ข้อมูลเบื้องต้น
PARDON - BRUJAY
แนะนำให้เปิดเพลงฟังไปด้วยจะอินมากจ้า
(ขออภัยด้วยนะจ้า กดแทรกแล้วมันไม่ติด)
1. Phantom Thread - House of woodcock
2. Shape of Water - Overflow of Love
3. Jeff - Hallelujah
ได้แรงบันดาลใจการแต่งจากภาพนี้
สิ่งของที่ชำรุดเกินแก้ไข คุณก็แค่โยนมันทิ้งและซื้อเอาใหม่ ไม่ต้องจำว่าคุณใช้มานานเพียงได้หรือเคยรักสิ่งนั้นมากแค่ไหน แรกพบช่างถนุถนอมแสนอ่อนโยน ทุกสิ่งอย่างเป็นเรื่องพิเศษไปหมดเหมือนตกอยู่ในวังวนของนิทานหลอกเด็ก ล่อลวงด้วยความหวานสุดท้ายเป็นเพียงความเย็นชาน่ารังเกียจ ยิ่งนานวันนานเดือนจรดหลายปี ความผูกพันยิ่งทวีคูณ ความห่วงหาสูงหลิ่วเกาะกุมจนกลายเป็นตะกอนความรู้สึกที่ไม่อาจปฎิเสธได้ มันงดงามและบริสุทธิ์เกินกว่าความเป็นจริงหยาบกร้าน หลงลืมว่าตัวเองเป็นใคร ทำอะไรได้แค่ไหน ลืมสิ้นทุกสิ่งที่เป็นขอบเขตระหว่างสิ่งของและเจ้านาย จำไม่ได้แล้วว่าถ้าตัวเองหมดประโยชน์ก็ไร้ค่า ไร้สิ้นความรักและชีวิตจิตใจ
ในคืนบ้าคลั่งที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของอาคารที่เคยสวยงามเคยสร้างอย่างบรรจง ตอนนี้เป็นเพียงเศษหินนับล้านเหมือนร่างกายที่สลายของผม ภาพทุกอย่างถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดในตา ผมไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเขา บรู๊ซ วิ่งสุดฝีเท้ามาหาผมด้วยแววตาตกตะลึง แวบแรกเหมือนคนตกใจแต่ลึกลงไปในดวงตาสีครามคู่นั้นคือความโศรกเศร้า เขาอุ้มผมขึ้นมาและรับรู้ได้ทันทีเมื่อหยาดน้ำตาสัมผัสโดนแผลที่แก้ม ผมไม่สามารถขยับร่างกายได้แต่ยังคงรับรู้ทุกสิ่งเหมือนคนปกติ ร่างของบรู๊ซสั่นไปหมด. “ผมยังไม่ตาย” ผมได้แต่ร้องในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อความรู้สึกเกินจะทนได้ บรู๊ซ ทรุดเข่ากับกองเลือด เขากอดผมแน่นจนรู้สึกถึงสายฝนกระหน่ำจากดวงตาหม่นหมอง ผมไม่เคยเห็นเขาเสียใจเท่านี้มาก่อน ไม่เคยรับรู้ว่าตนนั้นสำคัญกับอีกคนขนาดไหน แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราอาจทำสิ่งแย่ๆต่อกันอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่นึกจะเกลียดกันจริงๆสักครั้ง เสียงคร่ำครวญเล็ดลอกออกมาเป็นระลอกไม่แยแสว่าใครจะได้ยิน ไม่ละอายแม้ต้องอ่อนแอถึงขีดสุดเหมือนคนไร้สติ น้ำตาของผมไหลออกมาเป็นหยดเล็กๆ เมื่อความรักและคำขอโทษพรั่งพรู ผมพยายามจะขยับปากแต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมก็รักคุณเช่นกัน ทุกอย่างเริ่มพล่ามัว ชั่วขณะสุดท้ายที่จำได้คือ ริมฝีปากแสนวิ้งวอนคู่นั้นแนบสนิทลงบนกลีบแดงฉานช้ำเลือดของเจ้าชายนิทราผู้ไม่มีวันตื่น
รู้ตัวอีกทีก็พบกับความเดียวดายที่ดำมืดน่ากลัว รอบตัวแคบไปหมด ผมกำลังนอนอยู่ในโล่งศพ ผมตะโกนร้องเรียกชื่อบรู๊ซอย่างสุดเสียง เรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่าหวังเหลือเกินว่าเขาจะได้ยินและขุดผมขึ้นมาพบแสงสว่างอีกครั้ง แต่ยิ่งเรียกก็ยิ่งมีแต่ความเงียบ ผมร้องจนไม่มีเสียงอีกแล้ว คอแห้งจนแสบไปหมด ไม่รู้วันรู้เดือนที่ผ่านไป รู้แต่ผมจะต้องรอดให้ได้ผมจะต้องออกไปจากที่นี้เพื่อไปหาบรู๊ซ ผมดิ้นสุดชีวิตใช้เล็บขูดไปตามฝาโลงจนเล็บหลุดออกมาเป็นแผ่น ใช้แรงที่เหลือแหวกว่ายผ่านดินเย็นชื้นขึ้นสู่อากาศสดชื่น นอนหอบหายใจไร้เรี่ยวแรง ผมค่อยๆลุกขึ้น ฝืนร่างกายเดินต่อไปในสภาพเหมือนซอมบี้ ชุดสูดอย่างดีในตอนตายกลายเป็นเพียงผ้าขี้หลิ่วดีๆของคนเป็น เดินแล้วเดินเล่าจนถึงรั้วบ้านผมปีนป่ายเข้าไปอย่างทุลักทะเลเพียงเพื่อมาพบกับหน้าต่างที่มีเงาของบรู๊ซกำลังนั่งอยู่อย่างเงียบเหงา ผมใจเต้นรัวไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเขาดี เดินเข้าไปแล้วบอกเลยว่าผมยังไม่ตาย หรือ จะเดินเข้าไปกอด หรือจูบสักครั้งเหมือนวันเก่าๆที่เราเคยทำ ผมยิ้มในใจก่อนจะเดินชิดริมหน้าต่างและแอบมองเห็นสิ่งที่ไม่อาจลืม
บรู๊ซ กำลังอยู่กับใครอีกคนที่อายุใกล้เคียงกับผม เด็กชายผมสีน้ำตาลท่าทางฉลาดและร่าเริงคนนั้น เขาดูดีกว่าผมเสียทุกอย่าง พวกเขากำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ทั้งคู่หัวเราะ ดูมีความสุขเสียยิ่งกว่าตอนผมยังมีชีวิตอยู่เสียอีก ผมได้แต่ยืนมองอยู่ยังงั้นนานเป็นชั่วโมง ใจที่เคยสุขล้นกับหายวับไปราวไม่เคยมี เขาและเด็กคนนั้น ทำทุกๆอย่างเหมือนที่เขาเคยทำกับผมไม่มีผิด รอยยิ้มนั้นที่เคยคิดว่ามีแต่ผมที่เคยเห็นกลับถูกย้ำแล้วย้ำเล่าว่าผมกลายเป็นเพียงอดีต เขาลูบผมสีน้ำตาลคู่นั้นอย่างเอ็นดูเหมือนของเล่นใหม่แกะกล่องที่เจ้าของยังหลงใหลไม่หาย ผมมองดูเงาสะท้อนตัวเองในกระจกก็พบแต่ความน่ารังเกียจแผลเป็นมากมายและเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน ผมได้สำนึกตัวเองในวันนั้นเองว่าผมคือตุ๊กตามีชีวิตที่เขาทิ้งไปแล้ว
ผมใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แถวสุสานที่ฝั่งศพตัวเอง ประทั้งชีวิตด้วยอาหารเหลือในถังขยะ หลบนอนตามพุ่มไม้หวังว่าจะมีใครสักคนนำดอกไม้มาเยี่ยมผมบ้างหรือเพียงระลึกได้ว่าเคยมีผมอยู่บนโลก แต่เปล่าเลยไม่มีอะไรเลยที่คิดฝัน มีเพียงชายจรจัดขี้เมาที่เยี่ยวรดบนหลุมศพจนเหม็นหื้น จนนานเป็นเดือนอย่างหมดหวังผมจึงจากที่นั้นมาอย่างไร้จุดหมาย เดินโซซัดโซเซไปทุกหนแห่ง นั่งลงข้างเสาไฟเก่าเพื่อให้คนโยนเหรียญใส่อย่างเวทนา ผมใช้น้ำตาในการดื่มกินและชำระจิตใจที่ไม่เคยทุเลา จนคืนนึ่งบาทหลวงที่อยู่ในโบสใกล้ๆก็ได้ให้ความช่วยเหลือผม ให้ชีวิตใหม่แก่ผม และในตอนนั้นผมจึงรู้ได้ว่า พระเจ้าไม่เคยทิ้งพวกเราไปไหน ผมจึงมอบร่างกายและวิญญาณให้ศาสนา ผมกลายเป็นบาทหลวงและออกเทศนาทุกวันอาทิตย์ในโบสเก่าๆแห่งนี้ ใช้ชีวิตด้วยความสงบสุขแม้ยังลืมเรื่องราวที่เห็นเมื่อ หก ปีก่อนได้ แต่ก็ไม่ทรมานอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว และทุกปีที่ครบรอบวันตายของผม ผมก็จะไปสุสานเพื่อนำดอกไม้หลากสีไปอุทิศแด่ชีวิตที่ผ่านมา
ผมเติบโตเป็นชายหนุ่มที่สุขุมขึ้น รู้ว่าตัวเองเป็นใครและทำอะไรได้แล้วในตอนนี้ ผมมักใช้เวลาไปกับการดูแลเด็กๆในสถานอุปถัมภ์ สั่งสอนพวกเขาและช่วยเหลือในทุกเรื่องที่สามารถทำได้ เด็กๆรักผมและผมก็รักพวกเขาเช่นกัน และเหนือสิ่งอื่นได้คือการได้เป็นผู้รับฟังบาปอันดำมืดของผู้คน การนอกใจ ฆาตกรรม ทรยศ ความยโสโอหัง ไม่ไช่เพราะเวทนาพวกเขาแต่เพราะการได้ฟังสิ่งโหดร้ายเหล่านี้มันย้ำเตือนได้ดีว่าผมนั้นโชคดีเพียงใดที่ได้ชีวิตใหม่แบบนี้ ไม่ต้องจรจัดเหมือนสัตว์ไร้ทางสู้อีก ไม่ต้องเป็นของเล่นของใคร ไม่ต้องตกอยู่ในนรกของเขา. ทุกอย่างปกติสุขดี จนถึงวันอาทิตย์วันหนึ่งในเดือนตุลาที่หนาวเหน็บ
ประตูโบสถ์เปิดออกสายลมหนาวลากผ่านริมฝีปากจนสั่นเทา ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเงียบงัน มุ่งตรงไปยังห้องสารภาพบาป ผมจึงเดินตามมาติดๆเข้าไปรับฟังเช่นทุกวัน. เมื่อเสียงนั้นเอ่ยออกมาผมถึงกับหัวใจแถบหยุดเต้น บรู๊ซ ….. ลมหายใจอบอุ่นของเขาผมสัมผัสได้แม้จะมีหน้าต่างไม้กันอยู่ก็ตาม บรู๊ซ เริ่มเล่าเรื่องชีวิตในแรกเริ่มของเขา โทมัสและมาธ่า เวย์น การตายในตรอกมืดคนนั้น แผลแรกในชีวิตที่ไม่จางหาย ผมตั้งใจฟัง จดจำทุกถ่อยคำของชายผู้น่ารันทดคนนี้ ผมกำมัดแน่นฝืนทนฟังให้จบไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น และนั้นเป็นครั้งแรกในรอบหก ปี ที่ผมได้เจอเขาอีกครั้ง และทุกอย่างก็เริ่มวนซ้ำ บรู๊ซ กลับมาสารภาพบาปในทุกวันอาทิตย์ จากแรกเริ่มเพียงไม่กี่นาที เริ่มยาวนานเป็นชั่วโมง และชั่วโมงกลายเป็นนิจนิรันในใจของผม ครั้งที่สองเขาเล่าเรื่อง การทะเลาะกับอัลเฟรดตอนเด็กๆและการตามหาคนที่ฆ่าโทมัสและมาร์ธา. ครั้งที่สาม เขาเริ่มเปิดเผยตัวเองว่าเขาออกไปทำอะไรในยามค่ำคืนและความผิดพลาดจนอัลเฟรดเสียชีวิตและทุกสิ่งที่เขาเพียรทำมาเนิ่นนานกลับไร้ความหมาย บรู๊ซ เลิกเป็น แบทแมน และใช้ชีวิตอย่างฝันร้ายในทุกวัน
ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเป็นกิจวัตร เขาเล่าทุกอย่างให้ผมฟังทีละเล็กละน้อย เหมือนการต่อจิ๊กซอภาพขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาอันยาวนาน. เล่าตั้งแต่ความสุขมากล้นจนถึงความทุกข์เกินพรรณนา จนถึงเรื่องของเด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลคนนั้นที่ผมเห็นริมหน้าต่าง. เขาสารภาพหมดเปลือกว่าเขาทำอะไรกับเด็กคนนั้นไปบ้าง เขาเสียใจและพลั้งมือทุบตีหลายครั้งแต่ถึงยังงั้นเขาก็ไม่เคยเสียใจอะไรเท่ากับการที่เขาพยายามเปลี่ยนเด็กชายน่าสงสารคนนั้นให้เหมือนคนรักที่ตายไปแล้วของเขา ไม่ว่าจะบังคับให้ย้อมผมสีดำ สอนให้เลียนแบบน้ำเสียงการพูดของผม ตลอดจนความคิดที่อาจเปลี่ยนแปลงกันไม่ได้เขาก็ฝืนบังคับให้ทำจนเด็กชายคนนั้นกลายเป็นคนวิกลจริตใช้ชั่วโมงยามในโรงพยาบาลบ้าและจบชีวิตด้วยการผูกคอตายในห้องอับเฉา ผมเอามือปิดปากไม่ให้มีเสียงและร้องไห้หนักขึ้น
ผมยังคงไม่ตอบเขาเช่นเคย แม้เขาจะวิงวอนร้องขอความเห็นใจแค่ไหนผมก็ไม่ตอบเขา ทุกครั้งที่มาเขาไม่เคยร้องไห้จนมาถึงตอนนี้ เสียงนั้น คร่ำครวญร่ำร้องปานขาดใจเหมือนในอดีตที่ผมเคยได้ยิน ผมจึงลุกขึ้นและยืนมือเข้าไปในห้องมืดๆนั้น กอบกุมมืออันเย็นจัดคู่นั้น เขายังคงไม่เห็นหน้าผม ผมกำแน่นพยายามโอบอุ้มให้จิตใจของเขาดีขึ้น แม้ผมจะเกลียดเขาแต่ผมก็ยังคงรักเขาไม่เคยปราถนาให้เขาต้องตายทั้งเป็นขนาดนี้
ทันใดนั้นมือคู่นั้นก็ดึงผมเข้าไป ร่างของผมถูกเขากอดแน่น เอวถูกรัดด้วยวงแขนที่คุ้นเคย ผมสวมกอดเขาตอบ แนบใบหน้าสูดดมกลิ่นหอมอ่อนโยนพลั้งเพล้อใช้นิ้วมือซุกไซร้ไปตามไล้ผม มือของบรู๊ซซุกไซร้เข้าไปตามซอกเสื้อและเกะกระดุมออกจนเผยให้เห็นรอยแผลของผม หลงไปกับรสจูบของกันและกัน ผมมั่นใจว่าในนี้มืดมากเขาคงไม่เห็นผมอย่างแน่นอน ผมจึงเริ่มจูบเขาอย่างโหยหาอีกครั้ง เราเริ่มจูบกันอย่างบ้าคลั่งและเนิ่นนาน นิ้วมือเขาลากไล้ผ่านไปตามรอยบาดแผลของผม ผมส่งเสียงครางออกมาอย่างไม่สนใจความผิดบาปครั้งนี้อีกแล้ว ผมจูบลำคอเขาและลากผ่านไปทุกๆส่วนที่รู้ว่าเขาจะชอบ เสื้อผ้าหายไปทีละชิ้นจนหมดสิ้นเหลือเพียงกายร้อนผ่าวและเหงื่อ เราทั้งคู่ต่างแหว่งวิ้นไม่ครบประกอบบิดเบี้ยวด้วยความผิดบาปและอดีตที่กัดกล่อนและพยายามต่อเติมตนเองให้กับส่วนที่ชำรุดไปของอีกคน ทุกอย่างเริ่มถล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆเกินจะหยุดได้อีก ผมเปิดรับทุกการกระทำของบรู๊ซ มันดำเนินไปอย่างอ่อนหวานและนุ่มนวลผมแถบไม่เจ็บปวดอะไรเลยแม้จะเป็นครั้งแรกก็ตาม ร่างของผมอยู่ในตัวเขาและเขาก็อยู่ในตัวผม มันยาวนานและรุ่มร้อนด้วยความรู้สึกประหลาดที่บีบรัดหัวใจของผมจนหายใจเกือบไม่ออก
“ เจสัน กลับไปกับฉันเถอะนะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ลืมอดีตที่ผ่านไป ใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน มีแค่เราเหมือนที่เคยเป็นมา ”
ผมเบือนหน้าหลบ เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้ บรู๊ซเช็ดน้ำตาของผมแต่ดันเป็นน้ำตาของเขาแทนที่ไหล “ ฉันขอโทษ ” ผมมองเห็นดวงตาเขาสีฟ้าครามคู่นั้นมันสะท้อนภาพของผมในวันที่ผมตายในวันที่เขาพึ่งรู้ตัวว่าผมขุดหลุมศพขึ้นมา วันที่ผิดพลาดครั้งใหญ่และใช้ชีวิตตลอด หก ปี คว้านหาผมไปทั่วเมืองเพียงเพื่อมาเจอกันในโบสถ์แห่งนี้ เพื่อมาขอโทษในทุกสิ่ง และไม่อาจคิดฝันให้อีกฝ่ายยกโทษให้ต่อความผิดบาปอันร้ายแรงของเขา บรู๊ซ คุกเข่าต่อหน้าผมด้วยความละอายใจ “ ผมยกโทษให้คุณ ” พร้อมกับพยุงอีกฝ่ายขึ้นกอดอย่างที่เคยคิดอยากทำตอนฟื้นจากความตาย และวิ่งลับหายออกไปจากโบสถ์ด้วยกันยามฟ้าสาง เราทั้งคู่มุ่งตรงออกไปจากก็อตแธม ทิ้งทุกอย่างไว้เป็นอดีตและไม่คิดจะกลับมาอีก ผมจ้องมองขอบฟ้าที่เปลี่ยนสีและรู้ดีว่าความหมองเศร้าได้สิ้นสุดลงแล้ว
#ต้องขอโทษคนที่นับถือศาสนาคริสด้วยนะคะ
#วิจารณ์ได้เต็มที่เลยนะจ้าเขียนผิดพลาดอะไรไปบอกได้เลยนะจ้า
#คู่นี้หาอ่านยาก
ความคิดเห็น