ทะเล... - ทะเล... นิยาย ทะเล... : Dek-D.com - Writer

    ทะเล...

    ทำไมคนที่เขาเสียใจ ท้อใจ หรือแม้แต่อักหัก เขาถึงไปทะเลกันนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    629

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    629

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ต.ค. 53 / 00:50 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เราเลิกกันเถอะ

             ………………….

             ………………………

             ……………………………

       

      เสียงสุดท้ายของคนๆนั้น ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของผมอยู่ตลอดเวลา และจากคำพูดนั้นเอง ได้นำพาร่างกายอันอ่อนแรงจากหัวใจที่บอบช้ำของผมมายังสถานที่แห่งนี้

                 

      ที่ๆทุกคนที่ผิดหวัง เศร้าใจ ท้อใจ หรือแม้กระทั่ง อกหัก จะมาที่นี่...

                  ทะเล...

       

      เมื่อก่อน ผมไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมผู้คนที่มีความรู้สึกที่ว่ามาข้างต้นนั้น ถึงได้โหยหาสถานที่แห่งนี้กันนัก แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่เคยประสบพบเจอด้วยตัวเองกระมัง และผมก็ไม่เข้าใจอีกเช่นกันว่า ทำไมผมต้องเดินทางมาที่นี่... ที่ทะเลแห่งนี้เพียงลำพัง พร้อมด้วยกระเป๋าเป้สะพายใบเล็กๆคู่ใจที่ใส่แต่ของใช้จำเป็นสำหรับการนอนค้างในห้องพักที่ราคาไม่สูงมากสักคืน ก็ผมเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดานี่นา...

       

      สิ้นเสียงของเขาคนนั้น พร้อมกับการเดินจากไปอย่างไม่มีวันจะหันหลังกลับมา ผมจำได้ว่าทุกคืน ผมร้องไห้.... และเสียใจกับเหตุการณ์นั้นมากเพียงไร มากพอที่จะทำให้ผมคิดอะไรบ้าๆได้ ครับ... ผมรักเขามาก ผมสามารถทำเพื่อเขาได้ทุกอย่าง ไม่สนว่าใครจะมองว่าผมเป็นพวกบูชาความรักมากมายขนาดไหน นั่นก็เพราะผมทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความรักทั้งหมดที่ผมมี...

       

      สุดท้าย เขาตอบแทนผมด้วยการมีคนอื่น... แต่คงเป็นโชคดีของผมที่เขาเลือกที่จะเดินมาบอกผมเอง วินาทีนั้น ผมไม่สามารถบอกได้เลยว่าความรู้สึกของผมเป็นอย่างไร ร่างกายของผมไม่ตอบสนองตามที่สมองสั่งการ มือและใบหน้าชา น้ำใสๆจากนัยน์ตาก็ไหลเอ่อออกมาจนมองเห็นทุกอย่างตรงหน้าพร่าเลือนไปหมด พร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้าย ผมรู้สึกราวกับว่าถูกตรึงไว้ตรงนั้น ท่ามกลางผู้คนมากมายที่รายล้อม กว่าผมจะรู้สึกตัว เขาก็เดินจากไปพร้อมกับคนอื่นเสียแล้ว

       

      ไม่มีใครแย่งใครได้ มีแต่เราที่ไม่สามารถรักษาเขาไว้ได้ คำพูดจากบทละครเรื่องหนึ่งทางโทรทัศน์ได้ทำให้ผมรู้ และรู้ดีเลยทีเดียว...

       

      ผมไม่โกรธที่เขาไปมีคนอื่น แต่สิ่งนั้นกลับมาทำให้ผมคิดทบทวนกับตัวเองใหม่ การที่เขาจะไปมีคนอื่นคงไม่ใช่ความผิดของเขาฝ่ายเดียว มันอาจจะผิดที่ผมด้วย... ผมอาจจะดูแลเขาน้อยเกินไป หรือไม่... คนใหม่ของเขาอาจจะดูแลได้ดี ให้อะไรๆกับเขาได้มากกว่าผม ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมโกรธ

       

      เพียงแค่ว่า ผมรู้สึกเสียใจมากไปหน่อยเท่านั้นเอง...

       

      ผมใช้เวลาในช่วงเช้าที่ผมเพิ่งมาถึงในการออกสำรวจตามชายหาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนบางตา ฝ่าเท้าสัมผัสกับเนื้อทรายเย็นๆเนียนละเอียด เสียงระรอกคลื่นเล็กๆกระทบฝั่งอยู่เป็นระยะๆ บางครั้งคลื่นน้ำทะเลก็ซัดขึ้นมาสัมผัสกับปลายเท้าผมอย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆพัดพาเอาทรายเนื้อละเอียดที่อยู่บนชายหาดผ่านเท้าของผมลงทะเลไปด้วย ผมรู้สึกได้ถึงแรงดึงกลับกันหนักหน่วงของน้ำทะเลที่บริเวณเท้าของผม จะว่าไปแล้วก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายดีไม่น้อย

       

      หลังจากที่ผมใช้เวลาในการเดินเล่นที่ชาดหาดสักพักหนึ่ง แดดก็เริ่มจัดนั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว ผมเดินขึ้นมาจากชายหาดพร้อมกับหาห้องพักถูกๆและบรรยากาศดีดีสักที่ จนกระทั่งได้ห้องพักติดชายทะเลแห่งหนึ่งซึ่งราคาไม่สูงมากนัก เป็นตึกแถวสี่ชั้นที่อยู่ติดๆกับชายทะเล คุณป้าเจ้าของห้องพักก็ดูจะยิ้มแย้มเป็นพิเศษราวกับว่าวันนี้เพิ่งมีผมเป็นแขกเข้าพักในห้องเป็นคนแรก ว่าแล้วคุณป้าก็เรียกแม่บ้านมาจัดแจงยกของๆผมขึ้นห้องในทันที แต่ผมยกมือขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าปรามแกไว้ เพราะว่าของๆผมมีแค่กระเป๋าเป้ใบเล็กๆเท่านั้นเอง ทำให้หน้าตาของคุณป้าเจ้าของห้องพักดูเศร้าไปเลย

       

      ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงไมตรีจิตที่คนที่นี่หยิบยื่นให้ผม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อย่างน้อยมันก็ช่วยรักษาหัวใจอันบอบช้ำของผมลงได้บ้าง ถึงแม้จะรู้ดีว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ผมเดินขึ้นมาบนห้อง 304 เพียงคนเดียว เมื่อถึงห้องแล้ว ผมก็ทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนุ่มๆที่ทางห้องพักได้จัดเตรียมไว้ให้ มีแม่บ้านแก่ๆคนหนึ่งเคาะประตูทางด้านนอกถามผมว่าต้องการอะไรไหม ผมก็ตอบว่าไม่เอา แกจึงได้เดินกลับลงไป ผมนอนก่ายหน้าผากอย่างอ่อนแรง ปลดกระดุมชุดนักศึกษาออกหนึ่งเม็ดเพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น พลางมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งข้างนอกเป็นระเบียงที่สามารถมองเห็นทะเลได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ผมกำลังคิดว่าจะหาอะไรทำต่อดี เพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ผมก็เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อยืดสีเขียวพร้อมกับกางเกงขาสั้น เดินลงไปข้างล่างเคาท์เตอร์ แล้ววิ่งลงเล่นน้ำทะเลที่อยู่เบื้องหน้าทันที...

       

      ความจริงที่ผมรู้อยู่อย่างหนึ่งตอนนี้คือ การเล่นน้ำทะเลคนเดียวนั้นไม่สนุกเอาเสียเลย ไม่เหมือนกับตอนที่มากับเพื่อนๆเมื่อสมัยจบชั้นมัธยมปลาย ช่วงเวลานั้น ทะเลที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ทำให้พวกเรารู้สึกว่า เรามีกันอยู่เพียงแค่นี้เท่านั้น ทะเลสามารถทำให้เราคิดไปเองได้ต่างๆนานา นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมพวกเราจึงชอบมาที่ทะเลนี่กันเสียจริง ทะเลทำให้เราพวกแสดงออกถึงมิตรภาพที่ดีต่อกัน ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ณ เวลาสั้นๆ ผมยังจำบรรยากาศตอนกลางคืนได้ดีที่พวกเรามานั่งอยู่ริมชายหาด ปักเทียนคนละเล่ม และค่อยๆบอกความในใจของแต่ละคน วันนั้นผมพูดและยิ้มทั้งน้ำตาเลยทีเดียว เสียงคลื่นแรงกระทบฝั่ง ผนวกกับสายลมเย็นที่พัดผ่านพวกเราไปช่างทำให้บรรยากาศดูเศร้าสร้อยไปถนัดตา สุดท้ายพวกเราก็ร้องไห้น้ำตานองหน้ากันทุกคน หากแต่นั่นคือน้ำตาแห่งความปลื้มปิติและความรู้สึกที่น่าใจหาย ทะเลมีอิทธิพลส่งอารมณ์ของพวกเราให้รู้สึกได้ถึงความอ้างว้างและความอบอุ่นได้ในเวลาเดียวกัน

       

      แต่ความรู้สึกในวันนี้มันแตกต่างกันออกไป ผมไม่ได้มากับเพื่อนๆ หากแต่ผมต้องการที่จะลืมใครสักคนหนึ่งให้หมดออกจากหัวใจ และผมก็คิดว่า สถานที่แห่งนี้แหละที่จะสามารถเยียวยาหัวใจของผมได้ แต่ทำไมเมื่อผมเริ่มว่ายออกห่างจากชายฝั่งมากเท่าไหร่ ผมกลับยิ่งรู้สึกอ้างว้างและหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งไกลห่างจากผู้คนมาเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเพียงแค่ตัวเองอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ บางทีถ้าผมดำน้ำลงไปแล้วไม่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอีกเลยก็คงจะดีไม่น้อย แต่ผมคงโง่มากหากทำแบบนั้น ผมอาจจะหายเจ็บได้ก็จริง แต่คนที่เจ็บยิ่งกว่าอาจจะไม่ใช่ผม แต่เป็นคนที่ผมของอนุญาตพวกท่านล้างแผลใจมากกว่า

       

      ผมนอนลอยคออยู่ในทะเลจนกระทั่งเย็น ปล่อยอารมณ์ทุกอย่างให้ลอยไปกับสายน้ำ แม้จะมีเรือบางลำที่มาจอดดูผมแล้วถามว่าผมว่ายังมีชีวิตอยู่รึเปล่าบ้างก็เถอะ พอผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่ควรจะกลับขึ้นฝั่งแล้ว ผมก็พลิกตัวเตรียมจะว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่ง ก่อนที่ผมจะว่ายกลับไป ผมหันหลังกลับมามองยังอีกฝากหนึ่งของทะเล ผมสังเกตเห็นถึงประกายสีทองระยิบระยับอยู่บนผืนน้ำ ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่สีแดงชาดที่เหลือเพียงครึ่งดวงซึ่งราวกับว่ากำลังจะจมลงไปในน้ำ เส้นขอบฟ้าสีส้มสวยทอดผ่านตลอดแนวตามเท่าที่สายตาของผมจะสามารถมองเห็นได้หมด สมองของผมพยายามที่จะเก็บรวบรวมภาพความประทับใจเหล่านั้นให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมรู้สึกเสียดายที่ผมไม่ได้นำกล้องติดตัวมาด้วย ไม่เช่นนั้นผมคงได้เก็บภาพอันงดงามนี้ไปฝากเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัยแล้ว

       

      ผมเดินขึ้นมาบนชายหาดด้วยสภาพเปียกปอน ท้องของผมก็เริ่มร้องเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าผมคงต้องหาอะไรรับประทานสักอย่างแล้ว ผมเดินกลับไปยังที่พักเพื่อขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ลงมาที่หน้าเคาท์เตอร์ด้วยเสื้อผ้าฝ้ายบางๆสีขาวกับกางเกงเลที่ทึมๆ ผมเดินไปยังผับแห่งหนึ่งซึ่งเป็นผับสไตล์คันทรี่ มีดนตรีที่บรรเลงด้วยกีต้าร์โปร่งตัวเดียวที่ฟังแล้วรู้สึกสบายหู ผมสั่งข้าวผัดปูกับน้ำส้มมากินเนื่องด้วยเงินทุนอันน้อยนิดของผม พลางหาเรื่องคุยกับบาเทนเดอร์ที่อยู่ในบาร์อย่างเรื่อยเปื่อย ถ้าผมมีเงินมากกว่านี้สักนิด ผมคงจะสั่งเหล้ามากินจนเมาแอ๋ เพื่อที่จะลบภาพของคนๆนั้นที่ยังคงติดอยู่ในหัวผมตลอดเวลา แม้กระทั่งในตอนนี้ แค่คิดถึงเขา.... ผมก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า ข้าวทุกเม็ดช่างกลืนยากเสียเหลือเกิน ให้ตายสิ... ผมกำลังร้องไห้ให้ลุงบาเทนเดอร์เห็น เขายื่นกระดาษทิชชู่ให้ผมมาซับน้ำตา ผมรับมาซับอย่างอายๆ พลางเบือนหน้าหนีไปยังเวทีที่กำลังมีการแสดงดนตรีด้วยกีต้าร์โปร่งตัวเดียวอยู่ ดนตรีบรรเลงเพลงฟังสบายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีสาวสวยผมสั้นคนหนึ่งขอเป็นคนขึ้นไปเล่นดนตรีเอง ลุงหนวดที่สวมเสื้อคล้ายๆเพื่อชีวิตก็ยื่นกีต้าร์โปร่งให้เธอด้วยความเต็มใจ เธอคว้ากีต้าร์จากคุณลุงอย่างมั่นใจพร้อมกล่าวอารัมภบทสักเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มบรรเลงเพลงที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากสำหรับผม

       

                  ชีวิตคือความไม่แน่นอน.... ก็เหมือนละครในแต่ละตอนที่เปลี่ยนไป

                  สุขได้ไม่นาน เดี๋ยวมันก็ทุกข์ใจ มียิ้ม มีร้องไห้ มีปวดร้าว

       

      เสียงของผู้หญิงคนนั้นช่างบาดลึกเข้าไปในหัวใจอันบอบช้ำของผมได้อย่างร้ายกาจ จู่ๆน้ำใสๆในตาก็ไหลคลอเบาๆไปตามจังหวะเพลง ถึงมันจะไม่ใช่เพลงประเภทตอกย้ำหรือซ้ำเติมใดใดก็ตาม แต่มันก็ทำให้ภาพวันเวลาดีๆที่ผมกับเขาอยู่ด้วยกันสองคนไหลวนเข้ามาทำร้ายจิตใจของผมอยู่เป็นระยะๆ

                 

                  ไม่เห็นต้องโทษตัวเอง ไม่มีใครสมน้ำหน้า

                  วันนี้แค่เสียน้ำตาเดี๋ยวไม่ช้าก็หาย

      อย่างน้อยที่เรายังเจ็บแปลว่าเรายังหายใจ

      ยังมีวันเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน

       

      ชีวิตยังเป็นของของเรา

      ที่ไม่มีใครมาพรากออกไปได้ทั้งนั้น

      ใครเขาไม่รักเราไม่ต้องกลัวไม่ต้องหวั่น

      พรุ่งนี้จะยิ้มให้ตัวเราเอง...

                  ใครเขาไม่รักเรา ไม่ต้องกลัวไม่ต้องหวั่น

                  พรุ่งนี้จะยิ้มให้ตัวเราเอง….

       

      สิ้นเสียงของหญิงสาว ก็ตามมาด้วยเสียงปรบมืออย่างล้นหลามของคนในผับ รวมถึงผมด้วย ผมยิ้ม แล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร น้ำตาของผมไหลอาบสองแก้ม ทำไมผมถึงได้เป็นคนที่อ่อนไหวขนาดนี้นะ ผมเดินออกไปที่หน้าประตูร้าน จ่ายเงินให้แคชเชียร์ แล้วเดินออกไปยังโลกภายนอก ผมเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย แล้วก็ไปนั่งลงอยู่ที่ริมชายหาดเพียงคนเดียว ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว รอบกายไม่มีใครเลย นอกจากผม พร้อมกับความเศร้าที่กัดกินหัวใจของผมอย่างสนุกสนาน ผมร้องไห้หนักขึ้น ลมก็พัดแรงทำให้ผมรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว ผมนั่งกอดเข่าตัวเอง ผมแพ้... ผมปล่อยให้ภาพวันเวลาดีดีเหล่านั้นตามกลับมาหลอกหลอนผมอีกจนได้ ผมส่งเสียงร้องไห้อย่างสุดจะทน เสียงคลื่นที่กระแทกชายฝั่งอย่างไม่ปราณียังพอช่วยกลบเสียงแห่งความขมขื่นในใจผมลงไปได้บ้าง แต่นั่นก็ไม่ทำให้ภาพต่างๆเหล่านั้นหยุดวนเวียนในหัวของผมเสียที

                  เฮ้ย วิกรม นั่นนายรึเปล่าวะ!”

              …………….

      …………………..

       

      เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังของผม ผมหยุดชะงัก ปาดน้ำตาที่ไหลนองหน้า แล้วหันไปยิ้มทักทายกับเสียงนั้น ผมมองไม่เห็นหน้าเจ้าของเสียงนุ่มๆทุ้มๆของผู้ชายคนนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าผมร้องไห้หนักไปหน่อย เจ้าของเสียงเริ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน อาจจะเป็นเพราะว่า ผมไม่มีแรงที่จะขยับหนีไปไหนอีกแล้ว...

       

                  นี่กัณฑ์อเนกเอง จำเราได้รึเปล่า?

       

      ว่าแล้ว เขาก็นั่งลงข้างๆผม เมื่อผมสามารถปรับสายตาได้ ผมจึงแน่ใจได้เลยว่าเป็นเขาจริงๆ กัณฑ์อเนก เพื่อนสมัยมัธยมของผมที่เป็นตัวต้นคิดพาผมมาเล่นน้ำทะเลที่นี่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ เขาดูเปลี่ยนไปมาก หน้าตาที่ดูแสนจะอบอุ่นของเขานั้น เมื่อต้องกระทบกับแสงจันทร์ในคืนเงียบเหงาแบบนี้แล้วดูดีขึ้นมาก เรียกได้ว่า ผู้ชายแบบกัณฑ์อเนกเนี่ยแหละ คือคนที่สาวๆใฝ่ฝันอยากได้ไปครอบครอง

       

      กัณฑ์อเนกเอื้อมมืออันอ่อนโยนมาแตะไหล่ผม พร้อมกับถามว่าทำไมผมถึงมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ ผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังว่าผมเจออะไรมาบ้าง เขาก็รับฟังด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่สายตานั้นเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจและเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเล่าจบ กัณฑ์อเนกก็ลุกขึ้นยืน พร้อมก็หยิบเอาทรายเนื้อละเอียดขึ้นมาด้วย

                 

      นายรู้ไหม ว่าทำไม เวลาคนที่เขาเสียใจ ท้อใจ หรืออกหักแบบนาย เขาถึงเลือกที่จะเอาความทุกข์เหล่านั้นมาโยนทิ้งลงทะเลผมส่ายหน้า เขาค่อยๆปล่อยทรายที่อยู่ในมือค่อยๆร่วงหล่นลงไปบนพื้นชายหาด ระลอกคลื่นก็ซัดขึ้นมากวาดเอาทรายที่เขาเพิ่งเทลงไปเมื่อครู่ลงสู่ทะเลไป เพราะเขาเชื่อว่า ความทุกข์ที่ทิ้งลงทะเลไป จะไม่กลับมาทำร้ายเขาอีกเป็นครั้งที่สอง...

       

      อาจจะจริงอย่างที่กัณฑ์อเนกบอก ความทุกข์ของผมอาจจะเปรียบได้เหมือนกับเม็ดทรายเล็กๆที่มากมาย ซึ่งผมก็ถือเอาไว้อยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่รู้ตัว โดยที่บางครั้ง มันอาจจะมีเศษแก้วบาดมือเราให้เจ็บปวด หรืออาจจะปลิวว่อนเข้าไปในจมูกทำให้เราหายใจไม่ออก ระคายเคือง หรือแม้กระทั่งน้ำตาไหล... แต่เมื่อผมตัดสินใจที่จะเทมันทิ้ง ก็จะมีน้ำทะเลที่เกิดจากคลื่นกระแทกฝั่งไหลมารองรับ และกวาดเอาความทุกข์เหล่านั้นลงทะเลไป และต่อให้คลื่นพยายามที่จะวิ่งเข้าหาฝั่งอย่างไร มันก็ไม่มีทางเอื้อมถึงฝั่งได้เลย...

       

      ทะเลอาจจะทำให้เรารู้สึกอ้างว้างได้บ่อยครั้ง แต่มันก็ทำให้เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง รู้ว่าอะไรที่เราควรทำ ไม่ควรทำ อะไรที่ควรคิดถึง ไม่ควรคิดถึง เขากล่าวต่อ ผมเงยหน้ามองดูใบหน้าของเพื่อนหนุ่มที่ส่งสายตาทอดยาวออกไปไกลถึงโพ้นทะเล ใช่แล้ว คนเรามักฉลาดเสมอในเรื่องของการหลอกตัวเอง หลอกว่าตัวเองเข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่พอเมื่อไม่มีคนอื่นให้แสดงความเข้มแข็งออกมาแล้ว กลับอ่อนไหวอย่างน่าสังเวชใจ อาจจะเหมือนผมในตอนนี้ ผมรับสภาพตัวเองในตอนนี้ไม่ได้จริงๆทั้งๆที่ผมพูดกับคนอื่นเสมอว่าผมไม่เป็นอะไร แต่พอผมได้อยู่คนเดียว ได้ใช้เวลากับตัวเองคนเดียวจริงๆสักที ผมกลับยอมรับความอ่อนแอในใจของผมไม่ได้

       

      สิ่งที่นาย หรือเราหลายๆคนทำนั่นคือการหนีปัญหา ทั้งๆที่ปัญหามันไม่ได้หนีไปไหนเลย แต่มันกลับฝังตัว หยั่งรากลึกอยู่ในจิตใจของเราตลอดเวลา กัณฑ์อเนกหันมาทางผม ผมสะอื้นไห้ จริงๆแล้ว ทะเลไม่ได้ช่วยให้เราหายเจ็บได้หรอก แต่สิ่งที่ทำให้เราหายเจ็บได้จริงๆ ก็คือหัวใจของเราเองมากกว่านะ  

       

      ผมยืนขึ้น ปาดน้ำตาอีกสองครั้ง ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วหล่ะ ทะเลมันมีความหมายในตัวของมันที่ดึงดูดให้ทุกๆคนที่ต้องการหนีเรื่องวุ่นวายต่างๆในชีวิตมาที่นี่ อาจจะไม่ใช่แค่ในกรณีของผมเท่านั้น ทะเลมันก็เป็นทะเลของมันอยู่อย่างนั้น มันไม่ได้ทำให้ความเศร้าของเราลดลงไปได้เลย แต่การที่เราได้ใช้เวลาอยู่เพียงลำพัง ใช้ประโยชน์จากความเวิ้งว้างและกว้างใหญ่ที่บีบตัวเราเองให้เล็กลงเท่ามดตัวนิด ทำให้เรารู้สึกราวกับว่าอยู่ตัวคนเดียว ทั้งๆที่มีสิ่งต่างๆมากมายอยู่รอบกายเรา นั่นกลับทำให้เราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ศึกษาหัวใจตัวเอง ใช้เวลาพูดคุยกับคนที่เราอยู่กับเขาตลอดเวลาซึ่งนั่นก็คือตัวของเราเอง นั่นแหละคือสิ่งที่ทะเลสอนเราได้อย่างแนบเนียน และกลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนอยากจะมีโยนความเศร้าทั้งหลายๆทั้งปวงลงทะเลไป โดยหวังว่า มันจะไม่กลับมาหาเราอีกเป็นครั้งที่สอง

       

      กัณฑ์อเนกยิ้มให้ผมเมื่อเห็นว่าผมเริ่มคิดอะไรได้บ้างแล้ว เขายื่นมือขนาดใหญ่แต่อ่อนนุ่มมาขยี้หัวผมจนยุ่ง ผมก็ขู่กลับว่าจะวิ่งไล่เตะเขา ทำให้กัณฑ์อเนกออกวิ่งหนี โดยมีผมไล่ตามอยู่เป็นระยะๆ ความรู้สึกของผมนับว่าได้รับการเยียวยาอย่างถูกจุดจริงๆ ผมเริ่มหัวเราะ ยิ้ม หลังจากที่ผมเสียใจกับเรื่องของคนๆนั้นอยู่นาน ภาพของเขาเริ่มจางหายไป แต่ก็อาจจะมีบางครั้งที่มันก็วิ่งเข้ามาในหัวของผมอย่างช่วยไม่ได้ ผมรู้ดีว่าการลืมใครสักคนต้องใช้เวลา แต่การจมอยู่กับกองทรายแห่งความเศร้าโศกโดยที่ไม่ปล่อยให้น้ำทะเลพัดพามันไปบ้าง ก็อาจจะทำให้เราเจ็บปวดจากเศษแก้วที่ซ่อนอยู่ไปมากกว่านี้ ผมเชื่อมั่นว่าสักวัน ภาพของเขาก็จะต้องถูกลบเลือนออกไปจากความทรงจำของผม แล้วผม ก็จะกลับไปตั้งใจเรียนหนังสือให้จบได้ดังเดิม...

       

      เราสองคนวิ่งเล่นกันจนเหนื่อยจนกระทั่งเที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมกับกัณฑ์อเนกกลับมานั่งข้างกันตรงใต้ต้นตาลเหมือนเมื่อสมัยเรียนมัธยมด้วยกัน เหงื่อเราทั้งสองคนโทรมกาย ลมทะเลที่พัดผ่านทำให้รู้สึกหนาวไปทั่วทั้งร่าง แต่ในหัวใจกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เสียงลมและคลื่นต่างเริ่มบรรเลงเพลงประสานได้อย่างลงตัว เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจากทะเลแห่งนี้ ผมมองหน้าเพื่อนของผมที่ทำท่าสะลึมสะลือเหมือนจะหลับ แต่ก็หันกลับมายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ผมรู้สึกดีที่มีเขาปลอบใจอยู่ข้างๆในวินาทีนี้ รอยยิ้ม ท่าทางและสีหน้าของเขา ดูช่างมีความหมายเสียเหลือเกินสำหรับผมในตอนนี้

                 

      กัณฑ์.... แล้ว แกมีแฟนแล้วรึยังวะ?

       

      บางทีนะ.... ความรักครั้งใหม่ของผม อาจจะเริ่มต้นขึ้นในเร็วๆนี้แล้วก็ได้

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×