอ?"



         "อ...อือ กำลังจะไปค่ะ!"



         "แล้วกำลังมองหาอะไรอยู่รึเปล่า?"



         "คนที่นั่งตรงนี้เมื่อกี้?"



         "บ้าน่า ไม่เห็นใครเลย"



         อ...อะไรนะ?



         "คุณฮิโรโตะตาฝาดรึเปล่า เราไม่เห็นใครนั่งตรงนั้นเลยนะ"



         บ้าาาาาา เป็นไปไม่ได้หรอก จะไม่เห็นได้ไง ก็เขานั่งตรงนี้ตลอดเวลาเลยนี่นา หรือ เธอเจอผีเหรอ ไม่นะ ไม่หรอกใช่ไหม



         ฮิโรโตะ อายากะทำได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อนออกไป "สงสัยทุกคนคงไม่ได้สังเกตสินะคะ"



         "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็รีบไปเข้าชมรมกันเถอะ คุณฮิโรโตะ เธออยู่ชมรมอะไรเหรอ?"



         "อ้อ ชมรมคหกรรมค่ะ งั้นไปก่อนนะคะ"



         หลังตอบคำถามเสร็จก็รีบปลีกตัวออกมาจากห้องเรียนของตนเอง เดินไปยังห้องชมรมที่ได้นัดหมายกันไว้



         ให้ตายสิ เธอนี่นะ ไม่ได้เรื่องเลย ปล่อยให้คลาดสายตาไปได้ยังไงกัน แบบนี้จะได้มีโอกาสพูด โอกาสคุยกันตอนไหน 








         "กลับก่อนนะคะ รุ่นพี่"อายากะบอกลาพี่ๆในชมรมของตัวเอง พร้อมโบกมือแสดงท่าทางออกไปหลังจากทำความรู้จักกับเพื่อนในชมรมและรุ่นพี่ พระอาทิตย์ของวันตกไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาค่ำ แสงไฟจากถนนเปิดให้เห็น



         เด็กสาววัยรุ่นเดินไปตามทางเหมือนตอนที่ตัวเองมาที่โรงเรียนเซย์ริน



         เสียงเดาะลูกบาสเคาะกับพื้นเป็นจังหวะ จะว่าไป ตอนมาก็ผ่านสนามบาส ก็คงจะใกล้ถึงตัวของสนามแล้วสินะ ดึกดื่นขนาดนี้ใครกำลังเล่นบาสอยู่เนี่ย 



         "บังเอิญจังเลยนะ ผมเองก็อยากจะเล่นกับคุณอยู่พอดี"



         เสียงคุ้นหูทำให้เธอหันมามองระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านสนามบาส



         เขาคนนั้นที่เธอตามหากำลังถือลูกบาสอยู่ในมือ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก พร้อมกับมองหน้าผู้ชายที่ตัวสูงกว่าตัวเอง 



         "1vs1"



         คำพูดที่ดูมั่นคง ดูหนักแน่น และจริงจังแบบนั้น ทำให้เธอที่แอบมองอยู่รู้สึกได้ถึงความเอาจริงเอาจัง ให้ตายสิ เหมือนพวกพระเอกในอนิเมะที่ไม่ยอมแพ้ และจะปล่อยของของตัวเองออกมาให้ดูเลย 



         และเธอที่มองอยู่แบบนี้ ไม่ต่างจากสาวน้อยในอนิเมะที่อาจตกหลุมรักเขาได้จากการที่เขาจะโชว์ของออกมา



         ก็คือเล่นบาสพิชิตใจสาวน้อยวัยใส!!



         และจังหวะที่ชู้ตเขาก็คงจะเป็นจังหวะเดียวกับที่เธแจะตกหลุมรัก



         เนี่ย!!!!



         ตามสูตรในอนิเมะรักหวานแหววเป๊ะๆ!!!








         แต่อายากะคงคาดหวังมากเกินไปหน่อย



         ก็อีกฝ่ายไม่ใกล้เคียงกะพระเอกสุดหล่อในอนิเมะเลยสักนิด



         เธอยืนค้างมองเขาเล่นกันสองคน



         ให้ตายสิ เมื่อกี้เธอคาดหวังอะไรวะเนี่ย มันไม่ใกล้เคียงกะคำว่าเก่งเลยสักนิด ไม่เลยจริงๆ!!



         ไม่ว่าเจ้าของดวงตาสีฟ้า และสีผมเดียวกันจะพยายามเลี้ยงลูกผ่าน หรือ ชู้ต มันก็ไม่สำเร็จเลย



         เฮ้อ…



         เหมือนพวกมือใหม่มากเลย



         "นี่มันไม่ตลกเลยนะ แก!!"



         "ฟังที่ฉันพูดบ้างรึเปล่าเนี่ย!!!???"



         "แกประเมินตัวเองไว้สูงขนาดไหน? ถึงคิดว่าแกจะชนะฉันได้!!"



         เบาได้ เบานะ พ่อ เบา 



         มันแรงไป พ่อ พ่อใจเย็น



         "กล้ามากนะที่มาท้าฉันแข่งแบบนี้!"เจ้าของผมสีแดงร่างสูงว่าแล้วใช้นิ้วมือชี้ไปที่อีกคน



         แต่คนถูกว่ากลับไม่สะทกสะท้านอะไรออกมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว "ไม่หรอก คนที่เก่งกว่าต้องเป็นคางามิคุงอยู่แล้ว ผมรู้มาตั้งแต่ก่อนแข่งแล้ว" พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบ



         เขาจะรู้บ้างเปล่าวะ ว่าคำพูด น้ำเสียง สีหน้าของตัวเองมันกวนส้นมากเลยนะ!



         เนี่ย ยังไม่ทันจบประโยคเลย



         เจ้าคนที่ชื่อคางามิคนนั้นก็จับเข้าที่คอเสื้อของตัวเองแล้ว



         "นี่แกอยากมีเรื่องรึไง?? ต้องการอะไรกันแน่!!"



         แล้วเธอจะยืนนิ่งอยู่แบบนี้เหรอเนี่ย… ให้ตายสิ



         "เอ่อ...ขอโทษนะคะ"สุดท้ายเธอก็ออกเสียงห้ามปรามการใช้กำลังออกไป ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองมา คางามิคนนั้นปล่อยตัวของคนที่ตัวเองจับดึงคอเสื้อเข้ามาใกล้เมื่อครู่ ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในสนามบาส "อย่าใช้กำลังกันเลยนะคะ ใจเย็นๆก่อนเนอะ มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆนะคะ"



         หลังถูกปล่อย คนที่ถูกปล่อยที่เมื่อกี้มองมาทางเธอก็หันกลับไปที่เจ้าคู่กรณีที่ชื่อคางามิ



         "ผมอยากจะเห็นความแข็งแกร่งของคางามิคุงด้วยตาตัวเอง"



         ให้ตายสิ หมอนี่...เพี้ยนรึเปล่า?



         เธออยากจะกุมขมับ แต่เจ้าคนที่ชื่อคางามิคนนั้นกุมขมับไปก่อนเธอเรียบร้อยแล้ว



         อายากะเลยเลือกที่จะสำรวจคนที่ถือลูกบาสขึ้นมาเมื่อไรไม่รู้ และขยับริมฝีปากคล้ายจะชวนเล่นต่อ "เอ่อ…"



         "อ่า งั้นก็พอเถอะ"คางามิว่าก่อนจะเดินห่างไป  "ฉันไม่สนใจคนอ่อนหัด"



         บอกว่าเบาได้ เบาไง



         ทำไมแรงจังวะ พ่อ



         "สุดท้ายขอเตือนไว้ก่อนนะ เลิกเล่นบาสไปซะดีกว่า"



         ประทานโทษนะ กินหมาเข้าไปในปากเหรอ?



         "ไม่ว่าจะพยายาม หรือ พูดอะไรให้ดูดีแค่ไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนวงการนี้ต้องมีพรสวรรค์"



         คุณเคยรู้สึกเหมือนเท้ากระตุกอยากถีบคนไหมคะ? 



         "นายไม่มีพรสวรรค์ในการเล่นบาส"



         "ไม่เอาด้วยหรอกครับ"



         เอาเลยลูก จัดไปเลยหนู อย่าไปยอม อย่าไปยอม!!!



         คำพูดนั้นทำให้คางามิที่กำลังจะเดินออกจากสนามบาสไปหยุดชะงัก พร้อมกับใจของเธอที่เต้นเหมือนรัวกลอง อะดรีนารีนกำลังหลั่งความรู้สึกเหมือนเชียร์มวยนี่มัน!!!



         "หา?"



         "อย่างแรกคือผมชอบบาส อีกอย่างคือคนเรามีความคิดต่างกัน ผมไม่สนใจหรอกครับว่าใครจะเก่งหรือกระจอก"



         ใช่ ฟาดเลย ฟาดได้ฟาด ฟาดมันเลยลูก!!!



         "ว่าไงนะ?"



         "ผมไม่เหมือนกับคุณ เพราะผมน่ะเป็นเงา"



         อะไรนะ?



         ว้อท?







         คางามิคนนั้นกลับไปแล้ว เหลือแค่เธอกับเจ้าของผมสีฟ้าและดวงตาสีฟ้าที่กำลังนั่งอยู่ด้วยกันในสนามบาส ความเงียบที่เงียบสงัด เราสองคนต่างไม่ได้พูดอะไร



         อายากะอึดอัด ยอมรับเลย เธอจึงเริ่มเป็นฝ่ายพูดก่อน



         "เอ่อ...เราก็กลับกันดีไหมเอ่ย?"



         "เอาสิครับ มันก็ดึกพอสมควรแล้ว เดี๋ยวผมพาไปส่งที่บ้านนะ"ว่าจบก็ลุกขึ้นยืนตามความสูงของตัวเอง "เดินคนเดียวมันอันตราย กลับด้วยกันนะครับ"



         "อ่า...อื้อ! ขอบคุณค่ะ"



         "วันนี้ขอบคุณมากเลยนะครับ"



         "ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย"



         "ยังไงก็ต้องขอบคุณมากๆเลยครับ"เขาว่าแล้วยื่นมือมาหาตรงหน้า ทำเอานึกถึงตอนสมัยเด็กอยู่เหมือนกัน อายากะจำได้เสมอตอนเด็กๆที่เคยโดนรังแกและเท็ตสึยะคนนั้นยื่นมือมาให้จับแบบนี้



          ไม่เคยปฏิเสธมันได้เลยสักครั้งจริงๆ จับมือคู่นั้นที่หยาบกร้านกว่ามือของตัวเอง แตกต่างจากมือของเจ้าเด็กอนุบาลในความทรงจำ



         "ผมคุโรโกะ เท็ตสึยะครับ"



         และวินาทีที่เขาเอ่ยชื่อออกมา อายากะก็รู้ดีเลยว่าเขาคือเท็ตสึยะคนนั้น



         คนเดียวกับเจ้าของคำสัญญาในวัยเด็ก



         "เท็ตสึยะ...จริงๆด้วย"เจ้าของดวงตาสีทับทิมจับมือของเด็กหนุ่มวัยรุ่นแน่น ยันตัวเองขึ้นจากที่นั่ง "ฮิโรโตะ อายากะ จำได้ไหมเอ่ย?"



         "คุณฮิโรโตะ จำได้สิครับ ก็สัญญาไว้แล้วนี่"



         "ตั้งแต่ตอนอนุบาลแล้ว ยังจำได้อีกรึไง โม้รึเปล่าเนี่ย?"



         "ก็ถ้าเห็นหน้าก็คงจำไม่ได้"



         "สวยขึ้นอ่ะดิ"



         "เปล่าครับ หน้าแก่ขึ้น"



         "เท็ตสึยะ!!"



         อายากะอยากจะบีบคอเขาให้ตายคามือจริงๆเลย พูดจาอะไรก็ไม่รู้ บ้าบอที่สุด!!! เธอออกจะสวย น่ารัก หน้าเด็กด้วย พูดออกมาแบบนี้ได้ไง แบบนี้ต้องประหาร ประหารอย่างเดียว!!! 



         "ครับ?"ทำหน้านิ่งๆไม่ตอบสนองอะไรมากมายกับเจ้าเสียงโวยวายของเธอเลย "ที่จำได้ก็เพราะไม่เคยมีวินาทีไหนที่อยากเห็นคุณฮิโรโตะร้องไห้อีกต่างหากครับ"



          เดี๋ยวนะ



          ประโยคสุดคูล สุดพระเอกแบบนั้นมันคืออะไรกัน



          เสียงใจเต้นกับเสียงฝีเท้าระหว่างเดินกลับบ้านมันกระทบดังจนแยกไม่ออกแล้วว่าเสียงไหนเป็นเสียงอะไร



          หรือว่า หรือ หรือว่า!?



          จะ จังหวะตกหลุมรัก!?



          "ผมไม่อยากเสียผ้าเช็ดหน้า เช็ดน้ำมูกให้คุณฮิโรโตะอีกแล้วครับ...ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นผมยังไม่ได้คืนเลย"



          โอเค ขอถอนคำพูดเลย


       

          ไอ้บ้าเอ้ย!!



          ผู้ชายอะไรชวนเสียมู้ดอารมณ์ชะมัดยาก


          หึ่ย



          เจ้าเท็ตสึยะบ้า!!









         "ขอบคุณที่มาส่งถึงบ้านอีกครั้งนะ"



         "ครับ ไม่เป็นไร"



         "งั้นเข้าบ้านแล้ว กลับดีๆด้วย"



         หลังจากเดินมาถึงบ้านของตัวเอง เธอก็บอกขอบคุณและจะลาคนที่อุตส่าห์พามาส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าร้าวบ้านของตัวเอง อีกคนก็ส่งเสียงเรียกออกมาก่อน "คุณฮิโรโตะ เดี๋ยวก่อนครับ"



         "หือ?"



         "พรุ่งนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตก อย่าลืมร่มนะครับ"



         "อ้อ...อื้อ ขอบคุณนะ"



         "งั้นกลับแล้วนะครับ"



         "โอเค กลับดีๆ"



         หลังจากร่ำลากันแล้ว อายากะก็เห็นแผ่นหลังของเท็ตสึยะเดินห่างออกไปเรื่อยๆจนลับสายตา สาวเจ้าจึงเข้าบ้านของตัวเองอย่างสบายใจ หลังผ่านประตูเข้าไป ขณะถอดรองเท้าก็ส่งเสียงสดใส "กลับมาแล้วค่ะ!"



         "โอ๊ะ กลับมาแล้วเหรอ ลูก แล้วเมื่อกี้คุยกับใครอยู่หน้าบ้านตั้งนานสองนานกัน หือ?"



          "จะใครละคะ ก็เท็ตสึยะไง เท็ตสึยะ"



          "ลูกหมายถึงเท็ตสึยะ เพื่อนอนุบาลที่ลูกร้องไห้ ขี้มูกโป่งเพราะจะจากกับเขาเหรอ?"



          "แม่!!"



          โดนแซวเรื่องนี้อีกแล้วสิ ให้ตาย



          "ก็จริง ลูกในตอนนั้น ร้องไม่หยุดเลย"คนเป็นแม่ยิ่งพูดและส่งเสียงหัวเราะออกมาให้ฟัง "แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะจำกันได้ แถมบังเอิญเรียนที่เดียวกันอีก เมื่อกี้แม่เกือบนึกละว่าลูกสาวเสน่ห์แรงมากจนมีผู้มาตามรับตามส่งถึงบ้าน"



          "แม่ พอเลย! พูดไรไม่รู้! หนูไปอาบน้ำละ!"



          อายากะรีบหนีจากคำแซวของคนเป็นแม่ หนีไปเอาข้าวของที่ใช้ในการอาบน้ำ



          ตลอดเลย




          พอพูดถึงตอนเด็กก็เป็นแบบนี้ทุกที



         แต่ว่า…



         'พรุ่งนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตก อย่าลืมร่มนะครับ'



         เท็ตสึยะยังเหมือนเดิมเลย



         กับนิสัยที่เป็นห่วงคนอื่นแบบนี้



         ดีจัง









    |||


    สวัสดีค่ะ วันนี้มาวว นำตอนแรกมาส่งค่า

    เรื่องนี้จะดำเนินเรื่องโดยใช้ไทม์ไลน์ในอนิเมะอยู่ค่อนข้างมากพอสมควร

    ขอบคุณสำหรับความสนใจนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ ❤








    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×